รับปรึกษาปัญหาเรื่องตรวจเลือดและส่งเสริมสุขภาพ โดย นักเทคนิคการแพทย์

anti-hiv (stat) คือการตรวจแบบใหยครับ

คือว่าผมไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนหน่ะครับ ค่าตรวจ 550 บาท เป็นการตรวจแบบเร็วใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เป็นลบเป็นการตรวจแบบใหนครับ
97 วันหลังเสี่ยง ขั้นตอนการตรวจเป็นแบบใหนอ่ะครับเชื่อถือได้บ้างรึป่าว

 

เรียนคุณlittleboom

ตอบ
1.มีหลายวิธีครับได้แก่ Immunochromatographicและกลุ่มวิธีประยุกต์จากวิธีEnzyme Immuno assay ข้อนี้ไม่สำคัญข้อ2สำคัญกว่า

2.การตรวจหาAnti-HIV ปัจจัยสำคัญที่สุดคือระยะเวลาการเสี่ยงต่อการติดเชื้อฯคือไปตรวจในวันที่90หลังจากเสี่ยง จะเป็นวันที่ร่างกายสร้างสารแอนติบอดีย์มีปริมาณสูงสุดออกมาในเลือดของเราครับ
วันที่1 วันที่2 วันที่3 วันที่4 วันที่5....วันที่45....วันที่90
ติดเชื้อ 1 2 3 4 5.........45........90
ไม่ติดเชื้อ 0 0 0 0 0..........0.........0

สรุปผลของคุณ สบายใจได้ ไม่ติดเชื้อแน่นอนที่สุดครับ

 

วิธีนี้คือนี้เอาเลือดเราไปปั่นแล้วเอาน้ำเหลืองไปหยดใส่แผ่นตรวจใช่มั้ยครับผมเคยซื้อมาทดสอบเอง แล้ววิิธีนี้ถ้าทำในเเล็บจะมีอุปกรณ์เครื่องมืออะไรอีกมั้ยหรือแค่เอาน้ำเหลืองหยดแค่นั้นครับสงสัยมากๆๅเลยแล้วมันมีอีกแบบนึงรอผลชั่วโมงกว่าแบบนี้จะดีกว่ามั้ยแต่มันถูกกว่ากันร้อยกว่าบาทก็ก็นึกว่า stat มันแพงกว่าน่าจะดีกว่าไม่รู้คิดถูกรึป่าว
คือว่าผมมีอาการคลำเจอต่อมน้ำเหลืองหลายที่ 1.ที่ขาหนีบทั้งสองข้าง 2หลังหูฝั่งซ้าย 3.ข้างลูกกระเดือก ทั้งสองข้าง:'( แล้วก็ใต้กามทั้งข้างด้วยต่อมน้ำเหลืองคนปกติเขาจะคลำเจอหรอครับ ผมเครียดมากกๆๆๆๆเลยครับ:'(

 

วิธีนี้คือนี้เอาเลือดเราไปปั่นแล้วเอาน้ำเหลืองไปหยดใส่แผ่นตรวจใช่มั้ยครับผมเคยซื้อมาทดสอบเอง แล้ววิิธีนี้ถ้าทำในเเล็บจะมีอุปกรณ์เครื่องมืออะไรอีกมั้ยหรือแค่เอาน้ำเหลืองหยดแค่นั้นครับสงสัยมากๆๅเลยแล้วมันมีอีกแบบนึงรอผลชั่วโมงกว่าแบบนี้จะดีกว่ามั้ยแต่มันถูกกว่ากันร้อยกว่าบาทก็ก็นึกว่า stat มันแพงกว่าน่าจะดีกว่าไม่รู้คิดถูกรึป่าว
-วิธีImmunochromatographic จะต้องปั่นแยกเลือด แล้วนำเลือดหยดใส่แผ่นตรวจ หรือเอาแผ่นตรวจจุ่มลงในน้ำเหลือง คล้ายๆกับทดสอบการตั้งครรภ์
-ส่วนวิธีอื่นModify Enzyme immuno assay จะต้องมีการหยดน้ำยาหลายชนิดเพื่อทำปฏิกิริยาร่วมด้วย
-หากคุณต้องการผลตรวจที่แน่นอน ควรตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญทางแลบจะดีกว่า ซื้อมาตรวจเองครับ
ผมมีอาการคลำเจอต่อมน้ำเหลืองหลายที่ 1.ที่ขาหนีบทั้งสองข้าง 2หลังหูฝั่งซ้าย 3.ข้างลูกกระเดือก ทั้งสองข้าง
1.คุณมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับภูมิต้านทานไม่สมบูรณ์ หรือบกพร่อง อาจมาจากการรับประทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ และความเครียดก็สามารถทำให้ระบบภูมิต้านทานเสื่อมลงได้
-ไม่ควรนำไปคิดปรุงแต่งว่ามาจากคุณติดไวรัสเอชไอวี เนื่องจากคุณผ่านการตรวจเลือดที่90วันแล้ว ย่อมบ่งชี้ว่าคุณไม่ได้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี

คนที่ติดไวรัสเอชไอวีจริงๆ เมื่อตรวจเลือดตอนครบ45-90วัน จะเป็นผลบวก ซึ่งหมายถึงระบบภูมิต้านทานได้ตอบสนองต่อการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยการสร้างสารแอนติบอดีย์ต่อเชื้อออกมาในกระแสเลือด (ในระยะนี้เชื้อไวรัสจะยังมีปริมาณน้อย จะยังไม่มีอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง) จากระยะเริ่มต้นนี้ถึงระยะมีอาการของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะนาน3-5ปี(เชื้อจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนมีเชื้อจำนวนมากมาย)

แต่ที่คุณกำลังนำมาปรุงแต่งจิตตนเองให้เกิดความกลัวนั้นเป็นภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องมาจากสาเหตุอื่น ผมขอเน้นย้ำให้คุณเข้าใจนะครับว่าหากเป็นมาจากเชื้อไวรัสเอชไอวี คุณจะต้องตรวจพบเลือดบวก(Anti-HIV =Positive)เสียก่อน เมื่อเลือดบวกแล้วคุณจะต้องรอระยะเวลาให้เชื้อมันกินภูมิต้านทานของคุณให้ลดลงเรื่อยๆ
จำนวนเชื้อน้อย = ภูมิต้านทานมีมากเป็นปกติ = ไม่มีอาการของโรค
จำนวนเชื้อมาก = ภูมิต้านทานมีน้อยกว่าปกติ = มีภาวะภูมิคุ้มกันโรค
บกพร่อง

และปัญหาของคุณคือ
ไม่มีเชื้อไวรัสเอชไอวี=ภูมิต้านทานมีน้อยกว่าปกติ=มีภาวะภูมิคุ้มกันโรคบกพร่อง

สรุปคำแนะนำ
1.อาการไม่สบายผิดปกติ ควรมีสาเหตุมาจากความเครียดและเมื่อเครียดมากคุณจะไม่ได้รับประทานอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ จึงไปกดระบบภูมิต้านทานให้ทำงานไม่ดี เมื่อคุณมีระบบภูมิต้านทานไม่ดี จึงเกิดอาการผิดปกติตามที่คุณเล่ามา
ดังนั้นคุณจำเป็นจะต้องปล่อยวาง เลิกเครียด รับประทานอาหารหมู่โปรตีนให้มากๆ อาหารหมู่โปรตีนที่ส่งเสริมระบบภูมิต้านทานให้สมบูรณ์คือ นมถั่วเหลืองและไข่แดง เป็นประจำคุณก็จะหายเป็นปกติ

 

ฃอบคุณมากครับที่ชี้แนะ คือผมไปเที่ยวแล้วถุงแตกมาหน่ะครับ ผมเคยไปตรวจที่โรงพยาบาลนี้ ที่ 22วันปกติ แล้วก็ 97 วันปกติเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่และดีที่สุดในจังหวัดหน่ะครับ เขามีตัวเลือกให้ 2 อย่าง อย่างแรกรอผล 1 ชั่วโมง 45 นาที แบบที่ 2. 45 นาที่ (stat) แล้วผมสงสัยว่าทำไมอีกแบบนานกว่าและทำไม่ถึงถูกกว่า ถ้าแบบเร็วจะแพงกว่าเร็วกว่า แบบช้าเขาใช้เครื่องตรวจรึป่าวครับ แบบเร็วใช้ชุดตรวจ ความน่าเชื่อถือเท่ากันมั้ยครับ ขอบคุณครับ

 

ตัวแปรที่สำคัญคือระยะเวลาที่คุณเสี่ยงต่อการติดเชื้อฯว่านานมากพอที่จะเกิด
การตอบสนองของร่างกายต่อการติดเชื้อฯ หมายถึงร่างกายสร้างสารแอนติบอดีย์
ต่อไวรัสเอชวีหรือยัง คือนาน45-90วัน

วิธีใช้เครื่องตรวจจะมีความไวในการตรวจมากกว่าวิธีแบบใช้ชุดตรวจ เพียงเล็กน้อย
เท่านั้นครับ คุณลองย้อนกลับไปอ่านค.ห.ที่86ใหม่ ผมได้พยายามอธิบายให้คุณเข้าใจ
ในเชิงปริมาณแล้วโดยสมมุติ ว่าวันที่1เท่ากับ1 วันที่45เท่ากับ45 วันที่90เท่ากับ90
วิธีทุกแบบจะสามารถตรวจเป็นผลบวกหากคุณมีแอนติบอดีย์เท่ากับ45-90

 

ขอคุณพี่วสุธรรม ที่เข้ามาตอบปัญหาของผมครับ ผมได้อ่านข้อมูลของพี่วสุธรรมเกี่ยวกับการตรวจเลือดในเว็ปนี้มีประโยชน์มากเลยครับ โดยเฉพาะคนที่มีความกังวลในการตรวจเลือดแบบผม ผมขอสอบถามพี่วสุธรรม อีกเรื่องนึงครับผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์แก่คนอื่นด้วย ผมอยากทราบเรื่องการตรวจแบบใหม่ ที่เรียกว่า NAT (Nucleic Acid Amplification Testing) เป็นวิธีการตรวจแบบไหนครับ เพราะเท่าที่ผมรู้ข้อมูลจากคลีนิคนิรนาม เค้าบอกว่าเป็นการตรวจแบบเดี๋ยวกับการคัดกรองผู้บริจาคเลือด สามารถตรวจได้ไว้มากหลังจากรับเชื้อมา 5 วันก็สามารถตรวจเจอได้ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันต่างอย่างไงกับการตรวจแบบ PCR ครับ แล้วผลที่ได้น่าเชื่อถือขนาดไหนครับกับการตรวจด้วยวิธี NAT ครับ ขอบคุณมากครับ

 

เรียนคุณวสุธรรม
วันนี้ติงไปหาหมอ(ท่านที่ 3) ที่มุกดาหาร ชื่อคลินิก"หมอมู" ติงขออนุญาตเอ่ยนามท่านด้วยความเคารพค่ะ เป็นคลินิกโรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนัง

ท่านน่ารักมากๆค่ะ กรุณาอธิบายเกี่ยวกับโรคของติง เปิดตำราให้ดูภาพประกอบด้วยค่ะ เป็นตำราภาษาอังกฤษ แล้วพูดตลกให้ติงหัวเราะด้วยค่ะ ว่าโรคของติงนี่นะ สามารถเอาเล็บเขียนชื่อติงได้แบบสวยเลย 555
(ก่อนเข้าไปหาคุณหมอ ติงเอาเล็บเกาที่ผิวให้เป็นรอยปื้นสีชมพูด้วยละ 555)

จริงๆ วันนี้ ติงไม่ได้ทานยาแก้แพ้ เพราะอยากให้คุณหมอเห็นว่าอาการของโรคเป็นอย่างไร แต่โรคเจ้ากรรม ดันกลัวคุณหมอ ไม่โผล่อาการเลยค่ะ ^^ ติงต้องกระตุ้น ก็เป็นแบบนี้ ^^

คุณหมอบอกว่าติงเป็นโรคภูมิแพ้ สามารถหายได้ แต่อาจใช้เวลาหลายเดือน ให้ลองงดอาหารประเภท สัตว์ปีก อาหารหมักดอง และอาหารทะเล(ทีแรกติงคิดว่าตัวเองแพ้กาแฟซะอีก เพราะชอบทาน และทานมานานมากๆ)

คุณหมอขอดูยาที่ติงทาน แล้วท่านก็อธิบายเกี่ยวกับยาที่ติงทาน และบอกว่าติงทานยาถูกต้องแล้ว ให้ทานต่อไป โดยทานยาที่ติงทานปกติ ในตอนเช้า และก่อนนอน ให้ทาน CPM แล้วก็บอกว่ากลับบ้านได้ ติงทำหน้างงๆ คุณหมอก็บอกย้ำว่ากลับบ้านได้

ท่านไม่คิดค่าตรวจรักษา ไม่คิดค่าเสียเวลาอธิบายโรคของติงที่ท่านนั่งอธิบายตั้งนาน
คุณหมอแบบนี้ ยังมีอยู่ในโลกด้วย ติงคิดว่า คราวหน้า ติงไปมุกดาหาร ต้องแวะไปหาคุณหมออีก ติงจะเอาของไปฝาก เป็นกำลังใจให้คุณหมอที่น่ารักท่านนี้ค่ะ

ติงมาเล่าให้คุณวสุธรรมฟัง เพื่อที่จะเป็นการขอบพระคุณคุณหมออีกทางหนึ่ง และเป็นการเรียนคุณวสุธรรมว่า ในโลกนี้ ยังมีคนดีๆแบบคุณวสุธรรมอีกคนที่มุกดาหาร
ติงเป็นกำลังใจให้คุณนะคะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
^^

 

ตอบ เป็นวิธีPCRเหมือนกันครับ เพียงแต่เรียกชื่อต่างกัน

 

สวัสดีครับคุณวสุธรรม

เพิ่งพบกระทู้โดยบังเอิญแบบไม่ทราบว่ามีอะไรมาดลใจ เพราะเพิ่งไปรับผลการวิเคราะห์เลือดที่ไปตรวจมาเย็นนี้เอง และเกิดคำถามในใจหลายคำถาม แล้วก็มาเจอกระทู้นี้เข้าอย่างจัง จึงอยากขอกระจ่างด้วยครับ ผลการตรวจเลือดของผมมีดังนี้ครับ

1.ความเข้มเลือด(CBC) Hct 41% Hb 13.6 g/dl
หมอแจ้งว่า ปกติ แต่ความเข้มใกล้ค่าต่ำไปหน่อย
คำถามคือ จะทำให้ความเข้มเลือดสูงขึ้นได้อย่างไร

2.เกร็ดเลือด (Platelet count) 188,000 cells/cumm
ปกติ แต่ติดค่าต่ำเช่นกัน (ปกติ 140,000-400,000)
คำถามคือ จะทำให้เกร็ดเลือดสูงขึ้นได้อย่างไร

3.Cholesterol 245, Triglyceride 124, HDL 49 , LDL 171
สรุปไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะ LDL
คำถามคือ จะทานอะไรเพื่อลด LDL และเพิ่ม HDL ได้ เช่น น้ำมันปลาจะช่วยได้หรือไม่

คือผมถามที่คลีนิคเหมือนกันครับ แต่ไม่คำตอบที่ไม่ค่อยชัดเจน เลยอยากจะรบกวนคุณวสุธรรมด้วยครับ

 

ผมเป็นคนไม่ชอบกินผักครับกินแต่เนื้อหมูอะไรพวกนี้หน่ะครับ โรคส่วนตัวคือโรคกระเพราะครับ และเคยเป็นไข้เลือดออก จริงๆผมเคยนำชุดตรวจมาตรวจ 2ครั้ง ครั้งแรก 2 เดือน6วันแถบปกติกครั้งที่สอง เกือบๆๆ 3 เดือน ก็ซื้อมาอีก แต่ผลอีกช่องมันดูรางๆๆพอมองดูรู้ว่ามันมีเส้นรางๆๆอยู่ตรงนี้ต่อต้องสังเกตุดีๆๆ ผมเลยกังวลใจว่า antibody ผมมันจะออกช้ากว่าคนปกติรึป่าวเลยตัดสินใจไปตรวจที่ ร.พ ที่ 97 วันหลังเสี่ยง ผลออก anti-hiv (stat) =negative เพราะผมก็รู้ตัวดีว่าไม่ชอบกินผักร่างกายอาจแข็งแรงสู้คนอื่นไม่ได้ ผมเลยวิตกกังวลมากๆๆ
แล้วผมมีอาการจุดแดงๆที่ขา 4-5 จุดไม่เจ็บไม่คันอะไรเลย เป็นนานมากกแล้วมาหายจะทิ้งรอยดำใว้ครับ เป็นที่ขาตาตุ่มครับ แล้วแค่ 22 วันการตรวจพอจะเชื่อถือได้บ้างมั้ยครับ

 

ตอบคำถามคุณthongchat

1.จะทำให้ความเข้มเลือดสูงขึ้นได้อย่างไร
ตอบ ผมคิดว่าความร้อยละของเม็ดเลือดแดงอัดแน่น เท่ากับ41% เป็นระดับความเข้มที่พอดี ไม่สูงไม่ต่ำครับ สามารถไปบริจาคเลือดได้สบายๆ แต่หากคุณอยากให้เข้มข้นมากกว่านี้สามารถทำได้2วิธีดังนี้
1.1รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กเป็นประจำ ได้แก่ ตับ เครื่องใน ไข่แดง นมถั่วเหลือง
1.2รับประทานธาตุเหล็กได้แก่ พวกอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กเพียงอย่างเดียว
หรือรับประทานเป็นวิตามินรวมที่มีธาตุเหล็กก็ได้(ตามคำแนะนำของเภสัชกร)
2.คำถามคือ จะทำให้เกร็ดเลือดสูงขึ้นได้อย่างไร
ตอบ จำนวนเกล็ดเลือดควรมีปานกลาง ประมาณ2แสน อาหารที่สามารถทำให้
เพิ่มจำนวนเกล็ดเลือดคือ นมถั่วเหลืองและไข่แดงครับ ควรรับประทานเป็นประจำ
3.คำถามคือ จะทานอะไรเพื่อลด LDL และเพิ่ม HDL ได้ เช่น น้ำมันปลาจะช่วยได้หรือไม่
ตอบ
-การที่คุณมีไขมันLDLสูงเกิดจากคุณได้รับประทานอาหารพวกเนื้อสัตว์ได้แก่ เนื้อไก่และเนื้อหมูชนิดนุ่มๆ(นุ่มๆจะมีไขมันมาก เนื้อแห้งจะมีไขมันน้อย)
คุณควรลดการรับประทานอาหารเนื้อไก่ เนื้อหมูแบบนุ่มๆ และเนื้อปนมันให้น้อยลง ก็จะทำให้ค่าLDLลดลง
-การเพิ่มไขมันชนิดHDLนั้นสามารถเพิ่มได้โดย2วิธีคือรับประทานอาหารประเภทปลาทะเล(มีมาก) ปลาทั่วไป นมถั่วเหลือง(มีปานกลาง)
หรือวิธีรับประทานอาหารเสริมพวกน้ำมันปลาทะเล ผมเคยพบลูกค้าที่รับประทานน้ำมันปลาทะเลนาน1เดือน มาตรวจเลือดพบสูงมากถึง80-90mg/dl

 

ตอบคำถามคุณlittleboom

ตอบ
1.เรื่องโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวีนั้น ผมขอให้คุณปล่อยวางเสียครับ เลิกคิดเลิกสนใจ มันไป ผมเคยพบลูกค้าที่ไม่ยอมปล่อยวางปัญหานี้ เขาตรวจเลือดอยู่นาน1ปี เพราะไม่ยอมปล่อยวาง ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข จมอยู่กับความทุกข์กังวลใจอยู่นานมากๆ เขาเกือบต้องเข้าโรงพยาบาลโรคจิต พ่อแม่ ภรรยาพากันเครียดไปกับอาการโรคจิตไม่ปล่อยวางของเขาด้วย เพิ่งหายเป็นปกติเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมานี้เอง
การไม่รับประทานอาหารพวกผักนั้น ไม่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อระบบภูมิต้านทานครับ ปัจจัยสำคัญคืออาหารหมู่โปรตีน ที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในการสร้างสารแอนติบอดีย์ หากคุณรับประทานแต่ผัก ไม่ค่อยได้รับประทานอาหารหมู่โปรตีนสิครับ ร่างกายจะขาดแคลนสารโปรตีนสำหรับนำมาใช้สร้างสารแอนติบอดีย์

2.ปัญหาเรื่องสุขภาพของคุณที่กล่าวมา เช่นโรคกระเพาะ เคยเป็นโรคไข้เลือดออกนั้น เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปคือ พบเห็นคนเป็นเช่นเดียวกับคุณมากมาย โรคกระเพาะที่คุณเป็นบ่อยๆเกิดจากคุณรับประทานอาหารไม่สม่ำเสมอ เป็นประจำ
คุณต้องแก้ไขที่เรื่องไม่รับประทานอาหารเมื่อถึงเวลา ผมอยากแนะนำให้คบนมถั่วเหลืองไว้ เมื่อคุณไม่มีเวลารับประทานอาหาร แต่ถึงเวลาแล้ว คุณเพียงพกนมถั่วเลืองติดกระเป๋าไว้เป็นประจำ เมื่อถึงเวลาอาหารก็แค่เสียบหลอด ดูดเข้าปาก คุณก็หมดธุระเรื่องรับประทานอาหารแล้ว สามารถทำงาน หรือกิจอื่นๆตามต้องการ และนมถั่วเหลืองเป็นอาหารประจำของผมเช่นกัน มันจะทำให้ร่างกายของเรามีแต่สิ่งดีๆ ได้แก่ ไขมันดี ภูมิต้านทานสมบูรณ์ดีและ....ดีดีดีดี.....
และโรคไข้เลือดออกจะแพ้นมถั่วเหลืองครับ

 

ขอบคุณมากครับ จากใจจริง

 

พี่วสุธรรมครับ ผมสอบถามพี่หน่อยครับว่าตั้งแต่พี่ตรวจเลือดมา 3 เดือนตรวจเป็นลบ แล้วมาตรวจยืนยันที่ 6 เดือนเป็นบวกมีบางมัยครับ แล้วกรณีที่เคยเจอเพราะอะไรครับ มียาอะไรบางมัยที่ทำให้มีผลกระทบกับการตรวจบางครับ แล้วช่วง windows period โอกาสรับเชื้อเยอะมัยครับหากเราไปมี พสพ กับผู้หญิงที่เค้าขายบริการแล้วยังตรวจไม่พบ เท่าที่อ่านข้อมูลเค้าบอกว่าช่วง windows period จะเป็นช่วงที่เชื้อในกระแสเลือดเยอะที่สุดโอกาสติดเยอะว่าช่วงที่ตรวจเจอแล้ว เพราะถ้าช่วงที่ Antibody สร้างจะทำให้เชื้อในกระแสเลือดลดลงอันนี้จริงหรือเปล่าครับ

 

1.ตั้งแต่พี่ตรวจเลือดมา 3 เดือนตรวจเป็นลบ แล้วมาตรวจยืนยันที่ 6 เดือนเป็นบวกมีบางมัยครับ
ตอบ
ผมเปิดคลินิกเทคนิคการแพทย์ บริการตรวจเลือดมานานประมาณ10กว่าปีมานี้ ไม่เคยเจอเลยสักราย
เจอแต่คนย้ำคิดย้ำทำกลัวเป็น แต่ไม่เป็น บอกไม่เป็น
แน่ๆ แต่ก็มาตรวจเลือดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประเภทนี้เดี๋ยวนี้เยอะมาก ผมว่าเหมือนถูกเจ้ากรรมนายเวรสะกดจิตให้
คิด ให้ไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเพื่อหาเหตุผลใหม่ๆมาคิดกังวล เครียด ไม่สบายใจ ครับ

2.แล้วกรณีที่เคยเจอเพราะอะไรครับ มียาอะไรบางมัยที่ทำให้มีผลกระทบกับการตรวจบางครับ แล้วช่วง windows period โอกาสรับเชื้อเยอะมัยครับหากเราไปมี พสพ กับผู้หญิงที่เค้าขายบริการแล้วยังตรวจไม่พบ เท่าที่อ่านข้อมูลเค้าบอกว่าช่วง windows period จะเป็นช่วงที่เชื้อในกระแสเลือดเยอะที่สุดโอกาสติดเยอะว่าช่วงที่ตรวจเจอแล้ว เพราะถ้าช่วงที่ Antibody สร้างจะทำให้เชื้อในกระแสเลือดลดลงอันนี้จริงหรือเปล่าครับ
ตอบ
ไม่เคยเจอครับ พบแต่รายไหนที่ติดเชื้อก็จะตรวจพบเป็นผลบวกเลย อย่าไปฟังเสียงมารมากครับ พวกพูดวิจารณ์มั่วมีเยอะ ขอให้มาตรวจเลือดเมื่อครบ90วัน
และเชื่อถือผลนั้นครับ

 

พี่วสุธรรม จริงๆ ผมตรวจครับไปแล้วที่ 90 กว่าวัน แทนที่ตัวเองจะสบายใจครับแต่มีเหตุดลใจให้เข้าไปอ่านข้อมูลใน Internet แล้วทำให้จิตตกมากครับเช่นเรื่องของหมอโดนเข็มที่เปื้อนเลือดคนไข้แทงแล้วทานยาต้าน ตรวจ 1 เดือน ไม่เจอ 3 เดือนไม่เจอ ไปตรวจเจอตอน 6 เดือน ผมอ่านแล้วก็อ้าวซวยแล้วเราจะเป็นแบบนั้นมัย แล้วก็ยิ่งทำให้เข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกไปเจออีกคนนึงเป็นเกย์รับได้รับการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยตัวเองตรวจ PCR ที่ 2 เดือนเป็นลบไปตรวจ 3 เดือนเป็นลบ แต่ไปเจอที่ 6 เดือนผมก็เลยเอาไงเนี๊ยเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าเค้าไปเสี่ยงอะไรเพิ่มมาหรือเปล่า มันเลยทำให้จิตมันวนเวียนอยู่ว่าเราปลอดภัยมัย ทั้งที่การตรวจของผมที่ตรวจถือว่าดีที่สุดในขนาดนี้คือมีการตรวจ NAT ให้ด้วยทุกครั้งที่มาตรวจเลือด แทนที่เราจะสบายใจเพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่เราดันมากังวลกับเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จเพียงใด แล้วยิ่งไปถามหมอ หมอก็บอกว่ายาต้านมีผลกับการตรวจต้องตามไปถึง 6 เดือน เรานี้เครียดเลย แล้วถามคุณหมอว่าแต่ผมตรวจ NAT ด้วยนะหมอบอกว่า NAT เค้าไม่ได้รับการรับรองจาก WHO ในการตรวจหาเชื้ออาจจะเกิดผลบวกปลอมหรือลบปลอมได้ อ้าวจิตตกอีกไม่รู้ผมทำบาปทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มาเจอเรื่องแบบนี้ เครียดจนอยากจะตายๆ ไปสะให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยครับ งานการไม่ได้ทำกันพอดีเอาแต่เครียดจิตบอกว่าเรายังไม่ปลอดภัย ผมพยายามไม่นึกถึงมันแต่ก็มาหลอกหลอนผมเรื่อยๆ เหนื่อยใจจังครับ

 

ขอบคุณคุณmoojมากนะครับ ที่ได้นำข่าวใหม่ๆมาให้อ่าน หากช่วยแนะนำลิงค์ที่ไปอ่านเจอมาให้ด้วยก็จักดีมาก

ระยะนี้ในกลุ่มผู้ชมเว็บพลังจิต จะได้รับข่าวสารอยู่เสมอๆ เกี่ยวกับเรื่องการชำระล้างโลก เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ กลุ่มหนึ่งที่ปฏิบัติงานมานานแล้ว คือกลุ่มเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย หากคุณอยากสบายใจ หายเครียด อยากแนะนำให้ปิดหูปิดตาตนเองเสีย

คนที่เป็นข่าวที่คุณกล่าวถึงนั้น ผมคิดว่าถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง ก็ยังคงมีอุบัติการณ์น้อยมากๆ ซึ่งน่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดของข้อมูลไม่มากนัก คือไม่ชัดเจน หากชัดเจนควรเป็นข่าวดังมากกว่านี้ อาจเป็นพวกปั้นข่าว หลอกลวงคนอื่นก็ได้ เปรียบเสมือนเป็นการปฏิบัติของฝ่ายมิจฉาฯ

ส่วนผมเป็นฝ่ายสัมมาฯ คุณจะเชื่อใครดีล่ะครับ หากคุณเชื่อผมแล้วสบายใจปล่อยวางไป
หรือจะเชื่อฝ่านมิจฉาฯแล้วต้องทนทุกข์ทรมานใจ ในวินาทีนี้ขึ้นอยู่กับคุณแล้วครับ

 

กระทู้ครับ พีวสุธรรมที่ผมไปอ่านเจอครับ สำหรับที่ไปตรวจ PCR มาที่ 2 เดือน

http://pha.narak.com/topic.php?No=32437

เรื่องที่ 2 ครับเรื่องเกียวกับหมอ

เมื่อหมอติดHIVจากคนไข้ - Windows Live

ครับผมว่าพี่วสุธรรมก็น่าจะเคยอ่านเรื่องนี้

 

ผมได้ไปอ่านมาแล้วนะครับ ในกรณีทั้ง2รายนี้
มีข้อบ่งชี้ครับว่าน่าจะติดเชื้อ คือคนหนึ่งมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นHIV+
ส่วนหมอก็ทราบว่าเข็มที่ตำนิ้วตนเองนั้นเป็นHIV+

แล้วของคุณล่ะครับมีข้อบ่งชี้ชัดเจนแบบเขาไหม หากไม่ทราบชัดเจนอย่างนั้น
ก็ไม่ควรเอามาคิดมากมาย หญิงบริการคนนั้นหากยังไม่มีเลือด+ ก็ไม่สามารถนำเชื้อมาสู่คุณครับ อย่าคิดสับสน ปนกันไปมา

ถึงแม้หญิงบริการจะเกิดเป็นผลบวกต่อมา ย่อมแสดงว่าอาจจะเพิ่งรับเชื้อมา เชื้อจะมีน้อยมากๆ ไม่สามารถติดถึงคุณหรอก ปล่อยวางเถิดครับ