"วินาไลนส์ควีน" ดิ่งสู่ก้นมหาสมุทร "ด้วยแรงดูดมหาศาล"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ธันวาคม 2554 10:27 น.

เรือวินาไลนส์ควีน (Vinalines Queen) ที่อ่าวนิวยอร์ก เรือสินค้าทันสมัยขนาด 54,060 ตันของเวียดนาม แล่นรับส่งสินค้าไปทั่วโลกผ่านมาแล้วทุกน่านน้ำ แต่มาจมลงในบริเวณ "ห้วงลึกมินดาเนา" ทางตะวันออกฟิลิปปินส์ในวันคริสต์มาสที่ผ่านมา 23 คนบนเรือเหลือรอดชีวิตเพียงคนเดียว เว็บไซต์การเดินเรือบางแห่งตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุอาจจะเกิดจากมีน้ำไหลเข้าไปในห้องเก็บสินค้าซึ่งเป็นแร่นิเกล 54,000 ตัน ทำให้น้ำหนักเรือเพิ่มขึ้นมหาศาลและถูกดูดจมลง.


ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ลูกเรือสินค้าเวียดนามที่รอดชีวิตจากเรือดิ่ง "สะดือทะเล" บอกกับครอบครัวของเขาทางโทรศัพท์ในวันศุกร์ 30 ธ.ค.นี้ว่า เรือสินค้า 56,000 ตันจมดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรแปซิฟิกในเวลาเพียงเสี้ยวนาที เหมือนมีแรงดูดมหาศาล และ ตัวเขาเองเป็นเพียงคนเดียวจากทั้งหมด 23 คนบนเรือที่ถกระโดดเกาะชูชีพได้ทัน

นายเดิ่วหง็อกหุ่ง (Đậu Ngọc Hùng) ลูกเรือวัย 31 ปี ที่รอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ โทรศัพท์จากสิงคโปร์บอกเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวใน จ.เหงะอาน (Nghệ An) ในภาคกลางตอนบนได้ทราบ ด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือหวาดผวาและร้องไห้ตลอดเวลา หนังสือพิมพ์ออนไลน์ซเวินเหวียด (Báo Dân Việt) รายงานในวันเสาร์ 31 ธ.ค.นี้

นายหุ่งใช้ชีวิตลอยคำในน้ำเป็นเวลา 5 วัน ก่อนเรือลอนดอนเคอเรจ (London Courage) เรือสินค้าสัญชาติอังกฤษไปพบในสภาพอ่อนระโหยและนำเขามุ่งหน้าสู่สิงคโปร์ในวันพฤหัสบดี ขณะนี้อาการกลับคืนเป็นปรกติแล้ว ซเวินเหวียดกล่าวโดยอ้างการบอกเล่าของสมาชิกครอบครัวนายหุ่ง

เจ้าหน้าที่บริษัทวินาไลนส์ได้ออกยืนยันเรื่องนี้ในวันเดียวกัน ระบุว่าเรือสินค้าของอังกฤษ ไปพบนายหุ่งลอยคอห่างออกไปกว่า 300 กม.จากบริเวณที่เรือวินาไลนส์ควีน (Vinalines Queen) ติดต่อกับไปยังกรุงฮานอยเป็นครั้งสุดท้าย

เจ้าหน้าที่ผู้นี้อ้างข้อมูลจากลูกเรือที่รอดชีวิตว่า ทั้งกัปตัน ลูกเรือและเจ้าหน้าที่บนเรือคนอื่นๆ จมลงสู่ก้นมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างรวดเร็วต่อหน้าเขาเองภายในเสี้ยวนาที และเขาไม่ทราบว่ามีคนอื่นๆ รอดชีวิตหรือไม่

นายเหวียนแองหวู (Nguyễn Anh Vũ) ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทวินาไลนส์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเดินเรือขนส่งสินค้าของเวียดนามให้สัมภาษณ์ในวันศุกร์ว่า ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำเรือวินาไลนส์ควีนจมครั้งนี้ และยังไม่ทราบจุดที่เกิดเหตุแน่ชัด แต่เชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีทันสมัย หน่วยค้นหากู้ภัยจากไต้หวันและญี่ปุ่นที่ปฏิบัติงานาต่อเนื่องติดต่อกันมาถึง 6 วัน จะสามารถระบุตำแหน่งของเรือได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะระบุตำแหน่งของเรือเคราะห์ร้ายได้แล้ว การกู้เรือกับทรัพย์สินต่างๆ อาจจะไม่สามารถทำได้ในความลึกขนาดนั้น นายหวูกล่าวอีกว่าบริษัทฯ ได้ประกันชีวิตให้ลูกเรือคนละ 40,000 ดอลลาร์ แต่ไม่ได้กล่าวถึงวงเงินประกันสำหรับเรือและสินค้า

 

ภาพจาก tugster.files.wordpress.com โดย John Watson ไม่ได้ระบุวันถ่าย เรือวินาไลนส์ควีน (Vinalines Queen) ที่อ่าวนิวยอร์ก เรือสินค้าทันสมัยขนาด 54,060 ตันของเวียดนาม

 

แผนที่จากข้อมูลดาวเทียมที่ตีพิมพ์บนเว็บไซต์หนังสือพิมพ์แถ่งเนียน แสดงตำแหน่งเรือวินาไลนส์ควีน ก่อนจะจมลง และเรือสินค้าลำอื่นๆ ในขณะเดียวกัน ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของโศกนาฏกกรรมที่เกิดกับเรือขนาด 54,060 ตันและลูกเรือชะตาขาดอีก 22 คนในขณะนี้ แต่ เว็บไซต์การเดินเรือบางแห่งตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเกิดจากมีน้ำไหลเข้าไปในห้องเก็บสินค้าซึ่งเป็นสินแร่นิเกล 54,000 ตัน ทำให้น้ำหนักเรือเพิ่มขึ้นมหาศาลและถูกดูดจมลง

 

นึกถึงพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนกเลยค่ะ...คนเราควรต้องช่วยตัวเองจนถึงที่สุดก่อนไม่ใช่มัวแต่วอนให้ขอให้เทพยดาท่านช่วย...นายหุงคนนี้ว่ายน้ำในมหาสมุทรในช่วงที่อากาศหนาวเหน็บขนาดนั้นได้ตั้ง 300 กว่ากิโลสุดท้ายความเพียรพยายามของเขาก็ไม่สุญเปล่าทำให้เขาเป็นลูกเรือคนเดียวที่รอดชีวิตคงพูดได้ว่า..รอดมาได้ด้วยความเพียรแห่งตนโดยแท้...ขอบคุณที่แชร์เรื่องนี้ให้ได้ทราบนะคะ...ทำให้เราเกิดอุดมการณ์ในการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้งงเราเองก็ต้องเตรียมกำลังใจตนเองให้ดีกว่านี้...และไม่ละความเพียรพยายามที่จะก้าวข้ามอุปสรรคชีวิตนั้นไปให่ได้เช่นกันค่ะ

 

ขอไว้อาลัยแด่ลูกเรือ M.V. Vinalines Queen จริงๆตัวเรือค่อนข้างใหม่นะสร้างเมื่อปี2005เอง ไม่น่าจะมีปัญหาจากตัวเรือเองเท่าไหร่ ภาพใน ECDIS ก็ไม่ปรากฏที่ตื้นอะไรเลย แถมน้ำหนักบรรทุกไม่ได้เกิน ที่แปลกคือปกติแม้ตัว hull ของเรือจะเสียหายหรือ cracking แต่กว่าจะ sink มันใช้เวลานานมากครับ ถ้า sink ไวขนาดนี้รอยรั่วต้องใหญ่มาก และรอยใหญ่ขนาดนั้นไม่น่าจะเกิดจากสาเหตุปกติ อาจเกิดจากการระเบิด หรือวัตถุขนาดใหญ่ชน เป็นเคสแปลกๆน่าสนใจเหมือนกัน แต่ว่าเรื่องเรือ sink หรือ capsize มีให้พอเห็นบ่อยพอสมควร ไม่น่าจะเกี่ยวกับภัยพิบัติเท่าไรนัก

ปล. ที่ลูกเรือรอดได้ต้องอึดอดทนสูงพอสมควร และโชคดีที่แถวนั้นเป็นเส้นทางที่เรือผ่านเยอะและอุณหภูมิน้ำไม่เย็นมากนักเมื่อเทียบกับทะเลแถบอื่น แต่ก็ทำให้เกิด hypothermia ได้อยู่ดี น่าแปลกใจว่าว่ายน้ำอยู่ได้อย่างไร5วันโดยไม่เกิดอาการดังกล่าว