จะระงับอารมอย่างไรเวลามีคนพูดไม่เข้าหู

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย popอาย, 10 พฤศจิกายน 2011.

  1. popอาย

    popอาย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +2
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เรื่องงาน เรื่องนู้นเรื่องนี้ คุมอารมไม่ค่อยอยู่เลย
    เราก็ชอบเถียงกลับอยู่เรื่อยไม่รู้เป็นอะไร ช่วยบอกวิธีด้วยครับ วันๆเจอแต่คน
    อย่างนี้
     
  2. nonwarit

    nonwarit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +6
    วิธี นะครับ
    มีหลายวิธีให้พิจารณาครับ

    1.ระลึกถึงโทษของความโกรธ

    2.ระลึกถึงความดีของเขา

    3.พึงสอนตัวเองว่า ความโกรธคือการทำความทุกข์ให้ตนเอง

    4.พิจารณาความที่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆตน

    5.พิจารณาถึงความประพฤติในกาลก่อนของพระศาสดา

    6.พิจารณาถึงความที่เคยเกี่ยวข้องกันในสังสารวัฏ

    7.พิจารณาอานิสงส์เมตตา

    8.พิจารณาว่าท่านโกรธอะไรในตัวเขา ขน เล็บ หรือ เลือด

    9.ททมาโน ปิโย โหติ แปลว่า. ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ( ของผู้รับ )

    ****************************

    อย่าให้อารมณ์ตัดสิน ใช้ปัญญาและเหตุผล ประเสริฐนักแล
     
  3. dewvader

    dewvader Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +88
    เข้าไปที่ web นี้ www.tamma.info -- เพื่อเผยแพร่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เลือกฟังธรรมะท่านจิตโต
    เลือกปี 2550
    เลือกฟังเรื่อง 2550-03-18_18-37-เทศน์เรื่องวิธีระงับอารมณ์ปฏิฆะ.mp3

    อยากแก้เรื่องอะไรหาฟังในเวปนี้ละกันนะครับ มีทั้งของ ธรรมะหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ ธรรมะท่านจิตโต มีหมดทั้งวิธีปฏิบัติต่างๆ
     
  4. ปารามิตา

    ปารามิตา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นเดียวกับท่าน popอาย แต่ก็นำวิธีของท่าน nonwarit มาใช้นี้แหละก็ละความโกรธได้จริงๆ คะ
    สาธุ สาธุ
     
  5. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    มันมาแล้วเดี๋ยวมันก็ไป ของพวกนี้ถ้ารู้ไม่ทัน มารมันก็ชนะเราตลอด

    ยังดีที่ท่านรู้ทันมัน และพยายามหาทางออก ดีกว่าไม่รุ้ทันอะไรเลย แล้วปล่อยให้ใจโดนล่ามโซ่ตรวนเช่นนั้นเรื่อยไป

    คำพูดคน ไม่ว่าจะมาดีหรือมาร้าย มันไม่มีตัวตน แต่มันกระทบใจได้ หากเราสนใจมัน มันก้เข้ามานั่งในใจเราได้ตลอด

    หากไม่สนใจมันซะอย่าง มันก็ทำอะไรเราไม่ได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม ละได้จุดนี้ก็หลุดได้เลยเชียว

    เจริญธรรม
     
  6. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547
    ง่ายๆ เลยนะ....เวลาเจอคำพูดไม่สบอารมณ์แล้วจะโกรธ ให้บอกตัวเองว่า "ไม่เอา ไม่เอา อย่าโกรธ" หรือจะท่องไปเรื่อยๆ ว่า "ว่าง ว่าง ว่าง...." ก็ได้ (คือให้จิตว่างจากอารมณ์) พอจิตอยู่กับคำที่เราท่องสักพัก มันจะคลายจากอารมณ์ไปเอง...
     
  7. วันมงคล2

    วันมงคล2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +69
    เพียงกระทบหู ไม่กระทบตัวเรา
    เกิดแล้วดับไปไม่เที่ยง....แผ่เมตตาครับ.
     
  8. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    อยากให้คุณ popอาย หันมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ เเผ่เมตตาในทุกๆวันครับ ( ถ้าปฎิบัติอยู่เเล้ว ก็ขอให้ปฎิบัติตลอดไปครับ ) การสวดมนต์ นั่งสมาธิในทุกๆวันก็สามารถทําให้เราใจเย็นลง ให้อภัยคนได้ง่ายเช่นกันครับ การฝึกมรณานุสติก็ช่วยในเรื่องนี้ได้ คือให้พิจารณาว่า สุดท้ายเเล้ว เรากับเขาก็ต้องตายเหมือนกัน เมื่อเป็นอย่างนี้เเล้ว เราจะเสียเวลาไปโกรธ เกลียด เขา เพื่อทําร้ายจิตใจตัีวเองไปทําไมกัน ก่อนไป ผมขอฝากหนังสือ ชึวิตเป็นอย่างนี้ ใต้ comment ของผมให้คุณ popอาย download ไปอ่านดูครับ ยังไงก็ลอง download มาเเล้วอ่านให้จบดู หนังสือเล่มนี้ดีมากๆครับ เวลาผมจิตตกเเล้วอ่านหนังสือเล่มนี้ทีไร ผมจะกลับมามีสติเเละสว่างขึ้นทุกครั้ง ยังไงก็ลอง download ไปอ่านดูครับ อนุโมทนาครับ
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วิธีที่ัตัวเองใช้อยู่ก็คือ

    1. เมื่อมีคำพูดมากระทบที่ไม่ชอบใจ แรกๆ ก็จะพิจารณาและโต้ตอบด้วยเหตุผล แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามยังดันทุรังอยู่ เราก็หยุดเป็นฝ่ายดูอย่างเดียว คิดว่าเราไม่ใช่นักแสดง สิ่งที่โต้ตอบกันไปมานั้น นำมาซึ่งประโยชน์ใด

    2. ถ้าสติมันมาไม่ทัน ก็ต้องหยุดแล้วเลี่ยงหลบไปจากสถานการณ์นั้น แล้วค่อยพิจารณา ดีมั้ยกับการโต้ตอบ หรือดีมั้ยกับการนิ่ง

    3. มองให้เป็นความว่าง เป็นเพียงลมปาก ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป สิ่งที่ตกค้างมันอยู่ข้างในถ้าเราไปรับมันมาไว้ไม่ดีแน่ เศร้าหมองเปล่าๆ

    4. หลีกให้ห่างคนพาลอย่างเดียว ช่างมันๆๆๆๆๆ แค่นี้พอแล้ว ยามใดที่คิดว่าตัวเองใหญ่เมื่อนั้นแหละ...เละ อันนี้ถือว่ายังยึดมั่นถือมั่นอยู่ EGO สูง (อัตตาตัวตนมาก) วางลงซะ

    เหตุเพราะคนเราต่างกันด้วยบุญ วาสนาบารมี คุณวุฒิ วัยวุฒิ ศักยภาพทางอารมณ์ความคิด ประสบการณ์มุมมอง ย่อมเป็นธรรมดาที่จะให้ใครหลายๆ คน คิด ทำ พูด เรื่องเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน พูดด้วยอารมณ์กับพูดด้วยเหตุผลย่อมต่างกันเป็นธรรมดา
     
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ที่คุณ popอาย เป็นแบบนี้ มันมี กรณีเดียวคือ ประพฤติตัวอกตัญญู มามาก

    เวลาคุณทำดี หรือมีดีกว่า คนอื่น คนในครอบครัว ญาติโก โหติกา
    เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ทุกคนมี ดีน้อยกว่าคุณหมด หรือเรียกอีกอย่างว่า คนทำดีไม่ขึ้น

    มีแต่คุณเท่านั้น ที่เป็นคนดี พูดดี คิดดี ทำดี แนะนำสิ่งที่ดีได้ คนอื่นแย่หมด แต่เขา
    เหล่านั้นก็ไม่เคยเห็นคุณความดีของเราเลย เหล่านี้เขาเรียกว่า อาการของคนอกตัญญูเป็นสันดาน

    คำว่า สันดาน อันนี้เป็นคำพระ ไม่ใช่คำด่าทอ ว่าร้าย มันเป็นชื่อ
    ของ กิเลสที่นอนเนื่องอย่างหนึ่ง

    เช่น กิเลส นิสัย สันดาน อาสวะ ภวสวะ เศษสวะ(ภวสวะย่อย)

    เวลาเจอคำพวกนี้ อย่างเช่น เห้ยแกกิเลสหนาหวะ อะไรแบบนี้ คนที่
    ฝึกธรรมะจริงๆ จะไม่รู้สึกว่า ถูกด่า แต่จะ แยบคาย พิจารณา
    หากเรามีความกตัญญู รู้คุณ เต็มหัวใจ มันจะผลิกเลย ผลิกจาก
    การเห็นว่าถูกด่าทอ เป็น การชี้ขุมทรัพย์

    ที่นี้จะทำอย่างไร หากความ อกตัญญูมันนอนเนื่องเป็นกิเลสชั้นลึก
    จะแก้ จะไข ตอนนี้ยากมาก ยิ่งทำดี ก็จะยิ่งติดขัด ยิ่งพอกพูล
    ให้ความนอนเนื่องของความอกตัญญูมันหนาขึ้น ทับถมหนาขึ้น

    ก็ไม่ยากหรอก ให้กลับมา ยอมรับถึง "บัวเกิดแต่โคลนตม"

    หรือ มาดู ขุมทรัพย์จากสิ่งที่เขาท้ังหลายพูดหรือชี้ ก็ได้
    ให้ยอมรับ อดทนฟังเสีย

    แล้วแยบคายพิจารณา ถึงการกระเพื่อมขึ้น ของจิตอกตัญญูที่มันจะ
    แสงดตัวเร้าร้อน ออกทางสีหน้า ออกทางไรฟัน ออกทางลิ้น กล่อง
    เสียง แววตา หู จมูก กาย หรือแม้กระทั่ง ขยับนิดๆในใจ

    พอมันขยับรู้ทัน พอมันส่ายในจิต ในปาก ในลิ้น ในหู ในจมูก รู้ทัน
    ไว้เนืองๆ นี่โจมตี "กิเลสชนิดที่ชื่อว่าสันดาน" ไปตรงๆ ตีบ่อยๆ ทำซ้ำ
    แล้วจะถึงบางอ้อว่า

    ปัดโธ่ ก็เพราะ เราภาวนามาอย่างดีนี่แหละ ถึงได้มีโอกาส ขุด หรือ
    สำรอกสันดาน ตัวนี้

    ถ้าไม่ได้ฝึกมาอย่างดีนะ การโดนมันหลอก หรือ การนอนเนื่องในจิต ก็จะ
    เกิดอยู่ โดยเราไม่รู้เลยว่าจะบริสุทธิจากมันได้อย่างไร ยังไง

    แล้วจะทราบซึ้งในคำสอนของพระพุทธองค์มาก จนไม่จำเป็นต้องถือโทษ
    โกรธใครที่ยังไม่เข้าใจ ที่เขายังเกิดแต่ตม ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องไปชี้ว่าผิด
    ว่าไม่ดี เพราะ เขาเหล่านั้นก็คือผู้ฃอุ้มชูเลี้ยงดูเรามาก่อนทั้งนั้น

    ตม หรือ โคลน ย่อมเป็นแหล่งกำเหนิดของ ดอกบัว ฉันใด ก็ฉันนั้น

    ไม่โทษในความสกปรกในสิ่งไรๆ เลย เข้าใจวิถีของความบริสุทธิที่ใจ
    บริสุทธที่จิตได้อย่างแท้จริง

    อยู่ร่วมกับ ความสกปรกได้ สันติธรรมเกิดได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่ระลึกถึง

    สู้ สู้ เนาะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2011
  11. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    พลิกจนมีเรื่อง
    จิ้มให้ดี ตีให้มัน ขยันให้จริง ทิ้งให้ได้
     
  12. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    เอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปอ่านแล้ว พิจารณาให้เกิดปัญญา ให้เกิด มรรควิธี ที่เหมาะสมกับตนเอง ...อันวิธีการ ของพระสงฆ์ ครูอาจารย์ ท่านก็เอาหลักธรรมนี้ไปสอนพวกเราต่อกันมา หลากหลาย วิธี

    วิธีปฏิบัติเมื่อถูกด่าว่า

    ปัญหา เมื่อเราถูกด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย เราควรจะปฏิบัติอย่างไร?

    พุทธดำรัส ตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่านมีอยู่ ๔ ประการ คือ

    กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร ๑
    กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง ๑
    กล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือคำหยาบคาย ๑
    มีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว ๑

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลอื่นจะกล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สามควรก็ตาม จะกล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม จะกล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือคำหยาบคายก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ก็ตาม จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะภายในกล่าวก็ตาม

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งอันเป็นประโยชน์ เราจักมีจิตเมตตา ไม่มีโทสะในภายในเราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และจักแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ ใหญ่ยิ่งหาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาทไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทางซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้นดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายถึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แลฯ ”

    กกจูปมสูตร มู. ม. (๒๖๗)
    ตบ. ๑๒ : ๒๕๕-๒๕๖ ตท.๑๒ : ๒๐๖-๒๐๗
    ตอ. MLS. I : ๑๖๓-๑๖๔
     
  13. ponthat

    ponthat สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +24
    ยิ้มค่ะ ด้วยจิตที่มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ที่ยังไม่บรรลุธรรม
     
  14. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    คนขี้โกรธ จะแก่ไว มีกลิ่นตัว (ฟังจากครูอาจารย์ท่านบอกมา) ทีนี้แรก ๆ เราก็กลัวแก่ไวเนอะ ก็เลย ไม่ได้ พอโกรธปุ๊บ รีบข่มไว้ก่อน กลัวแก่ <<<< แรก ๆ ทำอย่างนี้ ข่มไว้ก่อน

    หลัง ๆ พอมาฟังหลวงพ่อฤาษีท่านสอน ท่านบอกว่า (ถ้าผิดขออภัย) ท่านกล่าวว่า อารมณ์โกรธเป็นอารมณ์ของสัตว์นรก พอรู้ตัว ต้องบอกว่า เวลาโกรธคนจะไม่ค่อยรู้ตัว พอรู้ตัวจะบอกตัวเองว่า เราไม่อยากเป็นสัตว์นรก พอเตือนตัวเองแบบนี้ จะข่ม ต้องบอกว่า ข่มอีกแล้ว ขันติ ๆ แต่มันจะมีตะกอนตกค้างนะ พอนึกได้จะโกรธอีก

    พอช่วงนี้ ใครมาพูดอะไรโกรธอีก แต่มันจะคิดไปด้วยว่าที่เขาพูดว่าเรา หรือพูดอะไรมันจริงไหม ถ้าสมมุติเขาว่าเรา ถ้าเราเป็นอย่างที่เขาว่า ก็ยอมรับ (มันก็ไม่โกรธ) ถ้าเราไม่เป็นอย่างที่เขาว่า มันก็กรรมของเขาไม่ใช่ของเรา สิ่งที่เขาแสดงออกมา เป็นตัวแสดงตัวตนของเขาเองว่าเป็นอย่างไรโดยที่เราไม่ต้องไปประจานเขา เขาประจานตัวเอง (สรุปคือมันจะไม่มีตะกอนตกค้าง)

    ให้โทษตัวเองก่อน อย่าไปโทษคนอื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2011
  15. sinfadza

    sinfadza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +37
    แค่ให้เรารู้เท่าทันมันก่อนก็พอแล้วครับ เช่นพอโกรธก็รู้ว่าเราโกรธ แค่นี้ก็เอาอยู่ละครับ
     
  16. popอาย

    popอาย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุนทุกท่านที่ให้ ธรรมแก่ข้าพเจ้า ขอให้บุญกุศลที่ทุกท่านได้ชี้ทางธรรมแก่ข้าพเจ้า
    นี้ขอให้ทุกท่านมีชีวิตที่เจริญๆยิ่งๆขึ้นไปทั้งทางธรรมและทางโลกเทอญ
     
  17. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ไม่มีอะไรให้ต้องระงับ นี่

    ไม่เห็นต้องมีอะไรให้ระงับเลย

    ก็ เอา จิตไปวางไว้เองมิใช้หรือ เอา ใจ ไปร่วมสังคกรรม กับ คําพูดของ เขาเองมิใช้ ดอก หรือ เราเองที่เอาใจไปวางเอาไว้ ว่า สิ่ง นั้นๆ คําพูด นั้น มันทิ่มเรา เเทงเรา เราเองตะหากที่ เอา เรา ลงไปวางไว้ ไปยึดเอา ว่ามันคือของเรา ยึดเอาว่า เขาว่าลงมาที่เรา


    เเค่ไม่ต้องไปยึด ไปจับไว้ มองให้มันเป็นเรื่องปกติ ของ เรา เรา เเล้วเรื่อง เรา เรา ก็ จะคลายไปเองนะจ๊ะ ที่รัก
     
  18. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    คุณ popอาย ลองดู vdo นี้เเล้วกันครับ vdo ที่ผมนํามาให้ดูนี้เป็น vdo ที่เกี่ยวกับการวิปัสสนาจิตโดยตรง เเละจริงๆเเล้ว การวิปัสสนาต้องควบคู่ไปกับการทําสมถะครับ ส่วนสมถะเเละวิปัสสนา นั้นคืออะไร อ่้านได้ตามข้างล่างนี้เลยครับ เป็นไปได้ ผมก็อยากให้คุณ popอาย หันมาสวดมนต์ ทําสมาธิเเละเเผ่เมตตาในทุกๆวัน จิตใจของเราจะได้สงบ เมื่อสงบเเล้วก็จะเกิดปัญญา ถ้าคุณ popอาย ปฎิบัติอยู่ ก็ขอให้ตั้งใจปฎิบัติต่อไปนะครับ เเต่ถ้ายังไม่ได้ปฎิบัติ ผมก็อยากเชิญชวนให้คุณ popอาย หันมาปฎิบัติได้ตั้งเเต่วันนี้เลย ถ้าทําได้ก็ทํานะครับ เราทําเราได้เองครับของเเบบนี้

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]http://palungjit.org/threads/นั่งสมาธิสมถะ-หรือ-วิปัสนา.176285/

    เจริญธรรม...

    สมถะ คือการที่จิตอันมีความคิดและอารมณ์สงบระงับจากความฟุ้งซ่าน เมื่อไม่ฟุ้งซ่านคือ คิดโน่น คิดนี่จิตก็เป็นสมาธิมีสติมากขึ้น

    การ รับรู้สัมผัสจากภายนอกจึงมีมากขึ้น ส่วนการสะดุ้งนั้นมันเป็นเรื่องปรกติที่คนเรามักตกใจกับเสียงที่ไม่พึง ปรารถนา สะดุ้งหรือตกใจก็ให้รู้กับมัน จากนั้นก็รีบทำใจให้เป็นปรกติ

    วิปัสสนา คือ การคิด พิจารณา แยกแยะให้เป็น ให้ได้ ให้ออกว่าอะไรคืออะไร? เช่น การเกิด แก่ เจ็บ ตาย นี่เป็นสภาวะธรรมที่แท้จริงของโลก

    เมื่อคิดได้เข้าใจ อารมณ์ก็จะปลอดโปร่งโล่งสบาย เพราะเข้าใจจริงตามนั้น

    การปฏิบัติจะรู้ได้ว่าก้าวหน้าหรือไม่นั้น ดูจากความคิดและอารมณ์ของตนเองนั่นแหละ เช่น มีเหตุมีผลมากขึ้นไหม เป็นต้น

    พยายามทำความเข้าใจกับความคิดและอารมณ์ของตนเองในขณะที่นั่งสมาธิได้นั่นแหละ เรียกว่าก้าวหน้าในการปฏิบัติแล้วจ้า...

    บุญรักษา/ธรรมะสวัสดี
    __________________
    ผู้ที่ทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนนั่นแหละ คือ ผู้ประเสริฐโดยแท้...
    [/FONT]

    <object width="420" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Z_4fMfR8BM0?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Z_4fMfR8BM0?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
  19. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    อ้าวเข้าได้มันก็ออกได้น้อ อย่าไปคิดมากจนมีactionนู้นนี่

    กุมสติมั่นดั่งบุรุษผู้มีกำลังมากกอดรัดผู้มีกำลังน้อยกว่าเอาไว้
    ประหนึ่งว่ามิพอใจคำอันไม่พอใจอันใด ก็เอากำลังสติกดข่มเอาไว้มิให้พลั้งทำกริยาอันชั่วออกไป จึงมิอาจสืบต่อกรรม กรรมจึงมีอันสิ้นสุดที่จุดเริ่มต้นดังนี้

    วิธีปฎบิตินั่งสมาธิ เจริญสติให้มาก ก็เพียงพอ
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เราใช้วิธีหายใจลึกๆ ยาวๆ หากแก้ไม่ได้ ก็ใช้วีธีหนีค่ะ ง่ายที่สุด หรือฟังแบบไม่ได้ยิน
     

แชร์หน้านี้

Loading...