ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    "จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์"

    ...ความส่งออกนอกของจิต ก็คือความทะยานอยากหรือตัณหา อันเป็นตัวสมุทัยตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง
    หากพิจารณาถึงสภาวะธรรมอันปรากฏแก่ผู้เจริญสติตามรู้จิตอยู่เนืองๆ จะพบว่า เมื่อใดจิตเกิดความทะยานอยากหรือหิวในอารมณ์ (มีตัณหา) จิตจะส่งออกไปหยิบฉวยอารมณ์ขึ้นมายึดถือไว้ (มีอุปาทาน ซึ่งองค์ธรรมของอุปาทานก็คือตัณหาที่มีกำลังกล้า) แล้วจิตจะเกิดการทำกรรมคือการทำงานบางอย่างขึ้นทางใจ (มีกรรมภพ) ความรู้สึกเป็น "ตัวเรา" ก็จะแทรกเข้ามาสู่จิต (มีชาติ) จิตจะเกิดความทุกข์ ความหนัก ความแน่น ความบีบคั้น ความไม่เป็นอิสระ ขึ้นในฉับพลัน (มีทุกข์) นี่ก็คือปฏิจจสมุปบาทที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั่นเอง พึงสังเกตว่า จุดตั้งต้นของทุกข์ตามนัยนี้ อยู่ที่ตัณหาหรือความทะยานอยาก หรือการส่งจิตออกนอก และทุกข์ตามนัยนี้เป็นความบีบคั้นทางใจ ซึ่งมีภาระเพราะจิตหยิบฉวยขันธ์ขึ้นมาเป็นตัวตนของตน...

    (แก่นธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล : หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช)
     
  2. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    "ตามสภาพที่แท้จริงของจิต ย่อมส่งออกนอกเพื่อรับอารมณ์นั้นๆ โดยธรรมชาติของมันเอง"

    เนื่องจากจิตเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ ดังนั้นจิตจึงต้องทำหน้าที่รับรู้อารมณ์ซึ่งหมุนเวียนเข้ามากระทบทางอยาตนะทั้ง 6 อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าอารมณ์นั้นจะดีหรือเลว จะสุขหรือทุกข์
    ไม่มีใครมีอำนาจสั่งให้จิตเลิกทำหน้าที่ของตนได้ เพราะจิตก็เป็นอนัตตา

    การที่หลวงปู่สอนว่า จิตมีธรรมชาติส่งออกนอกเพื่อรับอารมณ์โดยธรรมชาติของมันเองนั้น เท่ากับสอนให้พวกเรารู้ความจริงของจิต ว่าจิตจะต้องออกรู้อารมณ์ ผู้ปฏิบัติพึงยอมรับความจริงนั้น และเพียงตามรู้ความจริงนั้นเรื่อยไปจนจิตยอมศิโรราบต่อความจริง ไม่ใช่พยายามเข้าไปแทรกแซงหรือขัดขวางการทำงานของจิต อันเป็นการบิดเบือนความจริง....

    ...ผู้ปฏิบัติควรปล่อยให้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทำงานไปตามธรรมดา และยอมรับความจริงว่าเมื่อจิตรับรู้อารมณ์แล้วก็ต้องเกิดปฏิกิริยาตอบสนองไปตามธรรมดา เพียงแต่หมั่นมีสติระลึกรู้รูปนามที่กำลังปรากฎ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปนามภายในคือกายนี้ใจนี้ ซึ่งถูกสำคัญมั่นหมายว่าเป็นตัวเราของเรา ด้วยจิตที่ตั้งมั่น จนเกิดมีปัญญาเข้าใจความเป็นจริง คือความเป็นไตรลักษณ์ของรูปนามนั้น เท่านี้ก็คือการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานแล้ว


    (แก่นธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล : หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช)
     
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    " กฤษฎาภินิหาร อันบดบังมิได้ "

    ....พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับที่เรามีที่เก่าที่สุดคือ พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ซึ่งเรียบเรียงขึ้นใน พ.ศ. ๒๒๒๓ ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ โดยรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆมาไว้ในที่เดียวกันตามลำดับศักราช ส่วนพระราชพงศาวดารสังเขปของ วัน วลิต นี้ เขียนขึ้นใน พ.ศ. ๒๑๘๓ ก่อนพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ ๔๐ ปี จึงเป็นเอกสารที่เก่ากว่าและควรได้รับความสนใจอย่างยิ่ง และเป็นพระราชพงศาวดารที่เก่าแก่ที่สุดที่เราได้ค้นพบถึงขณะนี้ การเขียนของ วัน วลิต นั้น อ้างว่า ได้ค้นจากจดหมายเหตุเก่าๆ และสอบถามเรื่องราวจากคนไทย ซึ่งก็คงจะเป็นความจริง มิฉะนั้นก็คงจะเขียนขึ้นไม่ได้
    หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า พระราชพงศาวดารของ วัน วลิต มีลักษณะเหมือนพระราชพงศาวดารฉบับอื่นๆอยู่อย่างหนึ่ง คือเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่สร้างกรุงลงมานั้นบันทึกไว้แต่สั้นๆทุกรัชกาล มาเริ่มมีรายละเอียดพิสดารตั้งแต่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิลงมา ทำให้คิดว่าคนไทยมาเริ่มสนใจประวัติศาสตร์ของตนและจารึกเหตุการณ์ต่างๆโดยละเอียด ตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ แต่ก่อนนั้นการจารึกประวัติศาสตร์คงมีแต่ปูมโหร ซึ่งจดเหตุการณ์เอาไว้สั้นๆ ไม่มีรายละเอียดมากนัก
    ควรสังเกตว่า วัน วลิต เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นหลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคตแล้ว เพียงระยะ ๔๕-๕๐ ปีเท่านั้น เหตุการณ์ต่างๆเกี่ยวกับพระมหาบุรุษจึงคงจะอยู่ในความทรงจำของคนทั่วไปอยู่ แต่โดยนิสัยของคนโบราณในการเล่าเรื่องราวให้ฝรั่งฟังนั้น อาจต่อเติมอะไรต่ออะไรเข้าไปอีกก็ได้ เพื่อให้เห็นพระบรมเดชานุภาพของสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยว และพระราชอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งคนโบราณเห็นว่าเป็นพระเกียรติยศ แต่คนในปัจจุบันอาจเห็นเป็นอีกอย่างหนึ่ง...


    ข้อมูลจาก หนังสือ กฤษฎาภินิหาร อันบดบังมิได้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2010
  4. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    ..ทำอย่างไรเราจึงจะหลุดพ้นไปจากอำนาจปฏิจจสมุปบาท หรือหลุดพ้นไปจากความเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฎ เพราะการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฎนั้นมันเป็นทุกข์อย่างใหญ่หลวง

    มันเป็นทุกข์อย่างไร?
    ที่จริง เมื่อเราพิจารณาเพียงชั่วชาติเดียวเท่านั้น เราก็จะมองเห็นได้ทีเดียวว่า คนเราเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่ดำรงคงที่อยู่ แต่มันต้องแก่ ต้องเจ็บ และต้องตายในที่สุด เพียงเท่านี้ก็มองเห็นว่าเป็นทุกข์อย่างน่ากลัวแล้ว ยิ่งพิจารณาดูไปกว้างๆ ตามหลักฐานยิ่งจะเป็นสิ่งที่น่าสะดุ้งหวาดกลัวอย่างที่สุด เพราะการเกิดนี้จะเลือกเอาเองตามชอบใจไม่ได้ ต้องเกิดตามอำนาจของกรรม และกรรมก็มีทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม ถ้าเราไปพลาดพลั้งเข้าเราก็จะทำอกุศลกรรมไว้อย่างเหลือหลาย ที่จริงอกุศลกรรมนั้นเราต้องเคยทำมาอย่างแน่นอนทีเดียว เพราะเราท่านทั้งหลายได้เคยเกิดมาแล้วอย่างนับชาตินับภพไม่ถ้วน

    ตามหลักฐานที่ท่านแสดงไว้ คนเราเกิดมาแต่ละชาตินั้นเกิดในทุคติภูมิมากกว่าเกิดในสุคติภูมิ ลองพิจารณากันดูเพียงง่ายๆ อย่างนี้ว่า ที่เกิดเป็นมนุษย์มีสักเท่าไร ที่เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานมีสักเท่าไร เพราะจะเห็นได้ว่าสัตว์ที่ไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานนั้นมันช่างมากมายเสียเหลือเกิน...

    แหล่งที่มา : ปฏิจจสมุปบาทสังเขปกถา และ พระไตรลักษณ์ โดย พระอาจารย์ ดร.ภัททันตะ อาสภมหาเถระ
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สาธุ พี่จงรักฯ เพราะสัตว์โลกผู้ไม่รู้อีกมากมายยังเวียนว่ายตายเกิดเพราะไม่รู้ว่าตนเองได้ตกอยู่ในวงล้อแห่งกรรมหรือตกอยู่ในวงจรปฎิจจสมุปบาทนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงอุบัติขึ้นองค์แล้วองค์เล่าด้วยพระมหากรุณาในพระทัยท่านที่มีต่อสัตว์ผู้ได้ยากนี้ ทรงขนเหล่าสัตว์ข้ามพ้นสีทันดรมหานทีไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พระกรุณานี้ไม่มีใครจะเปรียบพระพุทธเจ้าได้เลย


    จะไปปฎิบัติธรรมรับปีใหม่กับญาติธรรมจากนครพนม ทางสายธาตุเริ่มชอบความสงบมากๆ ถ้าจะไปวัดอัมพวันอันเป็นที่นิยมของคนเรือนแสน คงไม่มีที่ให้เดินจงกรม ดังนั้นจะไปในที่ๆคนน้อย ไม่ค่อยมีคนรู้จักค่ะ จะไปปฎิบัติธรรมที่ วัดป่าศรีมงคล อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี

    สถานที่แห่งนี้เป็นทั้งวัด และเป็นป่าช้าเก่าหลายชั่วอายุคน ทำพิธีล้างป่าช้าไปแล้ว 3 ครั้ง ตอนนี้ทางวัดได้เปิดป่าช้าเป็นสถานปฎิบัติธรรม (เดี๋ยวไปถึงค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะไปปฎิบัติธรรมที่ป่่าช้าไหวไหม ถึงสถานที่ก่อนค่อยตอบตัวเองไว้ว่า ใจกล้าพอหรือไม่ค่ะ ^^) ปฎิบัติธรรม 23-25 ธันวาคม 2553 อุทิศให้เทพรักษาตน เจ้ากรรมนายเวร และอื่น โดยเฉพาะให้ม๊อบเสื้อแดงที่ประกาศเพิ่มระดับความรุนแรงในการประชุมอีกแล้ว ข้าพเจ้าขอวิงวอนด้วยการส่งกระแสจิตให้เห็นแก่บ้านเมืองว่าบ้านเมืองกำลังไปได้ด้วยดี ทุกคนกำลังต้องการความสงบ หากท่านเห็นใจเพื่อนร่วมชาติตาดำๆด้วยกันแล้ว อย่าเพิ่มระดับความรุนแรงจนเป็นแบบ 14 พ.ค. 53 อีกเลยบุญที่ข้าพเจ้าจะไปกระทำนอกจากจะเป็นการตอบแทนคุณมารดาบิดา พร้อมทำบุญถวายเทพรักษาตนอีกทั้งอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรแล้ว จะอุทิศบุญนี้ให้กับบ้านเมืองขอให้เดินหน้าต่อไปได้ด้วยดี ใครขัดขวางความเจริญของชาติอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน ขอให้สะดุดขาตนเองโดยไม่มีใครเป็นอันตรายด้วยเถิด สาธุ
     
  6. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    อนุโมทนา สาธุ ขอให้เจริญในธรรม ครับ

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้มาแล้วมากต่อมากพระองค์ด้วยกัน และพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นได้ทรงช่วยรื้อสัตว์เข้าสู่ปรินิพพานถึง ๒๔ อสงไขย แล้วทำไมพระพุทธเจ้าไม่ทรงโปรดเราในจำนวนนั้นบ้างเลย เรายังอยู่ลอดพระเนตรพระกรรณมาจนบัดนี้ สงสัยว่าในระหว่างกาลอันยืดยาวนั้น เราจะไพล่ไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน หรือเป็นสัตว์นรกอยู่เสียทีเดียว การที่เราได้เกิดเป็นคนและได้มานั่งฟังเทศน์ฟังธรรม..ก็เห็นน้อยครั้งเต็มที และคงจะเป็นจำพวกที่ฟังเทศน์ง่วงนอนดูละครตาแจ้งด้วย พระพุทธเจ้าจึงโปรดไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทุกคนที่เกิดมาแล้วคงจะได้ประสบทุกข์กันมาอย่างมากมายหนักหนาทีเดียว ..ถ้าไม่คิดแก้ไขปรับปรุงตนเองเสียใหม่ คือไม่ปฏิบัติตนให้พ้นไปจากความวกวนด้วยอำนาจปฏิจจสมุปบาทแล้ว ข้างหน้ายังจะต้องประสบกับความทุกข์อีกอย่างมากมายเหลือหลาย เหมือนอย่างอดีตที่เคยได้ประสบพบเห็นมานั่นแหละ

    เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้รู้จักทางปฏิบัติที่จะทำตนให้หลุดพ้นจากทุกข์แล้วเช่นนี้ ควรภูมิใจว่าเป็นโชคลาภอันใหญ่หลวงสมควรแท้ทีเดียว ที่จะพึงลงมือปฏิบัติธรรมกัมมัฎฐานเจริญตามพระพุทธโอวาท เพื่อความหลุดพ้นจากกองทุกข์อันน่าสยดสยอง น่าสะดุ้งหวาดกลัว ดังตัวอย่างที่พระสาวกผู้เจริญรอยตามพระพุทธองค์ได้พ้นจากกองทุกข์ไปแล้วก็ปรากฎอยู่อย่างมากมาย และการปฏิบัติธรรมนั้นเราไม่ต้องแสวงหาทุนรอนภายนอกอะไรให้เป็นการลำบากยากเย็น เพียงแต่ตัดสินใจให้แน่วแน่แล้วลงมือปฏิบัติตามหนทางที่พระพุทธองค์ทรงประทานไว้แล้วเท่านั้น ...

    แหล่งที่มา : ปฏิจจสมุปบาทสังเขปกถา และ พระไตรลักษณ์ โดย พระอาจารย์ ดร.ภัททันตะ อาสภมหาเถระ
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ปาฏิหารย์พระธาตุเสด็จ ที่วัดสัมพันธวงศ์

    ช่วงนี้จำได้เรื่องหนึ่งคือเรื่องพระจักษุธาตุ พี่ดอกไม้ฯได้นำเรื่องนี้มาเผยแพร่ที่กระทู้นี้ ทางสายธาตุตั้งใจว่าในสัปดาห์ก่อนหรือหลังปีใหม่ 2554 นี้จะไปไหว้พระจักษุธาตุ ที่วัดสัมพันธวงศ์ กราบพระบรมสารีริกธาตุเพื่อเป็นมงคลกับชีวิตค่ะ

    16 มกราคม 2552 เป็นวันที่พระจักษุธาตุปรากฏเกิดขึ้นที่ วัดสัมพันธวงศ์

    [​IMG]

    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">[​IMG]




    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ถ้ามีใครผ่านไปแถวเยาราช เชิญชวนชาวพุทธให้ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พระอาจารย์ประจักษ์ ท่านมีเมตตา มอบพระบรมสารรีริกธาตุส่วนหนึ่งให้มาเพื่อบูชา สัณฐานเมล็ดผักกาด

    ขอเชิญชวนเพื่อนสมาชิกทุกท่านให้ได้ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุได้ที่ พระอาจารย์ประจักษ์ ตึกมงคลวิทยา ชั้น 3 วัดสัมพันธวงศ์
    [​IMG]

    ลองหาโอกาสไปกราบให้ได้นะคะ



    ร่วมทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ
    ณ วัดป่าศรีคุณาราม ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี
    อันจะเป็นที่ประดิษฐานพระจักษุธาตุนี้สามารถทำบุญได้ที่

    บัญชีชื่อ พระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ)
    - ธนาคารกรุงเทพ สาขากุมภวาปี จ.อุดรธานี เลขที่ 369-4-23919-9
    - ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสามแยก เยาวราช กรุงเทพฯ เลขที่ 046-1-29368-6

    เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
    - พระครูพัทธกิจ (พระประจักษ์ ภูริปญฺโญ) โทร.084-017-0804
    - วัดป่าศรีคุณาราม โทร.042-256111

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2010
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    คำพ่อสอน


    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่อยู่ในหัวใจคนไทยตลอดมา เป็นอกาลิโก พระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติพระองค์ สมดังพระปณิธาน "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" นับตั้งแต่ทรงครองราชย์ลุจนปัจจุบัน ทุกปีในการออกมหาสมาคม หรือพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พสกนิกรเข้าเฝ้าฯ ทุกครั้ง คนไทยเราจะโชคดีมีบุญเป็นล้นพ้น ที่ได้รับพระราชทานคำสอนอันประเสริฐจากพระองค์ท่านเสมอมา
    ดังในปี 2553 พระองค์ท่านพระราชทานพระบรมราโชวาท ที่ให้ทุกคนมีสติไม่ประมาทว่า
    "บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่นร่มเย็นปกติสุขมาช้านาน เพราะเรามีความยึดมั่นในชาติ และต่างร่วมมือร่วมแรงใจกันทำหน้าที่ โดยนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด
    ท่านทั้งหลายในสมาคมนี้ตลอดจนคนไทยทุกหมู่เหล่า จึงควรทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนไว้ให้กระจ่าง และนำไปปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ด้วยความไม่ประมาทและด้วยความมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพราะการกระทำโดยประมาท ขาดความรอบคอบ เป็นเหตุให้เกิดความผิดพลาด เสียหายในหน้าที่ และการกระทำโดยขาดสติยั้งคิด ขาดเหตุผล เป็นเหตุให้เกิดหลงลืมความกลัว ทำให้กระทำสิ่งที่มิใช่หน้าที่โดยชอบได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก อาจจะนำความเสื่อมสลายมาสู่ตนเอง ตลอดทั้งประเทศชาติได้
    จึงขอให้ทุกคนได้สังวรระวังให้มาก และประคับประคองกาย ใจ ให้เที่ยงตรง หนักแน่น ในอันที่จะปฏิบัติภารกิจตามเหตุผลของตน ให้ถูกต้องตามหน้าที่ เพื่อความสุขมั่นคงและเพื่อความสงบสุขอันยั่งยืน ของชาติบ้านเมืองเรา"
    นอกจากได้รับพระราชทานพระบรมราโชวาทอันเป็นมงคลยิ่งทุกปีแล้ว ยังมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนนับเป็นเรื่องที่ประเสริฐนัก ดังคำปฏิญาณที่ท่านนายกรัฐมนตรีอัญเชิญมาจากพระบรมราโชวาทครั้งออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม 9 มิถุนายน 2549 ความว่า
    "ข้าพระพุทธเจ้าจะคิดพูดทำด้วยความเมตตา มุ่งดีเจริญต่อกัน จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กันให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตนแก่ผู้อื่นและแก่ประเทศชาติ จะประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติการะเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน และจะทำความคิดเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรง และมั่นคงอยู่ในเหตุในผล
    ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง จะยึดถือคุณธรรมที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระราชทานไว้เป็นหลักประจำกายและใจ และปลูกฝังให้อนุชนประพฤติปฏิบัติตามตลอดไป"
    เชื่อว่าจากพระบรมราโชวาทและคำปฏิญาณตน หากปฏิบัติตามพระองค์ท่านอย่างแท้จริง บ้านเมืองของเราจักก้าวไกลเพียงใด คงต้องสำรวจตัวเราว่า เราได้ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาท ได้ทำตามคำสัตย์ปฏิญาณกันจริงจังหรือไม่ ถ้าทำจริงปฏิบัติจริง เชื่อว่าสังคมไทยจะอยู่เย็นเป็นสุขโดยไม่ยากเย็น
    เราโชคดีที่เกิดเป็นคนไทยใต้พระบรมโพธิสมภาร พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อคนไทยมามากมาย เอาฤกษ์วันพ่อเป็นฤกษ์ดีอุดมมงคล ทำตามคำพ่อสอนและคำปฏิญาณตนกันอย่างแท้จริงดีไหม
    "จะมีใครที่ไหนในโลกหล้า/ห่วงประชาแท้จริงไม่หวั่นไหว/จักกี่เดือนกี่ปีที่เปลี่ยนไป/พระหทัยห่วงใยไม่เปลี่ยนแปลง
    เหตุแห่งดินน้ำลมไฟให้ทรงห่วง/จะลุล่วงสมบูรณ์ฤๅแห้งแล้ง/จักเขื่อนฝายคลองลัดทรงจัดแจง/ดินยังแกล้งเค็มเปรี้ยวให้ดินดี
    ยามฝนแล้งบนฟ้าย่อมไร้เมฆ/ทรงเสกส่งฝนเทียมให้ทุกที่/ดินชุ่มฉ่ำน้ำชุ่มชื่นผืนดินนี้/พระภูมีภูมิพลดลดั่งใจ
    จะมีใครที่ไหนในโลกหล้า/ห่วงประชาแท้จริงไม่หวั่นไหว/ประชวรหนักยังทรงเหนื่อยเพื่อปวงไทย/กราบพระบาทด้วยดวงใจไทยโชคดี
    น้อมดวงใจรำลึกในพระคุณ/จักเกื้อหนุนตั้งใจทำหน้าที่/ปฏิบัติตามคำพ่อสอนเป็นคนดี/ถวายชีวีขอพระองค์ทรงพระเจริญ"
    เป็นลูกที่ดีย่อมต้องเชื่อฟังปฏิบัติตามคำพ่อสอน เป็นพสกนิกรที่ดีต้องปฏิบัติตามคำปฏิญาณ และตามพระบรมราโชวาทเพียงประการเดียวเท่านั้น ไม่มีเหตุอันเป็นอย่างอื่นแต่ประการใด
    ..........................
    เดือนธันวาคมของทุกปีเป็นเดือนที่คนไทยมีความสุขที่สุด ถ้าคนไทยทุกคนปฏิบัติตามคำพ่อสอน ประเทศไทยคงจะก้าวไปไกลกว่านี้แน่.


    คำพ่อสอน | ไทยโพสต์
     
  9. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    ทุกๆท่านครับ ช่วยกันบอกต่อๆด้วยครับผม
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    “โหรคมช.” ยก “ประยุทธ์” อดีตนักรบองค์ดำ กู้วิกฤติบ้านเมือง สลายสีเสื้อ

    [​IMG]


    น่าสนใจค่ะอ่านเจอประโยคที่โหรวารินทร์บอกว่าท่านคือหนึ่งในทหารพระองค์ดำที่กลับมาช่วยประเทศชาติก็ขนลุกแล้วค่ะ ขอนำบางตอนมาให้อ่านนะคะ อาจจะเกี่ยวกับการเมืองไปบ้างต้องขออภัย เพราะทางสายธาตุชอบตามข่าวการเมือง

    ...ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในหนังสือ “เปิดนิมิต 3 เรื่องเล่าฉบับ อ.วารินทร์” นั้น อ.วารินทร์ ได้ระบุถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก คนใหม่ว่า จะทำหน้าที่ทหารเสือของพระมหากษัตริย์และองค์ราชินีตัวจริงเสียงจริง และจะมาดูแลชาติบ้านเมืองอย่างชัดเจน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องทำหน้าที่สานต่องานอันยิ่งใหญ่เป็นเสาหลักของบ้านเมืองในการรวบรวมสีต่างๆมาเป็นสีธงไตรรงค์ โดยจะเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการช่วยสยบความวุ่นวายต่างๆของบ้านเมือง ซึ่งผบ.ทบ.ทหารเสือคนนี้เป็นอดีตทหารเสือ นักรบพระองค์ดำ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตั้งแต่สมัยบรรพกาล โดยจะมีหน้าที่เป็นเสาหลักบ้านเมืองที่นำความสงบ สันติสุขมาสู่บ้านเมือง...


    “โหรคมช.” ยก “ประยุทธ์” อดีตนักรบองค์ดำ กู้วิกฤติบ้านเมือง สลายสีเสื้อ : ข่าวออนไลน์ ข่าวก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2010
  11. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    อนุโมทนา สาธุค่ะ ขอเกาะคุนน้องช่วยแบ่งบุญมาบ้างเน้อ ช่างกล้าเนาะ จะตลุยป่าช้า :boo:
    เจ๊ก้อจะไปเหมือนกันค่ะ 25 ธค - 2 มค ถือศีล 8 ที่วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี ครั้งนี้ไม่เอาเจ้าตัวแสบไปด้วย เพราะเด๋วศีลขาด 55555

    [​IMG]
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    คุณน๊าย คุณนาย (เลียนแบบนาร๊าย นาราย)

    ขอให้เจริญในธรรมนะเจ้าคะ

    ป่าช้าเหรอ ตัดสินใจอีกทีเมื่อไปถึง คุณนายรุ้งเธอคุ้นชินกับการนั่งในป่าช้า เธอสามารถเจรจาต๊าอ่วยขอสัมปทานได้ ส่วนอิชั้นบอกคุณนายรุ้งไว้แล้วว่าหากเจรจาไม่ได้ด้วยตนเองจะขอให้เทพพรหมเบื้องบนช่วยได้ไหมเจ้าค่ะ เจอเคสแม่ผ่องบ้านสีสุกเมื่อปีก่อน แผ่เมตตาให้ก็ยังหน้าตูม แผ่สองครั้งสามครั้งก็หน้าตูม เขาโกรธอิชั้นมาก ทำเขาไปเยอะ ก็สมควรจะโกรธแหละสำนึกผิดแล้ว อาศัยแม่ธรณีช่วยเป็นคนกลางค่ะคราวนั้น

    คราวนี้จะได้เห็นหรือไม่เห็นอย่างไรก็ตั้งใจว่าเป็นไงเป็นกันถ้ามากันหน้าตูมๆอีกจะวอนเทพพรหมช่วยเจรจาเหมือนครั้งก่อนผ่านคุณนายรุ้ง เพราะสมาธิคุณนายรุ้งแกแน่นดี ทำมาตั้งแต่เจ็ดขวบ เกิดมาก็ระลึกได้ว่าต้องทำสมาธิก็ทำต่อเลย คาถาโบราณฟังหนเดียวก็จำได้แล้ว วันก่อนเจอหัวข้อ คาถาไก่แก้วกกไข่ คุณนายรุ้งท่องออกมาได้เลยโดยไม่ต้องดู เขาบอกว่าอย่างนี้แหละเขาเรียกว่าของเก่า

    คุณนายเจ๊ เป็นประธานผ้าป่านะคุณนาย วัดชุมพลฯหน่ะ คาดว่าจะทอดกลางเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ถ้าหลวงเตี่ยโอเคด้วยก็เดินหน้าเลย

    อิชั้นคุยกับคุณนายต้องออกแนวแร็พนิดหน่อย โย๊ โย๊
     
  13. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    ท่านพี่ยังอินเทรนด์ เหมือนเดิมนะเจ้าคะ อิอิ

    สวัสดีค่ะพี่ๆ ทุกท่าน..ยังตามอ่านบทความดีๆ อยู่นะเจ้าคะ

    ระลึกถึงพี่ๆ เสมอค่ะ
     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระคาถาพระยาไก่เถื่อน ของพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน

    พระคาถานี้ทางล้านนาจะเรียกว่าพระคาถาไก่แก้วกกลูก ลองอ่านบทความดูนะคะ หามาได้อ่านแล้วน่ารักดี เจริญใจ อ่านแล้วได้เจริญเมตตาไปกับบทความด้วย โดยเฉพาะช่วงที่พระสังฆราช สุก ท่องคาถาแล้ว ไก่ป่าก็มาล้อมท่านเต็มไปหมด เป็นคาถาเจริญเมตตาบทหนึ่ง ตอนที่พระสังฆราชสุกได้พระคาถามาก็สนุกด้วย พระสังฆราชสุกพระองค์นี้ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ท่านได้มาอยู่ที่วัดพลับ(ราชสิทธาราม) บนถนนอิสรภาพค่ะ (เชื่อกันว่าวัดพลับคือเป็นวัดป่าแก้วประจำกรุงรัตนโกสินทร์เพราะอยู่ด้านตะวันตกของเมืองหลวงค่ะ)

    อ่านกันเพลินๆนะคะ พรุ่งนี้คงไม่ได้เข้าอินเตอร์เนตทั้งวัน เย็นๆก็ไปขึ้นรถ บขส กรุงเทพฯ-บุณฑริก อยากไปถ้ำคำคะนิงของหลวงปู่คำคะนิง จุลมณี ด้วยถ้ามีโอกาศค่ะ

    สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรมหาเถร ทรงมีประรามเดิมว่า สุก ประสูติเมื่อวันศุกร์ขึ้น 10 ค่ำ ปีฉลู จุลศักราช 1095 ตรงกับวันศุกร์ ที่ มกราคม พุทธศักราช 2276 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ พระองค์ทรงเป็นชาวกรุงเก่า ไม่ปรากฏพระนามบิดามารดา


    เด็กชายสุกมาอยู่ศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์ของท่านตั้งแต่อายุ 12-13 จนล่วงเลยมาหลายปีอายุท่านก็จะย่างเข้า 20-21 ปี บิดา-มารดา ปละพระอาจารย์ของท่าน เห็นว่าท่านสมควรที่จะบรรพชา-อุปสมบทได้ อีกทั้งท่านต้องการที่จะอุปสมบท เพื่อทดแทนคุณบิดามารดา ครั้งนั้นท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดอรัญวาสีที่เป็นวัดหลวงแห่งหนึ่ง ในที่บางแห่งได้บันทึกไว้ว่าท่านอุปสมบทที่วัดโรงธรรม เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้นามทางพระพุทธศาสนาว่าญาณสังวโรภิกขุ อุปสมบทแล้วจึงกลับมาอยู่วัดเดิมกับพระอาจารย์ของท่าน โดยพระอาจารย์ของท่านเป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อถึงคราวออกธุดงค์ ท่านก็ได้ธุดงค์ไปกับอาจารย์ของท่านอีกเช่นเคย จนกระทั้งสิ้นบุญอาจารย์ท่าน ต่อมาท่านก็ได้ออกธุดงค์เดี่ยวด้วยจิตใจที่กล้าแข็งมุ่งมั่น บางครั้งไปพบอาจารย์ในระหว่างทาง ท่านก็ตามอาจารย์นั้นไปเรียนวิชาเพิ่มเติม ถ้าได้ข่างที่ไหนมีอาจารย์ดีๆ พระองค์ท่านก็จะดั้นด้นไปผากเรียนวิชา มีทั้งวิชากรรมฐาน วิชาสูญทกลา-จันทกลา วิธีเดินจิตรักษาตัวเอง รวมทั้งวิชาแพทย์แผนโบราณ วิชาญาณโลกุตร 19 รวมทั้งวิชาทำธาตุ บางครั้งพระองค์ท่านก็ไปจำพรรษาวัดต่างเมือง 1 ปี บ้าง 1 เดือนบ้าง จึงกลับมาวัดเดิม ในตำนานกล่าวไว้ว่าท่านเคยไปศึกษาเล่าเรียนพระกรรมฐานเพิ่มเติมที่ วัดกุฎีดาว อันเป็นวัดอรัญวาสีของกรุงศรีอยุธยา ท่านยังเคยได้ธุดงค์ไปประเทศราช เช่น ลาวเขมร โดยเฉพาะทางเหนือ คือ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน อันเป็นเมืองประเทศราช และที่เมืองลำพูนนี้เองท่านได้พบของดีอย่างหนึ่งดังจะได้กล่าวต่อไป
    รุกขมูลเมืองเหนือพบพระคาถาไก่เถื่อน

    ในปีต่อมา เมื่ออกพรรษาแล้ว ท่านก็ได้ไปธุดงค์อีกเช่นเคย ครั้งนี้ท่านต้องการไปทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ หัวเมืองฝ่ายเหนือนั้นบางคราวก็อยู่ในอำนาจของพม่า บางคราวก็อยู่ในอำนาจของกรุงศรีอยุธยา ฉะนั้นบ้าน วัดในหัวเมืองเหนือจึงเต็มไปด้วยบ้านร้าง วัดร้าง เมืองเป็นป่า ป่าเป็นเมืองวัดเป็นป่า ป่าเป็นวัด พระที่ธุดงค์ไปทางเหนือ จะต้องมีวิชาแก่กล้าถึงจะไปไกลๆได้โดยไม่มีอันตรายแต่ในครั้งนั้นหัวเมืองผ่ายเหนือตกอยู่ในอำนาจของกรุงศรีอยุธยา เมื่อพระอาจารย์สุกไปครั้งนั้นไปปักกลดตามป่าบ้าง วัดร้างบ้าง วันหนึ่งท่านเดินมาที่วัดร้างในป่าแห่งหนึ่ง ณ เมืองลำพูน เมื่อมาถึงท่านก็ได้เดินสำรวจที่สำหรับปักกลดมาถึงที่แห่งหนึ่ง พบแผ่นหินแผ่นหนึ่งท่านจึงปักกลดที่ข้างแผ่นหินนั้น พอตกเวลากลางคืนเงียบสงัดท่านก็เข้าที่ภาวนา เมื่อท่านภาวนาอยู่นั้น ท่านก็ได้เห็นนิมิตเป็นอักษรขอมโบราณ พอรุ่งเช้าท่านก็ออกบิณฑบาตกลับมาฉันเรียบร้อยแล้วท่านจึงรวบมุ้งกลด จึงใช้สมาธิมองไปที่แผ่นหินนั้น ท่านก็เห็นอักษรอยู่ใต้หินแผ่นหิน ท่านจึงหงายแผ่นหินขึ้นพบอักษรภาษาขอมเป็นคาถา 16 ตัว ท่านจึงท่องจำพระคาถานั้นให้ขึ้นใจแล้วท่านจึงพัก ณ ที่นั้นอีกหนึ่งคืน กลางดึกคืนนั้นท่านก็นั่งเข้าที่ภาวนาพระคาถานั้น จึงทราบว่า คาถานี้ คือ คาถา "ไก่เถื่อน" รุ่งเช้าอีกวันฉันอาหารบิณฑบาตแล้ว ก็นั่งภาวนาอีก สักครู่ก็มีไก่ป่า จำนวนมากมารุมล้อมท่าน ท่านจึงรู้ว่าคาถานี่ดีทางด้านเมตตา และสามารถเรียกได้ต่างๆ พระคาถามีความดังนี้

    เว ทา สา กุ
    ทา ยะ สา ตะ
    สา สา ทิ กุ
    กุตะ กุ ภู

    กุ สา ทา เว
    ตะ สา ยะ ทา
    กุ ทิ สา สา
    ภู กุ ตะ กุ

    หลวงปู่สุกท่านถอนกลดเดินทางในป่านั้นเดินไปเรื่อยๆ จนใกล้ค่ำ จึงปักกลด ตกกลางคืนก็เข้าที่ภาวนา พอเช้าฉันบิณฑบาตแล้ว ตอนสายแก่ๆ ท่านก็ภาวนา พระคาถาไก่เถื่อนอีก คราวนี้มีไก่ป่ามามากมายหลายสายพันธุ์มารุมล้อมท่าน บางตัวก็ขึ้นไปยืนบนเข้าท่านทั้งสองข้าง ท่านจึงทราบว่า เป็นคาถาที่ทำให้ไก่ป่าเชื่องได้ ปละเป็นคาถาที่ใช้สร้างสมในทางเมตตาบารมี ต่อมาเมื่อท่านไปปักกลดที่ไหนเพียงนึกถึงไก่ป่าเท่านั้น ยังมิได้ภาวนาพระคาถาไก่เถื่อน ก็มรไก่ป่ามารุมล้อมตัวท่านแล้ว นับได้ว่าท่านได้สำเร็จเมตตาบารมีไปอีกขั้นหนึ่ง แล้ว ไก่ป่านี้เป็นสัตว์ที่เชื่องคนยากมาก เมื่อเห็นคนหรือได้กลิ่นมนุษย์ ก็จะบินหนีหลบซ่อนทันที โดยที่คนไม่ทันได้เห็นตัวมัน ดังจะยกตัวอย่างเกี่ยวกับไก่ป่า ในนิราศธารทองแดง ในพระนิพนธ์ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ กล่าวถึงไก่ป่าไว้ว่า

    ไก่ป่าเจ้าเสียงเตี้ย
    เห็นคนก่นวิ่งบิน
    ไก่ป่าขันเจี่อยแจ้ว
    ลูกเมียเขี่ยหากิน

    เห็นคนก่นวิ่งบิน
    ซอกซอนซ่อนตัวเร้น
    พาลูกเมียเขี่ยหากิน

    เข็นเร็นรอกซอกซอนหาย

    กลางดิน
    กกเหล้น
    ถาบตื่น
    พุ่มไม้สูญหาย

    ด้วยเหตุที่หลวงปู่สุก พระองค์ท่านอบรมบารมีมาในเมตตา และเมื่อพระองค์ท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะแล้ว พระคาถานี้จึงเรียกว่า พระคาถาพระยาไก่เถื่อน ตั้งแต่นั้นมา ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น คาถาไก่เถื่อนนี้เป็นคาถาที่สร้างสม ในทางเมตตาบารมี แต่มีที่มาที่กล่าวไว้ในหนังสือ พระประวัติและพระนิพนธ์ สมเด็จพระอริยวงศาญาณฯ สังฆราชสุก ไก่เถื่อน ญาณสังวร ของนายสุเชาวน์ พลอยชุม ได้เขียนไว้ว่า "หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบได้ในขณะนี้ คือจารึกที่ฐานพระพุทธรูป "พระเจ้าล้านทอง" ที่เมืองพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ จารึกโดยพระติกขปัญญาเถระ ปละพระพลปัญญาเถระ เมื่อ พ.ศ. 2069 พระคาถานี้ในทางภาคเหนือเรียกกันว่า พระคาถาไก่แก้วกุกลูก และหลักฐานอื่นๆ เกี่ยวกับคาถาไก่เถื่อนนั้นมาในชั้นหลังของสมเด็จพระสังฆราชสุก เสียส่วนมาก

    เมื่อหลวงปู่สุกออกป่า และได้ประสบเหตุการณ์ต่างๆ ในป่าเขา ท่านก็ได้รอดพ้นมาด้วยพระตาถาไก่เถื่อนนี้ คนในสมัยนั้นเรียกพระคาถานี้ว่า เป็นพระคาถาที่เกิดจากอกหลวงปู่สุก หมายถึง เกิดจากการปฏิบัติธรรม ยังมีคำอธิบายเกี่ยวกับวิธีการใช้ และสรรพคุณ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เรียนพระธรรมดังนี้

    พระคาถาไก่เถื่อนนี้ผู้ใดภาวนาได้ 3 เดือน ทุกๆวัน อย่าได้ขาด ผู้นั้นจะมีปัญญาดังพระพุทธโฆษา แม้สวดเทศนาร้องหรือพูดจาสิ่งใดให้สวดเสีย สามที่ มีตบะเดชะนัก แม้สวดได้ถึงเจ็ดเดือนอาจสามารถรู้ใจคน ถ้าสวดได้ครบ 1 ปี มีตบะเดชะนัก ทรงธรรมรู้ยิ่งกว่าคนทั้งหลาย แม้จะเดินทางไกลให้สวด 8 ทีเป็นสวัสดีแก่คนทั้งหลาย ให้เสกหินเสกแร่ไว้สี่มุมเรือน โจรผู้ร้ายเข้าปล้นสะดมมิได้ ผีร้ายมิกล้าเข้ามาในเขตบ้าน คร้ามกลัวยิ่งนัก คนเดินไปถูกเข้าก็ล้มลงแล แพ้อำนาจแก่เรา ให้เขียนอักขระนี้ลงเป็นยันต์ประสาท ลงด้วยเงินก็ดี ทองก็ดี เอาพระคาถานี้เสก 3 คาบไปเทศนาดีนักเป็นเมตตาแก่คนทั้งหลายให้เขียนยันต์ประสาทนี้ไว้กันเรือน กันโจรภัย อันตรายทั้งหลาย เสกปูน ใส่บาดแผลและฝีดีนัก เสกน้ำมันงาใส่กระดูกหัก เสกเมล็ดข้าวปลูกงอกงามดีนัก เสกน้ำมนต์พรมของกำนัลไปให้ขุนนางท้าวพระยา รักเราแล เสกหมาก เมี่ยงทางเมตตา ต้องยาแผด ต้องภัยอันตรายต่างๆ ก็ดี ให้เสกส้มป่อยหายสิ้นแล พระคาถานี้ผู้ใดทรงไว้มีปัญญามาก
     
  15. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    นี่ละกระมังที่เป็นเหตุและเป็นปัจจัยให้เราท่านทั้งหลายได้มาร่วมด้วยช่วยกันแผ้วถางเส้นทางสายนี้กันอยู่ ใช่ไหมครับ ?
     
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ...เจ๊ก้อจะไปเหมือนกันค่ะ 25 ธค - 2 มค ถือศีล 8 ที่วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี ครั้งนี้ไม่เอาเจ้าตัวแสบไปด้วย เพราะเด๋วศีลขาด 55555


    สาธุ ขออนุโมทนากับคุณ Tanunchapat ด้วยนะครับ
     
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    หน้าที่ของพวกเรา ก็เพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต้องยึดมั่นและมั่นคง
    ระลึกถึงน้อง kib-kae เช่นเดียวกัน ในโอกาสขึ้นปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงในไม่ช้าถ้าน้องยังกำลังวางแผนว่าจะไปปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับพี่ๆเค้า และยังไม่ตัดสินใจว่าควรจะเป็นที่ใด ขอเสนอแนะให้ไปที่วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง) ที่แม่แตง นะครับ ไม่ไกลจากแมริมไม่เท่าไร (อยู่ใกล้เกลือเราต้องกินเกลือเนาะ เรื่องอะไรจะเลือกไปกินด่าง จริงปล่าว)
     
  18. kib-kae

    kib-kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +259
    ขอบคุณค่ะ ท่านพี่ที่แนะนำ วัดท่านอาจารย์เปลี่ยนใช่ไหมเจ้าคะ มีโอกาสไปอย่างแน่นอนค่ะ ตอนนี้ได้แต่อ่านหนังสือท่านไปพลางๆ พี่เค้าเอามาฝากให้อ่านเยอะมากเลยเจ้าค่ะ...ยังติดเลี้ยงเจ้าคนเล็กอยู่ค่ะ พึ่ง ขวบกว่าๆ เจ้าค่ะ

    อนุโมทนาบุญ กับพี่ๆ ด้วยนะเจ้าคะ
     
  19. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    เชื่อค่ะว่าคุนนายรุ้งเธอสามารถเป็นคนกลาง อิอิอิ ส่วนอิชั้นขอ*บาย เกรงว่าถ้าท่านๆมากันแล้วอิชั้นจะพูดไม่เป็นภาษา


    เรื่องผ้าป่า ท่านขอมาก้อออออ จาดดดดดดดปายยยยยยย ยินดีเจ้าค่ะ

    คิดถึงคุนนายน้องกะคุนรุ้งมากมาย แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าเวปเท่าไหร่ งานเข้าค่ะงานเข้า ***พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก*** 555555 ม่ะรุ้จาอารายนักหนา งานเข้าตาหลอด ....
    ตอนนี้ชื่อ+สกุลได้เปลี่ยนเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะตามฤกษ์(แบบเหนียว และท่านญาติชาติที่แล้ว "เหนี่ยว" แบบสุดๆ ) ฝากคิดถึงคุนนายรุ้งด้วยค่ะ
    กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

    [​IMG]
     
  20. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=EHOH9nR7KGs]YouTube - สมเด็จพระนเรศวรมหาราช[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...