มีเรื่องอยากถามทุกท่านเกี่ยวกับกสิณครับ

- - เออ ผม งง ไปหมดเเล้ว

 

ถ้าอย่างนั้นก็อย่าสนใจตำราอย่าสนใจสิ่งภายนอก

ให้รักษาที่จิตและนิมิตกสิณอย่างเดียว เพราะการลังเลสงสัยเป็น นิวรณ์

 

เชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ตัวคุณ อิอิ

 

จริงๆ...แล้วการฝึกกสิณไฟนั้น......เขาไม่ให้ฝึกกับเทียนนะครับ.....เพราะมันเป็นกสิณโทษ.......

เข้าให้จุดไฟแล้วตัดกระดาษวงกลมไปบัง......แล้วเอาเฉพาะไฟที่เป็นสีเหลืองที่ไม่มีอะไรปน.....เอาตรงนั้นเป็นนิมิตกสิณ......

เทียนมันโดนลมพัดได้ง่าย.....คือจิตมันจะนิ่งยากถ้าไม่อยู่ในห้องที่สงบจากลม....แต่ถึงแม้ว่าห้องที่ไม่มีลมแสงเทียนก็ใหวนะ......ตรงนั้นท่านว่าจะจับเป็นนิมิตยาก...เพราะมันไม่แน่นอน.......กสิณโทษมีอาการอีกอย่างนะ....เนื่องจากเพ่งนานๆจับเป็นนิมิตไม่ได้ไม่คงที่.....จะทำให้เวียนหัว.....อยากอวก.......นะครับ......

แต่ถ้าไม่ต้องการที่จะฝึกกสิณที่เจริญไปในฌานระดับลึกๆ....เพียงแค่ต้องการความสงบชั่วคราว......ผมก็เคยทำนะ...คือเพ่งทั่วไปแล้วสก็สงบบ้างมองดูความเคลื่อนใหวบ้างก็ไม่คิดต่อ......กับเทียนผมไม่จะไม่ไปจับเจริญฌาน......

เพ่งเทียนระวังเทียนแตกนะครับ......เสียงที่ดังในจิตมันยิ่งกว่าฟ้าผ่าอีกนะ.....ระวังนะครับ.....แต่ถามผมว่าแนะนำไม.....ผมไม่แนะนำครับ.....

 

ขอบคุณคุณภานุเดช มาครับ

 

ในเมื่อ ค้าน เพื่อทำลายคำสอน หลวงพ่อ ทำไม ต้องเอาหลวงพ่อ มาเป็น ลายเซ็น ด้วย ไม่เข้าใจ
คนอื่นค้าน เพราะไม่รู้ แต่คนรู้ ค้าน หมายความว่าไง .. หรือท่านไม่รู้ จริง ๆ อิอิ

ฟังซะ ตัดมาแค่สั้น ๆ ถ้าเป็นลูกศิษย์จริง ขอขมา หลวงพ่อซะ

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1110388/[/MUSIC]​

 

ผมศรัทธา และเชื่อ คำสอน ของหลวงพ่อ ครับ

 

อ้าว กสินโทษ หมายถึง อยากอวก เหรอคะ การหลับตาจำภาพ ภาพยังไหวอีกเหรอคะ
แล้วเรื่องเทียนแตก มาจากใหนคะ และอาการเป็นอย่างไรคะ เพราะศึกษามา ในวิสุทธิมรรค ยังไม่เคยเจอค่ะ เคยได้ยินพวกเรื่องผีเข้าเจ้าทรง คุยกันเหมือนกัน มีเทียนแตก ขันธแตก ทำนองนี้

 

ลองเลยครับ......อย่าไปอ่านแต่ตำราอย่างเดียว....ตำรามีไว้ศึกษาไม่ได้มีไว้ให้กอด.......หนังสือที่คุณกล่าวผม.....ผมศึกษาจนจะปรุแล้วครับ.....

โมทนาด้วยนะครับกับเจตนาที่ที่ที่จะรักษาเนื้อเดิมเอาไว้......แต่เหนือสิ่งใดคือท่านต้องทำได้ตามนั้น...

 

อย่างไรถ้าท่านเจ้าของกระทู้ได้ผ่านเข้ามาในที่นี่อีกครั้ง.....

ผมโมทนาด้วยนะครับ.......แต่ถ้าจะให้ผมแนะนำอีกครับ.....ผมแนะนำให้ท่านศึกษาเรื่องกสิณนี้จากครูบาอาจารย์จริงๆ......แล้วท่านก็ไปทำเอาเลยครับ......เพราะว่าท่านจะได้จริงๆ...และท่านจะเข้าใจด้วยตนเอง.......เนื้อหาที่โพสในนี้...บ้างก็จริง.....บ้างก็ไม่จริง......บ้างก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว.......จะเอาแน่เอานอนนั้นก็อาจไม่แน่นัก...ถ้าท่านชอบกรรมฐานกองนี้จริง.....ศึกษาแล้วทำไปเลยครับ.....ท่านจะรู้เอง.....

เป็นกำลังใจให้ปฏิบัติ.......ท่านอย่าเชื่อผม...หรือใคร.......จนกว่าท่านจะได้ทำเอง.....

 

ต้องขออภัยหากกล่าวไว้โดยไม่อธิบาย คำว่า เทียนแตกนั้น เป็นภาษาปฏิบัติ อีกคำหนึ่ง.....

แปลว่า เปลวไฟของเทียนแตกครับ.....อย่างถ้าอยู่ป่าหรืออะไรก็ตาม...ที่เทียนของเรามันไม่สะอาดถ้าเราไปจุดนี่เศษฝุ่นหรือสัตว์ที่บินมาตอมแล้วตายพอมันเลื่อนไปที่ใส้เทียน...ไฟใหม้แล้วมันจะเกิดเสียง แล้วเปลวเทียนก็จะดิ้นไป....ตรงนั้นหละครับ...เป็นอันตราย...และเป็นความหมายตามที่ผมกล่าว....ผมไม่ได้หมายถึง แท่งเทียนแตกนะครับ........อันนั้นมันเกินไป....

 

ผมขอแนะนำน้องdota นะผมเคยเพ่งเทียนมาก่อนช่วงปฎิบัติใหม่ รู้สึกกายร้อนผ่าว ตามในหนังสือว่าจริงๆ แต่ผมรู้สึกว่ายังไม่พร้อมเลยต้องเปลี่ยน
แต่ก่อนที่ผมจะทดลองทำได้ศึกษาจากนักปฎิบัติ 3 ท่าน
1.อ.บูรพา ท่านมีความรู้เรื่องการทำกสินให้เกิดฤทธิ์ และอธิบายกสินโทษไว้ว่าผลข้างเคียงมันคืออะไร
2.หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ท่านแนะนำกสินเพื่อตัดกิเลส ผู้ศึกษาและปฎิบัติตามท่าน ไม่ผิดหวังแน่นอน
3. อ.จรูญ วรรณกสิณานนท์ แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าท่านเชี่ยวชาญกสิน สีต่างๆ และท่านยังคงสอน แถมยังพบตัวได้ง่ายมาก การเพ่งมองอะไรกลมๆ นี่ง่ายสุดแล้ว เข้าฌานได้ไว ขอบอก
ทุกท่านออกหนังสือให้ศึกษา และสอนปฎิบัติอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ผู้ฝึกใหม่ควรเลือกตามจริตที่ตัวเองชอบ และสนใจ

 

อนุโมทนาครับ..ผมก็สนใจเพ่งกสิณเหมือนกันครับ แต่ยากไป เลยหัดฝึกนั่งสมาธิดีกว่าเพราะสมาธิทำง่ายไม่ยุ่งยาก พอมีสมาธิแล้วค่อยว่ากัน....แล้วท่านอื่นคิดเห็นยังไงหรือครับ..ผมเพิ่งเคยทำ..อยากจะรู้