5 ปัญหาหนักอกของผู้หญิงที่เป็น"ภรรยา"

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย paang, 24 สิงหาคม 2006.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    [​IMG]


    "เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก" โดยเฉพาะ "ผู้หญิงที่แต่งงานมีสามี-ลูก" แล้ว!! ก็จะไม่ให้ลำบากได้ยังไง เพราะสารพัดหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งคุณแม่ ภรรยา และหน้าที่การงาน

    เมื่อมีหลายบทบาทที่ต้องทำ ปัญหาก็มีตามมาเป็นหางว่าว จากการสำรวจของ นิตยสาร Real Perenting ถึงปัญหาความสัมพันธ์ของแม่ยุคใหม่ที่ต้องเผชิญเมื่อมีบุตร เก็บข้อมูลในช่วงเดือนกรกฎาคม จากกลุ่มแม่วัย 20-45 ปี จำนวน 370 คน พบว่าผู้หญิงที่เป็น "ภรรยา" 66.5% ต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว หลังเลิกงานยังต้องรับผิดชอบเลี้ยงลูก ทำงานบ้าน จากภาระหนักทั้งงานในและนอกบ้าน ส่งผลให้ผู้หญิง 96% ยอมรับว่าประสบกับภาวะเครียด โดยมีปัญหาหนักอกถึง 5 ปัญหาที่รุมเร้าให้ต้อง "กุมขมับ"

    ปัญหาหนักที่สุด หนีไม่พ้นปัญหา "กระทบกระทั่งกับสามี" ผู้หญิงร้อยละ 98.8 ยอมรับว่ามีความเครียดจากปัญหานี้มาก

    รองลงมาเป็นปัญหา "ความคิดเห็นไม่ลงรอยกับแม่สามี" ระดับการเกิดปัญหาและความเครียดไม่ต่างจากการกระทบกระทั่งกับสามีมากนัก ผู้หญิงร้อยละ 95.9 ยอมรับว่าเครียดมากเมื่อมีปากเสียงกับแม่สามี โดยเฉพาะกลุ่มสะใภ้วัย 25-30 ปี ที่ต้องอาศัยอยู่บ้านสามี แต่พบว่าเมื่อสะใภ้อายุมากขึ้น มีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้นและพยายามปรับตัวเข้าหาแม่สามี ปัญหาไม่ลงรอยกันจะมีแนวโน้มลดลง

    ปัญหาที่ 3 คือ "สามีผลักภาระให้ภรรยาเลี้ยงลูกคนเดียว" ปัจจุบันจึงมีผู้ชายเพียง 16% ที่ช่วยเลี้ยงลูกแบ่งเบาภาระภรรยา ทำให้ผู้หญิงที่เป็นทั้งภรรยาและแม่ต้องเหนื่อยล้า และมีเวลาส่วนตัวน้อยลง ดังนั้น ผู้หญิง 75.6% จึงยืนยันไม่พร้อมจะมีลูกเพิ่มขึ้นอีกคน และ 22.9% เรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมาย อนุญาตให้ผู้ชายสามารถลาพักงานมาช่วยเลี้ยงลูกหนึ่งเดือนแรกหลังจากภรรยาคลอดบุตร

    ปัญหาที่ 4 พบว่าร้อยละ 70 ประสบปัญหา "การจัดสรรค่าใช้จ่ายไม่ลงตัว" จากการสำรวจพบว่าสามีคือเสาหลักดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้าน ได้แก่ ค่าสาธารณูปโภค ค่าอาหาร และเครื่องใช้ต่างๆ ขณะที่ภรรยาช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูก เช่น เสื้อผ้า ของเล่น ซึ่งการมีส่วนร่วมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของสามี ทำให้ภรรยาเครียดกับปัญหานี้น้อยกว่าปัญหาอื่นๆ

    แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องการให้รัฐบาลยื่นมือเข้าช่วย ด้านสวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตร ด้านสุขภาพฟรี เพิ่มจำนวนสถานเลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพง และเพิ่มมาตรการสนับสนุนทางการเงิน

    ปัญหาสุดท้าย ร้อยละ 67.1 เผชิญปัญหา "ลูกไม่เชื่อฟัง" เนื่องจากมีผู้ปกครอง 30.2% เท่านั้นที่เลี้ยงลูกด้วยตัวเอง และส่วนใหญ่มีเวลาอยู่กับลูกแค่เพียงช่วงหลังเลิกงาน ความห่างเหินระหว่างผู้ปกครองและเด็กจึงเป็นเหตุทำให้ลูกไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน ส่งผลให้คุณแม่เครียดกับปัญหาการจัดการเรื่องลูก

    แต่ละปัญหาล้วนเป็นปัญหาหนักอกของเหล่าผู้หญิง แต่ปัญหาจะหมดไปได้ ถ้าคนในครอบครัวร่วมกันแก้ไข



    ที่มา มติชน
     
  2. จ๋อมเจม

    จ๋อมเจม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +0
    5 ปัญหาอย่ามองข้าม

    อย่าลืมว่ามีอีกข้อนึงที่ต้องเพิ่มไปอีกคึอ การนอกใจกัน
     
  3. ชญามณี

    ชญามณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +29
    แต่ละปัญหาล้วนเป็นปัญหาหนักอกของเหล่าผู้หญิง แต่ปัญหาจะหมดไปได้ ถ้าคนในครอบครัวร่วมกันแก้ไข

    ถ้าในครอบครัวแม้มีเพียงคนใดคนหนึ่ง มีธรรม ก็จะสามารถนำพาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้

    ใช้สติปัญญา และ ธรรมะ เป็นแสงสว่าง สาดส่องให้อวิชชา หมดไป
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ทุกปัญหามีทางแก้ ทุกปัญหามีทางออก
    น่าสงสารคนเป็นภรรยานะคะ
     
  5. แม่่พระ

    แม่่พระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +69
    แต่ปัญหาหนักอกยิ่งกว่าคือสามีเห็นใจที่เราต้องดูแลทั้งลูก
    บ้านช่อง การงาน เลยหาภรรยานัอยไว้ดูแลส่วนตัวภาระเรา
    จะได้ลดลง
    หญิงใดคิดได้ทันกาล จะสุขนักแล
     
  6. ชญามณี

    ชญามณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +29
    ลองฝึกเป็นผู้ดู แยกตัวปัญหา ออกมาวางข้างๆ ตัว แล้วหยุดคิดเหมือนดูละคร อย่าเป็นผู้เล่น แต่ใช้สติเป็นผู้มองดูความเป็นไปของจิต (อาจทำยากแต่ลองฝึกดู)
    ลองหาหนังสือเข็มทิศชีวิต เล่ม 1 อ่านดู
    แล้วพิจารณาด้วยความเป็นกลาง วิเคราะห์ปัญหา อย่างมีเหตุผล ทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย
    หรืออีกวิธีก็ปล่อยวาง เวลาเท่านั้น จะเป็นเครื่องรักษาแผลใจ
    มีความเมตตา กรุณา ต่อทุกสรรพสิ่งบนโลก
    คิดถึงอกเขาอกเรา
    ให้อภัย
    อภัยทาน ก็คือการยกโทษให้
    คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ

    อภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะ

    อันใจที่แจ่มใส กับใจที่มืดมัว ไม่อธิบายก็น่าจะทราบกันอยู่ทุกคนว่าใจแบบไหนที่ยังความสุขให้เกิดขึ้นแก่เจ้าของ ใจแบบไหนที่ยังความทุกข์ให้เกิดขึ้น และใจแบบไหนที่เป็นที่ต้องการ ใจแบบไหนที่ไม่เป็นที่ต้องการเลย

    ความจริงนั้น ทุกคนที่สนใจบริหารจิต จะต้องสนใจอบรมจิตให้รู้จักอภัยในความผิดทั้งปวง ไม่ว่าผู้ใดจะทำแก่ตน แม้การให้อภัยจะเป็นการทำได้ไม่ง่ายนัก สำหรับบางคนที่ไม่เคยอบรมมาก่อน แต่ก็สามารถจะทำได้ด้วยการอบรมไปทีละเล็กละน้อย เริ่มแต่ที่ไม่ต้องฝืนใจมากนักไปก่อนในระยะแรก.... (คำสอน จากส่วนหนึ่งของสมเด็จพระญาณสังวรฯ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...