ไครรู้จักบ้านสวน พีระมิด มั่งครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ล้มเหลว, 19 กันยายน 2012.

  1. woranea

    woranea สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    ถ้าพูดถึงว่าเป็นเชิงเกี่ยวกับการค้าขาย แต่อาจารย์อุบลก็ไม่ได้มีโฆษณาให้พวกท่านทั้งหลายไปซื้อกันนิค่ะ ก็ไม่เห็นมีคำพูดอะไรที่เป็นการโฆษณาเลย มีแต่คนวิ่งไปรุมล้อมเข้าไปขอซื้อจากท่านต่างหาก
    แล้วที่คุณบอกว่า แนวคิดในศาสนาพุทธนี่สอนว่า "ทำบุญแล้วจะ หายจากโรค การงาน

    การเงินดี "จิงๆหรอ ถ้าอย่างนี้ก็ต้องลองพิสูจน์สิค่ะ เพราะจะเชื่ออะไรง่ายๆได้อย่างไรต้องพิสูจน์กันไปเลย โดยการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามศีลให้ครบอย่าให้ขาด ดิฉันเชื่อว่าสิ่งดีๆก็จะต้องเข้ามาหาท่านเองโดยไม่ต้องพึ่งวัตถุอะไรเลยก็เป็นได้ การที่จะหายจากโรคเราก็ต้องดูว่า เราเป็นแบบนี้เพราะเราสร้างสาเหตุอะไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าทุกสิ่งเกิดจากเหตุ เหตุลับผลก็ดับค่ะ แต่ที่คุณบอกว่าอยากหายจากโรคแล้วไปหาหมอเนี้ยอ่า มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ อาจจะหายก็จริงเด๊่ยวก็อาจจะกลับมาเป็นใหม่ก็ได้ อาจจะเรียกได้ว่าการหาหามอเป็นการหยุดการทำงานของเจ้ากรรมนายเวรชั่วคราวเท่านั้น แต่เหตุจริงๆก็ยังต้องทำงานกันต่อไป เห็นอย่างนี้แล้วเรามีวิธีง่ายๆโดยไม่ต้องเสียเงินไปหาหมอแถมเสียเวลาอีกต่างหาก ทางที่ดี
    ต้องใช้หลักที่พระพุทธเจ้าสอนกันดีกว่าเนอะ ฟรีมะเสียตัง
     
  2. woranea

    woranea สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    คูณแสงอมตะค่ะ สงสัย คนที่ไม่ประสงค์ดี ตอนนี้ อาจจะนั่งศึกษาค้นหาความจริงอยู่ก็ได้นะค่ะ เริ่มสนใจบ้านสวนพีระมิดแล้วล่ะสิเพราะมีแต่คนหายเจ็บหายป่วย ชีวิตก็ดีขึ้นๆกันทั้งน่าน อิอิ
     
  3. willingboon

    willingboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +349
    ผมเองก็เคยสงสัย แต่ไม่เคยคิดว่าต้องหักล้างหรือว่าคอยทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ดีนะครับที่ได้เข้าไปศึกษาก่อน ไม่อวดดี อวดเก่ง อวดฉลาดจนเกือบพลาดโอกาสเจอครูบาอาจารย์ที่สอนตรง สอนง่าย ที่สำคัญทำให้รู้ว่าธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นหากปฏิบัติตามแล้วจะได้ผลเช่นไร หากเป็นเมื่อก่อนมาเจอคนอย่างคุณล้มเหลว หรือคุณArcheopteric ก็คงแย่ที่ทำเหมือนหวังดี อยากเรียนรู้ แต่ไม่เห็นยักอยากศึกษาด้วยตนเอง ไปเที่ยวเร่ถามคนนั้นคนนี้ แล้วมาตัดสินว่าชอบไม่ชอบ หรือชอบเพราะเขามีรูปประกอบที่หาจากเน็ตมาโชว์ด้วย 5555 นี่ยิ่งเชื่อง่ายกว่าที่กล่าวหาคนอื่นอีก 555

    -หากอาจารย์อุบลเป็นคนไม่ดี คุณคิดว่าท่านจะสามารถนำคำสอนพระพุทธเจ้าแล้วสร้างปรากฏการณ์ให้คนที่กลับใจ เมื่อสมาทานศีลบอกเล่าเรื่องบาปกรรมที่ตนเองทำมาแล้วตั้งใจว่าจะไม่กลับไปทำอีก โดยท่านขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าได้โปรดแสดงอานุสาสนีปาฏิหาริย์ให้ผลว่า เมื่อดับเหตุ ผลก็ดับทันที แล้วคนก็หายทันที จำนวนมากมายที่เขามาเล่าให้ฟัง ผมก็คนหนึ่งล่ะที่หายทันที โดยไม่มีค่ารักษาใดๆนอกจากบอกให้ทำทาน รักษาศีล ภาวนา หากท่านเป็นคนไม่ดี ท่านคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ได้หรือ น่าคิดนะครับ เพราะท่านไม่ได้ทำอะไรเลย แค่คนสำนึกบาปให้บุญเจ้ากรรมนายเวร ท่านทำได้แสดงว่าท่านดีหรือไม่ดีก็คิดเอาเอง

    -สิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลนำมาสอนหรือใช้ช่วยคนนั้น ท่านสอนให้ทำลายความดีตรงไหน บิดเบือนคำสอนตรงไหน อยากรู้เหมือนกันครับ แล้วที่คนหายแล้วเขามีความสุข รักษาศีลได้ครบ ทำให้ใครทุกข์ใจเหรอครับ ต้องร้นรนออกมาหาทางขัดขวางท่าน :)

    -เราควรยินดี พลอยยินดีที่คนอื่นมีความสุขและทุกคนต่างบอกว่าเคารพพระพุทธเจ้ามากที่สุด และจะรักษาศีล5ให้ดีที่สุดด้วยชีวิต เชื่อกฏแห่งกรรมและปรารถนานิพพานในชาตินี้สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากที่ท่านอาจารย์อุบลสอน สรุปแล้วท่านทำผิดตรงไหน ทำไมเราไม่ยินดีกับผู้คนที่เขามีความสุขและเข้าหาทางธรรมล่ะ กลับมาตั้งกระทู้หลายอย่างแบบคนไม่ประสงค์ดี

    -คนที่ตั้งกระทู้หรือไม่ประสงค์ดี อยากทราบเหมือนกันว่าที่ดูเหมือนว่ารักพระพุทธเจ้ามากนั้น รักษาศีล5ได้ครบหรือยัง หากยังไม่ครบก็อย่าริไปบอกใครว่าตนเองรักพระพุทธเจ้าเลยนะครับ เพราะหากรักและศรัทธาเคารพพระองค์ท่านก็ต้องทำตามที่พระองค์ท่านสอนแล้ว ไม่ใช่เที่ยวมาอวดอ้างเหมือนรู้พระไตรปิฏก มาเที่ยวข่ม ถามว่าคนนั้นคนนี้สอนตรงไหม ถามตัวเองดีกว่าครับว่ารู้พระไตรปิฏกแล้วทำตามหรือยัง หรือว่ารักษาแต่ปาก
    อันนี้ผมก็ต้องขอเขียนตรงๆ เพราะท่านอาจารย์อุบลที่ผมได้ไปพิสูจน์ สัมผัสมาเป็นคนดี สอนตรง และทำได้จริง "ของจริง ไม่เคยกลัวการพิสูจน์" ผมได้เห็นมากับตาแล้วว่าท่านสอนธรรมะพระพุทธเจ้า ผมก็ต้องขอปกป้องคนดี คนที่ทำให้ผู้คนหลุดพ้นทุกข์หันมาเข้าหาธรรมอย่างเหนียวแน่น ผมขออนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์อุบลด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  4. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ยังมีชีวิต คนอีกมากมาย นะครับที่ไม่ออกมาเขียนธรรมทาน การที่ทุกคนออกมาเล่าธรรมทาน จากชีวิตจริงเพื่อให้คนอ่านได้ ฉุกคิดว่า เราเคยเป็นแบบนี้ไหม เรียกได้ว่าเห็นตัวอย่างจริงๆ แล้วคนอ่านก็จะได้ไม่ต้องมาก้าวพลาดอย่างคนที่มาเล่าธรรมทาน อีกอย่างเป็นการละอัตตา ด้วย จะมีสักกี่คนที่กล้าเล่า เรื่องชั่วๆ ของตัวเอง ขอนำธรรมทาน จากน้องคนนึงที่เคยมาบ้านสวนแล้วแต่ เจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมปล่อย มาให้ หลายๆ คนได้วิเคราะห์กันครับ
    เรื่อง ขับรถชนคนตาย

    น้องคนนี้มีอาชีพเป็นครู พอดีว่าวันนั้นต้องไปงานกิจกรรมโรงเรียน ต้องไปเตรียมตัวแต่เช้า ขับรถไปตอนตี 3 ซึ่งถนน ที่เดินทางไปโรงเรียนนั้นเป็นถนนในต่างจังหวัด ด้วยความประมาทจึงขับรถด้วยความเร็วสูง แล้วได้เกิดอุบัติเหตุ ชนผู้ฃายวัยกลางคน ที่มานั่งอยู่กลางถนนตอนดี 3
    มันเป็นตราบาปในใจน้องเขามาตลอด หลังจากเกิดเหตุการณ์ ชีวิตน้องเขาก็ประสบแต่ปัญหา ผิวหน้าจากที่เคยสวยใส ไม่มีสิว ก็มีสิวเห่อ ขึ้นมาเต็มหน้า และก็ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ผิดกันเป็นคนละคน
    น้องคนนี้มาทำบุญบ้านสวนหลายครั้งจนวันทีต้องออกมาเล่าธรรมทานของตัวเองนั้น มันก็ยังไม่หายเพราะ น้องเขาบอกว่า ตอนตี 3 ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่มานั่ง ก็คงไม่เกิดเหตุ ซึ่ง เจ้ากรรมนายเวร ก็คงรูวาระจิต จึงไม่ยอมอโหสิกรรมให้ ทำไมไม่คิดว่า ถ้าเราไม่ขับเร็ว ไม่ประมาท เขาก็ไม่ต้องมาตาย อันนี้เหมือนเป็นการ ไม่สำนึกในบาปนั้นเอง เหมือนถ้าเราตบยุง และ บอกว่าก็มันมากัดเราก่อนนี่ อย่างนี้ เรียกว่า ขาดเมตตา ไม่สำนึก
    น้องคนนี้ก็เลยยังไม่หลุดกรรมสักที จะเห็นว่า ไม่ใช่ว่าทุกๆคนที่เข้ามาบ้านสวนแล้วจะหาย หมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ปัจจัย
    1.ศรัทธาบริสุทธิ์ เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เชื่อว่าทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับผลก็ดับได้
    2.สำนึกในบาป รู้ว่าที่ทำมานั้นมันบาปและตั้งใจว่าจะไม่ทำอีก
    3.ขอขมา เจ้ากรรมนายเวร ด้วยสำนึกจริงๆ
    4.สร้างบุญอุทิศให้เขา หากกำลังบุญเพียงพอ
    5.ขอบตุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญู
    หากมาบ้านสวนแล้วพกกิเลส "ความอยากหาย แต่ไม่สำนึก" เจ้ากรรมนายเวร เขาก็ไม่ยอมปล่อย และ บุญที่อานิสงส์ มาก คือ
    1.ผู้ให้บริสุทธิ์ (ศรัทธาในคำสอน เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม),มาด้วยใจบริสุทธิ์
    2.วัตถทานบริสุทธิ์ (ในที่นี้คือบุญแรงกาย แต่ต้องทำเต็มกำลัง)
    3.ผู้รับบริสุทธิ์ (บ้านสวนสร้างบุญถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง)
    และบุญธรรมทาน คือเล่าถึงกรรมที่ตัวเองทำมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจคน บุญที่อานิสงส์ มากกว่านั้นก็คือ อภัยทาน
    ส่วนบุญนี่ไม่จำกัดว่าต้องมาทำที่บ้านสวนนะครับ แต่ส่วนตัวผมก็ทำบุญมาทั้งชีวิต แต่ก็ไม่เห็นว่าที่ไหนเหมือนที่นี่ คือ เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงแค่ เรื่องของอานิสงส์ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศีล และ การทางมังสะวิรัติ และอีกบุญที่อานิสงส์มากก็คือบุญกรรมฐาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  5. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ผลกรรมข้ามชาติ - ภูมิแพ้ผื่นสัมผัส
    อีกสักเรื่องนะครับ มีเด็กคนนึงมาทำบุญที่บ้านสวน พร้อมกับครอบครัว เป็นเวลาเกือบ 2 ปี มีอาการภูมิแพ้ ผื่นสัมผัสมาตั้งแต่เกิด รักษามานานแล้วก็ยังไม่หาย ทั้งๆที่น้องคนนี้ บ้านก็มีฐานะดี
    นี่แหละหนา ที่เค้าเรียกว่า โรคกรรม ซึ่งเวลาคันๆ ก็จะเกาๆ ถ้าคนที่รู้ จะเห็นจิตวิญญาณแมลงคอยกัด คอยแทะอยู่
    มาทำบุญตั้งนานก็ยังไม่หาย จนวันนึง เจ้ากรรมนายเวร เปิดทาง ให้รู้ถึงกรรมที่ทำมา อาจารย์อุบลได้บอกว่า ชาติก่อน เด็กคนนี้เคยเป็นพ่อค้าขายตั๊กแตน และแมลงทอด ซึ่งการบอกลอยๆ แบบนี้ ไม่มีผลพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรม แต่ที่บ้านสวนเ ทุกๆสิ่งสามารถพิสูจน์ได้
    ก็คือ ถ้านำบุญอุทิศให้เขาแล้ว เขายอมอโหสิให้ อาการก็ต้องหาย "การหายนี่แหละเป็นเครื่อง ยืนยัน" ถ้าที่พูดมาไม่จริงก็คงไม่หาย ทีนี่หากสงสัยว่า ทำไม ต้องใช้เวลาเป้นปีๆ เพราะ ต้องสะสมบุญให้เพียงพอ กับเจ้ากรรมนายเวร คิดดูว่าเป็นพ่อค้าขายตั๊กแตน แมลงทอด สัตว์กี่ฃีวิต เป็นแสน เป็นล้านตัว
    ซึ่งคนไหนที่เป็นภูมิแพ้ ก็ให้ คิดให้ดีว่า เราเคยฆ่าแมลง หรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยมา ถ้าคิดไม่ออกจริง ก็ให้อุทิศบุญให้สัตว์เล็กสัตว์น้อย เพิ่มอีกอย่าง ตบหัวคนอื่นด้วย จะมีอาการภูมิแพ้น้ำมูกไหล พอรู้กรรม อุทิศบุญให้เขา เขาก็ไปเสวยสุขในภพภูมิที่สูงขึ้น แต่เราก็ต้องอุทิศบุญให้เขาอย่างต่อเนืองด้วยเช่นกัน

    ผมเองก็ทำนะครับ ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย มาเหมือนกันนะครับ เป็นภูมิแพ้อากาศ ครับ หนาวมากก็น้ำมูกไหล เป็นหวัด อยู่ที่อากาศร้อน ยิ่งกลางแดดนี่ หวัดรับประทานเลยล่ะ
    หนู - วางกับดักกาว ตอนจะเอาเขาไปทิ้งก็สงสารนะครับ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะ เขาจะคอยมากินอาหาร แทะของในบ้านแมลงสาบ - จริงๆ เป็นคนที่ไม่ชอบแมลงสาบเลย ยิ่งเวลามันบิน น่ากล้วมาก พอเจอ ถ้าไม่ใช้ยาฉีด ก็ใช้เท้าเหยียบ มันก็จะดัง แปะ แอบสะใจด้วย

    ยุงลาย - ถ้าไม่ใช้มืิอตบก็ ไม้ชอตไฟฟ้าน่ะครับ บางทีก็รอให้มันกัดจนอิ่มก่อน แล้วค่อยตบ ทำไปสนุกไป ไม่คิดเลยว่าบาป (ก็มันมากัดเราก่อนนี่ คิดแบบนี้จริงๆครับ)

    แมลงวัน - อันนี้ จะรำคาญมากๆเวลาเขามาตอม ยิ่งเห็นเขามาเกาะที่อาหาร วิธีการก็โหดมากเพราะ ทำให้เราโกรธ เคยดูในรายการต่างประเทศเขาบอกว่า แมลงวันจะบินขึ้นตรงๆ เป็นส่วนใหญ่ ก็เลยหา ถุงพลาสติก ครอบจากด้านบน ต้องกลั้นลมหายใจด้วย เดี๋ยวเขาจะรู้ ครอบลงมา แล้วก็ มัดไว้ให้เขาขาดอากาศหายใจ ตัวไหนวี่จนเรารำคาญมากหน่อยก็ จับมัด แล้วใช้นิ้วดีดจนเขาตายในถุง

    เห็บ-หมัด - จับมาจากหมาแมวในบ้าน แล้วก็ บี้ ให้เละ

    ที่เคยฆ่า มาก็มี ทั้ง ด้วยความคะนอง ฆ่าเล่นๆ คิดไปแล้วก็ไม่น่าทำแบบนั้นเลย

    มด - เด็กๆ ตอนที่มีประทัดจิ๋ว ให้เล่น ก็ัดันเอา ไปลองดูว่าอานุภาพมันจะ ร้ายแรงขนาดไหน เห็นรังมด คาดว่า ถ้าเป็นคงตายยกจังหวัดน่ะครับ

    ปลวก - อันนี้ ก็ ยาฆ่าปลวกน่ะครับ ฉีดๆๆ

    หอย - เวลาไปเที่ยวบางแสนก็จับมา แต่ไม่เอามากินครับ เอามาใส่ขวดไว้แล้วเขาก็ตาย ถ้าจับตามน้ำจืดก็เอามาต้มกินบ้าง

    ปลา - ตกด้วยเบ็ดแล้วเอามากินครับ

    ไส้เืดือน แมลงแกลบ - เอามาเป็นเหยื่อล่อปลาครับ ไส้เดือนนี่ก็ต้อง จับมาแล้วก็ ดึงตัวให้ขาดแล้วก็เอามาเกี่ยวเบ็ด ทั้งที่ยังเป็นๆ อยู่

    กุ้ง - อันนี้ก็เอามาเป็นเหยื่อปลาน่ะครับ เด็ดหัวออกก่อนแล้วก็เอามาเกี่ยวเบ็ด

    แมงมุม - เป็นสัตว์ที่กลัวมาก มีอยู่ครั้งนึงตอนเด็ก มันมาเกาะหัวเราก็ตกใจ ตีๆ ตรงหัวจนตายเลย หรือบางทีเจอในห้องน้ำ ก็เอาน้ำฉีด จนมันตายเลย เพราะ แมงมุมจะแพ้น้ำ

    จิ้งจก - ตอนเด็ก บ้านเพื่อนเลี้ยงปลามังกร เราก็ ใช้หนังกะติ๊กยิง พอมันร่วงก็ จับไปเป็นอาหารปลา

    ลูกน้ำ - ตอนเด็กๆ เลี้ยงปลา ก็จับเอามาให้เป็นอาหารปลา คิดว่าเป็นการทำลายยุงลายไปในตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  6. PomLion

    PomLion สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอพูดถึงเรื่องศีลข้อ3 หน่อยน่ะครับ แต่ก่อนผมผิดศีลข้อนี้มากระจายเรยครับ ก็อารมณ์ประมาณว่าคาสโนว่าน่ะครับ แต่ก่อนก็มีความเข้าใจเรื่องศีลข้อนี้แบบผิดๆครับ พึ่งมากระจ่างใจก็เพราะที่บ้านสวนพีระมิด และอ.อุบล ท่านสอนนี่แหละครับ

    เช่น ผมไม่เคยรู้มาก่อนเรย ว่าผมอยู่ด้วยกันกับแฟน เนี่ยะ ผิดศีลข้อนี้ด้วย ตัวผมโสดน่ะ แฟนผม ก็โสดน่ะ ต่างคนต่างโสด แต่พอจีบกัน ชอบกันก็มาอยู่ด้วยกัน ผมก็คิดว่าไม่น่าจะผิดศีลข้อนี้นี่ เราไม่ได้ไปแย่งใครเขานี่ ตอนนั้นผมเข้าใจอย่างนั้น

    แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วครับว่ามันผิด ศีลข้อนี้ท่านว่า ห้ามผิดลูก ผิดเมีย เขา ในกรณีของผมเนี่ยะคือผิดลูกครับ ..55 โง่มาซะนาน
    :cool:
     
  7. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ตอนเด็ก ๆ หลายคนคงเคยตกปลานะครับ
    ผมเองก็เช่นกัน แต่อาจจะต่างจากคนอื่น ที่ผมตกเกือบทุกวัน

    เหยื่อที่นำมาตก ก็คือ ไส้เดือนเป็น ๆ บางทียาวไปก็เด็ดเป็นท่อน ๆ
    แต่ที่นิยม คือ ปู ครับ ปูเป็น ๆ สีม่วง ๆ หรือ ปูนา
    นำมาฉีกกระดองทั้งเป็น แล้วเกี่ยวเป็นเหยื่อตกปลา

    ปลาที่ตกได้ ส่วนใหญ่เป็นปลาหมอ ตกได้ก็ปล่อยไป
    บางทีก็เอามาขังเล่นสักพัก ไม่ได้สนใจว่าเค้ามีอะไรกินหรือไม่
    แล้วก็นำไปปล่อย แล้วก็ตกใหม่ ยังไม่รวมชอบนำผีเสื้อมาสตาฟ
    โดยทับในหนังสือทั้งเป็น ๆ ด้วยความโง่ของตัวเอง

    แต่รู้ไหมครับ ตั้งแต่เด็ก ผมน่ะเป็นโรคที่ปากมาตลอด
    เหงือกบวม เหงือกอักเสบ ตัองไปขูดเหงือกและฟันบ่อย
    เแต่ละครั้งก็เลือดกลบปาก
    จนทุกวันนี้ผมก็ยังร้อนใน เป็นแผลในปากมาตลอด
    ยังไม่รวมโรคปวดหลัง ปวดสะบัก ที่ไม่หายเช่นกัน
    หรือหายเป็นพัก ก็เป็นใหม่อีก

    แต่ก่อนก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าเกิดจากอะไร
    นึกว่า นอนดึก เลยร้อนใน แปรงฟันไม่สะอาด
    ไม่ออกกำลังกาย ยกของหนัก

    แต่หลังจากได้มาที่บ้านสวนพีระมิด
    จึงเพิ่งรู้ว่า มันเป็นกรรมหลาย ๆ อย่าง
    ที่มารวมตัวกัน สร้างเหตุให้เราทำพฤติกรรมต่างๆ
    ที่ทำให้เกิดโรค และก็ไม่ใช่ว่าเราจะมีพฤติกรรมอย่างนั้นตลอด
    รักษาหายแล้วก็เป็นใหม่ ตั้งแต่เด็กจนแก่ ก็เป็นมาตลอด
    จนเป็นโรคประจำตัว ก็มันเป็นโรคกรรมนี่ครับ

    ถ้ารู้ว่าความสนุก ความโง่ ความคึกคะนอง
    ของตัวเองน่ะ คนอื่นเค้าไม่สนุกด้วย เค้าเจ็บ เค้าทรมาน
    เค้าก็รักชีวิตเหมือนเรา แต่ต้องมาตายเพราะความสนุกของเรา
    แล้วถ้าเป็นเราบ้างล่ะ เราก็คงอาฆาตพยาบาทเหมือนกัน
    ก็คงเชื่อพ่อแม่ ไม่ทำอย่างนั้น ให้ตัวเองต้องมารับกรรมแบบนี้

    ทุกวันนี้ จึงต้องหมั่นรักษาศีล และสร้างบุญ
    โดยตั้งใจถวายในหลวง ตามแนวทางของบ้านสวนพีระมิด

    หมั่นขอขมากรรมกับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายด้วยความสำนึกผิด
    ขอสำนึกผิดกับทุกท่านโดยไม่มีข้อแก้ตัว เขียนธรรมทาน
    บอกเล่าความชั่วของตัวเอง เพื่อให้คนอ่านเห็นผลของกฎแห่งกรรม

    ธรรมทานเป็นบุญที่สูง โดยเฉพาะที่มาจากเรื่องของเรา
    นอกจากเราเองได้บุญสูง เจ้ากรรมนายเวรของเราที่เราไปเล่า
    เรื่องการทำร้ายเค้า ต่างก็ได้บุญไปด้วย

    มีเมตตาต่อกันนะครับ เมตตาเป็นพื้นฐานของการรักษาศีล
    ที่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ท่านถึงบอกว่า
    ถ้าเรามีเมตตาต่อคนอื่น เราก็จะไม่ทำร้ายเค้า ไม่นินทาว่าร้ายเค้า
    ไม่ทำร้ายร่างกายและจิตใจของใคร มีแต่ช่วยเหลือ เอื้ออาทรต่อกัน
    และยินดีเมื่อเค้าได้ดี ไม่อิจฉาริษยาครับ
     
  8. Nipanada

    Nipanada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +903
    ทุกสิ่งที่อาจารย์อุบลสอน

    คือทางพ้นทุกข์...จริงๆ



    หลังจากที่ติดตามอ่านธรรมทานทางเว็บบ้านสวนฯ
    และติดตามรายการคุยไปแจกไป มาสองปี
    ทำให้มั่นใจว่าทุกๆคำสั่งและคำสอนที่ท่านอาจารย์อุบล
    นำมาแนะนำให้ทำหรือปฏิบัติตาม
    ล้วนแล้วแต่เป็นหนทางที่ทำให้เราพ้นทุกข์...ได้จริง
    เพราะได้พิสูจน์ด้วยตนเองมาแล้ว



    สำหรับวันนี้จะขอพูดถึง "อานิสงค์ของการสารภาพบาป"นะคะ
    เพราะเมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่า การมานั่งคิด นั่งเขียน
    หรือพูดถึงบาปกรรมที่ตนเคยทำมาตลอดชีวิตนั้น
    จะทำให้ปลดแอกความทุกข์ได้ เพราะแรกๆก็ฟอร์มเยอะ
    ไม่กล้าสารภาพบาป คิดแต่ว่า จะรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ ก็พ้นทุกข์ได้แน่ๆ

    ฉะนั้น จะมาสารภาพบาปให้อายตัวเองทำไม



    และแล้ววันหนึ่ง ความคิดนี้ก็เปลี่ยนไปทันที
    หลังจากที่สมัครเข้าค่าย11ที่บ้านสวนฯ
    ซึ่งทุกคนต้องเขียนคำสารภาพบาปอย่างละเอียด
    จึงจะได้รับพิจารณาให้เข้าค่ายได้



    งานนี้จึงเลี่ยงไม่ได้แล้ว นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิต
    ที่มานั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา
    รวมทั้งบาปกรรมที่เราเคยทำมาอย่างละเอียด
    โดยค่อยๆคิด ค่อยๆเขียน ไล่ออกมาที่่ละกรรมตั้งแต่ศีลข้อหนึ่งถึงห้า
    ว่าเคยเบียดเบียนคนและสัตว์มาอย่างไรบ้าง



    ในช่วงที่จิตกำลังจดจ่ออยู่กับความชั่วในอดีตของตัวเองนั้น
    มันน่าทึ่งมากๆค่ะ พอคิดอย่างแรกได้
    อย่างอื่นก็ค่อยๆพรั่งพรูตามออกมา จนงงตัวเองเหมือนกัน

    ทั้งๆที่ตอนแรก ก่อนที่จะเริ่มเขียน
    มันเหมือนคิดอะไรไม่ค่อยออกซะด้วยซ้ำ
    แต่พอได้เริ่มเท่านั้นแหล่ะ พริ้วเชียว



    และพอเขียนเสร็จ มันเกิดความรู้สึก ที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อน อธิบายไม่ถูกค่ะ
    ทั้งรู้สึกผิดในบาปกรรมที่ทำมา และได้เห็นความเลวร้ายของตัวเองแบบชัดๆ
    (จนอึ้ง ว่าเราเลวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย)
    และรู้สึกผิดต่อสัตว์ทุกๆตัวและทุกๆคน
    ที่เราเคยเบียดเบียนมาทั้งทางความคิด คำพูดและการกระทำ



    โดยเฉพาะคนใกล้ตัวของเรานั้น เห็นเลยว่า
    เราได้ทำร้ายจิตใจเค้าแทบจะตลอดเวลาเลย
    แต่ก็ไม่เคย"คิด" ไม่เคยสนใจมาก่อน



    แต่ในขณะเดียวกัน มันก็รู้สึกปิติ จิตเป็นสุข สงบ
    โปร่งและโล่งใจมากๆ เหมือนได้ยกภูเขาที่หนักอึ้ง
    ออกไปจากอกจนหมดสิ้น

    จำได้ว่า วันนั้นรู้สึกขอบคุณท่านอ.อุบลและครอบครัวมากๆ
    ที่สร้างบ้านสวนฯขึ้นมา และทำให้เราได้มารู้จักวิธี
    ที่ทำให้เรามีความสุขได้ ด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ได้ยุ่งยาก
    ไม่ได้เบียดเบียนใคร แล้วก็ไม่ได้เสียเงินซักบาทเลย



    ตั้งแต่วันนั้น จิตจึงจำได้แม่นถึงอานิสงค์ของการสารภาพบาปว่า มันดีอย่างไร
    เพราะคนแรกที่ได้ประโยชน์สูงสุด ก็คือ ตัวเราเอง เพราะเราจะ"รู้ว่า"
    สิ่งใดคือ ความชั่ว แล้วเราก็จะ "ไม่อยาก" กลับไปทำความเลวเหล่านั้น อีกต่อไป



    และถ้าเรานำเรื่องราวกรรมเหล่านี้ไปนำเสนอให้คนอื่นได้รับรู้
    และได้พิจารณาถึง เหตุและผลของกรรมที่ได้รับ
    ก็จะทำให้ ผู้อ่าน ได้เข้าใจถึงคำว่า "กฏแห่งกรรม" ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    และแน่นอนว่า เค้าก็ต้องละอายและเกรงกลัวต่อบาป
    และระมัดระวังกับทุกๆการกระทำของตัวเองมากยิ่งขึ้น



    และลูกบ้านสวนฯหลายๆท่านคงได้รับรู้
    และเข้าใจความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว



    ถ้าใครยังไม่เคยคิด ที่จะสารภาพบาป
    ก็ลองพิสูจน์ดูด้วยตัวท่านเองนะคะ

    แล้วท่านจะรู้ว่า การสารภาพบาป
    สามารถชำระจิต ให้สะอาดและเป็นสุข สงบ ได้จริงหรือไม่...



    แล้วก็เป็นการพิสูจน์ด้วยว่า
    สิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลแนะนำนั้น ทำให้พ้นทุกข์ได้ จริงหรือไม่....

    หลายๆท่านอาจจะคิดว่า ที่อื่นก็สอนเหมือนกัน ก็จริงค่ะ
    แต่บังเอิญว่า ตัวเองติดตามเว็บบ้านสวนฯ
    แล้วเป็นที่แรกที่ผลักดันให้เราสารภาพบาป
    จนเราได้รู้อานิสงค์ของมันด้วยตัวเองแล้ว..เท่านั้นเอง

    เพราะหลายคนรู้ว่า ดีอย่างไร
    แต่ก็ไม่เคยคิด หรือ กล้าพอ
    ที่จะสารภาพความเลว ของตนก็มี






     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2012
  9. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,120
    เห็นด้วยกับคุณ Nipanada นะครับ เรื่องการสารภาพบาปนี่ มันทำให้เราโล่งจริงๆ และเป็นบุญธรรมทาน ให้กับผู้อื่นอีกได้ประโยชน์ หลายต่อ เมื่อก่อน จะชอบมาเลยเวลาคนมาชมว่าเราดี ทั้งๆ ที่จริงๆ เราก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเราเลวขนาดไหน ทำบาปมาขนาดไหน ยังจะหลอกตัวเองว่าดีอีก "คนอื่นหลอกก็ไม่เท่าเราหลอกตัวเองหรอกครับ" ทุกวันนี้หลังจากมาบ้านสวน จะต้องคอยสำรวจตัวเองอยู่ว่า อะไรเลวๆ ที่อยู่ในตัวเรา ค้นหา และแก้ไขโดยด่วนทั้งความคิด การกระทำ คำพูด
     
  10. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    การที่ผมมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน
    ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการตกปลาอย่างเดียวนะครับ

    แต่ผมเป็นคนชอบพูดจาสองแง่สองง่าม
    พูดทะลึ่งตึงตัง ชอบนินทาคนอื่น และพุูดปดก็มี
    เวลาที่ต้องการแก้ตัว เวลาที่ต้องการเอาตัวรอด เวลาคึกคะนอง
    ชอบวิจารณ์ ติเตียน ชอบแซว ชอบค่อนแคะคนอื่น
    ไม่เว้นแม้สมณะชีพราหมณ์

    เป็นตัวโจกของห้อง เวลาที่แซวคนอื่น
    ใครว่า แซวอะไรมา ผมตอบกลับได้อย่างสะใจ
    ไม่ต้องคิดนาน (ช่างตรงข้ามกับการคิดเรื่องงานเลยครับ)
    แถมทุกคนเฮฮาปาร์ตี้ ได้ทีเรื่องต่อล้อต่อเถียงให้สนุกปาก

    แต่ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ ก็ไม่ทำแบบนั้น
    เพราะผิดศีลข้อ 4 ทั้งสิ้น แถมทำร้ายผู้อื่นทางวาจาอีกด้วย

    เราจะรู้ได้ยังไงว่า คนที่เราไปแซว ไปล้อเล่น
    เค้าไม่คิด ไม่เสียใจ ยิ่งเวลาที่โดนพูดถึงปมด้อยบ่อย ๆ

    เอาชัด ๆ เลย คือ เพื่อนร่วมงานที่เป็นคนหัวล้าน
    ก็โดนล้อ โดนถากถางเป็นประจำ

    หลายคนคงเคยทำ ผมเองก็เคยทำ
    แกล้งพูดถึงว่าเค้ารวยมีเงินเป็นล้านบ้าง
    นั่งใกล้แล้วร้อน เหมือนมีดวงอาทิตย์มาส่องบ้าง
    หัวล้านใจน้อยบ้าง

    ถ้าเราโดนล้อแบบนี้บ้าง เราจะเป็นอย่างไร

    ผมยังเคยบอกเพื่อนผู้หญิงว่า ไปล้อเค้าบ่อย ๆ
    ระวังชาติหน้าเกิดมาเป็นผู้หญิงแต่หัวล้านนะ
    เค้าก็ร้องว้าย ไม่เอา แต่ก็ยังไปล้อเค้าอีก

    ต้องให้มาเจอกฏแห่งกรรม แบบที่ผมเจอ

    คือ เราพูดลามก พูดปด พูดแก้ตัว นินทาเก่ง
    บางคนเพิ่งลุกออกจากกลุ่มไปก็นินทาเค้าแล้ว

    ทำให้เราไม่เป็นที่เชื่อถือ คนอื่นก็ไม่เกรงใจ
    และหลายครั้งที่เค้าว่าเรากลับมา เราก็เจ็บเป็นเช่นกัน

    ยังไม่รวมปัญหาทางเหงือกและฟัน รูปปากไม่สวย ฟันผุ ฟันเสีย
    ที่่เป็นประจำ เป็นโรคประจำตัว เรื้อรัง รักษาไม่หาย

    จนเมื่อผมมาที่บ้านสวนพีระมิด
    แล้วท่านอาจารย์ได้สอนให้เห็นว่ากรรมที่เกิดจากการผิดศีลเป็นอย่างไร
    จึงหันมาระมัดระวังศีลข้อที่ 4 มากขึ้น และสำนึกกรรมที่เคยได้ทำไป

    ผลคือ ในที่ทำงานเราพูดอะไร มีคนฟังมากขึ้น มีคนเชื่อถือ
    โรคเหงือกและฟันมีปัญหาน้อยลง แต่ร้อนในยังมีบ้าง รูปปากดีขึ้น

    เดี๋ยวนี้เวลาพูดล้อเล่น จะโดนน้องที่ทำงานเตือนเสมอว่า
    รักษาศีล ไม่ใช่เหรอ เราก็คิดได้ และละอายใจด้วยครับ

    การที่เราจะทำให้คนรัก คนชอบ ไม่จำเป็นต้องพูดจาให้เค้าขำ หัวเราะ
    แต่ต้องได้มาด้วยปิยะวาจา วาจาที่อ่อนหวาน พูดจริงทำจริง รักษาคำพูด
    รู้จักคิดก่อนพูด ว่าสมควรพูดหรือไม่ ควบคุมปากไม่ได้ จะควบคุมใจได้อย่างไร

    คนที่ชอบนินทา ว่าร้ายคนอื่น อาจารย์อุบลท่านบอกว่า
    ก็จะโดนคนอื่นนินทาว่าร้ายเหมือนกัน 99 ครั้ง โดนมากกว่า

    ดังนั้น หันมารักษาศีลกันนะครับ รวมท้้งกรรมบท 10 ด้วย
    และเราจะมีความสุข มีความเจริญทั้งโลกนี้และโลกหน้าครับ
     
  11. Nitocris

    Nitocris Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +29
    อ่านเรื่องราวของคุณธรรมสถิต แล้วทำให้นึกถึงการกระทำของตัวเอง ตั้งแต่เด็ก เคยโกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล แทบทุกวัน วันละหลายครั้ง พาคนอื่นโกหกไปด้วย ผิดสัจจะ บิดเบือนคำพูด เขียนข้อความเท็จ พูดไร้สาระ นินทาว่าร้าย ด่าทอด้วยคำหยาบ โยนความผิดให้คนอื่น ทำให้ผิดใจกัน รวมความว่าผิดศีลทั้งข้อ 4 และข้อ 1 กับแทบทุกคนในชีวิต

    ผลที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ทำคือ ใจรุ่มร้อน ไม่สงบ ไม่มีความสุขเลยจริงๆ
    ตอนประถม เคยมีฟันเขี้ยว 2 ซี่ขึ้นตรงเหงือกบน ดูเหมือนยักษ์ รูปปากแปลกๆ ทำให้ต้องดัดฟัน แล้วฟันก็เยอะเกินจึงต้องโดนถอนฟันหลายซี่ ดึงฟันเขี้ยวลงมาแทนที่ ตอนดัดฟัน มีอาการปวดหัวและเครียดบ่อยๆ
    โตขึ้น ก็ต้องผ่าเหงือก ถอนฟันอีก และผ่าเนื้อใต้ลิ้นเนื่องจากพูดไม่ชัด จำได้ว่าผ่าเนื้อนี่ เจ็บมาก ยิ่งกว่าตอนผ่าตัดไส้ติ่ง และบางทีก็มีอาการเจ็บคอ+มีกลิ่นปากด้วย

    ใครพูดอะไรดีๆ แนะนำสิ่งที่ดี พูดความจริงกับเรา เราไม่เชื่อ
    แต่ไปเชื่อ คนที่โกหกเรา คนที่บอกให้เราทำชั่ว ทำให้เราทำผิดเพิ่มอีกมากมาย


    เรื่องนี้ เป็นอุทาหรณ์ จำไม่ลืม เพียงแค่เราใช้ปากไปในทางที่ผิด เบียดเบียนตัวเองและคนอื่น เลยเจออานิสงส์มากมาย

    พอเราได้เข้าใจศีลข้อ 4 มากขึ้น จากธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ท่านอ.อุบลนำมาสอน ทำให้เราตั้งใจประพฤติตนให้อยู่ในศีลให้ดีที่สุด
    ตั้งแต่นั้นมา ไปตรวจฟันทุกครั้ง ก็ปกติดีทุกอย่าง ไม่เคยมีฟันผุ และฟันเรียงกันสวยงาม ผิดกับเมื่อก่อนราวฟ้ากับดินจริงๆ
    ขอกราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ และท่านอ.อุบลในความเมตตาความช่วยเหลือจากท่านค่ะ สาธุ
     
  12. Nitocris

    Nitocris Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +29
    เมื่อก่อน เราเป็นคนขี้โกรธ พยาบาท ไม่ชอบใจก็จะพูด บางครั้งโกรธมากก็จะด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย แสดงกิริยาท่าทางโดยเจตนาให้คนอื่นเสียใจ บางครั้งก็ตี ผลัก ทึ้งผม ข่วน ขว้างของใส่ หยิบของฟาดคนอื่น เตะ ถีบ กระทืบเท้า และระบายใส่ข้าวของ ทำทั้งกับคน พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ป้า ลุง ญาติ เพื่อน แฟน คนอื่นๆ และสัตว์เลี้ยง อีกทั้งยังนิ่งเฉยหรือผสมโรงเมื่อคนอื่นโกรธ ทะเลาะกัน นอกจากนี้ก็เคยฆ่า สั่งให้คนอื่นฆ่า นิ่งเฉยเมื่อคนอื่นฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์ เคยกินเนื้อสัตว์ทั้งสัตว์ใหญ่และเล็ก และธุรกิจของครอบครัวทำให้มอดโดนฆ่าเป็นจำนวนมาก กรรมเหล่านี้ส่งผลให้เรามีผิวพรรณทราม หน้าของเรามีผื่น สิว เส้นเลือดฝอยแดงเห็นได้ชัดเจน มีผื่นและสิวขึ้นที่หลัง หน้าอก ต้นขา ผิวแพ้ง่าย ออกกำลังกาย เดิน หรือวิ่งนานๆแล้วจะมีอาการคัน ผื่นขึ้น

    แต่ทุกวันนี้อาการดีขึ้น เพราะหลังจากปฏิบัติตามคำสอนของท่านอ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ อ่านคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ ก็โกรธน้อยลง มากที่สุดคือพูดออกมาด้วยความโกรธและแสดงสีหน้า
    และพอขออ.อุบลช่วยด้วย ขอบารมีพระศรีอาริย์ และพระบารมีสามร่มโพธิ์ศรี ทำให้ทำอภัยทานได้สำเร็จ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้100% ตอนนี้รู้สึกโล่งสบาย ไม่มีความพยาบาทเลย กลับรู้สึกรักเขาเหมือนรักตัวเอง เหลือเชื่อจริงๆ

    แล้วเมื่อภาวนาคาถาบูชาพระศรีอาริย์ "เมตตานะ ศรีอาริยะเมตโต พุทธานะมะ สันติเกโล อนาคามิ" เหมือนของเสียถูกขับออกจากร่างกาย ผิวพรรณกลับดีขึ้น และไม่มีอาการคันเมื่อเดินนานๆ ดีใจมากๆๆๆๆค่ะ ทุกข์มานาน


    การผิดศีลข้อ 1 นี้ ยังส่งผลให้เราโดนทำร้ายจิตใจหลายครั้ง โดยเฉพาะจากคนที่เรารัก ชีวิตสมัยเรียนไม่มีความเจริญ เรียกว่า ตกต่ำทั้งทางโลกและทางธรรม ผลการเรียนย่ำแย่ คบกับคนไม่ดี สังคมไม่ดี พาให้ทำผิดศีลมากขึ้น เหตุใหญ่ๆที่ทำให้เป็นเช่นนี้คือ ทำบาปกับพ่อแม่ไว้มาก ทำให้ท่านเสียใจ ร้องไห้ และชอบพูดด้วยโทสะ โกหกบ่อย แสดงกิริยาไม่พอใจกับท่าน

    ทุกวันนี้ยังทำอยู่ เลิกไม่ได้ 100% ชีวิตเลยยังมีอุปสรรคเป็นครั้งคราว

    นอกจากนี้ ข้าพเจ้ายังเคยโดนขโมยของ โทรศัพท์มือถือ มีเหตุให้เสียเงินเรื่อยๆ ต้องใช้จ่ายสิ่งที่ไม่จำเป็นบ่อยมาก ฐานะการเงินไม่ร่ำรวย เพราะข้าพเจ้าเคยขโมยเงินคุณย่า ร่วมกับเพื่อนขโมยของจากร้านขายของด้วยความคึกคะนอง เคยคิดจะขโมยเงินคุณพ่อ เคยขโมยและยืมของๆคนอื่นไปโดยไม่ขออนุญาต ใช้น้ำใช้ไฟเปลืองโดยที่เราไม่ได้จ่าย เคยโดดเรียนและขี้เกียจ ไม่เต็มที่กับการเรียนทั้งที่พ่อแม่จ่ายเงินค่าเล่าเรียนหวังให้เราตั้งใจเรียน เคยอู้งานแต่รับเงินเดือนเต็ม ชอบของฟรี มีความโลภ

    ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ธรรมะที่ท่านอ.อุบลนำมาสอนถูกต้องจริงๆ ถ้าเราไม่สร้างบาปเหล่านี้ เราก็ไม่ต้องรับผลของบาป

    พอเขียนเสร็จ หน้าเราที่เห็นเส้นเลือดฝอยแดงชัดเจนที่แก้ม มันหาย90กว่า% สิวตามหลัง หน้าอก ต้นขาแห้งหมด กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอ.อุบลมากค่ะ สาธุ
     
  13. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    การผิดศีลข้อที่ 4 นี่ไม่เบาเลยจริง ๆ นะครับ

    ไม่น่าเชื่อว่า คำพูดที่ออกมาจากลมปาก ที่ออกมาเบา ๆ
    จะให้โทษหนักขนาดที่ตกนรกได้และทุกคนก็มักไม่ระวังซะด้วย

    อาจารย์อุบล ท่านสอนว่า

    คนที่ชอบโกหกคนอื่น ก็จะเจอแต่คนที่โกหก เช่นกัน
    คนที่ชอบด่าว่า นินทาคนอื่น ก็จะเจอคนที่ด่าว่า นินทาตัวเอง เช่นกัน
    คนที่หยาบคาย พูดลามก สองแง่สองง่าม ก็จะเจอแต่คนแบบนี้เช่นกัน

    อย่า อย่าเพิ่งคิดว่า แล้วเป็นไง เราก็รับมือได้
    ไม่ ไม่ใช่อย่างที่คิดแน่นอน เพราะอะไรหรือครับ

    ก็เพราะมันเป็น กฎแห่งกรรมที่ยุติธรรมที่สุด นั่นเอง

    กรรมจะส่งผลให้เราเชื่อทุกอย่างที่เค้าพูด ทั้งที่เค้าโกหก
    ลองคิดดูว่า หากเค้าเป็นคนที่เราหลงรัก หลงไว้ใจ จะเสียใจเพียงใด

    คนที่ชอบนินทา ด่าว่าคนอื่น พูดจาลามก พูดจาหยาบคาย
    ก็จะเจอคนที่เป็นมากกว่าตัวเองเช่นกัน ถูกนินทาว่าร้าย ถูกด่า
    ถูกค่อนแคะ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย หรือลามกจกเปรตต่าง ๆ

    ที่โดนกับตัวเองเต็ม ๆ บ้าง
    โดนกับครอบครัวอันเป็นที่รักของเราบ้าง
    มันจะเจ็บมาก แทงใจเรามาก
    และนี่คือ ทุกข์ทางใจ เจ็บใจ เสียใจ
    เป็นนรกในใจดี ๆ นี่เอง ที่เราได้รับตอนมีชีวิตอยู่
    ผิดบ่อย ๆ จิตเราก็จะเกาะจะยึดติดกับการทำผิดศีล
    หากต้องตาย แล้วเราจะไปไหน


    ผมเองก็ชอบพูดเล่น พูดแซวน้องที่ทำงานด้วยความคิดว่าเราซี้กัน
    ทำบ่อย ๆ บางทีเผลอทำในสิ่งที่มันเป็นปมด้อย เป็นสิ่งที่เค้าไม่อยากให้ใครรู้
    บอกเราแค่คนเดียวด้วยความไว้ใจ
    แต่เรากลับปากโป้งเรื่องไปแซวเล่นเค้าในที่ทำงาน

    ลืมไปว่า ยิ่งสนิทกัน ยิ่งต้องเกรงใจกัน
    รักษาน้ำใจกัน และยิ่งต้องรู้จักรักษาสัจจะ ที่เรารับปาก

    ดังนั้น เราไม่เกรงใจเค้า คิดว่าแซวเล่น ๆ คงไม่เป็นไร
    น้องเค้าก็เลยคิดแบบเดียวกัน ทำแบบเดียวกับที่เราทำบ้าง
    เพราะคิดบ้างว่า แซวเล่น ๆ ไม่เป็นไร

    แต่มันแฝงไว้ด้วยเรื่องที่เราเคยไว้ใจบอกเค้าคนเดียว
    ไม่อยากให้ใครรู้เช่นกัน
    หลายครั้งที่ถูกตอกกลับด้วยคำพูดที่แรง และทำร้ายจิตใจกันมากกว่า
    ซึ่งทำให้บางทีเราไม่พูดจากันพักใหญ่

    ผมแก้ไขโดยการ ขอโทษน้องเค้า ถึงเราจะเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่เราก็ผิด
    และเค้าก็ขอโทษผมเช่นกัน เราต่างก็ให้อภัยกัน และระมัดระวังวาจากันมากขึ้น

    ภรรยาที่ชอบด่าว่าสามีมาก อาจารย์อุบลท่านให้สังเกตดู
    ว่าฟันจะหัก มีปัญหาฟันเสีย ฟันหมดปากและต้องใส่ฟันก่อนกำหนด

    คนที่ผิดศีลข้อที่สี่ จะมีปัญหาของรูปปากและฟัน
    ปากแหว่ง เพดานโหว่ ปากมีกลิ่นเหม็น
    พูดอะไร ถีงแม้จริง คนก็ไม่เชื่อ ไม่รับฟัง
    ลำบาก ไปขอความช่วยเหลือจากใคร เค้าก็คิดว่าโกหก

    ระมัดระวังกันหน่อยนะครับ
    ความผิดที่เราคิดว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ
    ทำบ่อย ๆ มันก็กลายเป็นความผิดที่ใหญ่ได้
    และพาเราลงนรกขุมใหญ่ได้ โดยเฉพาะการโกหกบุพการี ผู้มีคุณ
     
  14. panna1868

    panna1868 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    เอ่อ พวกผู้นับถือสฟิงซ์เข้าใจอะไรผิดไปมั้ง ใครเค้าไปต่อต้าน ไปห้ามพวกคุณถือศีลห้า มาเป็นพยานปาวๆราวกับลัทธิพวกคุณค้นคิดศีลห้า ถือศีลห้าแล้วไปลูบๆสฟิงซ์ อยากได้นี่ได้นั่น มันไม่ใช่แล้วศาสนาพุทธ

    มันจะเสื่อมก็เพราะเร่งรีบหาตังค์นี่แหละ ต้องออกของมาขายใหม่ๆ แล้วก็ดูบ้าบอไปทุกวัน สมาชิกพลังจิตดูของรุ่นใหม่แล้วกัน อ่านแล้วเพลีย

    "
    จี้รุ่นเดิมก็ถือว่าที่สุด ของ ที่สุดแล้ว คือใช้สารภาพบาปแล้วพ้นทุกข์ได้ ช่วยให้คนได้สำนึกกรรม สำนึกในสิ่งที่ละเมิดผู้อื่นมา แถมยังใช้ช่วยคนอื่นได้ด้วย
    คือ ให้คนที่เขาไม่มีจี้ มาสารภาพกับเรซึ่งแขวนจี้ไว้ที่คอ ที่ตัวแล้วถ้าเขาสารภาพได้ตรง หมดก็หายทันที การหาย คือการยืนยันว่า เหตุคือกรรมที่สารภาผล คือหาย เป็นเครื่องยืนยัน ไม่ใช่การรักษาโรค นั่นก็สุดยอดแล้ว


    การขอทำจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรีนี้ จึงเป็นการขอที่เหมือนกับ ได้คืบจะเอาศอก
    คือขอให้คนที่สัมผัสกับจี้แล้ว ไม่ต้องสารภาพบาป ก็หายได้"


    ข้างบนน่ะเป็นสรรพคุณของๆรุ่นใหม่ รุ่นนี้ไม่ต้องสารภาพบาปก็ได้ แค่เอามือไปลูบๆก็พอมีผลเหมือนสารภาพบาปแล้ว รุ่นหน้าไม่แน่อาจมีลูบครั้งเดียวตอนต้นปีมีผลถึงปลายปี 55555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2012
  15. panna1868

    panna1868 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    คนที่เค้ามาโต้แย้ง ผู้นับถือสฟิงซ์ก็ไปพูดราวกับว่าเค้ามาโต้แย้งไม่ให้พวกคุณไปถือศีลห้า

    ที่มาเผยแผ่กัน สารภาพบาปโน่นนี่นั่นก็เห็นไปอิงกับหลวงพ่อฤาษีมั่ง พระพุทธเจ้ามั่ง ไม่เห็นมีใครบอกว่าไปสารภาพบาปกับสฟิงซ์แล้วหายโน่นนี่ เหมือนกลัวๆอายๆ กระอักกระอ่วนยังไงไม่รู้ มาเผยแผ่ที่นี่โดยไม่พูดถึงสฟิงซ์ ระวังมันจะเสื่อมเอาเน้อ เหมือนกับไม่ประกาศเดชของเทพสฟิงซ์ไงครับ

    ลึกๆแล้วที่มาพูดเรื่องศีลห้า หายโน่นนี่นั่น ผมว่าแก้เก้อมากกว่า ความจริงก็คืออ่านดูจากความเห็นบนๆก็คือ พวกคุณเห็นว่า เจ้าลัทธิของคุณเป็นผู้มีบุญ สื่อสารกับพระพุทธเจ้าได้ ติดต่อท้าวเวสสุวรรณเจ้าแห่งผีได้ คุณก็เลยหวังจะพึ่งอิทธิฤทธิ์ของเค้า ซึ่งพวกคุณจะเชื่อก็เชื่อไป แต่ดูจากหลายๆอย่างแล้วทั้งคลิป ทั้งคำพูดของเจ้าลัทธิ สินค้าที่นำมาขายอยู่เรื่อยๆ อัพเดทตลอด ผมคนหนึ่งที่ไม่เชื่อครับ จะส่งผีมาทำอันตรายผมเหมือนที่เคยขู่ๆคนเค้าไว้ก็ได้นะครับ ผมพร้อมเสมอ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อว่าผีไม่มีจริงหรือลบหลู่ท้าวเวชสุวรรณนะครับ ผมเพียงแต่ไม่เชื่อว่าเจ้าลัทธิของคุณจะคุยติดต่อท้าวเวชสุวรรณได้ หรือมีฤทธิ์อะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2012
  16. panna1868

    panna1868 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    ข้างล่างนี้คือคำพูดของเจ้าลัทธิคุณแบบเต็มๆ ไม่ได้ตัดทอน พร้อมลิงค์ ดูความเห็นที่30

    http://www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539466124&Ntype=1



    ขอบคุณน้องเบสที่นำเรื่องผี ผี มาให้อ่านกัน

    เอ้อ...พวก...คิด...ว่าตำรวจ
    จะจับผีได้มะ ทายซิ
    แล้วทำไม หมอผี หมอเสน่ห์
    ตั้งเยอะแยะ ทำไมชาวบ้านไม่ไปชวน
    ไปหามาจับผีเน๊าะ
    ทำไมถึงใช้ตำรวจ จับผีล่ะ
    ตำรวจก็คนนะ กลัวเป็นนะ จะบอกให้
    ต้องไปกันหลายๆคน ถึงจะอุ่นใจ
    หมู่บ้านนี้น่าสงสาร
    ไม่รู้จักรหัสจักรวาล อาจารย์อุบล ช่วยด้วย
    ใครที่อยู่ใกล้ลองไปบอกให้เขาใช้ดูสิ
    ไม่เสียเงิน ไม่เสียอะไรเลย
    ตำรวจก็ใช้ได้ ไม่ต้องกลัวเสียหน้า
    จะได้รู้ว่ารหัสนี้ งมงาย หรือ ว่า เป็นวิทยาศาสตร์ไงล่ะ

    ถึงเวลาพิสูจน์แล้ว
    แต่ถ้าเขาใช้ตำรวจจับได้
    ช่วยชาวบ้านได้ ก็ไม่เป็นไร อย่าไปยุ่งกับเขา
    เดี๋ยวเขาหาว่า เรา ใส่เกือก นะ
    แต่ สง กะสาร เด็ก
    ผู้ปกครอง ชาวบ้าน ตาดำๆ
    ผีพวกนี้เขาแค่เริ่มแสดงตัว
    แค่ อ.สีคิ้วก่อนเขาบอกว่า
    เดี๋ยวเขาไปทั่วแหละ
    เขาต้องตามหา พวกบ้ากาม
    เขาอยากสมสู่กับพวกเซ๊กจัด พวกผิดศีล ข้อ 3
    ไม่ว่าทางความคิด คำพูด
    การกระทำ การเขียน การชอบดู
    ภาพลามก เขามาสนอง
    ความต้องการแล้ว
    เขาบอก
    กับคนไม่ตื่นเต้นเท่าผีหรอก
    แล้วพวกเขาเยอะด้วย พวกชอบหมกมุ่นกับเซ๊ก
    ไม่ว่าเดี่ยว หรือ หมู่
    เดี๋ยวได้รู้กันไปเลยว่าถ้าเจอผี
    รุมโทรม แบบ เซ๊กหมู่
    จะเร้าใจขนาดไหน
    พวกบ้ากามเตรียมให้พร้อมก็แล้วกัน
    ว่าจะใส่ชุดไหน รอ ผี ดี ล่ะ
    อ้อบอกก่อนนะ
    ว่าไม่ต้องหาพระ นะ
    เขาไม่กลัวพระเสียด้วยซี
    เขาบอกถ้าจะให้ดี ไปขนมาเลย
    เอามาหมดทั้งวัดเลย
    แล้วดูซิ เขาจะเข้าไปหา ได้ไหม

    555 555 555


    ผมไม่รู้นะครับว่าคนที่อ้างว่ามีศีลธรรม ทำไมถึงใช้คำพูดคำจาแบบข้างบน
     
  17. willingboon

    willingboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +349
    รู้สึกว่าจิตใจของคุณ panna1868 จะหมกมุ่นอยู่กับความคิดตัวเองนะครับ การเขียนต่างๆนั้นกลับไม่ดูที่เจตนาของคนเขียน แต่กลับพยายามจับประเด็นคำเขียนมาสร้างเรื่อง ท่าทางอาจารย์อุบลสอนให้คนรักษาศีลและคนที่เขามีความสุขจะทำให้คุณpanna1868อยู่ไม่เป็นสุข ทุกข์ใจมากนะครับ

    คิดลบ คิดร้ายไปทำไมล่ะครับ ทุกอย่างเขาเขียนลงเวปไซต์มีให้อ่านจะๆ ไม่ต้องหลบเลี่ยง ทุกอย่างเขาลงชื่อกันทุกคน ไม่ต้องไปใส่ความให้คนอื่นเข้าใจเขาผิดหรอกครับ ผมไปอ่านมาหมดแล้ว 5555

    ไงผมก็ต้องขอบคุณ คุณpanna1868 มากนะครับ หากไม่มีคนอย่างคุณผมก็คงไม่มีโอกาสได้ฉุกใจคิดและศึกษาหาความจริงจนได้รู้ด้วยตนเองว่า "มารไม่มี บารมีไม่เกิด" เป็นอย่างนี้นี่เอง

    ผมอ่านสำนวนใส่ความบ้านสวนพีระมิดจากเฟสบุ๊คปลอมที่คอยทำลายบ้านสวนพีระมิด ผมเห็นสำนวนลักษณะที่คุณเขียนนี้จนเบื่อแล้วครับ ไงก็ขอบคุณอีกครั้งที่ทำให้ผมได้เจอและมั่นใจในครูบาอาจารย์ดีๆเช่นนี้


    และหลายๆคนก็บอกตรงกันว่า ได้รู้จักบ้านสวนพีระมิดมาจากคนที่เขียนเลอะเทอะใส่ร้าย จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า ที่นี่ต้องมีดีอะไรสักอย่าง เพราะคนปกติที่ไม่เห็นด้วยก็จะไม่เขียนคำที่บ่งบอกสภาพจิตใจแย่ๆแบบนี้ เช่นในเฟสบุ๊คปลอมที่ใช้คำหยาบคาย ลามก ใต้สะดือแต่อ้างว่าต้องการปกป้องพระพุทธศาสนา เอารูปองค์พระปฐมไปตกแต่งล้อเลียน นี่หรือการกระทำของคนที่บอกว่าต้องการปกป้องพระพุทธศาสนา น่าเศร้าใจแท้
     
  18. PomLion

    PomLion สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +20
    คุณ Panna1868 เท่าที่อ่านข้อความของคุณ ผมรู้สึกว่า คุณเองก็พยายามหาข้อมูลของบ้านสวนพีระมิด มากพอสมควรน่ะครับ จากลิงค์หรือข้อความต่างๆที่เอามาลง ผมว่าคุณเองเข้าถึงข้อมูลได้มากขนาดนี้ ผมเสียดายโอกาสแทนคุณน่ะครับ คุณลองเปิดใจรับดูสักครั้งสิครับ แหม..ถ้าถึงตรงนี้ล่ะ ไหนๆก็จะไม่เชื่อล่ะ ก็ลองให้มันสุดๆไปเรยครับ

    ส่วนเรื่องสินค้าหรือวัตถุมงคลอะไรที่คุณพูดถึง เค้าก็ไม่ได้ไปบังคับให้ใครบูชาน่ะ ที่บูชากันเพราะว่าศรัทธา แล้วมันได้ผลจริงๆ เขาก็เรยอยากแบ่งปันสิ่งนี้ให้กับผู้อื่นได้มีความสุขบ้างล่ะครับ
     
  19. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,120
    คิดว่า ต้องมีอีกหลายๆคนแน่ๆ เลยครับ ที่ขอบคุณเจ้าของกระทู้ อ่านธรรมทาน คุณ PAM CA คุณแพมเดินทางมาจาก ต่างประเทศ เราก็ ต้องเอะใจว่า ทำไม หลายๆคน ที่ดั้นด้นมาจาก ต่างประเทศ ต้องเสียทั้งเวลา และ เงิน จำนวนมาก แต่ เห็นคุณ PAM CA ได้หาย จากโรคสะเก็ดเงิน ที่รักษาไม่่หาย มาหลายปี ทั้งๆ ที่อยู่ในประเทศที่เจริญแล้วอย่างสหรัฐอมเริกา แต่กลับมาหาย เมือมาบ้านสวน สิ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณแพม คือ 1.ไม่เชื่ออะไรก่อน ถ้ายังไม่พิสูจน์ ด้วยตนเอง
    2.ไม่ตัดสินอะไรจากสิ่งที่เห็น ถ้ายังไม่ได้สัมผัส หรือพิสูจน์
    3.คุณแพมไม่ได้แค่มาสร้างบุญแล้วหาย แต่คุณแพม ได้รู้สาเหตุ ว่ากรรมอะไรที่ทำให้ตัวเองเป็นโรคสะเก็ดเงิน เพราะบ้านสวนพีระมิด ไม่ใช่ที่รักษาโรค แต่เป็นที่ๆ แสดงกฎของกรรมให้เห็นแบบ ทันที ชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า ทำบุญ ทำบาป เห็นผล ทันตา จะได้รู้เลยว่าสิ่งไหนผิด สิ่งไหนถูก
     
  20. Light Candle

    Light Candle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +59
    ({)({)({)
    รู้จักรึเปล่าว่า ลัทธิ แปลว่าอะไร คืออะไร มีกี่ลัทธิ ???

    ขอให้ทราบว่ามาจากพระไตรปิฏกหมวดพระสูตร หมวด 1
    เรื่อง ทิฏฐิ หรือทรรศนะ คือ ความเห็นต่าง ๆ

    ให้ไปหาอ่านได้ เมื่ออ่านแล้ว โปรดใช้ปัญญาคิดพิจารณา เทียบเคียงกับกิจกรรมที่บ้านสวนพีระมิดทำด้วย เพื่อดูว่า เป็น ลัทธิใดหรือไม่ หรือว่าผู้อ่าน คนใด จัดเป็นผู้อยู่ในลัทธิใด กันบ้าง

    1. อกิริยทิฏฐิลัทธินี้ มีความเห็นว่า ทำก็ไม่ชื่อว่าทำ เช่น คนทำบุญทำบาปก็ไม่ชื่อว่า ทำบุญ ทำบาปลัทธินี้ เขาเชื่อว่า บุญไม่มี บาปไม่มี เจ้าลัทธินี้ มีชื่อว่า ปูรณภัสสปะอ่านมา 1 ลัทธิแล้ว เป็นไงบ้างจ๊ะ ลัทธินี้เหมือน หรือต่างกับบ้านสวนพีระมิด ทำอยู่หรือไม่

    2. อเหตุกทิฏฐิลัทธินี้ มีความเห็นว่าไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย สัตว์ทั้งหลาย คนทุกคนเกิดมาจะได้ดี ได้ชั่ว มีสุข หรือ มีทุกข์ ก็เป็นไปเอง เกิดขึ้นเองไม่ใช่ว่าจะได้ดี เพราะทำเหตุไว้ดี ไม่ใช่ได้ชั่ว เพราะทำเหตุไว้ชั่วนี่เขาเชื่ออย่างนี้ไม่ได้เชื่ออย่างพระพุทธเจ้าสอนว่าทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เหตุดับ ผลก็ดับเขาไม่เชื่อแบบนี้เลยรู้ไหมแต่เขากลับเชื่อว่าคนและสัตว์หลังจากเวียนว่าย ตายเกิดแล้ว ก็จะบริสุทธิ์ผุดผ่องเองเจ้าลัทธินี้คือ มักขลีโคสาล โปรดรู้เอาไว้เสียด้วยนะแล้วดูสิว่า ลัทธินี้เหมือน หรือ ต่างกับที่บ้านสวนกำลังทำอยู่ กำลังถ่ายทอดอยู่

    3. นัตถิกทิฏฐิ ลัทธินี้เขามีความเชื่อว่าไม่มี ผลคือ การทำบุญ ทำทาน ทำดี ไม่มีผล การบูชาไม่มีผล เชื่อว่าคน และสัตว์ ตายแล้วสูญ เจ้าลัทธินี้ คือ อชิตเกสกัมพล เป็นไงบ้าง อ่านมา 3 ลัทธิแล้วมีลัทธิไหน เข้าได้กับบ้านสวนพีระมิดมั่งหรือว่า เข้าได้กับตัวผู้อ่านเองบ้าง แต่ว่าบางคนนะ เข้าได้ทั้ง 3 ลัทธิเลยหละจริงรึเปล่า จะยอมรับหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ทำนั้นแหละคือคำตอบ และการยอมรับ

    4. สัสสตทิฏฐิ (เขียนอย่างนี้แหละ ไม่ผิดหรอกรับรอง) ลัทธินี้ เขามีความเชื่อว่า เ ที่ ย ง คือ เขาเชื่อว่า สิ่งทั้งหลายเที่ยง ยั่งยืนอยู่อย่างนั้นตลอดไป เช่น โลกเที่ยง จิตเที่ยง สัตว์ทั้งหลาย คนทั้งหลายเคยเกิดอย่างไร ก็เกิดอย่างนั้นต่อไป ตลอดกาล ตลอดสมัย ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นของเที่ยงแท้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นนะ ลัทธินี้ เค้าเชื่อว่า ไม่มีใครฆ่าใครไม่มีใครทำร้ายใคร เพียงแต่เอาศัสตราสอดเข้าไปในธาตุซึ่งยั่งยืน ไม่มีอะไรทำลายได้

    ขอขยายความหน่อยนะ ยกตัวอย่าง มีคนเอามีดแทงคน ว่างั้นเถอะ ลัทธินี้ เค้าเชื่อว่านี่เป็นเพียง การเอามีดสอดเสียบเข้าไปในธาตุซึ่งยั่งยืนนั่นเอง เขาไม่เรียกว่า การฆ่าไม่เรียกว่าการทำร้าย 555+ เจ้าลัทธินี้ คือ ปกุทธกัจจายนะ จำให้แม่นนะจะได้เข้าสังกัดได้ถูกเลือกศาสดาได้ไม่ผิดตัวนะจ๊ะ เป็นไงบ้างอ่านมา 4 ลัทธิแล้วมีลัทธิไหน ที่ท่านชื่นชอบบ้าง แล้วมีลัทธิไหน ที่เหมือนบ้านสวนบ้างบอกมา ต้องบอกให้ได้ ไม่งั้น เดี๋ยวผี เจ้าลัทธิจะไปหา ไม่รู้ด้วยนะ

    อ่านมา 4 ลัทธิแล้ว เบื่อหรือยังจ๊ะ (เบื่อหรือไม่เบื่อ ก็ต้องอ่าน) เวลาเอาไปกล่าวอ้าง จะได้ไม่อายใครยกเว้น หน้าหนา ไม่อาย ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมนะ!! ดาบนี้ มีสนองนะ คนที่เที่ยวกล่าวหา เลื่อนลอย ไม่รู้จริง วันนี้ เอาความรู้จริง มาให้อ่าน แล้วถ้ายังไม่อ่านอีก ก็เรียกได้อย่างเดียวว่าโง่ แล้วอวดฉลาด แถมให้อีก โง่แล้วพาล

    5. อมราวิกเขปิกาทิฏฐิ ลัทธินี้ มีความเชื่อว่า ซัดส่าย ไหลลื่น ไม่แน่นอนเหมือนปลาไหล หมายความว่า

    1. เพราะเกรงจะพูดปด ก็เลยปฎิเสธว่าอย่างนี้ ก็ไม่ใช่ (งง ไหมเนี่ย ภาษาหนังสือโบราณเนี่ย)
    2. เพราะเกรงจะเป็นการยึดถือจึงปฎิเสธ แบบ ข้อ 1
    3. เพราะเกรงจะถูกซักถามจึงปฎิเสธว่า แบบ ข้อ 1-2
    4. เพราะโง่เขลา จึงปฎิเสธแบบข้อ 1 ไม่ยอมรับ และไม่ยืนยันอะไรทั้งหมดอ่านลัทธินี้แล้วช่างตรงกับการกระทำของคนบางคน บางจำพวก ที่ปกปิดหน้าตา เพราะเกรงว่าจะถูกจับได้ จะถูกกฏหมายเล่นงานและเพราะโง่ จึงคิดเอาเองว่า ไม่มีใครรู้ หารู้ไม่ ตัวเองรู้อยู่ตลอดกรรม รู้ อยู่ตลอด มีคนรู้ อยู่ตลอด เจ้าลัทธินี้ คือ สัญชัยเวลัฏบุตร

    ใครอยากเป็นสาวกก็จำชื่อเจ้าลัทธิกันเอาเองเน้อจำย๊าก ยาก แต่เราไม่ขอจำนะ ขี้เกียจจำน่ะ แต่ว่าเจ้าลัทธินนี้สำคัญนะจะบอกให้ เพราะอะไร เพราะว่าเขาเป็นอาจารย์เดิมของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ด้วยนะจะบอกให้

    6. อัตตกิลมถานุโยค และอเนกานตวาทะ ลัทธินี้ มีความเชื่อว่าการทรมานกายเป็นทางสู่ความพ้นทุกข์ มีความเป็นอยู่อย่างเข้มงวดกวดขันต่อร่างกายอดข้าว อดน้ำ ตากแดดตากลม ไม่นุ่งห่มผ้า(ชีเปลือย) เช่น พวกนิคนถ์ ตัวอย่างเจ้าลัทธินี้คือติครนถนาฏบุตร หรือ ท่าศาสดามหาวีระ ศาสดา องค์ที่ 24 ของศานาเชน นั่นเอง ท่านผู้นี้เห็นว่า ความจริง มีหลายเงื่อนหลายแง่ เช่น เรื่องหนึ่ง เหตุการณ์หนึ่งเมื่อพิจารณาแล้วในแง่นี้อาจริงอาจถูก แต่อีกแง่หนึ่งอาจไม่จริง ไม่ถูก เป็นต้น

    ทั้ง 6 ลัทธิ ที่อ่านมาเป็นไงกันบ้างจ๊ะ เหมือนบ้านสวนรึเปล่า หรือว่าเหมือนตัวเราคิดตัวเรากำลังทำอยู่รึเปล่า แสดงว่าเรื่องลัทธินี่ พระพุทธเจ้า รวบรวมไว้ เพราะมีคนคิดและเชื่อแบบนี้จริง จนปัจจุบันก็ยังเชื่อยังคิด ยังทำกันอยู่แต่เจ้าตัว อาจไม่เคยรู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ตนเป็นอยู่นั้น มันเข้าได้กับลัทธิใด ลัทธิหนึ่ง

    ซึ่งไม่ใช่ศาสนาพุทธหรือศาสนาใดทั้งนั้นแต่เป็นความเห็น ที่ไม่ใช่หลักธรรมของพระพุทธเจ้าแน่นอนดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมจึงมีคนที่นับถือพุทธแต่เพียงเอกสารแต่การกระทำ กลับเข้าได้กับบาง ลัทธิ อย่างพวกที่ทำผิดศีลไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษ ก็ไม่ใช่ชาวพุทธแต่เป็นลัทธิข้างต้นอย่างแน่นอน...
    (k)(k)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...