มาฆบูชา 'วันแห่งความรักแบบชาวพุทธ'

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ปัญญาพร, 12 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. ปัญญาพร

    ปัญญาพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +797
    มาฆบูชา 'วันแห่งความรักแบบชาวพุทธ'

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    [​IMG]

    <O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    <O:p>“วันแห่งความรักแบบชาวพุทธ”


    นั่นก็คือ “วันมาฆบูชา” ที่ปีนี้ตรงกับวันที่ 18 ก.พ. ( 2554 )<O:p

    [FONT=2005_iannnnnGMO]<O:p
    [FONT=2005_iannnnnGMO]“มาฆบูชา” หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือนมาฆะ หรือเดือน 3 ถือเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เพราะวันนี้ในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วได้ 9 เดือน ขณะประทับอยู่ ณ วัดเวฬุวัน วัดแห่งแรกในพุทธศาสนา ณ เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ พระสงฆ์สาวกที่พระพุทธองค์ได้ส่งไปเผยแผ่พุทธศาสนาตามเมืองต่าง ๆ ได้พร้อมใจกันกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายกันถึง 1[FONT=2005_iannnnnGMO],250 รูป ซึ่งถือเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่ง[/FONT]
    [FONT=2005_iannnnnGMO]<O:p[/FONT]
    [FONT=2005_iannnnnGMO]การมาของพระพุทธสาวกเหล่านี้ ถือเป็นการมาประชุมพิเศษ ที่ประกอบด้วยองค์ 4 อันเป็นที่มาของการเรียกวันนี้อีกอย่างว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” นั่นคือ... 1.เป็น วันมาฆปูรมี คือวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือนมาฆะ (เดือน 3) จึงเรียกว่า “วันมาฆบูชา[/FONT][FONT=2005_iannnnnGMO]”, 2.พระภิกษุที่มาประชุมในวันนั้นมีจำนวนถึง 1,250 รูป, 3.พระภิกษุที่มาประชุมล้วนเป็น พระอรหันต์ ที่สำเร็จ อภิญญา 6 คือเป็นผู้มีความรู้อันยอดยิ่ง 6 ประการ ได้แก่ แสดงฤทธิ์ได้ มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึก ชาติได้ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ และมีญาณหยั่งรู้ในธรรมอันเป็นที่สิ้นแห่งกิเลสทั้งหลาย, 4.พระภิกษุเหล่านี้ล้วนเป็น เอหิภิกขุอุปสัมปทา หมายถึง ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง<O:p[/FONT]

    [FONT=2005_iannnnnGMO]ในวันดังกล่าวนี้พระพุทธเจ้าทรงเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะแสดง “โอวาทปาติโมกข์” อันเป็นการประกาศหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติในการเผยแผ่พุทธศาสนา ให้นำไปใช้ได้ในทุกสังคม ซึ่งจะเรียกว่าเป็นธรรมนูญแห่งพุทธศาสนา หรือ “หัวใจของพุทธศาสนา” ก็ว่าได้<O:p[/FONT]

    [FONT=2005_iannnnnGMO]กล่าวสำหรับหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติ ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้นี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ชี้ว่า....เนื้อหาหลักนั้นว่าด้วยการส่งเสริม ให้มวลมนุษย์ตั้งมั่นในการทำความดี ละเว้นความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่ง กันและกัน นั่นก็คือ “ทรงสอนให้ทุกคนมีความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นรัก ที่ไม่เห็นแก่ตัว เพราะสอนให้รู้จักรัก และเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก”<O:p[/FONT]


    นี่จึงเป็นที่มาของ “วันมาฆบูชา-วันแห่งความรัก”

    [​IMG]



    ฟังธรรมบรรยายเรื่อง "รักนั้นดีแน่ แต่รักแท้ดีกว่า " โดย...พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)ุ





    ;43


    <O:p
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์<O:p></O:p>


    : สสส.







    </O:p>[/FONT][/FONT]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  2. ปัญญาพร

    ปัญญาพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +797
    ท่านพุทธทาสแนะ
    ยึด "โอวาทปาฏิโมกข์"
    ไม่ให้ตกเป็นทาสความรัก
    <HR style="WIDTH: 100%">
    วันเสาร์ ที่ 12 ก.พ. 2554

    [​IMG][​IMG] [​IMG] <SCRIPT type=text/javascript>var addthis_config = {data_use_flash: false}</SCRIPT>[​IMG]<SCRIPT type=text/javascript src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4b2f440f591a0d23"></SCRIPT> ​
      • <FIELDSET style="WIDTH: 391px; HEIGHT: 313px">
        [​IMG]





        </FIELDSET>
    ศูนย์หนังสือจุฬาฯ 12 ก.พ.-พระครูใบฎีกามณเฑียร มัณฑิโร หรือ "ท่านจ้อย" นำหลักคำสอนท่านพุทธทาสแนะยึด "โอวาทปาฏิโมกข์" เพื่อไม่ให้ตกเป็นทาสของความรัก โดยไม่ทำบาป ไม่ติดยึดในรัก โลภ โกรธ หลงของตัวบุคคล หรือวัตถุสิ่งของ


    พระครูใบฎีกามณเฑียร มัณฑิโร หรือ”ท่านจ้อย” แห่งวัดสวนโมกข์ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวในการเสวนาเรื่อง “รัก..อย่างไม่เป็นทาส” ซึ่งศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับวัดพระราม 9 กาญจนภิเษก จัดขึ้นในวาระครบรอบ 105 ปีชาตกาลท่านพุทธทาสภิกขุและครบรอบ 100 ปีชาติกาลทานปัญญานันทภิกขุว่า ท่านพุทธทาสได้กล่าวถึงความรักว่า ความรักในมนุษย์เกิดขึ้นเพื่อให้มีการสืบสานหรือสืบพันธุ์ต่อกันไป ให้มีมนุษย์เกิดใหม่เพื่อช่วยกันจรรโลงโลก ส่วนการมีสัมพันธ์เชิงกามารมณ์ถือเป็นของรางวัลความรักเท่านั้น ให้เรียนรู้ว่าเป็นของอร่อย ให้รู้รสชาติว่าเป็นอย่างไร แต่มนุษย์กลับไปติดยึดตกเป็นเหยื่อ แสวงหาอยู่ไม่มีที่สิ้นสุด หากเป็นเช่นนี้ถือว่าเราตกเป็นทาสความรักแล้ว รวมถึงการติดยึดในวัตถุต่าง ๆ หรือการติดในลาภ ยศ สรรเสริญ เมื่อไม่มีก็เป็นทุกข์ ได้มาแล้วกลัวหายไป ไม่อยู่ยั่งยืนก็เป็นทุกข์ ถือว่าตกเป็นทาสสิ่งนั้น

    พระครูใบฎีกามณเฑียร กล่าวอีกว่า คำสอนของท่านพุทธทาสได้แนะนำแนวทางแห่งความรักที่ทำให้มีสุข โดยให้ยึดหลักความรักของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้ ซึ่งเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา เรียกว่า "โอวาทปาฏิโมกข์" ที่เกิดขึ้นในวันมาฆบูชาและถือเป็นความรักที่บริสุทธิ์ คือ 1.การไม่ทำบาปหรือทำสิ่งที่เป็นอกุศล 2. การทำกุศลให้เกิดในใจ คิดดี ทำดีต่อตัวเองและทุกคน และ 3.ทำจิตให้บริสุทธิ์ ไม่มีความโลก โกรธ หลง หวาดระแวงคนรัก ไว้วางใจ เชื่อใจ ไม่ตามจับผิด ปล่อยให้เขามีอิสระ หากได้เข้าถึงหัวใจของพระพุทธศาสนาสามประการดังกล่าว เป็นการเข้าถึงความรักอันบริสุทธิ์ในหัวใจของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ความรักเชิงหนุ่มสาวให้รู้จักควบคุมอารมณ์ รู้จักปลดปล่อย ปลงจิต นำหลักธรรมมาใช้ นึกเสียว่าทุกคนที่หล่อ สวย คือ “ซากศพ” เกิดขึ้นแล้ววันหนึ่งก็ดับตายไปไม่มียกเว้น ไม่ยึดติดว่าต้องเป็นของเราตลอดไป จะไม่ได้ตกเป็นทาสความรัก

    ด้านณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ หรือน้ำผึ้ง นักแสดง กล่าวว่า สมัยเป็นวัยรุ่นตนเป็นคนหนึ่งที่มองว่าการมีคนรักหลายคนแล้วจะรู้สึกดี รู้สึกเก่ง แต่เมื่อเกิดขึ้นจริงกลับเป็นทุกข์ สับสนเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ เป็นความรักหรือไม่ รวมถึงการติดซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่มีแล้วรู้สึกดี เท่ อยู่เหนือผู้อื่น แต่เมื่อมีสินค้ารุ่นใหม่ออกมา ทำให้ของที่มีอยู่ ตกสมัย จะซื้อใหม่ก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก กลับเป็นทุกข์ใจ เหมือนเป็นทาสวัตถุ หลังได้เรียนรู้และนำหลักธรรมมาใช้ก็ทำให้จิตใจสบายขึ้น ซื้อกระเป๋าตามประโยชน์ที่ใช้ ยึดหลักพอเพียง จึงอยากฝากวัยรุ่นยุคใหม่ขอให้คิดดี ๆ ทั้งเรื่องความรัก หรือใช้สิ่งของราคาแพงเพราะอาจจะตกเป็นทาสของวัตถุนิยม เสียทั้งเงิน และเสียใจในภายหลัง. -สำนักข่าวไทย<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. กังหันลม

    กังหันลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +693
    กราบอนุโมทนาครับ น่าจะนำออกมาให้วัรุ่นได้อ่านกันเยอะๆ
     
  4. มนต์ชัยIM

    มนต์ชัยIM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +473
    รักนั้น บางคนก็คิดว่าคนๆนี้ต้องเป็นของกู เป็นแบบที่กูคิด เมื่อไม่ได้ดั่งใจนึกจึงเป็นทุกข์ยิ่งนัก
     
  5. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    สาธุค่ะ.....อนุโมทนาด้วยค่ะ [​IMG]
     
  6. whiteknight

    whiteknight สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +23
    รู้สึกดีที่ได้เข้ามาอ่านครับ ^^
     
  7. ๛❀ชัยกฤต❀๛

    ๛❀ชัยกฤต❀๛ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +9
    ..............ต้องรักแบบพระโพธิสัตว์.......
     
  8. crossis

    crossis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +84
    มาฆบูชา 'วันแห่งความรักแบบชาวพุทธ'

    ผมได้ฟังมานานแล้ว และเข้าใจดีด้วยว่า ทำไมถึงปรับปรุงใช้คำนี้
    เนื่องด้วย วันดังกล่าวอยู่ใกล้กับวัน วาเลนไทน์ ของพวกคริสต์

    เอาอย่างงี้ดีกว่าไหม
    ผมขอเปรียบเทียบ ในฐานะที่ผมเคยเป็นคริสต์เตียน

    พระเยซูตรัสว่า "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวมาเพื่อโลก มิใช่พิพากษาโลกแต่เพื่อให้ผู้ที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาจแต่จะมีชีวิต นิรันดร์"
    คุณจะเห็นได้ชัดเจน ถึงความหมายอันแท้จริงของความรักของพวกคริสต์ว่า
    1. คุณต้องเชื่อ พระบุตรพระเจ้า นั่นคือความรักที่มีต่อพระบุตร
    2. ผู้ที่เชื่อ จะมีชีวิต อมตะ ไม่เกิดแก่เจ็บและตาย

    เช่นนี้ เรามาดูและเปรียบเทียบคำสอนของพระพุทธเจ้า
    1. สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป เป็นธรรมดา
    2. สรรพสิ่งล้วนเป็นทุกข์
    3. สรรพสิ่งนั้นไม่มีตัวตน ไม่เป็น อัตตา
    จะเห็นได้ชัดเจนว่า พวกชาวคริสต์มองว่า ความรักนั้นคือ รักเพื่อมุ่งหวังให้ได้ชีวิต อมตะ เพื่อจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า ช่างเป็น มิจฉาทิฐิ โดยแท้

    เราทั้งหลาย ผู้เป็นพุทธบริษัทสี่ จะเอาวัน มาฆบูชา อันเป็นวันที่ พระพุทธเจ้า ได้ประกาศ หลักธรรม คำสั่งสอนของพระองค์ เพื่อให้พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่มาประชุมกันในวันนั้น นำไปเผยแผ่
    พระพุทธองค์ประกาศว่า
    1.นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา จุดหมายของพระพุทธศาสนา คือ พระนิพพาน
    2.ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา หลักการของพระพุทธศาสนา คือ ต้องมีความอดทน ในการฝึกตนเอง เพื่อบรรลุจุดหมาย อันประกอบไปด้วย
    2.1 สพฺพปาปสฺส อรกณํ ไม่ทำความชั่วโดยประการทั้งปวง ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ
    2.2 กุสลสฺสูปสมฺปทา ทำความดีทั้งทางกาย วาจา และใจ
    2.3 สจิตฺตปริโยทปนํ การชำระจิตใจให้สะอาด ผ่องใส สงบ

    ควรแล้วหรือ ที่เอาหลักธรรมอันงดงามของพระพุทธองค์ ไปเปรียบเปรยกับ หลักการที่ยึดมั่นใน อัตตา หลักการที่บอกว่า จงรักเยซู เพื่อท่านจะมีชีวิตอมตะ และจะได้ไปสวรรค์

    วันมาฆบูชา ก็คือ วันมาฆบูชา
    คือ วันที่พระพุทธเจ้าประกาศหลักการพระพุทธศาสนา
    จะเอาไปเทียบกับ วันสำคัญ ของพวกมิจฉาทิฐิ ได้อย่างไร
    จะลดตัว ถึงกับเติม สร้อยให้มีคำ เหมือนกับวันของพวก มิจฉาทิฐิ หรือ
    วันมาฆบูชา ก็คือ วันมาฆบูชา จะมาบอกว่าเป็น อย่างอื่น เติมแต่ง ได้อย่างไร

    พุทธบริษัทสี่ พึงตรองดูว่า เหมาะสมหรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2011
  9. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    เห็นด้วยกับคุณcrossis การจะประชาสัมพันธ์โฆษณา งานวันมาฆบูชาควรที่จะใช้คำพูดให้เหมาะสมกว่านี้ เท่าที่เล่าเรียนมาวันมาฆบูชาเป็นวันครบองค์พระรัตนตรัย ไม่ใช่วันแห่งความรักในความหมายที่ใช้กันทุกวันนี้ ถ้าจะเปรียบเป็นความรักต่อสัตว์โลกแล้ว ก็น่าที่จะเป็นวันแห่งเมตตาธรรมต่อโลกมากกว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...