เรื่องจิตคิดชั่ว (ถามหลายครั้งแล้วขอถามต่อไป)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 29 ธันวาคม 2011.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    เรื่องนี้ผมถามเป็นเดือนปฎิบัติเป็นเดือนแล้ว ขอเล่าต่อเลย

    ผมก็คิดไม่ดีต่อพระรันตนตรัย ด่าพระพุทธเจ้า หยอกล้อ ปรามาส พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ที่ผมนับถือบ้าง

    ผมก็ขอขมาตลอด เวลาผมรู้ว่าคิด จะใช้อานาปานุสติ พอผมจับลมหายใจ มันก็อยากคิดขึ้นมา ผมก็ไปบอกในใจคิดในใจ บอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้ อย่าไปคิด ไม่ดี แล้วก็ขอขมา แบบนี้ไปเรื่อยๆ เป็นเดือนๆ ผมรู้สึกเบื่อมาก ผมอยากกลับไปเหมือนเดิมยังดีกว่า รู้แค่ว่าพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์มีจริงก็พอไม่ต้องศึกษา ศึกษามาก ศึกษากรรมชั่ว ของพระอรหันต์ที่เคยทํามา ก็ไปตําหนิติเตียน ไม่สมควรอย่างยิ่ง ผมก็ขอขมา แล้วก็ตําหนิตัวเอง ตําหนิความชั่วตัวเอง

    ควรทําไงดี :(
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ............... อย่าเพิ่งท้อ นี่ คือ การภาวนา...เหมือนต้องไปสอบนั่นแหละ มีอะไรง่ายบ้าง? กีฬาทุกอย่าง กว่าจะเล่นเก่งต้องสะสมความเก่งทุกอย่าง............อานาปานสติการรู้ลมนั้น รู้ แล้ว มันจะไม่มีคิด....ต้องตั้งใจทำหน่อย ส่วนเจตนาของการคิดนั้น เราไม่ได้มีเจตนาอะไร พระท่านรู้.............ทีนี้ต้องทำความเข้าใจหน่อยว่า อันที่จริงที่ว่าคิดปรามาส นั้น ยังไม่ใช่ความคิดจริงจริง มันเป็น แค่สังขารปรุงแต่ง"คำพูดในหัว"มากกว่า มัน จึงไม่ได้มีเจตนา......อย่างชัดเจน....สติ และ สมาธิ ช่วยได้...ลองทำอานาปานสติ ตลอดเวลาดูทั้งวันทั้งคืน รู้ลมเข้าออก อย่างเดียว..........ที่นี้จะเห็นสิ่งที่จิต รู้ การมาการไป ระหว่าง รู้ที่ลม กับรู้ อย่างอื่นในกิจกรรมประจำวัน...การคลายจากความคิดว่า ทุกอย่างเป็นของเรา จางคลายได้จากจุดนี้.... ถ้าไม่ดูขนาดนี้ มันจะไม่เห็น ลองดูนะ แล้วการที่บอกว่า ไม่เข้ามาศึกษาดีกว่า นั้น ไม่จริงนะ ตอนนี้ถือว่าก้าวหน้ามาแล้ว ขอให้กำลังใจ ครับ ดีแล้ว:cool:ศึกษา ภาวนา ต่อไปนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2011
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...... คำพูดในหัว มัน ก้เหมือน การเคลื่อนใหว ของร่างกาย นั้นแหละ เราต้องขยับตัว ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมา.... เราเข้าไปรู้จุดนี้(เราเห็นตัวเราเคลื่อนใหว....จะเรียกว่ามีสติรู้กายก็ได้ กายคตาสติ)....ก็ ดูให้เห็น สภาวะ จริงจริง ของมันว่า มันเป็นเรื่องของปัจจัย "รูป-นาม"......... รูป กับ นาม ทำกิจ...แล้วจิตวิญญานขันธ์ไปรับรู้ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย.....สิ่งที่ควรดู จริงจริง คือ "ราคะ โทสะ โมหะ โลภะ." ดูอันนี้ดีกว่า...
     
  4. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ

    ให้กำหนดรู้ลงไปว่ามีโทษ เป็นโทษใหญ่ทั้งขณะจิตที่คิดชั่วนั้นและหากตายลงไปขณะจิตนั้น
    สั่งสอนอบรมจิตตนให้เห็นโทษเห็นภัยของจิตคิดชั่ว โทษภัยของความโง่ของจิตตนอยู่แบบนั้น(ชี้ให้เห็นโทษตน เห็นผลทุกข์ เช่นนรกอเวจี และความเร่าร้อนของอารมณ์)
    ตั้งใจขอขมาด้วยใจจริงและกล่าวรับไตรสรณาคมด้วย ด้วยพิจารณาเห็นโทษภัยจริงๆ ทำทุกครั้งที่เกิดและตลอดไป


    ก็จะสามารถพลิกจิต ละจากอกุศลจิตระวังมิให้อกุศลจิตเกิด ด้วยสติ-สัมปชัญญะ ทั้งยังสามารถระลึก และเจริญในกุศลและรักษากุศลนั้นให้เจริญขึ้นต่อไปได้ เป็นการสั่งสมอบรม ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญาให้ยิ่งขึ้นได้


    เรียกว่า "เพียรภาวนา" 4 ประการ คือ
    1.ปหานปธาน เพียรสละบาปอกุศล ให้ขาดจากสันดาน
    2.สังวรปธาน เพียรสำรวมระวังรักษา ไม่ให้บาปเกิดขึ้นในสันดาน
    3.ภาวนาปธาน เพียรภาวนา ให้บุญกุศลเกิดขึ้นในสันดาน
    4.อนุรักขนาปธาน เพียรรักษาบุญกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เสื่อมสูญอันตรธาน


    ถ้ามีเวลาว่างก็ศึกษาประวัติ, การบำเพ็ญพระชาติของพระพุทธองค์ ตลอดทั้งประวัติปฏิปทาพ่อแม่ครูอาจารย์ต่างๆจะยังศรัทธาและการละอายต่อจิตคิดชั่วเกรงกลัวผลของบาป ให้ยิ่งขึ้นต่อไป


    ปล.ผมเองก็พยายามทำแบบนี้อยู่เหมือนกันครับ เห็นว่าพอได้ผลดีต่อจิตใจตนขึ้นบ้าง พี่ballbeamboy2 ลองพิจารณาเพื่อหาแนวทางอบรมจิตใจตนดูครับ "วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ อ่านว่า วิ-ริ-เย-นะ ทุก-ขะ-มัจ-เจ-ติ ( คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร )"
     
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    อนุโมทนา ๒ เด้งครับ

    ได้ข่าวมีจิตมหากุศล คิดจะออกบวชด้วย :cool:
     
  6. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021

    ,,,,,
    ^ ^) ........ สาธุครับ
    _/|\ )
     
  7. ลมไหว

    ลมไหว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +9
    ให้กำหนดสติอยู่กับผู้รู้ มีเรากับผู้รู้ ส่วนธรรมชาติความคิดนั้นเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ความคิดจึงไม่ใช่เรา อย่าไปหมายเอาความคิดเป็นเราก็พอ
     
  8. ไม่ใช่ใคร

    ไม่ใช่ใคร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +21
    ตามความเข้าใจ ของผมนะครับ

    จากที่ได้อ่านกระทู้ คำเทศน์ ของหลวงพ่อ พุทธ ฐานิโย เมื่อวันก่อน

    พอเราฝึกสมาธิเริ่มจะได้ผลบ้าง

    การที่จิตคิด เรียกว่า วิตก

    การที่เราตามระลึกได้ ว่า เมื่อกี้ เราคิด เรียกว่า วิจารณ์

    ทีนี้ การที่เราเริ่มมีสมาธิ มันก็เลยเหมือนกับว่า เราคิดวุ่นวาย ฟุ้งซ่านไปหมด ทั้งที่ เมื่อก่อน เราคิดฟุ้งซ่านกว่านี้ แต่เราไม่มีตัววิจารณ์ แต่ตอนนี้ เรามีตัววิจารณ์แล้ว เราเลยรู้สึก ว่าคิดฟุ้งซ่านมาก

    ผมเข้าใจอย่างนี้ ถูกมั้ยครับ

    ปล ยกเรื่องที่ว่า มีตัวเราผู้คิด ออกไปก่อนนะครับ แค่นี้ ก็งงพออยู่แล้ว ขอแค่ขั้นนี้ ก่อนละกัน

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    วิตก วิจารณ์ หากเป็นอารมณ์เดียว ก็เรียก วิตก วิจารณ์

    แต่พอจิตมันมี วิตก วิจารณ์ เรามักไม่ชอบ กิเลสมันพาปลิ้นออกไป จับอีก
    อารมณ์หนึ่ง การเปลี่ยนอารมณ์ ก็เท่ากับเปลี่ยนอริยาบท ก็เท่ากับ จงใจ
    ปิดบังการเห็นทุกขสัจจ

    ดังนั้น

    ผู้ภาวนาเป็น ที่ใจถึงๆ เห็น จิตปรามาส ก็ดูไปเลย วิตก วิจารณ์ ตัวเดียว ไม่เปลี่ยน
    อารมณ์ดูอย่างอื่น พอจิตปรามาสมันแสดงการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง จิตมันก็
    ประจักษทุกข เมื่อนั้นมันก็ปล่อย พอจิตปล่อย มันก็หมดวิตก วิจารณ์

    แล้วสิ่งที่ปล่อยลงไปเป็นอกุศลจิต เมื่อปล่อยอกุศลจิต ปิติ สุข มันก็เกิด ตามเรื่อง
    ตามกระบวนการของทุกขสัจจของจิต ( ฌาณจิต จัดเป็น โลกียะธรรม ธรรม
    โลกๆ ธรรมแบบชาวบ้านๆ แต่ ก็เป็นชาวบ้านฝ่ายกุศล แต่ก็จัดว่า เป็นเรื่อง
    ชาวบ้านๆ เขาทำกัน )

    * * * *

    แต่เราทนไม่ได้ แทนที่จะดู ก็ไปหาเรื่องเปลี่ยนอารมณ์วิตก วิจารณ์ ก็เท่ากับ
    บิดเบือนการเห็นทุข์ ไปแสวงหาสุขจากการเอาแต่ วิตก วิจารณ์ แต่สิ่งดีๆ ก็นอก
    จากจะปิดบังการเห็นทุกขสัจจแล้ว ยังสนองตัณหาด้วย แต่เนื่องจากเป็นการสนอง
    ตัณหาในด้านดี ก็เลยเป็นการหันทำกุศลแบบโลกๆ สุดท้ายก็ไม่ไปไหน ไม่พ้น
    อะไรสักอย่าง ไม่รู้อุบายนำออกอะไรสักอย่าง ได้อย่างมากคือ ชินกับการสลับ
    อารมณ์

    พอชินกับการสลับอารมณ์ มันก็เหมือน คนมาถามว่าทุกข์ไหม เราก็พูดหน้าตา
    เฉบว่าไม่ทุกข์ เพราะอะไร เพราะ ชินกับการเปลี่ยนอารมณ์ รู้ว่าหากจิตมัน
    พล้ำไปด้านอกุศล เดี๋ยวกูก็ทำด้านกุศลเข้าไป แล้วก็ยึดว่า ได้ทำดีแล้ว

    ก็ถ้า ใจไม่ถึง แทนที่จะดูไปตรงๆ ก็ ต้องรอให้เกิดความชินต่อการเปลี่ยนอารมณ์

    แล้วค่อยยก อาการชินต่ออารมณ์ อัพยากตา เป็นการปรากฏของทุกขสัจจ

    แล้วกว่าจะชิน และ กว่าจะรู้ว่า อัพยากตาธรรม เป็นทุกขสัจจ ก็ ยากเย็นแสนเข็ญ
    เข้าไปอีก ใช่ว่าจะยกดูได้ง่ายๆ

    "ทำมาก ยากนาน"

    * * * *

    การสลับอารมณ์ ด้วยเหตุความจงใจ หรือเจตนา จัดเป็น อุธัจจะนิวรณ์ ความฝุ้งซ่าน

    อุปมาเหมือน น้ำผิวน้ำกำลังจะนิ่ง จะส่องไปเห็นบางสิ่งข้างใต้ก้นลึก แต่เรากลับปฏิเสธ
    การเห็น แล้วเอามือมาละผิวน้ำให้กระเพื่อมเสีย เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นสิ่งที่อยู่ใต้ก้นบึ้ง
    ของจิตใจ อาการกระเพื่อมของน้ำก็คือความฝุ้งซ่าน นี่แทนที่จะเจริญ กลับนำตน
    ไปสู่การเป็นทาสนิวรณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2011
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ความคิด เกิดได้ตลอดเวลา เป็นสภาพธรรม กลางๆครับ เป็นกุศลก็ได้ อกุศลก็ได้

    เช่น ความคิด คิดเรื่องดี คิดเรื่องไม่ดี พวกนี่เกิดจากการปรุงแต่ง


    ความคิดประทุษร้าย ความเผาใจ ความหยาบ เป็นลักษณะของโทสะ

    ความฟุ้งซ่านในอารมณ์ ความรำคาญใจ เป็นลักษณะ อุธัจจะ

    ความเดือดร้อนใจ ความเศร้าหมอง เป็นลักษณะ กุกุจจะ

    ความไม่ละอายใจ ไม่เกรงกลัวต่อบาป เป็นลักษณะ อหิริ อโนตัปปะ

    ลักษณะพวกนี้ เป็น อกุศลทั้งสิ้น คุณลองสังเกตุดูตอนมีความคิดชั่ว


    สติระลึกรู้ปัจจุบัน ใส่ใจในลักษณะอารมณ์ที่ปรากฏ

    รู้ว่าขณะนี้ ธรรมนี้เกิดทางอายตนะใด ทางมโนหรือไม่ ให้ใส่ใจตรงนามรูปก่อนครับ

    รู้ว่าอะไรเป็นนาม อะไรเป็นรูป รูปเกิดนาม หรือ นามเกิดรูป

    รู้จักลักษณะของสติ ที่ระลึกสภาพธรรมได้

    รู้จักลักษณะปัญญา ที่รู้ ที่เข้าใจ สภาพธรรม แตกต่างกันอย่างไร



    ถ้าชอบดูลมหาย ใจให้สังเกตุลมที่หยาบ หรือ ละเอียด ร้อน หรือ เย็น ขณะเกิดความคิดปรุงแต่ง

    ให้ปัญญารู้ ลักษณะ นามสร้างรูป ธาตุที่ออกจากจิตก็ได้ ^^

    หลักๆคือรู้จัก รูปนาม
     
  11. นำขบวน

    นำขบวน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    เหมือนผมเมื่อก่อนเลยครับ ทรมานเหมือนกันนะ แต่จริงๆแล้วแก้ไม่ยากครับ ไอ่ความคิดแบบนี้ลองจับมันมาพิจารณาดูสิครับ แล้วจะเห็นว่า มันไปของมันเอง เพราะว่าเราไม่ใช่ตัวเราไงครับ ตัวเรานั้นไม่มี แม้แต่ความคิดมันก็บังไปเองของมันอัตโนมัติเลย เอ้า
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พวกเราต้องหมั่นระวัง หมั่นสังเกต เนื่องจาก ศาสนาพุทธนั้นอยู่เหนือลัทธิพิธีกรรมทุกสิ่ง

    พิธีกรรม ลัทธิ บางอย่าง จึงอาศัยแฝงตัวซ่อนเร้นได้อย่างแนบเนียน เราจะแยกไม่ออก

    ลัทธิพิธีกรราอย่างหนึ่ง คือ ลัทธิสาปแช่ง

    ลัทธิเหล่านี้ จะสวดพระคุณจากสรรพสิ่งต่างๆ บรรดามี อันที่โลกเขารู้จัก สวดทั้ง
    วันทั้งคืน สวดกันไม่เลิก สวดขอขมากรรมทั่วสากลจักรวาล จะไกลแค่ไหนก็แล้ว
    แต่จะตบแต่งให้เหนือกว่าใครๆ จนเลยตาปุถุชนเห็นว่า นี่คือพวกเหลืบแอบแฝง จน
    เลยตาปุถุชนจะแยกแยะจำแนกได้ว่าดีหรือเลว

    หลังจากสวดมนต์ ขอขมา จิปาทะแล้ว พวกนี้ จะมีอีกกิจหนึ่งคือ สาปแช่ง

    สาปแช่งพระให้ตกนรกบ้าง เห็นเขาอ้วนก็บอกว่าพระอ้วนอยู่ในนรกบ้าง เห็นเขา
    ผอมก็ว่าพระผอมอยู่ในนรกบ้าง แล้วก็ ชักชวน จะเที่ยวหาพรรคพวก ชักชวน
    ให้เห็นตาม ให้กล่าวตาม

    ดังนั้น พวกกลุ่มชนเหล่านี้ จะเน้นสวนมนต์ ขอขมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิบรรดามี
    แล้วนำพลังที่ได้นั้นเอาไป สาปแช่ง เป้าหมาย

    จิตของคนเหล่านี้เมื่อทำมากๆ ก็จะแยกไม่ออก ระหว่างดี กับ ไม่ดี

    เมื่อนั้น ก็ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ จะกี่พุทธศาสนาผ่านไป ก็มีกิจ
    อันเดียวคือ สาปแช่ง ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น สวดมนต์ขอขมา
    ไม่มีทางจบสิ้น

    เราจึงต้องฉลาด ในการมองหา มุมที่จะออก กล้าที่จะแตกต่างดูบ้าง

    ไม่งั้นเราก็ไม่อาจรู้ว่า กำลังเดินเข้าไปในกลุ่มแอบอแฝงใดๆหรือไม่
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สำหรับ คนที่หลงเข้าไปติดกับ พวกลัทธิแอบแฝง สวดมนต์ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิเพื่อแช่ง

    ทางออกจาก สำนักมีไหม

    ก็ต้องตอบว่า มี แต่ อุปมาเหมือนทางออกจากสำนักของวัดเส้าหลิน สำหรับบุคคล
    บางจำพวก

    คือ ช่องหมาลอด

    ช่องหมาลอด คืออะไร ก็คือ มันจะมี ขี้หมา ของสกปรก เต็มไปหมด

    ผู้ที่จะหาทางออกจากสำนัก จึงต้อง ทนต่อการโดนขี้หมา เหยียบขี้หมา
    ในระหว่างหาทางรอด

    ซึ่งก็คือ ระหว่างการภาวนาหาทางออก มันจะมีนิมิตของการ ก่นด่า ปรามาส
    ดังแว่ว หรือปรากฏ ไปมา มันมาจากไหน มันไม่ได้มาจากใครที่ไหนหรอก มันออกมาจาก
    จิตตนครั้งที่เคยก่อกรรมในกาลก่อนๆ นั่นแหละ ดังนั้น จึงต้องอดทน ผ่าน
    ไปให้ได้ อย่าเหยียบแล้วเอาแต่โหย่ง

    ขี้หมา กองขี้ ปฏิกูลนี้ ก็คือ เสียงของการ สรรเสริญ นินทา ตรงนี้มีอุปมา
    ที่ตรัสชี้ไว้โดยพระพุทธองค์ ที่ทรงเล่าถึง มหาสุบินนิมิต ว่า ร่างของพระองค์
    พาดอยู่บนเกาะมีมหาสมุทรทั้ง4เป็นเขต บนแผ่นดินนั้นมีแต่กองขี้ กองปฏิกูล แต่ร่างของ
    พระพุทธองค์ไม่ได้พลาดพลั้งไปเปรอะเปื้อนสิ่งปฏิกูลเหล่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2011
  14. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมตน

    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เอาพระโสดาบันให้ได้นะครับ........
     
  15. parnrada phiphattharaworakull

    parnrada phiphattharaworakull สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +3
    หนูก็เป็นบ่อยมากค่ะ เวลานั่งสมาธิ แล้วจะสวดชินบัญชรไปด้วย เพื่อทำให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน แต่มันก็มีเเว่บๆคิดมาเหมือนเดิมเลยค่ะ เหมือนพี่เจ้าของกระทู้เลย -- พอจะมีทางไหมคะ ให้จิตสงบ จิตไม่ฟุ้งซ่าน
     
  16. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    มันก็ดีอยู่หรอก แต่ผมมันหวังสูง จะเอาพระโพธิสัตว์เลย

    ผมก็ดูความคิด ผมก็ไม่รู้ดิ เหมือน พอดูตามมันไป ดันไปปรุงแต่งกับมันสะงั้น เลยต้องขอขมา หรือผมดูความคิดแล้วพูดในใจกลัวจะเป็นบาป


    ผมไม่แน่ชาติก่อนอาจจะหลงผิดไปอยู่ลัทธินั้น แล้วตอนั้นอาจจะไปเจอ ทางธรรมที่แท้จริงแต่กรรมมันยังคอยตามส่งอยู่ก็ได้:p
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไม่หรอก แต่ กำลังเฉียดเข้าไปต่างหาก

    กรรมก่อนๆนั้น จริงๆมันล่วงไปแล้ว มันเกิดอีก หากเธอไม่ยินดี ยินร้าย มีปรกติ
    ระลึกรู้ ดูเป็นทุกขสัจจไปเฉยๆ รู้จิตดูจิตในฐานะ การรู้ของจิตเป็นทุกขสัจจ ไปเฉยๆ
    เดี๋ยวมันก็ละออกจากจิต ก้าวข้ามจิต ไปตามการแจ้งชัดตามลำดับเอง

    แต่ถ้าเธอไปยินดี ยินร้าย มันก็เกิดการย้อมเข้ามาติดจิต จากธรรมแค่ "ทิฏฐิ"
    ก็เปลี่ยนเป็น "ดำริ" พอเปลี่ยนเป็นดำริ เธอเอามาถามๆ พวกมารมันก็สบช่อง
    กระซิบหรอกให้สาระวนอยู่กับการ แก้แห

    สังเกตจากกระทู้ท่านพุทธทาสก็ได้ รู้สึกไหมว่า เธอยิ่งแก้การปรามาสท่านพุทธทาส
    จิตเธอก็ยิ่งถูกร้อยรัดให้ไปปรามาสจนได้ ยิ่งแก้ก็ยิ่งติด นั่นแหละ มันมีบุคคลบาง
    จำพวกวางกับดักเอาไว้ ให้เธอเผลอคิดว่ากำลังทำความดี แต่จริงๆกำลังตายเพราะ
    ฤทธิ์ตาข่ายทิฏฐิอันเลวที่เขากระซิบหรอกเธอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2011
  18. จิตกับใจ

    จิตกับใจ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นคนที่เคารพพ่อแม่พระสงองค์เจ้าตลอดจนสิ่งศักสิทธ์ แต่ในขณะที่ผมกําลังสวดมนต์หรือกําลังคุยกับพ่ออยู่นั้นบางทีมันก็มีจิตอกุศลหรือจิตด่าเกิดคิดขึ้นมาในหัวโดยที่เราไม่ชอบสิ่งที่คิดขึ้นมานั้นเลยและไม่เคยคิดจะทําอย่างนั้นด้วย แต่เหมือนยิ่งไม่อยากให้เกิดมันกลับยิ่งเกิดหนัก ถ้าครั้งไหนสมาธิกดไม่อยู่มันก็จะหลุดคิดขึ้นมา ใครเป็นแบบผมบ้าง หรือใครที่คิดแล้วเหมือนกับจะมีกายกรรมร่วมด้วยนิดนึงแต่ไม่ชัดเจนหรือไม่ได้เจตนาบ้าง ก็ลองแชร์ประสบการณ์กันได้นะครับ ตอนนี้ผมก็เริ่มปลงกับความคิดไม่ดีที่ผุดขึ้นมาในจิตตัวเองแล้วครับ จะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ก็ต้องลองดูกันซักตั้ง แต่ผมจะไม่ยอมแพ้มารในตัวเองคือ ผมจะคิดดีพูดดีทําดี(ด้วยใจและเจตนาของเราจริงๆ)สู้กับจิตที่คิดไม่ดีพูดไม่ดีทําไม่ดี(ที่แว๊บขึ้นมา)ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ และอีกอย่างคือผมจะระลึกถึงพระที่ผมเคารพเสมอๆเพื่อที่เราจะได้ง่ายผูกจิตไว้กับพระเพื่อเป็นการไม่ประมาทในการดําเนินชีวิตที่แล้วแต่ล้วนอนิจจัง ส่วนความคิดอกุศลผมก็ปลงแต่ไม่ยอมแพ้เอาความคิดดีพูดดีทําดีด้วยใจจริงและเจตนาที่ชัดเจนสู้กับมารในตัวอยู่เรื่อยๆและผมก็เป็นกาลังใจให้ทุกคนอย่าท้อแท้ในการทําดีนะครับแม้เราจะสกปรกเปอะเปื้อนมามากแค่ไหนแค่ขอให้เราพยายามล้างมันด้วยความดีอยู่เป็นนิจนะครับถึงแม้เวลาล้างสิ่งสกปรกมันจะกระเด็นเปอะเปื้อนมาบ้างแต่ถ้าเราพยายามแล้วที่เราก็จะสะอาดในที่สุดครับ เพราะความดีย่อมชนะความชั่วครับสําคัญคืออย่าท้อนะครับ เป็นกําลังใจให้ทุกคนเจริญในธรรมครับ เอ้าความดีสู้เว้ยเฮ้ย^^
     
  19. จิตกับใจ

    จิตกับใจ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    จิตคิดชั้วแว๊บๆกายกรรมนิดนึงแต่ล้วนไม่ชัดเจนด้วยเจตนา

    ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นคนที่เคารพพ่อแม่พระสงองค์เจ้าตลอดจนสิ่งศักสิทธ์ แต่ในขณะที่ผมกําลังสวดมนต์หรือกําลังคุยกับพ่ออยู่นั้นบางทีมันก็มีจิตอกุศลหรือจิตด่าเกิดคิดขึ้นมาในหัวโดยที่เราไม่ชอบสิ่งที่คิดขึ้นมานั้นเลยและไม่เคยคิดจะทําอย่างนั้นด้วย แต่เหมือนยิ่งไม่อยากให้เกิดมันกลับยิ่งเกิดหนัก ถ้าครั้งไหนสมาธิกดไม่อยู่มันก็จะหลุดคิดขึ้นมา ใครเป็นแบบผมบ้าง หรือใครที่คิดแล้วเหมือนกับจะมีกายกรรมร่วมด้วยนิดนึงแต่ไม่ชัดเจนหรือไม่ได้เจตนาบ้าง ก็ลองแชร์ประสบการณ์กันได้นะครับ ตอนนี้ผมก็เริ่มปลงกับความคิดไม่ดีที่ผุดขึ้นมาในจิตตัวเองแล้วครับ จะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ก็ต้องลองดูกันซักตั้ง แต่ผมจะไม่ยอมแพ้มารในตัวเองคือ ผมจะคิดดีพูดดีทําดี(ด้วยใจและเจตนาของเราจริงๆ)สู้กับจิตที่คิดไม่ดีพูดไม่ดีทําไม่ดี(ที่แว๊บขึ้นมา)ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ และอีกอย่างคือผมจะระลึกถึงพระที่ผมเคารพเสมอๆเพื่อที่เราจะได้ง่ายผูกจิตไว้กับพระเพื่อเป็นการไม่ประมาทในการดําเนินชีวิตที่แล้วแต่ล้วนอนิจจัง ส่วนความคิดอกุศลผมก็ปลงแต่ไม่ยอมแพ้เอาความคิดดีพูดดีทําดีด้วยใจจริงและเจตนาที่ชัดเจนสู้กับมารในตัวอยู่เรื่อยๆและผมก็เป็นกาลังใจให้ทุกคนอย่าท้อแท้ในการทําดีนะครับแม้เราจะสกปรกเปอะเปื้อนมามากแค่ไหนแค่ขอให้เราพยายามล้างมันด้วยความดีอยู่เป็นนิจนะครับถึงแม้เวลาล้างสิ่งสกปรกมันจะกระเด็นเปอะเปื้อนมาบ้างแต่ถ้าเราพยายามแล้วที่เราก็จะสะอาดในที่สุดครับ เพราะความดีย่อมชนะความชั่วครับสําคัญคืออย่าท้อนะครับ เป็นกําลังใจให้ทุกคนเจริญในธรรมครับ เอ้าความดีสู้เว้ยเฮ้ย^^
     
  20. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้มันก็เพลาลง ผมเจริญอาปานุสติตลอด ช่วยได้มาก กับขอขมา
     

แชร์หน้านี้

Loading...