เคล็ดในการใช้คาถา มงกุฏพระพุทธเจ้า

เคล็ดในการใช้คาถา มงกุฎพระพุทธเจ้า

เคล็ดในการใช้คาถา " มงกุฎพระพุทธเจ้า "
เนื่องจากตอนนี้ หลาย ๆ คนถูกรบกวนจากเจ้ากรรกนายเวรกัน มีหลายรูปแบบ
ซึ่งก็ปรากฏว่า ได้ใช้คาถาบทนี้กัน โดยอัตโนมัติ และ ได้ผลครับ

คาถามีอยู่ว่า . . .

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิอิโสตัง พุทธปิติอิ "


ว่า 3 จบ 9 จบ สำหรับอานิสงค์ของคาถานี้เป็น คาถาครอบจักรวาล เรานำไปใช้ในทางกุศลได้
ทุก ๆ เรื่อง โดยมีประวัติ ของการใช้คาถานี้มายาวนาน ส่วนใหญ่ในราชสำนัก แม้ พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้า รัชกาลที่ 5 ท่านก็ทรงพระคาถานี้เป็นประจำมีที่ปรากฏเป็นปาฏิหาริย์ ก็ครั้งที่
ถูกทูตต่างประเทศนำม้าเทศตัวใหญ่แต่เป็นม้าพยศ มาท้าให้ท่านทรงพระองค์ท่านได้ใช้พระคาถานี้
เสกหญ้าให้ม้ากินก่อนม้าตัวนั้นก็กลับเชื่องให้พระองค์ทรงม้า แต่โดยดีเรื่องนี้ทำให้รัชกาลที่ 6

ผู้ทรงสร้างพระบรมรูปทรงม้าถวายเสด็จพ่อของท่าน
ได้ทรงแฝงนัยยะแห่งกฤษดาอภินิหารนี้เพื่อเทิดทูนพระคุณท่านเอาไว้

คราวนี้เรามาดูว่าเคล็ดในการว่าคาถาบทนี้กัน

หลักในการว่าคาถาให้มีความศักดิ์สิทธิ์นั้น มีพื้นฐานจาก " จิต " เป็นสำคัญ หากจิตมีสมาธิสูง
ตั้งมั่นคาถาก็ยิ่งทรงความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นระหว่างที่ว่าคาถาให้ จับลมหายใจสบายพร้อม ๆ กับ
การภาวนาคาถาบทนี้ เป็นขั้นที่ 1 ระดับสูงกว่านี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ท่านใช้คาถาบทนี้
โดยมีนิมิต กำกับคาถา โดยทรงพุทธนิมิต ไว้ดังนี้ โดยตั้งกำลังใจว่าเรา ขอกราบอาธารณาบารมี
พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้าเพื่อ.......ปกปักรักษาคุ้มครองข้าพเจ้าด้วยเทอญ

จากนั้นทำตามได้เลยครับ

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "
เมื่อว่าคาถาจบ คาบที่ 1 ก็กำหนดอาราธณาพุทธนิมิต
อยู่เบื้องหน้าของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตนี้เอาไว้

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิอิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ "
ว่าคาถาจบที่ 2 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์หนึ่ง อยู่เบื้องขวา
ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตทั้งหมดเอาไว้


" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "
ว่าคาถาจบที่ 3 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านหลังของศีรษะเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

" อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "
ว่าคาถาจบที่ 4 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านซ้าย และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 5 ก็กำหนด
พุทธนิมิตอีกพระองค์อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

" อิงติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 6 ก็กำหนด
พุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 7 ก็กำหนด
พุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 8 ก็กำหนด
พุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิต
เอาไว้ทั้ง 8 พระองค์เรียงวนรอบศีรษะของเรา

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "ว่าคาถาจบที่ 9 กำหนด
พุทธนิมิตพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่เสด็จประทับกึ่งกลางศีรษะเป็นยอดมงกุฎเปล่งประกายพรึก
ทุกๆพระองค์เป็น มงกุฎเพชรพระพุทธเจ้าทั้งเก้าพระองค์บนเศียรเกล้าของเรา

เมื่อทำได้แล้วจะเข้าใจได้ทันทีว่าคาถานี้ทำไมจึงมีชื่อว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า และ ให้ทรง
มงกุฎพระพุทธเจ้านี้เอาไว้ตลอดเวลาเป็นการทรงอารมณ์ในพุทธานุสตกรรมฐาน
คืนเดียวเห็นผลมีความก้าวหน้ามาเล่าให้เพื่อนๆท่านอื่นฟังด้วยครับ

 

บทนี้สวดเป็นประจำอยู่ค่ะ
และจะนำไปปฏิบัติตามค่ะ
อนุโมทนา สาธุค่ะ

 

สวดทุกวันครับ ขออนุโมทนาสาธุครับ...
...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...

 

ผมก็สวดทุกวันครับและสวดถอยหลังด้วยครับ คือทั้งไปและกลับครับ


สุดท้าย ให้ต่อให้ครบด้วยครับคือ
" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "
ต่อว่า ' อิกะวิติ พุทธะสังมิ อิติสุขคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ 'ครับ

การต่อท้ายผมไปเจอในตำราจองพระอริยะรูปหนึ่งนานแล้วครับ ให้จบพระคาถาต่อท้ายเช่นนี้เสมอเป็นการกำกับพระคาถาครับ ให้อยู่กับเรา หรือถ้าจะไปเป่าปลุกเสกหรืออื่นๆก็เช่นกันครับ มีอานิสงค์มากมายครับ

 

ขอบคุณมากค่ะ สวดทุกวัน แต่แค่วันละ 1 จบ เพราะสวดบทอื่นด้วย ในหนังสือสวดมนต์บอกไว้ว่า ถ้าสวดครบ 18 จบ ปรารถนาสิ่งใด จะสมหวัง ขอบคุณค่ะจะลองทำดู ขออนุโมทนา สาธุค่ะ

 

ขออนุโมทนา สาธุครับ จะนำไปปฏิบัติ สวดมนต์ตลอดไปครับ...

 

พระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า เมื่อผมนำมาสวดมนต์จนชำนาญแล้ว ปู่ท่านแนะนำให้นำมาทำเป็นกสิน คือให้นำตัวเลขพระคาถา มาพิจารณาเรียงล้อมให้เป็นวงกลม เมื่อตัวอักขระพระคาถาเรียงล้อมเป็นวงกลมแล้ว ให้กำหนดดู และสวดมนต์ตามตัวเลขให้ภาวนาในใจ หลายๆรอบจนตัวเลขอักขระเป็นตัวสีแดง และเปลี่ยนจากแดงเป็นไฟลุกติดที่ตัวอักขระ แล้วเพ่งกสิน คือเพ่งไปที่ไฟที่ติดที่ตัวอักขระ ก็จะกลายเป็นวงล้อมที่เป็นไฟ สว่างจ้า วงล้อมที่เป็นไฟสว่างจ้านี้ เป็นกสิน ที่มีฤทธิ์ สามารถทำให้เคลื่อนใหญ่เล็ก ได้และให้เคลื่อนไปสวมหรือรัดที่กายทิพย์ผู้อื่นๆได้ ใช้กำหราบ ปราบพวกจิตที่ดื้อรันให้สงบลงได้ครับ เคยใช้กำหราบปราบพวกผีปอบ ที่ลพบุรี

ครับตอนนั้นคุยดีแล้วก็ไม่ยอมถอยออก จึงต้องใช้วิธีนี้ ทำให้เขายอมแพ้และให้สัจจะว่าจะไม่มาเบียดเบียนมนุษย์คนอื่นอีกครับเป็นผลสำเร็จครับ

แต่ปู่่บอกว่าถ้าจิตเราแค่เป็นสมาธินี่ ก็ใช้ได้แล้วครับ คาถาบทนี้พุทธคุณดีมากแค่ได้ยินบทสวด ผีสางปอบหรือวิญญาณชั่วร้ายก็หนี่ ไปหมดแล้วครับ ยกเว้นพวกที่มีฤทธิ์พวกนี้จะลองของไม่ยอมแพ้คือต้องสู้กับเขาก่อนครับ

อานิสงค์อีกอย่างหนึ่งคือ ทำให้เรามีพลังจิตที่ทรงตัวเหมือนมีแสงออร่าทำนองนั้นครับเพราะผมสวดบทนี้ทุกคืน เช้ามาก็สดใสดีครับ มีกำลังใจดีมากๆครับ ลองนำไปสวดภาวนากันเยอะๆนะครับ ดีจริงๆ

 

สั่งบูรณะด่วน'พระปรางค์วัดอรุณ'<!-- google_ad_section_end -->
ทั้งนี้หากประชาชนอยากที่จะมีส่วนร่วมบูรณะโบราณสถาน
สามารถสมทบทุนเข้า
"กองทุนเพื่อการบูรณะโบราณสถาน"
เลขที่บัญชี 081-0-09603-6 ธนาคารกรุงไทย
สาขาราชดำเนินได้ ​

 

ขออนุโมทนากับวิศวกรมและทุกท่านที่ให้ความรู้ในพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าด้วยค่ะ

 

อนุโมทนาค่ะคุณTPC ดิฉันเริ่มสวดปีที่แล้วจากการเห็นคุณพ่อคุณแม่ของดิฉันเสกคาถานี้ที่ศีรษะของหลานๆเป็นการอวยพรก่อนเราลากลับบ้าน แต่สงสัยว่าทุกครั้งที่ดิฉันสวดคาถานี้หรือสวดมนต์บทอื่นๆเช่น อิติปิโสห้องพระพุทธคุณก่อนเข้าสมาธิ จะมีการเคลื่อนไหวระหว่างหัวคิ้ว และระหว่างหูซ้ายกับหูขวาคล้ายๆกับกล้ามเนื้อทั้ง2 แห่งมีการเต้นหนืดๆ (ไม่เจ็บไม่ปวดนะคะ)โดยหูซ้ายจะเกิดอาการชัดเจนมากกว่าหูขวาค่ะแต่อาการเด่นชัดพอๆกับบริเวณระหว่างหัวคิ้ว จะเกิดอาการทั้งที่หังคิ้วและหูทันทีที่เริมสวด(ดิฉันมักสวดมนต์ในใจเสมอ ทำสั้นๆก่อนอุทิศส่วนกุศลแล้วจึงทำสมาธิแบบอาณาผสมพุทโธ) หรือบางครั้งเกิดอาการตอนเจอสัญญาณไฟจราจรหรือไฟรถบนถนนตอนกลางคืน ขอรบกวนคำชี้แนะในการปฏิบัติด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

 

อนุโมทนาในกุศลค่ะคุณวิศวกรม

 

อนุโมทนาครับ มีกำลังจิตสูงใช้คาถาอะไรก็ศักดิ์สิทธิหมดครับ

 

คาถาพระมงกุฏพระพุทธเจ้า คุณพ่อผมท่านก็สวดใช้เหมือนที่คุณบอกเลย เวลาท่านผูกข้อมือให้พรท่านก็สวดบทนี้และผมก็จะมีอาการขนลุกทุกทีเวลาท่านเป่าลงไปที่ด้ายที่ข้อมือหรือเป่าหัวครับ

อาการของคุณเกี่ยวเนื่องจากอำนาจสมาธิและพุทธคุณของพระคาถาครับ จึงเกิดระหว่างคิ้ว เฉพาะจุด ผมอยากให้พอก่อนสวดมนต์ให้วางจิตที่ปลายจมูก พอสวดมนต์เสร็จแล้วให้สูดลมหายใจให้เต็มปอดครับเพื่อให้อำนาจจิตที่ตั้งไว้ตรงปลายจมูกและพลังสมาธิพร้อมด้วยพระพุทธคุณจากพระคาถาไหลเคลื่อนเข้าสู่กายเราด้วยอาศัย อากาศหรือว่าวาโยธาตุเคลื่อนไปภายในให้ทั่วกายแล้ว
อาการที่เคยเป็นจะหาย แต่จะมีอาการขนลุกปิติทั่วสรรพางกายดีครับ

ลองทำดูนะครับ

 

ขอบพระคุณค่ะคุณ TPC ในขณะที่อ่านคำแนะนำของคุณ ดิฉันทำตามและเป็นสมาธิได้ง่ายๆไม่ต้องใช้เวลานาน มีแสงสว่างเรืองๆ กลมๆอยู่แถวๆกระหม่อมตลอดเวลาที่อยู่ในสมาธิและเหมือนมีอะไรกำลังเจาะกลางกระหม่อม (ไม่เจ็บ ไม่ปวด) จนมีคนมาเคาะประตูห้องทำงานจึงถอนสมาธิออกมา ดิฉันจะปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนะคะ ขอบพระคุณคุณ TPC และความรู้จากทุกๆท่านด้วยค่ะ ขอบุญกุศลสู่คุณ TPC และทุกๆท่านค่ะ่

 

อนุโมทนาค่ะ คุณ TPC อยากทราบว่าหลวงปู่ที่สอนคาถานี้ ท่านชื่ออะไร อยู่ที่วัดไหนค่ะ

 

เป็น 18 คาบครับ แต่ 1 คาบเป็นกี่จบ ผมไม่แน่ใจ

 

=====

ปู่ฤาษีตาไฟ ท่านมาสอนในสมาธิครับ

 

ขออ้างอิงไว้

เห็นว่ามีประโยชน์

ขอบคุณ พี่ TPC

 

ลืมไปอีกนิดหนึ่งคือ พระอริยะสงฆ์องค์ที่บอกผมเรื่องคาถา นี้ ท่านสวดภาวนาให้ผมฟังคือ
หลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ พระอริยะแห่งลพบุรี ท่านมรณภาพไปแล้วหลายปี อัฐฐิธาตุอยู่ที่วิหารวัดคลองเกตุครับ ท่านเป็นเกจิที่ชาวลพบุรีรู้จักและนับถือมากครับ ท่านปราถนาโพธิญาณครับ