ห่วงใส่เนื้อหา รธน.ไม่ครบประเด็น

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">ห่วงใส่เนื้อหา รธน.ไม่ครบประเด็น
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายเสรี สุวรรณภานนท์ รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกจะจัดพิมพ์เสร็จในวันที่ 26 เม.ย.นี้ จากนั้นจะมอบให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปเผยแพร่ ให้ประชาชน และนำเข้าสภาร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาในวันเดียวกัน เมื่อมอบไปแล้ว ก็ให้ทุกองค์กรนำเสนอความเห็นกลับมายัง ส.ส.ร.ภายใน 30 วัน ในช่วงนี้องค์กรใดหรือกลุ่มใดที่ต้องการเสนอแนะ ให้มีการแก้ไขหรือ ใส่เนื้อหาสาระอะไรในรัฐธรรมนูญ ก็ยังสามารถเสนอความเห็นได้อยู่ อาจเสนอไปยังองค์กรต่างๆ ทั้ง 12 องค์กร ที่จะต้องไปรับฟังความเห็น จากนั้นเมื่อพ้น 30 วันแล้ว ส.ส.ร.ก็จะแปรญัตติเข้ามา ว่าควรจะเติมหรือปรับแต่งตรงมาตราใดบ้าง ต่อข้อถามว่าขณะนี้เป็นห่วงในเรื่องใดมากที่สุด รองประธาน ส.ส.ร.ตอบว่า ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามขั้นตอน แต่ห่วงว่าเมื่อฟังประชาชนมาแล้ว จะสามารถนำสิ่งที่ประชาชนต้องการมาใส่ได้ครบทุกประเด็นหรือไม่ อาทิ ถ้าประชาชนต้องการให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง แต่กรรมาธิการยกร่างฯยังเขียนให้มาจากการสรรหา รวมไปถึงการใส่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ที่กำลังเป็นหัวข้อผลักดันของบางกลุ่มอยู่ในขณะนี้ อาจนำมาซึ่งปัญหาในอนาคตได้

กลุ่มมัชฌิมาโหนกระแสพุทธศาสนา
นายโสภณ เพชรสว่าง อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ แกนนำกลุ่มมัชฌิมา กล่าวว่า กลุ่มมัชฌิมาได้ประเมินถึงเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ ที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยเห็นว่าควรจะบรรจุเนื้อหาให้ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจะไม่เกิดความแตกแยก เพราะในประเทศมาเลเซียก็ระบุว่า ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ทราบว่า มีพระจำนวนมากเริ่มเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าว และหากไม่บรรจุว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ ก็จะเกิดปัญหา

นายโสภณกล่าวว่า กลุ่มมัชฌิมาไม่เห็นด้วยกับการสรรหา ส.ว. แต่ควรมาจากการเลือกตั้ง เพราะอำนาจต้องมาจากประชาชน การที่สภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นห่วงว่าจะได้สภาผัวเมียนั้น ในการเลือกตั้ง ส.ว.ปี 2549 พบว่ามี ส.ว.ที่เป็นภรรยาหรือสามีนักการเมืองเพียง 19 คู่ เท่านั้น ซึ่งต้องให้สิทธิเสรีภาพกับคนที่ได้รับเลือก และที่เป็นปัญหาเพราะการกำหนดให้ ส.ว.ไม่สามารถหาเสียงได้ จึงได้แต่คนที่อยู่ในการเมืองที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ดังนั้น หากไม่ใช้ระบบเลือกตั้ง ส.ว. ก็ไม่ควรมี ส.ว.อีกต่อไป
นายโสภณยังกล่าวถึงกรณีที่ คมช.ตั้งข้อสังเกตถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มอำนาจเก่า ในช่วงที่ตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรค และการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญว่า ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และพื้นที่ใกล้เคียงยังไม่มีการเคลื่อนไหว มีแต่คิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ และอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่หากจะมีการเคลื่อนไหวคงเป็นรูปแบบของกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่อาจแฝงในรูปแบบเครือข่ายกลุ่มอีสาน ผ่านการเรียกร้องในเรื่องต่างๆ เมื่อถามว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ได้หารือถึงแนวทางรับมือหรือไม่ หากพรรคไทยรักไทยถูกยุบและมีผลต่อกรรมการบริหารพรรค นายโสภณตอบว่า สถานการณ์นี้ยังไม่เกิดขึ้น แต่นายสมศักดิ์ประเมินว่าตามข้อกฎหมายแล้ว ไม่น่าจะถึงขั้นตัดสิทธิกรรมการ บริหารพรรค เพราะคดีเกิดขึ้นตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับก่อน ดังนั้น การออกกฎหมายย้อนหลังจะมาใช้บังคับไม่ได้ แต่ถ้าถูกตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ทั้งพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าจะเกิดผลกระทบต่อความไม่พอใจ และอาจส่งผลต่อการคัดค้านไม่ส่งผู้สมัครลง ส.ส.ได้ โดยกลุ่มต่างๆก็อาจต้องพิจารณาด้วยการเว้นวรรค เพราะสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มั่นคง และรัฐธรรมนูญที่มีเป้าหมายทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง

กลุ่มพระบุกรัฐสภาร้องหารัฐธรรมนูญ
เย็นวันเดียวกัน ได้มีพระสงฆ์และฆราวาสกว่า 1,000 คน เดินทางมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ โดยมีพระมหาโชว์ ทสฺนีโย ผอ.ส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นแกนนำ
พระมหาโชว์กล่าวว่า ศาสนาอิสลามมีกฎหมายรองรับถึง 6 ฉบับ แต่ศาสนาพุทธที่มีคนนับถือถึง 95% ของประเทศ กลับไม่มีกฎหมายมารองรับแม้แต่ฉบับเดียว ส่วนที่มีผู้วิจารณ์ว่าจะทำให้เกิดความแตกแยกนั้น ยืนยันว่าพระพุทธศาสนาไม่เคยทำให้แตกแยก ที่ผ่านมาเป็นเรื่องน่าเศร้าที่มีแต่ชาวพุทธด้วยกันเองที่คัดค้าน เพราะแม้แต่นายดำรง พุฒตาล ส.ส.ร.สายมุสลิม และนายกีรติ บุญเจือ ส.ส.ร. ซึ่งเป็นชาวคริสต์ ก็ยังเห็นสมควรที่จะบัญญัติว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และการที่มีชาวพุทธซึ่งมีจิตใจที่บริสุทธิ์มาชุมนุมครั้งนี้ อย่าคิดว่าจะเป็นเหตุให้มีการปฏิวัติซ้อน เพราะถ้าทำเช่นนั้นท่านก็คงอยู่ไม่นาน และไม่ใช่พระสงฆ์หรอกที่จะมาเชิญท่านออกไป แต่คนไทยทั้งประเทศคงไม่ยอม ทุกวันนี้รัฐบาลสอบตกเรื่องเศรษฐกิจอยู่แล้ว อย่าต้องสอบตกเรื่องศีลธรรมอีกเลย สำหรับการชุมนุมในครั้งนี้จะปักหลักปฏิบัติธรรมอยู่หน้ารัฐสภา เพื่อรอยื่นหนังสือวันที่ 19 เม.ย.นี้ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา : http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=43903

 

ธรรมะปฏิสันถาร / พระราชวิจิตรปฏิภาณ
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=78157


เรื่องพระสงฆ์และพุทธที่ชุมนุม ที่ว่า