เรื่องได้ยินได้จำมาและเติมแต่งบ้างของผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Kamen rider, 25 มีนาคม 2005.

  1. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    เรื่องที่ 1.พระภิกษุพม่ารูปหนึ่งบวชเรียนและปฏิบัติกรรมฐานมาเป็นเวลานานแต่ทุกครั้งที่ไปไหว้พระเจดีย์ชเวกาดองต้องอธิฐานออกมาดังๆ ทุกครั้งว่าปรารถนาที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าและกุฏิของท่านก็อยู่ใกล้กับเจดีย์ชเวกาดอง
    ท่านปฏิบัติอย่างนี้เรื่อยๆ มาแต่ก็แปลกที่ว่ามีผู้ชาย 3 คนคงอาศัยอยู่บริเวณแถวนั้น พอเลิกงานก็ต้องตั้งวงกินเหล้ากันเป็นประจำ
    และเมื่อเดินมาผ่านเจดีย์พูดเสียงดังตามประสาคนเมาและกราบไหว้เจดีย์เป็นประจำพระภิกษุรูปนี้ก็เห็นพฤติกรรมของชาย 3 คนมาตลอด มีอยู่วันหนึ่งหลังจากท่านไปกราบและอธิฐานที่พระเจดีย์เสร็จก็กลับไปที่พักพอดีกับชาย 3
    คนนั้นเมามา และนั่งกราบพระเจดีย์คนเมาคนที่ 1 พูดว่า ข้าปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า
    และต้องตรัสรู้ก่อนเพื่อน 2 คนนี้คนเมาคนที่ 2 พูดว่า ข้าก็ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า แต่ข้าต้องตรัสรู้ก่อนเพื่อน 2 คนนี้ คนเมาคนที่ 3 ก็พูดขึ้นว่า ข้าก็ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกันแต่ต้องตรัสรู้ก่อนพวกท่าน 2 คนคนเมาทั้ง 3 คนเมื่อพูดกันไม่ลงลอยกันจึงเกิดการถกเถียงกัน จนทั้งตะรุมบอลชกต้อยกัน พระภิกษุรูปนั้นเห็นอยู่เกิดปรงตกในตนเองว่าเราก็ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า
    และยากจะตรัสรู้ก่อนพวกคนเมา 3 คนนี้ ดังนั้นเราต้องทุบตีและชกต่อยกับคนเมาทั้ง 3 คนนี้ไปทุกชาติหรือแม้แต่คนเมายังแย่งชิงปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า แล้วเราผู้ซึ่งเป็นพระภิกษุจะไปแย่งชิงกับคนเหล่านั้นหรือ
    ดังนั้นเราจึงควรจะยกเลิกความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเสียดีกว่าตั้งแต่นั้นพระภิกษุรูปนี้ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าอีกเลยffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    เรื่องที่ 2 มีพระภิกษุรูปหนึ่งในพระเทศไทย ท่านได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานท่านได้ปฏิบัติอย่างดีวิปัสสนาญาณก็เจริญก้าวหน้าดี
    ปฏิบัติเป็นเวลานานแล้ววิปัสสนาญานก็ไม่ได้พัฒนาเพิ่มขึ้นไปจากนั้นอีกจึงเข้าไปปรึกษาพระอาจารย์สอนกรรมฐาน
    อาจารย์สอนกรรมฐานก็แนะนำให้ลองไปตรวจสอบตนเองโดยใช้กำลังวิปัสสนากรรมฐานนี้ละอธิษฐานดูพระภิกษุรูปนั้นก็กลับไปอธิษฐานสำรวจดูตนเองก็ทราบว่าตนเองปรารถนาพุทธภูมิ จึงไปบอกให้พระอาจารย์ทราบพระอาจารย์จึงถามว่า
    สามารถล้มเลิกได้ไหม? พระภิกษุรูปนั้นกล่าวว่าล้มเลิกไม่ได้ พระอาจารย์จึงกล่าวว่าอย่างนั้นก็ต้องฝึกสมาธิแทนวิปัสสนากรรมฐาน
    แต่สมาธิที่เกื้อหนุนกับวิปัสสนาญาณก็เห็นแต่พรหมวิหาร 4 นี้ละ ได้แก่ เมตตา เป็นต้น หลังจากนั้นพระรูปนี้ได้ออกธุดงค์จำพรรษาอยู่ในถ้ำเป็นที่สงบร่มรื่นใครไปเยี่ยมท่านก็จะรู้สึกสงบร่มรื่นไปด้วย<O:p></O:p>

    เรื่องที่ 3 ผู้ชายคนหนึ่งมีครอบครัวแล้วมีฐานะดีในประเทศไทย และได้ฝึกวิปัสสนากรรมฐานที่บ้านแต่ไปๆมาๆ ที่วัดบ่อยๆ
    จึงสนิทและรับเป็นอุปฐากให้กับพระอาจารย์สอนกรรมฐานเมื่อเวลานานวันเข้าชายผู้นี้ก็ได้บอกกับพระอาจารย์ว่า
    เขาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าประเภทศรัทธาพุทธเจ้าพระอาจารย์สอนกรรมฐานก็รับฟัง และดูพฤติกรรมและความศรัทธาของชายผู้นี้ไปเรื่อยๆ เป็นเวลาปีๆ จึงสรุปว่าชายผู้นี้มีความปรารถนาจริง ไม่ใช้เกิดจากความยากชั่วครั้งชั่วคราว
    และอาจจะได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆมาแล้ว เป็นการประเมินเอาแต่หาได้ใช้สมาธิเข้าไปดูให้<O:p></O:p>

    เรื่องที่ 4ยังมีชายผู้หนึ่งมีครอบครัวแล้วพอมีฐานะในประเทศไทย และได้ฝึกสมาธิแต่ไม่ได้ฝึกวิปัสสนากรรมฐานจนได้สมาธิถึงระดับหนึ่ง ก็บังเกิดนิมิตขึ้นมา เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตมาตรัสบอกว่าเขาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า และจะได้เป็นพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นชายผู้นี้ได้บอกกับพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานและกล่าวว่าเขาอาจจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในสมัยหน้าคือพระศรีอริยะเมตตรัยพระอาจารย์สอนกรรมฐานก็รับฟังแต่ไม่ได้ว่าอะไร แต่ท่านได้มาสรุปเป็นความรู้ของท่านว่า
    ผู้ที่มีสมาธิสูงๆ อาจทำให้บังเกิดนิมิตต่างๆได้มากมายซึ่งอาจไม่เป็นจริง แต่เห็นจริง<O:p></O:p>

    เรื่องที่ 5 ยังมีอาเสี่ยผู้หนึ่งเป็นคนที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ชอบไปวัดไปวาหาพระผู้ใหญ่เป็นประจำ
    เพื่อได้ทำบุญกับพระผู้ใหญ่ที่ตนเองศรัทธาว่าเป็นพระอริยะแต่เสี่ยผู้นี้ชอบเรื่องอิทธิอภินิหาร
    เมื่อทราบข่าวว่ามีเหล็กไหลหรือวัตถุที่วิเศษที่ใหนก็จะไปพิสูจน์ที่นั้นเพื่อเอามาไว้บูชาตามอุปนิสัยของเขาและอาเสี่ยคนนี้ก็เคยแอบกระซิบกับอาจารย์ของเขาว่าเขาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า<O:p></O:p>

    เรื่องที่ 6 ที่ถ้ำเชียงดาว มีพระรูปหนึ่งหรืออาจจะบวชเณรก็ได้เพราะไว้หนวดไว้เคราหุ้มจีวรถับหนังเสือ และประกาศตนเองให้เป็นที่รู้กันว่าปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน อยู่ในถ้ำเพียงท่านเดียวไม่ไปข้องแวะกับผู้ใด นอกจากไปบิณฑบาตและมีผู้ที่มาสนทนาด้วย<O:p></O:p>

    เรื่องที่ 7 สมัยพุทธศาสนาปัจจุบันหลังจากพระพุทธเจ้าทรงนิพพานไปแล้ว พระเจ้าแผ่นดินลังกาองค์หนึ่งได้สละสมบัติด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบไปบวชเป็นฤาษี ในป่าห่างจากเมืองไกลจากผู้คนพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่จึงขึ้นครองราชย์แทน
    แต่พระองค์ปกครองอยู่ไม่กี่ปีก็โดนแย่งราชสมบัติจากพระญาติพระญาติก็ตั้งตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ได้ขึ้นครองราชย์
    พระองค์มีความเหี้ยมโหดน่าดูสั่งประหารบุคคลที่คิดว่าจะมาแย่งราชสมบัติทั้งหมดพระองค์ทรงละลึกถึงเสด็จลุงที่ไปบวชเป็นฤาษีกลัวว่าจะกลับมาแย่งราชสมบัติคืนจึงสั่งให้ทหารออกตามล่า และตกรางวัลกับประชาชนที่สามารถเอาศีรษะของเสด็จลุงมาได้
    โดยจะพระราชทานทั้งทรัพย์สินและข้าทาสทำให้ประชาชนตื่นตัวตามหากัน มากล่าวถึงฤาษีอดีตพระเจ้าแผ่นดินลังกา
    เมื่อบวชเป็นฤาษีก็ฝึกสมาธิอย่างดีเยี่ยมจนสำเร็จอภิญญา 5 อาศัยอยู่ในป่าใกล้ลำธารเล็กและภูเขา วันหนึ่งชาวบ้านที่มีอาชีพหาของป่าประมาณ 3-4 คนเดินทางผ่านมา เห็นอาศรมของฤาษีจึงแวะเข้าไปสนทนา
    ซึ่งขณะนั้นฤาษีกำลังฉันอาหารพอดีชาวบ้านจึงรอจนฤาษีฉันอาหารเสร็จ ฤาษีจึงเอาจานและก้างปลาที่เหลือไปล้างที่ลำธารชาวบ้านก็ติดตามไปดู พอฤาษีปล่อยก้างปลาลงในลำธาร ทันใดนั้นกางปลากลายเป็นปลาเป็นๆ
    ว่ายน้ำหนีไปชาวบ้านก็ประหลาดใจกันใหญ่หลังจากนั้นก็ได้สนทนากับฤาษี และได้กล่าวกับฤาษีว่า
    พวกข้าเป็นคนจนหากินขัดสนจึงเทียวหาของป่าและได้ข่าวว่าทางพระเจ้าแผ่นดินจะประทานทรัพย์สินให้มากมาย
    ถ้าผู้ใดสามารถเอาศีรษะอดีตพระราชามาถวายพวกข้าเวลาหาของป่าจึงเสาะหาเผื่อจะเจอจะได้มีทรัพย์สินมีอยู่มีกินกับเขาบ้าง
    ฝ่ายฤาษีเมือได้ยินดังนั้นจึงคิดว่าราชาหลานของเราเป็นคนใจคอโหดร้ายคงไม่ล้มเลิกที่จะเอาศีรษะเรา
    และเพื่อเป็นการให้ทานแก่ชาวบ้านเหล่านี้ให้หลุดจากสภาพความอยากจนและเพื่อบารมีที่เราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเราจะสละศีรษะให้ชาวบ้านเหล่านี้ท่านฤาษีจึงพูดกับชาวบ้านว่า 'เรานี้เองเป็นอดีตดราชาองค์ก่อนที่สละสมบัติออกบวชเป็นฤาษี'
    ชาวบ้านตกใจกันใหญ่ ท่านฤาษีจึงกล่าวต่อ 'เราจะยกศีรษะให้กับพวกท่านเพื่อเป็นทานให้ท่านพ้นสภาพจากความยากจน
    จงเอาดาบมาให้เราๆ จะตัดศีรษะให้พวกท่านและพวกท่านไม่ต้องกลัวว่าทหารหรือพระราชาจะไม่รู้ว่าเป็นศีรษะของเรา'
    หลังจากนั้นท่านฤาษี จึงหยิบดาบด้วยมือขวาส่วนมือซ้ายจับมวยผมของตนเองแล้วตัดศีรษะตนเองยื่นให้พวกชาวบ้านโดยไม่ล้มลง
    พวกชาวบ้านมีความหวาดกลัวแต่ต้องรับศีรษะท่านฤาษีใส่หอผ้าแล้วเดินทางไปยังเมืองหลวงแจ้งให้ทหารทราบว่า
    ได้นำศีรษะของอดีตราชาองค์ก่อนที่พระราชาต้องการมาถวายจึงเปิดห่อผ้าที่บรรจุศีรษะให้ดู เมื่อทหารตรวจดูก็กล่าวว่า ผมก็ยาวหนวดเครารุงรังจะเชื่อได้หรือว่าเป็นศีรษะของราชาองค์ก่อนพอทหารกล่าวจบดังนั้นศรีษะของท่านฤาษีที่อยู่บนห่อผ้าก็เกิดลอยขึ้นบนอากาศ แล้วประกาศออกมาว่า 'ศรีษะนี้และเป็นศรีษะอดีตพระราชาซึ่งเป็นลุงของราชาพวกเจ้าให้ตามราชาพวกเจ้ามาดู' เมื่อพระราชาได้ทราบข่าวก็บังเกิดสำนึกได้เสียใจในการกระทำของตนเอง
    จึงให้ทหารเอาร่างมาต่อกับศรีษะและถวายทรัพย์ให้กับชาวบ้านที่นำศีรษะมามอบให้ พร้อมทั้งพระราชทานเพลิงศพอย่างสมพระเกียรติของพระราชาแล้วให้สร้างเจดีย์ถวายเพื่อเป็นที่บูชาของพระชาชน เป็นการถ่ายถอนความผิดของพระองค์<O:p></O:p>


    เรื่องที่ 8 เป็นเรื่องของมหายานมีพระเถระผู้หนึ่งจะเดินทางไปทำธุระอีกวัดหนึ่งจึงให้สามเณรลูกศิษย์เก็บสัมภาระที่จำเป็นของพระแบกติดสอยห้อยตามไปด้วยเมื่อเดิมถึงกลางทางสามเณรคนนั้น ก็เกิดนึกถึงพระโพธิสัตว์ ที่สร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า
    สามเณรเลยคิดยากจะเป็นบ้าง เพื่อจะได้เป็นพระพุทธเจ้าขณะที่เดินแบกสำภารอยู่ พระเถระจึงหยุดรอแล้วกล่าวกับสามเณรว่า เอาสัมภาระมาให้อาจารย์ๆจะถือและแบกให้เอง แล้วให้สามเณรเดินนำหน้าในขณะที่สามเณรเดินนำหน้าอย่างสบายอยู่ก็เกิดนึกถึงว่า
    การสร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้านั้นต้องใช้เวลานานแสนนานและต้องทุกข์ลำบากอีกมากมาย จึงคิดว่าอย่าไปหวังเป็นพระพุทธเจ้าเลยเพราะยากเกินไปพอสามเณรคิดอย่างนี้จบ ก็ได้ยินพระเถระเรียกให้หยุด เมื่อพระเถระเดินไปถึงสามเณรก็บอกให้สามเณรแบกสัมภาระและให้เดินตามหลังท่านเหมือนเดิม สามเณรเกิดสงสัยจึงถามพระเถระว่า "ทำไม่เมื่อครู่ท่านอาจารย์หยุดรอกระผม แล้วขอเอาสัมภาระไปแบกเอง แล้วให้กระผมเดินนำหน้าแต่พอตอนนี้กลับเรียกให้กระผมหยุด
    เอาสัมภาระให้ผมแบกและยังสั่งให้เดินตามหลัง " พระเถระจึงบอกให้ทราบว่า "เมื่อตอนแรกเธอคิดปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า อาจารย์จึงขอแบกสัมภาระแทนเธอและให้เธอเดินนำหน้า เพราะพระโพธิสัตว์นั้นต้องแบกภาระอันต้องสร้างบารมีอีกมากมาย
    อาจารย์ไม่ได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าจึงต้องช่วยแบกภาระเล็กน้อยๆให้แก่ผู้ที่จะไปเป็นพระพุทธเจ้าบ้างและพระพุทธเจ้าต้องนำหน้าพระสาวกอาจารย์จึงให้เธอเดินนำหน้า แต่เมื่อเธอคิดล้มเลิกที่จะเป็นพระพุทธเจ้า
    เธอก็ไม่ได้มีบารมีอะไรเหนือกว่าอาจารย์ซ้ำยังเป็นสามเณรธรรมดาคนหนึ่ง จึงต้องแบกสัมภาระเล็กๆ น้อยๆ นี้ไปและต้องเดินตามหลังพระผู้ใหญ่" เมื่อสามเณรได้ฟังดังนี้เกิดมีกำลังใจกล้าจึงพูดกับอาจารย์ว่า
    "
    อย่างนั้นกระผมปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าดีกว่าและกระผมขอแบกสัมภาระเอง แล้วขอเดินตามหลังอาจารย์ เพราะกระผมเป็นลูกศิษย์จะตีตนเสมออาจารย์นั้นไม่ได้" แล้วพระเถระกับสามเณรก็เดินทางกันต่อ
    หมายเหตุการที่พระเถระทำอย่างนี้เพื่อเตือนสติลูกศิษย์
    แต่ถ้าสุดท้ายลูกศิษย์ยืนยันที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าและให้พระเถระแบกสัมภาระ แล้วให้เดินตามหลังอีกก็อาจจะโดนวาทะของพระเถระให้สำนึกอีกเป็นคำรบสองก็เป็นไปได้<O:p></O:p>

    ยังมีผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าอีกมากมายจะตำหนิว่าท่านโง่ก็ว่าได้ แต่เป็นอนุสัยมหากุศล เมื่อใดท่านหายโง่ถึงแม้นไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นเพียงพระสาวกประโยชน์นั้นมหาศาลมาก เป็นการจรัสแสงให้กับพระพุทธศาสนา
    เมื่อพระพุทธเจ้าได้นิพพานไปแล้วแต่ไม่ใช่ว่าผู้ที่ไม่ปารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ปารถนาเป็นแค่พระสาวกจะไม่สามารถทำให้พระธรรมจรัสแสงหรือจรัสแสงน้อยกว่าก็หาไม่ มีพระอรหันต์เกิดขึ้นบนโลกเพียง 1 องค์
    นับว่าเป็นเนื้อนาบุญของโลกเมื่อเทียบกับระยะเวลาอันยาวนานของวัฏฏะสงสารนี้ แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมอ่านในพระไตรปิฏก
    พระนิยตะโพธิสัตว์อดีตชาติของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเมื่อเจอพระพุทธเจ้า หรือพระศาสนา
    ท่านย่อมทำให้พระธรรมงดงามเป็นที่ชื่นชมของปวงชนท่านไม่เคยทำให้พระสัทธรรมเสื่อม มีแต่ความผิดเฉพาะตัวบุคคลบ้างที่เป็นกรรมส่งผลให้ผมจึงเชื่อว่าพระนิยตโพธิสัตว์จะไม่ทำลายหรือลบล้างพระสัทธรรมอย่างแน่นอน
    และบารมีของท่านที่สร้างมาไม่ใช่เพื่อล้มล้างพระสัทธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสังสอนไว้ดีแล้วนอกจากจะส่งเสริมให้งดงามขึ้น
    แต่ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่แน่นอนนั้นอะไรก็ยังเกิดขึ้นได้กับท่าน ดังนั้นท่านที่มีธรรมและผู้รู้ผู้เข้าใจธรรมในโลกเรา
    จึงมีความเกรงว่าท่านเหล่านี้ทำให้สัทธรรมคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงเพราะมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2005
  2. Ghosty Rat

    Ghosty Rat บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
  3. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,402
    สุดยอดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...