เส้นทางอันตราย..ป่าละอู(ระวังนะครับ อย่าไปดึกๆ)

เรื่องก็มีอยู่ว่า เย็นวันนั้นคือวันศุกร์ผมและเพื่อนอีก

4 คน นัดหมายกันไปเที่ยวหัวหินและจุดหมายปลายทางคือน้ำตกป่าละอู...

เมื่อเตรียมสัมพาระเรียบร้อยก็ออกเดินทาง ตอนนั้นก็จะเกือบทุ่มแล้ว แต่พวก

เราก็ไม่หวั่น เพราะไปกันหลายคน.ถึงหัวหินก็ปาเข้า

ไปร่วม 4 ทุ่ม ไอ้ผมก็บอกเพื่อนๆว่าเรานอนกันที่หัวหินดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยเดิน

ทางไปเข้าป่าละอู.....แต่เพื่อนๆมันไม่ยอม มันบอกว่า

มันเตรียมมากางเต้นท์เต็มที่ ก็เลยยอมตามมัน จากหัวหินเข้าไปน้ำตกป่าละอูก็

เกือบๆ80 กิโล...ขับไปได้ซัก 40-50 กก...ทางก็

เปลี่ยวไม่มีรถวิ่งเลย แต่ในใจไม่ได้คิดสงสัย...ก็ขับไปเรื่อยๆ แต่พอมองออก

ไปไกลๆ ก็สังเกตุเห็น สัตว์เดินอยู่ข้างหน้า นั่นคือ..

ช้าง...........แต่มันเดินหันหลังให้เรา...ก็ขับไปโดยไม่สนใจเพราะคิดว่าคง

เป็นช้างที่เห็นเดินตามถนนทั่วๆไป...แต่ที่ไหนได้ พบขับ

เข้าไปใกล้มัน มันหันหัวกลับมา แล้วมองมาทางแสงไฟรถของผมที่วิ่งเข้าไปหา

มัน ซึ่งห่างกันประมาณ 300 เมตร ผมต้องหยุดรถ

กระทันหัน เพราะว่ามันวิ่งรี่เข้ามาหาเรา..ไอ้ผมก็ไวเหมือนมือลิง..ฮ่าๆๆๆๆ...สับ

เข้าเกียร์ถอยหลัง ไม่รู้หละว่าข้างหลังจะมีอะไรหรือ

เปล่า..ถอยอย่างเดียว...มันตามมาได้สักพักมันก็หยุดยืนกลางถนน ไอ้ผมก็ไม่

กล้าขับเข้าไป ต่างคนต่างดูเชิง...นานร่วม 30 นาที..

มันก็หันหลังกลับ ไอ้ผมก็ไม่น้อยหน้า ก็จอดรถมันตรงนั้นเลย เพราะไม่กล้า

เสี่ยง...ฮ่าๆๆๆๆ...แต่พอซักพักก็มีรถเก๋งเป็นรถ BMW สีแดง

ขับผ่านผมไป...ในใจคิดจะเรียกแต่ก็ไม่ทัน ก็เลยปล่อยเลยตามเลย แต่ที่ไหน

ได้ รถเก๋งคันนั้นก็ไปพบกับเหตุการณ์แบบผมเข้า แต่

คนขับคงไม่เข้าใจว่ามันเป็น...ช้างป่า...ก็ไม่สนใจขับตลุยเข้าไป...โอ้ววว

พระเจ้าช่วย..ช้างป่าตัวนั้นมันหันหัวเข้ามางัดรถเก๋งพลิกคว่ำ

แล้วพุ่งเข้าชนรถเก๋งคันนั้นอีกหลายหน...แต่เจ้าของรถหนีออกมาจากตัวรถได้

และมารู้ที่หลังว่าเป็นนายทหาร วิ่งมาทางรถที่ผมจอด

ห่างอยู่...และมาขอความช่วยเหลือให้พาไปที่สถานีตํารวจที่อยู่ใกล้ๆกันนั้น.ผม

ก็พาไปแล้วก็ตามไปดูเหตุการณ์บนโรงพักด้วย...พี่ท่าน

ทหารคนนนั้นโมโหใหญ่ พร้อมทั้งลั่นวาจาบนโรงพักนั้นว่า กูจะฆ่าไอ้ช้างงา

เดียวตัวนั้นให้ได้....ทางตํารวจก็บอกว่า ฆ่าไม่ได้ เพราะ

เป็นช้างป่าของสมเด็จท่านที่ขอไว้ห้ามทําอะไรฝูงช้างฝูงนี้เด็ดขาดเพราะเป็น

ฝูงสุดท้ายที่อยู่ที่ป่าละอู....นายทหารคนนนั้นก็เลย จ๋อย.

ต้องรอถึงเช้า ถึงจะไปกู้รถมาได้ แต่สภาพฟังยับเลยครับ.


และได้ยินเรื่องของไอ้งาเดียวจากชาวบ้านว่า เมื่อก่อนมันไม่เคยออกมาจากป่า

เนื่องจากพวกรถบรรทุกสัปะรด เมื่อเอาไปขาย แต่

ขายไม่หมดก็เลยเอามาทิ้งข้างทาง พวกฝูงช้างก็เลยออกมากินกันเป็นประจํา

แต่พวกชาวบ้านบอกกันว่า ถ้าพบมันไกลๆ..ให้จอด

รถแล้วก็ปิดไฟ แล้วก็รอให้มันกินเสร็จ หรือให้มันหันหัวเข้าป่าไปก่อน แล้วค่อย

ออกเดินทาง จะปลอดภัยกว่า.





......................นี่คือเรื่องจริงของไอ้งาเดียว แห่งน้ำตกป่าละอู ทุกวันนี้ช้าง

ฝูงนี้ก็ยังมีอยู่ นะครับ เวลาเดินทางอย่าไปตอนดึกๆ

ตั้งแต่ 21 นาฬิกาขึ้นไป บอกตรงๆครับว่าถ้าใครโชคร้ายต้องเจอกับไอ้งาเดียว

แน่ๆ. ถ้าโชคดีไม่เจอก็แล้วไป.

เรื่องจาก terminator4 (คือ ผมเองครับ pepsi5510)

 

ขอบคุณเจ้าของเรื่องเล่านะคะ

 

แปลกจริงๆ น่าหวาดเสียวนะครับ ยิ่งคนที่ไม่คุ้นเคยเส้นทาง อันตรายมาก ของคุณเจ้าของกระทู้ครับ

 

อ่านแล้วใจวิ้วๆ ยังไงไม่รู้
มันเองก็คงกลัวเหมือนกัน ถึงได้ทำอย่างนั้น

 

เคยขับไปเขาใหญ่เจอช้างเดินอยู่ขอบทางข้างถนนค่ะ รถที่อยู่ข้างหน้าเราก็ถอยหลัง ๆ
เราก็ถอยตามเขาค่ะ ประมาณ 5 คัน ช่วงประมาณ 6 โมงเย็น ตอนแรกก็ไม่เข้าใจค่ะ
ตอนหลังถึงเข้าใจค่ะ เค้าเป็นช้างป่าจะตกใจรถและอาจพุ่งเข้าชนทำร้ายรถได้ค่ะ เรา
เจอต้องถอยหลังไปก่อน รอเขาหันหน้าเข้าป่าข้างทางก่อน ค่อยขับต่อไปค่ะ และ
เป็นความเชื่อส่วนตัวนะค่ะ เจอช้างที่เขาใหญ่ที่ไหร่กลับมาจะโชคดีทุกที่ค่ะ

 

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ.....

ใครไปที่นั้นก็ระวังไว้ด้วยนะครับ....

 

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ
ช่วยแผ่เมตตาให้เขาค้วยค่ะ:z13

 

ขอบคุณนะครับ

ขอถามหน่อยนะครับ สมเด็จ นี้สมเด็จไหนหรอครับ

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

 

อยู่กันด้วยพรมวิหาร 4 เถิดครับ
ช้างหมาไก่คน ทุกสรรพสัตว์อยู้ร่วมกันได้
หากเรามีเมตตา ต่อกันและกัน

 

ขอบคุณเจ้าของกระทู้

ชีวิตใครก็เป็นของคนนั้น มีสิทธิอะไรที่จะไปเอาชีวิตเขา....

พวกเราเสียอีกที่เป็นฝ่ายบุกรุกเข้าไปยังถิ่นที่เป็นป่าที่เป็นบ้านของเขา ยังไม่เคารพสิทธิของความเป็นเจ้าของบ้านอีก... ลืมตัวไปแล้วเหรอ.....

 

ตามปกติชาวบ้านจะทราบอยู่แล้วนะครับ เพราะจะมีป้ายให้ระวังสัตว์อยู่ข้างทาง และทางเข้าที่จะผ่านเข้าไปจะมีด่านตรวจของตชด.เป็นระยะๆทั้งหมด ๓ ด่าน พร้อมมีป้ายบอกระยะเวลาที่ให้ผ่านได้ หลังเวลา 16:00 เป็นต้นไปให้ระมัดระวัง
เพราะเป็นเขตอุทธยานเจ้าหน้าไม่ให้ผ่านเข้าไปและออกมาอยู่แล้ว แต่ที่อนุโลมให้ผ่านเฉพาะบุคคลในพื้นที่แต่ถ้าเกิดอันตรายไม่รับผิดชอบ นักท่องเที่ยวควรทราบเวลาที่เหมาะสมในการเข้าไปในพื้นที่ ไม่ใช่ดันทุรังจะเข้าเวลาไหนไม่สน แล้วเมื่อเกิดอันตรายแล้วมาโวยวาย ทำไมไม่ศึกษาพื้นที่ก่อนเข้าไป

 

นั่นดิครับ สงสารนายพันจริงๆๆเห้นผิดเป้นชอบ
ทั้งๆๆท่านเองทำผิดแท้ๆๆ ไม่บ่าดเจ็บพิการ ตายก้อนับว่าเป้นกุศลแล้ว

 

ขอบคุณเรื่องราวดีๆครับ

 

โชคดีจริง ๆ ครับ
ผมไปเขาใหญ่ นับได้ก็หลายสิบครั้ง
เห็นเเต่กองมูลที่มันถ่ายไว้เท่านั้นเอง

 

สัตว์ป่าเขาก็ใช้ชีวิตตามธรรมชาติของเขา มนุษย์ต่างหากที่เข้าแย่งครอบครองพื้นที่เป็นของตนเอง นายพันน่าจะเข้าใจธรรมชาติของสัตว์ว่าไม่เคยคิดร้ายทำลายใครนอกจากป้องกันตัวและพวกพ้องตามสัญชาติญาณ และมีจิตที่บริสุทธิ์กว่ามนุษย์อีกหลายๆจำพวกนัก ดังนั้นจะยึดถือแต่ความเป็นสุขปลอดภัยเฉพาะตัวเอง โดยไม่มีเมตตาต่อเค้าผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโลกร่วมกันกับเราบ้างเลยหรือ