ขอถามคุณ Chayutt เกี่ยวกับอักษรสีทองกับภัยพิบัติ ( น้ำท่วมครั้งใหญ่ )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Starseedz, 18 มีนาคม 2012.

  1. Starseedz

    Starseedz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +117
    ขอถามคุณ Chayutt หน่อยขอรับว่าท่านรู้เรื่องเกี่ยวกับ ตัวอักษรสีทองกับภัยพิบัติ ( น้ำท่วมครั้งใหญ่ ) หรือปล่าว เพราะว่าเมื่อคืนกระผมนั่งสมาธิไป กำลังเพลินๆ ในระหว่างสมาธิกระผมเห็นคล้ายๆดวงอาทิตย์ แล้วก็ตัวอักษรสีทองที่ไม่น่าจะใส่ภาษาที่เราเขียนกันในโลก แต่ที่เห็นชัดๆมันมีคำว่า " Repel "
    ( เป็นสีทองแล้วรอบนอกมันก็เป็นตัวอักษรที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักอยู่ด้วย )แล้วพอหลังจาก นั้น ภาพก็เปลี่ยนไปกลายเป็นภาพที่ พวกมนุษย์กำลังทะเลาะเบาะแว๊งกัน ซักพักก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดบ้านเมืองหายไปกับตาเลย จะเหลือแค่ว่าพวกมนุษย์บางพวกเท่านั้น กระผมอยากทราบว่าท่านรู้เรื่องแบบนี้ไหมขอรับ กระผมเพิ่งเป็นเมื่อคืนนี้เอง กระผมอยากรู้ให้ลึกกว่านี้ขอรับ ขอบคุณล่วงหน้าขอรับ ~
     
  2. Starseedz

    Starseedz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +117
    สงสัยจะไมาได่คำตอบ ~
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รอให้ผมมีข้อมูลอะไรอีกซักหน่อยก่อนเถอะนะครับ
    ถ้ามีอะไรพอจะแชร์ได้ ก็จะนำมาแชร์ให้รู้ด้วยนะครับ

    เหตุผลคือ ผมไม่ใช่ผู้รู้อะไรเลย
    และรหัสหรือสัญญลักษณ์ในฝัน หรือในนิมิตของแต่ละคน
    ก็มีความหมายไม่เหมือนกันด้วยครับ
    และที่สำคัญ ถ้ามันมีความหมายเป็นัยยะสำคัญจริงๆ
    คนอื่นๆที่เกี่ยวข้องอยู่ ก็น่าจะได้รับด้วย
    ซึ่งอาจจะไม่ใช่เวลาเดียวกันเป๊ะซะทีเดียว

    ดังนั้น ผมถึงบอกว่ารอก่อนยังไงหละครับ
    แต่ก็อย่าหวังอะไรกับผมมากนักนะครับ
    เพราะผมก็เป็นแค่คนธรรมดาๆนี่เองครับ

    ......................................
     
  4. Starseedz

    Starseedz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +117
    ขอรับกระผมอยากรู้เฉยๆขอบคุณท่านพีั่ Chayutt มากขอรับ
     
  5. saktayu

    saktayu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +90
    ผมถามคนรู้จักมาให้ คำว่า RePel พลังงานลึกลับที่มาจากดวงอาทิตย์ส่วนอักษร วงนอกที่ คุณเวตาล ไม่รู้จัก หมายถึง ความโกลาหล เศร้าหมอง ขมขื่น โศกเศร้า
     
  6. Starseedz

    Starseedz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +117
    กระผมพอจะแปลความหมายออกแล้วนะขอรับ ไม่ทราบว่ามันจะถูกหรือปล่าว Repel = แปลว่า " ขับไล่ " แล้วพวกไหนละจะขับไล่เราด้วยอุทกภัยทางน้ำ มนตดหรอ ???
     
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ผมเห็นความคิด และ การจดจ่อของเจ้าของกระทู้แล้วก็ได้แต่ถอนใจหนะนะครับ
    ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงได้ไปจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องร้ายๆพวกนี้นัก
    ทำไม "ชอบ" คิดว่า โลกจะมีอันเป็นไป ทำไมชอบคิดว่า
    โลกจะต้องเกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นแน่ๆ

    จริงๆแล้วผมก็ยังงงที่คุณมาตั้งกระทู้ถามผมเรื่องนี้ เรื่องน้ำท่วมใหญ่นี้
    เพราะมันไม่ใช่แนวในการโพสต์กระทู้ของผมเลยแม้แต่น้อย
    เพราะผมไม่ใช่คนที่จะโพสต์กระทู้แนวนี้ หรืออย่างน้อยก็ไม่โพสต์มานานแล้วหนะนะครับ

    ก่อนหน้านี้ ผมก็เคยจดจ่ออยู่กับเรื่องพวกนี้กับเขาอยู่เหมือนกัน
    ก็ร่วมๆ 7-8 ปีเหมือนกันแหละครับ แต่ 3-4 ปีหลังมานี่ ผมเปลี่ยนไปหมดแล้ว
    และก็เปลี่ยนโดยสิ้นเชิงด้วย ไม่มีเหลืออีกเลย เรื่องที่อยากให้โลกแตก
    หรืออยากเห็นภัยพิบัติ เพื่อที่จะได้เป็นข้อพิสูจน์เรื่องบาปบุญ หรือเรื่องคำพยากรณ์
    หรือพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราเชื่ออยู่นั้น มันถูกต้องแล้ว หรืออะไรก็ตามแต่

    ผมเดาออกว่าหลายคนจะแย้งผมตรงจุดนี้ เพราะว่าหลายคนจะบอกว่า
    ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอกนะ ภัยพิบัติหนะ แต่มันเป็นกรรมของสัตว์โลก
    ที่ทำไว้กับโลก และทำกับมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลายเอาไว้มาก
    ตอนนี้ก็เลยถึงคราวธรรมชาติเอาคืนบ้างแล้ว

    และพวกเขาหลายคนก็จะบอกว่า ที่พวกเขาต้องคอยออกมาบอก ออกมาเตือนอยู่นี่
    ก็เพราะว่าปราถนาดี อยากให้ทุกคนไม่อยู่ในความประมาท คือหันมาใส่ใจด้านจิตวิญญาณของตัวเอง
    และหันมาใส่ใจประพฤติ ปฏิบัติธรรม เพื่อให้ระดับจิตสำนึกของตัวเองสูงขึ้น
    เพื่อจะได้เป็นการ "เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว" อะไรทำนองนั้นหนะครับ

    ซึ่งแน่นอนว่าผมรู้ว่าพวกเขามีเจตนาดี และผมก็เชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจด้วย
    เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้น หลายคนก็เป็นเพื่อน-พี่-น้อง และญาติธรรมที่รักใคร่
    และเคารพนับถือกันดีกับผมทั้งนั้นแหละครับ

    แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ..อ่านแล้วตีความให้ดีนะครับ..ผมไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการเกิดภัยพิบัติ
    แต่ผมปฏิเสธเรื่องวันสิ้นโลก และ เรื่อง "ภัยพิบัติครั้งใหญ่" ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆนี้
    เพราะว่าเพื่อนผมหลายคน ก็ยังพากันเชื่อเรื่องนี้อยู่ ตามคำพยากรณ์
    และเชื่อตามคำบอกเล่าของครุบาอาจารย์ด้วย ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่ามันจะจริงหรือไม่
    แต่พวกเขาก็จะไม่ประมาทเอาไว้ก่อนหนะนะครับ

    ไม่มีเจตนาใดๆของพวกเขาเลย ที่เป็นเจตนาที่ไม่ดี แต่ตรงกันข้าม
    พวกเขาล้วนเป็นผู้ปฏิบัติธรรม และมีศีล มีสัจจ์ด้วยกันทุกๆคน
    หลายคนก็ปราถนาพุทธภูมิด้วยซ้ำไป อันนี้พวกเราในกลุ่มรู้กันดีครับ

    งานของพวกเขา ส่วนหนึ่ง คือ "การปลุกผู้ที่ยังหลับไหลอยู่ให้ตื่นขึ้น"
    หรือจะเรียกว่าอะไรดีหละ คือการ "กระตุ้น" หรือ "กระทุ้ง"
    ให้ผู้ที่มัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำมาหากิน ปากกัดตีนถีบ และหมดมุ่นอยุ่แต่กับเรื่องทางโลก
    ให้หันกลับมาสนใจเรื่องทางธรรมบ้าง เพื่อตัวเอง เพื่อยกระดับจิตตัวเอง
    ก่อนที่จะสายเกินไป เพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยง และอาจจะจบสิ้นลงเร็วๆนี้
    ถ้าเกิดภัยพิบัติใหญ่ขึ้นตามคำพยากรณ์ก็ได้ และดูแนวโน้มก็น่าจะเป็นเช่นนั้นด้วย
    ถ้าดูจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และข้อมูลทางสถิติของการเกิดภัยพิบัติทั่วโลก
    ที่เกิดขึ้นในหลายๆประเทศ เมื่อเร็วๆนี้มาประกอบกันด้วย

    สรุปว่า ตามข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ + พุทธศาสตร์ + คำพยากรณ์ +
    คำบอกเล่าของครุบาอาจารย์หลายท่าน + ผู้ทรงฌาณทั้งหลาย

    มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น และก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้นจริงๆด้วย
    ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่ผมกล่าวมานี้ โดยส่วนตัวผมเอง "ผมก็รู้ด้วยเช่นกัน"
    จนอาจพูดได้ว่า แทบไม่มีข้อมูลไหนที่ผมไม่รู้ เหมือนอย่างที่พวกเขารู้เลย
    เพราะผมก็เคยตามข้อมูลเหล่านี้อยู่ มาหลายปีเหมือนกัน

    แต่ที่ผมหัน "กลับลำ" เปลี่ยนมาโพสต์กระทู้แนวที่ดูเหมือนว่า "จะต่อต้าน"
    หรือ "ค้าน" กันกับความเชื่อเรื่องภัยพิบัติใหญ่ และ วันโลกแตกโดยสิ้นเชิงนี้
    ก็เพราะว่า ผมมีข้อมูลอีกด้านจากต่างมิติ + ข้อมูลด้านปรจิตวิทยาจากนักปรจิตวิทยาหลายคน
    + ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ จากนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตก ที่เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์
    และก็เป็นนักปฏิบัติจิตในขณะเดียวกันด้วยหลายคน
    (อันที่จริงเมืองไทยเราก็มีคนแบบนี้หลายคนนะครับ เช่น ดร.อาจอง, ดร.เทพพนม เป็นต้น)

    ดังนั้น เมื่อกลุ่มเพื่อน-พี่-น้อง ของผม ได้พากันปลุกให้คนตื่นขึ้นมาสนใจเรื่องจิตวิญญาณแล้ว
    เพราะความกลัวตายแล้ว งานของผม จึงเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของงาน
    ที่จะรับช่วงต่อจากงานของพวกเขา ซึ่งก็คือการใส่ความรู้
    และวิธีการในการดำเนินชีวิตให้ผู้คนเหล่านั้นไป ซึ่งถ้าใครชอบแนวพุทธ
    พวกเขาก็จะมีเวปไซต์ วัด สำนักปฏิบัติธรรม และครูบาอาจารย์ทางพุทธเรา
    มากมายคอยให้ความรู้อยู่แล้ว

    แต่ถ้าใครที่มีจริตเหมือนผม คือยังคิดว่า ตำราทางพุทธ ยังมิอาจเติมเต็มคำตอบของคำถาม
    ของผมได้เพียงพอ ก็ลองมาศึกษาข้อความสื่อสารจากต่างมิติเหล่านี้ดู อะไรแบบนั้นหนะครับ

    ผมขอสารภาพว่า แม้ว่าผมจะรู้ว่า ความเหมือนหรือต่างกันของแนวทางพวกนี้มันคืออะไร
    และผมก็รู้ด้วยว่า ผมบอกได้เลยว่าผมเห็นว่าอะไร หรือประเด็นไหน น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
    แต่ผมก็ไม่อาจที่จะพูดแสดงความคิดเห็นได้มากนักในที่สาธารณะแบบนี้หนะนะครับ
    แม้ใครถาม ผมก็จะไม่พยายามตอบด้วย มีแต่จะแนะนำให้ท่านไปศึกษากันเอาเองเท่านั้น

    แล้วท่านจะรู้ว่า "ผมไปรู้อะไรมา มันน่าเชื่อถือได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
    จึงทำให้ความคิด และ ความเชื่อ และ ชีวิตของผม เปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้"


    (เดี๋ยวมาต่อครับ)
    ........................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2012
  8. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    repel ไม่ได้แปลว่า ขับไล่ ในทางรุกราน นะครับ
    repel แปลว่า ขับไล่ ในทางป้องกัน
    เช่น เจ้าของประเทศ ป้องกันพื้นที่ประเทศตัวเอง จากผู้รุกราน จากผู้เข้ามาโจมตี อันนั้นเรียก repel
    แต่ถ้ามีชนกลุ่มหนึ่ง เข้าไปรุกรานพื้นที่อีกกลุ่มหนึ่ง อันนั้นจะไม่ใช้คำว่า repel ครับ

    ถ้าเกี่ยวกับน้ำ มันก็จะมีคำที่ใช้กันอยู่เลยว่า water repellent คือ วัตถุ หรือ พื้นผิว ที่มีคุณสมบัติ น้ำไม่สามารถยึดเกาะได้

    ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ PM มาถามได้ครับ เพราะปกติ กระทู้ในห้อง วิทยาศาสตร์ ผมจะไม่ค่อยเปิดอ่านครับ
     
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ต่อนะครับ...

    ตัวอย่างของสิ่งที่ผมรู้มา และคิดว่าน่าจะเป็นประเด็น หรือเป็นมุมมองที่แตกต่างจากพวกเขาก็คือ
    เรื่องของ "กาลเวลา" และ "อนาคต" ซึ่งเรื่องแบบนี้ ผมเคยโพสต์แสดงความคิดเห็นไว้แล้ว
    ในหลายๆกระทู้ที่ผมตั้งขึ้น..แต่เอาเถอะนะครับ..เอามาฉายอีกรอบก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่นา..

    ข้างล่างนี้เป็นข้อความที่ผม copy มาจากที่ผมเคยโพสต์เอาไว้แล้วหนะนะครับ
    ในกระทู้นี้

    "ข้อความจากต่างมิติ-พยากรณ์ปี-2012-ประตูสู่การเริ่มต้นครั้งใหม่"

    http://palungjit.org/threads/ข้อความจากต่างมิติ-พยากรณ์ปี-2012-ประตูสู่การเริ่มต้นครั้งใหม่.327885/


    ...............................

    ก่อนอื่นผมขอสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับคำว่า "อนาคต"
    ให้ท่านที่ยังไม่คุ้นเคยกับข้อความจากต่างมิติ ได้รู้พอสังเขปก่อนนะครับ

    เพราะว่าใน "ห้วงปรมัตถ์" (continuum) แล้ว มันไม่มีกาลเวลาอยู่
    ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งสิ่งที่เราเรียกกันว่า อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต
    มันจึงกำลังเกิดขึ้นอยู่พร้อมๆกันหมด ในเวลาเดียวกัน
    สรุปว่า มันไม่มีทั้ง "อดีต" และ "อนาคต" ด้วย
    มันมีแต่ "ปัจจุบันขณะนี้" เท่านั้น
    และนี่แหละคือจุดตัดที่มีพลังอำนาจมากที่สุดด้วย

    ดังนั้นต่างมิติจึงบอกเสมอว่า ให้เราอยู่กับปัจจุบันขณะให้ได้ตลอดเวลา
    เพราะว่านั่นแหละคือจุดที่เราจะมีพลังอำนาจมากที่สุดหละ

    แต่กาลเวลา มันคือโปรแกรมๆหนึ่ง ที่ถูกติดตั้งไว้ในโลกทางกายภาพนี้เท่านั้น
    ดังนั้น มันจึงมีผลเฉพาะกับโลกทางกายภาพนี้เท่านั้น

    แต่ว่าคำว่า "อดีต" และ "อนาคต" เอง มันก็เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
    ท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับ และผมก็พิมพ์ไม่ผิดด้วย ที่ว่า "อดีต" สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

    (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในกระทู้ข้างล่างนี้นะครับ)

    "ข้อความจากต่างมิติ-การท่องกาลเวลา-การเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีต-และธรรมชาติของกาลเวลา"

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8...B2.266549/

    มันจะเป็นอะไรที่โยงใยไปถึง "จุดกำเนิดของโลกแห่งความเป็นจริง" ของเราด้วย
    นั่นก็คือ ต่างมิติทั้งหลายบอกว่า "จิตคือผู้สร้าง" นั่นก็คือ
    "กระแสจิต หรือ กระแสความคิด" ของเราเองนั่นแหละ
    อันมีรากฐานมาจากความเชื่อแบบสนิทใจของเรา
    ที่เป็นผู้สร้างโลกแห่งความเป็นจริงขึ้นมาให้กับเราแต่ละคน
    ซึ่งไม่เหมือนกันด้วยนะ โลกของใครโลกของมัน

    คือเราเชื่อว่าอย่างไร โลกที่เราจะเผชิญ ในทุกๆด้าน ทุกๆเรื่อง
    ก็จะปรากฎออกมา หรือเป็นไปตามความเชื่อนั้นๆ
    อันนี้ยกเว้นเรื่องที่เป็น "พันธะสัญญาทางจิตวิญญาณ" หนะนะครับ
    ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ ว่ามันไม่อาจเปลี่ยนแปลงในประเด็นหลักได้ง่ายๆ

    (อ่านรายละเอียดได้จากระทู้นี้นะครับ..)

    "ข้อความจากต่างมิติ-กฎแห่งการดึงดูด-ทำไมและเมื่อไหร่มันถึงจะได้ผล-สภาวะนิพพาน"

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8...99.310332/

    อย่าเพิ่งแย้งนะครับ เพราะว่า มันมีอีกจุดหนึ่งที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึงอยู่
    นั่นก็คือ "วัตถุธาตุทางกายภาพทั้งหมด", "เหตุการณ์ทั้งหมด" และอื่นๆ
    ที่มีอยู่ และเป็นอยู่ในโลกที่เรากำลังอาศัยอยู่นี้ ท่านว่ามันคือมายาการ
    คือโปรแกรมภาพสามมิติอย่างหนึ่งเท่านั้น ที่ถูกฉายออกมาจาก "กระแสจิต"
    ของพวกเราแต่ละคน

    (อ่านรายละเอียดได้ ในกระทู้ต่อไปนี้นะครับ...)

    "ข้อความจากต่างมิติ-กระแสความคิด-thought-form-ก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง-vs-ความกลัว"

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8...A7.326934/

    "ข้อความจากต่างมิติ-โลกนี้คือมายาการ"

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8...A3.292054/


    บางภาพก็ถูกฉายออกมาจากหลายๆคน กลายเป็น "ภาพสามมิติร่วม"
    ที่เกิดจากการ "ยินยอมพร้อมใจกันของชาวโลกหลายๆคน หรือทุกๆคน"
    ฉายทับซ้อนกันแล้ว ทับซ้อนกันเล่า ดังนั้น เราจึงเห็นพวกมันได้ และสัมผัสจับต้องพวกมันได้
    เพราะว่าพวกมันมีระดับคลื่นความถี่ในการสั่นสะเทือนเข้ากันได้กับมิติของเรา

    สรุปว่า "กระแสจิต หรือ กระแสความคิด" ของเรา
    ไปสร้างให้เกิดวัตถุธาตุทางกายภาพเหล่านี้ขึ้นมา
    และไปสร้างหรือเรียกว่า ไปดึงดูดให้เหตุการณ์ต่างๆที่เราเจอะเจอเข้ามาหาเราเอง

    ดังนั้น อาจารย์โนวา อนาลัย จึงกล่าวไว้..ประมาณว่า
    "ไม่มีเหตุการณ์-บุคคล-วัตถุธาตุทางกายภาพไหนเลย
    ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเธอ ที่เธอไม่ได้เป็นผู้เชื้อเชิญมันเข้ามาเอง"

    และท่านยังบอกว่า "ทุกๆกระแสความคิด ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
    มันก็จะไปสร้างให้สิ่งนั้นๆเกิดขึ้นมา ในมิติใดมิติหนึ่งเสมอ
    แล้วถ้ามันถูกใส่พลังงานเข้าไปเรื่อยๆ จนมากพอแล้ว
    มันก็จะมาปรากฎอยู่ในมิติทางกายภาพของพวกเธอ"

    เอาหละนะครับ..คราวนี้เราย้อนกลับมาพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ในอนาคตกันต่อดีกว่า
    ตามนัยยะที่รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติบอกมานี้ เพราะเหตุนี้
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเป็นไปในโลกทางกายภาพของเรานี้
    จึงขึ้นอยู่กับ "กระแสจิตของพวกเราแต่ละคน และทุกๆคน" เป็นหลัก
    คือถ้าเราเห็นพ้องต้องกัน ว่าอันนี้แหละคือสิ่งที่เป็นจริงสำหรับพวกเรา
    สิ่งนั้น ก็จะเป็นจริงสำหรับพวกเราจริงๆ ยกตัวอย่างเช่นอะไรดีหละ
    ไม่ยกตัวอย่างดีกว่านะครับ..เดี่ยวจะยาวมากไป

    ดังนั้น เมื่อใดก็ตาม ที่กระแสจิตของพวกเราจำนวนมากพอเปลี่ยนแปลงไป
    คือไปเชื่อ หรือ ไปจดจ่อ อยู่ในเรื่องอื่น หรือใช้คำว่าทิศทางอื่นจะถูกต้องกว่านะครับ
    เหตุการณ์นั้นๆ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสจิตมวลรวมของมนุษย์กลุ่มนั้นด้วย
    ซึ่งยิ่งมีจำนวนมวลหมู่มนุษยชาติ มากเท่าไหร่ มาจดจ่อในเรื่องเดียวกัน
    ด้วยกระแสความคิดและอารมณ์-ความรู้สึก ที่คมกล้ามากเท่าไหร่
    เหตุการณ์ก็จะเป็นไปในทิศทางนั้นๆ ด้วยศักยภาพแห่งความเป็นไปได้ สูงเท่านั้นด้วย
    ทั้งเหตุดีและเหตุร้าย..และความคิด-อารมณ์-ความรู้สึกที่ว่านี้
    ก็ไม่ยกเว้นว่า จะเป็นสิ่งที่เราอยากจะให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม

    รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติ เขาจะใช้คำว่า "ศักยภาพแห่งความเป็นไปได้"
    เพราะว่าพวกเขาเองก็ไม่รู้อย่างแน่ชัด 100% หรอกนะครับ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
    เพราะว่าอนาคต ไม่ใช่สิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ในรูปแบบของกาลเวลาที่เป็นเส้นตรง
    อย่างที่พวกเราเข้าใจกัน

    พวกเขาจะมองเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันกำลังเกิดขึ้นอยู่พร้อมกันหมด
    คงเหมือนกับที่พวกเรากำลังมองดูมดที่กำลังไต่อยู่บนพื้นกระดานตาหมากรุกนี่กระมังครับ
    ที่เราสามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ว่า ถ้ามดตัวนี้มันไต่ไปในทิศทางนี้เรื่อยๆไม่หยุด
    อีก 2 นาที มันจะเดินไปถึงขนมปังที่วางเอาไว้ในตำแหน่ง ที่อยู่ในทิศทางนั้น
    แต่ถ้ามันเลี้ยวซ้าย มันก็จะไปเจออย่างอื่น แบบนี้เป็นต้น

    ซึ่งถ้าถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไร ว่ามดมันจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยงขวา
    ก็ต้องดูที่ปัจจัยแวดล้อมอย่างอื่นประกอบ เช่น มีกลิ่นมาล่อมันหรือเปล่า เป็นต้น
    ซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้วใช่ไหมครับว่า มดมันชอบน้ำตาล ดังนั้น ถ้ามีของกินวางอยู่ไม่ไกล
    เราก็พยากรณ์ได้ด้วยศักยภาพแห่งความเป็นไปได้สูง ว่ามดมันจะไปกินขนมค่อนข้างแน่นอน

    ฉันนั้นก็เหมือนกัน ต่างมิติเขาจะมองเห็นสิ่งต่างๆกำลังเกิดขึ้น พร้อมกันหมด
    พวกเขาจะมองเห็นภพชาติของเราทุกๆภพชาติ กำลังดำเนินไปอยู่พร้อมๆกันหมด
    เหมือนอย่างที่เราเห็นแผ่นกระเบื้องทุกๆแผ่นที่อยู่บนพื้นนั่นแหละครับ
    แต่ว่า พลังงานที่จะไหลไปสู่เหตุการณ์ไหนนั้น มันจะเพิ่มขึ้นและลดลงอยู่ตลอดเวลา
    ขึ้นอยู่กับกระแสจิต หรือ จิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก
    ว่ากำลังไปจดจ่อที่ตรงไหน ที่เหตุการณ์อะไรอยู่ ซึ่งก็จะทำให้ตรงนั้น
    หรือเหตุการณ์นั้น มีระดับพลังงานเพิ่มสูงขึ้นกว่าจุดอื่นๆ
    ทำให้พวกเขาสามารถพยากรณ์ได้ว่า ศักยภาพแห่งความเป็นไปได้
    ที่เหตุการณ์นั้นมันจะเกิดขึ้น มันมีสูง อะไรแบบนั้นเป็นต้น

    อันนี้ผมยังไม่ได้กล่าวถึง "โลกคู่ขนาน" หรือ "มิติคู่ขนาน" เลยนะครับ
    เพราะมันก็เกี่ยวข้องกันอยู่..คือประมาณว่า..สิ่ง หรือ ทางเลือก ที่จะเกิดขึ้นได้
    ในอนาคตของทุกๆเหตุการณ์ มันมีอยู่เป็นอนันต์ มันไม่ใช่ว่าจะมีอยู่แค่ทางเดียวซะที่ไหนหละ

    (อ่านรายละเอียดได้ ในกระทู้ต่อไปนี้นะครับ..)

    "ข้อความจากต่างมิติ-จักรวาลที่กำลังกระพริบ-และความเป็นจริงหลากมิติ"

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8...B4.261510/

    ดังนั้น ถ้าใครก็ตาม ที่สามารถมองเห็นอนาคตของคนอื่นได้ นั่นก็หมายความว่า
    ท่านกำลังเห็นอนาคต 1 อนาคต จากจำนวนอนาคตที่สามารถเป็นไปได้ของเขาคนนั้น อีกนับอนันต์นะครับ
    ซึ่งแน่นอนว่า หลายครั้งท่านอาจจะพยากรณ์ได้ถูกต้อง นั่นก็เพราะว่าระดับพลังงาน
    ที่คนๆนั้น จดจ่อ หรือใส่เข้าไปให้กับทางเลือกทางนั้น มันสูงอย่างต่อเนื่อง
    มันก็เลยปรากฎออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของเขาเองจริงๆหนะสิครับ

    แต่ถ้าเขาเปลี่ยนความคิด - ความเชื่อ - และการกระทำไปอย่างมากมายหละ
    อะไรจะเกิดขึ้น อนาคตเส้นทางนั้น ก็จะไม่ถูกเลือกอีกต่อไปแล้ว
    อนาคตเส้นทางอื่นก็จะถูกเลือกแทน และมาปรากฎแก่เขาแทน

    และไม่เพียงเท่านี้ด้วยนะครับ ทุกๆครั้งที่เขา หรือใครก็ตาม รวมถึงพวกเราทุกๆคนด้วย
    เปลี่ยนแปลง "ปัจจุบัน" ของเรา ไม่เพียงแต่อนาคตเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
    แต่ "อดีต" ของเราก็จะถูกเปลี่ยนตามไปด้วย "เสมอ" ไม่มีข้อยกเว้น

    มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ real-time โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
    ว่า "อดีต" แบบเดิมนั้น มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะว่ามันจะถูก update
    โดยอัตโนมัติให้กับทุกๆคน และกับทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับมันอยู่ ใหม่ทั้งหมด

    (อ่านตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ได้จากกระทู้นี้นะครับ คือต่างมิติทั้งหลายบอกว่า
    เดิมที อนาคตของโลกของเรา ก็เคยมีศักยภาพอยู่บนเส้นทางแห่งหายนะอยุ่จริงๆนั่นแหละ
    ดังที่ศาสนาทั้งหลาย และผู้พยากรณ์ทั้งหลายเคยทำนายไว้

    ..แต่ว่าตอนนี้ มนุษยชาติ ได้พากัน เปลี่ยนแปลงให้มันมุ่งไปสู่เส้นทางใหม่เรียบร้อยแล้ว)

    "ข้อความจากต่างมิติ-คำพยากรณ์ใดๆเกี่ยวกับวันสิ้นโลก-มันจะไม่เป็นจริงอีกต่อไปแล้ว"

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8...A7.294735/

    ยกตัวอย่างเช่นอะไรดีหละ เช่น ในโปรแกรม Excel ถ้าท่านใส่สูตรคำนวณเอาไว้ในช่อง
    A1 ว่า 3, A2 ว่า 5 และ A3 ว่า =A1+A2 ซึ่งผลลัพธ์ที่จะได้ก็คือ 8 ถูกไหมครับ
    แต่ถ้าท่านเปลี่ยนตัวเลขใน A2 ใหม่ ไปเป็น 10 ผลลัพธ์ในช่อง A3 ซึ่งสมมุติว่าคืออนาคต
    ก็จะเปลี่ยนไปเป็น 13 ทันที โดยอัตโนมัติ

    แต่ถ้าท่านผูกสูตรซับซ้อนมากขึ้นกว่านี้อีกหละ ให้โยงใยไปถึงทั้งอดีตและอนาคตด้วยหละ
    เช่น ให้ A1 = A2 - 1 และ A3 = A1 + A2 เหมือนเดิม และสมมุติว่า A2 คือปัจจุบัน
    ดังนั้น ถ้าเปลี่ยน A2 จาก 5 เป็น 10 แล้ว ข้อมูลของทั้งช่อง A1 ซึ่งสมมุติว่าคือ "อดีต"
    และช่อง A3 สมมุติว่าคือ "อนาคต" ก็จะเปลี่ยนไปด้วยโดยอัตโนมัติ
    โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ก่อนหน้านี้มันคือเลขอะไร เพราะเท่าที่เห็นอยู่นี่ มันคือเลขนี้
    และทุกๆข้อมูล ที่เกี่ยวโยงมาถึงข้อมูลนี้ ทั่วทั้ง work sheet นี้ หรือทั่วทั้ง file นี้
    หรือไฟล์ไหนๆก็ตาม ที่อ้างอิงมาถึงสูตรใน work sheet นี้ ก็จะเกี่ยวข้องกับตัวเลขนี้เท่านั้น

    อะไรแบบนั้นเป็นต้นครับ

    ..เพราะฉะนั้น..ถ้าตามนัยยะนี้แล้ว ต้องให้ผมบอกไหมครับว่า
    ผลดีและผลร้ายของการพากันไปจดจ่ออยู่แต่กับวันโลกแตก หรือวันสิ้นโลกนั้น
    มันคืออะไร?

    และผลร้ายของการไปชี้นำ หรือ ไปเหนี่ยวนำ ด้วยการพยากรณ์
    หรือด้วยการทำนายถึงแต่เรื่องร้ายๆ ให้มวลชนสร้างกระแสจิตด้านลบขึ้น
    จากความหวาดกลัว และความวิตกกังวล ของพวกเขา มันจะคืออะไร?

    .....................................
     
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เอาหละนะครับ..ผมขอวกกลับมาที่คำถามของเจ้าของกระทู้หน่อยดีกว่าครับ

    Repel = การขับไล่, การปฏิเสธ

    ซึ่งก่อนหน้าที่คุณจะโพสต์กระทู้นี้ถามผมนั้น ไม่กี่ ชม.ก่อนหน้านั้น
    ผมก็กำลังนั่งดู VDO อยู่ชุดหนึ่ง ที่เกี่ยวกับเรื่อง "กฎแห่งการดึงดูด"
    เพราะความที่มันเป็นภาคภาษาอังกฤษ และมี sub-title ให้ด้วย
    ผมเลยเห็นศัพท์ที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 คำ ที่มีความหมายตรงข้ามกัน

    ในกฎแห่งการดึงดูด หรือ Law of Attraction นั้น มันก็คือ กฎที่ว่า
    "สิ่งที่เหมือนๆกัน จะดึงดูดซึ่งกันและกัน"

    ดึงดูด = attraction
    ผลักออกไป หรือ ปฏิเสธออกไป = repel

    ผมจำหลักการณ์นี้ได้ดี และก็จำคำสองคำนี้ได้ดี ก่อนที่คุณจะถามผมเล็กน้อย
    ถ้าคุณมีแรงบันดาลใจจากภายใน มาให้ถามผมจริงๆ นั่นก็แสดงว่า
    แรงบันดาลใจอันนั้นของคุณ อยากจะให้คุณฟังความคิดเห็นของผมกระมังครับ
    ซึ่งผมก็จะแสดงความคิดเห็นไว้แบบนี้นะครับ

    ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม และ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม
    แต่ถ้าคุณไปจดจ่อความคิด และ ใส่พลังงาน เติมลงไปให้กับ
    เรื่องราวของวันโลกแตก หรือ การเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่หละก็

    จักรวาล ก็จะจัดให้คุณได้สมใจอยาก อย่างแท้จริง
    เพราะว่าจักรวาล รักทุกคน และ ก็มองเห็นทุกคนมีความสำคัญเท่ากันหมด
    ประกอบกับ จักรวาล จะมีวิธีที่จะพิสูจน์ให้ทุกๆคนได้ประจักษ์ว่า
    สิ่งที่แต่ละคน "เชื่อ" นั้น คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเสมอ

    หมายความว่า ไม่ว่าคุณ (คุณนี่หมายถึงทุกๆคนนะครับ) จะใส่พลังงานเพิ่มเข้าไป
    ให้กับเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ ด้วยการลุ้น และหวังอยากให้มันเกิด
    เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่คุณเชื่อมันถูกต้อง หรือ เพราะคุณคิดว่าชีวิตคุณล้มเหลว
    มีแต่ทุกข์ มีแต่บาป มีแต่กรรม โลกนี้เต็มไปด้วยคนชั่ว อยากล้างไพ่ใหม่
    อยากให้ภัยพิบัติใหญ่มันเกิดขึ้นจริงๆซะที
    อยากให้โลกนี้กลายเป็นยุคพระศรีอารย์ซะที หรือ เพราะอะไรก็แล้วแต่ ฯลฯ

    หรือว่า โดยการที่คุณเฝ้าแต่กลัวมัน ไม่อยากให้มันเกิด
    เอาแต่วิตกกังวลถึงมันอยู่ตลอดเวลา นั่นก็ด้วยครับ
    ก็คือการใส่พลังงานเพิ่มเข้าไปให้มันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน

    ซึ่งโอกาสที่เหตุการณ์แบบนั้น มันจะเกิดขึ้นจริง มันก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
    ไม่แตกต่างกัน..แปลว่าคุณได้ attract มันเข้ามาหาตัวเองแล้วหละ
    เพราะระดับความสั่นสะเทือนของความคิด-อารมณ์-และความรู้สึกของคุณนั่นเอง

    แต่ถ้าคุณดำรงอยู่ในอารมณ์ที่เป็นกลาง หรือเป็นบวก
    หรือมีระดับความสั่นสะเทือนที่สูงๆอยู่เสมอๆแล้ว
    สิ่งใดๆก็ตาม เหตุการณ์ใดๆก็ตาม ที่มีระดับความสั่นสะเทือนต่ำกว่านั้น
    ก้มิอาจที่จะเข้ามากล้ำกลายวิถีชีวิตของคุณได้
    นั่นก็คือ คุณได้ขับไล่มันไป หรือ repel มันออกไป โดยอัตโนมัติ

    อันนั้นคือประเด็นแรก..ส่วนประเด็นที่สองเรื่องน้ำท่วม
    ไม่ว่าอนาคตที่ใครเห็นจะเป็นอย่างไรก็ตาม โปรดจงจำไว้ว่า
    ที่เห็นหนะ มันอาจจะเป็นแค่ 1 ในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ในอนาคต
    ที่มีอยู่นับอนันต์เส้นทางนะครับ และก็มันตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งเหตุและปัจจัย
    ในชั่วขณะนั้นๆเท่านั้นเอง ในขณะที่เห็นเท่านั้นเอง

    และก็อย่าลืมว่า สิ่งที่จะเป็นไปในโลกใบนี้นั้น
    มันไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว อย่างที่หลายคนเข้าใจกัน
    กาลเวลามันไม่ได้เป็นแบบเส้นตรงอย่างที่เราเข้าใจกัน
    เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง มันจึงสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ทั้งหมด
    โดยใช้กระแสจิตมวลรวมของมนุษย์ทั้งโลกนี่แหละ เป็นผู้กำหนดทิศทางของมัน
    ว่าเราอยากจะให้มันเป็นอย่างไร

    กฎแห่งกรรมนั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมไม่คิดว่า
    เราจะมีความเข้าใจมันได้ถูกต้องดีแล้วหรอกนะครับ

    เมื่อคืนนี้ผมก็มีฝันถึงน้ำท่วมเหมือนกันครับ แต่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก
    แค่รู้สึกว่า ตัวเองอยู่ในกรุงเทพ ที่ไหนซักแห่ง
    แล้วได้ยินผู้ว่าฯออกมาประกาศว่าจะขอผันน้ำ หรือระบายน้ำผ่านเขตนี้หน่อย
    เพราะว่าครั้งก่อนรู้สึกว่าเขตนี้รับมือน้ำท่วมได้ดีมาก
    และจะใช้เวลาระบายน้ำผ่านแค่ 6 วันเท่านั้นเอง อะไรแบบนั้นหนะนะครับ

    สรุปว่า ไม่มีอะไรต้องไปซีเรียส และ ไม่มีอะไรที่จะต้องไปจดจ่ออยู่กับมันด้วย
    เพราะเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุด และ เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเรา
    ก็คือ "ความคิดร้ายๆของเรา" นี่เองตะหากหละครับ

    ........................................................
     
  11. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    คุณ Chayutt เองก็ดูเรื่อง The Secret เหมือนกันเหรอครับ ผมมีพากษ์ไทยถ้าสนใจนะ
    ถ้าอ่าน the Secret จบเมื่อไหร่ ลองไปอ่าน The Meta Secret ด้วยนะครับจะเริ่มเห็นอะไรเพิ่มขึ้นครับ
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ไม่ใช่ผมไปเอามาจากหนังเรื่อง The Secret หรอกนะครับ
    แต่ข้อความจากต่างมิติพูดถึงเรื่องนี้บ่อยจนเป็นปกติเลยหละครับ
    และพวกเราก็เคยแปลเรื่องนี้แบบเต็มๆมาแล้วถึง 3 ตอนด้วยกัน
    ตอนละประมาณ 20 กว่าหน้ากระดาษได้มั๊ง

    ในกระทู้ข้างล่างนี้นะครับ ซึ่งผมเชื่อว่ามันไม่เหมือนกับเวอร์ชั่นไหนในโลกนี้เลยแน่ๆ


    "ข้อความจากต่างมิติ-กฎแห่งการดึงดูด-ทำไมและเมื่อไหร่มันถึงจะได้ผล-สภาวะนิพพาน"

    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...และเมื่อไหร่มันถึงจะได้ผล-สภาวะนิพพาน.310332/

    .............................................


     
  13. Starseedz

    Starseedz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +117
    ขอบพระคุณท่าน Chayutt แต่กระผมไม่ได้คิด ว่า โลกจะมีอันเป็นไป ทำไมชอบคิดว่า
    โลกจะต้องเกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นแน่ๆ ผมไม่ได้คิดเลยขอรับบ กระผมก็แค่เห็นภาพหลังจากสมาธิด้วยความรู้ยังน้อยและรู้เท่าไม่ถึงการ กระผมก็ขอโทษด้วย นะขอรับถึงยังไงกระผมก็ขอขอบพระคุณท่านมากๆครับ
     
  14. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    ไม่รู้สินะ...
    อ่านข้อความนี้แล้ว
    เห็นโค๊ดน่ะ

    + 1 - 1
    หรือ
    - 1 + 1

    ยังงัยก็ เท่านกับ 0 อยู่ดี
    0 คือ ว่าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...