คำสอนหลวงปู่แหวน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 19 มีนาคม 2012.

  1. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เวลากิเลสมันเกิดขึ้น เกิดขึ้นทางกาย เกิดขึ้นทางวาจา เกิดขึ้นทางใจ รู้ทันมันเดี๋ยวนี้ มันก็ดัีบไปเดี๋ยวนี้แหละ ตัวสติมันปกครองอยู่เสมอ ถ้ามีสติทุกเมื่อ มันบ่ได้
    คุมมันหล่ะ ครั้นเกิดขึ้นรู้ทันมันก็ดับ รู้ทันก็ดับ คิดผิดก็ดับ คิดถูกก็ดับ พอใจไม่พอใจก็ดับที่ตัวสตินี่หล่<WBR>ะ


    หลวงปู่แหวน สุจิณโน
     
  2. crossis

    crossis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +84
    เมื่อ สองวันที่แล้ว ผมไป วัดอโศการาม ไปนั่งปฎิบัติหน้า
    พระธาตุ หลวงปู่แหวน สุจิณโน

    ขอเจริญในธรรม เช่นกัน
     
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ เมื่อมีโอกาสก็ควรที่จะกระทำครับ

    สาธุครับ
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    จาโค ปฏินิสฺสคฺโค สละคืนถอนออกจากใจนี้เสีย... ตัณหาทั้งหลายก็ไหลมาจากเหตุ ให้ละวางเสียให้หมด ให้ตั้งอยู่ในศีล ในทาน ในการบำเพ็ญกุศล ละบาปเสียให้หมดทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ ที่ทุจริตออกหมดแล้ว จะเหลือแต่สุจริตธรรมตั้งอยู่ใน<WBR>ศีล กายก็เป็นศีล วาจาก็เป็นศีล ใจก็เป็นศีล เป็นธรรม เป็นมรรค เป็นผล ตั้งขึ้นในจิตใจ สุจริตธรรมตั้งอยู่แล้วจิตก็เบา<WBR>สบาย

    หลวงปู่แหวน สุจิณโน
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ใกล้ตาย จึงนึกถึงพระ มีทุกข์มาถึง จึงนึกถึงพระศาสนา

    "บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัว มักไม่เห็นคุณพระศาสนา มัวเมาประมาท ปล่อยกายปล่อยใจ ให้ประพฤติทุจริตผิดศีลธรรมอยู่<WBR>เป็นประจำนิสัย เห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มีนั่นแหละ จึงได้คิดถึงพระ คิดถึงศาสนา แต่ก็เป็นเวลาที่สายไปแล้ว

    ทำความดีให้เป็นที่อยู่ของจิต
    ...

    ความดีนั้นเราต้องทำอยู่เสมอให้<WBR>เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต ให้เป็นมรรค คือ ทางดำเนินไปของจิต มันจึงจะเห็นผลของความดี ไม่ใช่เวลาใกล้จะตาย จึงนิมนต์พระไปให้ศีล ให้ไปบอกพุทโธ หรือตายไปแล้วให้ไปรับศีล เช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดทั้งห<WBR>มด

    เหตุว่าคนเจ็บ จิตมัวติดอยู่กับเวทนา ไฉนจะมาสนใจไยดีกับศีลได้ เว้นไว้แต่ผู้ที่รักษาศีลมาเป็น<WBR>ปกติเท่านั้น จึงจะระลึกได้ เพราะตนเองเคยทำมาจนเป็นอารมณ์ข<WBR>องจิตแล้ว แต่ส่วนมากใกล้ตายแล้วจึงเตือนใ<WBR>ห้รักษาศีล

    ส่วนคนตายแล้วไม่ต้องพูดถึง เพราะคนตายนั้นร่างกายจิตใจจะไม่<WBR>รับรู้ใดๆ แล้ว แต่ก็ดีไปอย่างเหมือนพระเทวทัต ทำกรรมจนถูกแผ่นดินสูบ เมื่อลงไปถึงคางจึงระลึกถึงความ<WBR>ดีของพระพุทธเจ้า ขอถวายคางเป็นพุทธบูชา พระเทวทัตยังมีสติระลึกถึงได้ จึงมีผลดีในภายภาคหน้า

    ความดีเราทำเองดีกว่า

    แม้เปรตตนนั้นก็เหมือนกัน ตายไปแล้วจึงมาขอส่วนบุญ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ทำอันตรายแม้<WBR>พระพุทธรูป แผ่เมตตาให้ไปได้รับหรือไม่ก็ไม่<WBR>รู้ สู้เราทำเองไม่ได้ เราทำของเรา ได้มากน้อยเท่าไรก็มีความปิติ อิ่มเอิบใจเท่านั้น

    ธรรมทั้งหลายไหลมาจากเหตุ กายก็เป็นเหตุอันหนึ่ง วาจาก็เป็นเหตุอันหนึ่ง ใจก็เป็นเหตุอันหนึ่ง ทางของบุญหรือบาปเหล่านี้มีอยู่<WBR>ในตัวของเราเอง ไม่ได้อยู่ที่ไหน เราทำเอง สร้างเอง อย่ามัวมั่วอดีต เป็นอนาคต มีแต่ปัจจุบันเท่านั้นที่เป็น "ธรรมดา"

    ความดีต้องทำในปัจจุบัน

    สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้ว เลยมาแล้ว เราไม่สามารถไปตัด ไปปลงมันได้อีกแล้ว สิ่งที่เราทำไปนั้น ถ้ามันดีมัน ก็ดีไปแล้ว ผ่านไปแล้ว พ้นไปแล้ว ถ้ามันชั่วมันก็ชั่วไปแล้ว ผ่านไปแล้ว เช่นกัน

    อนาคตยังมาไม่ถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง เราก็ยังไม่รู้เห็นว่ามันจะเป็น<WBR>อย่างไร อย่างมากก็เป็นแต่เพียงการคาดคะ<WBR>เนเอาเอง ว่าควรเป็นยังงั้น เป็นยังงี้ ซึ่งมันอาจจะเป็น ไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดคะเนก็ไ<WBR>ด้

    ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราได้เห็นจริง ได้สัมผัสจริง เพราะฉะนั้นความดีต้องทำในปัจจุ<WBR>บัน ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี ต้องทำเสียในปัจจุบันที่เรายังมี<WBR>ชีวิตอยู่ เราต้องการความดี ก็ต้องทำให้เป็นความดีในปัจจุบั<WBR>นนี้ ต้องการความสุข ต้องการความเจริญ ก็ต้องทำให้เป็นไปในปัจจุบันนี้<WBR>....."

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
     
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ...คำว่า "สติ" รู้ในปัจจุบัน
    สัมปชัญญะ ก็รู้ในปัจจุบัน รู้ในตน รู้ในใจเรานี้แหละ

    รู้ในปัจจุบัน
    รู้ละความโลภ ความโกรธ ความหลง
    ...

    ราคะ กิเลส ตัณหา เหล่านี้ ละออกให้หมด
    ละออกจากใจ ละอยู่ตรงนี้แหละ "สติ" ..

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    "...อดีตเป็นธรรมเมา อนาคตเป็นธรรมเมา จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ในปัจจุบัน ตัดตัณหา ตัดกิเลส ตัดมานะทิฏฐิ ตัดความยึดมั่นถือมั่นของตนให้เ<WBR>สร็จลงก็สงบได้..."

    หลวงปู่แ<WBR>หวน สุจิณโน
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    "ต้องการ ละ ความพยาบาท หรือ ความคิดปองร้าย ต้องหมั่นเจริญเมตตา หรือ ไมตรีจิต คิดให้ผู้อื่นมีความสุข ต้องการ ละ ความคิดเบียดเบียนผู้อื่น ต้องหมั่น เจริญ กรุณา หรือ เอ็นดู คือช่วยเหลือผู้อื่นพ้นทุกข์ ต้องการ ละ ความอิจฉาริษยา ต้องหมั่น เจริญมุทิตา หรือ พลอยยินดีเมื่อผุ้อื่นได้ดี ต้องการ ละ ความขัดใจ ต้องหมั่น เจริญอุเบกขา หรือ การวางใจเป็นกลาง ต้องการ ละ ความกำหนัดยินดี ต้องหมั่น เจริญอสุภะ หรือ เห็นความไม่งามเบื้อหลังความงาม<WBR> ต้องการ ละ ความถือตัวถือตน ต้องหมั่น เจริญ กฎการเปลี่ยนแปลง ให้เข้าใจ"

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
     
  9. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ละบาปอกุศล ต้องละที่ใจ วางที่ใจ เอาใจละ เอาใจวาง เอาใจถอน จึงใช้ได้....

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
     
  10. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    พี่xครับ มาต่อเรื่อง ดูไอ้นั่น...แล่ะ จำได้เปล่า

    ที่พี่เคยบอกว่ายิ่งดูจิตใจเราหรือพลังเรายิ่งถดถอย

    เนี่ยผมมาสงสัยตรงนี้แล่ะทำไมล่ะครับก็เราดูให้คนอื่นเราสงเคราะห์ให้คนอื่น

    มันน่จะดีกับเรามากๆนี่แล่ะทำไมจิตใจเราหรือพลังเรายิ่งถดถอยผมเช็กดูตัวเองแล้วผมสงเคราะห์ให้คนอื่นเยอะมากๆแล้วเริ่มมองดูผมก็เริ่มถดถอยจริงๆอ่ะครับ
     
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เพราะจิตใจจะหมกหมุ่นกับการดูให้ผู้อื่นครับ จึงเกิดเป็นความขุ่นมัวครับ

    เป็นการสร้างความเคยชินให้กับจิตครับ จิตใจจะคอยครุ่นคิดแต่เรื่องที่จะคอยดูให้ผู้อื่น

    จนจิตใจเกิดความอ่อนล้า พลังงานจึงถดถอยครับ จริงๆแล้วควรดูจิตของตนเองครับ

    จะทำให้จิตใจมีพลังมากขึ้นครับ คือ สติจะมีมากขึ้น และ สัมปชัญญะจะมีมากขึ้น

    พอเข้าใจนะครับ หากไม่เข้าใจผมจะอธิบายให้ละเอียดขึ้นครับ

    สาธุครับ
     
  12. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ครับผม สาธุ คือง่ายๆให้รวบรวมกำลังแล้วปฏิบัติแบบเดิมเดี๋ยวก็กลับมาเองใช่ไหมครับ
     
  13. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ต้องทำเลยครับ อย่ามัวแต่คิดอย่างเดียวครับ ผลจะเกิดขึ้นต้องเมื่อลงมือปฎิบัติครับ

    สาธุครับ
     
  14. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    " บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก<WBR> ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของค<WBR>นอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้อง ทำเอาเอง "

    หลวงปู่แหวน สุจินโณ
     
  15. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ทำใจให้เหมือนกับทองคำ วางไว้เฉยๆ ใครจะด่า ใครจะว่าก็ให้เฉยๆ เหมือนกับก้อนทองคำนี้ ทองคำเป็นของมีค่า ฉะนั้น ต้องทำตัวทำใจให้เหมือนกับทองคำ

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...