หลวงปู่มั่นพบพระพุทธเจ้าและยืนยันว่านิพพานไม่สูญ

อนุโมทนาบุญครับ....ฟังอีกครั้งก็ชุ่มใจ ปิตีเกิดขึ้นตลอดเวลา.

 

ขอร่วมอนุโมนาบุญด้วยครับ

 

มาร่วมกันชำระหนี้พระสงฆ์ ได้ที่นี่นะครับ

 

ร่วม อนุโมทนาบุญด้วยครับ.^./|\.^.

 

ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง 20 ชั้นพรหมโลก 6 ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง 4 มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ
ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นมิตรและศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงโมทนาในส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญ ? อนุโมทนาบุญ สาธุ........

 

ขออนุโมทนาสาธุครับ
ที่มาของบทความนี้ เป็นตอนหนึ่งในหนังสือ
ประวัติพ่อแม่ครูอาจารย์
พระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
แต่งโดยรวบรวมจากความทรงจำของ
อาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
หนังสือหนาราว ๓๐๐ กว่าหน้า
ไม่มีขายในท้องตลาด
แต่มีผู้พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน (เพื่อนผมร่วมพิมพ์แจก ๖๐๐ เล่ม เมื่อปีที่แล้วตอนนี้แจกหมดแล้วมั๊งครับ)
ผมอ่านไป ก็น้ำตาร่วงไปไม่รู้ตัวเพราะซาบซึ้งในปฎิปทาของพระอาจารย์มั่น องค์หลวงปู่ใหญ่ อย่างสุดจิตสุดใจ
ท่านเป็นพระผู้มีมหาเมตตาต่อศิษย์ของท่านทุกรูปทุกองค์
และรวมทั้งสัตว์โลกทั่วแดนโลกธาตุ อย่างหาที่เปรียบมิได้
( ie.,ท่านฯแสดงธรรมโปรดจ้าวป่าจ้าวเขาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่ถ้ำสาริกา นครนายก ให้กลับจิตกลับใจคลายความยึดมั่นถือมั่นในตน
ท่านฯโปรดชาวป่าชาวเขาในดงลึกที่เชียงใหม่ ที่ขนานนามองค์หลวงปู่ฯและพระที่ธุดงค์ไปด้วยกันว่าเป็น เสือเย็น ท่านฯเกรงว่าชาวป่าชาวเขาเหล่านั้นจะตกนรกทั้งหมดโดยไม่รู้ตัวที่กล่าวปรามาสและปฏิบัติไม่ดีต่อท่านในคราวแรก ด้วยมหากรุณาจึงตัดสินใจพำนักอยู่โปรดสัตว์และอบรมสั่งสอนธรรมแนะให้บริกรรมภาวนาพุทโธ อยู่นานนับเดือน จนชาวบ้านรู้ธรรม
ท่านฯโปรดแสดงธรรมให้เทวดาฝรั่ง ที่มาเยือนกราบสนทนาธรรมกับองค์ท่านในป่าเขาแดนอิสานฯลฯ)

อาจารย์หลวงตาพระมหาบัวฯ ท่านก็กล่าวเทศนาธรรมเช่นกันว่า ...นิพพานเป็นของเที่ยง
องค์หลวงตาฯ ท่านเป็นพระอุปัฏฐากประจำองค์หลวงปู่มั่นฯ ตลอดเวลา ๘ปี ท่านเคารพรักเทิดทูนองค์หลวงปู่ฯอย่างสูงสุด
ยกย่องให้เป็นพ่อเป็นแม่เป็นครูบาอาจารย์
เป็นจอมปราชญ์ผู้เสิศเลอ เป็นพระอรหันต์ในยุคสมัยกึ่งพุทธกาล

องค์หลวงตาฯเป็นตัวอย่างของผู้เป็นยอดแห่งกตัญญูกตเวทิตา โดยปฏิบัติดูแลรับใช้ใกล้ชิดองค์หลวงปู่มั่นฯ ด้วยความเคารพรักเทิดทูนจนกระทั่งวาระสุดท้ายแห่งองค์หลวงปู่มั่นฯ


ข้าพเจ้า ขอนอบน้อมกราบสักการะบูชา ต่อพระอริยเจ้าทั้ง ๒ พระองค์ ด้วยหัวใจอย่างสูงสุดและตลอดชีวิต..ครับ

 

เชื่อค่ะ

 

ธรรมะของหลวงปู่ง่ายมากค่ะ ที่จำมาจากบรรพบุรุษ

อยากรวย ให้ตัดความตระหนี่ออกไปเสีย

 

นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา

 

อนุโมทนา ทางเดียวที่จะทำให้เห็นแจ้งรู้จริง ก็คือ เพียรปฏิบัติด้วยตนเอง
ให้ได้ แต่ก็คงต้องใช้เวลาพอควรกว่าจะถึงวันนั้น แต่ก็เป็นความหวัง
ที่ข้าพเจ้าประสงค์เป็นอย่างยิ่ง

 

เเล้วข้อมูลทั้งหมดได้มาจากที่ไหน อย่างไรล่ะท่าน ชี้เเจงด้วย

 

สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น เกิดจากการปฎิบัติจริง มิใช่เกิดจากสัญญาความจำจากปริยัติ ขอโมทนาที่นำเรื่องของหลวงปู่มั่น มาให้อ่านครับ

 

ตอบคุณ avicha
ข้อมูลทั้งหมดนี้ มาจากหนังสืออัตชีวประวัติของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ที่รวบรวมจากความทรงจำของท่านอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ชื่อหนังสือ ประวัติพ่อแม่ครูอาจารย์ พระจารย์มั่น ภูริทัตโต ครับ

อาจจะมีบันทึกในหนังสือเล่มอื่น ที่เป็นอัตชีวประวัติของพระจารย์มั่น ฯ ที่ถูกบันทึกโดยศิษย์พระองค์อื่นๆ ก็ได้ เช่น ที่บันทึกโดยหลวงพ่อวิริยังค์ แห่งวัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101/1 ชื่อ......???
แล้วก็มีอีกเล่มชื่อ ประวัติพระบูรพาจารย์ ครับ

 

ขอนำคำครูบาอาจารย์มาเล่ากันฟังน่ะครับ บางครั้งเราทำความเข้าใจไม่ดีพอ อาจจะทำให้มีมุมมองและเข้าใจผิดได้

นิพพานสูญ หมายถึงนิพพานสูญจากกิเลส หรือเป็นสภาวะที่อยู่เหนือพ้นจากขันธ์๕ ก็ได้ คำว่านิพพาน มันพ้นจาก อัตตาหรืออนัตตา มันไม่ใช้ทั้ง 2 อย่าง แต่ทุกอย่างในโลกสมมุติ มันมีอัตตาและอนัตตา แต่คนทั่วไปเห็นแค่อัตตา แต่เมื่อจิตใจพ้นความปรุงแต่งทั้งหลาย เราก็สามารถที่พบกับสภาวะนิพพานได้ครับ

 

แดนนิพพาน
น่าจะอยู่
จิตจักรวาล
หนึ่งเดียว คือ
ความดีงาม
ความรัก ต่อ
ทุกสรรพสิ่ง ใน สากลจักรวาล
อ.ปริญญา ตันสกุล

 

พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงอธิบายว่า พระอรหันต์ผู้บรรลุนิพพานเมื่อดับขันธ์แล้วจะ
อยู่ในสภาพเช่นใด การอธิบายทำได้ในลักษณะเพียงว่า นิพพานคือการดับทุกข์ สิ้นตัณหา เหมือนไฟที่ดับจนสิ้นเชื้อไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาได้อีก สำหรับพระอรหันต์ที่ปรินิพพานแล้วนั้น พระพุทธองค์ไม่ทรงตรัสยืนยันถึงความมีอยู่หรือดับสูญ พระองค์ตรัสแต่เพียงว่า เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว ทั้งเทวดาและมนุษย์จะไม่สามารถเห็นพระองค์อีกต่อไป "ดูกร ภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต"(ที.สี.14/90)