วิชาแปลธาตุ (ปรอท)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย tong_blackdevil, 27 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. แกล้วกล้าคีรี

    แกล้วกล้าคีรี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +6
    ก่อนหน้านี้ผมได้ดูรายการทีวีไม่รู้ช่องไหน รายการชื่อว่า เปิดตำนาน ครับ ผมดูไม่ทันเริ่มต้นดูตอน กลางๆครับ คือเขาจะมีวิธีจับปรอท โดยการนำน้ำมนต์ มา 3 กะละมังเทไปเทมาอย่างช้าๆ แล้วก็เก็บน้ำตาเทียนทิ้งจนหมดเทน้ำมนต์สลับไปสลับมา ใช้เวลาอย่างต่ำ 3 ชั่วโมงผมเผลอไปเปิดช่องอื่นกลับมาอีกที เห็นปรอทติดมากับถังน้ำมนต์ 1 ก้อนเท่านิ้วชี้ครับเป็นของเหลว จะกลิ้งไปมาถ้าเราขยับเหมือนน้ำบนไบบอน เห็นอาจารย์เขาบอกว่าปรอทชอบกินทองครับอาจารย์เขานำแผ่นทองใ่ส่ลงไปแล้วกลิ้งถ้วยที่ใส่ปรอทไปมาสักพักแผ่นทองก็หายไปไปผสมกับปรอท อาจาย์ท่านว่าวิธีการจะทำปรอทให้แข็งต้องใช้ว่านผสมครับ อาจารย์บอกว่าปรอทเหลวสามารถนำไปรักษาคนป่วย หนักๆส่วนใหญ่พวกที่เป็นมะเร็งหรือป่วยทางเลือด ครับ ถ้าไม่ป่วยอาจารย์บอกว่าไม่ควรนำเข้าสู่ร่างกายครับ
     
  2. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    ปรอท เป็นธาตุ แสดงว่ามันก็เป็นสารบริสุทธ์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
     
  3. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    สรุปมันเป็นธาตุอะไรหรอครับ
     
  4. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    งง มานาน ว่า พระปรอท อาจารย์ท่าน ทำมาได้ยังไง เป็น พระองค์เล็กๆขนาด หัวแม่มือ จับแล้วลื่นๆ เหมือนปรอทจริงๆ วางบนมือ ลืนปรืดๆๆ

    ตอนเด็กๆไปเก็บลูกบอลข้างรั้วกระถิน ไม่เห็นรังแตน โดนแต่นต่อยทั้งรัง สลบไป ....

    แม่บอกว่า.....ผมสลบไป แล้วไข้ขึ้นสูงมากๆ

    แม่เอา พระปรอทจุ่มเหล้าขาว แล้วท่องคาถาอะไรสักอย่าง แล้วเอาพระปรอททาบลงบนตุ่มๆ ที่อยู่บนใบหน้า ที่ถูกแตนต่อย .............. ซักพัก ผมก็ฟื้นขึ้นมา...


    อะไรแบบนี้ จะว่าไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ อยู่ว่า อะไรที่แม่ทำนั้นมันกำจัด พิษของแตนได้อย่างไร


    .... หรือ พิษของแตน ต่อยเด็กแล้วไม่เป็นอะไร อาจสลบไป แล้วก็ฟื้นขึ้นมาเองได้

    แบบว่า พระปรอทไม่ได้ช่วยอะไร แต่ ร่างกายมนุษย์ สามารถขจัดพิษแตนได้ เอง เพราะแตน พิษมันอ่อน
     
  5. ชัยวัฒน์98

    ชัยวัฒน์98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +909
    ปรอทมี2ชนิดครับ แบบธาตุทางวิทยาศาสตร์คือพวกปรอทวัดไข้ ส่วนปรอททางไสยเวทนั้นคนละแบบกันครับ คือแบบที่เค้านำมาสร้างเป็นพระปรอท และบรรจุในเบี้ยแก้ ของสำนักต่างๆเนื่องด้วยปรอทนี้สามารถกินดูดพิษและคุณไสยมนต์ดำต่างๆได้ พระเกจิอาจารย์จึงนิยมนำมาใช้กันครับ
    ส่วนวิธีที่จะดักได้มาซึ่งปรอทชนิดนี้มีหลายวิธี เช่นเจาะไข่ไก่ดิบแล้วไปวางไว้ทางน้ำไหลตามคูตลองต่างๆปรอทก็จะเข้ามากินไข่และอยู่ในนั้น หรือใช้ไก่ที่ตายแล้วใส่หม้อดินปิดฝาเจาะรูแล้วไปฝังไว้ ก็จะได้เหมือนกัน
    เนื่องจากปรอทที่ได้มานั้นเป็นของเหลวสีเงินๆ การที่จะทำให้แข็งตัวได้นั้น ต้องมีสูตรวิชาในการเล่นแร่แปรธาตุอยู่พอสมควร เนื่องจากในปรอทนั้นมีพิษอยู่มาก ต้องมีเคล็ดลับในการหุงและฆ่าปรอทเสียก่อน เช่นพืชหรือว่านบางชนิด จึงนำมาสร้างวัตถุมงคลได้
    ปรอทนั้นมีขั้นตอนในการหุงให้มีฤทธิ์อยู่ 3 ขั้น ว่ากันว่าหากหุงปรอทได้ถึง3ขั้นจะเรียกว่าสำเร็จปรอท จะทำให้ปรอทเป็นกายสิทธิ์อมไว้ในปาก สามารถเหาะเหิรเดินอากาศเข้าแดนหิมพานต์ได้ ดังเช่นนักสิทธิ์วิทยาธรต่างๆ
    ปรอทนี้ถ้าผุ้รู้การเล่นแร่แปรธาตุแล้วสามารถเปลี่ยนตะกั่วให้กลายเป็นทองคำได้โดยใช้เชื้อทองคำจำนวนน้อย ดังเช่นหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพธิ เคยทำได้มาแล้วในอดีต
     
  6. tomlucky

    tomlucky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +166
    ผมขออนุญาตินำข้อมูลเกี่ยวกับตะกรุดปรอทของท่านครูบาชุ่ม โพธิโก ที่ค้นคว้าโดนคุณเชน เชียงใหม่ ขออนุญาติคุณเชน เชียงใหม่ นำบทความมาเผยแพร่เพื่อเป็นอีกหนึ่งความรู้แก่พี่น้องชาวเวปด้วยนะครับ

    ครูบาชุ่มท่านมีวิชาปรอทสำเร็จ คือ สามารถนำปรอทมาเสกเป็นตัว เพื่อทำตระกรุดปรอทได้ อาตมา(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)เคยได้มาดอกหนึ่ง (ได้ให้ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ไปแล้ว) อันวิชาปรอทสำเร็จนั้น สุดจะยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว และความสามารถของหลวงปู่นั้น หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าว่า... หลวงปู่ชุ่มสามารถเข้านิโรธสมาบัติด้วยอิริยาบถทั้ง ๔ (ปกติผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ จะเข้าได้เฉพาะอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่ง ส่วนใหญ่ไม่นั่งก็นอน) ซึ่งหลวงพ่อเล่าว่าในชีวิตของท่าน ไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำได้อย่างนี้มาก่อนเลย... (จากคำกล่าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่บันทึกโดยพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๓ กระผม เชน เชียงใหม่ ขอกราบขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ)///ทหารที่จะไปออกรบสมัยก่อนมักจะไปกราบขอตะกรุดปรอทจากท่านเพื่อมาให้ติดตัวคุ้มภัยในการออกรบ และ ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ลูกหาไว้ว่า "มึงมีของกูไว้เหมือนมึงได้อยู่กับกู ไม่ต้องกลัว ต่อให้ระเบิดจะลงมึงก็ไม่ต้องกลัว" อาณุภาพของตะกรุดนอกจากเรื่องแคล้วคลาดคงกระพันแล้วยังเด่นในเรื่องกันพวกสัตว์มีพิษและเขี้ยวงา ถ้าโดนแมลงหรือสัตว์มีพิษกัดใช้ปรอททาที่บาดแผลปรอทจะดูดพิษได้
    ข้อมูล:ค้นคว้าโดย เชน เชียงใหม่
     
  7. AFIKLIFI๋

    AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    อยากได้ไว้ซักอันจัง
     
  8. Tanalop

    Tanalop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +122
    สรุปแล้วปรอทมีดีอย่างไรบ้างล่ะครับผมอยากรู้
     
  9. Yourtime

    Yourtime สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +0
    สรุปคือ ไปเรียนวิชาเคมีดีกว่ามั้ยครับผม ปรอตมันอันตรายไม่ใช่หรอ?ครับทำให้เกิดโรคมินามาตะ ไม่ใช่หรอ?ครับ ถ้าใครคิดว่าไม่จริงก็ลองอ่านอันนี้ดู <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD colSpan=2 align=middle>[SIZE=+1]อันตรายจากปรอท <HR color=#000000 width="100%" noShade>[/SIZE]</TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    จิราภรณ์ อ่ำพันธ์
    ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ พิษณุโลก​


    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    ปรอทเป็นโลหะสีขาวคล้ายเงิน เป็นของเหลวที่อุณหภูมิปกติ สามารถทำให้เป็นของแข็งได้แต่เปราะที่อุณหภูมิปกติ ปรอทสามารถระเหยกลายเป็นไอได้ ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ง่ายขึ้น

    ประโยชน์ของปรอท
    - ใช้ในการทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น เทอร์โมมิเตอร์ บารอมิเตอร์ ปั๊มดูดอากาศ และเครื่องมือที่ใช้วัดความดันโลหิต
    - ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า เช่น สวิตช์อัตโนมัติสำหรับตู้เย็นและไฟฟ้ากระแสตรง
    - สารประกอบของปรอทใช้ในการทำวัตถุระเบิด
    - ซัลไฟด์ของปรอทใช้ทำสีแดงในอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา
    - ออกไซด์ของปรอทใช้ในการทำสี เพื่อป้องกันมิให้แตกและลอกง่าย สำหรับนำไปใช้ทาใต้ท้องเรือ
    - ปรอทเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับโลหะบางชนิด สารละลายที่ได้เรียกว่าอะมาลกัม ดีบุกอะมาลกัมใช้ในการทำกระจกเงา เงิน-ดีบุกอะมาลกัมใช้เป็นวัสดุในการอุดฟัน โดยผสมปรอทกับโลหะผมระหว่างเงินกับดีบุก
    - ใช้ในอุตสาหกรรมทำหมวกสักหลาด


    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>

    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    การเข้าสู่ร่างกาย
    ปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง เช่นเดียวกับสารพิษชนิดอื่นๆ คือ
    1.ทางปาก โดยสูดเอาผง หรือไอปรอทเข้าสู่ปอด เนื่องจากปรอทสามารถระเหยกลายเป็นไอได้ง่าย
    2.ทางปาก โดยการรับประทานเข้าไป มักเกิดจากอุบัติเหตุปะปนกับอาหารหรือน้ำดื่ม
    3.ทางผิวหนัง โดยการดูดซึม ไอระเหยหรือฝุ่นละอองของปรอททำให้ผิวหนังระคายเคืองเกิดโรคผิวหนังได้


    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    พิษของปรอท
    ปรอทจะทำอันตรายต่อร่างกายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และปัจจัยดังนี้
    1.ทางที่พิษเข้าสู่ร่างกาย เช่น ทางผิวหนัง ทางระบบหายใจ หรือทางระบบย่อยอาหาร
    2.ปริมาณที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย
    3.ชนิดของสารปรอทที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและอวัยวะส่วนใดของร่างกายที่ได้รับพิษของปรอทในรูปเมทธิลหรืออัลคิล เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีพิษมากที่สุด


    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    อาการพิษเกิดจากปรอท
    การเกิดพิษจากสารปรอทมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง พิษชนิดเฉียบพลันมักเกิดจากอุบัติเหตุโดยการกลืนกินสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปริมาณปกติที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและทำให้คนตายได้ โดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม อาการที่เกิดจากการกลืนกินปรอท คือ
    -อาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ
    -เลือดออก ปวดท้องอย่างแรง เนื่องจากปรอทกัดระบบทางเดินอาหาร
    -มีอาการท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด
    -เป็นลม สลบเนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก
    -เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด
    -ตายในที่สุด


    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    พิษชนิดเรื้อรัง
    ปรอทเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปทำอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งได้แก่ สมอง และไขสันหลัง ทำให้เสียการควบคุมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแขน ขา การพูด และยังทำให้ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียไป เช่น การได้ยิน การมองเห็น ซึ่งอันตรายเหล่านี้ เมื่อเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้กลับดีดังเดิมได้ อาการที่เป็นพิษมากเกิดจากการหายใจ ปอดอักเสบ มีอาการเจ็บหน้าอก มีไข้ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกและตายได้


    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    การป้องกันอันตรายจากปรอท
    -ใช้สารอื่นที่เป็นพิษน้อยกว่าแทนสารปรอท เช่น ใช้สารแอมโมเนียของเงินแทนสารประกอบของปรอทในการทำกระจกเงา
    -ในกรณีที่มีการรั่วของปรอทให้นำภาชนะที่มีน้ำมารองรับเพื่อป้องกันการระเหยของปรอท
    -สวมเสื้อคลุมและถุงมือ เมื่อต้องจับหรือสัมผัสปรอท
    -จัดให้มีการระบายอากาศในบริเวณที่ต้องใช้ปรอทเพื่อดูดเอาไอของปรอทที่กระจายอยู่ในบรรยากาศออกไปและทำการกักเก็บมิให้ฟุ้งกระจายไปยังที่อื่น เพื่อให้อากาศในบริเวณพื้นที่ใช้งานบริสุทธิ์ หรือควรมีการกำจัดปรอทอินทรีย์จากโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกต้อง
    -ตรวจสอบหาปริมาณของปรอทในบรรยากาศบริเวณใช้งานให้อยู่ในมาตรฐานที่ควบคุมอยู่เสมอ
    -สารปรอทและสารประกอบของปรอทควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันการระเหยของปรอท


    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2>
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD colSpan=2> ตัวอย่างเหตุการณ์พิษจากปรอท เช่น โรคมินามาตะ ในปี ค.ศ.1959 เป็นภาวะมลพิษที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งชื่อ โรคมินามาตะ มาจากชื่อของหมู่บ้านเล็กๆบนเกาะทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นชาวประมง แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตปุ๋ยเคมี และสารเคมีชื่อว่า บริษัทนิปปอนชิมโสะ คนในหมู่บ้านส่วนหนึ่งทำงานอยู่ในโรงงานนี้ ต่อมาเกิดโรคประหลาดขึ้นกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เมื่อมีผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการเดิน เซ ไม่สามารถยืนได้ด้วยด้วยเอง ชาตามแขนขา หูตึง มองเห็นภาพแคบลง พูดไม่ชัด มือสั่น กลืนอาหารลำบาก บางครั้งจะแสดงอาการคลุ้มคลั่ง และมักจะส่งเสียงดังตะโกนคล้ายคนบ้าตลอดเวลา มีอาการนอนไม่หลับ ชักบ่อยๆ แขนขาบิดเบี้ยวคล้ายคนพิการ เพราะกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายทำงานไม่ประสานกัน อาการทุกอย่างจะรุนแรงขึ้นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งแพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคอะไร และจากการสังเกตเห็นความผิดปกติของสัตว์บริเวณนั้น คือ ปลาว่ายน้ำแบบนอนหงายท้องขึ้นและว่ายน้ำช้าลงจนามารถจับได้ด้วยมือเปล่า นกทะเลว่ายน้ำจะบินดิ่งหัวตกทะเล แมวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านก็มีอาการเซ น้ำลายไหล ชัก และตายในเวลาต่อมาจึงเรียกอาการดังกล่าวว่า "โรคแมวเต้น" ดังนั้นจึงสันนิษฐานกันว่าโรคนี้น่าจะเกิดจากสารเคมี ที่สะสมอยู่ในสัตว์ทะเล และเมื่อคนรับประทานอาหารทะเลเข้าไป ก็จะส่งผลกับร่างกาย หลังจากได้มีการทดลองกับสัตว์และคน ผลที่ได้สามารถสรุปได้ตามที่สันนิษฐานไว้ ในเวลาต่อมาได้มีการนำดินจากบริเวณที่ทิ้งน้ำเสียของโรงงานมาตรวจ พบว่ามีสารปรอทอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงกับการตรวจพบสารปรอทในอวัยวะส่วนต่างๆ ของผู้ป่วยที่ตายจึงสามารถสรุปได้ว่า โรคมินามาตะ เกิดจากผู้ป่วยได้รับสารปรอทอินทรีย์ที่เกิดจากโรงงานปล่อยน้ำเสียที่มีสารปรอทปนเปื้อนดังที่กล่าวมา โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากสารปรอทได้เข้าทำลายระบบประสาท และสมอง นอกจากนี้ยังมีผลต่อทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา กล่าวคือ มารดาที่รับประทานอาหารทะเลที่ปนเปื้อนสารปรอทเข้าไปแล้ว สารปรอทจะผ่านไปทางรกเข้าสู่สมองเด็ก ทำให้เด็กที่เกิดมามีอาการพิการทางสมองตั้งแต่เกิด เด็กจะมีอาการปัญญาอ่อน

    รัฐบาลญี่ปุ่นได้นำประสบการณ์ที่ขมขื่นจาดโรคมินามาตะ มาเป็นพื้นฐานในการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ทั้งนี้ความสูญเสียอย่างมหาศาลที่เกิดขึ้น เพราะการพัฒนาประเทศได้มั่งเน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมทำให้ไม่เพียงสูญเสียชีวิตมนุษย์แต่ยังทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย


    ที่มา: หนังสือความรู้สิ่งเป็นพิษ ตอนที่ 14 พ.ศ.2543 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หน้าที่ 9-13.

    ของแบบนี้จะเอามาเล่นต้องรู้ถึงที่มาที่ไปให้ชัดเจนน่ะครับ และความอันตรายต่างๆ ก่อนน่ะครับผม

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. ชนะขาด

    ชนะขาด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    สุดยอดครับ

    .......................................................
     

แชร์หน้านี้

Loading...