กระทู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการปรามาส ผมรวบรวมมาให้หมดเเล้วในกระทู้นี้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 2 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. nangaie

    nangaie สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนาค่ะ...เข้าใจแล้วว่า มันคือมาร ไม่ใช่ตัวตน และคนทุกคนคงต้องเคยผ่านจุดนี้ไป
     
  2. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    โอ้ สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณจริง ๆครับ กำลังประสบปัญหานี้อยู่ คิดว่าเราก็ไม่ได้เลวอะไรนี่ ทำไมมันถึงได้เข้ามารุมเร้าเยอะนัก ตอนนี้ เข้าใจแล้ว ขอตัวไปศึกษาวิธีรบกับมารก่อนละ่

    อนุโมทนาในธรรมทานของคุณวิญญาณนิพพานด้วยครับ .
     
  3. jetrockman

    jetrockman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2011
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +21
    อนุโมทนาด้วยคนครับ

    ขอบคุณครับช่วยชี้ทางสว่าง:cool:
     
  4. dooddd

    dooddd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +4,855
    ขอโมทนาสาธุธรรมครับ

    ขอบพระคุณที่อุตส่าไปลากมากครับ

    ข้อนี้ถ้าไม่รู้นี้ ผ่านไปยากมากๆเลยครับ ขอบคุณครับ
     
  5. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,660
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    ถึงคุณ dooddd เวลาที่ผมมีอาการปรามาสขึ้นมา ผมจะนึกถึงภาพพระพุทธรูปสีขาวใสมีประกายเพชรระยิบระยับ เเล้วผมจะนึกภาพว่า ผมกําลังก้มลงกราบท่าน เเล้วนึกขอขมาท่านครับ คุณ dooddd จะนําไปใช้ก็ได้นะครับ จะได้รู้สึกอุ่นใจขึ้นได้ครับ ขอเป็นกําลังใจให้ครับ ผมปฎิบัติธรรมอยู่ประมาณ 3 ปีเเล้ว ทุกวันนี้ อาการนี้ก็ยังอยู่ เเต่ถ้าเรามีสติ เขาจะ่ทําให้เรารําคาญใจไม่ได้ครับ คือพอความคิดมันเเว่บเข้ามาเเล้ว ก็ให้นึกภาพเรากําลังกราบพระพุทธรูปทันทีเเล้วนึกขอขมาท่านครับ จะนึกเป็นภาพพระพุทธรูปสีทองก็ได้ครับ เเต่ถ้านึกเป็นสีขาวใสประกายเพชรได้ ก็จะดีมากครับ ถ้านึกไม่ได้ ก็นึกเป็นภาพพระพุทธรูปสีทอง หรือพระพุทธรูปทั่วไปได้ครับ พอนึกภาพเเล้วเราก็ปล่อยวางไป ไม่ต้องไปสนใจอะไรเขาต่อครับ ขอให้ตั้งใจปฎิบัติต่อไปครับคุณ dooddd ผมจะคอยเป็นกําลังใจให้เสมอครับ อนุโมทนาครับ
     
  6. JAN AMG

    JAN AMG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +127
    ตามจากกระทู้คุณ dooddd มาครับ เป็นเหมือนกันครับ ยิ่งช่วงหลังๆนั่งสมาธิมากยิ่งเป็นครับ มาถึงวันนี้เข้าใจเเล้วครับ ขอขอบคุณท่านวิญญาณนิพพาน ท่าน doodddและทุกๆท่านนะครับ ขออนุโมทนาครับ
     
  7. ลูกพุทธธะ

    ลูกพุทธธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +4,787
    อนุโมทนา สาธุครับ ได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น เพื่อพัฒนาตนเองต่อไป หลวงพ่อสอนเสมอตราบใดที่ตัวเองยังไม่ตาย ให้คิดว่าตัวเองเลวอยู่เสมอ เพื่อเตือนตนเองให้รักษาจิต รักษาใจของตัวเอง ด้วยผลบุญนี้ ขอให้ลูกหลานหลวงพ่อ มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุธรรมโดยฉับพลัน ตามหลวงพ่อขึ้นสู่พระนิพพาน ทุกคนถ้วนหน้าเทอญ
     
  8. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    อนุโมทนาด้วยค่ะ เป็นกระทู้ที่โดนใจมากๆ ค่ะ เพราะเมื่อก่อนก็มีเหมือนกัน เราก็เลยตกใจว่าเราคิดได้อย่างไร ไม่ใช่เราแน่ที่คิดอย่างนั้น แล้วเกิดขึ้นได้ยังงัย ตอนนี้กรจ่างชัดได้คำตอบแล้ว อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ ยังอ่านไม่จบจะขอsave กระทู้ไว้อ่าน เรื่องขอขมากรรมนั้นทำทุกวัน แบบครูบาอาจารย์บอกสอนไว้ ก็ทำทุกวัน อาการ อารมณ์ปรามาส ก็หายไปเองอย่างน่าอรรศจรรย์ หายก่อนที่จะมาอ่านเจอกระทู้นี้ค่ะ
     
  9. บัวทิพย์

    บัวทิพย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +38
    เรื่องการขอพรเทพในเทวสถานต่างๆ
    มนุษย์ได้แต่ขอพรกับพระองค์
    *เมื่อวาระกรรมสายขาวมาบรรจบ กุศลกรรมส่งผล โพธิสัตย์ล่วงรู้
    ประทานพร สมปรารถนา
    ****ต่างกันกับมาร*****
    มนุษย์ปฏิบัติธรรม มารล่วงรู้เข้าขัดขวางการประพฤติธรรม
    ชักนำกรรมสายดำมาบรรจบ อกุศลกรรมส่งผล มารล่วงรู้ ดลบันดาล
    กิเลสตัณหา รักโลภโกรธหลงในจิตให้ปรากฎและเพิ่มพูน ทำให้เกิด
    ความสับสน เกิดอุปสรรคนานานับประการ
    เรียก*มารทดสอบจิต*หรือ*มารไม่มีบารมีไม่เกิด*
     
  10. bambamm

    bambamm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +134
    เพิ่มเติมครับ

    ถาม - ถ้าอยู่ดีๆ จิตคิดปรามาสพระรัตนตรัยเอง ไม่ทราบว่าจะเป็นอนันตริยกรรม หรือปิดบังมรรคผลนิพพานไหมครับ


    ไม่มีทางเลย ไม่มีทางเลย ขอให้คิดง่ายๆ อย่างนี้ก็แล้วกัน
    ที่ผมเจอมา ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ของคนธรรมดานะ
    ของคนธรรมดาที่มันมัวเมาอยู่กับโลภะ โทสะ โมหะ
    พูดง่ายๆ ว่าเป็นชาวบ้าน เป็นฆราวาสอยู่ในเมืองแบบนี้
    ๙๐ เปอร์เซ็นต์นะ เคยปรามาสพระรัตนตรัยกันมาแล้วทั้งนั้น
    แล้วครึ่งนึงของ ๙๐ เปอร์เซ็นต์นั้นเกิดความติด ติดที่จะคิดอยู่เรื่อยๆ
    เพราะว่าบางทีมันมีข่าวพระไม่ดีอะไรขึ้นมา
    แค่เผลอไปด่า แค่เผลอไปปรามาสพระโดยรวม
    โอ๊ย พระไม่ทำมาหากินบ้าง อะไรบ้าง ขอข้าวชาวบ้านกิน หรือว่าอะไรต่างๆ นะ
    ปรามาสแค่ไม่มาก มันเหมือนกับกลายเป็นพลังร้ายที่มันผุดขึ้นมาในใจเรา
    แล้วมันจะทำให้เราดิ่งลงไปสู่ความเสพติด คือมันจะเกิดขึ้นบ่อยขึ้น
    มันจะมีความคิดไม่ดีบ่อยขึ้นๆ จนกระทั่งในที่สุดแล้ว มันห้ามใจตัวเองไม่ได้
    ทุกครั้งที่พยายามทำใจดีๆ กำลังมีใจเป็นกุศล กำลังทำบุญ หรือว่ากำลังสวดมนต์
    กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าพระปฏิมาที่บ้าน หรืออะไรก็แล้วแต่
    มันชอบมีความคิดอะไรร้ายๆ ผุดขึ้นมาในหัว


    ตรงนี้ถ้าหากว่าเราสามารถรู้ทัน แล้วไม่มีใจที่ยินดีไปกับเสียงด่าในหัว
    หรือว่าไอ้คำหยาบคายที่มันผุดขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราวนี่นะ
    อย่างนั้นไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นบาปเป็นกรรมด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะเป็นอนันตริยกรรม
    มันเป็นแค่อกุศลสัญญา อกุศลสังขาร คือความปรุงแต่งในทางที่มันเป็นอกุศล

    มันก่อให้เกิดความมืด ความมัว ความหมองของจิต ได้ชั่วขณะหนึ่ง
    แต่ถ้าหากว่าเรามีสติเท่าทัน ไม่ไหลตามมันไป
    ไม่หลงตามไปยึด ไปเสพติดอยู่กับอะไรที่มันร้ายๆ ในหัว
    ถอนออกมาได้ มันก็กลายเป็นกุศล แล้วมันจะยิ่งมีภูมิคุ้มกัน
    ทุกครั้งที่มันผุดขึ้นมาจะด้วยความบังเอิญหรือว่าไปฟังใครเขาด่ากัน ไปฟังใครเขาว่าพระ
    มันกระทบหู เสร็จแล้วเราก็จะรู้ว่า เออ นี่เรายอมรับตามจริง เราเกิดอกุศลจิตขึ้นมา
    แต่ไม่เกิดความทรมานใจ เพราะเราตระหนักอยู่ รู้อยู่
    ว่าเจตนาอันเป็นต้นเหตุของกรรมที่ไปปรามาสพระรัตนตรัย ไม่อยู่ในใจของเราเลย
    มันมีแต่ความรู้สีกว่าเรารู้เท่าทันว่าอกุศลจิตเกิดขึ้น
    แต่ไม่มีเจตนาคิดร่วมมือ ให้ความร่วมมือ ผสมโรงกับเขา
    ว่าเราจะไปด่าพระ ว่าเราจะไปปรามาสพระรัตนตรัย
    จิตแบบนี้ที่เข้าใจอยู่ เห็นอยู่ในธรรมชาติของตัวเองนี่จะไม่เป็นทุกข์นะ
    อย่าว่าแต่จะเป็นบาปเลย

    ที่มา
    บาปมากไหมถ้าอยู่ดีๆ จิตคิดปรามาสพระรัตนตรัยขึ้นมาเอง ดังตฤณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2012
  11. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ผมก็ทุกข์กับอาการนี้มากยิ่งเวลาเรานั่งภาวนาพอเห็นรูปครูบาอาจารย์หรือสิ่งที่เราเคารพมันจะมีอาการมาทันทีแวบขึ้นมาทุกข์เลยครับทำไมเราต้องคิดแบบนี้เราทำไม่ชั่วช้าจังบาปหนักแต่พอมาอ่านดูอ่อแบบนี้นี่เองตอนนั้นไปถามพระพระก็บอกให้ละมันคิดก็ปล่อยมันไปแต่พอมาอ่านในนี้ค่อยโล่งใจนึกว่าเป็นแค่ตัวผมคนเดียว ขอบคุณทุกๆกระทู้ที่เอามาแบ่งบันครับ
     
  12. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,660
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    [​IMG]

    พอดีผมไปเจอ clip เกี่ยวกับการปรามาสพระร้ตนตรัยอีก clip หนึ่งมา ยังไงก็ click ฟังกันได้ใน link เลยครับ อนุโมทนาครับ

    ปกิณกธรรม

    Artist: ท่านพระสุรจิต วัดท่าซุง

    พระครูสังฆรักษ์สุรจิต สุรจิตฺโต รองเจ้าอาวาสวัดท่าซุง

    ปกิณกธรรม , ถาม-ตอบ เรื่อง ปี 2551
    แยกจิตออกจากโลก เห็นทุกข์ตามความเป็นจริง,ละการตำหนิกรรมผู้อื่น,แก้อารมณ์ปรามาสพระรัตนตรัย,พรหมวิหาร4,กฎของกรรม-ใจยอบรับ(25.50).mp3
    โดย ท่านพระสุรจิต วัดท่าซุง

    http://palungjit.org/threads/ปกิณกธรรม.4839/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.2 KB
      เปิดดู:
      318
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2015
  13. สรรเสริญมหาโพธิสัตว์

    สรรเสริญมหาโพธิสัตว์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +1,177
    ครับ
    ผมแม้เป็นเด็กอายุ 19ปี ก็สนใจศึกษาทางนี้มากครับ
    เป็นเด็กชอบการไหว้พระสวดมนต์ตั้งแต่ไม่เข้าอนุบาล(แม่เล่าครับ)

    เฝ้าปฏิบัีติมาตลอด ปลายปีที่แล้วมีบุญได้ดูแลพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จ
    หลังจากที่ผมเฝ้าทำกุศลมาตลอด ได้สักพัก จิตปรามาสเริ่มเกิด หนักขึ้นเรื่อยๆ
    ทั้งพระรัตนตรัย พระโพธิสัตว์ เทพ บิดามารดาครับ ผมมีอาการค่อนข้างคล้ายคลึงดังกล่าว ทั้งหากช่วงไหนกำลังใจสูงดี ปฏิบัติอะไรเป็นกุศลมากๆ เท่านั้นหล่ะครับ จะเกิดหนัก จนบางครั้งท้อถอย ปิดพัดลมเลิกสวดมนต์ กลับมานอนต่อ ตั้งใจจะ "เลิก" ปฏิบัติ
    ต่อมามีบุญได้พบเจอกระทู้ห้องนี้ พยายามสู้ครับ คิดได้เรื่อยๆว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมโลกุตตมาจารย์นั้น ทรงผจญกับภพชาติ วัฏสงสารเป็นอสงไขยกัลป์ จนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิ เรา เที่ยวสนุกสนานมาในวัฎสงสารแล้วนับไม่ได้ การมาทุกข์เ้รื่องเล็กน้อยที่หลายท่านเป็นๆ กัน เทียบไ่ม่ได้กับประสบการณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ผจญ ยังไงเสีย ทางไปพระนิพพานมันก็ต้องลำบากอย่างนี้หละครับ เราสนุกกับมันมามากแล้วในวัฏฏะ ขอเฝ้าปฏิบัติต่อไปครับ
    แล้วอนึ่ง ในเรื่องของเวลาผมทำความดีมากๆ มันจะมีเหตุดึงผมให้รู้สึกไม่ดี ท้อถอย เบื่อหน่ายในพระรัตนตรัย ความดีงาม ไม่อยากทำแล้วอะไรอย่างนี้ เกี่ยวกันไหมครับ เพราะผมอยู่ในพระศาสนา ชอบมากๆ ตั้งแต่ไม่กี่ขวบ จนปัจจุบัน เจอเรื่องจิตปรามาสรบเร้า แต่ก็พยายามรู้เท่าทัน แล้วขอปฏิบัติตต่อไปครับ เพียงให้พระรัตนตรัยเป็นกำลังใจก็พอ ผมยังเป็น "คน" อยู่เนอะครับ ก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีความมัวหมอง ยังไม่บริสุทธิ์ ก็ขอระบายอะครับ และจะเฝ้าทำความดีเพื่อการหลุดพ้นต่อไป แม้นไม่ได้ชาตินี้ แต่บุญกุศลทั้งเล็กน้อยและมหากุศลที่ผมเฝ้าทำโดยตั้งใจ ก็จะให้ผมมีความสุขเอง ณ นิพพานสักวันครับ
     
  14. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมก็เป็นครับ เป็นมา 1 ปี (แต่ถ้าผมรู้แก้ตอนแรก คงไม่เกิน สามเดือนหาย) เพราะผมปรุ่งแต่ง ไปมาก คือ ไม่อภัยตัวเอง ฟุ้งซ่าน คิดว่าถ้าเราไม่มาปฎิบัติ ธรรม เราก็ไม่ต้องเจอ จุดที่ ปรามาสพระรัตนตรัย แต่มาคิดอีกที แต่ถ้าเราผ่านจุดนี้ไปได้ กําลังใจเราก็เข้มแข็งขึ้น แต่อาการนี้เป็นตอนผม ตอนแรกได้ฌาน1 แล้วกลับมาบ้าน ก็ภาวนา(คือมั่นใจมั่นใจในความดีไม่ใช่ถือดีนะ แต่มั่นใจว่า ครูสอนถูก) พระรัตนตรัย เป็นที่พึงได้สอนจริง ภาวนาไปครับ เจอแสง สว่างมาก ก็เลยมั่นใจ แล้วจิตสุข แล้ว ก็ ตอนนั้นปกติผมก็ภาวนาพุทโธจนหลับ สบายดี แต่ ตอนนั้นก็อาการแรก ด่าพระรัตนตรัย ผมเลยฟุ้ง ผมเป็นคนที่ เคารพใครแล้วเคารพ เลย คือใช้เหตุใช้ผล มาก ไม่ได้งมงาย แล้วก็ฟุ้งซ่าน ไปเถียงกับความคิดเลวๆ (เถียงไปไม่มีประโยชน์ ผมว่านะสําหรับผม คนอื่นไม่รู้) แต่ให้หาความจริงว่า พระรัตนตรัย ช่วยเหลืออย่างเดียว จุดปรามาส อาการของกิเลสมันรู้ว่า ถ้าเราภาวนามั่นใจในความดี มันรู้ว่า กิเลสตายแน่ เลยจะขวางเรา (ผมเคยภาวนาอยู่ดี เหมือนหัวใจเต้นแรงๆโคตรๆ นึกว่าจะตาย ตอนนั้นกลัวเลยเลิกภาวนาเลย)

    ตอนนี้ผมก็ไม่สนใจ ถ้ามันปรามาส ก็ขอขมา ไม่ได้คิดไรมาก เพราะให้คิดว่า ปกติเราไม่ได้มีจิตเจตนา อาฆาตพระรัตนตรัย สักนิด (แต่อย่าไปนึกถึงว่าเราด่าไรบ้าง แบบนี้เสียท่ามันครับ ต้องอย่าทํา) ปกติเราศรัทธานับถือพระรัตนตรัย(ตอนนั้น ถ้าตอนที่ช้างที่จะฆ่าพระพุทธเจ้าแต่พระอานนท์มาปกป้อง เพราะความหวังดี คือยอมตาย ตอนนั้นผมก็ทําแบบพระอานนท์เพราะเคารพพระพุทธเจ้าจริงๆ) แต่จริงพระพุทธเจ้าไม่มีใครฆ่าได้ อยู่แล้ว

    ตอนนี้ผมอยากสร้างพระพุทธรูป เพื่ออานิสงค์ท่านพอช่วยเหลือได้บ้าง (ดีไม่ดีตอนตาย ก็นึกถึงพระตายไปสวรรค์เลย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2013
  15. lkunl

    lkunl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +390
    สาธุ ขออนุโมทนาในธรรมทานด้วยครับ กระทู้ดีมีประโยชน์มากๆ ครับ ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ
     
  16. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ขออนุโมทนา ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกกิเลสหลอกให้ถือตนว่าเหนือคนอื่น แม้แต่พระเองผมก็ยังเคยคิดว่าตนเหนือกว่าเลย ปัจจุบันกล่าวได้ว่าผมสามารถกราบพระทุกองค์ได้ด้วยความเลื่อมใส ด้วยใจศรัทธา เพราะตอนนี้ไม่ยึดติดกับรูปแบบ ขอเพียงใจเราคิดว่าองค์ที่เราไหว้บริสุทธิ์ เป็นพระอริยะเจ้าก็พอ แม้ท่านจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ไม่เป็นอะไร มีแต่จะทำให้ใจเราเลื่อมใสศรัทธามากขึ้น
     
  17. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    กระทู้นี้ควรจะปักหมุดนะครับ ขอขุดกระทู้อีกที เพราะนักปฎิบัติหลายคนก็เป็น (ผมยังเป็นเลย ภาวนาอยู่ดี จิตใจสบาย แต่เกิดอยากด่าพระเหมือนกัน) เครียดเลย เพราะปกติ ไม่เคยลบหลู่ ด่าพระด่าเจ้า ตอนนี้ ก็ง่ายๆ เรื่องของมึงกุไม่เชื่อ หรือก็ช่างมัน (แต่บางทีผมก็กังวลอยากด่าพระ อารมณ์อยากด่าพระมีอยู่ ก็แก้ง่ายๆ ดูลมหายใจยึดลมก่อน

    แต่วิธีที่ผมใช้แล้วได้ผล เอาคาถานี้ไปใช้ อิติสัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะจิตตัง (พระพุทธเจ้าให้มา ให้ขอบารมีพระ แล้วจิตจะหายฟุ้ง) แล้วเกิดเจริญสติ (อานาปานุสติ หรือไม่ก็ เวลาเดินก็ให้จิตมันรู้ว่าเราจะก้าวขาไหนเดิน ซ้ายหรือขวา)
     
  18. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,660
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    ขอบคุณครับ ขออนุโมทนาด้วยครับคุณ lkunl ทุกวันนี้ผมก็ยังคงเป็นอาการนี้อยู่ เวลาเป็นผมก็อาศัยนึกภาพเรากราบพระพุทธรูป แล้วขอขมาท่านแล้วไม่สนใจกับสิ่งที่เราคิดอีกต่อไปคือ ปล่อยวาง แล้วทุกอย่างจะดีเองครับ ยังไงก็ขอเป็นกําลังใจให้กับทุกคนด้วยนะครับ
     
  19. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,660
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    ทำยังไงดี - คิดไม่ดีอยู่เรื่อย โดย ดังตฤณ

    "ทำยังไงดี - คิดไม่ดีอยู่เรื่อย"

    ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังทรมานใจอยู่กับความคิดสกปรก ความทรงจำแย่ ๆ หรือความลับน่าอับอายเกินกว่าจะให้ใครรู้ว่าเราก็คิด อย่างนี้ได้ ขอให้ทราบเถิดว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยว ยังมีคนอีกทั้งโลกเป็นเพื่อน ที่สำคัญว่าคิดบ้า ๆ อยู่คนเดียวก็เพราะไม่ได้เปิดอกนั่งจับเข่าคุย กันเท่านั้นแหละ ใครเล่าจะอยากขุดเอาความคิดเพี้ยน ๆเลอะเทอะในหัวของตัวเองออกมาแฉให้คนอื่นร่วมรับทราบไปด้วย

    คลื่นความคิดที่กระทบใจแล้วรบกวนเราได้แรง ๆ นั้น ไม่จำเป็นต้องชั่วช้าสามานย์อะไรมาก แค่คำด่าบางคำที่ใครบางคนมาปล่อยเรี่ยราดตามเว็บบอร์ด โดยชี้นำให้คิดโยงคำด่านั้นไปหาคนที่คุณนับถือ ก็เพียงพอแล้วที่มันจะกลายเป็นอาถรรพณ์ ตามมาวนเวียนหลอกหลอนคุณ ยั่วยุให้คุณนึกถึงคำวิปริตนั้นวันละเป็นสิบเป็นร้อยรอบ คล้ายมีวิญญาณร้ายแฝงอยู่ในสมองของคุณก็ไม่ปาน

    ลองมา หาคำตอบกันดูครับ ความเข้าใจถึงที่มาที่ไปตลอดจนอุบายต่อไปนี้ อาจช่วยคุณให้พ้นทุกข์จากความคิดชนิดบาดใจได้ใน เวลาไม่นานนัก

    ความคิดไม่ดีมาอยู่ในหัวเราได้อย่างไร ? และที่ร้ายกว่านั้น ทำไมมันถึงเกิดขึ้นบ่อย ๆ ทั้งที่เราเกลียดความคิดแบบนั้นแทบดิ้นตาย?

    คำตอบ คือใจเราเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่เข้าไปติด เข้าไปข้อง หรือเข้าไปยึดมั่นสิ่งที่รักแรงหรือเกลียดแรงได้อย่างเหนียวแน่น และความยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นนั้นเอง เป็นตัวการผลิตความคิดถึงสิ่งที่ยึดได้เรื่อย ๆ

    ขอให้ นึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง คุณเห็นเขาหรือเธอปรากฏตัวก็อยากถลาเข้าไปกอดรัดให้เต็มอ้อมทันที อาการอยากกอดรัดทางกายนั้นแหละ สะท้อนให้เห็นอาการยึดติดทางใจประมาณ เดียวกัน

    ส่วนบุคคลอันเป็นที่ชิงชังยิ่งสำหรับคุณ เมื่อใดปรากฏตัว คุณจะอยากเบือนหน้าเดินหนี แต่เหมือนเขายังเป็นเงาติดตามคุณมาทุกฝีก้าวไม่ห่าง นั่นเพราะใจคุณไม่เคย "ทิ้ง" เขาเลย หรือถ้าคุณเกลียดจัด แทนที่จะอยากเดินหนี คุณอาจอยากถลาเข้าไปเขย่าคอ ชกหน้า ตบตี หรือทำร้ายร่างกายเขาเลยด้วยซ้ำ นี่ก็เป็นเครื่องแสดงอาการยึดของจิต อีกแบบ เกลียดกันแล้วก็ยึดว่าต้องทำลายล้าง ต้องทำให้เจ็บปวดในทางใดทางหนึ่ง ปล่อยให้ลอยนวลสบาย ๆ ไม่ได้

    เมื่อรักแรงแล้วคิดถึงบ่อยๆย่อมเป็นสุขสดชื่น แต่หากเกลียดแรงแล้วคิดถึงบ่อยๆ ย่อมเป็นทุกข์ อึดอัด ไม่สบายใจ กระวนกระวาย หรือกระทั่งพาลพาเราเกลียดตนเองไปด้วย ค่าที่รู้สึกว่าความคิดคือเรา เราคือความคิด เมื่อความคิด "น่าเกลียด" ตัวเราก็ย่อมน่ารังเกียจไปด้วย

    อาการที่สะท้อนความทรมานใจกับความคิดในหัวแต่ละครั้งอาจแตกต่างกันไป ถ้าอาการน้อยหน่อยก็อาจแค่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่กับตัวเอง แต่ถ้าอาการหนักหน่อยก็อาจทำท่าฟึดฟัดงุ่นง่าน จนคนอยู่ใกล้ต้องหันมาถามว่า "เป็นอะไร ?" อย่างอด สงสัยไม่ได้

    ยิ่งหากคุณรู้สึกว่าความคิดที่เสียดแทงหัวหูอยู่นั้น เป็นเรื่องน่าอับอายเกินกว่าจะปรึกษาใคร เรียกว่าไม่กล้าเปิดเผยกันตลอด ชีวิตก็ยิ่งย้ำติดและคิดหนัก เช่น คำหยาบที่โยงเข้ากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือความคิดทางเพศกับญาติเชื้อ แม้คุณจะปฏิเสธว่าไม่ได้คิด ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากอยู่ข้างเดียวกับความคิดพรรค์นั้น มันก็ยังคงวนเวียนเยี่ยมหน้ามาไม่เลิก ราวกับมีศัตรูตามราวีตนอยู่ในตัวเอง

    หลายคนต้องทรมานใจเป็นสิบ ๆ ปี เพียงเพราะไม่รู้ว่าจะเอาความคิดบัดสีบัดเถลิงหรือความคิดลบหลู่สิ่งศักดิ์ สิทธิ์ออกไปจากหัวของตัวเองได้อย่างไร บ้างก็หาทางออกด้วยการเข้าหมู่เข้าพวกกับคนถ่อยไปเลย จะได้เห็นเป็นเรื่องธรรมดาให้รู้แล้วรู้รอด อันนี้นับเป็นทางออกที่มืดมนที่สุด และเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าความคิดในหัวไม่ใช่แค่ลมแล้งเล็กน้อย ถ้าแกะไม่ออก ถอดไม่หมด ชีวิตก็อาจพลิกจากด้านสว่างเข้าสู่ด้านมืดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    ผมขอให้คุณ ๆ มองอย่างนี้ครับว่า ยิ่งหาทางแก้ความคิดไม่ดี ก็ยิ่งตอกย้ำให้กลุ้มว่าเราคือเจ้าของความคิดไม่ดี อย่าไปทำอย่างนั้นเลย หาทางเป็นคนละข้างกับมันดีกว่า

    วิธีการก็ไม่ได้ยุ่งยาก และสามารถทำได้จริง คือ ในแต่ละครั้งที่ความคิดเลวร้ายมันผุดขึ้นในหัว ให้ดูว่ามันมาเอง เราไม่ได้เชิญ!

    ก็ถ้าเราไม่ได้พามันมา เราไม่ได้เป็นฝ่ายเชื้อเชิญมัน แล้วทำไมมันจะต้องเป็นความรับผิดชอบของเราด้วย ?

    สิ่งใดเกิดขึ้นในหัวของเราไม่ได้หมายความว่ามันเป็นตัวเราหรือของเราเสมอไป ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณไปเก็บตกคำด่าที่สาดกระจายเรี่ยราดตามเว็บบอร์ด แล้วเอามานั่งกลุ้ม เพราะคำนั้นดันติดแน่นฝังหัว ผุดขึ้นในหัวของคุณบ่อย ทั้ง ๆ ที่คุณไม่อยากให้มีคำนั้นขึ้นมาในโลก อย่างนี้ให้ตั้งหลัก ตั้งสติ แล้วคิดย้อนศรง่าย ๆ ว่าคำหยาบเป็นวจีทุจริตของคนอื่น เป็นการจงใจสื่อสารที่ชั่วร้ายของคนอื่น มันไม่ใช่คำของคุณมาแต่แรก คุณไม่ได้ชั่วร้ายอย่างเขา แต่คุณ "เคราะห์ร้าย" ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปเกิดความเกลียดคำๆนั้นเข้า จิตเลยเกิดอาการยึดคำนั้นไว้เต็มเหนี่ยวด้วยพลังมืดของความเกลียด ดังกล่าวไว้แล้วแต่ต้น

    เมื่อยึดมากก็หวนกลับมาคิดมาก และยิ่งรู้สึกคล้ายเป็นเจ้าของความคิดเสียเอง มากขึ้นทุกที การทึกทักหลงยึดว่าความคิดนั้นๆเป็นของคุณ เป็นตัวคุณนั่นแหละก่อความรู้สึกผิดขึ้นมา จนกระวนกระวายเสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ

    พอพิจารณาอย่างละเอียดเท่านี้ คุณจะเริ่มโล่งใจ สบายใจขึ้น อย่างน้อยก็มีแก่ใจจะรับมือกับความคิดเลวร้ายอย่างถูกต้อง นั่นคือ ไม่ไปให้ "อาหาร" หล่อเลี้ยงมันด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ซ้ำซ้อน ทั้งในทางคล้อยตามมันไป และในทางต่อต้านปฏิเสธจะไม่ยอมให้มันมา

    ทำไมจึงไม่ควรต่อต้าน ? อย่างที่ผมกล่าวแล้วว่ายิ่งเกลียดแปลว่ายิ่งยึด ส่วนการต่อต้านก็คือยิ่งตอกย้ำความเกลียดเข้าไปใหญ่ แล้วเมื่อไรใจจะเลิกยึดได้เล่า ?

    ท่าทีที่ถูกต้องคืออย่างไร ? ประการแรกคุณต้องยอมรับตามจริงโดยดุษณีว่าความคิดเลวร้ายมันเกิดขึ้นใน หัวของคุณ และนอกจากจะเห็นมันมาเองโดยคุณไม่ได้เชิญแล้ว ยังต้องเห็นว่ามันไปเองได้โดยไม่ต้องขับไล่อีกด้วย ขอแค่ใจเย็น เฝ้าดู และไม่แคร์ว่าจะต้องดูกี่ร้อยกี่พันรอบก็ตาม

    พอคุณเฉย ๆ ในอาการยอมรับว่ามันมาเองและไปเอง ขณะนั้นจิตของคุณจะประกอบด้วยสติ รับตามจริง รู้ตามจริง ไม่หลอกตัวเอง บ่อยครั้งเข้าในที่สุดจะได้ข้อสรุปเป็นความสบายใจอย่างมีสติรู้ ว่ามันไม่ใช่เรา เราไม่เห็นจะต้องไปให้ความร่วมมือหรือต่อต้านมันเลยแม้แต่นิดเดียว

    ผลพลอยได้ที่ตามมาคือคุณจะไม่ใช่พวกรักแรงเกินไป เกลียดแรงเกินไป คือรักได้และเกลียดได้นะครับ แต่ไม่เกินขีด ไม่แปรความรักและความเกลียดมาเป็นความยึดแน่นให้เป็นทุกข์เปล่า

    ดังตฤณ
    จากบท ความ "ทำยังไงดี"
    นิตยสาร Miracle of Life ฉบับ เดือนพฤษภาคม ๕๓

    http://palungjit.org/threads/ทำยังไงดี-คิดไม่ดีอยู่เรื่อย-โดย-ดังตฤณ.273664/
     
  20. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,660
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    พอดีไปเจออีก clip มาเกี่ยวกับการปรามาสพระร้ตนตรัยแบบไม่ตั้งใจ ใครสนใจก็มา download ไปฟังได้ครับ อนุโมทนาครับ

    การปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่ตั้งใจ

    การปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่ตั้งใจ - Buddhism Audio

    หรือจะฟังจากใน clip ที่ผมนํามาให้ฟังข้างล่างก็ได้ตามสะดวกครับ

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/0xSQGISyJTU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     

แชร์หน้านี้

Loading...