ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    กัมพูชาตั้งคณะกรรมการสอบเหตุเหยียบกันตาย

    [​IMG]
    เสื้อผ้า รองเท้า และของใช้ส่วนตัวของผู้เคราะห์ร้ายในเหตุเหยียบกันตายที่กัมพูชา ตกอยู่เกลื่อนสะพานที่เกิดเหตุ

    กัมพูชาตั้งคณะกรรมการสอบหาสาเหตุเหยียบกันตาย ที่ล่าสุดยอดพุ่งถึง 378 รายแล้ว เบื้องต้นคาดอาจเกิดจากวัยรุ่นที่แกล้งหลอกสาวว่าสะพานจะถล่ม

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กัมพูชาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุของเหตุการณ์เหยียบกันตายอย่างน้อย 378 คน และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 750 คน บนสะพานแขวนขนาดเล็ก บริเวณโตนเลสาป ทะเลสาปน้ำจืดขนาดใหญ่ของกัมพูชา ในวันสุดท้ายของเทศกาลน้ำ เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ผ่านมา (22 พ.ย.)

    นายซก อัน รองนายกรัฐมนตรี กัมพูชาบอกว่า รัฐบาลตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อสอบสวนสาเหตุของเหตุเหยียบกันตาย โดยตัวเขาจะเป็นหัวหน้าคณะกรรมการดังกล่าว ซึ่งจะแบ่งเป็นคณะกรรมการย่อย 3 กลุ่ม คือ คณะกรรมการด้านนิติเวช คณะกรรมการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ และคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุของโศกนาฏกรรม

    ทางด้านนายเขียว กันหะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้ประชาชนผู้เห็นเหตุการณ์และผู้บาดเจ็บให้ความร่วมมือในการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายเขียว เผยด้วยว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากวัยรุ่นชายพยายามแกล้งหลอกสาวๆ ให้ตกใจกลัวโดยบอกว่าสะพานกำลังจะพังถล่ม ทำให้ผู้คนแตกตื่นเริ่มวิ่งหนีจนเกิดการเหยียบกัน

    ขณะที่บางรายงานข่าวระบุว่า ตำรวจฉีดน้ำใส่ฝูงชนช่วงที่เกิดความชุลมุน ทำให้บางคนถูกไฟดูดจากไฟที่ประดับบนสะพาน และมีหลายร้อยคนกระโดดลงจากสะพานพื่อเอาตัวรอด

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2553

    ที่มาhttp://www.bangkokbiznews.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2010
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เผยภาพล่าสุด การปะทุของดวงอาทิตย์

    [​IMG]
    ภาพการปะทุของดวงอาทิตย์ เมื่อเดือนกันยายน 2553​

    [​IMG]
    ภาพการปะทุของดวงอาทิตย์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2553​

    [​IMG]
    ภาพการปะทุของดวงอาทิตย์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2553​

    เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ยานสังเกตการณ์สุริยพลวัต (Solar Dynamics Observatory) ของนาซ่า ได้เปิดเผยภาพการปะทุของดวงอาทิตย์ภาพล่าสุด ที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย

    โดยการปะทุของดวงอาทิตย์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของดวงอาทิตย์ แต่ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อระบบสนามแม่เหล็กของโลกแต่อย่างใด เพราะโลกไม่ได้อยู่ในแนวการปะทุของดวงอาทิตย์ และการปะทุดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการปะทุครั้งใหญ่ เหมือนกับการปะทุที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งการปะทุในครั้งนั้นได้ถูกระบุว่าเป็นการปะทุครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 15 ปีเลยทีเดียว

    ทั้งนี้ การปะทุของดวงอาทิตย์ หรือปรากฏการณ์พายุสุริยะนี้ เกิดจากการสะสมพลังงานแม่เหล็กในดวงอาทิตย์ไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อมีการต่อใหม่ของสนามเหล็ก จะเกิดการปะทุออกมาเป็นพลังงานความร้อน และปล่อยก้อนมวลขนาดใหญ่จากโคโรนา หรือเส้นรัศมีรอบวงกลมสีดำที่อยู่ชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ ออกมาเป็นพายุสุริยะ ซึ่งการปะทุนี้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เป็นครั้งเป็นคราว และไม่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ แต่สามารถคาดการณ์ได้ว่าพายุสุริยะจะเกิดขึ้นได้ โดยสังเกตว่าเริ่มมีจุดมืดจำนวนมากบนดวงอาทิตย์​

    อย่างไรก็ดี การปะทุของดวงอาทิตย์ ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกวัน วันละหลายครั้งก็เป็นได้ แต่หากเป็นการปะทุที่มีความรุนแรงมาก ก็อาจจะส่งผลต่อระบบสนามแม่เหล็กโลก ทำให้ระบบสื่อสารคมนาคมทางวิทยุ ระบบการบิน ดาวเทียม ระบบไฟฟ้า ใช้การไม่ได้ และทำให้เกิดแสงเหนือแสงใต้ที่เรียกว่า "ออโรรา" แต่แสงดังกล่าวไม่ได้มีผลกระทบกับมนุษย์โดยตรง

    ขณะที่วงการวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังไม่สามารถคำนวณระดับความรุนแรงของพายุสุริยะได้ ทำได้เพียงแค่พยากรณ์ และคาดการณ์ถึงระดับความรุนแรง ด้วยการดูสัญญาณเรดาร์ และความเร็วของลมเท่านั้น​


    โลกกำลังปั่นป่วน

    [​IMG]

    เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์ ​

    แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012

    คำถาม - โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน

    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้) มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยGas และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ​

    คำถาม - จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก

    โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจากพายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ(บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน) พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก(และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล ​

    คำถาม - เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับพายุสุริยะ

    "ฮารัลด์ เลสช์" (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย "มิวนิค" ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ "ฮารัลด์ เลสช์" สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศ ​

    แต่หากโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง ​

    พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะหมดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเร็งและความร้อน ​

    คำถาม- เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกตัวอย่างสมบูรณ์จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก

    สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้อาจะเหลือเชื่อแต่ตามหลักการแล้วย่อมเป็นไปได้ การพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความหายนะจากพายุสุริยะแค่เพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดหายนะจากการหมุนกลับทางของโลกที่จะเกิดตามมาอีก ยกตัวอย่าง เช่น การหมุนของมอเตอร์ มอเตอร์แบบธรรมดามี 2 ขั้ว โดยให้สัญลักษณ์ A และ B ก่อนที่ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัว ให้เปรียบโดยการใช้ ไฟฟ้าขั้ว + ต่อเข้ากับ A และไฟฟ้าขั้ว - ต่อเข้ากับ B มอเตอร์จะหมุนไปทางใดทางหนึ่ง แต่เมื่อเราต่อขั้วไฟฟ้ากลับด้านกัน ย่อมทำให้มอเตอร์เกิดการหมุนทิศทางตรงกันข้ามกับครั้งแรก และนี่ก็เปรียบกับการพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนั่นเอง ​

    คำถาม-แล้วสิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป

    เมื่อโลกหมุนกลับทาง สิ่งมีชีวิตที่เหลืออาจจะต้องเจอกับภัยธรรมชาติมากมาย โลกหมุนกลับทางย่อมทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยน ทั้งกระแสน้ำทะเล กระแสลม รวมถึงแผ่นดิน จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้ มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตรอด จะปรับตัวอย่างไรเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มนุษย์ที่เหลือจะทำอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง...​

    หายนะที่ได้กล่าวมานี้ อาจจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดที่กล่าวมา (หรืออาจร้ายแรงกว่า) ขึ้นอยู่กับว่า การที่ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวนั้นจะใช้เวลานานขนาดใหน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เรื่องที่นำมาให้อ่านกันข้างบนนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม แต่เป็นสัญญาณเตือนให้เรา ต้องรักษาสิ่งแวดล้อมกันแล้ว ขอให้ทุกคนโชคดี​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • solar-flare.jpg
      solar-flare.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.9 KB
      เปิดดู:
      1,403
    • unwind2048.jpg
      unwind2048.jpg
      ขนาดไฟล์:
      104.2 KB
      เปิดดู:
      1,398
    • 04328_002.JPG
      04328_002.JPG
      ขนาดไฟล์:
      78.9 KB
      เปิดดู:
      1,865
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยุคชาววิไล ไทยมหารัฐ จักรพรรดิราช

    [​IMG]

    ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิราช(พระศรีอาริย์) ในยุคนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างไร สามารถเทียบเคียงดูได้จาก อดีตชาติของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ในสมัยที่พระองค์เคยเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช มีพระนามว่า"ติโลกวิชัย"

    จอมจักรพรรดิราช , มหัศจรรย์แห่งทาน , ท่องทั่วโลกธาตุ , พลานุภาพแห่งบุญ

    ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่ ๑
    ( จอมจักรพรรดิราช )

    พืชแม้น้อย แต่หว่านลงในนาดี เมื่อฝนตกอยู่โดยชอบ
    ผลผลิตย่อมทำชาวนาให้ยินดี แม้ฉันใด
    พุทธเขตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นี้ ก็ฉันนั้น
    เมื่อกระแสธารแห่งบุญเพิ่มขึ้นโดยชอบ ผลนั้นจักทำเราให้ยินดี​

    การปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา คือ การทำใจหยุดใจนิ่ง กลั่นใจของเราให้บริสุทธิ์ผ่องใส เพราะใจที่บริสุทธิ์ผ่องใสจะเป็นใจที่ละเอียด นุ่มนวลควรแก่การงาน ที่เราจะนำใจของเราดำเนินเข้าสู่เส้นทางสายกลาง เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เมื่อได้เข้าถึงพระรัตนตรัยแล้ว ความสุขที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ เป็นเอกันตบรมสุขย่อมจะบังเกิดขึ้นในชีวิต จะทำให้ชีวิตปลอดภัย ทั้งภัยในปัจจุบันนี้และภัยในสังสารวัฏ​

    มีวาระแห่งภาษิตใน ตรณิยเถราปทาน ความว่า​

    " พืชแม้น้อย แต่หว่านลงในนาดี เมื่อฝนตกอยู่โดยชอบ ผลผลิตย่อมทำชาวนาให้ยินดี แม้ฉันใด พุทธเขตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นี้ ก็ฉันนั้น เมื่อกระแสธาร แห่งบุญเพิ่มขึ้นโดยชอบ ผลนั้นจักทำเราให้ยินดี "​

    การสร้างบุญบารมีที่ถูกเนื้อนาบุญ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เพราะจะทำให้เราได้ประสบกับอานิสงส์ยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ สุดยอดแห่งเนื้อนาบุญ คือ การได้สร้างบุญกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมัยที่พระองค์ยังสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านได้สร้างบุญไว้ในพุทธเขตแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระองค์จะเกิดมามีฐานะที่ยิ่งใหญ่เป็นถึงจอมจักรพรรดิราช ท่านก็ไม่ประมาทในการสร้างบุญ​

    *ดังเช่นในสมัยที่พระองค์บังเกิดเป็นจอมจักรพรรดิราชติโลกวิชัย และเรื่องนี้มีสาเหตุที่ทำให้ พระพุทธองค์ตรัสถึงดังนี้ ​

    วันหนึ่ง พระอานนท์ได้ทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันวิหารว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระสัพพัญญูพุทธเจ้ามีอยู่ พระสัพพัญญูพุทธเจ้าเหล่านั้นเป็นนักปราชญ์ได้เพราะเหตุอะไร "​

    พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า " ดูก่อน อานนท์ ชนเหล่าใด ได้กระทำบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่ยังไม่อาจที่จะบรรลุธรรม พ้นกิเลสกรรมในศาสนาของพระชินเจ้า เพราะมีหัวใจมุ่งที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณในอนาคตกาล อย่างไม่คลอนแคลน มีพระอัธยาศัยอันเข้มแข็งไม่ท้อแท้ มีพระปัญญาแก่กล้า จะทรงบรรลุความเป็นพระสัพพัญญูได้ ด้วยเดชแห่งพระปัญญา "​

    พระศาสดาตรัสต่อไปอีกว่า " อานนท์ ปัญญานั้นคือความฉลาด ในการที่จะเอาบุญทุกๆ อย่าง เหมือนสมัยที่เราเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในครั้งนั้น เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดินามว่า ติโลกวิชัย ได้ให้ยกธง ๕ สี มีสีเขียว และสีเหลือง เป็นต้น บนยอดไม้ บนยอดเขาทั้งหลาย ทั้งที่เป็นยอดเขาหิมพานต์ ยอดเขาจักรวาล ยอดเขาสิเนรุ และในที่ทั้งปวงในจักรวาลทั้งสิ้น เราได้ประนมนิ้วทั้งสิบนมัสการพระโลกนาถ พร้อมทั้งพระสงฆ์สาวก กราบไหว้พระสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐด้วยเศียรเกล้า​

    เราเองปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าไว้ในพระพุทธเจ้าแต่ปางก่อน ได้สร้างบารมีทุกรูปแบบ และได้สร้างบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ที่จะทำให้เป็นพระธรรมราชา เราได้บำเพ็ญบารมีมานับไม่ถ้วน อานุภาพของเราไม่มีประมาณ เราเชิญชวนคนจากโลกอื่น เรียกพวกนาค จากนาคภิภพ พวกคนธรรพ์ และเทวดาจากเทวโลก ผู้มีบุญเหล่านั้นมาทำการนอบน้อมเรา กระทำอัญชลี แวดล้อมเวชยันตปราสาทของเรา​

    ในสมัยนั้น เราได้บำเพ็ญมหาทานอันยิ่งใหญ่ เพราะอุดมทานนั้น ทำให้ภูเขาบันลือกระหึ่มกึกก้อง ยังโลกพร้อมทั้งเทวโลกทั้งสิ้นให้ร่าเริงโสมนัส อานุภาพของเราในภพชาตินั้นยิ่งใหญ่นัก อานนท์ ในจักรวาล มีทิศทั้งสิบที่ไม่เคยมีผู้ใดท่องไปได้ทั่วเลย ครั้งที่เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในสถานที่ที่เราไปแล้วนั้น มีพุทธเขต คือ พุทธวิสัยนับไม่ถ้วน​

    ในกาลนั้น เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่มีรัศมี คือ แสงสว่างของจักรแก้ว และแก้วมณี เปล่งรัศมีเป็นคู่ๆ ปรากฏในระหว่างหมื่นจักรวาล มีแสงสว่างกว้างขวางในหมื่นจักรวาล ชนทั้งปวงย่อมเห็นเรา เหล่าเทวดาตลอดเทวโลกทุกชั้น ต่างเกื้อกูลเรา เราสามารถนำรัตนะทั้งที่มีอยู่ในอากาศ และที่มีอยู่บนภาคพื้นแผ่นดินมาได้เท่าที่ใจเราจะปรารถนา เรามีอานุภาพมากอย่างนี้ทีเดียว อานนท์ แต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่ประมาท ได้สร้างบุญในพุทธเขตซึ่งเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ " เมื่อพระบรมศาสดา ตรัสเล่าเรื่องราวที่พระองค์เสวยพระชาติ เป็นพระเจ้าติโลกวิชัยจอมจักรพรรดิราชโดยสังเขปแล้ว พระอรรถกถาจารย์ได้นำเรื่องนี้มาอธิบายไว้อย่างละเอียด ซึ่งจะได้ศึกษากันต่อไป ขอขยายความเกี่ยวกับเรื่องพุทธเขตที่พระเจ้าจักรพรรดิผู้เลิศกล่าวถึงบ่อยๆ นั้นหมายถึงอะไร ​

    รัศมีของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่ละพระองค์จะไม่เท่ากัน บางพระองค์มีรัศมีวาหนึ่ง บางพระองค์มีรัศมี ๘๐ วา และบางพระองค์มีรัศมีไม่มีกำหนด แผ่ไปได้ไกลบ้าง ใกล้บ้าง โยชน์หนึ่งบ้าง หรือหลายๆ ร้อยโยชน์ และบางครั้งแผ่ไปจนถึงสุดขอบจักรวาล พระรัศมีของพระมังคลพุทธเจ้า แผ่ไปถึงหมื่นจักรวาล นี้เป็นรัศมีที่มีตามปกติ หากพระองค์ทรงต้องการจะแผ่รัศมีไปแค่ไหน ก็ทรงสามารถแผ่ไปได้ตามพระประสงค์ พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มีความต่างกันในคุณวิเศษและมีพุทธเขตเหมือนกัน ​

    พุทธเขตของพระพุทธเจ้ามีอยู่ ๓ ประการ คือ ชาติเขต อาณาเขต และวิสัยเขต เขตทั้งสามนั้น ขณะพระบรมโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิก็ดี ออกจากพระครรภ์ของพระมารดาก็ดี ออกผนวชก็ดี ตรัสรู้ก็ดี ประกาศพระธรรมจักรก็ดี หรือปลงอายุสังขาร หมื่นโลกธาตุจะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น จักรวาล และโลกธาตุนี้จะสั่นสะเทือนเหมือนเป็นอันเดียวกัน นี้เป็นชาติเขตของพระองค์​

    อานุภาพของพระปริตรจะแผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง มีแสนโกฏิจักรวาลเป็นที่สุด อย่างนี้เรียกว่า อาณาเขต ส่วนเขตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งความปรารถนาไว้ ทรงปรารถนาเท่าใดก็ทรงได้เพียงนั้น คือ หาประมาณที่สุดมิได้ อย่างนี้ชื่อว่า วิสัยเขต ในเขตทั้งสามนั้น เมื่อชาติพินาศไป อาณาเขตก็จะพินาศไปด้วย เมื่อยังคงอยู่ก็จะคงอยู่ด้วยกัน ไม่แตกแยกกัน ส่วนสาเหตุที่จะทำให้พุทธเขตทั้งสองพินาศนั้น ต่อเมื่อกัปถูกทำลายด้วยไฟ น้ำ และลม ประมาณแสนโกฏิจักรวาลโดยส่วนกว้าง แต่จะเหลืออยู่เฉพาะพรหมโลกชั้นสูงๆ เท่านั้นที่ไม่ได้พินาศไปด้วย​

    พระเจ้าจักรพรรดิไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่าย เพราะผู้ที่จะได้เข้าถึงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ จะต้องสั่งสมบุญมามากจนสมบูรณ์ด้วยสมบัติจักรพรรดิทั้ง ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว ขุนคลังแก้ว และขุนพลแก้ว กอปรด้วยอานุภาพมากมาย สามารถเดินทางข้ามทวีปได้ในพริบตา ทรงอานุภาพมากขนาดนี้ทีเดียว จึงจะได้ชื่อว่า จอมจักรพรรดิราช ​

    พระติโลกวิชัยจักรพรรดิราช ทรงเป็นพระราชาผู้ทรงอานุภาพมาก พระองค์ทรงสร้างมหาทานบารมีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของจอมจักรพรรดิราชทั้งหลาย และพระองค์ทรงมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระศาสนามาก ทรงมีพระปัญญาที่เหนือมนุษย์ ทรงมีอานุภาพเหนือมนุษย์ธรรมดา ทรงสามารถนำสมบัติที่มีอยู่ทั่วสากลโลกมาใช้สร้างบารมีได้ เพื่อยังประโยชน์ ให้บังเกิดขึ้นแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะพระองค์มีความปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่จะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ​

    ครั้งนี้ขอกล่าวถึงพุทธเขตเพียงเท่านี้ ต่อไปจะได้กล่าวในรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งน่าอัศจรรย์เกินกว่าสิ่งมหัศจรรย์ใดๆ ในโลก เพราะพระองค์ทรงนำมหารัตนะทั้งหลาย ที่มีอยู่ในโลก มาสร้างบารมีได้อย่างวิจิตรพิสดารและยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างบารมีของพวกเราต่อไป ฉะนั้น ให้ขยันในการสร้างบุญสร้างบารมี เพื่อตัวของเราเองจะได้หลุดพ้นจากทุกข์ จากการบังคับบัญชาของกิเลสอาสวะ ของพญามาร และจะมีผลดีต่อมวลมนุษยชาติ และธาตุธรรมอีกด้วย ให้หมั่นสร้างบารมี ประพฤติปฏิบัติธรรมกันให้สมํ่าเสมอทุกๆ คน​

    *มก. พุทธาปทาน เล่ม ๗๐ หน้า ๑​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่ ๒
    ( มหัศจรรย์แห่งทาน )

    พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์มากมาย มาประชุมกัน โดยประการทั้งปวง ท่านทั้งหลายจงกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายเถิด พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นอจินไตย พระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นอจินไตย เมื่อบุคคลเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า และพระธรรมอันเป็นอจินไตย ย่อมมีวิบากเป็นอจินไตย

    หลักในการดำเนินชีวิตของนักสร้างบารมี ผู้มีหัวใจประดุจพระบรมโพธิสัตว์ ที่มุ่งตรงสู่ฝั่งแห่งพระนิพพาน โดยก้าวตามเส้นทางที่พระอริยเจ้าทั้งหลายดำเนินไปนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เพราะพระอริยเจ้าเหล่านั้น ได้ตั้งใจสั่งสมบ่มบารมีมาทุกรูปแบบ ทั้งทาน ศีล และภาวนา แม้กระทั่งบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ ก็ไม่ขาดตกบกพร่อง การที่เราจะบรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิตได้เช่นท่าน เราต้องดำเนินตามรอยบาทของท่านผู้รู้เหล่านั้น ท่านก้าวเดินไปทางไหน เราก็ก้าวเดินตาม ทำอย่างที่ท่านทำไว้ เราย่อมจะประสบผลเช่นเดียวกับท่านอย่างแน่นอน

    มีวาระแห่งภาษิตอยู่ใน พุทธาปทาน ความว่า

    " พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์มากมาย มาประชุมกัน โดยประการทั้งปวง ท่านทั้งหลายจงกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายเถิด พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็น อจินไตย พระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นอจินไตย เมื่อบุคคลเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า และพระธรรมอันเป็น อจินไตย ย่อมมีวิบากเป็นอจินไตย "

    อานุภาพของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มีประมาณ ขอเพียงมีใจที่ศรัทธาหนักแน่น ไม่คลอนแคลนในพระรัตนตรัย ส่งใจไปถึงพระพุทธเจ้า และพระอริยสาวกทั้งหลาย อีกทั้งสร้างบารมีกับท่านเหล่านั้น ย่อมมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ เป็นอจินไตย คำว่า อจินไตยนี้ หมายถึงสิ่งที่ไม่ควรคิด หรือเกินกว่าที่ความคิดเราจะไปถึง เพราะอานุภาพของท่านผู้มีอานุภาพเหล่านั้นมากมายเกินกว่าความคิดของปุถุชนคนธรรมดาที่จะคาดคิดได้

    *เมื่อคราวที่แล้ว ได้นำเรื่องราวของจอมจักรพรรดิราชพระนามว่า ติโลกวิชัย ผู้ท่องไปทั้งสิบทิศ เพื่อสร้างบารมีในพุทธเขต ดินแดนของพระพุทธเจ้า ตอนนี้จะกล่าวถึงหัวใจของผู้ชนะสิบทิศ ที่จอมจักรพรรดิมีเหนือกว่าพระเจ้าจักรพรรดิทั้งหลาย พระเจ้าติโลกวิชัยจักรพรรดิ พระราชาพระองค์นี้ เป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยอำนาจสิทธิของจอมจักรพรรดิ ได้ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้ามานับภพนับชาติไม่ถ้วน ในภพชาตินี้ก็เช่นกัน พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ศรัทธาในพระรัตนตรัย ทรงคิดเสมอว่า ที่พระองค์ทรงมีอานุภาพมากขนาดนี้ ก็ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ได้ทรงทำไว้ แต่สิ่งที่พระองค์ปรารถนาอย่างยิ่ง คือ พระโพธิญาณ ดังนั้นพระองค์จึงทรงคิดที่จะสร้างบารมีครั้งยิ่งใหญ่สักครั้ง โดยทรงใช้อานุภาพของพระองค์ให้เป็นไปเพื่อสร้างบารมีอย่างแท้จริง

    พระองค์ทรงคิดต่อไปว่า ก่อนที่จะนิมนต์พระอริยเจ้าทั่วทั้งสิบทิศ มาประชุมรวมกันให้มากที่สุดนั้น ต้องจัดเตรียมสถานที่รองรับให้สมเกียรติของพระอริยเจ้าทั้งหลาย คิดดังนั้นแล้วพระองค์ไม่ทรงรอรี รีบนึกถึงบุญและตามสมบัติทั้งหลายที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรัตนะซึ่งมีค่ามากที่อยู่ในอากาศ และอยู่บนภาค พื้นแผ่นดิน มีมากมายเพียงใด พระองค์ทรงใช้ใจนึกมาได้ทั้งหมด ให้มาปรากฏอยู่ต่อพระพักตร์

    จากนั้นพระองค์ทรงใช้มหาสมบัติทั้งหลายเหล่านั้นสร้างเป็นปราสาทรัตนะ ทรงนึกสร้างด้วยใจเช่นเดียวกัน เป็นมหาปราสาทมีความสูงจรดขอบฟ้าเบื้องบน ฐานของรัตนปราสาทแผ่ขยายตลอดภาคพื้นสุดลูกหูลูกตา ตั้งตระหง่านสะกดสายตาของทุกๆ คนที่ได้เห็น เสาแต่ละต้นวิจิตรงดงาม ได้สร้างไว้อย่างดี ล้วนทำด้วยรัตนะที่มีค่ามาก มีคันทวยทำด้วยทองคำ ประดับด้วยนกกะเรียน และฉัตรรัตนะ ที่พื้นชั้นแรกของปราสาท เป็นแก้วไพฑูรย์งดงามปราศจากมลทิน

    พระองค์ทรงประดับปราสาทด้วยกอบัวหลวง พื้นปูด้วยทองคำบริสุทธิ์ พื้นบางชั้นมีสีดังแก้วประพาฬ แตกแขนงออกมาคล้ายกิ่งก้านของต้นไม้ มีสีแดงงดงาม เปล่งรัศมีดังสีแมลงค่อมทอง สว่างไสวไปทั่วทุกทิศ ตรงหน้าปราสาท มีหน้ามุข ประตูหน้าต่างตกแต่งอย่างดีเป็นแก้ว ไพรที ๔ ชั้น มีชวาลาประทีปสว่างไสว มีพวงอุบลส่งกลิ่นหอมสดชื่นรื่นรมย์ใจ

    พื้นบางชั้นก็มีสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว และสีดำล้วนๆ ที่ประกอบด้วยเรือนยอด ซึ่งประดับด้วยรัตนะ ๗ ประการ และยังตกแต่งด้วยดอกปทุมบานสะพรั่ง งดงามด้วยหมู่สกุณา ดารดาษไปด้วยดาวนักษัตร ประดับด้วยรูปดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ และยังปกคลุมด้วยตาข่ายทองคำ ห้อยระย้าด้วยกระดิ่งทองคำ ตาข่ายทองคำ ขณะมีลมโชยพัดมา จะมีเสียงคล้ายทิพยดุริยางค์อันไพเราะ

    หน้าต่างจะมีสีต่างๆ เช่น สีชมพู สีแดง สีเหลือง และสีทองมีธงปักไว้เป็นทิวแถวเป็นระเบียบ แผ่นกระดานต่างๆ ทำด้วยเงินบ้าง แก้วมณีบ้าง ทับทิมบ้าง และแก้วลายบ้าง อีกทั้งยังมีที่นอนซึ่งปูด้วยผ้าจากแคว้นกาสีเนื้อละเอียด ผ้าห่มมีสีเหลืองทำด้วยผ้ากัมพล พระองค์ทรงปูลาดเครื่องลาดทุกชนิดด้วยใจ คือ ทำด้วยความเคารพเลื่อมใสจริงๆ

    แต่ละชั้นของปราสาทประดับยอดด้วยรัตนะ มีผู้มีบุญยืนถือประทีปแก้วสว่างไสว มีเสาระเนียด เสาซุ้มประตู ทำด้วยทองชมพูนุท ไม้แก่น และเงิน วิจิตรด้วยบานประตู และกลอนมีลวดลาย ทำให้ปราสาทรุ่งเรืองสว่างไปทั่วทุกทิศ

    ครั้นตระเตรียมสถานที่งดงามเช่นนั้นแล้ว ท่านนึกอาราธนานิมนต์พระพุทธเจ้าในอดีตทุกๆ พระองค์ พร้อมทั้งพระสงฆ์สาวกทั้งหลาย นิมนต์มามากมายทีเดียว ด้วยอานุภาพที่เหนือธรรมชาติ เหนือจินตนาการความคิดของมนุษย์ พระพุทธเจ้านับพระองค์ไม่ถ้วน พร้อมทั้งพระสาวกเสด็จเข้าไปทางประตูรัตนปราสาท โดยพระอริยเจ้าจะนั่งบนตั่งที่ทำด้วยทองคำล้วนๆ พระพุทธเจ้าทั้งหลายที่มีอยู่ในบัดนี้ก็ดี และที่ล่วงไปแล้วก็ดี ทุกพระองค์ได้เสด็จขึ้นปราสาทของพระเจ้าติโลกวิชัยจอมจักรพรรดิ แม้แต่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็ได้ขึ้นสู่ปราสาทมาเป็นเนื้อนาบุญให้ท่านด้วย

    พระเจ้าติโลกวิชัยได้นำผ้าทุกชนิดจากต้นกัลปพฤกษ์ ทั้งที่เป็นของทิพย์ และเป็นของมนุษย์มาทำเป็นจีวร น้อมถวายให้ท่านเหล่านั้นครอง อีกทั้งนำภัตตาหารที่มีโอชาทิพย์ใส่จน เต็มบาตรแก้วมณี และน้อมถวายพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านเหล่านั้นกระทำภัตกิจบนปราสาทอย่างอิ่มหนำสำราญ จากนั้นบางพระองค์นั่งเจริญสมาธิ บางพระองค์แสดงธรรม บางพระองค์ แสดงฤทธิ์ บางพระองค์เข้าอัปปนาฌาน และบางพระองค์เจริญ อภิญญาวสี

    พระพุทธเจ้าบางพระองค์ปาฏิหาริย์กายเป็นหลายพันพระองค์ ทรงสอบถามอารมณ์ของพระัพพัญญุตญาณกับพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระสาวกทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า ตรัสถามพระสาวก หรือพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอริยสาวก ต่างถามกันและพยากรณ์กันและกัน พระอริยเจ้าทั้งหลายต่างยินดีในปราสาทของพระเจ้าติโลกวิชัยจอมจักรพรรดิผู้มีอานุภาพมาก ทุกๆ พระองค์จะทรงฉัตรอันห้อยระย้าด้วยข่ายทองที่งดงาม มีข่ายเงินแวดวงด้วยข่ายมุกดาเหนือพระเศียร มีเพดานผ้าทิพย์ แวววาวด้วยดาวทอง ห้อยพวงมาลัยไว้ทั่วงดงามตระการตา มีพวงมาลัยเต็มไปหมด หอมกรุ่นด้วยกลุ่มของหอม งดงามด้วยพวงผ้า ประดับประดาด้วยพวงแก้ว พวงดอกไม้ ทุกๆ อย่างอบด้วยของหอม เจิมด้วยของหอม มุงด้วยเครื่องมุงอันเป็นทองในทิศทั้งสี่ มีสระโบกขรณี ซึ่งระยิบตาด้วยดอกปทุมและอุบล หอมตลบด้วยกลิ่นเกสร ต้นไม้ทุกต้นรอบๆ ปราสาทก็ผลิดอก บางต้นดอกไม้ก็ร่วงหล่นโปรยปรายรายรอบรัตนปราสาท ดูสวยงามยิ่งนัก

    นี่คือมหัศจรรย์แห่งการสร้างบารมี ที่เหนือคำบรรยายของจอมจักรพรรดิราช ผู้มีฤทธิ์ทางใจ ท่านสามารถทำในสิ่งที่ ผู้อื่นทำไม่ได้ และใช้อานุภาพของตนส่งเสริมการสร้างบารมีให้ ยิ่งๆ ขึ้นไป เรื่องราวของท่านยังไม่จบ จะนำมาเล่าในคราวต่อไป

    ขอให้ทุกท่านขวนขวายในการสร้างบารมีให้มากๆ ถ้าบารมีเรามีมาก จะสร้างบารมีอะไรต่อก็สะดวกสบายอย่างพระเจ้าจักรพรรดิโพธิสัตว์ของเราพระองค์นี้ ท่านสร้างบารมีด้วยใจ มีสมบัติตามใจปรารถนา เราต้องสร้างบารมีให้ได้อย่างนี้กันทุกคน

    *มก. พุทธาปทาน เล่ม ๗๐ หน้า ๒

    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=18591
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยุคชาววิไล ไทยมหารัฐ จักรพรรดิราช

    [​IMG]

    ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิราช(พระศรีอาริย์) ในยุคนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างไร สามารถเทียบเคียงดูได้จาก อดีตชาติของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ในสมัยที่พระองค์เคยเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช มีพระนามว่า"ติโลกวิชัย"

    จอมจักรพรรดิราช , มหัศจรรย์แห่งทาน , ท่องทั่วโลกธาตุ , พลานุภาพแห่งบุญ

    ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่่ ๓
    ( ท่องทั่วโลกธาตุ )

    กุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นกิริยาที่เราจะพึงกระทำ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กุศลกรรมนั้นเรากระทำแล้ว ได้ไปในไตรทศ สัตว์เหล่าใดผู้มีสัญญาก็ตาม ไม่มีสัญญาก็ตาม สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงเป็นผู้มีส่วนแห่งผลบุญที่เราได้กระทำแล้ว สัตว์เหล่าใดรู้บุญที่เราได้กระทำแล้ว เราให้ผลบุญแก่สัตว์เหล่านั้น บรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดไม่รู้ ขอทวยเทพจงไปบอกแก่สัตว์เหล่านั้นให้รู้

    การสร้างบารมีเพื่อขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป เป็นวัตถุประสงค์หลักของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกๆ ชีวิตไม่ว่าจะเป็นมหากษัตริย์ พระเจ้าจักรพรรดิ มหาเศรษฐี หรือยาจกวณิพก รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีวิญญาณครอง ล้วนมีวัตถุประสงค์ อย่างเดียวกันทั้งนั้น สรรพสัตว์ที่เกิดมาในโลกนี้ จะต้องเพียรเพื่อ ทำตนให้บริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ มุ่งไปสู่อายตนนิพพาน การที่จะทำเช่นนี้ได้ ต้องหมั่นทำใจให้หยุดให้นิ่ง จนกระทั่งได้เข้าถึงพระธรรมกายจึงจะมีอุปกรณ์ที่จะไปสู่อายตนนิพพานได้

    มีวาระแห่งภาษิตใน พุทธาปทาน ความว่า

    " กุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นกิริยาที่เราจะพึงกระทำ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กุศลกรรมนั้นเรากระทำแล้ว ได้ไปในไตรทศ สัตว์เหล่าใดผู้มีสัญญาก็ตาม ไม่มีสัญญาก็ตาม สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงเป็นผู้มีส่วนแห่งผลบุญที่เราได้กระทำแล้ว สัตว์เหล่าใดรู้บุญที่เราได้กระทำแล้ว เราให้ผลบุญแก่สัตว์เหล่านั้น บรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดไม่รู้ ขอทวยเทพจงไปบอกแก่สัตว์เหล่านั้นให้รู้ "

    นี่เป็นคำกล่าวของพระเจ้าติโลกวิชัย ที่กล่าวไว้ภายหลังจากที่ท่านได้สร้างมหาทานบารมีครั้งยิ่งใหญ่ และได้อุทิศส่วนบุญแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ท่านได้ชื่อว่า ผู้ชนะสิบทิศ เพราะท่านท่องไปทั่วทั้งสิบทิศเพื่อสร้างบารมี ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่พระนิพพาน ทิศทั้งสิบนั้นไม่เคยมีใครจะเดินทางไปถึง และใน ๑๐ ทิศนั้น มีพุทธเขตนับไม่ถ้วน พระเจ้าติโลกวิชัยสามารถท่องไปทั่วโลกธาตุที่ว่านั้นได้ ท่านไปด้วยจักรแก้ว กายของท่านมีรัศมีปรากฏเปล่งแสงออกเป็นคู่ๆ เป็นผู้ที่มีแสงสว่างไม่มีประมาณด้วยอำนาจของจักรแก้ว และแก้วมณี ปวงชนทั้งโลกธาตุมีมากมายเพียงใด ก็สามารถมองเห็นพระองค์ได้ และต่างประพฤติอยู่ในโอวาทของพระองค์

    *เมื่อพระเจ้าติโลกวิชัยเปล่งวาจาว่า ด้วยบุญนี้ในอนาคตกาล ขอให้เราได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก เหตุการณ์ในครั้งนั้น แม้แต่ภูเขาหินที่ไม่มีชีวิต ก็ยังเปล่งเสียงกึกก้องกัมปนาทดังกระหึ่มไปทั่วทุกทิศ มวลมนุษย์ทั้งหลายทั่วทั้งจักรวาล ต่างชื่นชมอนุโมทนา เหล่าทวยเทพผู้มีกายทิพย์ ที่สิงสถิตอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภุมมเทวา รุกขเทวา อากาสเทวา ไล่เรื่อยไปจนถึงสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นฟ้า พรหม อรูปพรหม ทั่วโลกธาตุเปล่งเสียงสาธุการ

    มาถึงตรงนี้ จะขยายความเกี่ยวกับโลกธาตุ เพื่อที่จะให้ทุกท่านได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น โลกธาตุนั้นมีอยู่ ๓ ขนาด มีขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระอานนท์ไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพลางทูลถามว่า " พระองค์เคยตรัสกับข้าพระองค์ว่า สาวกชื่ออภิภูของพระสิขีพุทธเจ้า ยืนอยู่บนพรหมโลกสามารถยัง ๑,๐๐๐ โลกธาตุ ให้ได้ยินเสียง แล้วพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสามารถตรัสให้โลกธาตุ ได้ยินพระสุรเสียงได้เท่าไร พระเจ้าข้า "

    พระศาสดาตรัสว่า " อานนท์ พระอภิภูนั้นเป็นเพียงพระสาวก แต่พระตถาคตทั้งหลาย ไม่มีใครจะเปรียบเทียบได้ " พระอานนท์ได้ฟังดังนั้นได้ทูลถามอีกเช่นเดิม พระพุทธองค์ก็คงตรัสตอบยืนยันเช่นเดิม เมื่อพระอานนท์ทูลถามอีกเป็นครั้งที่ ๓ พระพุทธองค์จึงตรัสถามว่า " เธอเคยได้ฟังหรือไม่ อานนท์ สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ " พระอานนท์ทูลว่า " ขอพระองค์ตรัสเถิดภิกษุทั้งหลายจะได้จดจำไว้ "

    พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอธิบายเกี่ยวกับโลกธาตุว่า " อานนท์ ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์แผ่รัศมีส่องแสง ทำให้สว่างไปทั่วทิศตลอดที่มีประมาณเท่าใด โลกมีเนื้อที่เท่านั้น จำนวน ๑,๐๐๐ ใน ๑,๐๐๐ โลกนั้น มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ภูเขาสิเนรุ อย่างละ ๑,๐๐๐ มีชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีปอย่างละ ๑,๐๐๐ มีมหาสมุทร มีมหาราชอย่างละ ๔,๐๐๐ มีสวรรค์ ๖ ชั้น และพรหมโลกซึ่งมีรูปพรหม ๑๖ ชั้น อรูปพรหม ๔ ชั้น ชั้นละ ๑,๐๐๐ นี้เรียกว่า สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ โลกธาตุอย่างเล็กมี ๑,๐๐๐ จักรวาล

    สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุมีเท่าใด โลกเท่านั้นคูณโดย ๑,๐๐๐ นี้เรียกว่า ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุ โลกธาตุขนาดกลางมี ๑,๐๐๐,๐๐๐ จักรวาล ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุมีเท่าใด เอาโลกธาตุนั้นคูณโดยส่วน ๑,๐๐๐ อย่างนี้เรียกว่า ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ โลกธาตุขนาดใหญ่มี ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิจักรวาล เมื่อตถาคตมีความปรารถนาจะพูดให้ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุได้ยินหรือปรารถนาพูดเท่าใดก็ได้ ตถาคตอยู่ในที่นี้ จะพึงแผ่รัศมีไปทั่วติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ เมื่อสัตว์ทั้งหลายในโลกธาตุเหล่านั้นรู้จักแสงสว่างนั้น ตถาคตก็บันลือสีหนาทให้สัตว์เหล่านั้นได้ยินด้วยวิธีอย่างนี้ "

    ครั้นจบพระกระแสพุทธดำรัส พระอานนท์อุทานออกมาว่า " เป็นลาภของข้าพระองค์หนอที่ได้ยินเช่นนี้ ข้าพระองค์ได้พระศาสดาผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพใหญ่อย่างนี้ " พระอุทายีเถระที่นั่งฟังอยู่ด้วย ก็กล่าวขัดขึ้นว่า " ท่านได้ประโยชน์อะไรในเรื่องนี้ อาวุโส อานนท์ ที่พระศาสดามีฤทธิ์มากมีอานุภาพใหญ่อย่างนั้น " พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระอุทายีว่า " อย่าพูดเช่นนั้น อุทายี ถ้าอานนท์จะพึงเป็นผู้ยังไม่สิ้นราคะ มรณภาพไป ด้วยความที่จิตเลื่อมใสในเราด้วยคำพูดเท่านี้ เธอจะพึงได้เป็นเทวราชในเทวโลก ๗ ชาติ เป็นมหาราชาในชมพูทวีป ๗ ชาติ แต่ที่แท้นั้น อานนท์จักปรินิพพานในชาติปัจจุบันนี้ทีเดียว "

    เพราะฉะนั้นการได้ยินเรื่องราวที่ลึกซึ้ง นำมาซึ่งมหาปีติ มีอานิสงส์มาก นี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกธาตุที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ในภพสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ วันที่พระองค์เสด็จจุติจากเทวโลก ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระพุทธมารดา ในวันประสูติ วันเสด็จออกผนวช วันตรัสรู้ วันทรงแสดงธรรมจักร วันทรงปลงอายุสังขาร และวันดับขันธปรินิพพาน โลกธาตุขนาดกลางก็หวั่นไหว มีโลกธาตุอย่างนี้นับกันไม่ถ้วน แสนโกฏิจักรวาลที่ได้ยินกันบ่อยๆ นั้น หมายถึงมหาสหัสสีโลกธาตุ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ามีพุทธประสงค์ จะทรงเปล่งพระรัศมีออกจากพระพุทธสรีระ ให้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายได้เห็น หรือได้ยินพระสุรเสียงก็สามารถทำได้อย่างสบายๆ

    มีคำหนึ่งที่ทุกท่านได้ยินกันบ่อยๆ คือคำว่า อนันตจักรวาล หมายถึง จำนวนจักรวาลที่นับไม่ถ้วน ดังข้ออุปมาเพื่อให้ทุกท่านพอจะนึกภาพออก สมมติว่า ถ้าเราเอาแสนโกฏิจักรวาลที่กล่าวมานั้น ทำให้เป็นพื้นที่ว่างๆ แล้วนำเมล็ดพันธุ์ผักกาดใส่ไปให้เต็มแสนโกฏิจักรวาลไล่เรื่อยไปจนถึงพรหมโลก เมล็ดพันธุ์ผักกาด เมล็ดหนึ่งนับเป็นหนึ่งจักรวาล จากนั้นเราก็หยิบออกทีละเมล็ดไปวางเรียงไว้ทางทิศเหนือ จนกระทั่งเมล็ดผักกาดหมด จักรวาลทางทิศเหนือก็ยังไม่หมดสิ้นไป ยังมีอยู่อีกมากมาย

    ส่วนในทิศอื่นก็ทำทำนองเดียวกันกับทางทิศเหนือ คือ หยิบเมล็ดผักกาดซึ่งเต็มทั้งแสนโกฏิจักรวาลออกทีละเมล็ดวางเรียงออกไป จนกระทั่งเมล็ดผักกาดหมด จักรวาลก็ยังมีเหลืออยู่อีก ดังนั้น อนันตจักรวาลจึงหมายถึง จักรวาลที่มีมากมายสุดที่จะนับจะประมาณได้ นี้คือความอัศจรรย์ที่อยากจะให้ทุกคนได้เรียนรู้ ศึกษาไว้ เพราะพวกเราเป็นนักสร้างบารมีที่ยังต้องเดินทางต่อไปอีก จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม

    พระเจ้าติโลกวิชัยพระองค์ทรงมีอานุภาพมาก สามารถที่จะท่องไปในโลกธาตุทั้งหลายได้ และทรงสร้างมหาทานบารมีกับเนื้อนาบุญในพุทธเขตที่ไม่มีประมาณ หลังจากที่พระองค์ ทรงสร้างทานบารมีแด่พระอริยเจ้านับพระองค์ไม่ถ้วน ซึ่งในประวัติศาสตร์ของจอมจักรพรรดิทั้งหลาย ยังไม่มีใครสามารถทำได้อย่างพระองค์ เมื่อทรงสร้างบารมีแล้ว ทรงแผ่ส่วนบุญ แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เรื่องราวของท่านยังไม่จบ ซึ่งจะได้ศึกษากันในตอนต่อไป

    *มก. พุทธาปทาน เล่ม ๗๐ หน้า ๓

    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=18591
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่ ๔
    ( พลานุภาพแห่งบุญ )

    ไม่มีผู้เสมอด้วยปัญญา เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ และในป่า อาหารทิพย์ รัตนะทุกอย่าง ของหอมทุกชนิด ยวดยานทุกชนิด ดอกไม้ทุกชนิด สิ่งที่เราปรารถนาเข้ามาหาเรา เราเป็นใหญ่กว่าเทวดา และมนุษย์ เป็นผู้สมบูรณ์ ด้วยรูปลักษณะ

    สังขารร่างกายของเราทุกคน กำลังเดินทางไปสู่ความเสื่อมสลาย ร่างกายที่เคยแข็งแรง ก็อ่อนแอลงไปตามกาลเวลา บัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลายจึงดำรงชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาท เพราะตระหนักดีว่า คุณค่าที่แท้จริงและเป็นแก่นสารของชีวิตนั้น คือ การสั่งสมบุญบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อเป็นเสบียงเดินทางไกลในสังสารวัฏ จนกว่าจะสามารถกำจัดอาสวกิเลสทั้งหลาย ให้หมดสิ้นไป ได้เข้าถึงพระนิพพานอันเกษม

    มีวาระแห่งภาษิตใน พุทธาปทาน ความว่า

    " ไม่มีผู้เสมอด้วยปัญญา เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่ แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ และในป่า อาหารทิพย์ รัตนะทุกอย่าง ของหอมทุกชนิด ยวดยานทุกชนิด ดอกไม้ทุกชนิด สิ่งที่เราปรารถนาเข้ามาหาเรา เราเป็นใหญ่กว่าเทวดา และมนุษย์ เป็นผู้สมบูรณ์ ด้วยรูปลักษณะ "

    นี่เป็นคำกล่าวของพระเจ้าติโลกวิชัย วันนี้จะนำเรื่องราวของพระองค์มาเล่าต่อจากตอนที่แล้ว หลังจากที่พระองค์ได้สร้างมหาทานบารมี และได้ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ทำให้สรรพสัตว์ทั่วทั้งโลกธาตุต่างยินดีปรีดา พากันตั้งความปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะในศาสนาของพระองค์ โลกในยุคนั้นสว่างไสวด้วยแสงธรรม เพราะทุกคนประพฤติปฏิบัติธรรมกันเป็นปกติ

    *พระองค์ทรงอาศัยอยู่ในรัตนมหาปราสาท ในปราสาทแก้ว มีสิ่งที่ทำให้รื่นรมย์ใจมากมาย รอบปราสาทมีนกยูงรำแพน หางดูสวยงาม มีหงส์ทิพย์ส่งเสียงไพเราะขับกล่อม และหมู่นกการะเวกก็พากันขับขาน กลองทุกชนิดดังขึ้นเอง พิณทุกชนิดก็ดีดขึ้นเอง เครื่องสังคีตทุกชนิดบรรเลงเองอย่างน่าอัศจรรย์ และยังมีบัลลังก์ทองใหญ่ที่มีรัศมีสว่างไสว ตั้งอยู่ในกำหนด พุทธเขต และในหมื่นจักรวาลเรียงรายสวยงามมาก
    ในแต่ละที่ จะมีต้นไม้ประจำทวีป ต้นไม้ประจำทวีปทั้งหมดต่างส่องแสงสว่างเป็นอย่างเดียวกันสืบต่อกันไป หญิงนักร้องฟ้อนรำก็เต้นรำขับร้องไป สร้างความเบิกบานสราญใจให้พระเจ้าจักรพรรดิ และยังมีเหล่านางอัปสร ประดับประดาด้วย เครื่องประดับทิพย์สวยงาม พากันมาปรากฏอยู่รายรอบปราสาท พระเจ้าติโลกวิชัยยังให้ชักธงทุกชนิดมี ๕ สี งามวิจิตรประดับไว้บนยอดไม้ ยอดภูเขา และบนยอดเขาสิเนรุ เมื่อหมู่มนุษย์ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ และเทวดาเข้ามาหาพระองค์ ต่างก็ประณมมือไหว้แวดล้อมปราสาทอยู่

    พระเจ้าจักรพรรดิมีเมตตาต่อผู้อยู่ในเขตแดนที่ปกครอง พระองค์จะตั้งจิตอธิษฐานว่า ปวงสัตว์ในโลกผู้อาศัยอาหารเป็นอยู่ทุกจำพวก ขอจงได้อาหารอันน่าพอใจด้วยใจของเรา เมื่อตั้งจิตอย่างนี้ อาหารทั้งหลายก็บังเกิดขึ้น พระองค์สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งโลกเพียงแค่ใจนึกคิดเท่านั้น นี้เป็นพลานุภาพที่เกิดจากการสร้างบารมี ที่ท่านให้ทานอย่างหมดใจ บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย และพระอรหันตเจ้าทั้งปวง

    เมื่อพระองค์สวรรคต จักรแก้วก็อันตรธานหายไป สาเหตุที่จักรแก้วหายไปนั้น ด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ การสวรรคตของพระเจ้าจักรพรรดิ หรือพระเจ้าจักรพรรดิทรงออกผนวช จักรแก้วจะอันตรธานหายไปก็ต่อเมื่อผ่านไป ๗ วัน นับจากวันสวรรคตหรือทรงออกผนวช

    ในจักรวาลหนึ่งจะมีพระเจ้าจักรพรรดิบังเกิดขึ้นได้ครั้งละพระองค์เดียวเท่านั้น พระเจ้าจักรพรรดิจะไม่ทรงอุบัติขึ้นพร้อมกัน ๒ พระองค์ เพราะจะทำให้มนุษย์ไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้าพระเจ้าจักรพรรดิ ๒ พระองค์บารมีไม่เท่ากัน ความคิด คำพูด และการกระทำก็จะไม่เสมอกัน สรรพสัตว์ที่อยู่ในโอวาทของพระเจ้าจักรพรรดิก็จะไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน และอานุภาพแห่งจักรแก้ว มีมากเกินกว่าจักรวาลเดียวจะรับได้ เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิรบชนะ พิชิตไปทั้ง ๔ ทวีป จักรแก้วจะลอยสถิตนิ่งๆ ท่ามกลางนภากาศ เพราะหากมีการเคลื่อนไหวสักเล็กน้อย นั่นจะเป็นเครื่องบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าจักรพรรดิ พระองค์นั้น ดังนั้น เวลาที่พระเจ้าจักรพรรดิปรารถนาที่จะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง และเป็นการเตรียมพระองค์ไว้ก่อน พระองค์ จะสั่งให้ขึงเชือกไว้ทั้งข้างล่างและข้างบนของจักรแก้ว จากนั้นราชบุรุษจะไปวัดระดับของการเคลื่อนย้ายของจักรรัตนะนั้น ทุกๆ วัน หลังจากที่พระเจ้าติโลกวิชัยจักรพรรดิราชสวรรคตแล้ว จักรแก้วนั้นก็อันตรธานไป

    ด้วยอำนาจแห่งความดีที่ท่านได้สั่งสม และด้วยการตั้งความปรารถนาของพระองค์ ครั้นละโลกแล้ว ท่านได้บังเกิดบนดาวดึงสพิภพ ท่องเที่ยวอยู่ในสองภพภูมิเท่านั้น คือ เป็นเทวดาและมนุษย์โดยไม่รู้จักคติอื่นเลย นี้เป็นผลแห่งการตั้งความปรารถนาด้วยใจ ตอนเป็นเทพบุตรก็เป็นใหญ่กว่าเทวดาทั้งหลาย เป็นมนุษย์ก็เป็นใหญ่ในเมืองมนุษย์ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยรูปลักษณะ ไม่มีผู้เสมอด้วยปัญญา

    บุญที่สร้างไว้ดีแล้วนั้น ทำให้ท่านสมความปรารถนาในทุกสิ่ง หากปรารถนาสิ่งใดไม่ว่าจะเป็นโภชนาหาร รัตนะอันมีค่า หรือผ้าชนิดต่างๆ เพียงแค่ท่านนึกถึง และชี้มือไปในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ หรือในป่า สิ่งที่ต้องการ จะน้อมเข้ามาหาท่านทันที

    พระองค์ท่านถึงกับเปล่งอุทานว่า " เราปรารถนาของหอม ชี้มือไปในป่า ของหอมทุกอย่างย่อมบังเกิดขึ้นแก่เรา เราปรารถนายวดยาน ชี้มือไปบนอากาศ ยวดยานทุกชนิดย่อมเข้ามาหาเรา เราปรารถนาดอกไม้ ชี้มือไปในแผ่นดิน ดอกไม้ทุกชนิด ย่อมเข้ามาหาเรา เราปรารถนาเครื่องประดับ ของเคี้ยว น้ำผึ้ง น้ำตาล เพียงแค่ชี้มือเท่านั้น เครื่องประดับ ของเคี้ยว น้ำผึ้ง น้ำตาล ก็บังเกิดขึ้นแก่เรา " นี่เป็นพลานุภาพแห่งบุญที่พระองค์ได้สั่งสมไว้อย่างดีแล้วในภพชาตินั้น

    พระองค์ท่านให้ทานแก่คนไม่มีทรัพย์ คนเดินทางไกล ยาจก เพื่อต้องการบรรลุพระสัมโพธิญาณอันประเสริฐ เพียงตั้งความปรารถนา มนุษยโลก พร้อมทั้งเทวโลกต่างร่าเริงยินดีที่จะได้มีส่วนในบุญกับพระพุทธเจ้า และในภพนั้น ท่านได้ท่องไปทั่วทิศทั้งสิบ ที่มีพุทธเขตนับไม่ถ้วน ได้สร้างบารมีอย่างเต็มที่ด้วยกายมนุษย์ สำเร็จทุกอย่าง ดุจของทิพย์ที่สำเร็จได้ด้วยใจปรารถนา นอกจากนั้นท่านยังได้อธิษฐานว่า " ในอนาคตกาลเราจะตีกลองอมฤตธรรมมีเสียงบันลือไพเราะ สละสลวย ปวงชนที่ตามเรามา จงได้ยินเสียงอันไพเราะของเรา เมื่อเมฆฝน คือ ธรรมธาราตกลงมา ปวงชนจะเป็นผู้ไม่มีอาสวะ แม้ผู้มีบารมีอ่อนที่สุด ก็ขอให้บรรลุธรรมาภิสมัย เราได้ให้ทานที่ควรให้ บำเพ็ญศีลโดยไม่เหลือ ถือเนกขัมมบารมี เพื่อบรรลุพระสัมโพธิญาณอันอุดม "

    เมื่อท่านกล่าวถึงตรงนี้ ท่านก็ได้กล่าวเตือนมวลมนุษย์ทั้งหลายว่า " ท่านทั้งหลายจงเห็นความเกียจคร้านและความวิวาทโดยเป็นภัย และเห็นความเพียรความไม่วิวาทโดยเป็นความเกษม จงปรารภความเพียร กล่าววาจาอ่อนหวานแก่กันและกัน จงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เมื่อพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายมาประชุมกัน ท่านทั้งหลายจงกราบไหว้บูชา พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายเถิด เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นอจินไตย พระธรรมของพระองค์ก็เป็นอจินไตย เมื่อบุคคลเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า และพระธรรมอันเป็นอจินไตย ย่อมมีวิบากเป็นอจินไตย "

    เราจะเห็นว่า ชีวิตของผู้ชนะสิบทิศที่แท้จริงนั้น คือผู้ที่เห็นคุณค่าของการสร้างบารมี จะแสวงหาทางสร้างบารมีไปทั่วทุกทิศ ด้วยใจที่เคารพเลื่อมใสไม่มีประมาณ และจะสร้างบารมีจนหมดใจ จะไม่ประมาทในการสร้างบารมี แม้จะเป็นผู้ที่สมบูรณ์พร้อมในทุกสิ่งแล้วก็ตาม ดังนั้น พวกเราควรประพฤติปฏิบัติตามแบบอย่างพระโพธิสัตว์ ทำอย่างเต็มที่เต็มกำลังของเรา การเกิดมาในภพชาตินี้ จะคุ้มค่าสมกับที่ได้เกิดมาพบต้นแบบแห่งการสร้างบารมี

    *มก. พุทธาปทาน เล่ม ๗๐ หน้า ๔

    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=18591
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  7. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>คดีพลิก! เซ็นทรัลเวิลด์ส่อแห้วประกันไฟไหม้ ฝรั่งยันเข้าข่ายก่อการร้าย </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เซ็นทรัลเวิลด์ส่อแววแห้วเคลมประกัน 1.3 หมื่นล้าน "เทเวศ"

    ชี้ฝรั่งระบุชัดเข้าข่ายก่อการร้าย แนะฟ้องร้องให้ศาลตัดสิน อาจได้เงินค่าเสียหาย 5-6 พันล้าน แต่ต้องใช้เวลานาน 5-7 ปี ส่วนห้างเซนเสียหายประมาณ 2 พันล้าน คาดว่าจะจ่ายให้ต้นปีหน้า


    กรณีการชุมนุมม็อบเสื้อแดงเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

    ซึ่งมีบริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risk : IAR) ให้กับบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทุนประกันเกือบ 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นเวิลด์ทุนประกัน 1.3 หมื่นล้านบาท และรับประกันก่อการร้ายกับห้างสรรพสินค้าเซนมูลค่า 3.3 พันล้านบาท ขณะที่บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) รับประกันภัยก่อการร้าย ทุนประกัน 3.5 พันล้านบาท


    นายอนันต์ เกษเกษมสุข กรรมการผู้จัดการ เทเวศประกันภัย กล่าวว่า ล่าสุด บริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศ (รีอินชัวเรอส์) มีจุดยืนว่า

    ความเสียหายของเซ็นทรัลเวิลด์ เกิดจากภัยก่อการร้าย ดังนั้น เซ็นทรัลอาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน เนื่องจากกรมธรรม์ประเภทนี้จะคุ้มครองภัยที่เกิดจากการโจรกรรม หรือจลาจล และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินผู้เอาประกันภัย รวมถึงความสูญเสียจากการหยุดชะงักของธุรกิจ (Business Interruption) จนทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องสูญเสียรายได้ แต่ไม่รวมภัยจากการก่อการร้าย ซึ่งมีความรุนแรงในระดับที่สูงกว่า


    "ที่บริษัทคาดว่าจะไม่คุ้มครอง เพราะรีอินชัวเรอส์เข้ามาพิสูจน์หลักฐานต่างๆ อย่างละเอียดแล้วพบว่าเข้าข่ายก่อการร้ายจริงๆ โดยดูจากบริบทรอบข้าง ไม่ได้ยึดคำประกาศของรัฐบาลเป็นหลัก นอกจากนี้ ตามเงื่อนไขของประกัน IAR จะมีหมายเหตุว่า ไม่คุ้มครองภัยที่เกิดจากการก่อการร้าย เพราะเป็นภัยเฉพาะเจาะจง โดยยึดจากตัวอย่างเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน 2544 หรือ 9/11 ในสหรัฐอเมริกา เป็นต้นมา และเหตุการณ์นี้เขาก็สรุปว่ารุนเเรงกว่าจลาจล"นายอนันต์กล่าว

    นายอนันต์กล่าวว่า หากเซ็นทรัลพัฒนาเห็นว่าน่าจะมีข้อสรุปที่ดีกว่า และยังรู้สึกสงสัยกับจุดยืนของรีอินชัวเรอส์

    ประกอบกับเห็นว่าค่าเสียหายที่จะได้รับจากการประกันก่อการร้ายต่ำกว่าค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 5-6 พันล้านบาท เซ็นทรัลก็อาจนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการศาลได้ โดยให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาคดีความ ซึ่งอาจใช้เวลา 5-7 ปี ทั้งนี้ เห็นว่าทางรีอินชัวเรอส์น่าจะพร้อมชี้แจงกับผลสรุปดังกล่าว
    นายอนันต์กล่าวว่า ในส่วนของห้างสรรพสินค้าเซนที่ทำประกันก่อการร้ายมูลค่า 3.3 พันล้านบาท ซึ่งผลจากการประเมินความเสียหายคืบหน้าไปกว่า 95% ในเบื้องต้นพบว่า มูลค่าความเสียหายกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งยังไม่เกินทุนประกัน โดยบริษัทจะรอข้อสรุปที่เหลือก่อนจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายได้ไม่เกินไตรมาส 1 ปีหน้า

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สมิทธเตือนภาคใต้ธ.ค.มีพายุ-สึนามิมีแน่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ปธ.มูลนิธิเตือนภัยพิบัติฯยกสถิติ59ปีแปซิฟิคจะเกิดพายุไม่ต่ำ9ลูก "สึนามิ"เกิดแน่แต่ไม่รู้เวลาไหน เหตุคราวก่อนเปลือกโลกเคลื่อนแค่ครึ่งเดียว
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>-->

    ดอกเตอร์สมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยระหว่างการเดินทางลงพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมซ้อมแผนรับมือพิบัติภัยทางน้ำในวันที่ 24 พ.ย.2553 ว่า แม้ประเทศไทยจะเกิดพิบัติภัยรุนแรงมาแล้วทั่วทุกภาค แต่จากข้อมูลสถิติต่างๆ พบว่าเดือนธันวาคมนี้ยังเป็นช่วงที่ยังจะต้องเฝ้าระวังอันตรายพิบัติภัยต่อไป โดยเฉพาะภัยจากพายุ


    เนื่องจากยังคงได้อิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานิญา จะส่งผลให้เกิดพายุในมหาสมุทรแปซิฟิค

    จากสถิติจัดเก็บย้อนหลังไป 59 ปีคือช่วงระหว่างปี พ.ศ.2494-2552 ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิคจะมีพายุเกิดขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 9 ลูก ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีพายุลูกใดบ้างพัดเข้าประเทศไทย หากโชคดีอาจจะไม่มี แต่หากโชคร้ายอาจจะมีเพียงแค่ 1-2 ลูกแต่ก็แย่แล้ว อย่างเช่นล่าสุดพายุพัดถล่มภาคใต้แค่เพียงลูกเดียวก็เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง


    "สาเหตุที่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเสียหายมากในช่วงที่ผ่านมา คือปัญหาระบบการเตือนภัยที่ทุกฝ่ายต่างหันไปโทษอุปกรณ์ไม่พร้อม แต่ผมมองว่าเกิดปัญหาที่คน และเป็นความผิดพลาดของมนุษย์ที่ไม่แจ้งเตือนภัยได้อย่างทันท่วงที เมื่อเกิดเหตุการณ์พิบัติภัยทั้งที่ระบบการเตือนภัยมีมาก ทั้งระบบหลักและระบบสำรอง อาทิ การใช้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ การแจ้งผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แจ้งผ่านระบบสัญญาณโทรศัพท์มือถือ การแจ้งผ่านเว็บไซต์ การแจ้งผ่านหอเตือนภัย แต่ที่ผ่านมาไม่ปรากฏมีการแจ้งเตือน ทำให้ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลชัดเจน และไม่สามารถเตรียมตัวได้ทัน"


    เขายังกล่าวถึงกระแสข่าวการเกิดสึนามิในภาคใต้ โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามันช่วงปลายปีนี้ว่า

    พูดเสมอว่าไม่มีเทคโนโลยีใดระบุวันเวลาการเกิดสึนามิได้อย่างชัดเจน แต่ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ภาคใต้รวมถึงจ.ระนองจะเกิดสึนามิอีกครั้ง ต้องบอกว่ามีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน ทั้งยังมีความเสี่ยงสูงจะประสบความเสียหายระลอกใหม่ โดยสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์และนักธรณีวิทยา เป็นห่วงมากคือรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกในแนวของรอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุยพาดผ่าน จ.สุราษฏร์และนครศรีธรรมราช มีความเสี่ยงจะเกิดการเลื่อนอีกครั้ง เนื่องจากในปี 2547 ที่เกิดเหตุการณ์สึนามิรอยเลื่อนแนวดังกล่าวมีการเลื่อนเพียงครึ่งเดียวจากเกาะนิโคบาถึงเกาะสุมาตร แต่ส่วนที่พาดผ่านมาถึงประเทศไทยพื้นที่ภาคใต้ยังไม่เลื่อน


    รวมถึงปัจจัยการระเบิดของภูเขาไฟในอินโดนีเซีย ก็มีผลต่อการสั่นสะเทือนของแผ่นเปลือกโลกอาจส่งผลกระทบต่อแนวรอยเลื่อน

    จนนำมาซึ่งการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิได้อีก ส่วนจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วอย่างไรนั้น ไม่มีใครสามารถระบุวันเวลาชัดเจนได้ แต่ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องดังกล่าวทั้งของไอซ์แลนด์ ญี่ปุ่น ต่างมีความเห็นตรงกันว่ามีความเป็นไปได้ และมีโอกาสเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และหากเกิดระดับความรุนแรงจะสูงกว่าครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากจุดที่เกิดตรงแนวรอยเลื่อนเข้ามาใกล้และติดกับชายฝั่งทะเลอันดามันของไทย ซึ่งน่ากลัวมาก


    "จากเหตุการณ์และบทเรียนที่ผ่านมา ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องลงมาดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการพัฒนาระบบการเตือนภัย ปัจจุบันยังมีปัญหาทั้งอุปกรณ์ บุคคลากร และโครงสร้างการทำงาน แต่หากระบบไม่พร้อม ทางแก้อย่างหนึ่งที่ทำได้คือการใช้วิธีการแบบชาวเล คือสังเกตุความผิดปกติของแผ่นดินหากเกิดการสั่นสะเทือนที่รู้สึกได้ และเห็นน้ำทะเลลดลงผิดปกติจากน้ำขึ้น น้ำลง ก็ให้รีบหนีขึ้นที่สูงทันทีก็จะสามารถเอาชีวิตให้ปลอดภัย" ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าว
    <!-- Tags Keyword -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "พระเจ้ามาจากอวกาศ"

    [​IMG]

    พระเจ้าจักรพรรดิราช (ท่องไปทั่วโลกธาตุ อย่างน้อย ๑,๐๐๐ จักรวาล)

    "กุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นกิริยาที่เราจะพึงกระทำ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กุศลกรรมนั้นเรากระทำแล้ว ได้ไปในไตรทศ สัตว์เหล่าใดผู้มีสัญญาก็ตาม ไม่มีสัญญาก็ตาม สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงเป็นผู้มีส่วนแห่งผลบุญที่เราได้กระทำแล้ว สัตว์เหล่าใดรู้บุญที่เราได้กระทำแล้ว เราให้ผลบุญแก่สัตว์เหล่านั้น บรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดไม่รู้ ขอทวยเทพจงไปบอกแก่สัตว์เหล่านั้นให้รู้ "​

    นี่เป็นคำกล่าวของพระเจ้าติโลกวิชัย ที่กล่าวไว้ภายหลังจากที่ท่านได้สร้างมหาทานบารมีครั้งยิ่งใหญ่ และได้อุทิศส่วนบุญแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ท่านได้ชื่อว่า ผู้ชนะสิบทิศ เพราะท่านท่องไปทั่วทั้งสิบทิศเพื่อสร้างบารมี ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่พระนิพพาน ทิศทั้งสิบนั้นไม่เคยมีใครจะเดินทางไปถึง และใน ๑๐ ทิศนั้น มีพุทธเขตนับไม่ถ้วน พระเจ้าติโลกวิชัยสามารถท่องไปทั่วโลกธาตุที่ว่านั้นได้ ท่านไปด้วยจักรแก้ว กายของท่านมีรัศมีปรากฏเปล่งแสงออกเป็นคู่ๆ เป็นผู้ที่มีแสงสว่างไม่มีประมาณด้วยอำนาจของจักรแก้ว และแก้วมณี ปวงชนทั้งโลกธาตุมีมากมายเพียงใด ก็สามารถมองเห็นพระองค์ได้ และต่างประพฤติอยู่ในโอวาทของพระองค์​

    พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอธิบายเกี่ยวกับโลกธาตุว่า " อานนท์ ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์แผ่รัศมีส่องแสง ทำให้สว่างไปทั่วทิศตลอดที่มีประมาณเท่าใด โลกมีเนื้อที่เท่านั้น จำนวน ๑,๐๐๐ ใน ๑,๐๐๐ โลกนั้น มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ภูเขาสิเนรุ อย่างละ ๑,๐๐๐ มีชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีปอย่างละ ๑,๐๐๐ มีมหาสมุทร มีมหาราชอย่างละ ๔,๐๐๐ มีสวรรค์ ๖ ชั้น และพรหมโลกซึ่งมีรูปพรหม ๑๖ ชั้น อรูปพรหม ๔ ชั้น ชั้นละ ๑,๐๐๐ นี้เรียกว่า สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ โลกธาตุอย่างเล็กมี ๑,๐๐๐ จักรวาล​

    สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุมีเท่าใด โลกเท่านั้นคูณโดย ๑,๐๐๐ นี้เรียกว่า ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุ โลกธาตุขนาดกลางมี ๑,๐๐๐,๐๐๐ จักรวาล ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุมีเท่าใด เอาโลกธาตุนั้นคูณโดยส่วน ๑,๐๐๐ อย่างนี้เรียกว่า ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ โลกธาตุขนาดใหญ่มี ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิจักรวาล เมื่อตถาคตมีความปรารถนาจะพูดให้ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุได้ยินหรือปรารถนาพูดเท่าใดก็ได้ ตถาคตอยู่ในที่นี้ จะพึงแผ่รัศมีไปทั่วติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ เมื่อสัตว์ทั้งหลายในโลกธาตุเหล่านั้นรู้จักแสงสว่างนั้น ตถาคตก็บันลือสีหนาทให้สัตว์เหล่านั้นได้ยินด้วยวิธีอย่างนี้ "​

    จากข้อความในพระไตรปิฏกนี้ เราจะเห็นได้ว่าพระเจ้าที่มนุษย์ต่างดาวให้ความเคารพนับถือกันนั้น ที่จริงแล้วก็คือพระเจ้าจักรพรรดิราช ที่จะมาบังเกิดใน ๑ โลกธาตุ ได้คราวละ ๑ พระองค์นั่นเอง พระองค์ทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะดลบันดาลสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้เพียงแค่ทรงนึกคิดเท่านั้น จึงไม่แปลกเลยที่มนุษย์ต่างดาวจะเชื่อว่าพระเจ้าจักรพรรดิ คือผู้สร้างสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายให้เกิดขึ้นมาในจักรวาลต่างๆ เมื่อมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้เดินทางมายังโลกของเราในครั้งอดีตกาล ก็นำความคิดความเชื่อเรื่องของพระเจ้านี้ มาถ่ายทอดให้มนุษย์โลกของเราได้เชื่อถือตาม จนเกิดเป็นศาสนาต่างๆ ที่นับถือพระเจ้าอย่างที่เราได้เห็นกันในปัจจุบันนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1258368960.jpg
      1258368960.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.3 KB
      เปิดดู:
      1,474
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2010
  9. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ผวาลางร้ายหลวงพ่อโตหลั่งโลหิต </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ชาวบ้านสี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ ผวาลางร้าย “หลวงพ่อโต” วัดสี่ร้อย มีเลือดไหลออกเป็นสายทั่วองค์


    วันนี้ (24 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบยังบริเวณวัดสี่ร้อย หมู่ 4 ต.สี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งว่า มีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปดูหลวงพ่อโต วัดสี่ร้อย พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ สูง 21 เมตร หน้าตักกว้าง 6 เมตรเศษ ซึ่งเกิดปรากฏการณ์ประหลาด มีเลือดไหลออกตามร่างกาย พบประชาชนจำนวนมากต่างจับกุมยื่นวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น บางกลุ่มต่างนำกล้องมาถ่ายภาพ บางกลุ่มได้เข้าไปกราบไหว้

    ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบบริเวณองค์หลวงพ่อโต พบบริเวณจมูกด้านซ้าย มีรอยลักษณะคล้ายเลือดไหลออกมาเป็นทางยาวถึงริมฝีปาก เช่นเดียวกับบริเวณหน้าอก ส่วนบริเวณหัวไหล่ด้านหลังพบรอยคล้ายเลือดไหลลงมาจนเกือบถึงบริเวณเอว

    จากการสอบถาม นายจำนง ถนอมศิลป์ อายุ 63 ปี ผู้ดูแลองค์หลวงพ่อโต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา

    ขณะตนเองได้ขึ้นไปเปลี่ยนผ้าให้กับหลวงพ่อโต ยังไม่ได้พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด กระทั่งวานนี้ มีคนเห็นเลือดไหลออกมาทางจมูกของหลวงพ่อ แต่วันนี้ปรากฏว่าพบรอยเลือดออกมาจากหน้าอก และด้านหลังอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าว เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2530

    สำหรับวัดสี่ร้อย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อย หมู่ 4 ต.สี่ร้อย สันนิษฐานว่า ตั้งขึ้นเป็นอนุสรณ์แก่ ขุนรองปลัดชู และชาวบ้านวิเศษชัยชาญ 400 คน ที่เสียชีวิตในสงคราม ระหว่างไทยกับพม่า ที่เมืองกุย ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.2302 ส่วนองค์หลวงพ่อโตนั้น ได้สร้างขึ้นมาพร้อมกับวัด และอยู่คู่กับชาววิเศษชัยชาญมาจนถึงปัจจุบัน.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หวั่น3อำเภอสกลนครประสบภัยแล้ง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เขื่อนน้ำอูนวิกฤต เหลือน้ำแค่ครึ่งอ่าง ผู้ว่าฯเรียกประชุมคณะกรรมการลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง-พืชเกษตรรับมือภัยแล้ง


    วันนี้ (24พ.ย.) ที่ทำการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำอูน อ.พังโคน จ.สกลนคร นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เรียกประชุมคณะกรรมการจัดการน้ำชลประทาน ในเขตเขื่อนน้ำอูน พื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.พังโคน อ.พรรณนานิคม และอำเภอเมือง เพื่อทราบแผนการจัดสรรน้ำที่จะใช้ในฤดูแล้งปี 2553/2554 เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำลดลงจากระดับเก็บกัก คงเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ของการเก็บกัก เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในปลายฤดู

    นายอำนาจ กล่าวว่า ขณะนี้มีบริษัทเอกชนที่เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่รับน้ำจากโครงการส่งน้ำของเขื่อนน้ำอูนจำนวน 15 แห่ง

    ใช้เพาะปลูกมะเขือเทศ ปลูกดอกไม้คัดเมล็ดพันธุ์ เพื่อส่งออกต่างประเทศ รวมทั้งปลูกข้าวนาปรังในปี 2553/2554 มากกว่า 1 แสนไร่ จากการประเมินความเสี่ยงของการใช้น้ำในปีพบว่าควรให้เกษตรกรลดพื้นที่การใช้น้ำเหลือ 6 หมื่นไร่ เพราะขณะนี้แม้ว่าจะอยู่ในช่วงต้นฤดู แต่ปริมาณน้ำเหลือเพียง 350 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณอ่าง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องบริหารการใช้น้ำอย่างรอบครอบ ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะแล้งที่สุดในรอบ 50 ปี โดยทางเขื่อนจะปล่อยน้ำเพื่อการเกษตรในระหว่างวันที่ 1 - 2 ธ.ค.นี้ หลังจากทีปิดการส่งน้ำตังแต่ช่วงปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เพราะระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนมวลอากาศเย็นจากจีนแผ่คลุมไทย 25-28พ.ย.อากาศจะเย็นลง1-4องศา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553 ดังนี้

    ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลงอีก แต่ยังคงทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ขอให้ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ส่วนภาคใต้มีฝนกระจายในระยะนี้

    ในช่วงวันที่ 25-28 พ.ย. นี้ บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนในระยะแรก และต่อจากนั้นอุณหภูมิลดลง 1-4 องศา ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นเนื่องจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้น

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ
    อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
    โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น
    อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณชายฝั่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 33 องศา
    ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้าและมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เกาหลีใต้ระงับส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ช่วยเกาหลีเหนือ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เกาหลีใต้ 24 พ.ย. - เกาหลีใต้ระงับการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเกาหลีเหนือ หลังเกาหลีเหนือระดมยิงปืนใหญ่โจมตีเกาะของเกาหลีใต้ จนทำให้นาวิกโยธินเกาหลีใต้เสียชีวิต 2 นาย

    กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดขึ้นเมื่อวานนี้

    เกาหลีใต้จึงต้องระงับการส่งซีเมนต์ 7,000 ตัน และเวชภัณฑ์มูลค่า 580 ล้านวอน ไปให้แก่เกาหลีเหนือ ซึ่งเคยสัญญาไว้เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์เกาหลีเหนือที่ประสบอุทกภัยรุนแรงเมื่อเดือนสิงหาคม ขณะที่ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้ได้ส่งข้าว 5,000 ตัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 3 ล้านห่อ และปูนซีเมนต์ 3,000 ตัน ไปให้เกาหลีเหนือแล้ว

    ทั้งนี้ กาชาดและองค์กรเอกชนของเกาหลีใต้สัญญาจะมอบความช่วยเหลือมูลค่า 10,000 ล้านวอน หรือราว 250 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเกาหลีใต้.-สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>บัวแก้วยันไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบจาก 2 เกาหลีปะทะกัน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    นายธานี ทองภักดี รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีข่าวการเกิดเหตุการณ์ใช้อาวุธ ระหว่างกองกำลังของสาธารณรัฐเกาหลีกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ในบริเวณทะเลตะวันตก ว่า รัฐบาลไทยมีความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับทั้งสองประเทศ จึงหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว

    อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในเบื้องต้นไม่ปรากฏว่ามีคนไทยได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากปกติจะไม่มีคนไทยอาศัยอยู่บนเกาะยอนพยอง ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุในครั้งนี้ และทางการไทยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป โดยหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ในหลวงเสด็จเปิดสะพาน ภูมิพล
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เตรียมเสด็จพระราชดำเนินทางรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จากอารคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราชในเวลา 16.30 น. ไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่า คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ประทับเรือพระที่นั่ง อังสนา ที่กองทัพเรือจัดถวาย เสด็จพระราชดำเนิน ทางชลมารค จากโรงพยาบาลศิริราชไปยังคลอง ลัดโพธิ์ ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อทรงเปิดประตูระบายน้ำ คลองลัดโพธิ์ และทรงเปิดสะพานภูมิพล1 และภูมิพล2
    ทั้งนี้ เรือพระที่นั่ง อังสนา ใช้เส้นทางเดินเรือ ในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งในเวลา 18.00น. ถึงบริเวณปากคลองประตูระบายน้ำ ในขณะเดียวกันวงดุริยางค์ จะบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กราบบังคมทูลถวายรายงาน
    จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทอดพระเนตรวีดิทัศน์ ความเป็นมาของโครงการบนเรือพระที่นั่ง ทรงวางพระหัตถ์บนแท่นที่ฉายภาพแผนที่ เพื่อทรงเปิดประตูระบายน้ำ และสะพานภูมิพล1 พร้อมสะพานภูมิพล 2 ทรงทอดพระเนตรวีดิทัศน์เทคนิคพิเศษ เล่าเรื่องประตูระบายน้ำ คลองลัดโพธิ์ โดยการแสดง Pyrotechnic บริเวณด้านหลังประตูระบายน้ำ ทรงทอดพระเนตรวีดิทัศน์เทคนิคพิเศษสะพานภูมิพล1 ภูมิพล2 โดยการจัดแสดง Pyrotechnic ที่จะแสดงบนสะพานภูมิพลจนกระทั่งถึงเวลา 18.35 น.เรือพระที่นั่ง อังสนา จะออกเดินทางจากคลองประตูระบายน้ำ กลับมาถึงท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ตามเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยา ในเวลา 19.35 น.
    ขณะที่การเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคครั้งนี้ ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงพักฟื้นพระวรกายอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช และนับเป็นครั้งแรก ที่เสด็จพระราชดำเนินออกไปในระยะทางไกล
    โดยการเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้ สร้างความปลื้มปิติ แก่พสกนิกรชาวไทยที่ได้รอรับเสด็จทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับได้เปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ดังกึกก้อง ระหว่างทางการเสด็จพระราชดำเนิน
    อย่างไรก็ตามความเป็นมาของคลองลัดโพธิ์นั้น เป็นชื่อคลองเดิม บริเวณเขตติดต่อพื้นที่จังหวัด สมุทรปราการและกรุงเทพมหานคร บริเวณตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เดิมที่มีลักษณะตื้นเขิน ต่อมาได้จัดสร้างเป็นโครงการ ตามแนวพระราชดำริ เป็นการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม เข้ากรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักการเบี่ยงน้ำภายใต้การดูแลของสามหน่วยงานคือ กรมชลประทานกรุงเทพ
    มหานคร และคณะกรรมาธิการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากแนวพระราชดำริ
    โดยมีหลักการคือ จากสภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาเดิม ที่มีลักษณะไหลวน คดเคี้ยวบริเวณรอบพื้นที่บางกระเจ้านั้น มีความยาวถึง 18 กิโลเมตร ทำให้การระบายน้ำที่ท่วม พื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร เป็นไปได้ช้า ไม่ทันเวลาน้ำทะเลหนุน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาคลองลัดโพธิ์ ซึ่งมีความตื้นเขิน มีความยาวราว 600 เมตร ให้ใช้ระบายน้ำที่หลาก และน้ำที่ท่วมทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเลทันที ซึ่งในช่วงก่อนที่น้ำทะเลหนุน คลองลัดโพธิ์ เป็นคลองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสพระราชดำรัช เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2549 ว่า ในสถานที่ตัวอย่าง ของการบริหารจัดการน้ำที่ต้องการความรู้เรื่องเกี่ยวกับเวลาน้ำขึ้นลง หากบริหารจัดการได้ถูกต้อง จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานครได้
    ส่วนสะพานภูมิพล 1 และภูมิพล 2 เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 เพื่อเป็นโครงข่ายถนน รองรับการขนถ่ายลำเลียงสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ต่อเนื่องจนถึงพื้นที่อุตสาหกรรม ในจังหวัดสมุทรปราการ และภูมิภาคอื่นๆของประเทศ เพื่อไม่ให้รถบรรทุก วิ่งเข้าไปในตัวเมือง หรือทิศทางอื่น อันเป็นสาเหตุของการจราจรที่ติดขัดโดยรอบ
    ล่าสุดเวลา 16.45 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราช โดยแย้มพระสรวล และโบกพระหัตถ์ให้พสกนิกรที่รอรับเสด็จ เสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง สองฝั่งเจ้าพระยา

    โดย Mthai news
    ภาพประกอบ worldnews.com
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์ ไม่พลาดทุกข่าวร้อน
    สนใจรับข่าวกด *48259080066 แล้วโทรออก ทดลองใช้ฟรี 15 วัน
    สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-1007000

    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    นักตกปลา จับ ปลาซีกเดียวยักษ์ ยาวกว่า 8 ฟุต
    Mthai news: นายกันท์เชอ (Gunther Hansel)นักตกปลาชาวเยอรมัน วัย 70 ปี สามารถจับปลาซีกเดียวขนาดใหญ่ ในอ่าวแห่งหนึ่ง โดยวัดความยาวได้ 8 ฟุต 2 นิ้ว ทำลายสถิติปลาซีกเดียว ที่เคยพบเมื่อปี 2009
    เขากล่าวว่า ขณะล่องเรือตกปลา ก็มีปลาขนาดใหญ่ติดเบ็ด ต้องใช้เพื่อนอีก 5 คน ช่วยยกมันขึ้นมาบนเรือ โดยมีน้ำหนักประมาณ 482 ปอนด์ ใหญ่พอที่จำทำเป็นอาหารกว่าพันเมนู แต่แทนที่เขาจะขายให้กับร้านอาหาร เขาเลือกที่จะปล่อยมันไปสู่ชายฝั่ง
    ปลาซีกเดียว พบมากในแถบแอตแลนติกเหนือ สามารถยาวได้มากที่สุด 15 ฟุต โดยในปี 2009 นักตกปลาชาวนอเวย์ สามารถจับปลาซีกเดียว น้ำหนัก 464 ปอนด์
    ปลาซีกเดียว มีลักษณะพิเศษคือ มองผิวเผินเหมือนมีแค่ด้านเดียว ลำตัวปรับตะแคงข้างด้านใดด้านหนึ่ง (ซ้ายหรือขวาขึ้นกับวงศ์) ราบไปกับพื้นน้ำเพื่อปรับตัวให้ซ่อนบนทราย หัวมีลักษณะแหลม ตาทั้งสองเมื่อยังเป็นตัวอ่อนเป็นสองข้างเหมือนปลาชนิดอื่น แต่เมื่อโตเต็มวัยจะไม่สมมาตร ตาข้างหนึ่งย้ายไปรวมกับอีกด้านหนึ่งของกระโหลก ตาทั้งสองข้างสามารถยื่นเหนือลำตัวเพื่อใช้ในการมอง
    ครีบหลังและครีบทวารมีฐานครีบยาว ลำตัวเกือบแบนราบและเป็นรูปกลมรีเมื่อมองจากด้านข้าง ช่องว่างบริเวณลำตัวจะมีน้อยเนื่องจากลำตัวเปลี่ยนไปมีรูปทรงแบนมาก ในตัวเต็มวัยนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีถุงลมที่ช่วยในการว่ายน้ำ (Swim bladder) เกล็ดมีลักษณะเป็นแบบ Cycloid หรือ Ctenoid
    โดย Mthai news
    [​IMG]
    [​IMG]
    ข้อมูลจาก wikipedia.org
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์ ไม่พลาดทุกข่าวร้อน
    สนใจรับข่าวกด *48259080066 แล้วโทรออก ทดลองใช้ฟรี 15 วัน
    สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-1007000
     
  11. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    ขอฝากประชาสัมพันธ์โครงการดีดี นะคะ

    คุณจะไม่ลืมวันพระอีกต่อไปด้วยบริการ Alert! วันพระ


    @ บริการแจ้งเตือน "วันพระ" อัตโนมัติ @ ฟรีผ่าน SMS
    สมัครง่ายๆ เพียงโทร 080-080-7211 ระบบตอบรับอัตโนมัติ
    และท่านจะได้รับ SMS ยืนยันการสมัครภายใน 24 ชั่วโมง
    ฟรี ฟรี ฟรี และฟรีตลอดไป

    SMS จะแจ้งเตือนท่าน ก่อนถึงวันพระ 1 วัน และในวันพระด้วย
    เป็นบริการที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายโดย ร้านใบพลู @ ซ. สวนพลู



    ขอทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนากับ ร้านใบพลู ที่เป็นกำลังสำคัญในการทำบุญ
    สื่อสารความดีให้วันพระกลับมาเป็น "วันแห่งสติ" ของสังคมไทยอีกครั้ง
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย

    [​IMG]

    เนื่องจากยังมีผู้อ่านหลายท่านที่ยังเข้าใจสับสน เรื่องยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย ที่จะมาบังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชในกึ่งกลางของพระพุทธศาสนานี้ กับยุคพระศรีอาริยเมตไตรยที่จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัปป์นี้ ว่าเป็นช่วงเวลาไหนกันแน่ ผมจึงขอให้ท่านผู้อ่านที่ยังสับสนในเรื่องนี้อยู่ ได้เข้าไปศึกษาความแตกต่างนี้ได้จากลิ้งข้างล่างนี้นะครับ​

    ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิราช (ช่วงที่คนมีอายุขัย 100 ปี)

    ........องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม ...


    ยุคของพระเมตไตรยพุทธเจ้า (ช่วงที่คนมีอายุขัย 80,000 ปี)

    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#000000 cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 17 พระอชิตะกระทำสัตยาธิษฐาน</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%"><A title="" href="http://www.dmc.tv/pages/latest_update/20101009-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C_LEFT.html"><A" href="http://palungjit.org/pages/latest_update/20101009-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C_LEFT.html">ตอนที่ 18 พระอชิตะได้รับพุทธพยากรณ์</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%"><A title="" href="http://www.dmc.tv/pages/latest_update/20101011-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%93_LEFT.html"><A" href="http://palungjit.org/pages/latest_update/20101011-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%93_LEFT.html">ตอนที่ 19 ความปลื้มปีติอันไม่มีประมาณ</A"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 20 พระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 21 ยุคพระศรีอารย์ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 22 ยุคพระศรีอารย์ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (2)</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 23 ยุคพระศรีอาริย์ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (3)</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 24 ยุคพระศรีอาริย์ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (4)</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 25 ยุคพระศรีอาริย์ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (5)</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 26 ยุคพระศรีอาริย์ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (6)</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 27 ยุคพระศรีอาริย์ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (7)</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 28 ยุคพระศรีอาริย์ ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (8)</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ตอนที่ 29 พระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิ</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%">

    </TD><TD vAlign=top width="50%"><A" href="http://palungjit.org/pages/latest_update/20101116-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4_RIGHT.html"><A href="http://www.dmc.tv/pages/latest_update/20101116-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4_RIGHT.html">ตอนที่ 30 พระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิ (2)</TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 531030p1.jpg
      531030p1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      427.6 KB
      เปิดดู:
      1,752
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เป็นโครงการที่ดีมากๆครับ สมัครแล้ว และจะยิ่งดีมากๆหากเราทุกๆคนร่วมใจกันทำความดีกันทุกๆวันไม่ว่าจะเป็นวันไหนก็ตาม
     
  14. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    24 พ.ย. 53


    ฝันกลางวัน

    ภาพที่เห็น ผมได้เห็นแผ่นดินเกิดการไหวอย่างรุนแรง ผมได้เรียกคนในบ้าน
    รีบออกมาอยู่กลางแจ้งจากนั้นก็ได้ตะโกนบอกเพื่อนบ้านให้รีบออกมาอยู่
    กลางแจ้งพร้อมกับให้ทุกคนเอามือคลุมหัวไว้

    ภาพที่สองผมเห็นสมุดฝากธนาคารหลุดลุ่ยออกเป็นท่อนๆ
    การเงินน่าจะมีปัญหา





    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
    *************************************
    ท่านใดสนใจที่จะหลบภัยที่ฐานผาแบ่น อำเภอเชียงคาน
    จังหวัดเลย ขอให้มาพบผมวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย.นี้ ที่หน้า
    สถานีรถไฟดอนเมือง ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหน้าห้อง
    ขายตั๋ว เวลา 11.00น. (คอย 1ชั่วโมง)
    สังเกตุชายสะพายย่าม

    *************************************
    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐมุ่งหน้าเข้าน่านน้ำเกาหลี

    [​IMG]

    [​IMG]

    อินชอน 24 พ.ย.- เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐกำลังมุ่งหน้าเข้าน่านน้ำเกาหลีในวันนี้เพื่อเข้าร่วมการซ้อมรบของเกาหลีใต้ที่กำลังดำเนินอยู่ คาดว่าจะสร้างความไม่พอใจให้แก่เกาหลีเหนือและจีน

    เจ้าหน้าที่สหรัฐในเกาหลีใต้เผยว่า เรือยูเอสเอสจอร์จวอชิงตันพลังนิวเคลียร์บรรทุกเครื่องบินรบ 75 ลำและลูกเรือมากกว่า 6,000 คนออกจากฐานทัพทางใต้ของกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นแล้วเพื่อเข้าร่วมการซ้อมรบของเกาหลีใต้ที่เริ่มมาตั้งแต่วันอาทิตย์ กำหนดการซ้อมมีมานานแล้วก่อนเกิดเหตุเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะของเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ เป็นการซ้อมเพื่อป้องกันตัว แสดงถึงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของเกาหลีใต้และสหรัฐ และพันธกรณีที่จะรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคด้วยการป้องกัน

    อย่างไรก็ดี แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่า การซ้อมกำหนดขึ้นมาก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้ แต่ทำให้นึกถึงวิกฤติปี 2539 เมื่อประธานาธิบดีบิล คลินตันของสหรัฐในขณะนั้นส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าช่องแคบไต้หวันหลังจากจีนทดลองยิงขีปนาวุธตกลงในช่องแคบดังกล่าว

    ด้านเจ้าหน้าที่ยามฝั่งเมืองอินชอนของเกาหลีใต้เผยว่า ขณะนี้อยู่ในสถานะกึ่งสงคราม ชาวเกาะยอนพยองพากันอพยพมาที่เมืองอินชอนอย่างแตกตื่น เพราะถูกเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ถล่มราวกับพายุ.-สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 24 พ.ย. 2553

    โอบามาประกาศพร้อมยืนเคียงข้างเกาหลีใต้

    [​IMG]

    วอชิงตัน 24 พ.ย. - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ กล่าวให้คำมั่นกับประธานาธิบดีลี มยอง บัก แห่งเกาหลีใต้ว่า สหรัฐพร้อมยืนหยัดเคียงข้างเกาหลีใต้ภายหลังเหตุปะทะกับเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้

    ทำเนียบขาวสหรัฐแถลงภายหลังการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำสหรัฐกับผู้นำเกาหลีใต้ ซึ่งทั้งสองยังเห็นพ้องที่จะร่วมปฏิบัติการฝึกฝนและซ้อมรบทางทหารร่วมกันในอีกไม่กี่วันนี้ แถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐและเกาหลีใต้จะร่วมมือด้านความมั่นคงอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเน้นย้ำถึงความเป็นพันธมิตร ยึดมั่นในสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ก่อนหน้านี้ สหรัฐและเกาหลีใต้ตกลงจะประสานความร่วมมือกันเพื่อตอบโต้กับเกาหลีเหนือภายหลังเหตุโจมตี จนทำให้ประชาชนต่างตื่นตกใจอพยพหนีออกจากเกาะยอนพยองบริเวณทะเลเหลืองที่เกิดความขัดแย้งสองฝ่าย.-สำนักข่าวไทย


    วันพุธ ที่ 24 พ.ย. 2553

    ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุยิงปืนใหญ่ใส่เกาะของเกาหลีใต้เพิ่มเป็น 4 คน

    [​IMG]

    โซล 24 พ.ย. - สถานีโทรทัศน์วายทีเอ็นของเกาหลีใต้ รายงานว่า พบศพพลเรือน 2 ศพ บนเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้ วันนี้ หลังเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ใส่เกาะดังกล่าว ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมเพิ่มเป็น 4 คน

    โฆษกหญิงหน่วยยามฝั่งเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ยามชายฝั่งพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มระหว่างการออกสำรวจบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือ โดยเชื่อว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นคนงานก่อสร้าง มีอายุราว 60 ปีเศษ

    เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้ ส่งผลให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเข้าสู่ภาวะตึงเครียดครั้งใหม่ ด้านกองทัพเกาหลีใต้รายงานก่อนหน้านี้ว่า การโจมตีด้วยปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือ เมื่อวานนี้ ทำให้มีนาวิกโยธิน 2 นาย เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเป็นนาวิกโยธิน 15 นาย และพลเรือน 3 คน. - สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 24 พ.ย. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. พุทธโกมุท

    พุทธโกมุท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +2,807
    โมทนาด้วยครับ
     
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว
    เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมพ่อชั่ววัย 62 ปี ชาวอาร์เจนติน่า ในหมู่บ้านนิคานอร์ โมลินาส ข้อหาข่มขืนลูกสาวตนเอง จนมีลูกด้วยกัน 10 คน
    โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ลูกสาวมีอายุ 13 ปี จนตอนนี้เธอมีอายุ 43 ปีแล้ว เธอเล่าว่า เธอถูกพ่อขู่ทำร้ายเลยไม่กล้าแจ้งความ ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กว่า 30 ปี และมาสบโอกาสในตอนที่เขาถูกจับกุมในข้อหาขโมยสัตว์ เธอจึงได้เปิดโปงเรื่องดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่
    จากผลการสอบสวน พ่อรายนี้ยังปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ต้องจนมุมหลังจากมีการตรวจ DNA ซึ่งผู้พิพากษา เปิดเผยว่า ชายรายนี้ถูกฟ้องในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศซ้ำแล้วซ้ำเล่าและ ผิดประเวณี มีความผิดทางอาญา ซึ่งโทษสูงสุดคือจำคุก 20 ปี
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
    <LI class=news_src_item>[​IMG]<LI class=news_src_item><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>รัฐบาล"เขมร"จัดพิธีไว้ทุกข์ เหตุเหยียบกันตาย 456 ศพ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาจัดการไว้ทุกข์ให้กับประชาชนกว่า 456 คนที่ถูกเหยียบตายระหว่างเทศกาลน้ำ โดยการเสียชีวิตดังกล่าวเชื่อว่า เกิดขึ้นจากข่าวลือที่ว่าสะพานกำลังจะถล่ม เพราะมีผู้อยู่บนสะพานมากเกินไป

    ญาติของผู้เสียชีวิตกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ รวมทั้งสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเข้าร่วมในพิธีทางศาสนาเช้านี้ บริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานเทศกาลน้ำของกัมพูชา ขณะที่สถานีโทรทัศน์ของกัมพูชาได้แพร่ภาพเหตุการณ์อันน่ากลัว ขณะที่ผู้คนกำลังเบียดเสียดจนไม่สามารถขยับให้หลุดออกมาได้บนสะพานแขวนข้ามไปยังเกาะเพชรในคืนวันเกิดเหตุ ทำให้หลายคนหมดสติ ส่วนอีกหลายคนได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดหวัง และรวมถึงการตะโกนขอน้ำดื่มจากคนรอบข้าง



    <!--อ่านล่าสุด คน-->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><LI class=news_src_item><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>บราซิลกวาดล้างแก๊งค้ายาเสพติด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เนท</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>บราซิลระดมกำลังตำรวจติดอาวุธหนัก และรถหุ้มเกราะ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์เข้ากวาดล้างแก๊งมาเฟียและขบวนการค้ายาเสพติดในแหล่งเสื่อมโทรมไม่น้อยกว่า 20 แห่งของนครริโอเดอจาไนโร และสังหารผู้ต้องสงสัยไม่ต่ำกว่า 2 ศพ พร้อมกับยึดของกลางที่เป็นอาวุธและยาเสพติด ตลอดจนจับกุมผู้ต้องสงสัย 11 คน

    ทั้งนี้ ทางการนครริโอเดอจาไนโร พยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมสถานการณ์ ภายหลังนครริโอเดอจาไนโร ยังคงเผชิญความรุนแรงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันจากแก๊งค้ายาเสพติด ซึ่งโจมตีสถานีตำรวจหลายแห่ง และจุดไฟเผารถยนต์หลายคันในเมืองใหญ่ของบราซิล

    โดยปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้มีคำถามตามมาเกี่ยวกับศักยภาพในการดูแลความปลอดภัยของนครริโอเดอจาไนโร ที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2014 และกีฬาโอลิมปิกปี 2016 ก่อนหน้านั้น กลุ่มคนร้ายบุกยิงถล่มสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในย่านเดล คาสติลโญ่ แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย ทั้งนี้ เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นมาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ เมื่อกลุ่มคนร้ายโจมตีสถานีตำรวจและรถยนต์หลายคันบนทางด่วน นอกจากนั้น คนร้ายยังสั่งให้ผู้คนออกมาจากรถ จากนั้นจึงจุดไฟเผา

    ส่วนสาเหตุที่ทำให้แก๊งค้ายาเสพติดก่อเหตุโจมตีในนครริโอเดอจาไนโร ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่หลายฝ่ายเชื่อกันว่า ขบวนการค้ายาเสพติดต้องการแก้แค้น เนื่องจากว่า ทางการเข้าควบคุมแหล่งเสื่อมโทรมต่าง ๆ ที่เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของขบวนการค้ายาเสพติดมานาน รวมทั้งทางการส่งหน่วยตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าควบคุมแหล่งเสื่อมโทรมหลายสิบแห่ง และเข้าสลายอิทธิพลของแก๊งค้ายาเสพติดให้หมดไปในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อฟื้นฟูหลักกฎหมายและส่งเสริมความมั่นคง



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><LI class=news_src_item>
     
  18. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ทำไม ดิฉันเข้าอนุโมทนาไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อวานค่ะ
     
  19. Sleeping Sheep

    Sleeping Sheep สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +9
    ขออนุโมทนาสาธุครับเป็นโครงการที่ดีมากๆ
     
  20. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    25 พ.ย. 53


    วิกฤติเศรษฐกิจ pigs

    เมื่อวานนี้ผมได้ส่งบทความไปสองเรื่อง เรื่องแรกคือภาพเกี่ยวกับแผ่นดินไหว
    เรื่องที่สองเกี่ยวกับปัญหาของเงิน

    เช้านี้ผมได้อ่านหนังสือพิมพ์ พบข่าวต่างประเทศกำลังประสบวิกฤติทางด้าน
    การเงินซึ่งได้แก่ประเทศ พี โปรตุเกส ไอ ไอร์แลนด์ จี กรีซ และเอส สเปน
    ซึ่งประเทศเหล่านี้ต้องกู้เงินจาก ไอเอ็มเอฟ

    ส่วนไทยเราตามข่าวบอกว่าจะไม่กระทบกระเทือนถึง อย่างไรก็ดี ไทยเราก็
    ไม่ควรตั้งอยู่ในความประมาท



    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    *************************************
    ท่านใดสนใจที่จะหลบภัยที่ฐานผาแบ่น อำเภอเชียงคาน
    จังหวัดเลย ขอให้มาพบผมวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย.นี้ ที่หน้า
    สถานีรถไฟดอนเมือง ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหน้าห้อง
    ขายตั๋ว เวลา 11.00น. (คอย 1ชั่วโมง)
    สังเกตุชายสะพายย่าม

    *************************************
    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...