ไม่ไหวแล้ว .. ข้อตั้งศาสนาใหม่นะกั๊บ "พุทธ-NT"

มันเป็นสิทธิมนุษยชนที่ ทุกๆคนก็พึงมีนะคะ
จะไปยึด ไปติดอะไรกับคำบอกกล่าวเล่า ถ้ามันไม่ถูกจริต แค่จิตตน
มีอีกหลายคนเปิดเข้ามาอ่าน แล้วก็ผ่านไป
อาจจะเพราะว่า
1. ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
2. เข้าใจในทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ยึดมั่น ถือมั่นดีแล้ว เมื่ออ่านแล้วก็จะผ่านไป ไม่จำเป็นต้องเก็บเอามาเป็นอารมณ์ เพราะมันไม่กระทบใจ

อ่านๆ ไปเถอะค่ะ
แต่ถ้าคิดว่าเข้ามาอ่านแล้วจะส่งเสริมเขาไปในแนวทางที่ผิด ก็ไม่ต้องเข้ามาอ่าน ดีกว่าจะเข้ามาสร้างกรรมกันต่อเนื่องไปอีก

 

เราว่าที่อามูทำไปนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า อามูเป็นคนเลวนะ อามูมีสิทธ์ที่จะคิด มีสิทธ์สงสัยนะ เราเองทุกวันนี้เราว่า ศาสนาพุทธของพวกเรา ได้เปลี่ยนไปนะ มีผสมกับ พวกพราหมน์ นิดๆ สังเกตุดูได้จากการทำพิธีกรรมต่างๆ เเละความเชื่อต่างๆ ซึ่งบางทีอาจทำให้เราเกิดความสับสนได้.เเต่หลักธรรมพื้นฐานต่างๆนั้นยังเป็น พุทธเเท้ๆอยู่.ทุกสิ่งต่างเกี่ยวพันธ์กัน ซึ่งพระสิทธัตถะได้ตรัสรู้ไว้เเล้ว เเต่ต้องยอมรับว่าเวลาผ่านไปหลายสิ่งหลายอย่างก็ได้เปลียนไป(บ้าง)
เราคิดว่าที่อามูเขียนไปคงไม่ได้มีเจตนาจะตั้งศาสนาใหม่ เเต่เราคิดว่าเขาต้องการค้นหาความจริงที่เขาอยากรูั ในเเบบของเขาเท่านั้นเองน่ะ เเต่เราว่าสุดท้ายเราว่าเขาคงมาพบจุดจบที่ศาสนาพุทธน่ะ เพราะศาสนาพุทธของพระสิทธัตถะน่ะ คือจุดจบ เเละคือ คำอธิบายความจริงของทุกๆอย่างเอาไว้




พระพุทธศาสนา คือชื่อเรียก ที่ให้ไว้สำหรับพระศาสนาของเจ้าชายสิทธัตถะ
ศาสนาของเจ้าชายสิทธัตถะ คือ ความจริงของธรรมชาติที่ถูกค้นพบ
ดังนั้น พระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่มาจากความจริงของธรรมชาติ

ความจริงของธรรมชาติ คิือ ความจริงที่บางคนก็ได้ค้นพบเเล้ว เเต่บางคนก็ค้นพบเป็นบางส่วน ยังรู้ไม่ทั้งหมด เพราะการที่จะรู้ทั้งหมด ต้องมีจิตที่สะอาดบริสุทธ์ เเละปราศจากกิเลสทั้งปวง

หลักธรรมของ พระพุทธเจ้า มิได้ถูกบัญญัติไว้ว่าห้ามลอกเลียนเเบบ เพราะมันเป็นความจริงทางธรรมชาติ ทุกคนมีสิทธ์รู้ เเละความจริงของธรรมชาติมิได้เป็นของพระพุทธเจ้า เเต่พระพุทธเจ้า ได้รับรู้ความจริงของธรรมชาติ.

 

เพี้ยนแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

 

แปลงร่างเป็นเซเลอร์มูนเลยๆ 555

 

ท่าน amu<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_560740", true); </SCRIPT> ขอรับ ข้าพเจ้าขอสมัครร่วมก๊วน NT กะท่านได้ป่าว ข้าพเจ้าคิดว่าเรามีความสนใจคล้ายๆกัน ทั้งเล่นเกมส์ออนไลน์ ทั้งทำ Dreamwaver ทั้งทำ Flash ทั้งแต่งภาพ Photoshop แถมเรายังใช้ email @MSN.com เหมือนกันอีกต่างหาก และอีกอย่างที่สำคัญมากเราอยู่ถนนสายเดียวกันด้วย อุ๊ไม่เอาไม่พูด

 

ฮ๊าย * * *ดีก๊ะ ดีจังเลย เรามาเซทอัพ - NT ของเรากันนะฮะ

ต่อไป ไม่ต้องพูดว่า "ศาสนาNT" หรือ "ลัทธิNT" อะไรแบบนี้เลยนะฮะ

แค่พูดว่า NT ก็พอ . . . .

ศีล5 อย่าตกนะฮะ /ใจเปิดกว้าง/พิสูจน์สิ่งที่เห็น/เชื่อมั่นในตัวเอง

NT = อยู่ในหัวใจของตัวเอง : ไม่มีวัตถุ,บุคคล,จินตนาการ ใดที่จะเป็นข้อผูกมัดของ NT ที่สำคัญ

อยู่อย่างสงบสุข+โลกสงบสุข กั๊บ

... สาธุ

 

อ้อ ที่สำคัญ หยุดเรียกผมว่า ท่านด้วยฮะ

"เคารพตนเอง ไม่ดูถูกผู้อื่น และไม่ยกตนข่มท่าน"

ดีที่สุดในจักรวาลแล้วฮะ

 

อ่อ ขอนิดนึง ท่าน เอ้ย คุณ amu ไหนๆก็ให้รักษาศีล เชื่อเรื่องธรรม ขอให้เชื่อเรื่อง "กรรม" อีกอย่างนึง จะได้สมบูรณ์

 

เอ้อ ลืมอธิบายเรื่องกรรมเลย

"กรรม" (บ่วง,การหมุนเวียน : Circulation ) NT - กรรม ,การวนกลับของการกระทำ,การสะท้อนสภาวะการกระทบของวัตถุ , การหมุนเวียน

- กรรม (ธรรม) คือสิ่งที่ "วัตถุ" , "สสาร" , "ผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ" นั้นถูกกำหนดโดยธรรมชาติด้วยปฏิกิริยา "การสะท้อน" (Reflection)โดยสมบูรณ์

- พิสูจน์ (ฟิสิกส์) : ทฤษฎีโมเมนตั้มด้วยหลักการคิดของวิชานี้ในระดับ "พืนฐาน" ก็สามารถพิสูจน์ได้ถึง "กรรม" โดยแน่นอน (โดยไม่จำเป็นต้องอ้างอิงถึงคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์" ... "แรงเท่าไหร่ไปเท่านั้น" , "ทำอะไรได้สิ่งนั้น"
ไม่ว่าจะ "ดี" หรือ "ร้าย" ขนาดใหน , "กรรม" ( Circulation ) การหมุนเวียน 100% ที่การหมุนเวียนกลับสู่ "ผู้กระทำ" โดยปราศจากการหลีกเลี่ยง หาก "ผู้กระทำ" และ "ผู้ถูกกระทำ" อยู่ในมิติเดียวกัน
มีความเป็นไปได้สูง ที่ กรรม จะได้ถูกชดใช้ในมิติเดียวกัน

- ร่องรอยที่เกิดจากกรรม
วัตถุทั้งทีมีวิญญาณ และไม่มีวิญญาณ ในมิตินั้นๆ หาก ถูกกระทำในมิติเดิมแล้ว "ยังเหลือความทรงจำ" ส่วนที่เหลือ ซึ่งเป็นผลจากการหมุนเวียนได้กระทำลงไปแล้วนั้น จะเป็น "ร่องรอย" ให้ปรากฏในมิติอื่นอีก

 

อย่าทะเลาะกันเลยคับ พี่น้อง

 

ตามดูจิตของตนเองและรักษาศีลมีสติตลอดจะไม่ร้อนรุ่มใจครับ

 

อามเป็นไรรึเปล่า

 

(b-oneeye) เพี้ยน

 

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ขออนุโมทนาให้กับทุกตน
ไม่มีใครถูก และไม่มีใครผิด
ถูกคืออะไร
ผิดคืออะไร
รูปคืออะไร
ว่างเปล่าคืออะไร
ขอให้ทุกท่านจงอยู่อย่างมีสติบนเส้นทางแห่งเวลา

 

"สัจจะ"...จะบอกตัวของเรา...บอกความจริงต่างๆ ....เมื่อถึงเวลา...สัจจะ จะบอกเราเอง
ขอให้มี "สัจจะ" !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน...คือ พึ่งการกระทำของตนเองที่ได้ทำไปแล้ว....
คือ พึ่งการกระทำจาก "สัจจะ"... เป็นกรรมเที่ยง
ถูก...คือ ไม่ผิด...คือ ความจริง....คือ ความเที่ยง...เป็นทางตรง
ผิด.... คือ ไม่ถูก ไม่จริง ไม่ตรง ไม่เที่ยง... เป็นทางคด ทางวน ทางหลง
รูป คือ ....สิ่งที่เห็นๆ
ว่าง...เปล่า....คือ ไม่มี สูญสิ้น หายไปหมด
แต่....นิพพาน...ไม่สูญสิ้น ไม่สูญสลาย คงอยู่ตลอดไป !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พุทธ-NT ขำคับ เขาไป window vita แล้ว ระวังเจอไวรัสนะ 5555555555

 

เป็นความคิดส่วนบุคคล ไม่มีผิด นานาจิตตัง
ขอให้พบความจริงแท้แน่นอนครับ คุณ อามู
ขออนุโมทนาจากใจครับ

 

สวัสดีครับ

จะคิดยังไงก็เอาเหอะครับ แต่ว่า นักวิทยาศาสตร์ที่คุณเอ่ยถึง นั้นล้วนแล้วแต่ นับถือศาสนา พุทธ เป็นศาสนาสุดท้ายทั้งนั้น อย่างเช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ รู้รึเปล่าเพราะอะไร นั้ นก็เพราะ ว่า เมื่อเขาได้ทำการทดลองจนประสบความสำเร็จแล้ว เขาได้สำผัสกับศาสนาพุทธ เขาก็ได้รู้ว่า พระพุทธเจ้า ได้คิดค้นมาหมดแล้วนั้นเอง เพียงแต่ว่าสมัยนั้น จะ มีสูตรสมการอลังการหรืออย่างไร

อีกอย่าง จากการศึกษาอะตอม มันไม่สามารถมองเห็นได้ก็คือไม่มีตัวตน คนเรา สิ่งของ จักรวาล ก็มาจากอะตอม ในเมื่อะตอมไม่มีตัวตน แล้วเราละ สิ่งของละ จักรวาลละ ก็ไม่มีตัวตน นั่นเป็นสิ่งที่คิดได้ในสมัยพุทธกาล เพียงแต่ พระพุทธเจ้าไม่ณู้จะสอนยังไง จะให้แก้สมการให้เข้าใจคงยาก เลยเลือกสรร วิธีที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดมาสอน นี่เป็นเพียงความคิดของผมนะ ใครจะด่าว่าก็ไม่ว่ากัน บาย เอ้อลืมบอก ยังไงเราก็คนไทยด้วยกันนะครับ ถึงจะคนละศาสนา คนละละทธิ แต่ก็คือคนไทยรักกันเข้าไว้ครับ ถึงไม่ใช่คนไทยก็เป็นเพื่อร่วมโลก ร่วมสายพันธิ์ กันนะครับ มนุษย์อาจสูญพันก็ได้นะใครจะรู้

 

มองให้เห็น แยกให้ออก อันไหนเป็นเปลือก อันไหนเป็นแก่น อันไหนเป็นกระพี้
ของที่มีอยู่ก็ดีอยู่แล้ว ต้องใช้ปัญญา และพิจารณาให้ลึกๆ แล้วจะรู้เองนั่นแหล่ะ
(*)