รวมข่าวสารการปิดกิจการของบริษัทต่างๆเพื่อประเมิน....

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย greatmans, 16 สิงหาคม 2007.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เพิ่งไปฟังเลคเชอร์เรื่องซับไพร์มมา เรื่องเบื้องลึกน่ากลัวอย่างยิ่งเป็น แมคโดแนลล์ ไครซีส ที่เกิดจากหนี้เน่าทางภาคอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา ที่เกิดฟองสบู่แตกขึ้น จากการสร้างธุรกรรมทางการเงินที่ฉ้อฉล หลอกขายหนี้เน่าให้แบงค์ในประเทศโลกที่สาม พร้อมกับปั่นราคาที่ดินให้สูงเกินจริง พอราคาที่ดินสินทรัพย์ตกลงมา ก็กระทบกันถ้วนหน้า

    เป็นกรรมที่ตามสนอง กลุ่มเฮนจ์ฟันด์ที่เคยเที่ยวถล่มค่าเงินชาวบ้านเขา เจ๊งไปแล้วเป็นจำนวนมาก สถาบันการเงินทั่วโลก อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย มีที่เป็นรายใหญ่เจ๊งไปอีกหลายแห่ง สถานะการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตอนนี้ในอเมริกา ชาวบ้านแห่กันถอนเงินจากแบงค์ต่างๆที่เสี่ยงจากการให้สินเชื่อซับไพร์ม

    ที่น่ากลัวก็คือปลายปีนี้ คนอเมริกันระดับล่างจะถูกยึดบ้านเป็นจำนวน 2 ล้านครอบครัว และกรณีนี้กลายเป็นโดมิโน เริ่มกระทบไปยังยุโรปแล้ว


    ที่ส่งผลกระทบถึงไทยก็คือทำให้กำลังซื้อในตลาดอเมริกาและยุโรปลดลง เราจะส่งออกได้น้อยลงอย่างมาก
    เงินทุนที่เคยเคลื่อนไหวเข้าออกในประเทศจะถูกดึงกลับไป เพื่ออัดฉีดกลับเข้าสู่ระบบในประเทศเขา ซึ่งตอนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐได้อัดฉีดเงินลงไปจำนวนมากแล้วแต่ยังเอาไม่อยู่

    และหากเอาไม่อยู่แก้ไขไม่ได้จริง จะเกิดเป็นเมก้าไครซีสที่ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมพังครั้งมโหฬาร

    พวกเราเองในภาคประชาชน ประหยัดได้ก็จงประหยัด ฝึกชีวิตที่พอเพียงเอาไว้ อย่าเป็นหนี้ หรือลดปริมาณหนี้ รีไฟแนนท์ ให้ดอกเบี้ยต่ำเข้าไว้

    เป็นมหาภัยทางเศรษฐกิจที่จู่โจมมาแล้วครับระดับซึนามิทางการเงินเลยทีเดียว

    ปล.ผมตั้งชื่อว่าเป็น แมคโดแนลล์ไครซีสเอง เนื่องจาก เป็นความเสียหายทางการเงินจากการปล่อยกู้โดยไม่มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงให้ชนชั้นล่างของอเมริกา(ที่บริโภคแมคโดแนลล์เป็นอาหารหลักเนื่องจากเป็นของถูกของเขา) และมีเครดิต สถานะทางการเงินไม่ถึงระดับที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินทั่วไปได้ เช่นเพิ่งออกจากคุก ไม่มีงานประจำ รายได้ไม่ถึง มีประวัติทางการเงินที่มีปัญหา และโอกาสเบี้ยวหนี้สูง สุดท้ายก็เกิดฟองสบู่แตกในอเมริกาในที่สุด และกำลังเป็นแนวโน้มที่ส่งผลกระทบทั่วโลกในตอนนี้
     
  2. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    กองทุนรวม ประเมินความเสียหายปัญหาซับไพรม์ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 สิงหาคม 2550 17:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>กองทุนรวมประเมินความเสียหายจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือซับไพรม์สหรัฐฯ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดยังมีผลต่อเนื่องถึงกลางปีหน้า ทำให้ บล.ทิสโก้ ปรับเป้าดัชนีปีนี้เหลือ 800-850 จุด แนะรัฐดูแลสภาพคล่องและจับตาอย่างใกล้ชิด หากสหรัฐฯแก้ปัญหาไม่ได้จะเสียหายถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    งานเสวนา
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    หากสหรัฐฯแก้ปัญหาไม่ได้และความรุนแรงสูงถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้มีการยึดที่อยู่อาศัยสูงถึง 2 ล้านครัวเรือน

     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    20 ล้านล้านดอลลาร์ เท่ากับเงินไทยเรา


    700ล้านล้านบาท หรือ 700,000,000,000,000 บาท
     
  5. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    อื้อหือ หูอื้อครับ มันใกล้เข้ามาจริงๆ ถึงเวลาพวกเราต้องยอมรับมันแล้ว
    หลายคนยังประมาทอยู่
     
  6. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    ซับไพรม์พ่นพิษ "เฟิร์สต์ แม็กนัส" ยื่นล้มละลาย!

    สำนักข่าวเอพีรายงาน ว่า บริษัท เฟิร์สต์ แม็กนัส ไฟแนนเชียล คอร์ป หนึ่งในบริษัทปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ของสหรัฐ ได้ยื่นล้มละลายต่อศาลรัฐอริโซนา เป็นเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจากที่ได้ยุติการปล่อยสินเชื่อบ้านและรับใบขอกู้ และเลิกจ้างพนักงานกว่า 99% จากทั้งหมด 6,000 คน ในคำร้องที่ยื่นต่อศาลล้มละลายสหรัฐในเมืองทัคสัน รัฐอริโซนา ระบุว่า บริษัทได้จดทะเบียนทรัพย์สิน 942 ล้านดอลลาร์ และหนี้สิน 813 ล้านดอลลาร์

    "หลังจากที่พิจารณาทางเลือกต่างๆอย่างรอบคอบแล้ว บริษัทจึงเลือกที่จะยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอการพิทักษ์ทรัพย์สินจากภาวะล้มละลายตามมาตรา 11" นายจี เอส แจ็กกี้ ประธนานและซีอีโอของบริษัทกล่าวในการแถลงข่าว


    เจ้าหน้าที่ของบริษัทกล่าวว่า ลูกหนี้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องและผิดนัดชำระเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการล่มสลายของอุตสาหกรรมการจำนอง แม้บริษัทจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้จำนองซับไพรม์ ซึ่งกำลังเกิดวิกฤติในขณะนี้ก็ตาม"


    ทั้งนี้ บริษัท เฟิร์ส แม็กนัส มีวงเงินการปล่อยสินเชื่อกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2549 นอกจากนั้นยังมีบริษัทในเครืออีกหลายแห่ง ได้แก่ เกรท เซาท์เวสท์ มอร์ทเกจ และ ชาร์ตเตอร์ ฟันดิ้ง ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น เฟิร์ส แม็กนัส โฮม โลนส์ เมื่อไม่นานมานี้

    http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=186642
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    ที่น่าเป็นห่วงคือประเทศไทยครับ เพราะเป็นสหรัฐเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ถึงแม้ว่าจะธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลอดัตราดอกเบี้ยลง แต่คงจะช่วยได้ไม่มาก เพราะสินเชื่อที่ปล่อยกู้ของสหรัฐก้อคงเป็น NPL ไปแล้วมากกว่าครึ่งครับ สหรัฐต้องเตรียมหามาตราการมารองรับ NPL นี้ด้วยครับ ไม่งั้นก้อแย่เหมือนเดิม
     
  8. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ที่ผ่านมาเป็นแค่น้ำจิ้ม.......อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    จากนี้ไปถึงสิ้นปีก็จะเป็น ออเดิฟ

    แต่ปีหน้ารัฐบาลใหม่เข้ามาบริหาร ก็จะเสริฟด้วย Main Course ชุดใหญ่

    เวลานั้นตัวใครตัวมันแล้วกัน ..............นะโยม
     
  9. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    สองโรงสีส่งออกขาดสภาพคล่องทางการเงินประกาศปิดตัวแล้ว 2 แห่ง


    พนักงาน 300 ชีวิตถูกลอยแพ เตรียมหางานใหม่ช่วยเหลือเร่งด่วน

    เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นายสุเมธ ชัยเลิศวานิชกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า
    ได้รับรายงานจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดพิจิตรว่า บริษัทเพรชซิเดนท์ อริเทรดิ้ง จำกัด และ บริษัท เพรซิเดนท์เกรน ไซโล จำกัด เป็นโรงสีส่งออกต่างประเทศขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใน ต.หอไกร อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ที่ได้ประกาศปิกิจการไปเนื่องจากประสพปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีเงินที่จะมาหมุนเวียนในโรงสี


    นายสุเมธ กล่าวอีกว่า สถานประกอบการทั้ง 2 แห่งได้ประสบปัญหาดังกล่าว มาตั้งแต่ต้น ปี 2550
    แต่ก็ได้ดำเนินกิจการเรื่อยมาจนถึงวันที่ 21 สิงหาคม จึงมีการสั่งปิดกิจการลง ซึ่งบริษัท เพรชซิเดนท์ อริเทรดิ้ง จำกัด มีลูกจ้างจำนวน 95 คนบริษัท เพรซิเดนท์เกรน ไซโล จำกัด มีลูกจ้าง จำนวน 103 คน รวมลูกจ้าง ทั้งสิ้น 195 คน หลังจากปิดกิจการทำให้พนักงานเกรงว่าจะไม่ได้รับสิทธิ์ประโยชน์ จึงได้โทรมาแจ้งกับสวัสดิการคุมครองแรงงานพิจิตร และได้มีการนัดกันเจรจากับลูกจ้างเกี่ยวกับสิทธิ์ประโยชน์กรณีเลิกจ้างลูกจ้าง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายระหว่าง นายอภิชาต จันทร์สกุลพร กรรมการผู้จัดการ โดยจะมีการจ่ายเงินช่วยเหลือลูกจ้างรายละ 2.5 เท่าของค่าจ้างซึ่งมีกำหนดจ่ายเงิน ภายในเดือนสิงหาคม


    นาย สุเมธ กล่าวอีกว่า

    หลังจากได้รับแจ้งจึงได้สั่งการให้ทางสวัสดิการคุมครองแรงงานพิจิตรให้สังเกตการณ์ในเรื่องของการจ่ายเงินค่าคุมครองแรงงาน นอกจากยังเร่งให้เตรียมหางานให้กับ ลูกจ้างทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวเนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีงานทำและว่างงาน

    http://tnews.teenee.com/etc/14004.html
     
  10. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    ปั๊มน้ำมันแห่ปิดกว่า2พันแห่ง +ผู้ค้าฟันธงความต้องการลดผู้บริโภคหันใช้แอลพีจี/เอ็นจีวี
    สมาคมผู้ค้าน้ำมัน ชี้สถานการณ์ปั๊มน้ำมันย่ำแย่ คาดการณ์ปีนี้ปิดตัวไม่ต่ำกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ จากปัญหายอดจำหน่ายลดลง ที่เป็นผลจากราคาน้ำมันพุ่ง ค่าการตลาดน้อย และโดนก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวีเข้าแทนน้ำมัน ขณะที่ภาครัฐยันจำนวนปั๊มของไตรมาส 2 ยังไม่ได้ลดลงจากช่วงไตรมาสแรก


    นายสมภพ ธนะธีระพงศ์ นายกสมาคมผู้ค้าน้ำมัน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงสถานการณ์การค้าปลีกน้ำมันในขณะนี้ว่า จากผลของราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาวะเศรษฐกิจทีมีการชะลดตัวลง ทำให้การบริโภคน้ำมันมีการเติบโตอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งประชาชนหันมาประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น ลดการเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลง ซึ่งได้ส่งกระทบให้สถานีบริการน้ำมันมียอดจำหน่ายลดลงอย่างต่อเนื่องด้วย


    ประกอบกับรถยนต์บ้างส่วนได้หันไปใช้พลังงานทางเลือกอย่างอื่น เช่น ก๊าซแอลพีจี และก๊าซเอ็นจีวี เพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดจำหน่ายน้ำมันในสถานีบริการน้ำมันปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำไม่คุ้มค่าต่อการดำเนินงาน ที่สำคัญค่าการตลาดน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันได้รับอยู่ในภาวะค่อนข้างต่ำประมาณ 40-50 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ทั้งที่ปั๊มแต่ละแห่งมีภาวะค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น


    จากภาวะดังกล่าวได้ส่งผลให้สถานีบริการน้ำมันทั้งขนาดใหญ่และเล็กได้ทยอยปิดตัวเองลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการรายงานของสมาชิกของสมาคมที่มีอยู่ทั่วประมาณประมาณ 6,000-7,000 ราย พบว่าเมื่อปี 2549 ที่ผ่านมาได้มีปั๊มน้ำมันปิดตัวลงไปแล้วกว่า 2,000 แห่ง ทั่วประเทศ และคาดว่าในปีนี้ น่าจะมียอดการปิดปั๊มเพิ่มมากกว่าปีที่แล้ว โดยเฉพาะปั๊มอิสระรายเล็กๆ ในต่างจังหวัดที่ประสบปัญหาติดต่อกันมาช่วง1-2 ปีนี้ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลง


    ที่สำคัญจากการที่รัฐบาลพยายามเร่งส่งเริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้มีจำหน่ายในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น แต่ขณะนี้พบว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ยังมีจำหน่ายไม่ครบคลุมปั๊มน้ำมันครบทุกแห่ง ทำให้บางปั๊มที่ไม่มีแก๊สโซฮอล์จำหน่ายได้รับผลกระทบส่วนหนึ่งยอดการจำหน่ายน้ำมันเบนซินลดลง เนื่องจากผู้บริโภคหันไปใช้แก๊สโซฮอล์กันมากขึ้น เพราะมีราคาถูกกว่า

    อย่างไรก็ตาม จากการรายงานจำนวนสถานีบริการน้ำมันของกรมธุรกิจพลังงานในช่วง ไตรมาสที่ 2 พบว่ามีจำนวนไม่ต่างจากช่วงไตรมาสแรกของปีนี้นั้น มองว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากบางรายที่เลิกกิจการไปแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการแจ้งกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้เห็นว่ายังมีการดำเนินการอยู่


    นายสมภพ กล่าวอีกว่า จากผลกระทบดังกล่าวนี้ ทำให้ปั๊มน้ำมันที่ปิดตัวเองลง เริ่มที่จะหาทางออกไปทำปั๊มจำหน่ายแอลพีจีเพิ่มมากขึ้น เพราะจะได้รับความนิยมและมีกำไรมากกว่า ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันมีปั๊มจำหน่ายแอลพีจีเพิ่มขึ้นถึง 236 แห่ง ขณะที่ปั๊มจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีจะเกิดได้ช้ากว่า เนื่องจากติดปัญหาการหาสถานที่ก่อสร้าง และบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ลงทุนเองก่อสร้างเอง และยังไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากนักเมื่อเทียบกับการใช้แอลพีจี เนื่องจากถังมีน้ำหนักมาก และค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง แต่ทั้งนี้ หากดูจากยอดการใช้เอ็นจีวีก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน


    ขณะที่อีกส่วนหนึ่งไม่มีทางออก ก็ได้หันไปประกอบอาชีพอย่างอื่นแทน ซึ่งถือว่าเป็นภาวะจำยอม เพราะที่ผ่านมาบริษัทน้ำมันไม่ได้ช่วยเหลือปั๊มน้ำมันที่เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่อย่างใดในการเพิ่มค่าการตลาดแม้เวลาและสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เปลี่ยนไป ซึ่งหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทางสมาคมผู้ค้าน้ำมันคงต้องเรียกสมาชิกประชุม เพื่อเรียกร้องให้มีการช่วยเหลือสถานีบริการน้ำมันต่อไป โดยเฉพาะเรื่องค่าการตลาดที่ได้รับต่ำอยู่ในเวลานี้


    แหล่งข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า จากการได้รับรายงานตัวเลขการประกอบธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน พบว่าตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมาสถานีบริการน้ำมันยอดยอดการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จาก จำนวน17,993 แห่ง แบ่งเป็นปั๊มอิสระ 12,932 แห่ง ที่เหลือเป็นปั๊มมาตรฐานของผู้ค้ามาตรา 7 เพิ่มมาเป็น 18,266 แห่ง เป็นปั๊มอิสระถึง 13,266 แห่ง และที่เหลือเป็นปั๊มผู้ค้ามาตรา 7 ขณะที่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้นั้น พบว่ายอดไม่ต่างจากช่วงไตรมาสแรกมากนัก

    http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T0822461&issue=2246
     
  11. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 สิงหาคม 2550 16:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แบงก์ ออฟ ไชน่า ในฮ่องกง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเยนซี
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    พิษบาทแข็งเล่นงาน "เพรซิเดนท์ อะกริฯ-ยักษ์ค้าข้าวเมืองชาละวัน" ล้มทั้งยืน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">24 สิงหาคม 2550 07:51 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> พิษบาทแข็งเล่นงาน ยักษ์ค้าข้าวเมืองชาละวัน "เพรซิเดนท์ อะกริฯ" ล้มทั้งยืน หมดสภาพความรุ่งเรืองสุดขีดยุคผู้นำ "แม้ว" ขณะที่นายแบงก์ยอมรับ หนี้เน่าเพิ่มขึ้นอื้อ เหตุปล่อยกู้กลุ่ม เพรซิเดนท์ อะกริฯ และวิกฤติซับไพรม์ ล่าสุด กองทุนฟื้นฟูสั่งสอบการปล่อยกู้แล้ว

    วันนี้(24 ส.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท เพรซิเดนท์ เกรน ไซโล จำกัด ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศ ตั้งอยู่ใน ต.หอไกร อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ได้ปิดกิจการลงแล้ว เนื่องจากประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ และขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีเงินหมุนเวียน

    ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า บริษัททั้งสองแห่งได้ประสบปัญหาดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี 2550 แต่ยังดำเนินกิจการเรื่อยมาจนถึง 21 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงได้ประกาศปิดกิจการ ซึ่งบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริฯ มีลูกจ้างจำนวน 95 คน บริษัท เพรซิเดนท์ เกรนฯ มีลูกจ้างจำนวน 103 คน รวมลูกจ้างทั้งสิ้น 195 คน

    ล่าสุด สำนักงานพาณิชย์ พร้อมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดพิจิตร ได้เตรียมเข้าไปดูแลพนักงานและลูกจ้างทั้งหมดแล้ว และเตรียมนัดเจรจากับลูกจ้างเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์กรณีเลิกจ้างลูกจ้าง ขณะที่ทางบริษัทแจ้งว่าจะจ่ายเงินช่วยเหลือลูกจ้างรายละ 2.5 เท่าของค่าข้าง มีกำหนดจ่ายในเดือนสิงหาคมนี้

    นายบรรจง ตั้งจิตวัฒนากุล นายกสมาคมโรงสีข้าวจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า การปิดกิจการของโรงสีข้าวของบริษัทดังกล่าวมีสาเหตุจากปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้โรงสีข้าวทั้ง 2 แห่ง มีรายได้จากการส่งออกลดลง รวมทั้งการที่รัฐบาลรักษาการประกาศปรับราคาข้าวลงอีก 10% ทำให้บริษัทในเครือทั้ง 2 แห่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกชนรายใหญ่ที่ประมูลข้าวในสต็อกจากกระทรวงพาณิชย์ในปีการผลิต 47/48 ได้รับผลกระทบมาก และขาดทุนจากการขายข้าวในปีการผลิต 49/50 ถึงตันละ 1,000 บาท

    นอกจากนี้ โรงสีข้าวในเครือบริษัท เพรซิเดนท์ทั้ง 2 แห่ง ยังถูกองค์การคลังสินค้า (อคส.) ปรับเป็นเงินสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เพราะไม่สามารถนำข้าวส่งออกได้ตามข้อตกลง ทั้งนี้ หลังโรงสีทั้ง 2 แห่งปิดกิจการ สมาคมได้หารือสมาชิกเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการรับคนงานบางส่วนเข้าทำงานกับโรงสีของสมาชิกที่มีความต้องการแรงงานเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ได้สอบถามผู้ประกอบการโรงสีข้าวที่เป็นสมาชิกว่ามีรายใดที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับโรงสีข้าวทั้ง 2 แห่งหรือไม่ เพื่อเตรียมรับมือและหาทางช่วยเหลือ ทราบว่ามีประมาณ 26 แห่ง ที่มีเริ่มมีปัญหา

    มีการตั้งข้อสังเกตุว่า บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริฯ นับเป็นบริษัทที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับรัฐบาลยุคทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีกระแสข่าวการผูกขาดและการทุจริตมาโดยตลอด เพราะชนะการประมูลข้าวได้จำนวนมหาศาล หลังจากรัฐบาลทักษิณถูกยึดอำนาจ ก็เริ่มมีปัญหา กลายเป็นกิจการที่สร้างหนี้เสียให้แบงก์หลายแห่งเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท

    สาเหตุที่ทำให้ธนาคารไทยธนาคารมีหนี้เพิ่มขึ้น 19 ล้านบาทในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากการปล่อยกู้ให้แก่กลุ่มบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริเทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 1,760 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อที่มีเม็ดเงินจำนวนสูงเมื่อเทียบกับขนาดของธนาคารที่มีขนาดเล็ก และจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่สินทรัพย์อ้างอิง(ซีอีโอ)จำนวน 276 ล้านบาทด้วย ซึ่งมีความกังวลว่าเป็นการลงทุนในซีอีโอที่มีปัญหาปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน(ซับไพรม์) อยู่ในขณะนี้

    กองทุนฟื้นฟูฯ สั่งสอบปล่อยกู้ “เพรสซิเดนท์ฯ”

    ก่อนหน้านี้นายสาธร โตโพธิ์ไทย ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและติดตามทรัพย์สิน กองทุนฟื้นฟูฯ กล่าวว่า ธปท.สั่งการให้คณะกรรมการไทยธนาคารตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมา 1 ชุด โดยมีฝ่ายตรวจสอบสถาบันการเงินของ ธปท. เป็นกรรมการร่วมด้วย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งกรณีการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ และการลงทุนในตราสารหนี้ว่า เกิดจากสาเหตุใด แล้วแจ้งให้กองทุนทราบภายใน 30 วัน หลังจากตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ หรือภายในกลางเดือนกันยายนนี้

    “กองทุนฟื้นฟูฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยธนาคาร และไทยธนาคารเป็นธนาคารขนาดเล็ก หากมีปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้นมาก หรือขาดทุนจากการไปลงทุนจำนวนมาก อาจจะกระทบต่อฐานะของธนาคารได้ โดยในส่วนของการตรวจสอบลูกหนี้ ทางกองทุนฟื้นฟูฯ ได้เน้นลูกหนี้ บริษัท เพรสซิเดนท์ฯ ซึ่งเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของธนาคาร มูลหนี้กว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเริ่มมีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นพิเศษว่า มีขั้นตอนและวิธีการในการปล่อยสินลูกหนี้รายนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และจำเป็นต้องกันสำรองหนี้เพิ่มขึ้นเท่าไร” นายสาธร กล่าว

    สำหรับเหตุผลที่ให้ตรวจสอบบริษัท เพรสซิเดนท์ฯ เป็นพิเศษ นั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากประเด็นทางการเมือง หรือเลือกปฏิบัติเฉพาะรายนี้เพียงรายเดียว แต่ขณะนี้เท่าที่ตรวจสอบ พบลูกหนี้รายใหญ่ที่อาจจะกระทบต่อการดำเนินการของไทยธนาคาร ยังพบเพียงรายเดียว หากพบรายอื่นเพิ่มเติมก็ต้องตรวจสอบเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีที่ยังไม่ได้สั่งการให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าหนี้ บริษัท เพรสซิเดนท์ฯ ทั้ง ๆ ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารกรุงไทยเช่นกันนั้น เนื่องจากธนาคารกรุงไทย เป็นธนาคารขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดของธนาคารมูลหนี้ที่ให้กู้กับหนี้บริษัทเพรสซิเดนท์ฯ ไม่กระทบต่อฐานะรุนแรงเท่ากับกรณีไทยธนาคาร แต่เจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูฯ ก็ติดตามกรณีดังกล่าวอยู่
     
  13. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    ตัดมาบางส่วน จากเดลินิวส์ 6 สิงหาคม 2550 เวลา 00:00 น.

    'เงินบาทแข็ง' ส่งออกกระอัก! แห่ปิดโรงงาน 'ฉันทนา' ซวย...ใครช่วยได้

    แน่นอนว่าผลกระทบจาก
     
  14. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    เนชั่นทันข่าว
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=70>ปิดโรงงานเย็บเสื้อผ้าส่งออกลอยแพ 300 คน </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ededed>18:38 น. นายอนันต์ เงินตะแพง แกนนำลูกจ้างบริษัทอินเตอร์บูดา จำกัด อ.คลองหลวง จ. ปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออก เปิดเผยว่าขณะนี้ลูกจ้างกว่า 200 คนได้ชุมนุมอยู่หน้าโรงงาน เนื่องจากนายจ้างได้ปิดประกาศใช้มาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ซึ่งเป็นการปิดงานแต่จ่ายค่าจ้างร้อยละ 50 ซึ่งเป็นเรื่องที่ลูกจ้างและเจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดก็ไม่ได้รับแจ้งเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ลูกจ้างสังเกตเห็นว่ามีการเคลื่อนย้ายจักรบางส่วน จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมาตรวจสอบ แต่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง จู่ๆ นายจ้างก็ประกาศดังกล่าว โดย 02.00 น.ที่ผ่านมา ก็มาขนเครื่องมือไปอีก นายจ้างบอกว่าอยู่ไม่ได้เพราะช่วงนี้ไม่มีออเดอร์เลย คนงานที่มีกว่า 300 คน รู้สึกตกใจและกลัวนายจ้างหนีจึงมาชุมนุม
    ด้าน นายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่าโรงงานดังกล่าวยังไม่ได้เลิกจ้าง แต่ใช้มาตรา 75 ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว มาตราดังกล่าวยังไม่มีผล เนื่องจากเจ้าของโรงงานต้องแจ้งให้ กสร.ทราบก่อน ที่สำคัญควรปรึกษากับลูกจ้างให้ดีก่อน ตอนนี้ยังถือว่านายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างเป็นปกติอยู่ ทั้งนี้สัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีสถิติการปิดโรงงานเพิ่ม ซึ่งนายจ้างไม่ควรฉวยโอกาสช่วงนี้อ้างเรื่องค่าเงินบาทแล้วปิดโรงงาน แต่ควรพัฒนาศักยภาพให้โรงงานอยู่ได้ระยะยาว หากมีปัญหาควรหันหน้าปรึกษากับลูกจ้าง ส่วนนายจ้างประเภทหิ้วกระเป๋ามาใบเดียวแล้วทำอะไรก็ได้ หรือชอบลอยแพลูกจ้าโดยไม่คำนึงถึงความเป็นธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน ตนเองอยากเสนอให้ขึ้นแบล็คลิสต์คนพวกนี้ อย่าให้ได้กลับมาทำอาชีพนี้อีกเลย จะได้เข็ดหลาบกันบ้าง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    น่าห่วงใย ชาวไทยผู้เดือดร้อนทุกท่านครับ ขอให้กลับน้อนไปพิจารณาหลักทางเดินสายกลาง และการใช้ชีวิตแบบพอเพียง สงบ เรียบง่าย
     
  16. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    ต้องหันไปทำแบบเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจังแล้ว ตั้งแต่ปรับการผลิตภาคการเกษตรจากปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพื่อหวังส่งออก มาเป็นส่งเสริมไร่นาสวนผสม และให้ความรู้วิธีการลดต้นทุน จากปุ๋ยเคมี การใช้เครื่องจักรต่างๆ และการจัดการเรื่องน้ำ
     
  17. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    ม็อบโรงงานย่านปทุมฯร้องถูกเลิกจ้าง
    โดยทีมข่าว INN News 30 สิงหาคม 2550 13:49:04 น.<!-- Show Date -->

    ม็อบโรงงานย่านปทุมธานี บุกทำเนียบฯ ร้องถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม

    สหภาพแรงงานบริษัท อินเตอร์โมดา จำกัด ซึ่งประกอบกิจการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งออกยุโรป ย่าน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นำลูกจ้างประมาณ 200 คน ส่วนใหญ่เป็นสุภาพสตรี และบางคนอุ้มท้อง 6-7 เดือน เดินทางมาประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อขอความเป็นธรรมหลังจากที่ถูกนายจ้างลอยแพปิดกิจการ และจะจ่ายค่าจ้างที่เหลือ และค่าชดเชยให้กับลูกจ้างเพียงครึ่งหนึ่ง โดยอ้างว่าประสบภาวะขาดทุน เนื่องจากปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งนายวสันต์ อัศวสถิตย์พร กรรมการผู้จัดการบริษัท ได้พยายามขนย้ายเครื่องจักรออกจากโรงงาน ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2550 และสั่งปิดกิจการ ในวันที่ 27 สิงหาคม 2550

    ทั้งนี้ สหภาพแรงงานบริษัท อินเตอร์โมดาฯ ระบุว่า พฤติกรรมดังกล่าวของเจ้าของบริษัท มีเจตนาที่จะปิดกิจการหนี เพื่อขนย้ายอุปกรณ์เครื่องจักรไปยังบริษัทในเครือ และการกระทำดังกล่าว ส่งผลให้ลูกจ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และมีอายุการทำงานเกินกว่า 4 ปี รวมถึงครอบครัว ได้รับความเดือดร้อน จึงต้องการเรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้นายจ้างนำเงินจำนวน 24 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้าง ไปวางไว้เป็นกองทุนเงินชดเชยหากเกิดการเลิกจ้าง และเป็นหลักประกันว่า ลูกจ้างจะได้รับเงินชดเชยตามกฏหมาย และขอให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างที่เหลือจากการค้างจ่ายเป็นเงินเต็มจำนวนที่ลูกจ้างจะได้รับจริง

    ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง มีเครือข่ายคัดค้านมหาวิทยาลัยนอกระบบ นำโดย นายอธิวัฒน์ บุญชาติ ประธานกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อยับยั้งการนำ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยมหิดล และ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนอกระบบ ทุกฉบับ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ในรัฐบาลชุดนี้ โดยให้เหตุผลว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) บางคนเป็นข้าราชการ อาจจะส่งผลให้มีการกระทำเพื่อผลประโยชน์ และอาจมีพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ หรือทุจริตเชิงนโยบายได้ และควรให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองรับเรื่องราวร้องทุกข์ได้มารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว เพื่อส่งต่อผู้เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
     
  18. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    "ไนกี้บุรีรัมย์ยูเนี่ยนชูส์"ลาโรงตาม"สหยูเนี่ยน"

    โรงงานตัดเย็บรองเท้าไนกี้ "บุรีรัมย์ ยูเนี่ยน ชูส์" แจ้งปิดกิจการ 2 แห่งรวด เลิกจ้างแรงงานกว่า 800 คน มีผล พ.ย.นี้ พร้อมจ่ายค่าชดเชยให้พนักงานกว่า 17 ล้าน ขณะที่สิ้นเดือน ส.ค.นี้บริษัทในเครือก็ประกาศปิดกิจการไปแล้ว 2 แห่ง ด้านสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานบุรีรัมย์เร่งจัดอบรมให้ความรู้ด้านสิทธิแรงงาน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายหลังถูกเลิกจ้าง

    แหล่งข่าวจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า โรงงานตัดเย็บหน้ารองเท้าก่อนประกอบผลิตเป็นรองเท้ายี่ห้อไนกี้ของบริษัท บุรีรัมย์ ยูเนี่ยน ชูส์ จำกัด สาขา ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ และสาขา ต.ละลวด อ.ชำนิ รวม 2 แห่ง ได้แจ้งหยุดกิจการ และเลิกจ้างพนักงานกว่า 800 คน หลังได้รับผลกระทบจากบริษัทสหยูเนี่ยน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้ปิดกิจการ ซึ่งบริษัทพร้อมที่จะจ่ายเงินชดเชยเป็นเงินค่าตอบแทนวันหยุดพักผ่อนประจำปี และค่าจ้างวันหยุดประจำปีที่ยังไม่ได้ลาให้กับพนักงาน มูลค่ากว่า 17 ล้านบาท

    ทั้งนี้โรงงานดังกล่าวจะหยุดกิจการในเดือนพฤศจิกายน 2550 ส่วนสาเหตุที่ปิดกิจการบริษัทให้เหตุผลว่า เพราะการผลิตประเภทกิจการรองเท้ามีการแข่งขันสูงทำให้มีกำไรน้อย ขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ รวมทั้งได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท ทำให้บริษัทไม่สามารถเปิดดำเนินกิจการต่อไปได้

    อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ บริษัท บ้านไผ่ ยูเนี่ยน ฟุทแวร์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ได้แจ้งปิดกิจการและเลิกจ้างแรงงานไปแล้ว 2 แห่งเช่นกัน มีแรงงานกว่า 670 คน โดยทางบริษัทยอมจ่ายค่าชดเชยให้กับแรงงานทั้งหมดเป็นเงินกว่า 9 ล้านบาท ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2550 นี้

    แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า แรงงานที่ถูกเลิกจ้างเหล่านี้ส่วนหนึ่งมีโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อ.พุทไธสง และ อ.ลำปลายมาศ พร้อมที่จะรับเข้าทำงานต่อ ส่วนแรงงานที่ยังไม่มีงานทำ ทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ได้ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าไปดูแลด้านสวัสดิการต่างๆ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานอย่างเป็นธรรม พร้อมทั้งจัดหาตำแหน่งงานว่างให้กับแรงงานถ้าหากแรงงานต้องการ เพื่อคลายความเดือดร้อนให้กับแรงงานดังกล่าวแล้ว

    ด้านนายสุวิทยา จันทวงศ์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ทางสำนักงานได้จัดโครงการส่งเสริมพัฒนาและกำกับดูแลแรงงานในระบบ โดยจะมีการอบรมให้ความรู้ด้านสิทธิแรงงานและส่งเสริมพัฒนาเครือข่ายการคุ้มครองแรงงาน ให้แก่นายจ้าง ลูกจ้าง ประชาชน เจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน อาสาสมัครแรงงาน และองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองแรงงาน รวมทั้งสิทธิหน้าที่ต่างๆ ให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ป้องกันปัญหาการใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งให้เครือข่ายช่วยเหลือในการคุ้มครองดูแลแรงงาน และช่วยชี้เบาะแสการใช้แรงงานที่ไม่เป็นธรรม โดยจะจัดอบรม 2 รุ่น รุ่นละ 100 คน

    ปัจจุบันจังหวัดบุรีรัมย์ มีสถานประกอบการและโรงงานอยู่ในความดูแลกว่า 1,600 แห่ง เครือข่ายดังกล่าวจะเป็นตัวแทนในการปกป้องพิทักษ์สิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน พร้อมทั้งนำความรู้ไปเผยแพร่ให้กับกลุ่มแรงงานด้วยกันด้วย

    http://matichon.co.th/prachachat/pr...g=02p0113300850&day=2007-08-30&sectionid=0201
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    "แคปปิตอล โอเค" ใกล้อวสาน ขาดทุนบาน-เทมาเส็กฯรับสภาพ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">30 สิงหาคม 2550 16:01 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ครึ่งแรกปี 2550 แคปปิตอล โอเค ขาดทุนบักโกรก ยิ่งขายไม่ออกยิ่งขาดทุนหนัก บริษัทแม่อัดเงินเพิ่มทุนอีก 800 ล้านบาท รับสภาพเงินลงทุนสูญ

    หลังจากที่ตระกูลชินวัตรขายหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์จากสิงคโปร์เมื่อ 23 มกราคม 2549 วิบากกรรมจึงเกิดตามมาทันทีทั้งเกิดการยึดอำนาจการปกครอง บริษัทลูกของชินคอร์ปอย่างไอทีวีที่มีปัญหาเรื่องการผิดสัญญาสัมปทานจนต้องถูกยึดเป็นของรัฐ

    สถานะของชินคอร์ปเริ่มไม่ดีเหมือนเมื่อครั้งที่พรรคไทยรักไทยเรืองอำนาจ ผู้ถือหุ้นรายใหม่เริ่มจ่ายเงินปันผลมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิด มีการโยกกิจการโทรศัพท์มือถือในลาวและกัมพูชากันใหม่ และงบการเงินงวด 6 เดือนปี 2550 ของชินคอร์ปแสดงตัวเลขขาดทุน 524 ล้านบาท

    หนึ่งในกิจการของเครือชินคอร์ป ที่ส่ออาการไปไม่รอดอีกรายอย่างแคปปิตอล โอเค ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเทมาเส็กจะขายกิจการนี้ทิ้ง แต่ยังไม่สามารถตกลงในเรื่องราคากันได้

    ครึ่งแรกของปี 2550 แคปปิตอล โอเค มีผลขาดทุนสุทธิ 1,654.93 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ที่ขาดทุนสุทธิ 393.66 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 1,261.27 ล้านบาทคิดเป็นขาดทุนมากขึ้นกว่า 320%

    บริษัทแม่อย่างชิน คอร์ป ที่ถือหุ้น 100% ได้อัดฉีดเงินด้วยการเพิ่มทุนอีก 800 ล้านบาท ทำให้ทุนจดทะเบียนเป็น 5,200 ล้านบาท นับว่าสูงที่สุดในบรรดาผู้ประกอบการประเภทเดียวกัน แต่เงินลงทุนดังกล่าวเมื่อคำนวณตามวิธีราคาทุนคงเหลือเพียง 4,865.66 ล้านบาท ที่สำคัญคือได้มีการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนได้เต็มจำนวน นั่นหมายถึงมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนจากเงินลงทุนดังกล่าวมีโอกาสน้อย

    สำหรับยอดสินเชื่อของแคปปิตอล โอเค ลดลงจาก 11,400 ล้านบาทจากสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2549 เหลือ 6,700 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2550 และสิ้นไตรมาส 2 ของปีนี้เหลือเพียง 5,100 ล้านบาท

    ชิน คอร์ป ให้เหตุผลว่าเป็นผลจากการลดขนาดของธุรกิจตามนโยบายการให้สินเชื่อที่เคร่งครัด และมีอุปสรรคด้านการดำเนินงานจากการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย

    แคปปิตอล โอเค เปิดตัวเมื่อ 24 ธันวาคม 2546 ช่วงที่พรรคไทยรักไทยเรืองอำนาจ กลุ่มชินคอร์ป ได้ร่วมกับธนาคารดีบีเอส สิงคโปร์ ของกลุ่มเทมาเส็กได้เข้ามาร่วมธุรกิจกันสัดส่วน 60:40 ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ด้วยแต้มต่อจากฐานทุนจากลูกค้าของเอไอเอสและโอกาสที่เปิดกว้าง ทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อบุคคลรายนี้เปิดฉากรุกคู่แข่งอย่างหนัก รวมถึงการกว้านตัวมือดีมาร่วมงานทั้งจากจีอี แคปิตอลและผู้บริหารของอิออน

    โปรโมชั่นที่ร้อนแรงและสะกดใจลูกค้าอย่างเช่นดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 15 เดือน หรือการลดค่างวด 2-30% ให้กับผู้ที่ผ่อนชำระตรงเวลา สอดรับกับนโยบายการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศด้วยการส่งเสริมการใช้จ่ายและการบริโภค ที่แม้ตัวนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นยังออกมากล่าวถึงความสำเร็จของตัวเองว่าที่สามารถก่อร่างสร้างตัวมาได้จนถึงวันนี้ก็มาจากการกู้ยืมคนอื่นมาก่อน

    เพียงแค่ 3 ปีของการเปิดบริการ แคปปิตอล โอเค ไม่ได้โดดเด่นอย่างที่หลายฝ่ายคิด จนมีการยึดอำนาจในเดือนกันยายน 2549 แผนรุกทางการตลาดของผู้ให้บริการรายนี้ยิ่งเงียบหายไป ยิ่งใกล้ครบ 4 ขวบของการก่อตั้ง สถานการณ์ของแคปปิตอล โอเค ตกอยู่ในสภาพทรุดและทรุดลงทุกขณะ

    "ผู้บริหารที่ซื้อตัวมาขณะนี้ออกกันไปเยอะแล้ว ที่เหลืออยู่ไม่ใช่คีย์แมน ธุรกิจที่ทำอยู่ในเวลานี้ถือว่าทำเพื่อประคองตัว บางตัวก็ไม่เปิดให้บริการ รอเพียงการขายพอร์ตสินเชื่อให้กับผู้สนใจรายใหม่เท่านั้น" แหล่งข่าวจากวงการบัตรเครดิตกล่าว

    ที่ผ่านมาแคปปิตอล โอเค เปิดฉากกวาดลูกค้าไปมาก จากการใช้โปรโมชั่นเข้ามาดึงดูดใจนั้น เราเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่า พวกเขาได้ลูกค้ากลุ่มที่เป็นปัญหาไปมากพอสมควร คือมีประวัติผิดนัดชำระหนี้กับค่ายอื่นก็ย้ายหนีไปที่แคปปิตอล โอเค สุดท้ายลูกหนี้กลุ่มนี้ก็สร้างปัญหาให้กับแคปปิตอล โอเคในที่สุด

    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> [​IMG]
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    ลิเบอร์ตี้ฯหลบ"วิกฤตสัมพันธ์ฯ" คุมอู่"ซ่อมไม่ดีคืนเงิน-จ่ายชดเชย" <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">30 สิงหาคม 2550 15:59 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> วิกฤต "สัมพันธ์ประกันภัย" ลุกลามถึงเพื่อนพ้องแวดวง "ประกันวินาศภัย" ... "ลิเบอร์ตี้ประกันภัย" วิเคราะห์ "คำสั่งหยุดสัมพันธ์ฯ" กระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภครุนแรงยิ่งกว่า สั่งปิด 2-3 บริษัท เพราะพอร์ตใหญ่ ลูกค้า และอู่เสียหายมหาศาล ฟื้นความเชื่อมั่นต่อยอดโครงการ "ลิเบอร์ตี้เอ็กซเพรส ซ่อมด่วนทั่วประเทศ" การันตีหลังซ่อม รับประกันซ่อมสี 3 ปี ซ่อมสีไม่ดีคืนทุนประกัน จ่ายชดเชยซ่อมช้าวันละ 400 บาท และซ่อมแก้ถ้าไม่พอใจ....

    " เกิดอะไรขึ้น ก็มักจะมีชื่อของลิเบอร์ตี้ประกันภัยติดอยู่ในกลุ่มมีปัญหาทุกที ทั้งๆที่เราไม่มีปัญหาเงินกองทุนติดลบ แถมยังมีทรัพย์สินในมือ เป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภท อาคาร ที่ดินและหลักทรัพย์มากมาย"

    ศักดิ์เดช สุริยะพรชัยกุล รองกรรมการผู้จัดการ ลิเบอร์ตี้ประกันภัย ยอมรับว่า การแข่งขันยื้อแย่งเบี้ยประกัน ทำให้ในวงการประกันภัยมีการ "ดิสเครดิต" กันอยู่ตลอดเวลา ขณะที่คำสั่ง "สัมพันธ์ประกันภัย" หยุดขายชั่วคราว ก็ทำให้สงครามช่วงชิงลูกค้าลามไปถึงสื่อ "อิเลคทรอนิคส์" ซึ่งบางบริษัทใช้เป็นแหล่งปล่อยข้อมูลธุรกิจคู่แข่งในด้านลบ

    " เราไม่มีปัญหาในตอนนี้ แต่เราก็อยู่เฉยไม่ได้"...

    ลิเบอร์ตี้ฯถูกนำเข้าไปพ่วงกับ กรณีสัมพันธ์ฯ ส่วนหนึ่งก็เพราะทีมงานเกือบจะทั้งหมดของสัมพันธ์ฯแยกตัวมาจาก ลิเบอร์ตี้ประกันภัย ทำให้ยังมีหลายฝ่ายมองว่าทั้งสองเป็นเสมือนพี่น้องกัน หรือ ไม่ก็ใกล้ชิดเป็นบริษัทในเครือญาติ

    " ตอนเขาแยกจากเราไป ก็เอาทั้งสตาฟ และคนของเราเกือบทุกส่วนงานไปด้วย หลายคนจึงมองเป็นบริษัทในเครือ ทั้งๆที่ไม่ใช่พวกเดียวกันเลย"

    ศักดิ์เดช บอกว่า สัมพันธ์ประกันภัยคือ ยักษ์ใหญ่เบอร์ 2 ในธุรกิจประกันภัยรถยนต์ จึงมีพอร์ตลูกค้าร่วม 1 ล้านราย เมื่อเกิดความเสียหายจึงส่งผลกระทบมากกว่า ที่เคยเกิดกับรายอื่นๆ เพราะยิ่งพอร์ตใหญ่ ทั้งลูกค้าและอู่ก็เสียหายมากเป็นเท่าตัว

    " สิ่งที่เกิดกับสัมพันธ์ฯจึงทำให้เกิดวิกฤตความเชื่อมั่นสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภค และรุนแรงมาก จนลุกลามมาถึงบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมประกันภัย"

    ศักดิ์เดช บอกว่า ภายในช่วง 2-3 เดือน เบี้ยประกันภัยหล่นวูบจากการล้มลงของสัมพันธ์ฯ ในช่วงหลังๆจึงมีทั้งลูกค้าและตัวแทนหลั่งไหลเข้ามาที่บริษัทบ้าง

    ลิเบอร์ตี้ฯ ให้ข้อมูลเงินกองทุนปัจจุบันนอกจากไม่ติดลบ ก็เพิ่งเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 600 ล้านบาท เป็น 750 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่เรียกชำระครบหมดแล้ว และในปี 2550 ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก

    " ปัจจุบันเรามีทรัพย์สินทั้งตัวตึก อาคาร 2 แห่ง ที่สำนักงานใหญ่เป็นพื้นที่ 10 ไร่ มีตึกในซอยทองหล่อ ที่ไม่ได้เช่าเป็นออฟฟิศ"

    ศักดิ์เดช บอกว่า การแข่งขันด้านราคาทำให้หลายบริษัทมองเห็นแล้วว่าไม่เกิดประโยชน์ทั้งกับลูกค้าและบริษัทที่กระโดดเข้ามาเล่นสงครามราคาแต่ที่ถูกควรหันมาแข่งขันให้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจกลับคืนมา

    ในระยะหลัง ลิเบอร์ตี้ฯจึงหันมาบุกเบิกการบริหารจัดการอู่ในเครือและอู่รับรถ รวมทั้งการเปิดบริการ "ลิเบอร์ตี้เอ็กซเพรส ซ่อมด่วนรอรับได้เลย" ที่นำร่องในเขตกรุงเทพ ปริมณฑลเป็นเฟสแรก โดยรับซ่อมรถแผลเล็ก 1-8 แผล โดยใช้เวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมง หรือเสร็จใน 1 วัน

    ก่อนจะขยายเปิดบริการ "ลิเบอร์ตี้เอ็กซเพรส ซ่อมด่วนทั่วประเทศ" โดยร่วมกับอู่ในเครือ 100 แห่ง และอู่รับรถอีก 100 แห่ง
    โครงการนี้ลูกค้าไม่ต้องเสียค่าประกันเพิ่ม พร้อมรับประกันหลังซ่อม โดยรับประกันซ่อมสี 3 ปีสำหรับอู่ในเครือ ซ่อมสีไม่ดีพร้อมคืนทุนประกัน และจ่ายชดเชยถ้าซ่อมช้าวันละ 400 บาทนอกจากนั้น ยังเปิดบริการเสริมซ่อมแก้ให้ลูกค้าที่ไม่พอใจฟรีทั่วประเทศ

    " ลูกค้ามีปัญหาเราต้องดูแลเขาได้ รถชนแล้วซ่อมได้ ซ่อมแล้วเบิกได้

    อู่ได้รับเงิน ทั้งหมดคือโจทย์ที่เราต้องหันมาถามตัวเองว่า ทำอย่างไรจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค เราจึงต้องเปิดโครงการนี้ขึ้นมา"

    ศักดิ์เดช บอกว่า โดยปรกติซ่อมสี ถ้าลูกค้าซ่อมที่อู่หนึ่งแล้วไม่ดี ก็จะไปซ่อมแก้ที่เดิม แต่โครงการนี้จะให้ลูกค้าซ่อมแก้ที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะอู่จะต้องออกค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าถ้าซ่อมไม่ดี และไม่ยุ่งยากเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าลูกค้าทุกคนอยากจะทำก็ทำได้ เพราะบริษัทจะต้องหาว่าคันไหนที่ทำได้และทำไม่ได้

    "ลิเบอร์ตี้จะแยกช่างในอู่ออกเป็นช่างปรกติ และช่างเอ็กซเพรสพร้อมกับมีคณะกรรมการตรวจอู่ เพื่อให้ได้มาตรฐานเดียวกันคือ ทำงานเร็ว รถลูกค้าไม่ตกค้าง ส่วนการซ่อมสีจะดีหรือไม่คงขึ้นกับดินฟ้าอากาศ และบรรยากาศรายรอบวันนั้นด้วย"

    ศักดิ์เดช บอกว่า ข้อดีของอู่ในเครือลิเบอร์ตี้คือ มีการบริหารจัดการเรื่องอุปกรณ์ อะไหล่ เพื่อควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย ดังนั้นการสั่งซื้ออะไหล่ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ก็จะได้ราคาต่ำ โดยเฉพาะเรื่องสีสามารถควบคุมต้นทุนได้เดือนละ 1 ล้านบาท และลดต้นทุนทุกส่วนได้กว่าครึ่ง

    ขณะที่อู่นอก ส่วนใหญ่มักจะมีต้นทุนด้านค่าเช่าสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ และค่าจ้างช่าง เวลาอู่ซื้ออะไหล่ ก็มักจะได้ส่วนลดเป็นเปอร์เซ็นต์จากร้านค้า แต่เวลามาเบิกบริษัทจะใช้ราคาเต็ม ตรงนี้ถือเป็นจุดรั่วไหลสำคัญ ดังนั้นการควบคุมอู่ในเครือได้เอง ก็จะสามารถควบคุมมาตรฐานและต้นทุน ค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างมาก

    " แผลที่อื่นซ่อมถึง 3,000 บาท แต่เราจ่ายแค่ 1,500 บาท ทำอย่างนี้ได้ เพราะเรามีอู่ตัวเอง จึงคุมเรื่องอะไหล่ และราคาซ่อมได้ ทำให้ประหยัดได้มาก"

    ศักดิ์เดช แนะนำว่า ส่วนใหญ่บริษัทจะมีอู่ในเครือและอู่รับงานบริการซ่อมรถให้ลูกค้า ดังนั้นลูกค้าควักเงินจ่ายไปก่อนเลย แต่ในกรณีที่ลูกค้าเลือกอู่ที่ไม่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ ลูกค้าก็อาจจะควักจ่ายไปก่อน

    การจะทำประกันรถยนต์กับบริษัทไหน จึงต้องคิดให้ถ้วนถี่ ทั้งศึกษาและติดตามข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะข้อมูลจากอู่ ถ้าเลือกได้ถูก ก็ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าตรงกันข้าม เงินที่จ่ายไปนอกจากจะสูญไปกับเบี้ย ก็อาจจะควักจ่ายค่าซ่อมเองแบบงุนงง และเรียกกลับคืนมาไม่ได้...

    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...