หญิงสาวผู้เจริญมรณานุสติจนบรรลุธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หลบภัย, 12 ตุลาคม 2010.

  1. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    พระศาสดาได้ทรงประทานสาธุการทุกครั้งที่นางตอบปัญหาของพระองค์ รวม ๔ ครั้ง และแล้วพระองค์ก็ได้ตรัสกับประชาชนว่า "ท่านทั้งหลาย ท่านมิได้รู้ความหมายอันลึกซึ้งที่ธิดาช่างหูกกล่าวแล้วจึงติเตียน บัดนี้เธอได้อธิบายจนแจ่มแจ้งแล้ว เราสาธุการต่อคำตอบของเธอ คำตอบนั้นถูกต้อง บุคคลผู้มีจักษุพิจารณาแล้วย่อมเห็นตาม" พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า "โลกนี้มืดยิ่งนัก สัตว์โลกส่วนใหญ่เป็นผู้มืดบอด มีน้อยคนที่มีปัญญาเห็นแจ้ง และมีคนจำนวนน้อยที่ไปสวรรค์ เหมือนนกที่ติดข่ายแล้ว ที่รอดพ้นจากข่ายของนายพรานได้นั้นมีน้อยนัก

    โลกนี้มืดยิ่งนัก มืดอยู่ด้วยอวิชชาและความหลงผิด หาใช่ความมืดของอากาศโลกไม่ แต่หมายถึงสัตว์โลก สัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในโลก เขาอยู่ในความมืดจนเคยชินกับความมืดนั้น แต่เมื่อใดเขาค่อยๆ เดินออกมาสู่แสงสว่างทีละน้อยๆ กระทั่งได้รับแสงสว่างเต็มที่ เขาจะได้การเปรียบเทียบ จึงรู้ว่าการอยู่ในความมืดนั้นเป็นความทรมาน เป็นการเสี่ยงต่ออันตรายอันน่าหวาดกลัว และการอยู่ในที่ใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสว่างนั้นเป็นความผาสุข มีอันตรายน้อย มีโอกาสเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงได้มากกว่า เป็นที่น่าเสียดายว่ามีคนเป็นจำนวนน้อยที่มีปัญญาเห็นแจ้งว่าอะไรเป็นอะไร ความจริงก็พอจะรู้บ้างว่าอะไรควรเว้นอะไรควรทำ แต่อะไรเล่าที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความมืด อะไรเล่าที่ทำให้เขาต้องทนทรมานอยู่ในข่ายคือโมหะ อาจเป็นเพราะเขาประมาทมัวเมาเกินไป อาจเป็นเพราะเขาเห็นคุณค่าของธรรมะน้อยเกินไป หรือเพราะไม่อาจทนต่อสิ่งเร้าอันยั่วยวนต่างๆ ได้" เมื่อจบพระธรรมเทศนาของพระศาสดา ธิดาช่างหูกได้บรรลุโสดาปัตติผล พระธรรมเทศนาได้มีประโยชน์แก่มหาชนเป็นอันมาก ธิดาช่างหูกถวายบังคมพระศาสดาแล้วรีบไปสู่สำนักของบิดา ณ โรงทอผ้า
    ขณะนั้นนายช่างหูกผู้เป็นบิดานั่งหลับอยู่ นางมิได้ดูให้รู้แน่ว่าบิดาหลับอยู่หรือตื่นอยู่ จึงสอดด้ายหลอดเข้าไป ด้ายหลอดนั้นได้กระทบปลายเฟืองเสียงดังแล้วตกไปเบื้องล่าง นายช่างหูกตื่นขึ้นกระชากปลายหูกกลับมากระทบกับหน้าอกของธิดาสาวโดยแรง นางได้ถึงกาลกิริยาทันที นายช่างหูกได้เห็นลูกสาวมีสรีระทั้งสิ้นแดงฉานด้วยเลือดและสิ้นใจเสียแล้ว ก็เสียใจมาก คิดว่า "ความโศกของเราครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ใครเล่าจักดับได้นอกจากพระศาสดา" จึงคร่ำครวญมีหน้าชุ่มด้วยน้ำตาไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลว่า "พระองค์ผู้ประเสริฐ ขอพระองค์ทรงช่วยยังความโศกของข้าพุทธเจ้าให้ดับด้วยเถิด" พระศาสดาทรงปลอบนายช่างหูกว่า อย่าเศร้าโศกเลย ในสังสารวัฏอันมีเบื้องต้น และเบื้องปลาย อันบุคคลไม่อาจรู้ได้นี้ น้ำตาของผู้ที่หลั่งออกมาในเพราะมรณกรรมแห่งปิยชนที่รัก มีธิดาเป็นต้นนั้น มีประมาณยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก
    ดูก่อน เปสักกะ ท่านจงบรรเทาความโศกเสียเถิด สังสารวัฏอันยาวนานนี้ระดะไปด้วยความทุกข์นานาประการ สุดที่ใครจะกำหนดได้ เช่น ความทุกข์ในการแสวงหาอาหาร ความทุกข์เพราะความป่วยไข้ ความทุกข์เพราะความชรา ความทุกข์เพราะการวิวาทกัน ความทุกข์เพราะกิเลสเผาผลาญ ความทุกข์เพราะพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเริงใจ ความทุกข์เพราะไม่ได้สัดและสังขารตามปรารถนา และความทุกข์เพราะต้องบริหารขันธ์คือร่างกาย อันเป็นเหมือนกับเด็กอ่อนอยู่เสมอนี้ ดูก่อน เปสักกะ ทางแห่งสังสารวัฏเป็นทางที่น่ากลัว เพราะมีภัยต่างๆ เสมือนบุคคลที่หลงเข้าสู่ป่าลึก ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด จึงควรหาทางออกจากป่าคือสังสารวัฏนี้ เราตถาคตได้เดินทางออกจากสังสารวัฏแล้ว และชักชวนคนทั้งหลายให้เดินทางออกด้วย
    บัดนี้ ธิดาของท่านได้สำเร็จโสดาปัตติผลแล้ว ได้เห็นทางออกจากสังสารวัฏแล้ว เธอมีคติที่แน่นอนไม่ตกต่ำ ท่านเบาใจเสียเถิด" นายช่างหูกนั้น สดับพระพุทธพจน์อันมีเหตุผล บรรเทาความโศกได้แล้ว ได้ขอบรรพชาอุปสมบท ไม่นานนัก ได้สำเร็จอรหันต์ผล เป็นพระอรหันต์


    ลีลากรรมของสตรีสมัยพุทธกาล
    บทประพันธ์ ของ อ.วศิน อินทสระ
    เสียงอ่านโดย มนัส ทองเพชรนิล

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1175075/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    ขออนุโมทนาอีกครั้งที่สละเวลา พิมพ์ธรรมดีดี ให้สหายแห่งธรรมได้พิจารณากันอย่างแยบยล ไม่รู้ใช้ภาษา ถูกไหม ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยค่ะ
     
  3. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ธรรมบทนี้หลบภัยไม่ได้ถอดเทปหรอกค่ะ
    ตอนแรกตั้งใจจะถอด แต่มาเจอ ซึ่งผู้มีความศรัทธาเขาถอด
    และเรียบเรียงไว้แล้ว หลบภัยเอามาถ่ายทอดต่อไปเฉยๆ ค่ะ
    ถ้าถอดเอง จะระบุทุกครั้งค่ะ ภาษาไม่สวยเท่าไรค่ะ
     
  4. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    เคยสงสัยเหมือนกัน ว่าธรรมใดจะทำให้ตัวเองบรรลุธรรมได้
    ธรรมใดที่จะทำให้ตัวเองปล่อยวางโลกได้
    เพราะความอยากจะรู้ นั้นมาก ถ้าไม่รู้คงวางไม่ได้..


    พระศาสดาตรัสถามปัญหากะธิดาช่างหูก

    ...ในขณะที่นางกุมาริกานั้นถวายบังคมพระศาสดาผู้ประทับนั่งนิ่งในท่ามกลางบริษัทเห็นปานนั้นแล้ว ยืนอยู่นั่นแล

    พระศาสดาตรัสกะนางว่า "กุมาริกา เธอมาจากไหน?"
    กุมาริกา. ไม่ทราบ พระเจ้าข้า.
    พระศาสดา. เธอจักไป ณ ที่ไหน?
    กุมาริกา. ไม่ทราบ พระเจ้าข้า.
    พระศาสดา. เธอไม่ทราบหรือ?
    กุมาริกา. ทราบ พระเจ้าข้า.
    พระศาสดา. เธอทราบหรือ?
    กุมาริกา. ไม่ทราบ พระเจ้าข้า.
    พระศาสดาตรัสถามปัญหา ๔ ข้อกะนางกุมาริกานั้น ด้วยประการฉะนี้.

    มหาชนโพนทะนาว่า "ผู้เจริญทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงดู ธิดาของช่างหูกนี้พูดคำอันตนปรารถนาแล้วๆ กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ‘เธอมาจากไหน?’ ธิดาของช่างหูกนี้ควรพูดว่า ‘จากเรือนของช่างหูก’ เมื่อตรัสว่า ‘เธอจะไปไหน ?’ ก็ควรกล่าวว่า ‘ไปโรงของช่างหูก’ มิใช่หรือ?"

    พระศาสดาทรงกระทำมหาชนให้เงียบเสียงแล้ว ตรัสถามว่า "กุมาริกา เธอ เมื่อเรากล่าวว่า ‘มาจากไหน?’ เพราะเหตุไร เธอจึงตอบว่า ‘ไม่ทราบ’".
    กุมาริกา. "พระเจ้าข้า พระองค์ย่อมทรงทราบความที่หม่อมฉันมาจากเรือนช่างหูก แต่พระองค์ เมื่อตรัสถามว่า ‘เธอมาจากไหน?’ ย่อมตรัสถามว่า ‘เธอมาจากที่ไหน จึงเกิดแล้วในที่นี้?’ แต่หม่อมฉันย่อมไม่ทราบว่า ‘ก็เรามาแล้วจากไหน จึงเกิดในที่นี้?"

    ลำดับนั้น พระศาสดาประทานสาธุการเป็นครั้งแรกแก่นางกุมาริกานั้นว่า "ดีละ ดีละ กุมาริกา ปัญหาอันเราถามแล้วนั่นแล อันเธอแก้ได้แล้ว" แล้วตรัสถามแม้ข้อต่อไปว่า "เธอ อันเราถามแล้วว่า ‘เธอจะไป ณ ที่ไหน?’ เพราะเหตุไร จึงกล่าวว่า ‘ไม่ทราบ?’"
    กุมาริกา. "พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบหม่อมฉันผู้ถือกระเช้าด้ายหลอดเดินไปยังโรงของช่างหูก, พระองค์ย่อมตรัสถามว่า ‘ก็เธอไปจากโลกนี้แล้ว จักเกิดในที่ไหน?’ ก็หม่อมฉันจุติจากโลกนี้แล้วย่อมไม่ทราบว่า ‘จักไปเกิดในที่ไหน?’"

    ลำดับนั้น พระศาสดาประทานสาธุการแก่นางเป็นครั้งที่ ๒ ว่า "ปัญหาอันเราถามแล้วนั่นแล เธอแก้ได้แล้ว" แล้วตรัสถามแม้ข้อต่อไปว่า "เมื่อเช่นนั้น เธอ อันเราถามว่า ‘ไม่ทราบหรือ?’ เพราะเหตุไร จึงกล่าวว่า ‘ทราบ?’"
    กุมาริกา. พระเจ้าข้า หม่อมฉันย่อมทราบภาวะคือความตายของหม่อมฉันเท่านั้น เหตุนั้น จึงกราบทูลอย่างนั้น.

    ลำดับนั้น พระศาสดาประทานสาธุการแก่นางเป็นครั้งที่ ๓ ว่า "ปัญหาอันเราถามแล้วนั่นแล เธอแก้ได้แล้ว" แล้วตรัสถามแม้ข้อต่อไปว่า "เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอ อันเราถามว่า ‘เธอย่อมทราบหรือ?’ เพราะเหตุไร จึงพูดว่า ‘ไม่ทราบ?’"
    กุมาริกา. หม่อมฉันย่อมทราบแต่ภาวะ คือความตายของหม่อมฉันเท่านั้น พระเจ้าข้า แต่ย่อมไม่ทราบว่า "จักตายในเวลากลางคืน กลางวันหรือเวลาเช้าเป็นต้น ในกาลชื่อโน้น เพราะเหตุนั้น จึงพูดอย่างนั้น."


    ��ö��� �ط���ԡ�� �ҶҸ����� �š��ä��� �� ˹�ҵ�ҧ��� � �� ��
     
  5. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    มาสนทนากับพี่เต้าเจี้ยว ดีกว่า

    ประโยคนี้เคยสงสัยเหมือนกัน ท่านพระอริยะหลายๆ ท่าน
    ที่บรรลุธรรม ต่างกัน เลยอยากถามว่า เพราะอะไรถึงต่างกันคะ
     
  6. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    บรรลุธรรมโดยวิธีต่างกัน เพราะจริตต่างกัน และอุปาทานต่างกัน

    แตกย่อยเป็นเรื่องปัญญา บารมี ... และเป้าหมาย
    อีกทั้ง สถานการณ์ กาละเทสะ ขณะนั้นๆ ที่มีผลต่อสภาพจิตใจขณะนั้นๆ

    เปรียบเหมือนกรรมหลายๆ อย่าง ที่มาส่งผลแล้วไล่ลดหลั่นกันไป

    อิอิ.. มีคนมาแย่งคอมพ์

    :boo:
     
  7. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    อ่านะ อย่างงี้ การปฏิบัติของแต่ละคน เราก็จะบอกว่าของเราถูก ของคนอื่นผิดไม่ได้ หรือของเราผิด ของเราถูก ใช่ไหมคะ
    ก็แสดงว่า เพราะเรา ต่างอบรม ภาวนามาต่างกัน วิบากก็ต่างกัน

    อ้าวโดนแย่งคอม:':)':)'(ซะแระ
     
  8. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    มารอฟังท่าน ทั้ง2 เสวนาธรรม กัน ขอฟังด้วยน่ะ
    อ้อ พี่อยากรบกวนฟังการปฏิบัติธรรมของ หลบภัยบ้างได้หรือเปล่า เพื่อเป็นความรู้
    ปกติ พี่ไม่ค่อยมีเพื่อนที่จะเสวนาธรรมกันมากเท่าไหร่ หวังว่าจะไม่รำคาญน่ะ
     
  9. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    แย่งคอมพ์กันบ่อย แต่มักจะถูกแย่งตอนกะลังติดพัน ได้ฝึกอารมณ์ไปด้วยจ๊ะ

    อันนี้ความเห็นส่วนตัวค่ะ
    พูดถึงเรื่องข้อธรรมที่ทำให้วางอุปาทานได้ กับวิธีที่เหมาะสมกับจริต
    เรื่องนี้คงไม่ง่ายเหมือนกันนะ แยกได้หลายแง่
    คนที่มาทางปัญญานี่จะเข้าทางอนัตตา พวกนี้ชอบฟังธรรมศึกษาธรรมตรึกธรรม มีข้อธรรมอะไรที่สนใจอยู่ จิตจะตื่นตัวจนถึงสภาวะทิ้งตัวทิ้งตนเหลือแต่ธรรมที่แนบแน่นอยู่ พอทิ้งธรรมที่ยังไม่เที่ยงเมื่อไหร่ก็ถึงสุญญตา
    คนที่มาทางสมาธิ จะเข้าทางทุกขัง ปัญญาเกิดจากการเข้าไปเห็นเข้าไปพบ ถ้าปัญญาทันสมาธิก็วางจิตได้ ปล่อยภูมิที่ละเอียดที่สุดแต่ยังเป็นโลกียสุขไปได้
    คนที่มาทางชอบทำบุญก็จะเข้าทางอนิจจัง เรื่องตัวตนของตนของคนอื่นมีผลต่อศรัทธาพอสมควร หากวางได้ก็เข้าถึงสภาพหนึ่งเดียวกันได้
    ถ้าพูดในแง่อื่นก็คงได้อีก

    อ้างอิง ..หนูหลบภัย
    อ่านะ อย่างงี้ การปฏิบัติของแต่ละคน เราก็จะบอกว่าของเราถูก ของคนอื่นผิดไม่ได้ หรือของเราผิด ของเราถูก ใช่ไหมคะ
    ก็แสดงว่า เพราะเรา ต่างอบรม ภาวนามาต่างกัน วิบากก็ต่างกัน

    ถ้าในกรณีปฏิบัติถูกทั้งคู่ ก็คงเป็นเช่นนั้นค่ะ
    คือถ้าปฏิบัติถูก แนวทางไหนสายไหนก็ได้ ที่ทำให้ตัวเองมีสติ เห็นตัวเอง ปฏิบัติแล้วกิเลสลดลง เข้าถึงธรรมที่ลึกขึ้นได้เรื่อยๆ ไม่ใช่รู้ธรรมที่ลึกขึ้นแต่ทำไม่ได้แม้นแค่เรื่องความดีเล็กน้อย ก็ต้องลองไปเทียบบารมีสิบดู

    คือครูมักจะสอนดีใช่ไหมล่ะ คือละวางความยึดมั่นถือมั่นในตน ในครูตน ในสายของตน แต่ลูกศิษย์มักจะทำสลับกันเนอะ

    6
     
  10. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกค่ะ ทุกท่านก็เป็นเพื่อนทางธรรมกันหมด
    หลบภัยเป็นนักปฏิบัติไม่เอาไหนหรอกค่ะ ปฏิบัติมา 2 ปีแต่ยังไม่รู้อะไรเลย
    อาศัยสวดมนต์ ทำกรรมฐาน และก็สติปัฐฐาน 4 ค่ะ ว่างๆ ก็มานั่งทำอานาปานเล่นๆ แต่ในระหว่างวัน ก็จะเอาสิ่งตรงหน้าเป็นเครืองภาวนา ตามรู้ ความคิด
    อารมณ์ ที่สติจะระลึกได้ค่ะ แต่ทำไม่เท่าไรหรอกค่ะ กิเลสก็ยังไม่ชัดเท่าไรเลย
    เห็นแต่ความคิดอกุศล กุศล มันลอยไป ลอยมา อ้อ หากมีเวลาก็ไปเนกขัมมะค่ะ ชอบไป

    แล้วการปฏิบัติของพี่ล่ะคะ
     
  11. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    [​IMG]

    อ่า สาธุจ้าพี่เตี้ยวเจี้ยว
    อย่างพี่บอกว่า ต้องตามจริต หลบภัยก็เห็นด้วยค่ะ
    แต่ว่า การจะค้นพบจริตตัวเองนี้ก็ยาก นะคะ สำหรับหลบภัย
    ลองมาหลายอย่างมาก ธรรมกาย กสิญ นโมมยิทธิ
    จนในที่สุด ก็มาจบที่อานาปาน ถ้าในกรณีปฏิบัติถูกทั้งคู่ ก็คงเป็นเช่นนั้นค่ะ
    คือถ้าปฏิบัติถูก แนวทางไหนสายไหนก็ได้ ที่ทำให้ตัวเองมีสติ เห็นตัวเอง ปฏิบัติแล้วกิเลสลดลง เข้าถึงธรรมที่ลึกขึ้นได้เรื่อยๆ ไม่ใช่รู้ธรรมที่ลึกขึ้นแต่ทำไม่ได้แม้นแค่เรื่องความดีเล็กน้อย ก็ต้องลองไปเทียบบารมีสิบดู
    ตรงนี้เห็นด้วยค่ะ

    คือครูมักจะสอนดีใช่ไหมล่ะ คือละวางความยึดมั่นถือมั่นในตน ในครูตน ในสายของตน แต่ลูกศิษย์มักจะทำสลับกันเนอะ

    อ่า สาธุ

    สำหรับที่กล่าวว่า ความดีเล็กน้อยก็ต้องทำ ความชั่วเพียงเล็กน้อยก็ต้องละ
    ตรงนี้หลบภัยยังเป็นผู้ฝึกหัดตนค่ะ ยังไม่ถนัดเท่าไร
     
  12. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    ตอบหลบภัยค่ะ พี่ก็ยังเถไถ ไม่ถึงไหน เหมือนกันอาศัยกุศลธรรมเป็นที่พึ่ง สวดมนต์ไหว้พระ เจริญสมาธิทุกวัน แบบอาปานสติ วันไหนขี้เกียจก็จะบอกตัวเองว่า ถ้าตายวันนี้หล่ะ ยังไม่ได้สร้างบุญเลย บางวันจิตก็ไม่รวมฟุ้งเป็น น้ำหอมเลย แต่ก็ให้มีสติตามรู้ ไม่ฝืนให้เป็นไปตามสภาวะ อาศัยดูธรรมชาติของจิตเอาค่ะ ยังมีเผลอบ้างอยู่ ไม่ทันก็มีเยอะ
    อ้อเคยบอกหลบภัยว่าจะไปถือศีลที่วัด หลวงพ่อจรัญ อาทิตย์นี้ แต่มีเหตุให้เลื่อนไปวันที่ 15 นี้ ก็เลยยังมาคุยกับหลบภัยอยู่ก่อน ถ้าพี่ไปแล้วกลับมาจะมาเล่าให้หลบภัย ฟังน่ะ ว่าจะได้บุญยังไงกลับมาฝากหลบภัยบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...