เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

มารอติดตามอ่านด้วยคนครับ ถ้ามีโอกาสอยากไปกราบพระอาจารย์ของคุณ toplus 99 บ้าง

 

อยากให้ อัพเดท ข่าวภัยธรรมชาติ ที่จะมาถึงในเดือนอันใกล้นี้ครับ เพราะรู้สึกว่า มันใกล้เข้ามามากแล้วครับ พอดีไปดูกระทู้ มนุษย์ต่างดาวเตือนผ่านทาง ดร เทพพนม เมืองแมน มา รู้สึกว่าใกล้เคียงกับที่ครูอาจารย์หลายๆท่านไได้บอกไว้ครับ

 

^_^ ทางธรรมเด็กเล็กๆ อย่างผม ย่อมอ้าปากค้างรอฟังเสมอแหล่ะครับ ^_^

 

เอาอีกครับ จากขาเก่าเจ้าประจำ

 

มานั่งรอฟังทุกวัน. ขอบคุณ. ขอบคุณ

 

เจ้าเก่ามาแล้ว...

...เรื่อง Updateภัยธรรมชาติ คงไม่มีเพิ่มเติมในช่วงนี้
แต่เท่าที่ข้อมูลที่ควรจะรับฟังไว้มากที่สุด
คือ ของท่าน ดร.นพ เทพพนม เมืองแมน และของอาจารย์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
ที่ท่านรับข่าวสารจากชาวต่างดาว รวมทั้งข่าวสารจากกลุ่มสื่อสารชาวเขากะลา

ส่วนระยะเวลานั้นอาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง หรือหนักเบาไปตามแต่พลังบาปบุญของมนุษย์โลก เพราะมนุษย์ต่างดาวไม่ว่าจะมีวิวัฒนาการสูงมากเพียงใด
ก็ยังอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม กฏของไตรลักษณ์ อยู่นั่นเองเพราะฉะนั้นมีโอกาสที่การแจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆ ย่อมจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

toplus99 เคยร่วมสังเกตุการณ์พร้อมกับอ.เทพพนม 2 ครั้ง

คือ งานวิทยาศาสตร์ทางจิตที่ ม.รามคำแหง กลุ่มเขากะลามีการติดต่อกับจานบินต่างดาว แล้วก็มาจริง จนมีการลงข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน

และอีกครั้งที่เขากะลา นครสวรรค์ ที่มีการนัดหมายเวลาประมาณสี่ทุ่ม มีพยานรับรู้กันหลายร้อยคน จานบินอวกาศ มาร่วมนับสิบๆลำ บินกันให้ว่อน ทิศทางการบินก็อิสระ ซ้ายขวา ขึ้นลงได้รวดเร็ว น่าตื่นเต้นดีทีเดียว
ไม่น่าที่เครื่องบินของชาวโลกจะทำได้อย่างแน่นอน..
(ในช่วงกลางวันวันเดียวกัน ก็มีโอกาสเข้าไปพบคุยกับปู่โทน แห่งตาคลี อายุ 114 ปี ลูกศิษย์หลวงปู่เทพโลกอุดร ที่มีม้าไม้ตัวเล็กๆ และแส้ ที่ใช้เสกเหาะขึ้นไป ขี่ไปพบหลวงปู่ที่ถ้ำเขาวัวแดงด้วยนะ..เป็นไงอึ้งไปเลย..)

ส่วนคำทำนายของน้องตุ้ย อริยะบุญ ถือว่าเป็นเด็กที่มีฐานบุญบารมีเก่ามาดีมาก แต่ด้วยวุฒิภาวะของน้องเขายังเด็กอยู่มาก

เชื่อว่าฟ้าเบื้องบน...คงยังไม่เปิดให้ได้รับรู้ในเรื่องภัยพิบัติมากนัก...คงปล่อยให้คลุมเคลือ ไว้ในระดับหนึ่ง...(ขออภัย...อันนี้ทัศนคติส่วนตัวเท่านั้น)

 

อนูโมทนาในกุศลจิต ได้เลยครับ

..อีกหน่อยจะเรื่องที่เกี่ยวกับฝรั่งหญิงชาวออสเตรเลีย ชาวคริสเตียน..
ด้วยนะครับ.. มาพบพระอาจารย์ตามคำแนะนำของพระเยซู..เพื่ออะไร?
รอแป๊ป !

เอ..แล้วเรื่องมันจะเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร?
เรื่องจริง..ไม่มั่วนิ่ม อยู่ในเรื่องผีหลอกพระจนเพี้ยน อย่าลืม...
เปิดเครื่องรับชม รับฟัง...นะจ๊ะ

 

- พระบวชใหม่โดนผีจอมตื๊อในสำนักสงฆ์ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ หลอกจนเพี้ยนเป็นโรคประสาท..<!-- google_ad_section_end --> เอาเรื่องนี้ๆๆๆ จัดให้หน่อย ...................

 

นี่เราสนิทกันตั้งกะเมื่อไร..ได้..ได้เรื่องนี้ใช่หรือเปล่า?
หยอดตังค์ใส่ตู้ทำบุญไว้เลย 5 บาท ค่าเดินเรื่อง

เอาแน่เหรอ..เรื่องนี้มันยาวนะครับท่าน
..มีเวลาอ่านหรือเปล่าเหนื่อยนะเออ!
เพราะผีมัน....ดุมาก ขอบอก

 

รออ่านด้วยค่ะ แต่มีข้อกังขานิดนึงคือ ผีนี้เป็นผีมิฐฉาฯ แล้วการไปทำร้ายผู้อื่นด้วยวิธีต่างๆนาๆ ก็ถือเป็นการสร้างบาปให้ตนเองเพิ่มขึ้น แล้วเขาจะได้รับผลกรรมตอนไหนค่ะ หรือก็เหมือนบาปกรรมบนโลกที่ต้องรอให้ถึงวาระที่กรรมดีกรรมชั่วส่งผลเหมือนบนโลกมนุษย์ เพราะการส่งผลของกรรมช่างสลับซับซ้อน แถมเราก็เกิดกันมานับชาติไม่ถ้วนการส่งผลก็ยิ่งอีรุงตุงนัง ไม่รู้ของชาติไหนต่อชาตไหนมาส่งผลบ้างณ.เวลานี้ แล้วงี้เมื่อเราทำบาปในขณะเป็นวิญญาณ หรือเป้นผี การส่งผลจะเหมือนกันไหม เพราะตามความเข้าใจส่วนตัว เรื่องของเวลาเป็นเรรื่องของโลกมนุษย์เท่านั้น ผิดถูกประการใดอย่าได้ถือสานะคะ :boo::boo::boo:

 

รออ่านอยู่จ้า.....
กด Like สามหมื่นครั้งด้วยนะ.....

 

ขอสมทบอีก. ๑๐. บาท

 

ค่าเปิดเรื่อง 2ราย รวมรายได้ตั้ง15บาท ชอบครับ ชอบๆ

รายได้ดีพอสมควร...งั้นเล่ายาวๆ ให้เหลือแบบ 2 บรรทัดจบก็แล้วกัน หึๆ

ผีตัวที่หนึงถาม" เอ็งหิวข้าวป่ะ?"

ผีตัวที่สอง ตอบ" หิวซิวะนี่เอ็งจะบ้ารึ...มาถามทำไมก็รู้ว่าเราตายมาตั้งหลายร้อยปี แล้วมาถามได้ว่า..หิวมั๊ยไม่มีใครทำบุญให้แล้วจะมีกินได้ไง...แล้วเอ็งนะคราวหน้าถ้าเอ็งถามแบบนี้อีก.. ข้าจะตบเอ็งให้หัวทิ่มเลยเชียว ไม่เชื่อคอยดู..."

ไงละผีตัวที่สอง..นี่มันดุม๊าก..มาก ขี้โมโหด้วย จบ!

 

ขอเกาะขบวนบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ด้วยนะคะ

 

ถ้าเริ่มโครงการสร้างพระเจดีย์ขอร่วมทำบุญด้วยครับ

 

ขอขยายใหญ่หน่อยนะครับ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้รับ PM ตอบกลับหว่า หรือยังไม่ถึงเวลา รอ ล้อ รอ......

 

หาตั้งนาน ข่าวสารจากกลุ่มสื่อสารชาวเขากะลา
เอามาฝากเผื่อใครอยากอ่่านครับ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) - Index

 

มารออ่านตอนต่อไป กำลังตื่นเต้นเลย
ขอเป็นแฟนพันธ์แท้คุณ toplus99 ด้วยคนครับ

 

ต้นตีตั๋วพิเศษสะสมทุนโครงการ1พันจ๊าดไม่ใช่สิพันบาทขยายความอีก2บรรทัดครับ

 

จากคำถามที่ว่าพระอาจารย์ในถ้ำ ท่านมีวิธีการใดในการใช้ฤทธิ์แสดงสภาวะการเปลี่ยนแปลงสังขาร
ร่างกายกลายจากหนุ่มน้อยรูปงามจนเป็นผู้เฒ่าชรา ตายเน่าเฟะ และท้ายสุดเนื้อเน่าหลุดหยดตกลงพื้น
จนเหลือแต่หัวกระโหลกฟันหลอนั่งยิ้มให้ดู<O</O
ถึงตอนนี้ได้รวบรวมคำตอบทั้งหมดมีดังนี้<O</O
aezissตอบครั้งที่1:นั่งมองตัวเองในกระจกเงา
Wimutตอบครั้งที่1:ถ้าบางคนเห็น แต่บางคนไม่เห็น ก็ต้องใช้การสะกดจิตใช่ไหมครับ
แต่ถ้าให้ทุกคนเห็นก็ต้องใช้วิชา "นารายณ์แปลงรูป"<O></O>
pisiตอบครั้งที่1:ถ้าเครื่องรับสัญญานดี และ เครื่องส่งสัญญานดี ก็สามารถรับรู้และเห็นได้ดีเมื่อพระอาจารย์มีเครื่องส่งที่ดี และ คุณtoplus99 ปรับเครื่องรับได้ดีก็เลยได้เห็นสิ่งที่พระอาจารย์ท่านทำให้ดู (ทายถูกมั้ยเอ่ย)<O></O>
Powernextตอบครั้งที่1:เป็นของง่ายสำหรับผู้ที่สำเร็จเตวิชโชขึ้นไปคล่องชำนาญในกสิน๑๐ ครับ<O></O>
ton344ตอบครั้งที่1 :ให้พิจารณาของจริงเหมือนที่ลป.ท่านสอนหรือเปล่า<O></O>
moddangตอบครั้งที่1 :ท่านคงอธิษฐาน ให้ศิษย์เห็นเป็นแบบนั้นเพื่อประโยชน์ในการสอน เดาๆเอา อิอิ<O></O>
pisiตอบครั้งที่2:ถ้าเช่นนั้น ผมขอร่วมตอบคำถามด้วยครับขอเริ่มนับเป็นรายแรกเลยนะครับ

ตอบ......ทำจิตให้สงบ เข้าฌานที่ 2 หรืออุปปจาระสมาธิ<O></O>
shane9ตอบครั้งที่1:ตอบด้วยนะครับ
การสร้างพลังจิตไซโคคิเนซิสด้วยการใช้พลังอำนาจจากคริสตัลหรือธาตุกายสิทธิ์ต่างๆวิธีนี้ผู้ใช้จะต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีงามเพราะคริสตัลหรือธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้จะช่วยเหลือเฉพาะคนดีเท่านั้นเช่นเหล็กไหลเพลิงเป็นเหล็กไหลที่มีมายาหลอกหลอนให้ศัตรูตกใจกลัวได้ เหล็กไหลที่มีสีเขียวอมดำเด่นทางด้านอิทธิ์ฤทธิ์เนรมิตภาพมายาได้เช่นกันโดยเฉพาะพวกที่หาสมบัติมักจะเจอกับมายาหลอกหลอนต่างๆนาๆ
สรุปแว่ใช้ธาตุกายสิทธิ์กับการกำหนดจิตครับ
เปลี่ยนสีแก้ขนาดแล้วนะครับ
ton344ตอบครั้งที่2:เริ่มสนุกแล้วซิ ท่านพี่toplus นี่เข้าใจในการเอากิเลสมนุษย์มาเล่นจริงๆแต่เป็นเรื่องดีมากที่จะได้มีการพิจารณากันจริงๆในเรื่องของการปฏิบัติton344 ขอขยายความตามที่ได้ยินได้ฟังมาจากหลวงปู่หลวงพ่อท่านสอนละกันเพราะตัวเองยังไม่ได้รู้จริงเห็นจริงแต่อยากปฎิบัติจริง

หลวงปู่ท่านน่าจะให้พิจารณาของจริงจากร่างกายเจ้าของเองโดยเข้าฌาณ4ถอดกายดูกายหยาบพิจารณาอสุภะทั้ง 5 สิ่ง คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง พิจารณากลับไปกลับมาทั้งความงามและไม่งามฟอนเฟะเนื่องจากความงามมันปกปิดซ่อนเร้นไม่ให้มองเห็นสภาพภายในที่เป็นจริงประกอบด้วยธาตุ 4 คือดิน น้ำ ไฟ ลม มาประชุมกันซึ่งในที่สุดก็ต้องแตกสลายหายไปโดยท่านให้พิจารณาเพื่อลดตัณหา ราคะพิจารณาให้ละเอียดซึ้งในใจแล้วจิตจะรู้ถึงความไม่มีตัวตนซึ่งเป็นอนัตตา<O></O>
ญานธรรมตอบครั้งที่1:ถ้าพระอาจารย์บอกว่า คุณtoplus99ก็ทำได้
แสดงว่าพลังจิตก็ไม่เบานะครับ
1.เริ่มปรับสภาวะจิตเหมือนการจูนคลื่นให้ตรงกันทั้งสองฝ่ายซึ่งอาจทำโดยทำสมาธิ
2.เมื่อจิตนิ่งระดับหนึ่งแล้วก็ค่อยๆเล่า หรือบรรยายหรือพูดให้ฟังเกี่ยวกับภาพที่ต้องการให้เห็น
3.บรรยากาศบริเวณนั้นน่าจะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้การรับรู้ได้ง่ายขึ้นดังนั้นควรเลือกสถานที่เวลา และสภาพอากาศให้เหมาะๆ
ปล.สภาวะจิตของผู้ที่เล่าหรือสร้างภาพต้องดีมากๆ เช่นระดับอุปจารสมาธิหรือได้มโนยิทธิไปเลย
ก็แค่ตอบน่ะครับ อยากมีส่วนร่วมก็แค่นั้นครับ<O></O>
<O> </O>
สัตตบงกรชตอบครั้งที่1:ขอเดาแบบคลำทางนะเจ้าค่ะ *-*
การเล่นกสิน 1ใน 10 กองปฐวี เตโช วาโย อาโป ..
เพราะหลักการเล่นกสินคือหากได้กองใดกองหนึ่งแล้วกสินกองอื่นๆก้จะได้มาโดยมิอยากเย้นการเดินจิตโดยเข้ากสินแล้วกำหนดรูปนิมิตให้เห้นการเกิดดับและหรือการเสื่อมแห่งสังขารย่อมมิใช่เรื่องยุ่งยากอะรัยสำหรับผู้ที่ชำนาญการเล่นกสินทางพระเรียกว่า"วสี" เนื้อหนังเกิดแต่ดิน ลมเกิดแต่วาโยธาตุความอบอุ่นเกิดแต่ไฟคือเตโช ของเหลวทั้งหลายเกิดแต่อาโปคือน้ำการเล่นกสินก้เหมือนการเล่นแร่แปรธาตุ สังขารก้คือธาตุ จึงไม่อยากที่จะทำ!หากกระทำแบบที่เรียกว่า อนุโลม คือ การเดินวิชาจากกายหยาบ ไปหากายละเอียด
ปฏิโลม คือการเดินวิชาจากกายละเอียด ไปหากายหยาบ แล้วอธิฐานฤทธิ์ให้เห้นได้เฉพาะตัวเฉพาะตนแล้วแต่จะกำหนดจิตเอาไว้ในรูปแบบไหน!
ลมทำให้เกิดไฟ ไฟทำให้ดินและน้ำก่อเกิดเป้นสังขาร เมื่อลมหมดไฟจึงดับ น้ำและดินจึงแยกตัวออกจากกัน กฏแห่งพลังงานเป้นเฉกนี้เสมอธาตุสักแต่ว่าธาตุ ท้ายสุดคือว่าง! กฏแห่งพระไตรลักษณ์! อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา! ^___^
สรุปเจ้าค่ะท่านใช้กสินในการแสดงฤทธิ์เจ้าค่ะ....<O></O>
Wimutตอบครั้งที่2 :ขอตอบด้วยคน
ท่านใช้วิชาตั้งธาตุ-หนุนธาตุเพื่อเปลี่ยนร่างกายให้หนุ่มให้แก่-ให้อ้วนให้ผอมได้
ซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานของหลวงปู่เทพโลกอุดรและเพื่อให้เข้าใจถ่องแท้ถึงสังขารร่างกายนี้
ว่าเป็นเพียงธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นร่างกายนี้เท่านั้นจะได้เลิกยึด
ติดกับร่างกายของเราได้อย่างแท้จริง<O></O>
<O> </O>
น้ำใหลนิ่งตอบครั้งที่1:คำตอบของผมคือ
1.ท่านอาจารย์ ใช้ ญาณ หยั่งรู้กำพืชของบุคคลนั้นมีอัธยาศัยเป็นมาอย่างไรในอดีต สะสมมาอย่างไรจะสอนแบบไหนอย่างไรให้เหมาะสม(อาสยานุสยญาณ) หรือท่านอาจจะเห็นราคะจริตที่มีอยู่ในตัวท่านtoplus99ถึงเวลาที่จะขูดออกแล้ว
2.ท่านอาจารย์ให้ฝึกเตโชกสินซึ่งเป็นหนึ่งในกสินที่ทำให้เกิดแสงสว่าง และทิพยจักษุ(มีครั้งนึ่งนั่งสมาธิฝึกอาโลกสิน(กสินแสงสว่าง)จิตรวมลงแล้วสว่างเป็นลำเพ่งไปตรงใหนของร่างกายก็เห็นเป็นกระดูกหมดเลยดูกระดูกตัวเองทั้งร่างกายทำได้ครั้งเดียว แล้วยังไม่เคยได้อีกเลย...) เพื่อให้ท่านtoplus99 จิดสงบ รวมและสว่าง
3.จากนั้นท่านก็ใช้ อธิฐานบารมีเพื่อให้ท่านtoplus99 เห็นท่านเป็นโครงกระดูกดังกล่าว

*** สาเหตที่ท่าอาจารย์ทำอย่างนี้ก็คงจะเห็นแล้วว่าท่านtoplus99จะรู้สึกแช่มชื่นแจ่มใสเมื่อพบได้มองพระอาจารย์(ถ้าท่านอาจารย์ให้ไปนั่งมองโครงกระดูกเพื่อฝึก"อสุภกรรมฐาน"ท่านtoplus99คงไม่เอาแน่)แล้วพอจิตสงบมากแล้วท่านก็อธิฐานจิตให้ท่านtoplus99เห็นความเปลี่ยนแปลงในสังขารคนอื่นก็จะเห็นตามที่พระอาจารย์อธิฐานจิตแก่คนนั้นๆไป

ซึ่งเหตุการณ์นี้จะคลายกับในสมัยพุทธกาล ตามตัวอย่างข้างล่าง ครับ

สาเหตุที่ตรัส "ติฏฐชาดก"
.....ศิษย์ของพระสารีบุตรรูป หนึ่งเรียนพระวินัยอย่างเต็มที่และทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ แต่สมาธิไม่ก้าวหน้าท่านจึงพาศิษย์ไปเฝ้า พระพุทธองค์จึงตรัสถามถึงวิธีฝึก ท่านกราบทูลว่าให้ฝึก "อสุภกรรมฐาน" เหมือนกับศิษย์คนอื่นๆ พระบรมศาสดาทรงระลึกชาติหนหลังด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสว่า พระสารีบุตรไม่ได้บรรลุ "อาสยานุสยญาณ"จึงฝึกลูกศิษย์รูปนี้ไม่ได้ผล และให้กลับไปก่อนโดยทิ้งลูกศิษย์ไว้
.....อดีตชาติพระภิกษุรูปนี้เมื่อ ๕๐๐ ชาติหลังๆ เกิดเป็นช่างทำทองที่งดงามวิจิตรมาตลอดดังนั้นจะรู้สึกแช่มชื่นแจ่มใสเมื่อพบของสวยงามเท่านั้นเมื่อให้ฝึกสมาธิโดยพิจารณาของไม่งาม จึงไม่ถูกอัธยาศัยทำใจให้สงบไม่ได้
.....พระพุทธองค์จึงตรัสให้พระภิกษุรูปนั้นนั่งพิจารณาดอกบัวที่มีสีสวยงามในสระน้ำ แล้วทรงอธิษฐานให้ดอกบัวเนรมิตค่อยๆเปลี่ยนแปลง จากที่สวยงามเหมือนดอกบัวทอง กลับกลายเป็นเหี่ยวลงๆ สีซีดจางโรยร่วงไปทีละกลีบ จนหลือแต่ฝักบัวเหี่ยวแห้ง หาความสวยงามไม่ได้พระภิกษุมองเห็นดังนั้น เกิดความสลดใจว่าร่างกายของเราก็เหมือนกันมีความไม่เที่ยงเป็นทุกข์เมื่อพิจารณาจนจิตสงบ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ณที่นั้นเอง
.....ภิกษุทั้งหลายได้ประชุมกันในธรรมสภาแสดงความชื่นชมว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นผู้รู้แจ้งซึ่งอัธยาศัยของสัตว์โลก พระบรมศาสดาจึงทรงนำ ติฏฐชาดกมาแสดง<O></O>
siritonmoตอบครั้งที่1 :ขอตอบด้วยคนนะคะ จะถูกผิดแล้วแต่จะพิจราณา คนที่จะทำได้นั้นจิตต้องชำนาญในอสุภะพิจารณาในธาตุ๔ขันธ์ ๕ กลับไปมาหลายรอบแล้วปล่อยวาง ให้สมาธิอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิขออภัยด้วยนะคะภาคปฏิบัติ กับภาษาเขียนนี่ยากจิงๆ ขอตอบตามความเข้าใจค่ะ<O></O>
moddangตอบครั้งที่2:ผู้มีกำลัง นึกอะไร ก็เป็นอย่างนั้น เพราะกำลังเยอะแล้วเพื่อประโยชน์ในการเป็นกุศโลบาย ในการสอนให้ศิษย์พิจารณาครับผม

ตอบเพิ่ม 555<O></O>
Wimutตอบครั้งที่3:ขอตอบคำถามครับ
ท่านน้อมนำดวงจิตของลูกศิษย์เข้ามาแล้วอธิษฐานให้ลูกศิษย์เห็นร่างกายของท่านเปลี่ยนแปลงไป จากหนุ่มเป็นแก่จากแก่เป็นตาย จากตายเป็นโครงกระดูกเพื่อเป็นการสอนอสุภะกรรมฐานและให้เหล่าลูกศิษย์ละการยึดติดในร่างกายให้เห็นว่าร่างกายไม่เที่ยง ต้องเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่ของเราไม่สามารถยึดเป็นตัวตนของเราของเขาได้ มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามธรรมชาติ<O></O>
chart2kตอบครั้งที่1:ท่านน่าจะสำเร็จกสิณ 10 ปฐวีกสิณ, อาโปกสิณ เป็นต้น มีฤทธิ์ดังนี้ เช่นนิรมิตคนๆเดียวให้เป็นคนมากได้ ให้คนมากเป็นคนๆเดียวได้ ทำน้ำและอากาศให้แข็งได้สิ่งที่แข็งเราสามารถอธิษฐานให้อ่อนดัดแปลงเปลี่ยนรูปได้ตามใจของเราชอบ
วิธีอธิษฐานฤทธิ์

วิธีอธิษฐานจิตที่จะให้เกิดผลตามฤทธิ์ที่ต้องการท่านให้ทำดังต่อไปนี้ ท่านให้เข้าฌาน ๔ ก่อนแล้วออกจากฌาน ๔แล้วอธิษฐานจิตในสิ่งที่ตนต้องการจะให้เป็นอย่างนั้นแล้วกลับเข้าฌาน ๔ อีกออกจากฌาน ๔ แล้วอธิษฐานจิตทับลงไปอีกครั้ง สิ่งที่ต้องการจะปรากฏสมความปรารถนา<O></O>
Wimutตอบครั้งที่4:เอาใหม่
ท่านเข้าสมาธิจนจิตสงบแล้วเดินฌาน 1-4 แล้วถอยลงมาที่ฌาน 1 และถอยลงมาที่อุปจารสมาธิ แล้วพิจารณากายของท่านจากเด็กเป็นหนุ่ม จากหนุ่มเป็นแก่จนเหลือแต่กระดูก เพื่อให้เห็นธรรมชาติว่าคนเกิดมาแล้วก็ต้องตายเหลือแต่กระดูกไม่มีใครไม่ตายเราจึงไม่ควรยึดกายของเรานี้ว่าเป็นตัวเราเพราะมันต้องเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสลายลงไปตามธรรมชาติไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ

แต่เนื่องจากท่านได้ฌานสมาธิของท่านจึงแนบแน่นแก่กล้าดังนั้นผู้ที่พอจะมีสมาธิจึงได้มองเห็นร่างของท่านเปลี่ยนแปลงไปตามที่ท่านพิจารณาร่างของท่านเป็นลำดับไปนั่นเอง
ใครจิตสงบได้มากก็ตามเห็นร่างของท่านได้มากใครสมาธิน้อยก็เห็นตามท่านได้น้อยครับ<O></O>
ตะกั่วป่าตอบครั้งที่1:แสดงธรรมรู้ที่จิต รู้จิตดูที่ใจ รู้ใจรู้จิตเห็นอุเบกขา<O> </O>
<O</O

มีผู้ตอบเข้ามารวม18 คำตอบ รวมเป็นจำนวน12 ท่าน (สรุปว่าไม่ถึง30ท่าน หรือ30คำตอบ)
ขอขอบคุณในความตั้งใจดีๆ ในการร่วมแสดงทรรศนะความรู้ที่หลากหลาย มีที่โดนใจถูกต้องและใกล้เคียงพอสมควร
และได้ให้คะแนนไว้แล้ว จากคะแนนทั้งหมดเต็ม10<O</O
<O> </O>