ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราออกจากรีสอร์กันมาตอนเกือบจะแปดโมง มัวแต่ดื่มด่ำกับบรรยากาศ เพราะเช้าวันนี้อากาศดีมาก เมื่อวานฝนตกเลยไม่มีใครกล้าเดินเล่นกลัวจะป่วยเสียก่อน ไม่ได้ทำบุญใหญ่

สบายๆ ตามที่คิดไว้ค่ะไม่ได้รีบร้อนอะไร ทางคณะกรุงเทพ ที่มีท่านกัปตันและอาจารย์คณานันท์ออกเดินทางจากกรุงเทพมากันตอนเช้าตรู่ คณะหนิงถึงวัดก่อน ก็ให้พ่อแม่หาของกินตุนกำลังไว้ก่อน วันนี้สองท่านอาจจะเหนื่อยเป็นพิเศษ เพราะงานใหญ่คนมากันเยอะ ปกติพ่อกับแม่จะไม่ชอบไปงานที่คนเยอะๆ แต่งานนี้สองท่านตั้งใจมาเป็นพิเศษ หาที่นั่งกินอาหารไม่ได้ โรงทานมีของกินมากมาย แต่ที่นั่งกินสำหรับผู้สูงอายุที่เดินไม่สะดวกไม่มี น้องสาวเลยเข็นรถพ่อ (เอารถเบนซ์ส่วนตัวของพ่อไปด้วยค่ะ สบายหน่อย) ไปหาที่นั่งที่หลังองค์พระใหญ่ กะว่า จะปักหลักนั่งกันด้านหลัง..ฮา.

หนิงวิ่งไปวิ่งมา ช่วยงานหลวงพ่อ+วิ่งหาอาหารให้พ่อแม่ และหลานสาวตัวน้อย.. (๖ เดือนเอง) จนมาเจอว่าทั้งกลุ่มจะอยู่หลังองค์พระ เกรงว่าจะไม่สะดวก บวกกับเห็นองค์พระ ข้างหลัง (จะดูทำไม..ฮา.) บอกว่ามานี่เลยหลวงพ่อให้ไปนั่งข้างหน้าสุด แต่พอไปแล้วที่เต็มก็เลยให้พ่อแม่ไปนั่งอยู่ที่ร่มๆ อย่างไรก็ได้เห็นองค์พระงามๆ สีทองอร่ามตา และพิธียกฉัตรได้อย่างชัดเจน

อากาศช่วงเช้า ฟ้าโปร่งโล่งไม่มีเมฆ (ช่วงที่ทำพิธีบวงสรวง) ไม่บ่งบอกสักนิดว่าเมื่อวานนี้ฝนตกเกือบทั้งวัน เมฆฝนก็ใจดีไม่เข้ามาเลยในช่วงที่มีพิธียกฉัตร ช่วงที่พระสวด มีกลุ่มเมฆสีเทาเข้มเข้ามาบังเหนือองค์พระให้

หลังจากเสร็จพิธีการ มีน้ำมนต์จากฟ้าลงมาพรมให้ผู้ที่มาร่วมงานด้วยค่ะ พอสักเที่ยงกว่าๆ หลังจากที่พระและผู้ที่มาร่วมงานเริ่มทะยอยกลับ ฝนตกหนักมาครู่หนึ่งแล้วก็เบาลง เหมือนพระท่านพรมน้ำมนต์ให้พรก่อนกลับ








พ่อกับแม่ตัวเอง ยังไม่มีภาพในงานเลยค่ะ..ฮา. .มัวแต่ปลื้มกับองค์พระใหญ่ ง้าม..งาม.. ยังมาขอโทษพ่อกับแม่ ที่ไม่ชวนไปถ่ายภาพ พ่อกับแม่บอกว่า ไม่เป็นไร วันนี้คนเยอะมากถ่ายไปก็ติดคนอื่น ไว้มาใหม่วันที่ไม่มีงานแล้วกัน..ฮา. สรุปว่าต้องไปบ่อยๆ

 

มีอีกสองภาพ ที่อยากให้ทุกท่านได้เห็น เพราะคิดว่าน่าจะเป็นภาพที่บันทึกประวัติศาสตร์ของสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดได้เป็นอย่างดี

เคยถามพระอาจารย์ ท่านบอกว่าจะเขียนวันเดือนปีที่ทำเสร็จ ไว้ตลอดเป็นเครื่องเตือนความทรงจำ และบอกให้ทุกคนได้รู้ว่าสร้างวันไหนเดือนไหน ปีอะไร จะได้ไม่ต้องมาถามอีก ถ้าท่านไม่อยู่ให้ถาม มันก็จะตอบคำถามได้เอง

ทุกครั้งที่เห็นคือพระอาจารย์เขียนวันเดือนปีที่ทำเสร็จไว้ที่ปูนบนพื้นว่าสร้างเสร็จเมื่อไหร่ แต่ครั้งนี้แปลกกว่าครั้งอื่นๆ ตรงที่เป็นข้อความ ยังไม่ได้ถามพระอาจารย์ถึงวัตถุประสงค์ของการเขียนค่ะ จะเดินผ่านทีก็กลัวเลย..ฮา. กลัวพลาด..

 

มีเรื่องขำๆ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความโง่ของตัวเองมากกว่าค่ะ คือ โง่+ขำ ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร

เรื่องการใช้ภาษาไทย ที่ตัวเองเคยโดนเพื่อนๆ เรียกว่าคุณครูภาษาไทย เพราะทำงานในด้านการสื่อสารที่ต้องใช้ภาษาไทยให้ถูกอักขระ และการใช้ภาษาที่ถูกต้อง เตือนคนอื่น สอนคนอื่นมามากมาย ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะตกหลุมกับภาษาที่ตัวเองรัก

คุณเคยคิดไหมค่ะ ว่าภาษาไทยเป็นภาษาที่งดงาม เป็นภาษาที่มีลูกเล่นได้มากมาย แม้ว่าคนไทยหลายๆ คนจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และพยายามที่จะสอดแทรก วัฒนธรรมและภาษาอื่นเป็นภาษาหลักให้ลูกหลาน ให้คนรุ่นใหม่ เชื่อว่าอีกไม่นาน ภาษาไทยที่แท้จริง ที่ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาไทยจะถูกกลืนหายไปกับอารยธรรมใหม่ๆ

ดูจากพจนานุกรมสมัยนี้ ยังมีศัพท์บัญญัติภาษาพูดของวัยรุ่นสมัยนี้ไว้ด้วย คำพ้องรูป พ้องเสียงและสำนวนไทยโบราณ เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ว่าคนโบราณคิดได้อย่างไร

ฮา. ที่จะเล่าให้ฟัง..คือว่า เมื่อวานนี้ ที่ไปวัดหนองหญ้าปล้อง ตอนเช้าที่หนิงวิ่งช่วยงานพระอจ. อยู่นั้น หนิงเห็นหลวงพ่อวัดท่าขนุน หลวงพ่อวิรัช และพระอาจารย์ติงลี่ นั่งสนทนากันอยู่ จะเดินผ่านไปโดยไม่กราบท่านก็กระไรอยู่ ดูจะเป็นศิษย์ที่ลืมครูบาอาจารย์ ก็ก้มกราบพระอาจารย์ทั้งสามองค์ในทันที ทำเอาคนแถวนั้นมองเหมือนตัวประหลาด..ฮา. แต่อย่างไรก็ไม่สนค่ะ พระอาจารย์สามองค์ท่านหันมามองแล้วยิ้มๆ พระอาจารย์เล็ก ท่านยกมือขึ้นแล้วพูดว่า อือ พระอาจารย์ติงลี่หัวเราะถามว่า มาคนเดียวเหรอ พระอาจารย์วิรัชยิ้มๆ

กราบพระอาจารย์ทั้งสามแล้วบอกว่า พาพ่อแม่มาค่ะ แล้วก็ขอตัวไปทำงานต่อให้เสร็จ

พอตอนที่จะกลับ พระอาจารย์วิรัชท่านเดินมาพอดี จึงกราบท่านบริเวณที่รถตู้จอดอยู่ แต่ว่าไม่ทันมองให้ดี พระอาจารย์ติงลี่นั่งสนทนากับลูกศิษย์แถวนั้น มีรถบังอยู่ พอขึ้นรถตู้รถออกตัว จึงเห็นขอให้รถหยุดก่อนแล้วลงมากราบท่าน

บทสนทนา

พระอาจารย์ติงลี่เห็นหนิงก็ทักว่า เออ ไม่ได้คุยกันเลยเนอะวันนี้ พ่อกับแม่ละ

หนิง : อยู่บนรถตู้แล้วเจ้าค่ะกำลังจะกลับ เห็นพระอาจารย์นั่งอยู่หนิงเลยมากราบพระอาจารย์ แทนพ่อแม่

พระอาจารย์ : เอ่อ ดี วันหน้าแวะไปวัดบางนมโค สิใกล้นิดเดียว มาเจอกันตั้งไกลๆ ใกล้ๆ ไม่เห็นไป

หนิง : (เอิ๊ก .. ในใจซะ.. ) แหะๆ ตอบพระอาจารย์ไปว่า ค่ะ อยากไปแต่ไม่ค่อยกล้ารับปาก กลัวไม่ได้ไปแล้วกลายเป็นสัญญาไปซะอีก หนูยิ่งเป็นเจ้าประจำเที่ยวผูกสัญญาใจไปเรื่อย.. พยายามลด ละ เลิก เจ้าค่ะ

พระอาจารย์ : เออ ดี รู้ตัว แล้วท่านก็หัวเราะชอบใจ

ได้จังหวะเหมาะ เลยกราบพระอาจารย์อีกครั้งพร้อมกับบอกว่า พระอาจารย์ค่ะ หนิงกราบลาพระอาจารย์กลับก่อนนะคะ เกรงใจพ่อแม่นั่งรอ

พระอาจารย์บอกว่า จะกราบพระอาจารย์ หรือจะกราบลา กราบแพะ กราบลา แถวนี้ไม่มีนะ พูดให้ดีๆ จะกราบพระ ก็กราบพระ ไม่ต้องกราบลา

(อ่ะ..สมญาคุณครูภาษาไทย ขอถอดวางคืนตำแหน่งไปเลยค่ะ ทำหน้าเหรอหรา สักพักความฉลาดเพิ่งเข้ามา ต้องกราบขอขมาพระอาจารย์อีกครั้ง)

พระอาจารย์เมตตาสอนว่า คนสมัยนี้ดีเนอะ เวลามาบอกว่านมัสการหลวงพ่อ หลวงพี่ หนูมีเรื่องทุกข์ใจมาให้หลวงพ่อ หลวงพี่ช่วย พอช่วยเสร็จมันจะกลับ มันดันกราบแพะ กราบลาแทนกราบพระ แต่เป็นลาก็ยังดีกว่าเป็นแพะนะ รับแต่บาป (แล้วท่านก็หัวเราะ)

กราบพระอาจารย์อีกครั้ง และพูดใหม่ว่า "หนิงขออนุญาตกราบพระอาจารย์ พาพ่อแม่กลับบ้านค่ะ" พระอาจารย์ถามว่า ยาวไปป่ะ.. แล้วท่านก็หัวเราะ พอดีอีกคณะกำลังลุก ท่านเลยถามว่า จะกราบลา หรือจะกราบพระล่ะ..

ฮา. .หนิงไม่รอฟังนะคะ พอท่านบอกว่าไปได้แล้ว อย่าให้พ่อแม่รอนาน ยกมือไหว้อีกครั้งแล้วรีบถอยกลับมา..

ก็เล่าไว้ให้ฟังนะคะ เวลาไปกราบพระ อย่างไร ให้ถึงพระนะคะ อย่างให้เป็นอย่างอื่น

 

นั่นซีนะ ภาษาไทยมันดิ้นได้ ต้องระวังให้มากๆ อิอิ

 

ท่านพี่..และทุกท่าน..

เรื่องกราบพระ... พระอาจารย์ติงลี่ ท่านเมตตาสอนธรรมะ มาข้อหนึ่งจ้า.. มิใช้เรื่องการเล่นคำของภาษาหรอกค่ะ.. หนิงก็เขียนไปเรื่อย กราบขอขมาทุกท่านด้วยค่ะ ที่ไม่ได้เน้น หลักธรรมะที่พระอาจารย์ท่านเมตตาสอนมาให้ชัดๆ

ในความเข้าใจของหนิง พระอาจารย์ท่านเมตตาสอนหลักธรรมะ เรื่องนี้ค่ะ

"คนสมัยนี้ดีเนอะ เวลามาบอกว่านมัสการหลวงพ่อ หลวงพี่ หนูมีเรื่องทุกข์ใจมาให้หลวงพ่อ หลวงพี่ช่วย พอช่วยเสร็จมันจะกลับ มันดันกราบแพะ กราบลาแทนกราบพระ แต่เป็นลาก็ยังดีกว่าเป็นแพะนะ รับแต่บาป (แล้วท่านก็หัวเราะ)"

คนไทยที่เกิดภายใต้บวรพุทธศาสนา ส่วนมากจะมองข้ามความสำคัญในแก่นของพระพุทธศาสนา ในหลักธรรมคำสอนขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงเมตตาสอนแนวทางการหลุดพ้นจากวัฏฏะสังขาร โดยมีพระสาวกของพระพุทธองค์ คือพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้ถ่ายทอดพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์มามากกว่า ๒๕๐๐ ปี

การเข้าวัดของคนไทยในปัจจุบันแม้ว่าบางกลุ่มบางคน จะรับทราบและมีแนวคิดที่จะช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาขององค์พระศาสดาตามพุทธประสงค์ ความละเอียดอ่อนในพระธรรมคำสอน การปฏิบัติตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงเมตตาชี้นำทางไว้ มีเพียงกลุ่มคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเข้าใจและปฏิบัติตาม

ยังพบว่าพุทธศาสนิกชนเข้าวัดมากราบพระ เพราะความทุกข์ไม่รู้จะไปพึ่งใคร หันหน้าเข้าวัดมาพึ่งพระ ทั้งพระพุทธรูป และพระสงฆ์ เนื่องจากต้องการระบายความทุกข์ในอก และต้องการที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ประเภทนี้ก็ยังคงมีอยู่ รวมถึงเหตุผลอีกนานาประการในการหันหน้าเข้าวัด ปฏิบัติธรรม พอคลายความทุกข์ใจแล้วก็จากไป เมื่อมีทุกข์ก็กลับมาใหม่ วนเวียนแบบนี้เรื่อยไป มิได้เข้าวัดมาเพื่อหาธรรมะไปเป็นแนวทางปฏิบัติ

ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด เป็นความคิดส่วนตัวนะคะ มิได้เป็นสิ่งที่ได้รับมาจากพระอาจารย์โดยตรง หากเป็นความคิดที่ผิดไปจากความจริงใดใด หนิงขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และหากข้อเขียนต่างๆ ที่เขียนไว้มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ล่วงเกินท่านใดไปกราบขอขมา ขออโหสิกรรม ด้วยค่ะ

ก็เป็นเรื่องแปลกดีค่ะ วันนี้ในหน้าแรกของเว็บผู้จัดการ ได้อ่านบทความที่เกี่ยวกับการทำบุญในพระพุทธศาสนาของคนไทย บทความดังกล่าวคือ 'ทัวร์ธรรมะ' ได้เวลาจัดระเบียบท่องเที่ยวเชิงพุทธพาณิชย์ (คลิกลิงค์ได้ค่ะ) เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งบังเอิญตรงกับที่หนิงรับรู้มาเมื่อไม่กี่วันนี้ค่ะ

 

สาธุโมทนาบุญกับพี่หนิงทุกประการครับ ชอบประโยคหนึ่งของพระอาจารย์โนรี ท่านนะครับ ( อาการท้อแท้ มันมีอยู่กับทุกคนถ้าเรายิ่งท้อ ฝ่ายตรงข้ามก็ยิ่งได้ใจ ) สาธุๆๆ

 

อนุโมทนากับทุก ๆ ท่าน ทุก ๆ บุญด้วยค่ะ

เอาบุญมาฝากค่ะ
1. โอนเงินร่วมบุญพิมพ์หนังสือ"วิธีเอาชนะความตาย..ของผู้ป่วยระยะสุดท้าย" แจกผู้ป่วยและญาติ
2.โอนเงินร่วมทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 50 ศอก พร้อมฐานพระเป็นพระอุโบสถ

ณ วัดป่าพระพุทธบาทเขาน้อย อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี กับพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน ​

3. ร่วมบุญสร้างศูนยผ่าตัดหัวใจ รพ.ลำปาง เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา (เปิดสวิทช์หัวใจ)

อนุโมทนาร่วมกันนะค่ะ

 

ขอกราบโมทนาบุญด้วยครับ

ขอกราบโมทนาบุญด้วยทุกประการครับ
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 

อนุโมทนาบุญกับทุกๆบุญกับสมาชิกกระทู้ธรรมกระทู้นี้และคณะชุมชนมโนฯด้วยครับ

 

ขอสวัสดีกัลยาณมิตรทุกท่านค่า _/|\_ (^o^)/

ก่อนอื่นขอกราบอนุโมทนาในงานบุญกับคุณRicrado, คุณkonkangwad,
คุณtonkajeab ด้วยทุกประการการนะคะ.. สาธุ สาธุ สาธุ
โดยเฉพาะพี่หนิงของเรา ที่ได้ไปช่วยงานวัดหนองหญ้าปล้องตั้งแต่วันที่ 23 (^_^)
ได้ช่วยงานวัดหลายๆๆๆอย่างเลย.. เป็นบุญแท้ๆที่ได้มีโอกาสจัดเตรียมห้องพักให้หลวงปู่ละมัยด้วย
อนุโมทนานะคะพี่..สาธุ

อาทิตย์วันนั้นคณะกบก็ได้ออกเดินทางจากตลาดรังสิต ถึงวัดประมาณ 10 โมงเช้ากว่าๆ..เฉียดฉิว ฮา
ไปถึงคนเต็มเลย.. ก็ตรงไปกราบองค์พระก่อน เห็นฉัตรทองเหลือง 5 ชั้นอย่างใหญ่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างๆ
โอ้! สวยสดงดงามมากๆเลยค่ะ (^_^).. ก็รีบดิ่งไปปิดทองคำเปลว ถวายทองคำเป็นฉัตรทองก่อน
เสร็จแล้วไม่รู้จะไปไหนดี ไม่มีที่แล้วคนเต็ม..ก็เลยพาคุณแม่ปักหลักอยู่ใต้ร่มสัปปทนโต๊ะบวงสรวง
สักพักก็เริ่มเห็นหมู่คณะมากันเต็มทั้งอจ.เล็ก,พี่สาว,น้องตุ๊ก,น้องอ้อย ฯลฯ
ด้วยความกลัวลืมก็รีบเอาซองเงินปัจจัย ท่ี่กัลยาณมิตร่วมทำบุญผ้าห่มองค์พระทั้งหมดให้พี่สาวไว้
ในส่วนที่อยู่กับกบทั้งหมด 25,988 บาท ก็มีน้องจิ๊บเพิ่มมาอีก 1,000 บาท ญาติธรรมท่านอื่นๆอีกจำไม่ได้แล้วค่ะ
(ในส่วนของพี่หนิงได้ถวายไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 23 ค่ะ.. กราบอนุโมทนาบุญกับพี่หนิงด้วยนะคะ..สาธุ)
เงินจำนวนนี้มีอาจารย์เล็ก,พี่สาว,พี่หนิง เป็นตัวแทนคณะนำถวายหลวงพ่อโนรีในวันอาทิตย์ที่ 24 ค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยนะคะ..สาธุ สาธุ สาธุ

และแล้วก็ถึงเวลาอันสำคัญ..พิธีอัญเชิญฉัตร 5 ชั้นขึ้น..ก่อนอัญเชิญบังเอิญอยู่ใกล้
จึงได้สวดมนต์เวียนเทียนรอบฉัตร 3 รอบ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
จังหวะที่จนท.กำลังคล้องสาย มีหลวงพ่อท่านใดจำไม่ได้ต้องขออภัยค่ะ ได้ถวายสร้อยข้อมือแก้วสารพัดนึกรัดกับยอดฉัตร
พี่นันก็เลยถอดแหวนหยกร้อยกับสร้อยคอ 3 กษัตริย์ ส่วนกบก็ถวายสร้อยข้อมือคริสตัลหลากสี ส่งให้จนท.รัดกับยอดฉัตรมั่ง..อิ อิ
ตานี้แต่ละท่านก็ถวายสร้อยกันใหญ่เลยค่ะ..ฮา .. จากนั้นฉัตรก็เริ่มเคลื่อนตัวขึ้น
เสียงไชโยโห่ร้องก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน..ขนลุกเลยค่ะ.. ทุกคนแหงนมองตามฉัตรจนถึงยอด
เป็นเหตุการณ์บุญที่ประทับเป็นอย่างสูงเลยค่ะ (^_^) ทุกท่านอนุโมทนาบุญด้วยกันทุกประการนะคะ..สาธุ

 

ทราบจากน้องโน๊ตว่าที่สำนักสงฆ์เจโตวิมุต ของพระอาจาย์ยุคลธร
มีงานหล่อพระหน้าตัก 2 ม.หลายพระองค์ รอบองค์พระใหญ่หน้าตัก 5 ม.
หลังพิธียกฉัตรเสร็จ และเติมพลังที่โรงทานกันครบทุกคนแล้ว .. ทั้งคณะก็ตกลงใจกัน
ไปหล่อพระกันต่อที่สนส.เจโตวิมุตทันที ระหว่างการเดินทางไป
คณะอาจารย์เล็กได้ติดต่อมาถามทาง จึงนัดพบกันที่แยกแก่งเสี้ยนแล้วไปพร้อมกัน
เนื่องจากออกมากันคนละเส้นทางค่ะ..อิ อิ ..งานใหญ่ คนเยอะ รถเยอะ ​

กว่าจะไปถึงสนส.เจโตวิมุตก็ประมาณบ่าย 4 โมงกว่าได้ค่ะ กำลังหล่อองค์ที่ 6 พอดีเลย
หล่อจะถึงช่วงอกใกล้บรรจุหัวใจพระ โชคดีมากทีได้ร่วมถวายของบรรจุหัวใจด้วย..สาธุ
ทราบว่าจะมีหล่อทั้งหมด 9 พระองค์รอบองค์พระใหญ่ค่ะ .. วันนี้คงไม่เสร็จ
เพราะองค์ที่ 6 กว่าจะเสร็จก็ 6 โมงเย็นกว่าแล้วค่ะ .. ฝนก็ตกด้วย
เสร็จงานก็ได้โรงทานที่สนส.เติมพลังอิ่มท้องไปอีกมื้อ..ฮา..อิ่มอกอิ่มใจอิ่มบุญกันไปอีกงาน
กัลยาณมิตรทุกท่านอนุโมทนาบุญด้วยกันทุกประการเลยนะคะ.. สาธุ สาธุ สาธุ _/|\_ (^_^)

http://palungjit.org/posts/4934566
​

 

สวัสดีพี่Meค่ะ
ศรมีข้อสงสัยหลายอย่าง อยากให้พี่ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ คือ ที่พี่ถามพระอนุรุทธะว่า
คนที่ไม่ได้เป็นอรหันต์ สามารถไปนิพพานได้ไหม ท่านตอบว่า ก็ได้อยู่ และอีกข้อคือ
สมเด็จท่านเรียกพี่ว่า รามาวดี และ สุนันทา ทำไมพี่มีชื่อ 2 ชื่อคะ คือสงสัยมากค่ะ ถ้าศร
ปรามาสพี่ในเรื่องใดๆก็ขอให้พี่อโหสิกรรมให้ด้วยนะคะ ไม่ได้ลบหลู่แต่อยากรู้ค่ะ จะได้ไม่คาใจ ขอบคุณค่ะ

 

ทุกครั้งที่เขียน ก็จะบอกอยู่ทุกครั้งว่ามโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน


ดิฉันก็ไม่ใช่คนดีคนเก่งอะไร บอกทุกครั้งว่ายังเลวอยู่ ยังต้องปฏิบัติอีกเยอะ ยังห่างไกลอยู่อีกมาก ดังนั้นบททดสอบอ่ะ จะมีมาทุกรูปแบบ บางทีพระท่านเองนั่นแหละที่ยังทดสอบเราด้วยว่าเรารู้มาแล้วพิจารณาด้วยหรือไม่ มันเป็นจริงไปอย่างที่พูดหรือเปล่า


ทุกวันนี้ถึงไม่เขียนอะไรเลย เพราะต้องมาสอนตัวเองฝึกตัวเองให้มากก่อน ใครอยากรู้อะไร แล้วคิดว่ามันจริงหรือไม่จริง ก็ต้องทำตามที่หลวงพ่อสอนไว้คือ เอาไปปฏิบัติให้ได้รู้จริงด้วยตนเองจะดีที่สุด มันไม่มีอะไรดีกว่าทำด้วยตัวเองรู้ด้วยตัวเองหรอก เพราะถ้ายังปฏิบัติให้รู้ด้วยตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องมีเรื่องให้สงสัยและไม่เชื่ออยู่วันยังค่ำ ก็แนะนำว่าให้ปฏิบัติด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ

 

เข้าใจแล้วค่ะ ต่อไปจะพยายามทำความเข้าใจให้มากขึ้น เพราะตัวเองก็ไม่ได้มโนมยิทธิ
ก็เลยยังไม่เข้าใจอะไรหลายอย่าง ขอให้พี่เขียนต่อไปนะคะ อย่าทำให้ศรรู้สึกผิดที่ทำให้
พี่ไม่เขียนต่อ การทดสอบมีอยู่ตลอดเวลา ขอโทษพี่ด้วยที่ทำให้หนักใจ ท้อแท้ เพราะความอยากรู้ของศรแท้ๆเลย ไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะ ขอโทษจริงๆนะพี่ รักพี่เสมอนะ
ขอบคุณค่ะ

 

เปล่าค่ะ น้องไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่หยุดเขียนหรอก เพราะพี่หยุดเขียนมาก็นานแระ เป็นเพราะตัวพี่เองมากกว่า ช่วงนี้มันวุ่นวายหลายเรื่อง แล้วก็ต้องศึกษามากขึ้นอีกเยอะ เนื่องจากตัวเองเหมือนติดอยู่กับที่ ปฏิบัติไม่ได้ไปถึงไหนเลย ยังมีอะไรต้องตามหาอีกเยอะ โดนพระข้างบนดุมาเรื่อยเหมือนกัน ไอ้เรื่องไม่ทำหน้าที่นี่อ่ะ เอาไว้ให้อะไรๆมันสบายใจกว่านี้ ค่อยว่ากันใหม่ค่ะ ขอโทษนะคะน้องที่ทำให้ลำบากใจ ขออโหสิกรรมค่ะ หากพี่ล่วงเกินอะไรไป อย่าคิดมากนะคะ บุญรักษาค่ะ

ปล. อ้อ ที่มีสองชื่อ ชื่อหนึ่งก่อนลงมาเกิด อีกชื่อก็ชื่อปัจจุบันนี้

 

มีบุญมาฝากด้วยค่ะ ก้อยและครอบครัวได้ร่วมทําบุญดังนี้

1. ร่วมทำบุญสมทบทุนเพื่อบูรณะซ่อมแซมอัดพื้นเทคอนกรีตธรณีสงฆ์ที่ยุบทรุดลงให้แข็งแรง เตรียมป้องกันดินโคลนยุบทรุด ณ วัดป่าโนนจ่าหอม ต.โพนเมือง อ.เหล่าเสือโก๊ก จ.อุบลราชธานี
2. ร่วมเป็นเจ้าภาพซื้อที่ดินถวายวัดเพื่อปลูกผักปลอดสารพิษเลี้ยงดูผู้ปฎิบัติธรรม วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)
3. ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพถวายสังฆทานที่ปรียนันท์ธรรมสถาน ในวันที่ทำพิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถทันใจ วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔
4. ร่วมทำบุญกฐินสามัคคี ปฏิสังขรณ์องค์ พระอัฏฐารสยืนคู่ เดียวในโลก อายุ 700 กว่าปี ณ วัดประโชติการาม ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี
5. ร่วมทำบุญสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม (พระไฟเบอร์) และบุญผ้าป่า ถวายวัดพุทธวงศ์คีรีเขต (ภูโน) กาฬสินธุ
6. ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพมหากุศลงานเข้า-ออกนิโรธกรรมประจำปี ๒๕๕๔ พระครูบาวิฑูรย์ ชินวโร ณ สถานที่ปฎิบัติธรรม "ปรียนันท์ธรรมสถาน" อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์
7. ร่วมทำบุญสร้างปรียนันท์ธรรมสถาน อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์
8. ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพถวายมณีนาคา ณ สำนักสงฆ์ภูสูง จังหวัดยโสธร
9. ร่วมทำบุญหล่อพระเกศโมลี สมเด็จพระพุทธชินราชสมเด็จองค์ปฐม แห่งแผ่นดิน หน้าตัก 18 เมตร วันที่ 12 - 14 สิงหาคม 2554 ณ พุทธอุทยานพระพุทธชินราชเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 บ้านโป่ง ต.โป่ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย
10. ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพร่วมสร้างรูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ขนาด ๙.๙ เมตร สูง ๑๑.๕ เมตร วัดวีระโชติธรรมราม ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นอริยะสังฆบูชาให้ประชาชนได้ระลึกนึกถึงในคุณความดีของท่านและกราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะและขออนุโมทนาบุญของทุกท่านทุกประการค่ะ

 

ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยทุกประการนะคะ .. สาธุ สาธุ สาธุ _/|\_ (^_^)
เห็นรายการบุญแล้วชื่นใจมากๆๆ เลยค่ะ ..

 

พอดีนั่งค้นคำนึงที่เพื่อนสงสัย ไปเจอบล็อกนึงที่เนื้อหาปรามาศพระรัตนตรัยรุนแรงทีเดียว หุหุ
เหมือนโดนทดสอบเรื่องอุเบกขา อ่านปุ๊ปเฮ้ยอะไรนี่เหมือนจะโจมตีทุกประโยค ยอมไม่ได้ๆ
อ่านๆไปซักพักวางอุเบกขา แล้วก็คิดไปว่าคงไม่ใช่คนในศาสนาพุทธแน่
เพราะพาดพิงพระรัตนตรัยครบหมดเลย ผมไม่ได้อ่านหมดนะ กวาดสายตาอ่านเฉพาะ
ส่วนสาระสำคัญที่เขาต้องการจะนำเสนอ ตอนแรกกะจะไม่เอามาให้ดู แต่คิดไปคิดมา
ถ้าเกิดทำให้เขาตาสว่างได้ละ เลยเอามาโพสเผื่อเป็นเพื่อนใครในนี้
หากเป็นเพื่อนใครก็แนะแนวทางหรือเตือนเขาให้ขอขมาพระรัตนตรัยด้วยนะ
ในบล็อกนี้ http://www.oknation.net/blog/arayamitr

 

ต้องขอใช้คำว่าขอบคุณครับสำหรับคุณ me,myself ที่ให้ข้อมูลและแนวทางสำหรับผู้ที่ปฎิบัติทั้งรายเก่าและรายใหม่ ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับญาติธรรมทุกๆท่าน และขอผลบุญที่ทุกๆท่านได้ตั้งจิตอธิฐานไว้แล้วจงสัมฤทธิ์ผลโดยเร็ววันด้วยเทอญ

ชัชช์ วันไพศาขมาส