อยากบรรลุธรรมเข้ามา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 13 ธันวาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอ.........................

    คุณเคย ตามรู้ลมหายใจ แล้ว สังเกตว่า มันมี ทานกริยา ปรากฏแล้วไหม

    คุณเคย ตามรู้ลมหายใจ แล้ว สังเกตว่า มันมี ศีลกริยา ปรากฏแล้วไหม

    หาก ตามรู้ลมหายใจ ได้คล่องเนี่ยะ บารมี10ทัศน์มันก็ เกิดการหมุนแล้ว

    แล้ว การที่ตามรู้ลมหายใจ แล้วมันไปหมุนเนี่ยะ เนี่ยะ มันไม่อยู่ที่ฐาน
    มันเป็นการส่งออก มันเป็นเรื่องจิตส่งออก

    ก็ อานาปานสติ หายใจอยู่ ผลิกไปเป็น จาคะ เป็น ศีล ยังจัดว่า เป็นการส่งออก
    เพื่อความ " สมควรแก่ธรรม " แล้วเรื่อง กริยาภายนอก นั่นมันยิ่งกว่า
    ส่งออกอีก แล้ว ยังมีแนวโน้มชัดว่า เป็นการ ฉวยประโยชน์จากโลก หวังอามิส
    บางประการด้วยซ้ำ

    ตรงที่จิตหวังอามิสจาก ทาน จาก ศีล เนี่ยะ เขาเรียกว่า สันตติ ไม่แตก

    ภาวนาแยก ธาตุ แยกขันธ์ ยังไม่เป็น รู้ไม่ถึงฐาน ยังไม่เห็น ฐีติวิญญาณ

    ฐีติวิญญาณ ยังไม่รู้รส ไม่มีทางหรอก ที่จิตดวงนั้น จะข้ามฝากไปไหน

    มันยังโง่ อยู่ 100% 1000000000%
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เชื่อไหม ทุกวันนี้ คนเอา พระสูตร กะลามสูตร มากล่าว ผิดประเด็น

    กะลามาสูตร พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงเน้นที่ว่า อาศัยเชื่อ หรือ ไม่อาศัยเชื่อ

    ตรงกันข้าม พระพุทธองค์ย้ำลงไปว่า คนทุกคนควรเชื่อตัวเอง

    เพราะ คนๆนั้น หากพิจารณา โลภะ โทษะ โมหะ ได้ว่ามีคุณ และโทษ
    อย่างไร แล้วจะต้องไป อาศัยคำสอนจากใครทำไม ในเมื่อตัวเองก็
    พิจารณาเองได้

    ทุกคนจึงควรเชื่อตัวเอง

    เนี่ยะ ไปพิจารณาดีๆ ธรรมที่คุณฟังมา ฟังมาผิด แล้วหละ ทรงจำมาผิด

    ************

    ส่วนคำว่า " คนที่เชื่ออะไรง่ายๆ บรรลุธรรมมาไว " อันนี้ มั่วแล้วหละ นี่มี
    แนวโน้มมากเลยนะว่า คุณจะอินกับศาสนาอื่นมาก่อน

    " มันไม่ใช่เชื่ออะไรง่ายๆ แล้วบรรลุไว "

    " คนเขาพิจารณาเห็น คุณ และ โทษ ของ โทษะ โลภะ โมหะ มามากพอ "
    จนตัดสินใจได้ด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง ต่างหาก ที่เป็นตัวพร้อม แล่นไป

    เพราะ เวลาพ้นจาก "โทษะ โลภะ โมหะ " คนที่เป็น สาวก เขา
    ไม่รู้ ไม่เห็น " ธรรม " มันปรากฏอย่างไร มันปรากฏแล้ว แต่ไม่มีคนชี้
    ตรงนี้ กำลังจิตของ สาวก มันไม่ เอ๊อะ อ๊ะ ขึ้นมา ....ตรงนี้ แหละ จะต้อง
    มี " ความเลื่อมใส " มาปรากฏ เป็นศรัทธา แล้ว ทำให้เกิด การโน้มไป

    ไม่มีหรอก " เชื่อง่ายๆแล้ว บรรลุไว " อย่ามาทำตัว แฝงเร้นนะ เดี๋ยวจะโดนจัดหนัก
    จนผมต้องไปนั่งกินซุบไก่ แล้วคุณจะ งง !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  3. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    เข้าใจหรือยังล่ะว่าทำไมข้าพเจ้าถึงไม่อยากจะยกตัวอย่างพระสูตรอะไรมาอธิบายมากนัก เพราะมีการตีความตามความคิดของตนเองเลยถูกบ้างไม่ถูกบ้าง กาลเวลาก็ผ่านมานานคำสอนถูกเปลี่ยนแปลงมาตั้งเท่าไร ก็ไม่มีใครรู้ ก็ถกเถียงกันแล้วใครจะหาข้อยุติได้เล่าก็ไม่มี เพราะพระองค์ไม่อยู่แล้ว มันจึงมีคำว่าปัจจัตตังไงล่ะสำคัญสุด ผมจึงนั่งลงดูความจริงด้วยตัวเองจนค้นพบความจริง แล้วก็ยืนยันในพระสูตรนี้ แต่มันก็ยากอีกนั้นแหล่ะครับที่จะบอกใครให้ทำตามได้ แม้ทำตามทำตามแค่ไหน ผมจึงให้เชื่อ และมีศรัทธาให้มากในพระองค์ เพราะผมได้รับความจริงที่อยากจะบอกก็เท่านั้นว่า ความหลุดพ้นที่แท้จริงมีด้วยทางนี้จริงๆ
     
  4. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ยิ่งคุยก็ยิ่งกว้าง ยิ่งกว้างก็ยิ่งยาก 555+++นี่แหละครับพวกปัญญามากบรรลุช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร มันไม่มีอะไรเลย ในความจริง คนที่เข้าถึงความไม่มีอะไรแล้วไม่คุยเยอะหรอก มันไม่มีอะไรจริงๆ เข้าให้ถึงสัพเพธรรมอนัตตาจริงๆ แค่นี้ก็จบแบบง่ายๆ และอานาปานสตินี่แหล่ะง่ายสุดจริงๆ
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ในเมื่อ คุณยืนยันแบบนี้ ก็ขออนุญาติ ยกข้อปรักปรำ ละเนาะ

    คุณเป็น คนศาสนาอื่น ที่เขามาแอบแฝง อาศัย คำ ซ่อนเร้น เพื่อเผยแผ่ พฤติจิตนอกธรรมวินัยนี้

    คุณอาศัย ความหลากหลายในอรรถประโยชน์ของพระสูตร ที่ใช้ได้อย่างไม่
    จำกัดความหมาย และ อุบายในการใช้ ด้วยความ ทะเล่อ ทะล่า ไม่เข้าใจ
    สิ่งที่เยียมยอดที่พระพุทธองค์ประทานไว้ให้ ดันทะลึ่ง ไปยกว่า "เป็นเรื่อง
    ความแตกต่าง ความแตกแยก " " การถูกปลอมปน "
    ได้ปรากฏแล้วใน พระศาสนา

    ตรงนี้จึงจัดว่า คุณโง่มาก ที่เผยตัวในการ แสดงเจตจำนงค์ บ่อนทำลาย

    อาศัย ความที่ คุณไม่ยอมยก " พุทธวัจนะ ตรงๆ " อันนี้ ถือว่า คุณกำลังถือ
    วินัยเคร่งครัดอยู่ในศาสนาอื่น ซึ่งเขามีกำกับไว้ว่า ห้ามเด็ดขาด

    ก็นะ อันนี้ เป็นเพียง ข้อปรักปรำ ซึ่ง สาธุชนที่เป็น บัณฑิต เขาจะพิจารณา
    ของเขาเอง เพราะ เขาย่อมเห็นคุณและโทษ ได้เอง เขาจึงตัดสินได้เอง และ
    อิสระภาพเขามีโดยบริบูรณ์ คนที่ เดือดร้อนดิ้นรน นั่นเพราะ ไม่รู้ว่า ศรัทธา คือ
    อะไรกันแน่ นั่นเอง

    ****************

    ปล ลิง : สังเกต วิธีทำลายพระไตรปิฏกทิ้ง แล้ว ยกตัวบุคคลลอยๆ เพียงส่วนเดียว
    อันนี้จึงค่อนข้างชัดเจนใน วิธีบ่อนทำลาย แล้วผลิกตัวศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  6. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    ดูเหมือนว่าคุณเจ้าของกระทู้มีความพยายามที่จะชี้ประเด็นว่า เมื่อพระพุทธองค์ท่านดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว ก็จะหาผู้ที่รู้จริงไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม? นี่ใช่เป็นความตั้งใจที่จะลบล้างคำสอนของครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนเข้าถึงมรรคผลใช่ไหม?

    แล้วตัวคุณเจ้าของกระทู้ ทำไมจึงยกตัวเองไว้สูงจัง ว่าตัวเองได้พบความจริง

    สุดท้ายแล้ว คุณก็คงพยายามที่จะโยงประเด็นให้ไปจบที่ แค่เพียงศรัทธาอย่าง ลัทธิบร๊ะเจ้าจ๊อด ใช่ไหม?
     
  7. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    นี่ไงครับความแตกต่าง คนที่อัตตาเยอะบริจาคทานไม่ได้หรอกครับ รักษาศิลก็ไม่ได้ เราไม่ได้หวังอะไรจากทาน จากศิล แต่จิตที่ประจักษ์จริงสูงสุดแล้ว(ความไม่มีตัวตนแล้ว) อัตตาจะน้อยลงเพราะจิตจะไถ่ถอนความเป็นตัวตน จึงการการจาคะเป็นนิมิตหมายแก่การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ศิลจะบริบูรณ์ขึ้นเพราะความรักความเมตตาที่มากขึ้น เพราะอัตตาน้อยลงตามลำดับนี่คือนิมิตทางพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เห็นอะไรแปลกๆไรสาระ
     
  8. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    นี่ๆ พี่เล่าปัง ทำไมต้อง ผกาพรหม แล้ว (พระเจ้า) ด้วย -_-
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ก็นะ อย่าลืมว่า ผมยกข้อปรักปรำไปแล้ว

    ตรงนี้ เลยต้องบอกว่า เกือบเหมือน

    แต่ก็ ทะแม่งอยู่ดี ศีล เพื่อมี เมตตามากขึ้น อันนี้ มันกลับหัวกลับหาง

    เหมือนคน ภาวนาไม่เป็นเอาเลย จึงไม่รู้ว่า อะไรคือ เหตุ อะไร คือ ผล

    จาคะ เป็นเครื่องหมายของ สัมมาอาชีวะ แหม แทบเคลิ้มเลยนะ แต่ก็
    นั่นแหละ กลับหัวกลับหางกัน

    เพราะ ภิกษุ ผู้ขอ ในพระพุทธศาสนาคือ สัมมาอาชีวะ ไม่ใช่ผู้ให้
    ต่างหากหละ

    ผู้ให้เนี่ยะ ในทางศาสนา เขาถือว่า เป็นผู้ข้องในประโยชน์ หวังพึ่งประโยชน
    จากการให้จึงกระทำ ภิกษุจึงเป็น อาชีวะที่บริสุทธิ ที่เข้ามารองรับเป็นเนื้อ
    นาบุญ อีกที

    เหนื่อยแทนเนาะ พวกที่จะผลิกศาสนาเนี่ยะ ยากหน่อย ค่อยๆ เล็งไปเนาะ
     
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอ้า ก็ ผกาพรหม เขาเกิด ทิฏฐิแล่นไปว่า กูสร้างพระพุทธ อะซิ

    ผู้สร้างไง ก็เลยยกให้คล้องกับ กล้วยทอด
     
  11. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ท่านบอกให้เชื่อตนอง ผมก็บอกให้ใครก็ตามอยากบรรลุธรรมนั่งลง นั่งลงหลับตาพิจารณาลมหายใจให้ถึงที่สุด มีความรู้สึกตัวสติอยู่กับลมหายใจ นั่งให้ถึงที่สุดซิแล้วจะเข้าใจ พระสูตรของพระองค์ ประจักษ์ด้วยตัวเองยังไงล่ะ จะได้เลิกสงสัยแค่นี้ก็จบแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆนั้น ก็ค่อยๆเรียนรู้ไปหาความจริงไปแล้วคำตอบก็จะค่อยๆปรากฎขึ้นมาเอง ธรรมที่บริสุทธิ์นั้นจะปรากฎแก่ตัวเอง ผมเพียงแต่ชี้แนะทางสั้นๆและง่ายๆ
     
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ที่ถกเถียงกันอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะ พวกเราชนรุ่นหลังหรอกหรอ พระพุทธองค์ก็ทรงบอกให้ฟังคำสอนของพระองค์เป็นหลัก(พุทธพจน์เป็นหลัก)และอะไรจะยืนยัยพุทธพจน์ได้เท่ากับสิ่งที่เราต้องลงมือปฎิบัติเล่าครับ และผมเองก็ยืนยันในพระสูตรที่พระองค์แสดงว่าเป็นทางที่จะทำให้เราหลุดพ้นได้ และถ้าใครเชื่อศรัทธา โดยการลงมือปฎิบัติแบบไม่ต้องสงสัย ก็จะพบกับความจริงที่พระองค์ทรงต้องการอยากจะให้เราพบ
     
  13. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ห่ะ ว่าพระเจ้าเป็นกล้วยทอดเหรอ -_-"
     
  14. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    อันนี้ก็เหมือนกัน

    คุณคิดว่า ธรรมะ แสวงหาด้วยการเอาอุปทาน แก้อุปทาน อยู่เหรอครับ

    ถึงได้ปรารภว่า

    " ประจักษ์ แล้ว พ้นสงสัย " เนี่ยะๆ ประโยคแบบนี้ มันไก่โต้งนะ
    มันชัดเลย อุปทานแก้อุปทาน

    หากปฏิบัติจริง "พ้นสงสัย" เนี่ยะ มันต้องเกิดก่อน ในช่วงตั้งไข่ล้ม
    ต้มไข่กิน เรียกว่า สมถะ มันต้องมีเป็น บาท

    ส่วน " ประจักษ์ " เนี่ยะ มันไม่ใช่ " ประจักษ์อุปทาน " ประจักษ์
    จึงเป็นการเห็นที่พ้น "วจี วาจา" พ้นยังไง ฮะเอ่อ เคยได้ยินคำว่า
    "เห็นการประจักษ์" ไหม คือ " การประจักษ์ " เนี่ยะ เป็น object
    สิ่งที่ถูกรู้ถูกดู อีกชั้นหนึ่ง จึงชื่อว่าพ้นวจี พ้นวาจา เป็น สุญญตา

    เรียกกันอีกชื่อว่า "สัญญาเวทยิตฯ"

    แหม .....สิ่งที่พ้น วจี พ้นวาจา พ้น บัญญัติ เนี่ยะ คุณ ด้นเด้าเดา
    ให้ตาย ตะแคงซ้าย ตะแคงขวา บรรยาย ยังไง ก็ไม่เหมือน

    ไม่เชื่อ อ่านที่ผมเขียนอีกรอบสิ มันจะไม่ได้ความเข้าใจ เหมือนเดิม ...ฮะเอ่อ

    งง ชะมะ
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ฮี้ ฮี้ ฮี้ กล่าวจริงอะเป่า

    ไหนๆ ยก อานิสงค์ของอานาปานสติ ความจริง ที่พระพุทธองค์ต้องการให้เราพบ หน่อยจิ๊
     
  16. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    พระภิกษุไม่ได้เป็นผู้ขอเพื่อเลี้ยงชีพอย่างเดียวครับ เป็นการเปิดโอกาสให้มีผู้ได้บริจาคทานครับ และภิกษุเป็นผู้บริจาคครับ ผู้ที่ไม่สะสมนั้นคือผู้บริจาคครับท่านพิจารณาได้ครับ และจาคะในพระพุทธศาสนานั้นเป็นเครื่องหมายการละลดอัตตาตัวตนครับ ไม่เชื่อลองดูจิตใจตนเองได้ครับ ขณะทีี่่ท่านบริจาคนั้นมีความตระหนี่หรือเปล่า่ ท่านสามารถดูใจตัวเองได้ครับ และเราเป็นฆราวาส การบริจาคเป็นนิมิตของการปฎิบัติธรรมที่ถูกต้องครับ
     
  17. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมไม่อธิบายอะไรมากหรอกนะ คำว่าสุญญตานะ มันเฉพาะตนจริงๆ อธิบายไปก็เท่านั้นไม่มีประโยชน์อะไร นั่งลงมีความรู้สึกตัวมีสติทั่วพร้อม ไปจนที่สุดทุกอย่างจะปรากฎตามที่พระองค์ทรงกล่าว ทุกอย่างก็จะเข้าใจ (สัพเพธรรมา อนัตตา)
     
  18. ครูสน

    ครูสน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +82
    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ การลงมือปฏิบัติเท่านั้นจึงจะรู้ด้วยจิตของตนเองครับ..รู้ลม..รู้ตาย..รู้นิพพานครับ..อนุโมทนาสาธุกับทุกท่าน
     
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ไม่เอาหน่า

    จาคะ ลดออัตตาหนะใช่ ลดตระหนี่อันนั้นก็ใช่

    แต่ คุณไปผุกกับ สัมมาอาชีวะเนี่ยะ รับรองได้เลย มั่วซั่ว

    เคยอ่าน ชาดกไหม

    ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นเรื่อง ว่าด้วย พระโพธิสัตว์ ท่านต้องการ ให้ยักษ์
    ได้มีโอกาสทำ สัมมาอาชีวะ เลิกฆ่าคนเพื่อกิน แต่ให้ ผลิกเป็น ขอ

    ท่านเลยบอกว่า ยักษ์จงเอ่ยปากขอกินเรา แทนที่จะจับเรากิน พอยักษ์
    เอ่ยปากขอ ท่านก็เดินเข้ากองไฟ เพื่อให้ยักษ์กินโดยง่าย ไม่เป็นโทษ

    อันนี้ ชัดเจนว่า ผู้ขอ คือ สัมมาอาชีวะ

    แล้วถ้า พิจารณาหลายๆพระสูตร ก็นั่นแหละ ประโยชน์ของการเป็นภิกษุ
    ก็คือเป็นผู้ขอ ภิกขาจาร ถือว่า เป็น อาชีวะที่บริสุทธิ ปราศจากโทษทั้งปวง
     
  20. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมไม่ต้องยกตัวอย่างหรอกนะมีมากมาย แต่ผมจะกล่าวที่สุดเลยว่าอรหัตถ์ผลก็หวังได้ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...