ประสบการณ์ ในการติดต่อ สนทนา สอบถาม กับ เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขา

ขอบคุณมากครับ ที่มาให้ความรู้ดีดี

 

จิตยึดติดวนเวียนไม่ไปผุดไปเกิด เลยจุติทันทีแบบ "โอปาติกะ"
ในที่ๆ ตายบ้าง ที่ๆ จิตยึดบ้าง หากไม่ทันที่ยมฑูต จะพาไปนรก
หรือเทวฑูตพาไสวรรค์ (กรณีทำดี) จำต้องวนเวียนอยู่อย่างหิวโหย
ไปแบบนี้นานเท่าใดหนอ จึงได้ไปผุดไปเกิด และพ้นห้วงทะเลทุกข์?


อนึ่ง พรหมณ์อยู่ได้ด้วยปีติคือฌานเป็นอาหาร จากนั้นเสื่อมลงก็อุบัติ
เป็นมนุษย์ยุคแรกไม่มีแบ่งเพศบนโลก มนุษย์นั้นแรกๆ กินปิตีคืออาหาร
ด้วยการเข้าฌานบ้างตามวิสัยเดิมที่เคยชิน ไม่มีการถ่ายอุจจาระ

เมื่อเกิดง้วนดินแล้วจึงเริ่มกิน และเริ่มถ่าย ความเสื่อมมากขึ้นก็แปลก
แยกแตกต่างเป็นชายหญิงแล้วการร่วมเพศและการท้องก็เริ่มขึ้น
จกานั้นจึงเสื่อมลงไปตามลำดับ

ดาวอังคารมีมนุษย์แรกเริ่มถือกำเนิด ที่นั่นคือ โลกธาตุใหม่ มนุษย์ดาว
อังคารกินพลังงานเป็นอาหาร ซึ่งก็คือ ปีติ อาศัยอยู่ใต้พิภพดาวอังคาร

การกินพลังงานเป็นอาหารนี้ ดวงจิตทุกดวงก็คือพลังงานจึงรับพลังงาน
แบบนี้ไปหล่อเลี้ยงตน เมื่อจุติก็เข้าเซลปฏิสนธิด้วยดวงจิต มิใช่ดวงวิญญาณ
หรือกายทิพย์อย่างที่หลายท่านเข้าใจ (พระพุทธองค์ไม่ให้เทศน์ผิดแบบนี้)
เพราะวิญญาณไม่ใช่อาตมัน จึงไปได้เพียงดวงจิต แล้วดวงจิตก็ดึงพลังงาน
เข้ามาสร้าง "รูปขันธ์" จากสังขารขันธ์ ให้มีความคล้ายกันเพื่อควบคุมร่างนั้น
ก่อเกิดเป็นวิญญาณ ตามหลักปฏิจสมุทบาท ที่วิญญาณเกิดทีหลังสังขาร
และวิญญาณสลายลงเมื่อตายเหลือแต่จิต แล้วเกิดการอุบัติใหม่ทันที

ทว่า ดวงจิตจำนวนมาก อุบัติบนโลกแบบ "หลงทาง" อยู่นานแสนนาน...


*จากบางส่วนจากข้อมูลการสื่อจิตของกัลยาณมิตรท่านหนึ่งโปรดใช้วิจารณญาณ

 

(ต่อ)
เจ้าที่อีกประเภทหนึ่งที่พบมากเช่นกัน ในบ้านหรือใบริเวณบ้าน อาจจะเป็น พญาครุฑ พญานาค มังกร งูทอง เต่าทอง ฯลฯ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านของผู้มีบุญ คนถือศีลปฏิบัติดี โดยเฉเพาะ บ้านที่มีพญานาคเข้ามาอยู่ด้วย จะดีที่สุด เพราะในพุทธกาลเมื่อ พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ มีพญานาคชื่อมุจจรินทร์ ปรากฏกายปกป้องพระพุทธองค์ จนปัจจุบันเรียกว่า ปางนาคปรก

ก่อนถึงกาลแห่งนิพพาน พระพุทธองค์ ทรงมอบหมายให้เทวดา และนาค ช่วยกันดูแลรักษาศาสนาของพระองค์ จากกึ่งพุทธกาลให้ยืนยาวออกไป ถึง 5000 ปี ดังนั้น ต่อมาจึงมีเทวดา และนาคมาเฝ้าวัด โดยเราจะเห็น รูปปั้นเทวดา ติดตั้งอยู่ในที่สูง และรูปปั้นพญานาค ติดตั้งอยู่ในที่ต่ำ เช่น หัวบันได ชายคาโบสถ์ และซุ้มประตูของวัดทั่วๆไป

บ้านใดที่มีนาค พญานาคมาอยู่ในบ้าน ก็เท่ากับว่า ที่บ้านนั้นเป็นวัด
เจ้าของบ้านนับว่า มีบุญยิ่งนัก บ้านเช่นนี้ ผู้ที่มาอยู่อาศัย จะสงบ สุข
สะบาย ถือศีล และถ้าใครสักคนที่อยู่ในบ้านเช่นนี้ ต่อมามีอาการร้อน นอนในบ้านไม่สะบาย ไม่อยากเข้าบ้าน ก็แปลว่า เขากำลังกระทำสิ่งที่เรียกว่าผิดศีล

 

ในหลายกรณี มีผู้คนนอกจากจะนับถือกราบไหว้ พระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ผู้ซึ่งได้ดับขันธ์เข้าพระนิพพานไปแล้ว จะบูชา รูปภาพ รูปปั้นพระเกจิอาจารย์ พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี เช่น หลวงปู่ทวด แห่งวัดช้างไห้ หลวงปู่โต พรหมรังสี หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สมเด็จเตี่ย รัชกาลที่5 พระพุทธเจ้าหลวงฯลฯ ทั้งนี้ด้วยจุดประสงค์ที่จะให้คุ้มครองบ้าน ให้คนในบ้านมีความสุข อยู่สะบาย

ปัญหามีอยู่ว่า จะทำอย่างไร จึงจะให้ ความหวังที่ว่านั้นสัมฤทธิผล

 

รูปปั้น รูปภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูป เกจิอาจารย์
พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี รวมทั้ง ร.5 พระแม่กวนอิม พระแม่ธรณี
หลวงปู่สังกัจจายน์ หลวงปู่สีวลี
ที่เชื่อ่กันว่า จะช่วยในด้านโชคลาภ ค้าขายเจริญ

พระแม่ลักษมี พระนารายณ์ พระพรหม พระพิฆเนศวร ฯลฯ
จะอยู่ คนละหิ้ง ของพระพุทธ โดยต้องแยก เป็นหิ้ง ของ พุทธะ
หิ้งของ ฮินดู
หิ้งของเทพฝ่ายจีน

การปฏิบัติให้ได้ผลให้ทำดังนี้
ผู้ที่ มีพลังจิต หรือพลังสัมผัสได้ จะได้เปรียบในการจัด

ให้สวดมนต์ นะโม ครบ 3 จบ
ตั้งจิตถามว่า ท่าน (รูปภาพ รูปปั้น สิ่งที่เป็นตัวแทน)
ชอบทิศไหน ในการหันหน้า

แล้วลองหมุนสิ่งนั้น วนไปทางซ้าย
แล้วสังเกตุ จาการหายใจ ของตัวเรา
เราจะพบว่า มีการโล่ง หายใจสะบาย ตัวรู้สึกเย็นสะบาย
หรือ รู้สึกอาการหนัก หายใจไม่ออก สลับกันไป

ให้หมุนไปจนกว่า จะสะบาย หายใจคล่องที่สุด
เหมือน เราหมุนจูนคลื่นวิทยุ จากที่ไม่ค่อยชัดจนชัดที่สุด
ให้หมุนทุกองค์ ทุกชิ้น ที่ อยู่ ณ ที่นั้น
จนครบ

ไม่ต้องสนใจว่า บางองค์เมื่อหมุน มาอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด
อาจจะหันเข้าข้างฝา
เพราะในมิติของพลัง ไม่มีฝา เป็นอวกาศโล่ง

เมื่อหมุนทุกองค์จนโล่งครบ
จะพบว่าบรรยากาศ ณที่นั้น จะเย็นสะบาย
หายใจคล่อง มีพลังเย็นที่จะ ทำให้โล่ง หายใจสะดวก
แก้โรคระบบหายใจได้ดี
ที่สำคัญที่สุด คือ จะเป็นพลังแห่งโชคลาภ
ถ้าสถานที่นั้นเป็น บ้าน
บ้านนั้นก็จะอยู่สะบายมากๆๆ

ถ้าสถานที่นั้น เป็นร้านค้า
จะทำให้ค้าขายดี เจริญมากกว่า เดิม 2-3 เท่า
ทุกคนที่ข้าพเจ้าได้แนะนำไป และปฏิบัติตาม
ได้ตอบกลับมาว่า เป็นจริง
ดังนั้นผู้ที่ต้องการให้บ้านอยู่สะบาย
ให้ร้านค้ากิจการเจริญ สมควรที่จะทดลองหมุนให้โล่งตามที่ได้บอกไว้
เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก และไม่ใช้เวลามาก

 

จาการหมุนให้เกิดการหายใจโล่งทุกองค์
เท่ากับสิ่งนั้นบอกว่า ทางออกของพลังนั้นโล่ง
ส่งพลังออกไปได้สะดวก เหมือน หายใจสะดวก

และทุกครั้ง จะพบว่า หลังการหมุน หาตำแหน่งที่หายใจโล่ง
สิ่งเหล่านั้นจะไม่มีทิศทางที่ชนกัน หันหน้า วนออกเป็นวงกลม

ที่สำคัญเมื่อหมุนวนได้ที่แล้ว ต้องบอกคนในบ้านว่า อย่าแตะต้อง
เพราะอาจจะมีผู้ที่หวังดี มองเห็นการวางที่แปลกๆๆ
ก็จะเอามาเรียงใหม่ ทำให้ต้องมาเสียเวลาในการหมุนใหม่

เมื่อรู้ว่า พลังของ สิ่งที่เคารพบูชา ต้องออกด้านหน้า
จึงควรที่จะเริ่มต้น ที่จะตั้งพระพุทธรูป ทุกปางที่มีอยู่ก่อน
ให้เรียงแถวมายังเรา ผู้กราบไหว้ ที่อยู่ด้านหน้า

พระพุทธรูป ทุกองค์ ไม่ว่า ปางใด ก็คือ สิ่งเดียว ทิศเดียวกัน
เมื่อมาวางเรียงเป็นการเริ่มต้นก่อน ก็จะเป็นการเริ่มต้นที่ดี
โดยไม่ต้องหมุน หาทิศของการหายใจโล่งก่อน

เมื่อเสร็จแล้ว จึงค่อยหมุน รูปบูชาอื่นๆๆ
จะพบว่า ไม่มีรูปใดที่จะมีทิศมาตัดกับ ทิศของพระบูชาที่ได้ตั้งต้นไว้
โดยจะหันออก เฉียงไปหมด

ผู้ใดที่ ไม่มีจิตสัมผัส ไม่เข้าใจเรื่อง การที่ตัวเมื่อหมุนแล้วเกิดการหายใจโล่ง ก็ไม่ต้องตกใจ
ให้ตั้งพระพุทธรูป เรียงหน้าไว้ก่อน
แล้วให้ตั้งรูปอื่นๆๆ โดยมีทิศ เฉ กันไปที่ละน้อย
เหมือนเรามีไฟฉายในมือ หลายสิบกระบอก
หมุนอย่างไร จึงจะไม่ให้ แสงไฟฉายออกมา ตัดกัน แขวะกัน
ก็นับว่า ใช้ได้ แล้วคอยดูผล ว่า
บ้านอยู่สะบายขึ้นใหม
ค้าขายดีขึ้นใหม
น่าจะลองดู แล้วจะเห็นว่า เป็นจริง

 

ในหลักการเรื่องการส่งออกพลังและอำนาจกฤติยา
ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้เอง
ในการแขวนพระเครื่องที่ห้อยคอ ( ผู้ชาย)
กลัดที่หน้าอก ในกระเป๋า (ผู้หญิง)

จึงห้ามใส่ในพวงเป็นกระจุก ห่วงเดียว 4-5 องค์
พลังจะไม่ออก ไม่ให้ คุณ เพราะ ท่านส่งพลังไม่ออก
จะช่วยเราไม่ได้

ผู้ที่รู้จึงทำสร้อย คอ ยาว มีห่วงเล็กๆๆติดตามระดับที่ต่างกัน
เมื่อห้อยพระเครื่อง ทิศทางของพลังพระเครื่อง จะไม่ชนกัน
อำนาจจึงออกมาช่วยคนได้เต็มที่

ปกติบรรดาพระเครื่องที่ห้อยคอ
ก็ต้องการทิศที่โล่งเพื่อการจ่ายพลัง
เช่นเดียวกับ พระบูชาที่ตั้งที่บ้าน
แต่เมื่ออยู่กับตัวคน
คนที่ขยับเดิน หมุนซ้ายหมุนขวา ทิศทางสาระพัดที่จะเปลี่ยน
จึงไม่มีปัญหา ต้องวัดดวงกันว่า ขณะที่เกิดเหตุ ร้าย
เราบังเอิญหันท่านไปทางใด โป๊ะเช่ะ หรือเปล่า

อีกอย่างหลังจากที่ทดลองหมุน เดี่ยว
จะพบว่า พระเครื่อง จะทำให้เราหายใจโล่ง
เมื่อเราหันท่านไปยังทิศที่ท่านมา

เช่น หลวงปู่ทวด จะหันไปทางทิศใต้ ( ปัตตานี)
เมื่อเราเดินทางไปใต้ ก็ โอเค
แต่เมื่อเราเดินทางไปทิศเหนือ ที่เป็นทิศตรงข้าม
เราก็ต้องใส่แขวนท่านกลังหลัง ให้หลวงปู่ท่านหันลงสู่ทิศใต้

ถ้าแขวนพระพุทธชินราช ซึ่งอยู่ทิศเหนือ
ถ้าเราไปเหนือก็ โอเค แต่ต้องกลับท่านเมื่อเดินทางลงใต้

องค์อื่นๆๆ
หลวงพ่อ โสธร หลวงพ่อสด หลวงปู่ศุข หลวงพ่อปาน หลวงปู่โต
ก็ให้เป็นไปตามทิศทางนั้น
จะได้ ความปลอดภัยมากที่สุด

เป็นอันจบตอนแรก "เรื่องเจ้าที่"
ต่อไป จะเป็นตอน"เจ้าทาง" ตามด้วย

"เจ้าป่า"
"เจ้าเขา"
"เจ้าพ่อ"
"เจ้าแม่"

ขอบคุณที่อุตส่าห์ มาตามอ่านเรื่องเล่าที่ค่อนข้างยาว
คงจะว่ากันเป็นเดือน

เรื่องนี้ เป็นวิทยาศาสตร์ลึกลับ
ข้าพเจ้า เอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง
ผู้ที่ สัมผัสได้ก็จะเข้าใจ
ผู้ที่สัมผัสไม่ได้ ไม่ต้องมาต่อว่า มาป่วน
และไม่ควรจะเข้ามาอ่านกระทู้นี้
ซึ่งเมื่ออ่านก็ไม่ชอบใจ เกิด อารมณ์ ที่ไม่สุนทรีย์
และทนไม่ได้ ที่จะต้องมาป่วน
ขอให้เป็นตามนั้น นะครับ

The Third Eyes

 

วิธีการหมุนหาทิศ ตามที่อาจารย์ได้สอนนั้น
ผมลองมาทำดูแล้ว ได้ผลดีตามที่อาจารย์ว่า
แต่ยังไม่ได้ผลเต็มที่ เพราะผมยังตั้งวางทิศไม่ครบทุกองค์
เอาไว้ตั้งครบทุกองค์ จะมารายงานผลให้ทราบครับ

 

อย่าว่าแต่สนทนากับกับเจ้าที่ เจ้าทาง เลยครับ
อาจารย์ยังสามารถสื่อติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้ด้วย
จากงานวันที่ 13/5/50 UFO ได้มาปรากฏให้สมาชิก ได้ถ่ายรูป
ยืนยันการมาปรากฏตัว ครับ

ลองแวะเข้าไปชมกันนะครับ ที่กระทู้นี้

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=76231&page=58

 

วันนั้น UFO มาจริงๆ..อ.อาชวิน ( The Third Eyes) ท่านสื่อนัดหมายล่วงหน้าได้จริงๆครับ..คนไทยเราทำได้ไม่ต้องพื่งเครื่องมือใดๆ นอกจากจิตครับ..แวะเข้ามาอ่านเรื่องราวจากผู้รู้จริงอีกท่านหนึ่งด้วยกันครับ..ขออนุโมทนากับ อ.อาชวินด้วยครับ เหตุการณ์วันนั้นน่าทื่งจริงๆนะครับพี่เม้าท์..*-*

 

ขอบคุณครับ

 

น่าทึ่งจริงๆ ครับ คุณ mead
ทีแรกนึกว่าจะไม่เห็นอะไร แต่พอยกมือขึ้น
เพื่อสัมผัสพลัง ปรากฏว่ามีพลังเข้ามามาก
แสดงว่า UFO มาจริงๆ และยังอยู่บริเวณนั้น
สมาชิกจึงพากันยกกล้องขึ้นถ่าย ทั้งวิดีโอ และภาพนิ่ง
ได้ภาพปรากฏมาตามที่เห็นนั้นแหละครับ

 

ผมเห็นว่าการใส่พระเครื่องแล้วเดินไปทางนี้ต้องห้อยกลับหลังนะ ทางนี้ไม่ต้องนะ ผมเห็นว่ามันเป็นการไม่จำเป็น เพราะถ้าพระอยู่ในคอเราแล้ว พระพุทธธานุภาพก็ย่อมคุ้มครองเราเป็นธรรมดา โดยเฉพาะคนที่มีศีล

 

วัตถุมงคลที่ผู้คนบูชา แยกได้หลายประเภท
1. พระพุทธรูป ตัวแทนของพระพุทธองค์ พลังมีทั่วจักรวาล ดังนั้นจะแขวนได้ทุกทิศ เพราะพระองค์อยู่ในทุกสถานที่ ทุกอณูอากาศ จึงไม่เกี่ยวกับทิศ ว่า จะกลับหลังหรือไม่ พลังของพระองค์คือ พุทธบารมี (แสงสีม่วง)

2. รูปอื่น เช่น หลวงปู่ทั้งหลาย หลวงพ่อทั้งหลาย มีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังเทียบไม่ได้กับพลังของพระพุทธองค์ และมีอำนาจอภิญญาในทางโลกียะ
เช่น คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ ฯลฯ จากการสัมผัส จึงรู้ว่า ถ้าเราหันท่านไปทางที่ท่านมา ท่านเกิด พลังจะสูงสุด เหมือนกับที่ ชาวมุสลิม เวลาสวด มนต์จะต้องหันหน้าไปยังเมกกะ

 

วัตถุมงคลที่ผู้คนบูชา แยกได้หลายประเภท
1. พระพุทธรูป ตัวแทนของพระพุทธองค์ พลังมีทั่วจักรวาล ดังนั้นจะแขวนได้ทุกทิศ เพราะพระองค์อยู่ในทุกสถานที่ ทุกอณูอากาศ จึงไม่เกี่ยวกับทิศ ว่า จะกลับหลังหรือไม่ พลังของพระองค์คือ พุทธบารมี (แสงสีม่วง)

2. รูปอื่น เช่น หลวงปู่ทั้งหลาย หลวงพ่อทั้งหลาย มีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังเทียบไม่ได้กับพลังของพระพุทธองค์ และมีอำนาจอภิญญาในทางโลกียะ
เช่น คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ ฯลฯ จากการสัมผัส จึงรู้ว่า ถ้าเราหันท่านไปทางที่ท่านมา ท่านเกิด พลังจะสูงสุด เหมือนกับที่ ชาวมุสลิม เวลาสวด มนต์จะต้องหันหน้าไปยังเมกกะ
ที่เล่าไป เป็นข้อมูลเพื่อความรู้ถึงความลึกลับ ไม่ได้ บอกว่าให้ใส่พระเครื่อง กลับหน้า กลับหลัง บอกได้แต่ว่า ถ้าทำได้ จะ ได้ คุณสูงสุด

 

(ต่อ)

เจ้าทาง

โดยปกติ แผ่นดินหรือภูมิประเทศ จะประกอบด้วย พื้นดิน ป่าเขา ลำเนาไพร ชุมชนเมืองกระจายกันไป
ชุมชนเมืองจะมีผังเมือง มีถนน มีตรอก มีซอกมีซอย มีทางเดินย่อยกระจาย
ส่วนที่เป็นที่ดินเป็นแปลงๆๆ มีโฉนด ก็จะมี "เจ้าที่"ดูแล ตามที่ได้บอกเล่าไปแล้ว
สิ่งที่เหลือ คือ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าพ่อ เจ้าแม่

ในดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล ถ้ามีผู้คนนับถือ สิ่งศักดิ์สิทธิใดเป็นจำนวนมากและได้ทำมานาน แถบนั้นบริเวณนั้นก็จะมีสิ่งศักดิ์นั้น ดูแลรักษา
เช่นตลอดเกาะภูเก็ตจะมีพลังของ ท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทรดูแล
พื้นที่นครราชสีมา ก็จะมีพลังของ คุณย่าโมดูแล
ภาคเหนือตอนบน จะมีพลังของ ครูบาศรีวิชัยดูแล
ภาคเหนือตอนล่างจะมีพลังของ พระพุทธชินราชดูแล
ภาคใต้ตะมีหลวงปู่ทวด แห่งวัดช้างไห้ ดูแล
ฯลฯ
และทั้งประเทศไทย จะมีพระสยามเทวาธิราชดูแล

ที่เป็นดังนี้ เพราะ สิ่งศักดิ์นั้นเมื่อได้เกิดขึ้น
เมื่อมีผู้คนพากันศรัทรา ก็ย่อมน้อมจิตส่งไปด้วย
บารมีของท่านก็จะเพิ่มมากขึ้น ตามกาลและเวลา

ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่พวกเราชาวไทยทุกคน
พากันจุดเทียนพร้อมกันถวายพระพรให้แก่องค์พระประมุข
ให้แก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพิเศษ วันพระราชสมถพ

วันที่ 5 ธันวาคม ยิ่งขณะนี้ ครบรอบ 80 ปี
ยิ่งนับวันจะยิ่งใหญ่ขึ้น
และพระองค์ก็ได้ทรงคืนมาให้ โดยการโบกพระหัตถ์ บนช่องสีหบัญชร
หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า
ตามบันทึกภาพที่พวกเราได้เห็นกันมาแล้ว

 

ในเขตโบราณสถาน ที่มี พระปรางค์ เจดีย์ ปราสาทหิน ประสาทขอมในแถบอิสานใต้ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อบูชาองค์เทพ และมหาเทพ ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแล มีอำนาจ มีอภิญญามหาศาล

เมื่อเราไปเที่ยวชมสถานที่เหล่านั้น เมื่อผ่านรูปจำหลัก รูปแกะสลัก ตาม ข้างเสา ตามหน้าบันเหนือประตู
คนที่มีจิตสัมผัสไว ก็จะรู้ได้ว่า มีพลังมหาศาล และบางครั้งเทพ นั้นก็แสดงตัว โดยการเรืองแสงเป็นดวง ถ่ายรูปติดเป็นข่าวอยู่เสมอ

ตามไร่นาสาโท สวนและเกษตรกรรมโดยกว้างก้จะมี พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระแม่โพสพ พระแม่โพศรี คอยดูแล

ตามต้นไม้ใหญ่ๆที่โดดเด่นกลางป่า กลางทุ่ง
จะมีกลุ่ม เทวา เทพารักษ์ รุกขเทวดา สถิตย์อยู่
ในสมัยก่อนๆๆ มีต้ม้ใหญ่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ กลุ่มเทวดา เทวาเหล่านั้นก็เลือกสถิตย์ตามต้นไม้ได้ตามใจชอบ เพรระมีหลากหลาย

ต่อมามีการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อการทำไร่เลื่อนลอย ปรับเป็นที่ทำกิน จึงเหลือเพียงต้นไม้สูงใหญ่ ตามข้างทาง ตามโคกสูง ตามท้องทุ่ง

จำนวนเทวดามีมาก กว่า จำนวนต้นไม้
ดังนั้น เมื่อใช้ตาที่สามมอง จะเห็นว่า ในแต่ละต้นไม้ มีเทวดา เทวารักษ์
สถิตย์กันแน่น บางแห่ง 3-4 องค์ ในทำนองคล้ายคอนโด ต้นไม้

ที่น่าสังเกตุ คือ ต้นไม้ที่เทวดา ชอบ มักจะเป็นต้นไม้สูง ต้นโล่งๆ
ไม่มีกิ่งก้านให้เกะกะ (สงสัยว่า จะบังทัศนวิสัย หรือ ปิ่นป่ายไม่คล่อง)
ถ้าไปเจอ ต้นไม้แบบที่ว่า เชื่อได้ ก่อนว่า จะมีเทวดา อารักษ์อยู่ประจำ
ขูดต้นไม้ หาเลขแทงหวยได้แน่ๆๆ

ต้นไม้ที่ว่า มักจะเป้น ต้นยางนา ต้นตาล ต้นมะพร้าว ต้นกล้วย บางทีก็ชอบต้นไม้หอม เช่น ต้นจำปี จำปา พิกุล ฯลฯ

มีผู้คนจำนวนมากที่มีจิตไว และสัมผัสการมีอยู่ของเหล่า เทวดา อารักษ์ เหล่านี้ได้ ก็จะพากันตั้งศาลที่โคนต้น เพื่อให้ท่านลงมารับแขก

บ้างก็เอาแถบผ้าสีมาพันโดยรอบต้นไม้ เพื่อ แต่งตัว เหมือนคนแต่งเสื้อผ้า
ถ้าเป็นผ้าแถบเหลือง ก็เท่ากับบวชต้นไม้ เหมือนบวชพระ
ซึ่งก็ดี ไม่มีใครกล้าตัดหรือโค่นต้นไม้ที่มีการบวช
เป็นการรักษาต้นไม้หรือป่าไว้ ได้อีกแบบอย่างแยบยล

 

สาธุ สาธุ...

เรื่องนี้กำลังพิสูจน์ได้เป็นวิทยาศาสตร์อีกไม่นานนี้
หวังว่าอาจารย์ตาที่สามจะช่วยให้คนบนโลกได้เห็น
ว่าสิ่งเหล่านี้ "พิสูจน์ได้จริง" ไม่ใช่โกหกต้มตุ๋นแต่
อย่างใด


อนึ่ง ข้าพเจ้าก็เคยได้สัมผัสอาจารย์มาแล้ว
และอาจารย์อีกหลายท่านที่กำลังศึกษาด้าน
จิตวิญญาณ และทำให้ไม่เป็น "ปัตจัตตัง"
แต่เป็นวิทยาศาสตร์สากล


อีกไม่นานหากเราได้รับการสนับสนุน
เราทั้งหลายจะร่วมกันเปลี่ยนความเชื่อผิดๆ ของคนบนโลก...

 

ในเมืองใหญ่ ที่มีผังเมือง มีถนน มีตรอก มีซอกมีซอย ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษ ไม่เหมือนแต่ละบ้านที่มีเจ้าที่
ทุกถนน ทุกตรอกซอกซอยนั้น จะมีดวงวิญญาณที่ เรียกว่า " เจ้าทาง"คอยควบคุม

เจ้าทางที่ว่านี้ มีทั้งที่ดี และไม่ดี

ที่ดีก็เหมือนมีตำรวจดี เฝ้า
ให้ผู้คนที่เดินในตรอกซอกซอยนั้นสะบาย
เวลาเดินไป เดินมา เดินเข้า เดินออก จะ สะบายรู้สึกโล่งเหมือนมี ตำรวจหรือ รปภ คอยระวังให้

ที่ไม่ดี ก็เหมือนมีอันธพาลประจำซอย
เดินไป เดินมา จะรู้สึกเหนื่อยง่าย
ผู้คน จะหงุดหงิด มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ
เพราะเป็นความสะใจของเจ้าทางที่ไม่ดี ที่จะได้ทำอย่างนั้น

ดังนั้นในการที่จะซื้อบ้าน เช่าบ้าน
นอกจากจะต้องมีเจ้าที่ ที่ดีแล้ว
จะต้องเลือก เจ้าทางผู้ดูแล ทาง เข้าออกบ้าน
ซึ่งเป็นถนน ตรอก ซอกซอย ที่ดี อีกด้วยเพื่อความสมบูรณ์ ของการดำรงชีวิต

 

ผมเข้ามาในเว็ปนี้ รู้สึกว่าได้รับสัมผัสของผู้ที่เข้ามาในนี้ว่าเป็นผู้ที่มีพลังด้านอภิญญาอยู่มากมาย แทบว่าจะทุกคนเลยทีเดียว พอเข้ามาผมก็ถึงบางอ้อเลย เพราะหลวงพ่อฤาษี ท่านได้บอกเอาไว้ว่า หลังจากปี 2540 เป็นต้นไป อภิญญาใหญ่จะเข้า ที่แท้ก็มารวมตัวกันอยู่นี่เอง ชื่นใจเหลือเกินที่ได้รู้จักทุก ๆ ท่านครับบบบบบบบบบ ขอพลังจงสถิตย์กับท่านทุกคนคร้าบบบบบบบบบบบ