ไม่รู้ความหมาย เกิด-ดับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somchai_eee, 24 มิถุนายน 2012.

  1. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ทุกอย่าง มีประโยชน์ และไม่มีประโยชน์ เสมอ ปัญญาจะทำให้เรา นำทั้ง2 อย่าง มาใช้ได้เสมอ

    แต่หากท่าน ไม่อยากอธิบายต่อ ก็ไม่เป็นไร ครับ

    เพราะผม งง กับ คำว่า หยุดอยู่เลย

    ท่านสอนให้ดู อริยสัจจ์ ปฏิจจสมุปบาท กระบวนการขันธ์5 สติปัฏฐาน4 แล้วจะหยุด ได้อย่างไร อุปทานยังไม่หมดเลย ครับ
     
  2. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากว่าหยุดแล้วก็จะเห็น กระบวนการขันธ์ 5 อย่างชัดเจน เห็นอริยสัจจ์ สติปัฎฐาน 4

    เพราะที่คุณนำมากล่านนั้น มีการเคลื่อนไหว หากไม่หยุดย่อมไม่มีทางเห็นครับ

    ไม่ต้องอยากที่จะรับรู้ แต่ก็จะได้รู้เอง คุณลองนั่งดูช่างซ่อมมอเตอร์ไซร์

    คุณก็จะรู้ว่าอาการนี้ที่รถเป็น เป็นเพราะอะไร หากมองดูบ่อยๆ แต่ให้ทำเองก็ทำไม่ได้

    จนกว่าคุณจะได้ทดลองทำในบ่อยๆครั้ง การอยากรู้นั้น เป็นส่วนหนึ่งของความอยาก

    อาจจะต้องใช้เวลาหลายปี กว่าจะรับรู้โดยไม่ต้องนึกคิด แต่สิ่งที่รับรู้มาจากความเป็นจริงครับ

    สาธุครับ
     
  3. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608


    ผมก็เข้าใจแบบ คุณ somchai_eee ตามโพส#1 นั่นแหละ

    ที่ว่า คำแทน จิต มันมากคำ เพราะอาการมันมาก เท่านั้นเอง

    ยิ่งแจง ก็ยิ่งมาก เอากระชับแบบ คุณ somchai_eee ดีกว่า ง่ายดี
    จะเห็น ตัวจริง ของ จิต ตอน อนาคามี...มี๊...มี จวนจะเป็น พระอรหันต์ อยู่ไม่กี่นาที โน่น

    ใครมาเห็นเอาตอนอื่น ผิดหมด มรรคผิด ญาณผิด หลุดพ้นผิด

    จะกลายเป็น อสัญญีสัตว์ เอานะ จะบอกให้ หรือ จะไปอยู่กับ อุทกดาบส กับ อาฬารดาบส ดีน๊า
    กระทำอย่างไร ก็ได้อย่างนั้น อิทัปปัจจยตา อยู่แล้ว

    เป็นความเห็นส่วนตัวนะ เรียนมาอย่างนี้แหละ ใครว่าอันนี้ผิด ก็แล้วแต่ ท่าน


    มาเถียงกันตอนนี้ เหนื่อยเปล่าๆ ไว้บำเพ็ญ แล้วไปดูเองดีกว่า

    อีกสัก ล้านปี ก็ยังไม่สายหรอก เวลาสวรรค์ เวลาพรหม แป๊ปเดียวเองน่า
     
  4. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    คนอะไร เจ้าเล่ชะมัด พูดทีไรต้องมีจุดประสงร้ายเเอบเเฝงอยู่เรื่อย

    แบบนี้คนข่มขืนคนอื่นจนท้อง ก็ไม่ผิดนะสิ
    เพราะเด็กที่ต้องเกิดมานั้น เป็นหน้าที่55+

    ถามตรงๆนี้ความคิดที่ออกมาจากใจจริงเเล้วใชมั้ย ไม่ได้ปรุงเเต่งเพิ่มเเละนะ
    มันเกียวอะไรมั้ย! ลองคิดดูหน่อย ที่บอกมา
    เอาเรื่องจิตมาเกียวกับเรื่องเพศ เหอออ อ้าปากก็เห็นลิ้นเเล้วคุณ.. ไม่ต้องพูดต่อหรอก กะจะโชวสาวหรือส่งสิกอะไร มันก็ไม่เกียวกับผู้หญิง มันคนละเรื่องกัน
    เเละไปกล่าวหาว่าเค้าบัญญัติ อีก ... เค้าเเค่เเสดงความคิดเห็น

    ถามหน่อยว่า ถ้าไม่มีจิตที่เป็นธาตุรู้ จะเกิดการรับรู้จนแจ้ง(วิญญาณ)
    ในอารมณ์ตรงหน้าหรือ?

    นี้มันเป็นปัญหาที่ไม่น่าเป็นนะ มันเป็นปัญหาที่คุณนั่นยังสับสนอยู่ไม่ควรนำมาเป็นปัญหาให้คนเค้าสงสัย ล

    มีอะไรก็บอกมาชัดๆไม่ต้องอ้อมค้อม
     
  5. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    หยุดอะไรครับ หยุดแบบไหน มันมีหลายระดับนะครับ มันเหมือนคำว่า ว่าง หรือจิตว่า นั้นแหละครับ มันก็หลายระดับ หากไม่อธิบาย ใครเขาก็เข้าใจไม่ตรงกับที่เราสื่อ

    คำว่า อยากรู้ จากสภาวะตัณหา กับสภาวะ เหตุปัจจัย ก็ต่างกัน นะครับ
    อยากรู้ กับ เรียนรู้ นี้ต่างกันมั้ยละครับ

    ท่านยังไม่ดู กระแสปฏิจจสมุปบาทอีก หรือครับ (ผมเคยบอกแล้วว่า ท่านน่าไปศึกษา แล้ว วิปัสสนา มาก่อน พระพุทธองค์ย้ำให้ศึกษากันเพราะมันลึกซึ้ง ระดับนิพพานเลยนะครับ )

    หากท่านเข้าใจในกระบวนการขันธ์5 หรือ แยกธาตุแยกขันธ์ หรือ จิต กับ เจตสิก ท่านจะไม่กล่าวว่า ไม่ปรุงแต่ง หรอกครับ มันเป็นสภาวะ การทำงานของสังขาร ที่ต้องดับ อวิชชา เท่านั้น ส่วนที่พูดกัน ก็แค่สภาวะ ของทั้ง2 แบบที่ผมว่าเท่านั้น (อาจมากกว่า 2 แบบ แต่ผมสัมผัสเจอมาแค่นี้)

    ตามตำราว่าไว้ (ยังไปไม่ถึง) ว่า เมื่อ อวิชชาดับ วิชชาจะเกิดขึ้นมาแทน แล้ว การรับรู้แล้วนึกคิด นั้น จะเกิดขึ้น ตามความเป็นจริง คือไม่ปรุงแต่ง ไม่ใช่รับรู้โดยไม่นึกคิด นะครับ

    แค่เห็น อนัตตา ก็เห็นสภาวะนี้ ล่างๆ แล้วครับ

    ไม่เชื่อก็ไม่ว่ากัน เพราะผมเองยังไม่เชื่อ จิตของตัว เลย มันวิ่งไปเสวย อกุศล และ กิเลส ทุกที่ อิอิ
     
  6. รีล มาดริด

    รีล มาดริด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +717
    เหมือนสนามแข่งรถเลย ต่างก็เตรียมรถมาแข่ง ด้วยมั่นใจในสภาพรถของตนเองว่า แรง กว่า หรือ ฟิตกว่าใคร

    มาเสวนากันแบบ ตนเองรู้แบบนี้มา อยากให้คนอื่นรู้ตามที่ตนรู้...

    ค่อยๆ คุย กันครับผมว่า มีการใส่อารมณ์ เคียดแค้นชิงชังกันใน หลายๆ คอมเม้น.. ธรรมมะ ที่พระพุทธเจ้า สอนนั้น ลึกซึ้ง จน บางทีแค่อ่าน อาจไม่เข้าใจทั้งหมด ต้องลงมือ ปฏิบัติ ควบคู่ไปด้วย คำสอน จะ แจ้ง แก่ใจ และ รู้ได้ เองบางที เข้าใจ คำสอน แจ่มแจ้ง.....แต่ อธิบาย ออกมาเป็นคำพูด ไม่ได้

    น่าแปลก หาก ว่า อธิบายไม่ได้ แต่เมื่อไปอ่าน เจอในพระไตรปิฏก จิต มันตื้นตัน..เกิด ปิติ แบบว่า เข้าใจ ธรรมมะ ที่ พระพุทธองค์ ท่านสอนไว้ มัน เข้าถึงใจ แต่ พูด ไม่ออก หรือ หาก พูด ออกมา ได้ มัน ก็ เฝือๆ ไม่ถึงใจ

    ต้องลอง ปฏิบัติดู ครับ แล้วจะรู้ ว่า ปัจจัตตัง เวทตัพโพ วิญูหิ...
    มันเป็น อย่างนี้นี่เอง....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2012
  7. รีล มาดริด

    รีล มาดริด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +717
    คำว่า เกิด ดับ..ตามความเข้าใจ ของผม...

    สิ่งปรารถนาของนักปฏิบัติธรรมนั้น..ขั้นแรก ของนักปฏิบัติ คือ สิ่งที่ควร ทำให้สำเร็จก่อน เป้นหลักชัย นั้นคือ การ เห้น การ เกิด และ ดับไป ของ จิตให้ได้...นี่คือ บันได ขั้นแรก ของการ ก้าวเข้าสู่ โลก อริยะ เจ้า...

    การ เห็น เกิด และ ดับของจิต มีประโยชน์ อย่างไร...
    พระพุทธองค์ ท่านจึงทรงยกย่องมากมาย..หาก ใครสามารถ เห้นเกิด ดับได้ ท่านเปรียบเทียบไว้ว่า ใครก้ ตาม แม้มีชีวิต แค่วันเดียว สามารถเห็นเกิดดับได้ ครั้งเดียว ยังกีกว่า ผู้ มี ชีวิตเกิด มา 100 ปี แต่ไม่เคยเห้นเกิด และ ดับ

    การเห็นเกิด ดับได้ นั่นเพราะว่า จิต สามารถ แยก ตัวมันเองได้ ว่า ดวงเดิมที่เกิด ดวงที่เกิด ทีหลัง ตามมา สามาถเห็นดวง ที่เกิด ก่อน ดับไปได้...สิ่งนี้เอง ที่มันทำให้จิต แจ้งว่า
    ตัวมันเอง ไม่มี อยู่จริง มัน เกิดๆ ดับๆๆ เอง มันเป็น อนัตตา มัน ไม่อาจบังคับได้จริง

    แต่ ที่ คนเรา มองกัน ไม่ออก ว่า จิต เรา เกิดๆ ดับๆ นั้น เพราะว่า จิตมัน เกิด และ ดับไป เร็วมาก ขนาด ความเร็วแสง ที่ว่า มี อานุภาพ สูงมาก เดินทาง วินาที ละ 3 แสนกว่า กิโลเมตร ยังช้า กว่า จิต คน เรา ที่เกด ดับไป

    การ เห็น เกิด ดับได้เอง ของจิต จึงเกิด ได้ยากมาก...และ เมื่อใดก็ตาม ที่ จิต คน สามารถเห็นเกิดดับในตัวงมันเองได้แล้ว..กระบวนการ ถอดถอน อุปาทาน ก็ มีจุดเริ่มต้นแล้ว..ความเจริญ ต่อเนื่อง ของการเห็นเกิด และ ดับย่อม เกิด ได้อีก แน่ๆ และ จะ พัฒนาตัวมันเอง ได้จนสามารถ เห็นได้ ถี่ๆ มากขึ้นๆ...

    กระบวนการ ที่จิต สามารถ จะเห็นเกิด ดับได้..มี กำลัง ที่ สนับสนุน คือ สัมมาสติ และ สัมมาสมาธิ...2 สิ่งนี้ เป็น บาทฐาน เลยทีเดียว....ที่จะทำให้ จิต สามารถ เห็น จิต((ตัวมันเอง)) เกิด และ ดับ ทันท่วงที มัน ปรากฏ การเกิด และ ดับ
     
  8. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ในนี้มีใคร ใส่อารมณ์ หรือครับ
    หากคิดว่าตั้งกระทู้มาแล้ว ไม่มีใครมาทักท้วง อนุโมทนากันหมด ก็ไม่ต้องเข้ามาแล้วละครับ แสดงว่า รู้กันหมดแล้ว
    ส่วนตั้งกระทู้นี้ ก็อยากให้เป็นข้อความหนึ่งที่จะได้เอาไปพิจารณากัน เพราะหากความหมายถูกต้อง มันจะผูกเงื้อนของคำสอนเป็น 1 เดียวกันหมด เวลาวิปัสสนา พิจารณาธรรม ในรูปแบบ จะได้ไม่ติดขัด มันจะแจ้งๆๆๆ ต่อกันไป และขณะ วิปัสสนาในปัจจุบันขณะ ก็จะได้หมดสงสัย

    ส่วนทีท่านว่า เข้าถึงใจ แต่ พูด ไม่ออก หรือ หาก พูด ออกมา ได้ มัน ก็ เฝือๆ ไม่ถึงใจ นั้น แหละครับที่เขาว่า ธรรมแท้
     
  9. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    เราสนทนากันแบบ ตาบอดเห็นช้างนะครับ ไม่รู้ผิดถูก ขอให้เราเอาอนิจจัง ที่ว่า อะไรๆก็ไม่แน่นำไว้ก่อน จะได้ไม่มีอารมณ์ นะครับ

    งั้นท่านคิดเห็น พุทธพจน์นี้ว่าไงครับ
    ส่วน
    สิ่งที่เรียกกันว่า "จิต" ก็ดี ว่า "มโน" ก็ดี ว่า "วิญญาณ" ก็ดี นั้น ดวงอื่น
    เกิดขึ้น ดวงอื่นดับไป
    ตลอดวัน ตลอดคืน.


    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    ! เปรียบเหมือน วานร เมื่อเที่ยวไปอยู่ในป่าใหญ่ ย่อม
    จับกิ่งไม้
    : ปล่อยกิ่งนั้น จับกิ่งอื่น ปล่อยกิ่งที่จับเดิม เหนียวกิ่งอื่น เช่นนี้เรื่อย ๆ ไป,

    ข้อนี้ฉันใด
    ; ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! สิ่งที่เรียกกันว่า "จิต" ก็ดี ว่า "มโน" ก็ดี
    ว่า "วิญญาณ" ก็ดี นั้น ดวงอื่นเกิดขึ้น ดวงอื่นดับ ไป ตลอดวัน .
     
  10. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    วูบ วาบ

    ผมเห็นอย่างนี้นะ คุณ somchai_eee
    ที่พุทธะ ท่านเรียกว่า จิต มโน วิญญาณ นั้น ล้วนเป็นอาการของจิตทั้งหมด

    แม้แต่ บทเรียนใน จิตตานุปัสสนา ที่ว่า
    ให้ติดตามเห็น จิตมีราคะ จิตมีโทสะ จิตมีโหะ จิตมีจิตอื่นที่ยิ่งกว่า หรือว่าไม่มี
    ล้วนเป็นอาการของจิตทั้งหมด

    แม้แต่ว่า จิต ที่จะไป ปรากฎเป็น วิญญาณ ๖ ทาง. ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    หรือว่าจะเป็นโอภาสแสงสว่าง นิมิตสารพัดอย่าง ก็ล้วนเป็นอาการ ของจิตทั้งหมด

    ผมว่า จิต มัน แสดงอาการออกไป ได้มากมาย ในทุกๆกิจกรรมของเรา
    รวมทั้ง ไม่เว้นว่า จะเป็นกิจกรรมของสัตว์ ในภพภูมิใดๆก็ตาม ล้วนเป็นอาการของจิต

    โดยมีต้นตอ หรือ แหล่งกำเนิดพลังงาน ของมัน ซึ่งจะเห็นชัดๆ ตอนอรหัตตมรรคปลายๆ ใกล้ๆอรหัตตผล เท่านั้น
    คือเราจะเห็น จิต แบบชัดๆ เราจึงจะรวบรวม ความกล้าครั้งสุดท้าย ที่จะบดขยี้ มันให้แหลกไป ชาติภพ จึงจบ ครับ

    เป็นเหตุผลที่ทำให้ พวกพรหม เป็น สัตว์ที่กลัวตายมากที่สุด เพราะเห็นอานุภาพที่ วูบวาบ ของ จิต อยู่เป็นประจำ น่ะ (กลัวจิตจะดับ)

    ผมรู้มาอย่างนี้นะ โปรดโยนิโสฯ ให้มากๆ ด้วย ครับผม
    ความเห็นส่วนตัวจริงๆ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2012
  11. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ผมก็ว่าเช่นนั้นครับ ท่านเข้าใจ รูป จิต เจตสิก อยู่แล้ว โลกเราหยั่งลงเราก็ต่อเมื่อ 3 อย่างนี้ ทำหน้าที่
    อาการของจิต ก็เป็นสิ่งที่ นำมาจากเจตสิก

    ส่วนตรงนี้ ยังไม่ถึงขั้น เดาไม่ออก แต่ที่พอจะเดาได้ หาก อวิชชาดับ สังขารดับ จิตก็ไม่เรียกว่าจิต อาจไม่ใช่จิต หรือใช่จิต แต่ไม่เรียกว่าจิต ไม่มีสมมุติ แต่จะเห็น เป็นอย่างไร นั้นก็ บ่หู้ อิอิ

    ครับ
     
  12. satory

    satory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +5
    หุหุ เอาคำตนเอง(สาวก)มาเถียงกัน เถียงให้ตายก็คงไม่ได้คำตอบ ถ้าเป็นในสมัยพุทธการก็จะมีพระพุทธเจ้าเป็นผู้ตอบคำถามให้ ปัญหาก็จบลงโดยความเป็นสัพพัญญูของท่านพระพุทธองค์ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วทำงั้ยดีละ "ดูก่อนอานนท์ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราได้แสดงไว้ และ
    บัญญัติไว้ด้วยดี นั่นแหละจักเป็นพระศาสดาของพวกท่านสืบแทนเราตถาคต เมื่อเราล่วงไป
    แล้ว"
    น่าจะเอาคำศาสดา(เน้นว่าศาสดาอย่างเดียวนะครับ)มาถกเถึยงกันดีกว่าคำสาวกนะครับ ยกพระสูตรมา ส่วนใครจะปฏิบัติได้อย่างไรนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคลขึ้นอยู่กับอินทรีย์ 5 พละ 5 แต่เป้าหมายสุดท้ายก็คือการหลุดพ้นจากความตายเหมือนกันครับ ผู้ปฏิบัติใหม่จะได้ไม่สับสนและมีแนวทางที่ถูกต้องครับ ^^
     
  13. satory

    satory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +5
    ผมขออนุญาติยกมาซักพระสูตรหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสเป็นปัจฉิมโอวาทครั้งสุดท้ายว่า "ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้เราขอเตือน พวกท่านให้รู้ว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงทำหน้าที่อันเป็น
    ประโยชน์แก่ตนและคนอื่นให้สำเร็จบริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"
    ผมคงไม่มิบังอาจไปขยายความคำของพระองค์แต่หลายท่านอ่านแล้วน่าจะเข้าใจ เกิด-ดับ ยังมีอีกหลายพระสูตรนะครับ ^^
     
  14. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413

    ทุกอย่างมันมี 2 ด้าน ครับ มันนำประโยชน์ นำธรรม มาได้เสมอ เดินสัมมาทิฐฐิ ไม่ยึดมั่นถือมั่นไว้ ครับ

    หากท่านมองที่ พระไตรปิฏกอย่างเดียว ก็ไม่ผิดหรอกครับ แต่อย่าลืมนะครับ ว่าพระไตรปิฎก มาจากผู้ใดเล่า มิไช่ พระสงฆ์หรือครับ
    ที่พึ่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครับ

    ขอบคุณครับ
     
  15. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากเรียนรู้จนเจนจบในพระไตรปิฎกแล้ว ก็จะสำเร็จพระอรหันต์ และ หลุดพ้นไหมครับ?

    มนุษย์เป็นทุกข์เพราะการนึกคิดใช่ไหมครับ? อะไรเป็นส่วนประกอบในการนึกคิดครับ?

    มนุษย์จะกระทำสิ่งใดต้องนึกคิดก่อนไหมครับ? ทำโดยไม่นึกคิดได้ไหมครับ?

    การปรุงแต่งมีแค่การนึกคิดหรือเปล่าครับ? การปรุงแต่งประกอบด้วยอะไรบ้างครับ?

    การรับรู้โดยไม่ต้องนึกคิดเข้าใจในความหมายไหมครับ? เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไหมครับ?

    เคยเห็นกระแสแห่งกาลเวลาไหมครับ? ทำไมมนุษย์ถึงติดอยู่ในกระแสแห่งกาลเวลาครับ?

    อวิชชา คือ ความไม่รู้ ไม่รู้อะไรครับ? วิชชา คือ ความรู้ รู้อะไรครับ?

    เมื่อรับรู้แล้วยังต้องนึกคิดอยู่ เรียกว่ารู้ และ เข้าใจได้หรือครับ?

    แค่เพียงหันกลับเข้ามาหาตนเองก็จะพบจิตใช่ไหมครับ?

    สาธุครับ
     
  16. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    แล้วใครบอกว่าต้องอ่านให้หมดละเนี่ย เอาแค่ ปฏิจจสมุปบาท บางส่วน และ สติปัฏฐาน4 ก็พอ ผมเองก็ไม่ได้อ่าน ยกเวัน เมื่อติดขัดในธรรม และที่เพื่อนลงไว้เท่านั้น
    แล้ว หมูหมากาไก่ มัน รับรู้โดย นึกคิด ไม่ หนอ

    แสดงว่าท่าน ไม่อ่าน ... งั้นตามที่ท่านว่า นั้นแหละครับ

    สุดท้ายนี้ หยุด ... ปรุงแต่ง หยุด...นึกคิด แล้วยังหนอ
    สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2012
  17. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผมอ่านแล้ว ผมจึงถามคุณ สาเหตุที่อยากรู้นั้นมาจากไหน รู้ทั้งหมดแล้วจะเป็นยังไง

    ผมถามด้วยความเคารพ เพราะคำตอบนั้นจะแสดงผลทั้งหมดเอง ว่าปฎิบัติไปเพื่ออะไรครับ

    สาธุครับ
     
  18. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    นอกจากชอบใช้หลายชื่อแล้ว ยังชอบแก้ไขข้อความในการโพสด้วย

    สัญชาติญาณ คำนี้จำเป็นต้องนึกคิดไหมครับ?

    คำตอบจะบอกให้คุณรู้เองครับว่า หมูหมากาไก่ มันรับรู้โดยนึกคิดไหมครับ

    สิ่งใดที่มนุษย์มีมากกว่าสัตว์เดรัจฉาน? คำตอบจะชี้ชัดมากขึ้นครับ

    สาธุครับ
     
  19. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413

    เอาไงละเนี่ยท่าน ไหนบอกว่า หยุดอยากรู้แล้ว แล้วท่าน อ่านทำไมกัน ละเนีย งง อีกแล้ว

    การปฏิบัติ เพื่อ ละ นั้น ไม่ใช่อยู่จะกระโดด ที่เดียวถึงที่หมายหรอกครับ
    ยังต้องใช้คิด เพื่อ หยุดคิด
    ส่วนธรรมต่างๆ ผมก็เอามาจาก พระไตรปิฏก บ้าง จากครูบาร์อาจารย์บ้าง แล้วค่อยลง ความเห็นตามที่ปฏิบัติ มา แต่ก็ไม่เคย ยึดมั่นถือมั่น จนใครจะปฎิเสธ ไม่ได้หรอกครับ

    แต่หากใครแย้งมา ผมก็จะกลับไปหาข้อมูลตาม พระไตรปิฏก บ้าง จากครูบาร์อาจารย์บ้าง มาวิปัสสนา หรือ พิจารณา ครับ

    ตอนสนทนานี้ เราก็วิปัสสนาได้ และได้ดีด้วย เห็นกระแสของจิตวิญญาณที่วิ่งไป ตามปฏิจจสมุปบาท จะช่วยได้เยอะ เมื่อก่อนใครขวางลำมา ใจมันสะเทือนเกิดโทสะ มากมาย แต่ปัจจุบัน มันเป็นครู เราแล้ว สบายๆๆ ครับ

    หากไม่เห็นกิเลสตัวเอง ก็อย่าหวังว่าจะสำรอกมันออกมาได้ อิอิ
     
  20. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาครับ หากได้รับรู้ก็จะเข้าใจได้เองครับ หากลองทวนการสนทนา

    จะเห็นในสิ่งที่ผมสื่อครับ ที่สื่อไปนั้นด้วยเจตนาที่ดีครับ

    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...