เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. tossapon15

    tossapon15 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +417
    5555!สิ้นสุดการรอคอย(deejai)(deejai)(deejai)
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,064
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,044
    ส่งใจข้ามฟ้ามาช่วย ขอให้บุญรักษา พระคุ้มครองให้ท่านtoplus99ปลอดภัย มีความสุขทั้งกายและใจค่ะ(f)
     
  3. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เมื่อคืนวันที่15 ผันแปลกๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวถึงสองครั้ง จนสะดุ้งตกใจออกไปดูเห็นมีการเคลื่อนกำลังพลของทหารจำนวนมากทั้งภาคดิน และบนอากาศเต็มไปหมด

    สอบถามสาเหตุจากชาวบ้านบอกว่า เนื่องจากมีการประกาศสภาวะสงครามสู้รบ ทางไสยศาสตร์กับประเทศเขมร ครั้งใหญ่

    และฝันเห็น ส้วมสุขาตั้งอยู่กลางหลุมเหวลึกน่ากลัว

    แหมฝันได้เลอะเทอะจริงๆ แต่ก็แปลกดี สนุกตื่นเต้นดีเชียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2012
  4. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ในระหว่างช่วงปฏิบัติธรรมพูดคุยสนทนาพระอาจารย์ ท่านเขียนเลขทำนายดวงแบบเลข7ตัว9ฐาน ของตัวท่านเองเสร็จแล้ว

    จู่ๆท่าน ถามว่า "เลข 789 บวกอะไร จะได้ เท่ากับ 1111 ไอ้ทิด"
    678 บวกอะไร จะได้ เท่ากับ 1111
    456 บวกอะไร จะได้ เท่ากับ 1111
    234 บวกอะไร จะได้ เท่ากับ 1111

    ได้ย้อนถามท่านว่าเพื่ออะไร ...ท่านก็ว่าลองบวกเล่นๆ ฝึกสมองไม่มีอะไร แล้วท่านก็เอาเครื่องคิดเลขขนาดใหญ่มากๆมา กดบวกกันให้ได้เลข 1111 อยู่นั่นแหละ วนไปวนมา
    หรือท่านจะบอกอะไรที่เป็นปริศนา?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2012
  5. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ระหว่างที่นวดให้ท่าน ท่านเปรยๆว่า
    "ข้าละเบื่อร่างกายนี้จริงๆ อุตส่าห์ให้มันกินแต่อาหารดีๆ มันยังจะให้ข้าเจ็บโน่น ปวดนี่อยู่เรื่อย ข้าว่าจะประท้วงมันซักหน่อย"

    วัดถัดมาท่านก็ไม่ฉันอาหารเลย ยกเว้นนมถัวเหลือง กาแฟ
    นับรวมไปเสร็จสรรพรวมได้ 3 วันที่ท่านไม่ฉันข้าว
    แต่ท่านก็ทำงานหนักกลางแดดโดยตลอด ก็ดูท่านไม่เห็นจะสะท้านอะไร...

    ...นี่ผมนึกว่าพระอาจารย์พูดเล่นซะอีก...

    "ใช่..ข้าพูดเล่นแต่เอาจริงว่ะ...สมน้ำหน้ามัน อยากให้ข้าปวดโน่น นั่นนี่ดีนัก
    ข้าเลยไม่ให้มันกินข้าวซะเลย"

    อย่างนี้ก็มีด้วย...เฮ้อ

    มีใครสนใจวิธีประท้วงแบบนี้ไม๊? ลองดูนะ
     
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เรื่องราวล่าสุด...จากหน้า36 อยู่ตรงนี้เอง แล้วค่อยมาต่อเรื่องว่าผีเข้าเด็กวัยชายวัยรุ่นนี้มาจากอะไรกันแน่? คงรอยกยอด..และจุดสรุปอีกครั้ง

    แต่จะขอคั่น ด้วยเรื่องราวของการสนทนาธรรม ที่มาเกิดขึ้นยามค่ำคืนหนึ่ง ระหว่างพระอาจารย์,ศิษย์รุ่นพี่และ Toplus99

    ...ย้อนเรื่องในครั้งแรก ที่มีโอกาสพบเจอครั้งแรก กับ อ. ช้าง (นามสมมติ)ศิษย์พี่ผู้มีญาณทรรศนะ เมื่อต้นเดือน พฤษภาคมในช่วง ที่ข้าพเจ้ามีปัญหาชีวิตสุดๆ คร่ำเครียด
    แล้วมีเพื่อนคนหนึ่ง แนะนำว่ามีอาจารย์ฆราวาสอยู่คนหนึ่ง
    แกรู้อะไรดีๆแปลกๆเยอะ แกชอบกินเบียร์ช้างไป...ดูดวงไป พูดไม่ค่อยเพราะ กูๆมึงๆ ไม่สนใจใคร ไม่แคร์ใคร ถ้าไม่พอใจแกด่าเสียคน เสียหมู เสียหมาหมดล่ะ แกว่าแกเคยเป็นบ้าเดินรอบเมืองโคราชมาแล้ว เกือบ2ปี ก่อนบวช

    "แต่ผมว่าแกเจ๋งนะ... แกเล่นทำให้ผมเซ่อกิน..ในญาณรู้ของแก มาหลายครั้งแล้ว พี่ลองไปคุยๆกับแกดูสิ
    ผมว่าพี่น่าจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้างล่ะ...ไม่ใช่ว่าแกจะด่าแหลกหมดทุกคนเมื่อไร..บางคนแกก็พูดดีมากไม่น่าเชื่อ

    สำหรับพี่ผมว่าน่าจะคุยกันได้ดีนะ
    เพราะพี่ก็บ้าๆคล้ายแกนะ ฮ่าๆ " อ้าว..ไอ้นี่ มาหลอกด่ากันซะแล้ว


    คำที่ทักทายกันในครั้งแรก คือ อ.ช้าง พูดกับ toplus99

    "สวัสดีครับ จารย์" toplus99
    "สวัสดีครับ พระอาจารย์(.......)เป็นไงบ้าง เจอท่านบ่อยมั๊ย?" อ.ช้าง

    "...เออ ก็ไม่ค่อยได้เจอท่านมา เกือบ2 เดือนแล้วครับ" (เขารู้ได้ไงวะ ว่าเราเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ท่านนี้)

    " งง สงสัยสิ...ผมรู้ก็แล้วกันน่า.."

    ก็เราเพิ่งเจอกันนี่หว่า...

    " เอาน่า... ของแบบนี้มันมีรหัสกันอยู่.. อย่าสงสัยเลย อีกหน่อยคุณก็จะเข้าใจด้วยตัวเองนั่นแหละ..."

    อ๊ายยยะ!... เข้าท่าเว้ย!เจ๋งนิ..มันล่ะสิงานนี้

    จนเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น จึงมั่นใจว่า อ.ช้างนี่ไม่ธรรมดาแฮะ!

    เป็นรุ่นพี่ที่เคยบวชอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำ ก่อน Toplus99 หนึ่งปี และอ.ช้าง ยังคงจำคำปริศนาบางอย่าง ที่พระอาจารยท่านสั่งไว้แม่นยำ ชัดเจน และยึดถือโดยตลอดมานานเกือบ 18 ปี...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2012
  7. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    สำหรับวันที่ 16 เข้าเรียกว่าเบิ้ลครับ:cool::cool::cool:
     
  8. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    "...ผมไม่เข้าใจอยู่อย่างว่าในรอบหลายปีมานี่ เกือบห้าปีแล้วมั๊ง ที่ไม่ได้พบเจอท่านเลย
    และที่ท่านพระอาจารย์ท่านไม่ยอมคุยกับผม
    ถามคำท่านก็ตอบคำ ไม่สนใจมองผมด้วยซ้ำไป...ทุกวันนี่ก็ยังไม่เข้าใจ..หรือท่านกำลังทดสอบอะไร
    ผมอยู่กันแน่" อ.ช้าง เอ่ยบอก

    "เออ..ก็น่าแปลก นะครับ"


    จนงานเททองพระประธาน วัดในเมือง
    ก่อนครั้งล่าสุดที่จะมาที่ถ้ำ...
    เราทั้งสองก็พากันนำพานขันธ์ห้า มากราบขอขมาพระอาจารย์ที่ศาลาธรรม เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วยกันทั้งคู่ พระอาจารย์ท่านก็พูดคุยเฉพาะกับ toplus99 เท่านั้น

    ขนาดที่ว่า อ.ช้างไปช่วยนวด ช่วยบีบขาแข้ง นวดนิ้วเท้าให้พระอาจารย์เป็นอย่างดี
    ท่านก็ไม่ยอมคุยหรือหันมองไปที่ อ.ช้างแม้แต่นิดเดียว

    และก่อนลากลับ
    ท่านก็เอ่ยขอบใจเฉพาะผู้เขียน เหมือนไม่มี อ.ช้างอยู่ในโลกซะงั้น?

    (ถ้าใครเป็น..ลูกศิษย์แล้วโดนแบบนี้เข้า..คงเสียใจน้อยใจน่าดู...)

    จนเมื่อToplus99 ไปปฎิบัติธรรมที่ถ้ำ แล้วพูดคุยถึงเรื่อง อ.ช้าง

    พระอาจารย์ท่านเอ่ยว่า
    "...ว่างๆให้แกมาดูดวงให้ข้าหน่อยสิ อยากเจอแกอยู่เหมือนกัน"

    " ที่จริงอ.ช้าง แกก็เก่งนะ แต่ว่าแกอาภัพ" แล้วท่านก็ไม่พูดอะไรอีก

    ภายหลัง toplus99 จากที่วัดถ้ำ จึงโทรบอก อ.ช้าง ว่าพระอาจารย์อยากพูดคุยด้วย

    เหมือนเสียงสวรรค์ ที่อ.ธงชัย รอคอยมานานนับสิบๆปี ฟังดูน้ำเสียงแล้วเหมือน อ.ช้าง แกตื่นเต้นดีใจมากที่ พระอาจารย์ท่านจะขอคุยด้วย..ซะที (น่าสงสารจัง..ฮิฮิ)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2012
  9. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ..จ้องหาจังหวะเชียวนะ แล้ว วันที่16 มันเกี่ยวอะไรด้วย?

    ไม่ต้องตอบนะ..ตัวใครตัวมันล่ะกัน
     
  10. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    จนผลการสนทนาเริ่มขึ้น เมื่อ อ.ช้าง เข้ากราบพระอาจารย์พร้อม toplus99

    ถึงคราวนี้พระอาจารย์ที่เดิม นั่งอยู่บนม้านั่งไม้ทรงมังกร ก็ลงมานั่งใกล้ๆกับเราทั้ง2 คน
    ในลักษณะ เป็นมุมสามเหลี่ยม และเป็นในแบบที่สะใจ อ.ช้าง เสียที
    พร้อมเฉลยสิ่งที่ค้างคาใจเหลือเกิน..แบบหมดจดสดใจ

    และขอทบทวนการพยากรณ์ดวง ของพระอาจารย์ เพื่อเป็นการยืนยันความเป็นไปต่างๆ พร้อมหนทางแก้ไขปัญหาพระอาจารย์อีกครั้ง จากญาณทรรศนะจากสิ่งที่ผุดรู้ ของอ.ช้าง ที่ยอมรับว่าไม่ธรรมดา...

    ผลสรุป..ได้รับรู้เรื่องราวมากมาย ที่เป็นขวัญกำลังใจแก่เรา ศิษย์พี่-น้อง ได้เป็นอย่างดี

    ก่อนลาท่านเพื่อพักผ่อน
    พระอาจารย์ ท่านนำรูปภาพ รอยลายนิ้วมือประทับหัวแม่โป้งลง ชัดเจน
    บนแผ่นทองคำหนา น้ำหนัก 5 บาท จำนวนสองก้อน เพื่อส่งให้พระเถระผู้ใหญ่ ตามคำขอ.

    "...ทำไมมีรอยนิ้วมือได้ล่ะครับ"

    "ข้าก็กดลงไปในแผ่นทองคำ ตอนเป็นน้ำทองร้อนๆ ละลายใกล้จะแข็งตัวนี่แหละ
    ให้มันรู้กันไปว่ามันไม่ใช่ปัญหา ถ้าจะทำ แตก็เล่นเอาเถ้าแกร้านทำทอง ทำหน้าเหรอหรา มึนงงไปเหมือนกันว่าทำได้ไง ฮ่าๆ"

    โอ้..อเมซิ่ง กดประทับลายนิ้วมือบนน้ำทองร้อนๆ มันกี่จะองศากันหว่า?
    คนทั่วไปทำ เนื้อมิหลุดยุ่ยติดทองไปแล้วหรือ..ว้าว..
    =========
    และผล สรุปจบลง ที่ toplus99 และ อ.ช้าง ก็เดินอมยิ้มกลับขึ้นที่พักบนเขา แบบชื่นใจ..ในสิ่งที่ สงสัยค้างคาใจถูกปลดปล่อยออกไปเสียที
    ทั้งทีคงเหลือเวลานอนอีก ไม่ถึง2ชั่วโมง

    ส่วน toplus99 ก็สับสนตัวเอง ว่าเส้นทางธรรมข้างหน้าจะเป็นเช่นไรอีกหนอ
    ..ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2012
  11. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    สาธุ สุดยอดครับ ท่านโชคดีครับที่พบครูบาอาจารย์ที่ประเสริฐ
    สังขารร่างกายมันเป็นไปตามกิเลสในใจเรา เอาใจมันมากก็เรื่องมาก หลายเรื่องอยู่ที่ใจของเรา ถ้ารู้จักวิธีเอาชนะได้ก็ประเสริฐแท้ อย่างผมก็เคยแค่ฝึกให้กินแต่น้อยๆ แต่ยังไม่อาจหาญขนาดอดอาหารไป 3 วันแบบนี้
     
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ขอบคุณในน้ำใจอันดีงามครับ..

    ในสิ่งที่พระอาจารย์ท่านทำลงไป ก็ไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าบำเพ็ญทุกข์กิริยา จนเกินไปนัก

    หากเทียบจากอดีตที่ท่านเคยบำเพ็ญมาสาหัสกว่านี้มากนัก ถึงขั้น อุกกฤษเอาชีวิตเข้าแลกเลยทีเดียว ตามคำชี้แนะทางสายหลวงปู่ใหญ่

    เพียงครั้งนี้ ท่านน่าจะพิจารณาแล้วว่า..
    จริตของท่านมันประเภท...ชอบของจริง
    " จริตข้ามันอย่างหนา มันต้องทดสอบทุบด้วยฆ้อนปอนด์ ว่ามันจะมีอะไรมั๊ย?"

    อดข้าวเพียง3 วัน ฉันแต่เครื่องดื่มประเภทน้ำ นับว่าเบามาก สิวๆ..ว่างั้น

    ท่านเคยอดอาหารประเภทขบเคี้ยว และอาหารอื่นๆยกเว้นประเภทน้ำ ตลอดพรรษากลางป่าดงลึกก็บำเพ็ญมาแล้ว

    หรืออธิษฐานว่าจะไม่ยอมนอนตลอดพรรษา หลังไม่แนบพื้นท่านก็ทำมาแล้ว แต่ท่านไม่ยอมบอกใคร
    เนื่องจากสัจจะอธิษฐาน..จนเวลาผ่านไปนับปีท่านจึงบอก ภายหลังว่า พรรษาที่ผ่านมา ท่านไม่ได้นอนเลยทั้ง3เดือน

    สายอภิญญานี้ท่านทดสอบกัน หนักหนาสาหัสและแรงจริง ตายเป็นตาย ธรรมะเหนือเป็นเหนือตาย ไม่มีเล่นๆ
    หลวงปู่ครูบาอาจารย์โลกทิพย์ ท่านไม่ปล่อยยอมง่ายๆหรอกครับท่านทั้งหลาย..ไม่งั้นไม่เจอของจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2012
  13. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    [​IMG]
    ต่อตอน#ลูกทีมคณะเชิดสิงโต เผลอนอนหลับ ร้องดิ้นตัวแข็งใต้ต้นโพธิ์ใหญ่

    เดินเรื่องต่อ..หลังจากว่างเว้นเรื่องเดิมนาน จนเกือบลืม...

    "พระอาจารย์เกิดอะไรขึ้นกับเด็กเชิดสิงห์โต?"

    " เรื่องคืองี้ เด็กที่มานี่มีวิญญาณของย่าเขาที่เพิ่งตายไปได้ไม่นานติดตามด้วย เพราะวิญญาณนั้นรับรู้ว่า หลานคนนี้จะมาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ มีการบวงสรงพิธีกรรมเหล่าเทพยดาหลวงปู่ครูบาอาจารย์ใหญ่ คือเขารับรู้ในกระแสแห่งบุญว่างั้นนะ..เข้าใจง่ายๆแล้วกัน

    ก็เลยเกาะติดเด็ก คือไอ้เทพ มาจากกรุงเทพ มาที่ถ้ำแห่งนี้เพื่อมาขอรับอนิสงค์ทานบุญกุศล และมาคอยชื่นชมบุญของเหล่าเทพเทวดาทั้งหลาย

    แต่เมื่อมาถึงงานแล้วไม่สามารถเข้าใกล้งานได้เลย เพราะพลังบารมีของตนไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้ ด้วยเนื่องจากด้วยมีเหล่าทั้งเทพเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ตลอดถึงมีมวลบรรดายักษ์สัมมาทิษฐิ ผู้มีหน้าที่ พิทักษ์รักษาศาสนาพุทธกีดกั้น ไม่ให้เข้าใกล้มณฑลพิธีได้
    วิญญาณย่าของเด็กนั้นก็กลัวหวาดหวั่น งันงก จึงทำได้แต่ชะเง้อมองหา เพียงระยะไกลๆนับเป็นกิโล ๆเมตรจากที่นี้ เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาใกล้พิธีได้หน่อย หลังจากเทพดาชั้นผู้ใหญ่ถอยกลับคืนสู่เบื้องบนเมื่อหยุดพักการบวงสรวงพิธีนี้เท่านั้น จึงนึกน้อยใจในบุญวาสนาตน

    ที่สมัยเป็นมนุษย์ว่าไม่ได้ใส่ใจบำเพ็ญกุศล ด้วยทาน การรักษาศีล เจริญภาวนาเลย คงทำแต่เพียงทำทานบ้างเล็กๆน้อย ตามสมัยตามโอกาสเท่านั้นเพราะไม่เข้าใจว่าทำเพื่อสิ่งใดให้ประโยชน์ยังโลกหน้า ไม่ได้สร้างกรรมชั่วร้ายนัก แต่ก็ไม่ได้ฝักใฝ่ใส่ใจศึกษาในธรรมมะของพุทธเจ้าเท่าที่ควร อ้างว่า..โน่นนี่กันไปตามเรื่อง ตามแต่จะนึกได้กันไป

    ไม่ควรค่าแก่มนุษย์ที่เกิดมาพบพระศาสนาอันประเสริฐ สิ้นชีพแล้ว จึงมาสำนึกก็สายเสียแล้ว

    ...ครั้นมีโอกาสเมื่อหลานของตนมาหลบพักเหนื่อยนอนหลับ ใต้โคนต้นโพธิใหญ่ วิญญาณของย่านั้นจึงเข้ามาแฝงสังขารหลานตนเอง ร้องไห้คร่ำครวญร้องทุกข์เวทนา เพื่อให้รับรู้ขอส่วนบุญ ส่วนกุศล

    "...เอ็งเห็นมั๊ยนี่แหละ คนที่ประมาทใน ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ มันเกิดอะไรขึ้น?"

    " นี่ขนาดว่าวิญญาณนี้ไม่ได้สร้างบาปกรรมหนักนะ.. ยังน่าเวทนาสงสารปานนี้ แล้วไอ้พวกที่ชอบสร้างบาป สร้างกรรม โลภบังตา โกงบ้านโกงเมือง เบียดชีวิตผู้อื่น อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ไม่เชื่อว่าเวรกรรมว่ามีจริง ให้ผลจริง มันจะสาหัสเพียงใด..ไอ้ทิดเอ๊ย!"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2012
  14. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ขาดหายไปนาน...จะพยายามลำเลียง สายพานไปเรื่อยๆตามกำลังสมองสติปัญญา

    ประสบการณ์ ที่พึงมี พึงได้ ทำหน้าที่ต่อไป..

    ผู้คนสนใจ หรือไม่สนใจบ้างก็ไม่เป็นไร..

    เพราะฉันพอใจแล้ว...ที่จะทำหน้าที่ของฉันต่อไป..

    เหมือนการพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรีไปเรื่อยๆ
    ..แม้ไม่มีคนอ่าน

    หรือแม้เพียง หนึ่งในร้อย... หากไปพบเจอหนังสือที่ฉันพิมพ์แจก
    แม้นว่า..เกิดมีจิตเป็นกุศล เป็นบุญ มากบ้าง น้อยบ้าง...ก็สุขใจแล้ว

    .. ว่าฉันได้ทำหน้าที่..ตามกำลังความสามารถของความเป็นมนุษย์ได้ดีมากแล้ว

    ตามกำลังที่ฉันพอมี..และทำได้ ในเวลานี้


    เพราะเรื่องของฉันที่จะเสนอต่อไป..รับรองมันส์ อิ อิๆๆ
     
  15. tossapon15

    tossapon15 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +417
    อ่ะอ่ะเอาอีกแล้วท่านอามาแหย่ให้ตามแล้วอย่าหายไปอีกนะคร้าบบบ!(f)
     
  16. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    อย่าเคืองไปเลย...

    เพราะจนใจดอกเจ้า

    งั้นมาต่อเรื่อง ฝรั่งรัสเซียฝึกปฏิบัติธรรมค้นหาโมขธรรม จนมาพบ ณ ถ้ำแห่งนี้ พบหลวงปู่ใหญ่มาสอน คุณธรรมชั้นสูงในสมาธิญาณ

    กันเลยดีกว่าขายดีแน่!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2012
  17. tossapon15

    tossapon15 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +417
    ขอบคุณครับผมกำลังหาเรื่องสร้างกำลังใจจะได้ละความขี้เกียจลงบ้าง ช่วงนี้ความเพียรลดครับ
     
  18. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ว่าด้วยเรื่อง

    ตอน#ลูกทีมคณะเชิดสิงโต เผลอนอนหลับ ร้องดิ้นตัวแข็งใต้ต้นโพธิ์ใหญ่

    และเรื่อง # สืบเนื่องจากเรื่อง DUO คู่หลอน หลังจากสาวออสเตรเลียกลับไปแล้ว หน้า 35

    อยากบอกเป็นนัยยะ...ว่า
    เมื่อยามมีวาสนาได้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วหากประมาทในบุญกุศล
    กระทำพลาดพลั้งทำชั่วด้วยกิเลส บาปหยาบช้าทั้งปวง
    ดวงจิต วิญญาณอยู่ในแห่งอบายภูมิทั้ง 4 แม้เกิดเป็น อสุรกายที่มีฤทธิ์ หรือ เกิดเป็น ยมทูต ยมบาล ในนรกภูมิที่มนุษย์ทั้งหลาย หลังความตาย หวั่นเกรงกันนักก็ตาม

    ..แม้ยามนั้น กระแสแห่งบุญกุศลอันน้อยนิด ก็ยากจะเข้าใกล้แก่ผู้มีบุญกุศลที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ที่จักมี รัศมีธรรมสว่างไสวอันเรืองรอง มิได้ได้โดยง่าย เช่นกัน

    ดังตัวอย่างเรื่องนี้แล..


    อายุวัฒนกุมาร

    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน<O:p</O:p


    <O:p</O:p

    สำหรับบุคคลตัวอย่างในวันนี้ ก็จะนำเอาเรื่อง “อายุวัฒนกุมาร” มาเล่าให้ท่านได้อ่านกันอีก เรื่องนี้ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าไม่เข้ากับการเจริญพระกรรมฐานนัก แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธบริษัทก็จะได้ทราบชัดถึงกฎแห่งปาณาติบาต หรือว่าการต่ออายุเนื่องในบุคคลที่ถึงอุปฆาตกรรม ที่เรียกว่าจะตายในระหว่างอายุยังไม่สิ้นอายุขัย ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงกระทำเอง
    <O:p</O:p
    เรื่องนี้มีอยู่ว่า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอาศัย “ฑีฆะลัมพิกะนคร” และก็ทรงประทับอยู่ในกุฎีในป่า ทรงปรารภกุมารผู้มีอายุยืนเป็นเหตุ สมเด็จพระบรมไตรโลกเชษฐ์ได้ตรัสคาถานี้ว่า “อภิวาทะนะสีลิสสะ” เป็นต้น ความมีอยู่ว่า มีพราหมณ์สองสหายเป็นคนชาวฑีฆะลัมพิกะนคร บวชในลัทธิภายนอกพระพุทธศาสนา ที่เราเรียกว่า “เดียรถีย์” บำเพ็ญตบะสิ้นกาลนาน
    <O:p</O:p
    คำว่า “ตบะ” แปลว่า อุบายเป็นเครื่องทำลายกิเลส หรือเผาผลาญกิเลส หรือว่าอุบายเป็นเครื่องทำลายกิเลสให้เร่าร้อนทำให้กิเลสสิ้นไป
    <O:p</O:p
    เฉพาะเวลาที่ปฏิบัติสมณะธรรมอยู่นี้ สิ้นเวลาได้ถึง 48 ปี (น่าคิด นานมาก) พราหมณ์สองคนนั้น คนหนึ่งคิดว่าประเพณีของเราจะเสื่อมเสียแล้ว นี่หมายความว่าการประพฤติปฏิบัติในสมณะธรรมหรือในตบะเป็นไปไม่ได้ดี ถ้าขืนอยู่ก็จะเสีย จึงดำริต่อไปว่า ถ้าเราปฏิบัติเอาดีไม่ได้ จิตใจยังโลภโมโทสัน มีความกระสันในระหว่างเพศ มีความอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลงอย่างนี้ เราสึกดีกว่า


    เมื่อดำริดังนั้นแล้วจึงได้ขายบริขารคือเครื่องทำตบะไว้ให้แก่คนอื่น เมื่อสึกออกมาแล้วก็ได้ภรรยา การได้ภรรยาคนนี้ต้องเสียค่าอะไรกันบ้างล่ะ สมัยนี้เขาเรียกว่าเสียค่าสินสอดด้วยโค 100 ตัว กับทรัพย์อีก 100 กหาปณะ เป็นอันว่าวัว 100 ตัว กับเงินอีก 400 บาท (100 ตำลึงก็ 400 บาท สมัยนั้นแพงมาก) ให้ตั้งไว้เป็นกองทุน ในกาลต่อมาภรรยาของเธอตั้งครรภ์ขึ้น (ยังสงสัยเหมือนกัน แกบวชเป็นพราหมณ์ตั้ง 48 ปี ตอนสึกมานี้แก่อายุเท่าไร ถ้าว่ากันอย่างน้อย ๆ ก็ปาเข้าไป 70 ปี แล้วมาแต่งงาน มันใกล้จะตายเต็มที แต่เรื่องของคนจะแต่งงานเสียอย่างมันก็หมดเรื่อง) ว่ากันต่อไป ส่วนสหายของเขาคือพราหมณ์ที่อยู่ยังต่างถิ่น ในเวลาครั้งหนึ่งก็กลับมาสู่บ้านเดิม

    <O:p</O:p
    เมื่อพราหมณ์ที่ออกมามีเมียได้ยินข่าวว่าเพื่อนเก่ามา จึงได้พาบุตรกับภรรยาไปหาพราหมณ์เพื่อน เมื่อสนทนาปราศรัยกันแล้วเวลาจะกลับแกก็เอาลูกให้ภรรยาอุ้มกราบนมัสการลา ท่านพราหมณ์ผู้เป็นเพื่อนก็บอกว่า “ฑีฆายุโกโหตุ” ขอท่านจงเป็นผู้มีอายุยืนนาน มาในตอนหลังพราหมณ์ก็ให้ลูกน้อยลาบ้าง เป็นอันว่าท่านพราหมณ์นั้นท่านนิ่งเสีย ทั้งสองคนผัวเมียก็ถามว่า “เวลาลูกของเราลาท่านทำไมไม่ให้พรแบบนั้น”
    <O:p</O:p
    ท่านก็บอกว่า
    “การให้พรแบบนี้ไม่ได้ เพราะว่าลูกของท่านจะตายภายใน 7 วัน คือจากวันพรุ่งนี้ไป 7 วัน ลูกของท่านจะตาย ถ้าเราให้พรอย่างนั้นมันก็ให้พรผิด ให้ไม่ได้”

    <O:p</O:p
    พราหมณ์ผู้เป็นเพื่อนคือผู้เป็นพ่อของเด็กก็ถามว่า “มีวิธีอะไรที่จะแก้ไขไหม” ท่านก็บอกว่า “ฉันได้แต่รู้ว่าเด็กจะตาย แต่ว่าวิธีแก้ไขนี่ฉันไม่รู้” เพื่อนจึงได้ถามต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนรู้”
    <O:p</O:p
    ท่านพราหมณ์ที่ยังบวชอยู่ก็บอกว่า “มีพระสมณะโคดมเท่านั้นที่จะรู้ คนอื่นเห็นจะไม่รู้ นอกจากพระสมณะโคดมแล้วอาจจะมีสาวกของท่านรู้ก็ได้ ความรู้ของเราไม่มีถึงขนาดนั้น”
    <O:p</O:p
    ท่านพราหมณ์สองตายายผู้เป็นพ่อแม่ของเด็ก เมื่อฟังคำนี้แล้วจึงลาออกจากสำนักมุ่งตรงไปยังมหาวิหารที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงประทับ ท่านเข้าไปเฝ้าแล้วก็ทำแบบเดิม หมายความว่าผลัดกันไหว้ นี่เข้าไปหาหมอดู

    พอพ่อไหว้ พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่า “ขอท่านจงมีอายุยืน”
    แม่ไหว้ท่านก็บอกว่าขอท่านจงมีอายุยืน”

    พอให้ลูกไหว้ พระพุทธเจ้านิ่ง ท่านก็ถามความนั้น<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2012
  19. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อเรื่อง อายุวัฒนกุมาร


    พระพุทธเจ้าก็บอกว่า นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป 7 วัน คือวันที่ 7 ลูกของท่านจะตาย ฉันให้พรแบบนี้ไม่ได้ ให้มันก็ผิด"

    พราหมณ์จึงถามองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “มีอุบายอะไรบ้างหรือไม่พระพุทธเจ้าข้า ที่จะแก้กรรมของเด็กนี้ได้ คือไม่ให้ตายในระหว่างชีวิตที่ยังเป็นเด็ก”
    <O:p</O:p
    พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า “มี”
    พราหมณ์ถามว่า จะทำอย่างไร”
    <O:p</O:p
    องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงตรัสว่า “ถ้าท่านจะพึงตบแต่งมณฑป คือทำเป็นโรงพิธีไว้บริเวณกลางลานบ้านของท่าน แล้วก็ให้ตั้งเครื่องบูชาที่มณฑปนั้น ปูอาสนะไว้ 8 หรือ 16 ก็ได้ ปูล้อมรอบตั่ง คือตั้งตั่งไว้แล้วปูอาสนะสำหรับพระนั่ง 8 ที่นั่ง หรือว่า 16 ที่นั่งก็ได้ แล้วให้นิมนต์สาวกของเราไปนั่งบนอาสนะนั้น ให้ทำการสวดพระปริตร 7 วัน 7 คืนไม่มีเวลาว่าง สวดติดต่อกันไป (สำหรับพระปริตรก็หมายความว่า มนต์ที่พระท่านสวดมนต์เป็นกันนี่แหละ พระที่สวดกันทุกวันนี่เขาเรียกว่า สวดพระปริตร) เมื่อครบ 7 วันแล้ว อันตรายของเด็กจะพึงเสื่อมไปด้วยอุบายแบบนี้ นี่เป็นวิธีต่ออายุของคนที่ยังไม่ถึงกาลสมัยที่จะต้องตายในระหว่างก่อนอายุขัยของอำนาจอุปฆาตกรรม”
    <O:p</O:p
    เมื่อพราหมณ์นั้นได้ฟังองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กล่าวว่า พระโคตมะผู้เจริญ (หรือพระโคดมผู้เจริญ) ข้าพระองค์จะทำมณฑปที่พระองค์สั่ง แล้วจะได้สาวกของพระองค์อย่างไรพระพุทธเจ้าข้า”<O:p</O:p

    พระศาสดาจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า เมื่อท่านทำกิจเสร็จแล้ว เราจะส่งสาวกของเราไป ขอให้ส่งข่าวมาก็แล้วกัน”<O:p</O:p
    พราหมณ์กราบทูลรับว่า ดีละ พระเจ้าข้า แล้วก็กลับไปสร้างมณฑปทำปะรำพิธีเสร็จเพราะกลัวลูกจะตาย ตอนนี้ไม่เหนื่อย
    <O:p</O:p
    เป็นอันว่าเมื่อเขาทำเสร็จ
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงส่งพระสงฆ์ไป (แต่ว่าจำนวนพระสงฆ์ที่ส่งไปนี่ไม่ทราบว่าเท่าไร ตามบาลีไม่ได้บอก) ไม่มีเวลาเว้น ไม่ใช่ว่าไปสวดประเดี๋ยวเดียวแล้วก็กลับ ทั้งกลางวันกลางคืนสวดติดต่อกันไปหมด กลางวันก็เต็มวัน กลางคืนก็เต็มคืน เพราะว่าเป็นของไม่หนัก เพราะเวลานั้นสาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าที่แวดล้อมพระองค์อยู่ มีถึง 500 รูป ด้วยกัน เพราะผลัดกันไป เวลาที่พระชุดนี้สวดพอสมควร พระชุดที่สองเข้านั่งแทนแล้วสวดต่อ ว่ากันอย่างนี้ถึงวันที่ 7<O:p</O:p
    พอในวันที่ 7 สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ก็เสด็จไปเอง เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไป บรรดาเทวดาก็ดี พรหมทั้งหลายก็ดี มาประชุมกันเต็มจักรวาล<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2012
  20. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อเรื่อง อายุวัฒนกุมาร

    ท่านกล่าวว่า เด็กที่จะตายนั้นเพราะอาศัยอาวะรุทธ ยักษ์ตนหนึ่งบำรุงท้าวเวสสุวัณแล้ว 12 ปี เมื่อจะได้พรจากสำนักท้าวเวสสุวัณนั้น ได้รับพรว่า “ในวันที่ 7 จากวันนี้ ท่านจงจับเอาเด็กคนนี้”

    (หมายความถึงทำให้เด็กตาย ให้ร่างกายมันตาย แต่เอาจิตใจคืออทิสสมานกายไปเป็นลูกน้องของตน) ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า อำนาจของเขาบาปปาณาติบาตในชาติก่อน เด็กคนนี้ได้ทำไว้มากจึงกลายเป็นคนอายุสั้น แต่ความจริงไม่ถึงอายุขัย เขาก็มีบุญทำไว้ ทำทั้งบุญและบาป บุญก็หนัก บาปก็หนัก แต่คราวนี้โทษของบาปให้ผลก่อน เดชะบุญที่มาพบองค์สมเด็จพระชินวรเข้า
    <O:p</O:p
    มาเล่าเรื่องนั้นกันต่อไป

    เพราะฉะนั้น ยักษ์ตนนั้นจึงได้มายืนอยู่ในวันที่ 7 คือวันอื่นเขาไม่มา พระล้อมอยู่แล้วมาไม่ได้ เพราะไม่มีวันที่จะมารับเด็ก วันที่ 7 ก็มายืนคอยท่า เพราะเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปที่มณฑปนั้น พวกเทวดาที่มีอำนาจบุญญาธิการใหญ่กว่ายักษ์ตนนั้นมาประชุมกัน และพวกพรหมก็มา อีตายักษ์ตนนั้นแกเหมือนพลทหารนี่ พลทหารไปยืนอยู่ เมื่อนายสิบมา พลทหารก็ถอยออกไปหน่อยหนึ่ง จ่ามาพลทหารก็ถอยออกไปหน่อยหนึ่ง นายร้อยมานายพันมาแกก็ถอยออกไปตามลำดับ ในที่สุดท่านมหาพรหมมาเป็นจอมทัพ พลทหารก็ไปอยู่สุดแถว ไม่มีโอกาสที่จะเอาชีวิตเด็กได้

    <O:p</O:p
    ท่านกล่าวว่า ในระยะที่อาวะรุทธยักษ์ยืนอยู่นั้น ไกลจากเด็กถึง 12 โยชน์ (แหม เทวดากับพรหมมาเยอะ) เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทำพระปริตรตลอดคืนยันรุ่ง (นี่พระองค์ก็สวดเองเหมือนกัน) เมื่อ 7 วันผ่านไปแล้ว อาวะรุทธยักษ์ก็ไม่มีโอกาสที่จะเอาชีวิตเด็กได้เพราะเลยกำหนดคำสั่ง นี่คำสั่งเขาเป็นคำสั่งจริง ๆ ผีหรือเทวดาเขาไม่เหมือนคน ไม่กลับกลอก


    <O:p</O:p
    ในวันที่ 8 พออรุณขึ้นเท่านั้น สองสามีภรรยาได้นำเด็กมาถวายองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า “ขอเจ้าจงมีอายุยืนนานเถิด” ตอนนี้ให้พรอย่างนี้ได้

    ในเมื่อพราหมณ์ผู้เป็นพ่อได้ฟังคำพรอย่างนั้น จึงได้กราบทูลถามองค์สมเด็จพระพิชิตมารว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เด็กคนนี้จะมีอายุยืนนานสักเท่าไรพระพุทธเจ้าข้า

    <O:p</O:p
    สมเด็จพระบรมศาสดาจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า “พราหมณ์ ดูก่อนพราหมณ์ เด็กคนนี้จะมีอายุยืนประมาณ 120 ปี” (แหม น่าคิด ดีนะที่บาปปาณาติบาตไม่ได้เอาไปเสียก่อน)

    <O:p</O:p
    ตอนนี้ก็ขอกระตุ้นเตือนใจนิดหนึ่งเพื่อความเข้าใจว่า การตายของคนนี้มีอยู่สองอย่าง คือ กาลมรณะอย่างหนึ่ง อกาลมรณะอย่างหนึ่ง<O:p</O:p
    สำหรับ “กาลมรณะ” นั้น จะต้องตายก่อนอายุขัยที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ก็เพราะว่าอำนาจของโทษปาณาติบาตเดิมที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมามาก มันเข้ามาริดรอนชีวิต

    ถ้าโทษอย่างนี้จะพึงมีขึ้น ถ้ารู้ทันเสีย ทำพิธีการต่ออายุได้ เพราะว่าอายุมันยังไม่หมด สมมุติว่าเขากำหนดว่าคนนี้จะเกิดเป็นมนุษย์ได้ 60 ปี พออายุ 10 ปี 20 ปี 30 ปี หรือเท่าไรก็ตาม อุปฆาตกรรมมันเข้ามาถึง โทษแห่งการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะเข้ามาปลิดชีวิตในระหว่างนี้ ตอนนี้เราทำพิธีต่ออายุกันได้ แต่ว่าการทำพิธีต่ออายุนี้ต้องมีคนรู้
    <O:p></O:p>
    คำว่า “รู้” ในที่นี้ก็หมายความว่า ต้องรู้เรื่อง ไม่ใช่ต่อส่งเดช ถ้าต่อส่งเดช ดีไม่ดีไปต่ออายุของหมอเข้า หมอบอกว่าเคราะห์ร้าย แกจะต้องตาย หมอให้ต่ออายุ พอเริ่มต่อ หมอเขาเรียกเป็นพันเป็นหมื่น เป็นอันว่าคนนั้นอายุน้อยเพิ่มขึ้น แบบนี้ใช้ไม่ได้ คนที่จะต่ออายุได้จริง ๆ ถ้าเป็นพระ ก็ต้องมีอารมณ์ไม่น้อยกว่าวิชชาสาม หรืออภิญญาหก หรือปฏิสัมภิทาญาณ น้อยกว่านั้นจะรู้เหตุนี้ไม่ได้ อย่างนี้เป็นการที่จะหลีกเลี่ยงได้ แต่ต้องหาพระประเภทนั้นให้ได้<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...