พลังจิตกับวันลอยกระทง-ประเพณีนี้ไม่งมงาย มีการทดลองอธิบายเทียบเคียง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 25 ตุลาคม 2007.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    หนังสือชื่อ "มหัศจรรย์แห่งน้ำ คำตอบเพื่อชีวิตที่ดีกว่า<o></o>​

    <o></o>

    ..มันมีอะไรมากกว่าผลการทดลองที่ว่าผลึกน้ำจะออกมาเป็นรูปร่างยังไง
    เมื่อมีสิ่งมากระทบต่างกันเดี๋ยวจะลองพิมพ์เนื้อหามาให้อ่านกัน
    -----------------------------------------------------------------
    ..น้ำฝนที่ตกลงมาจากฟ้าใช้เวลาเป็นสิบปีร้อยปี ได้ค่อยๆซึมลงไปเป็นน้ำใต้ดิน
    ดร.โจแอน เอส. เดวิดนักวิจัยชาวสวิสจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งซูริค
    ซึ่งศึกษาเรื่องน้ำมากว่า 30 ปีเรียกน้ำชนิดนี้ว่า "Wise water" หรือ
    "น้ำผู้ปราดเปรื่อง" และตรงกันข้ามเรียกน้ำฝนที่เพิ่งตกลงมาว่า "น้ำผู้อ่อนเยาว์"
    .
    .
    ดร.เดวิสเคยกล่าวถึงเรื่องการศึกษาผลึกน้ำไว้ว่า

    "ฉันเคยได้ยินหลายคนพูดถึงการวิจัยเรื่องผลึกน้ำเชื่อว่าการศึกษาเรื่องนี้
    จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความเข้าใจใหม่ ๆ เกี่ยวกับน้ำ

    -ประการแรกคือเราควรให้ความเคารพต่อน้ำให้มาก
    -ประการที่สอง การทำลองนี้จะบอกเราว่าน้ำสามารถมีปฏิกิริยา
    โต้ตอบกับสิ่งที่มีความละเอียดอ่อนได้

    ด้วยเหตุนี้เราจะสามารถใช้ผลึกน้ำชี้ให้นักวิทยาศาสตร์หรือหน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องทราบว่าขณะนี้แหล่งน้ำยังไม่ได้รับการปกป้องดูแลอย่างเหมาะสม

    .......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2010
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ...นอกจากนี้ในเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ที่แล้วมาเราไม่เคยสนใจ
    ในเรื่องคุณสมบัติของน้ำ ดังนั้นคนทั่วไปจึงเข้าใจว่าน้ำที่อุดมด้วยแร่ธาตุ
    คือน้ำที่ดีแต่ไม่เข้าใจลึกซึ้งว่าที่จริงแล้วแร่ธาตุบางอย่างในน้ำแร่นั้น
    สามารถทำให้เส้นโลหิตแข็งตัวได้นอกจากนี้ น้ำแร่ที่มีการอัดก๊าซ
    คาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป จะทำให้เกิดสภาพเป็นกรดสูงซึ่งเป็นผลเสีย
    ต่อร่างกาย ดังนั้นสิ่งที่ควรระวังไม่ใช่น้ำที่มาจากธรรมชาติ
    แต่เป็นน้ำที่บรรจุขวดเพราะน้ำเองก็ต้องการการไหลเวียนเช่นเดียวกัน"

    ดร.เดวิสยังกล่าวอีกว่า

    "อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือ การที่เราหันกลับมาเห็นคุณค่าของน้ำ
    ยิ่งเรามีความศิวิไลซ์มากขึ้น ความเคารพที่มีให้ต่อน้ำกลับน้อยลง
    ย้อนกลับไปในสมัยกรีกโบราณ ผู้คนให้ความเคารพต่อน้ำมาก
    เพื่อรักษาต้นน้ำลำธารจึงได้มีเทพนิยายมากมายที่เกี่ยวกับน้ำ
    ต่อมา เมื่อโลกวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าตำนานต่างๆ ถูกมองว่า
    เป็นเรื่องไร้สาระ น้ำถูกมองเป็นของธรรมดาคนเราสนใจอย่างเดียว
    คือทำอย่างไรจะให้มันสะอาดด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย
    แต่น้ำที่ผ่านกระบวนการทำให้สะอาดกับน้ำบริสุทธิ์ไม่เหมือนกัน
    น้ำที่ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถเกิดผลึกน้ำสวยๆ ได้
    สิ่งที่น้ำต้องการไม่ใช่การทำให้สะอาดแต่คือ "ความเคารพ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ..ต่อมาผมได้ทดลองสิ่งที่อาจารย์ชิโอยะโนบุโอะพูดถึงเกี่ยวกับ
    พลังแห่ง "วิญญาณของภาษา"ด้วยตัวผมเอง

    นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันหนึ่งของเดือนกรกฏาคม ค.ศ. 1999
    ในวันนั้น มีคนมาชุมนุมกันราว 350 คนที่ริมทะเลสาบบิวะ
    ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นมีตำนานเล่ากันมาแต่โบราณ
    ว่าแค่น้ำในทะเลสาบใสสะอาดน้ำทุกที่ในญี่ปุ่นก็จะสะอาดตามไปด้วย
    ดังนั้นผมจึงรับหน้าที่เรียกชุมนุมผู้คนจุดประสงค์หลักก็เพื่อมาร่วมมือกัน
    ทำให้น้ำในทะเลสาบบิวะใสสะอาดและขณะเดียวกัน ก็มาร่วมต้อนรับ
    ศตวรรษใหม่ภาวนาขอให้โลกมีแต่สันติสุข

    คนทั้งสามร้อยห้าสิบคนมาร่วมเปล่งคำอธิษฐานออกมา
    นำโดยท่านอาจารย์โนบุโอะ ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุ 97 ปี
    รวมพลังกันให้เป็นหนึ่งเรียกร้องให้โลกมีสันติเสียงอันพร้อมเพรียง
    ที่สะท้อนในทะเลสาบ ณ.ห้วงเวลานั้นฟังแล้วขลังอย่างบอกไม่ถูก


    หลังจากการชุมนุมกันครั้งนั้นผ่านไปราวหนึ่งเดือนก็เกิดเรื่อง
    ที่น่าประหลาดขึ้น ในทะเลสาบบิวะที่ปกติทุกปีในหน้าร้อน
    จะมีสาหร่ายชื่อโคคานาดะ ปกคลุมทั่ว ส่งกลิ่มเหม็น
    แต่ปรากฏว่ามันได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยและในปีเดียวกันนั้น
    ก็ไม่ได้ยินเสียงก่นด่าเรื่องน้ำในทะเลสาบส่งกลิ่นเหม็นอีกด้วย

    เรื่องนี้ได้ลงเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น (หนังสือพิมพ์
    เกียวโตชิมบุนฉบับวันที่ 27 เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1999)
    อย่างครึกโครม...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ...แน่นอนหากไม่เข้าใจหลักการของ "วิญญาณของภาษา"
    อาจจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์

    ที่จริงแล้ววิญญาณของภาษานั้นมีพลังที่สามารถทำให้
    เกิดการเปลี่ยนแปลงได้รวมทั้งสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้อีกด้วย
    ดังนั้น นี่อาจจะเป็นพลังจากวิญญาณของคำอธิษฐานขอให้โลก
    มีสันติสุขที่สามารถทำให้น้ำในทะเลสาบสะอาดขึ้นได้

    นอกจากนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือการที่คน 350 คนมาร่วมกัน

    อธิษฐานออกมาดังๆ ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้านั้น
    สามารถทำให้เกิดพลังที่จะเปลี่ยนแปลงจักรวาลได้..

    ..........................................................
     
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ..ถ้าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ.....

    ก็นึกไปถึงเรื่องประเพณีลอยกระทงบ้านเรา
    ที่ทำไปเพื่อขอโทษแม่น้ำ


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR align=middle><TD>

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>​

    บางที...ประเพณีนี้อาจจะทำให้แม่น้ำสะอาดขึ้นจริงก็ได้นะ

    ถ้าตั้งใจขอโทษจริงๆ..

    <O:p</O:p<!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  6. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    สำหรับประเทศไทยนี้คงยากนะท่าน
    แม่ค้าขายอาหาร อาหารเหลือ นำก๋วยเตี๋ยว
    เทนำล้างภาชะลงท่อบ้าง แท็กซี่ มอไซด์รับจ้างบ้าง
    ถ่ายนำมันเครื่องแล้ว เทลงท่อระบายน้ำ โรงงานต่างๆๆ
    ถ่ายของเสียลงในน้ำ ไม่รับผิดชอบใดๆๆ เอาแบบสะดวกฉันอย่างเดียว

    คนบนโลกใบนี้ส่วนมากเกิดมาเพื่อบริโภคเท่านั้น
    ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรให้ดีงามขึ้นมาขึ้นมา น่าเศร้าใจจริงๆๆ
     
  7. โดเรม้อน

    โดเรม้อน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    848
    ค่าพลัง:
    +75
    เรียนถามคุณชยุต
    ฝันว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงเลื่อนลงมาและองอำมะรินก็ลงมาหมายความว่าอย่างไร
    และในนิมิตรนั้นพระองค์บอกว่าพระองค์หาคนตอบปัญหาพระองค์ได้แล้ว.เป็นอย่างไร
     
  8. dorfinfolker

    dorfinfolker Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +67
    คนไม่รักโลก ทั้งที่อยู่อาศัยอยู่บนโลก แท้ๆ
     
  9. Hikikomori

    Hikikomori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +326
    น้ำมาจากลูกอุกกาบาตครับ ดาวตกส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยน้ำ คอยเติมให้โลกนี้อยู่เรื่อย
     
  10. ซีดีธรรมะ

    ซีดีธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +821
    [​IMG]


    ร่างกายมนุษย์มีน้ำมากถึง 70 % ... เชียวนะ มาดื่มนำที่ทรงคุณค่ากันดีไหม


    สวัสดีครับ...ญาติธรรมทั้งหลาย

    กระทู้นี้ขอแนะนำเทคนิคเสริม สำหรับการดูแลสุขภาพกาย และ วิธีช่วยเสริมการฝึกจิต

    นั้นก็คือ ... การดื่มน้ำพลังปราณธรรมชาติ ( ขอเชิญอ่านความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำได้ด้านล่างนะครับ )


    ดื่มเพื่อให้พลังปราณเข้าไปในร่างกาย ไปช่วยปรับพลังงาน สร้างความสมดุลจากภายใน ซึมซับเข้าไปถึงระบบของเซลล์

    เป็นการช่วยดูแลสุขภาพของร่างกายให้พลังงานต่างๆสมดุล และพลังปราณธรรมชาติยังส่งเสริมในส่วนของการฝึกจิต

    การดื่มน้ำพลังปราณ จะมีส่วนในการปรับธาตุ และขับของเสียต่างๆในร่างกาย
    ช่วงแรกๆ อาจจะมีอาการเหนื่อยๆ ล้าๆ ขับถ่ายบ่อย เป็นธรรมดานะครับ จนกว่าร่างกายจะเริ่มชิน และพลังงานเริ่มสมดุล


    วิธีการได้มาซึ่งน้ำพลังปราณธรรมชาติ...มีขั้นตอนดังนี้

    1.เตรียมขวดน้ำดื่มสะอาดบริสุทธิ์ 1 ขวด , แผ่นซีดีภาวนา ( จัดวางตามรูปด้านบน ขวดแบบไหนก็ได้ )

    2.เมื่อพร้อมก็เริ่มตั้งจิต ตั้งใจ พนมมือ กล่าวว่า...
    พุทธัง สะระณัง คังฉามิ , ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ , สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ขออำนาจบารมีของพระรัตนตรัย ขอให้พลังปราณในแผ่นซีดีภาวนานี้ ถ่ายเทลงสู่น้ำ ในปริมาณที่เหมาะสมกับสภาวะธรรมของข้าพเจ้าในขณะนี้ เพื่อให้น้ำนี้กลายเป็นน้ำพลังปราณ เพื่อปรับสมดุลร่างกาย และส่งเสริมการฝึกจิตด้วยเทอญ...

    3.พอกล่าวจบ...ให้นำมือซ้ายแตะไว้ที่แผ่นซีดีภาวนา เพื่อให้พลังงานจากตัวเรา มีส่วนอยู่ในน้ำด้วย ( เป็นการทำน้ำเฉพาะตัว ห้ามไปให้คนอื่นทานนะ ) แล้วทำใจสบายๆ เบาๆ เจริญสติไปด้วย อย่าคิดอะไรวุ่นวาย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ภาวนาพุทโธๆเบาๆสบายๆ สงบๆ ( ไม่ต้องหลับตานะ เดียวจะเป็นเพ่ง )

    4.ใช้เวลาสัก 5 นาที

    5.เมื่อเสร็จแล้ว ก็นำมาดื่มทาน ดื่มเท่าไหร่ก็ได้นะ แต่ขั้นต่ำวันละ 1 ขวด จึงจะดี
    ( แต่วันไหน ไม่มีเวลา หรือ ลืมก็ไม่เป็นไร ไม่ผิดอะไรนะ )


    ท่านใดที่ฝึกมาระยะหนึ่งแล้ว และจิตเริ่มสัมผัสพลังปราณได้แล้ว ...
    เมื่อทำตามขั้นตอนดังกล่าวนี้แล้ว ลองใช้ฝ่ามือสัมผัส หรือ จิตสัมผัส พลังงานในขวดน้ำดูครับ

    ส่วนท่านที่ยังสัมผัสพลังงานปราณไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลใจนะครับ ทำตามขั้นตอนทุกอย่างเหมือนกันครับ
    และท่านก็จะได้น้ำพลังปราณธรรมชาติ ไว้ดื่มทานเฉพาะตัว เช่นเดียวกัน
    ( วิธีการดื่มน้ำพลังปราณนี้จะช่วยให้การฝึกของท่าน ก้าวหน้าได้เร็วขึ้นด้วย จะช่วยให้ท่านเริ่มรับรู้ได้เร็วขึ้น )

    สำหรับท่านที่อ่านแล้ว อยากจะเชื่อ แต่ไม่เคยมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของน้ำ ลองคลิ๊กลิงค์นี้ศึกษาดูครับ
    http://--ame--.exteen.com/20081105/messages-from-water


    สำคัญ ... ในส่วนเรื่องสุขภาพร่างกายนี้ ท่านต้องหมั่นทำบุญกุศล อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรของท่านเองด้วยนะครับ
    ( เพราะสุขภาพร่างกายที่มีปัญหา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากหลักการใช้ชีวิต , วิธีคิด , พฤติกรรม , พลังงานในร่างกายไม่สมดุล
    และกรรมเก่าที่ทำไว้ในอดีต ซึ่งมาส่งต่อสุขภาพร่างกาย )


    ความรู้เกี่ยวกับการพลังปราณ
    http://www.luangputo.com/forum/index.php?topic=81.0

    ความรู้และวิธีการฝึก
    http://www.luangputo.com/forum/index.php?board=6.0

    ขอรับซีดีภาวนาได้ฟรีๆจางลิงค์นี้ครับ
    http://palungjit.org/threads/ซีดีภาวนา-นวตกรรมใหม่-ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม.252173/

    ซีดีภาวนาสามารถจัดทำน้ำพลังปราณดื่มได้ ดูแลสุขภาพ และเสริมการฝึกจิต
    http://www.luangputo.com/forum/index.php?topic=44.0

    ฝึกสมาธิกับแผ่นซีดีภาวนา ไม่หลงทาง ทำฌานได้ ต่อยอดเจริญสติได้
    http://www.luangputo.com/Menu04/Mainmenu.htm



    ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี และก้าวหน้าในธรรม
    เอกณัฏฐ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2010
  11. liliwan

    liliwan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +27
    มาอ่านความรู้แปลกใหม่ค่ะ
     
  12. พระเมตตาธัมโม

    พระเมตตาธัมโม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +20
    ความรู้ดีมีสาระ

    เรื่องนี้มีเหตุผล สอดคล้องกับคำสั่งและคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ
    ทรงสั่งห้ามพระภิกษุมิให้ ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ และบ้วนเขฬะ ลงในน้ำ
    และทรงให้พระภิกษุหมั่นแผ่ความคิดดี ปรารถนาดี (เมตตา) ไปยังสรรพสัตว์รวมทั้งสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย โดยไม่มีขอบเขต โดยไม่มีประมาณจำกัด
    สันติสุขก็จะเกิดขึ้นกับชีวะสรรพสัตว์
    ขออนุโมทนาและสนับสนุนท่านเจ้าของกระทู้นี้ ที่ได้นำความรู้ดี ๆ มาเผยแพร่แก่เพื่อนสมาชิก
     
  13. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729
    วีดีโอ งานวิจัยน้ำของนักวิชาการ ชาวญี่ปุ่น



    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=OfgS4PBxHHE"]http://www.youtube.com/watch?v=OfgS4PBxHHE[/ame]





    นี่อาจเป็นสาเหตุว่า ทำไมศาสดา หรือปราชทั้งหลายจึงบอกว่า ให้เราคิดบวก คิดดี ทำดี
    เพราะการกระทำของเรา ทั้งกาย ใจ ทั้งหมดนั้นมีผลต่อ ธาตุต่างๆ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นโลกและสิ่งมีชีวิต คือ ธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ ล้วนมีผลตอบแทน สะท้อนกลับมาสู่ผู้กระทำ ที่เราเรียกว่า กรรม ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์แต่อย่างใด แต่เพียงว่าวิทยาศาสตร์ในตอนนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้แค่นั้นเอง


    เป็นเหตุผลให้คิดต่อ ว่าทำไม

    น้ำมนต์ (ธาตุน้ำ) จึงรักษาอาการเจ็บป่วยได้
    พระเครื่อง (ธาตุดิน) จึงสามารถคุ้มครองตัวเราได้
    กระทั่ง ธาตุลม และไฟ ก็ล้วนแล้วแต่มีผลต่อ จิต ของสิ่งมีชีวิตทั้งสิ้น

    แต่กระนั้นเราไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในวัตถุนิยมเหล่านี้ เรามีไว้เพียงแค่ระลึกหรือเตือนสติเรา
    เพราะถ้าเราเกิดกิเลศ เกิดความยึดมั่นถือมั่น ความหลงในตนเอง ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถช่วยเราได้

    ฉะนั้นจงตั้งมั่น ทำกรรมดีไว้ให้มากเถิด

    -----------------------------------------
    มีเพียงสอง สิ่งเท่านั้นที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้ สิ่งหนึ่งคือจักรวาล และอีกสิ่งคือความโง่เขลาของมนุษย์ แต่จักรวาลนั้นข้าพเจ้าไม่แน่ใจนัก
     
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772



    ยิ่งไปกว่านั้น รูปธรรมต่างมิติทั้งหลายบอกตรงกันหมดว่า
    ทุกอนุภาคในเอกภพนี้ คือสิ่งที่มีจิตสำนึกทั้งหมด

    พวกมันตระหนักรู้ถึงหน้าที่ของมันเอง
    พวกมันรับรู้ความคิด และอารมณ์ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆได้ด้วย
    รวมถึงพวกแร่ธาตุ โดยเฉพาะผลึกคริสตัลทั้งหลาย
    พวกมันสามารถ รับ กักเก็บ ส่งกลับ และถ่ายทอดข้อมุลข่าวสาร
    ที่ถูกส่งมาในรูปแบบต่างๆ เช่น จากกระแสจิตของมนุษย์ได้ด้วย

    ตรงนี้มีคำอธิบายไว้ยาวเหยียดในกระทู้นี้ครับ


    http://palungjit.org/threads/ข้อความจากต่างมิติ-ความมหัศจรรย์แห่งเหลี่ยมเจียระไน-phi-crystal.270460/

    และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคำกล่าวของรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลายที่ว่านี้
    ก็คือ "การทดลอง Double Slits" ครับ

    ที่มา:


    http://palungjit.org/threads/2012-ป...ขึ้น-ascension-ไปสู่มิติที่-5-a.217055/page-3



    การทดลองสลิทคู่ (Double Slit Experiment)

    อ่านคำแปลสรุปนี้ก่อนก็ได้นะครับ แล้วค่อยชม VDO

    ก่อนที่จะเริ่มทำการทดลองกับอนุภาคระดับควอนตัมจริงๆ
    เขาอธิบายให้เราเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของอนุภาคและของคลื่นที่ถูกยิ่งผ่านช่องสลิทก่อนว่า

    1). สำหรับอนุภาคของสสารทั่วไป เช่น ก้อนหิน เป็นต้น เมื่อถูกยิงผ่านช่องสลิทเดี่ยว
    ผลการทดลองที่ได้ ก็จะเป็นแถบของก้อนหินที่กระทบกับฉากรับ เพียงแถบเดียว

    แต่ถ้ายิงผ่านช่องสลิทคู่ ก็จะได้แถบของก้อนหิน 2 แถบ บนฉาก

    2). ส่วนคลื่น เมื่อผ่านช่องสลิทเดี่ยว ก็จะได้ แถบเดี่ยว ปรากฎอยู่บนฉาก


    แต่ถ้ายิงผ่านช่องสลิทคู่ ก็จะได้ผลเป็นแถบมากมายเป็นฉาก
    เพราะว่าคลื่นแต่ละคลื่นจะแทรกสอดซึ่งกันและกัน จึงเกิดเป็นแถบมากมายอย่างที่เห็น


    การทดลองจริงกับควอนตัม (Quantum) โดยใช้อนุภาคของอิเล็กตรอน

    1). ยิงผ่านช่องสลิทเดี่ยว => เกิดแถบเดี่ยวบนฉากรับ

    2). ยิงผ่านช่องสลิทคู่ => เกิดเป็นแถบมากมายบนฉากรับ เหมือนพฤติกรรมของคลื่น


    นักวิทยาศาสตร์จึงพากันงง ว่าเกิดอะไรขึ้น และจึงสัณนิษฐานว่า
    สงสัยอนุภาคของอิเล็กตรอนที่ยิงออกไปพร้อมๆกันหลายๆอนุภาคนั้น
    เกิดการชนกัน แล้วจึงเกิดการกระเด้งไปมา และจึงเกิดแถบขึ้นมามากมายอย่างที่เห็น

    เพราะฉะนั้น นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย จึงพากันเริ่มการทดลองใหม่อีกครั้ง
    แต่ตอนนี้ ยิงอนุภาคอิเล็กตรอนออกไปทีละอนุภาค ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้
    มันจะไม่สามารถไปชนกับใคร แล้วกระเด้งไปไหนได้อีกแล้ว ผลการทดลองก็คือ

    1). ยิงผ่านสลิทเดี่ยว => เกิดแถบเดี่ยว
    2). ยิงผ่านสลิทคู่ => เกิดแถบมากมายเหมือนเดิมอีก


    นี่ก็ยิ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์งงไปกันใหญ่อีก ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    เพราะมันขัดแย้งกับสามัญสำนึกปกติของเรา มันไม่น่าจะเป็นไปได้

    ดังนั้นพวกเขาจึงสัณนิษฐานจากผลการทดลองนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า
    อาจจะเป็นเพราะว่า อนุภาคอิเล็กตรอนเมื่อมันถูกยิงไปถึงสลิท มันแบ่งออกเป็นสองส่วน
    แล้วมันก็เข้าไปได้ทั้งสองสลิท แล้วเกิดการแทรกสอดกันขึ้น จึงได้ผลอย่างที่เห็น

    แต่ว่าในทางคณิตศาสตร์นั้น ตามหลักความน่าจะเป็นแล้ว โอกาสที่อนุภาคอิเล็กตรอน
    จะเข้าไปทั้ง 2 สลิท หรือ เข้าไปเพียงสลิทเดียว หรือ ไม่เข้าไปทั้งคู่เลย มันก็มีความน่าจะเป็นอยู่มากมาย

    เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงเริ่มทำการทดลองใหม่อีกครั้ง เพื่อดูว่าอนุภาคอิเล็กตรอนดังกล่าวนั้น
    มันเข้าไปสลิทไหนกันแน่ หรือว่าทั้ง 2 สลิท หรือไม่เข้าทั้งคู่เลย
    โดยการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับไว้ที่สลิทข้างหนึ่ง แล้วค่อยเริ่มยิงอนุภาคเข้าไปเหมือนเดิม

    แต่เพราะโลกควอนตัม มันน่าอัศจรรย์และน่าพิศวงกว่าที่เราคิดเอาไว้มากนัก
    ดังนั้น ผลการทดลอง จึงปรากฎว่า

    1). ยิงผ่านสลิทคู่ => ได้แถบบนฉาก เพียงแค่ 2 แถบ เท่านั้นเอง

    เมื่อผลการทดลองเป็นเช่นนี้ นักวิทยาศาสตร์ ก็ยิ่งปวดหัวหนักไปอีก
    เพราะเหมือนกับว่า อนุภาคอิเล็กตรอนเหล่านั้น มันรู้ว่ากำลังถูกจับตาดูอยู่
    เพราะฉะนั้น มันจึงเลือกที่จะแสดงตัวเป็นอนุภาคแทน

    มันแน่ชัดว่า ผู้สังเกต มีอิทธิพลต่อผลการทดลองจริง
    ซึ่งจากการทดลองนี้ ผู้สังเกตได้ทำให้ผลการทดลองล้มเหลวลงได้
    เพียงแค่ได้ "สังเกต" เท่านั้นเอง ???

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/DfPeprQ7oGc&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/DfPeprQ7oGc&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>
     
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอต่ออีกนิดนะครับ พอดีมีข้อความที่เกี่ยวข้องกันที่อยากให้พิจารณาหนะครับ
    แต่บางท่านอาจจะเคยได้อ่านมาแล้วนะครับ

    ที่มา:
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%9E-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%86%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%81.193101/page-10


    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Chayutt [​IMG]
    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ
    สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)

    โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-1)

    อะไรกำลังจะเกิดขึ้น (ตอนที่ 1-2)




    ...ชีวิตเป็นของนิรันดร์อยู่แล้ว จากสุดขอบของนิรันดร์กาลข้างหนึ่งไปสู่อีกข้างหนึ่ง

    ในวัฏสงสารแห่งการเวียนว่ายตายเกิดที่ใหญ่โตมโหฬารนี้ จากแร่ธาตุไปสู่พืชพันธุ์ จากพืชพันธุ์ไปสู่สรรพสัตว์
    จากสรรพสัตว์ไปสู่มนุษย์ จากมนุษย์ไปสู่รูปธรรมที่มีแต่จิตวิญญาณล้วนๆ
    แล้ววนกลับเข้าไปสู่วัฏจักรที่หาที่สุดมิได้นี้ใหม่อีกครั้ง...



    </td> </tr> </tbody></table>


    ตรงประเด็นนี้ ก็คาดว่าน่าจะมีคนสงสัย และข้องใจอยู่พอสมควร

    เพราะว่า มีด้วยเหรอที่คนเราจะไปเกิดเป็นแร่ธาตุ เป็นต้นไม้ด้วย
    ศาสนาพุทธเราไม่เคยสอนแบบนั้นเลย..

    แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ ลองมาอ่านงานเขียนจากการสื่อสารของรูปธรรมต่างมิติอีกท่านหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องนี้ดูก่อนครับ

    ท่านที่ว่านี้ ท่านเป็นรูปธรรมที่มีวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงมากๆแล้ว
    และท่านก็ดำรงอยู่ในรูปแบบของจิตวิญญาณล้วนๆ ปราศจากกายเนื้อแล้ว

    ท่านให้เราเรียกท่านว่า "โนวา อนาลัย"
    ...................................................................


    ..อนุภาคซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นอะตอมและโมเลกุล มีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ
    จนในที่สุดเธอไม่สามารถมองเห็นมันได้ด้วยอุปกรณ์ใดๆ

    จุดนี้จึงเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างอนุภาคที่ก่อเกิดแล้ว และยังไม่ได้ก่อเกิด
    นักวิทยาศาสตร์สามารถนับหน่วยของธาตุได้ ซึ่งหมายความว่า

    พวกเขาจะค้นพบไปเรื่อยๆ
    จนกระทั่งเขาพร้อมที่จะเสียสติ..

    ..เขาจะค้นพบอนุภาคที่เล็กลงไปเรื่อยๆอย่างไม่มีวันสิ้นสุด..

    ..พวกเขาจะตระหนักว่า มีบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดอย่างมหันต์..


    จากโนวา อนาลัย "ประวัติศาตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 9
    ............................................................................


    ..ในทางตรงข้ามฉันจะกล่าวว่า จิตวิญญาณเป็นปัจจัยก่อเกิดสสาร

    อะตอมและโมเลกุลเป็นสิ่งที่มีจิตวิญญาณของมันเอง

    จิตวิญญาณ-พลังงาน-สสาร คือหนึ่งเดียวกัน
    แต่จิตวิญญาณก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะ จากพลังงานเป็นสสาร..

    จักรวาลปรากฏขึ้นในลักษณะเดียวกัน คือจากความรู้สึกนึกคิดอันเป็นนามธรรม
    แปลงสภาวะเป็นสสารที่เป็นรูปธรรม แต่ปรากฏขึ้นในระดับที่แตกต่างไป

    ในนัยนี้ เมื่อจิตวิญญาณเรียนรู้ที่จะแปลงสภาวะจากพลังงานเป็นสสาร
    ซึ่งมีรูปทรงทางกายภาพ
    หรือแปลงสภาวะจากนามธรรมเป็นรูปธรรม
    กำเนิดของจักรวาล จึงเปรียบได้กับชัยชนะ
    แห่งการแผ่ขยายของจิตวิญญาณ..

    จาก โนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 2
    .........................................................................


    ..ฉันจะเรียกผู้สร้างและกระบวนการการสร้างสรรค์อันไร้ขอบเขตนี้ว่า “สรรพสิ่งทั้งปวง”..

    ..ฉันไม่ได้หมายความว่า จักรวาลเป็นผลลัพธ์ของกลไกของจิต
    แต่ฉันหมายความว่า จิตวิญญาณทั้งหลายทั้งปวง เป็นส่วนหนึ่งของ “สรรพสิ่งทั้งปวง”
    และจักรวาลก่อเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ในภาวะที่เป็นระเบียบแบบแผนอันเป็นเลิศ
    และส่วนย่อยทั้งหลายของจิตวิญญาณ ต่างก็มีความรู้ของส่วนรวมที่ลบล้างไม่ได้..

    จากโนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 6
    ......................................................................


    ..เธอไม่อาจกล่าวได้ว่า สรรพสิ่งหนึ่งๆถือกำเนิดขึ้น เมื่ออีกสรรพสิ่งหนึ่งสูญสลายไป
    มนุษย์สร้างกฎเกณฑ์ของ อดีต-ปัจจุบัน-อนาคตขึ้นมาช่วย ให้การสื่อความหมายเป็นไปได้

    “สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกทางกายภาพ ถูกสร้างขึ้นจากความนึกคิด”

    ในนัยแห่งสมการของเธอ

    พลังงาน = จิตวิญญาณ = สสาร

    เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และในนัยนี้ จิตวิญญาณ คือปัจจัยกระตุ้นให้พลังงานแปลงสภาวะเป็นสสาร
    และกระตุ้นให้สสารแปลงสภาวะเป็นพลังงาน

    อนุภาคที่เธอมองเห็นได้และมองเห็นไม่ได้
    ทั้งที่ค้นพบและที่จินตนาการขึ้น
    ซึ่งหมายถึงอนุภาคที่เป็นสมมุติฐาน
    ล้วนมีจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังงาน

    พลังงานมีคุณลักษณะจำเพาะซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในตัวของมัน ซึ่งมักแตกต่างไปจากที่เธอสันนิษฐาน

    เพราะตราบจนทุกวันนี้ พวกเธอทั้งหลาย ยังไม่เคยพิจารณาว่า “พลังงานคือจิตวิญญาณ”
    พลังงานเป็นสิ่งสร้างสรรค์ที่เหนือชั้น เป็นนวัตกรรมที่เป็นแบบฉบับใหม่ๆ “พลังงานคือจินตนาการ”
    (นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ที่อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ จะเลิกอ่านทันทีที่มาถึงจุดนี้)

    จากโนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 8
    .......................................................................


    ..อนุภาคของภาวะจิต คือจิตวิญญาณในหลายรูปแบบ ซึ่งเปรียบได้กับ
    อะตอม โมเลกุล โปรตอน นิวตรอน หรือ ควอร์ค

    อนุภาคของภาวะจิต เป็นอนุภาคที่ไม่มีสภาวะทางกายภาพ เป็นรูปแบบของจิตวิญญาณที่มีเสน่ห์ดึงดูด
    หรือเป็นรูปแบบประหลาด ที่ทำให้ประสบการณ์ชีวิตของเธอขึ้นๆลงๆ หรือหมุนไปเรื่อยๆ..


    จากโนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 11
    ......................................................................


    ..เมื่อกล่าวถึง “จุดเริ่มต้น” ของจักรวาล โดยกล่าวถึงเวลา ในความหมายที่เธอรู้จัก
    อะตอมและโมเลกุล เริ่มต้นด้วยการ “จินตนาการ” รูปทรงทางกายภาพที่มันปรารถนา
    จากความเป็นไปได้อันเป็นอนันต์
    มันจินตนาการจำนวนของเซลซึ่งนับไม่ได้
    ที่จะสร้างสรรค์ขึ้นจากการร่วมมือกัน


    พลังงานปราศจากขีดจำกัด พลังงานมีมากมายเหลือเฟือ มันจึงไม่รู้จักขีดจำกัด
    ในนัยนี้อะตอมเหล่านั้น “ฝัน” ให้เซลแปลงสภาวะเป็นกายภาพ
    และจากจุดเริ่มต้นใหม่ของสภาวะที่เป็นกายภาพนี้

    จิตวิญญาณของเซล “ฝัน” ถึงองค์ประกอบอันเป็นอนันต์ ซึ่งจะก่อเกิดการผจญภัยอันสุดที่จะพรรณนา
    (เช่นการก่อเกิดเป็นอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายของเธอเป็นต้น)

    การก่อเกิดทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานี้ เกิดขึ้นอย่างฉับพลันพร้อมกันทั้งหมด
    ประสบการณ์ทางจิตอันลึกล้ำเป็นสิ่งที่หยั่งไม่ถึง แต่เกี่ยวพันกับการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์
    ซึ่งจิตวิญญาณแต่ละหน่วยเกี่ยวพันกัน

    คุณลักษณะของการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของ “สรรพสิ่งทั้งปวง”
    และเป็นส่วนหนึ่งของมรดกที่ตกทอดมาสู่เผ่าพันธุ์ทั้งหลาย..ทั้งมนุษย์-สัตว์-พืช..

    จาก โนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 11
    ........................................................................


    ..ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเธอ เป็นเพียงส่วนพ่วงต่อของประสาทสัมผัสภายใน
    ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันทางกายภาพ
    ที่ทำให้สื่อสารกันได้ภายนอก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
    แต่ประสาทสัมผัสภายใน ทำให้สื่อสารกันได้ภายใน ถึงกันได้ทั้งหมดทุกเผ่าพันธุ์

    เซลทุกเซลมีประสาทสัมผัสภายใน
    อะตอมหยั่งรู้ตำแหน่ง
    หน้าที่-อัตราความเร็ว-การเคลื่อนไหว
    และธรรมชาติของสิ่งแวดล้อมของมัน
    ตลอดจนส่วนประกอบของตัวตนของมัน


    โลกของเธอไม่ได้อุบัติขึ้นด้วยความบังเอิญ
    โลกไม่ได้เกิดจากอะตอมไร้สติ
    ที่ก่อตัวเข้าด้วยกันที่นี่บ้าง-ที่โน่นบ้าง
    หรือเกิดจากการรวมตัวกันอย่างไร้สติของแก็ส

    โลกไม่ได้ถูกสร้างขึ้นทีละส่วนๆ แล้วประกอบเข้าด้วยกัน
    โดยพระเจ้าผู้อยู่ไกลโพ้น
    โดยที่บางชิ้นส่วนก็ดีบ้าง เสียบ้าง
    หรือบางแบบที่ดีกว่า ก็ถูกประกอบขึ้นมาบ้างในบางฤดูกาล..

    จาก โนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 18
    ........................................................................


    ..หน่วยย่อยของจิตวิญญาณ เป็นทั้ง “อนุภาค” และ “คลื่น”
    ไม่ว่ามันจะทำหน้าที่เป็นอนุภาคหรือคลื่น มันจะมีสติรู้ถึงตัวตนของมัน

    เมื่อหน่วยย่อยของจิตวิญญาณทำหน้าที่เป็น “อนุภาค” มันก่อตัวขึ้นบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
    มันรับเอาคุณลักษณะจำเพาะ มีรูปกายจำเพาะ และเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงจาก “ศูนย์กลาง” ของรูปกายนั้น

    มันจดจ่อและเอาใจใส่ต่อคุณลักษณะจำเพาะ อันเป็นเอกลักษณ์ มันแปลงสภาพไปสู่สภาวะที่เธอเรียกว่าเป็น ”ตัวตนจำเพาะ”
    เมื่อหน่วยย่อยของจิตวิญญาณทำหน้าที่เป็น “คลื่น” มันไม่ได้สร้างขอบเขตจำกัดให้กับการมีสติรู้เห็นในความเป็นตัวตน
    และเมื่อมันทำหน้าที่เป็นคลื่น มันสามารถอยู่ในสถานที่ต่างๆ
    ได้พร้อมกันหมด-หลายแห่ง-ในเวลาเดียวกัน..


    จาก โนวา อนาลัย "ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ" หน้า 33


    ...............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2010
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอต่ออีกนิดนะครับ

    ที่มา:

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%9E-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%86%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%81.193101/page-15

    ...................................................................................................
    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ
    สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)


    โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-8)


    วิวัฒนาการและการจัดลำดับ – ตอนที่ 2
    (EVOLUTION AND HIERARCHY – Part II) (ต่อ)


    ...สิ่งที่พวกท่านเรียกว่า อาณาจักรแร่ธาตุ(Mineral Kingdom)
    พวกมันมีความสามารถในการดูดซับและถ่ายทอดแรงกระตุ้นต่างๆได้

    ซึ่งนี่เป็นไปตามกฎแห่งกายภาพ ที่ยึดเหนี่ยวสสารของธาตุต่างๆเหล่านี้
    ไว้ด้วยกัน อย่างที่มันเป็นอยู่


    ถ้านำเอาโมเลกุลของสารใดๆมาวิเคราะห์ดู พวกท่านจะพบว่ามันมี สนามแรง” (force-fields) ของความต่างศักย์ทางไฟฟ้าต่างๆ
    ระหว่างอิเล็กตรอนและประจุที่อยู่ภายในนิวเคลียสของอะตอมอยู่
    สนามแรงเหล่านี้จะมีความถี่จำเพาะ ซึ่งสามารถได้รับอิทธิพล และถูกเปลี่ยนแปลงโดย แรงแห่งกระแสจิต(Force of Thought) ได้
    และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ก็สามารถถูกตรวจจับได้ด้วยผู้ที่มีสภาวะจิตที่ละเอียดเพียงพอ...

    ...เราได้เริ่มไว้ตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า สิ่งที่พวกท่านเรียกมันว่า สสาร นั้น
    ไม่ใช่สิ่งที่
    ไร้ชีวิต อย่างที่พวกท่านเข้าใจกันซะทีเดียว


    แต่ธาตุต่างๆสามารถดูดซับแรงกระตุ้นต่างๆได้ ลองดูร่างกายของพวกท่านเองเป็นตัวอย่าง
    พวกท่านจะพบว่ามันมีส่วนประกอบ
    ที่เป็นสารประกอบของธาตุต่างๆมากมาย
    สารประกอบเหล่านี้มีความซับซ้อนมาก


    เมื่อพืชได้รับจิตสำนึกใดๆที่สูงกว่าจิตสำนึกของมันเอง ทุกๆส่วนของมันจะได้รับอิทธิพลจากจิตสำนึกนั้นๆ
    หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อพวกท่านรับประทานพืชขณะที่มันยังมีชีวิตอยู่เข้าไป เช่น รับประทานผลไม้เข้าไป
    จิตสำนึกของพวกท่านจะไปส่งผลกระทบต่อผลไม้ลูกนั้น ซึ่งผลกระทบของจิตสำนึกดังกล่าวนั้นจะถูกดูดซับและตรวจจับโดยธาตุต่างๆ
    ที่อยู่ในผลไม้ลูกนั้น หรือที่อยู่ในเมล็ดของผลไม้ลูกนั้น ที่ผ่านเข้าไปสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่มีระดับจิตสำนึกสูงยิ่งกว่า

    เมื่อพืชชนิดอื่นสัมผัสกับธาตุที่ได้ดูดซับแรงกระตุ้นจากจิตสำนึกของสิ่งมีชีวิตที่มีระดับจิตสำนึกสูงกว่าดังกล่าวแล้ว
    (หรือเรียกว่าธาตุดังกล่าวได้ถูกเหนี่ยวนำโดยจิตสำนึกของสิ่งมีชีวิตที่มีระดับจิตสำนึกสูงกว่าแล้ว - chayutt)
    จิตสำนึกของสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่านั้น ก็จะกระจายไปทั่วพืชที่มาสัมผัสกับธาตุนั้น

    นั่นหมายถึง ด้วยวิถีทางแห่งสนามแรงทางไฟฟ้าต่างๆภายในธาตุนั้นๆ จิตสำนึกของสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่านั้นๆ
    ก็จะสามารถเหนี่ยวนำพืชชนิดนั้นๆได้ด้วยเช่นเดียวกัน

    ดังนั้น เมื่อพวกท่านรับประทานพืชหรือผลไม้เข้าไป ในขณะที่พวกมันยังเป็นๆอยู่ ก็เท่ากับว่าพวกท่านกำลังช่วยให้พวกมัน
    ดำเนินไปตามวิถีทางแห่งวิวัฒนาการของมัน พวกท่านกำลังช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับการจัดลำดับที่ต่ำกว่าอยู่

    แต่สำหรับสัตว์แล้ว พวกท่านไม่สามารถที่จะรับประทานพวกมันเข้าไปทั้งเป็นๆได้ หากไม่ฆ่ามันก่อน

    ดังนั้น มันจึงไม่มีการช่วยเหลือทางจิตวิญญาณแต่อย่างใด และเพราะว่าประเด็นทั้งหมดคือ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
    ที่จะไปแหกกฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า (การฆ่าสัตว์เป็นการแหกกฎ – Chayutt) และอย่างที่เราเคยบอกพวกท่านบ่อยครั้งมากแล้วว่า
    การฆ่าสัตว์เป็นการกระทำที่ได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งมันจะส่งผลกรรมต่อพวกท่านมาหลายๆทาง ผลตอบแทนของมันคือ
    (พวกท่านต้องใช้เวลาในการวิวัฒนาการ? - chayutt) ยาวนานขึ้นกว่าปกติประมาณ 700 – 800 ปี
    นี่จึงเป็นอีกความหมายหนึ่งของคำว่า บาปที่ติดตัวมาแต่กำเนิด(Original sin) หรือ บาปที่รับตกทอดมา
    (Inherited sin)....

    ...............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2010
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เมื่อท่านได้อ่านข้อความข้างบนนี้แล้ว..
    ท่านนึกอะไรออกเกี่ยวกับภาพที่เห็นอยู่ข้างล่างนี้หรือเปล่าครับ..

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    .......................................
     
  18. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เรื่องของพลังงานเจ้าค่ะ พุทธศาสนามีบอกไว้หมดแล้ว


    ภัยพิบัติทุกวันนี้เกิดจากคน ก็เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่
     
  19. nishikido07

    nishikido07 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +13
    ผมเชื่อว่า น้ำเป็นภาษาอย่างนึงที่สื่อสารกับทุกๆสิ่งมีชีวิต แม้กระทั่งลมหายใจของเรายังมีน้ำเลย บางครั้งก็รู้สึกได้ว่าใครคิดดีไม่ดีกับเรา แค่อยู่ไกล้ๆก็รู้สึกได้เอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...