ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย tang_2536, 24 ตุลาคม 2012.

แท็ก: แก้ไข
  1. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    คุกขี้ไก่มีหลายประเทศไหมที่เขาทำคุกแบบนี้ เขาว่าใครไปติดคุกแบบนี้จะเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง จริงไหมท่านผู้รู้ ขอบพระคุณ
     
  2. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800
    เดี๋ยวนี้ยังมีของแบบนี้อยู่จริงๆด้วย ขอบคุรนะครับยที่เอามาให้ชมเป็นวิทยาทาน

    ว่าแต่ของที่หลวงน้าท่านแขวนช่วยอะไร ได้มั้นอ่ะครับ
     
  3. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    ของที่ท่านใส่ไว้นั้น มันช่วยได้แค่ไม่ให้ถูกทำเพิ่มครับ ส่วนที่อยู่ในตัวนั้นต้องขจัดออกก่อน เพราะถ้ายังมีของอยู่มันจะเป็นเสมือนเชื้อให้ของใหม่เข้ามาเพิ่มเข้าไปอีกเรื่อยๆ

    ( ตะปูที่ออกมานั้น มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งครับ มันยังมีอะไรอยู่ในตัวหลวงน้าอีก ความร้ายของมันนั้นไม่ต่างอะไรกับตะปูเลย แต่ตอนนี้ผมยังไม่ขอเล่าต่อเพราะว่ามันยังไม่จบ เรื่องที่เล่านี้มันเป็นแค่ภาคหนึ่งครับ ส่วนภาคสองนั้นมันยังไม่จบ แต่ก็ใกล้จะจบแล้วคิดว่าคงอีกไม่นาน ภาคสองนี้ผมบอกใบ้หน่อยว่า อาจารย์ปู่ท่านไม่สามารถช่วยหลวงน้าได้อีกต่อไปแล้วครับ )[/
    [/SIZE]COLOR][/COLOR]

    ก่อนที่ท่านจะโดนนั้น ท่านเองก็ไม่แน่ใจว่าไปโดนเข้าอีตอนไหน เพราะว่าตัวท่านก็มีของพอคุ้มตัวอยู่บ้าง ผมก็นั่งคุยกับท่านอยู่เรื่อยเนืองๆว่าโอกาสที่หลวงน้าจะโดนก็น่าจะเป็นตอนฉันข้าว เพราะว่าไม่รู้ใครเป็นใคร (มันคงต้องมีคนที่อยากกำจัดท่านให้ไปให้พ้นเสียอยู่ในนั้นด้วย ) มันจึงไม่ยากเลยที่จะทำ ส่วนหลวงน้าท่านเป็นพระทางวิปัสสานา ไม่ได้ร่ำเรียนทางคาถาอาคมอะไรมาเลย ได้แต่อาศัยวัตถุมงคลที่มีคุณทางด้านป้องกันคุณไสย์ แต่ถ้ามันมาทางอาหารก็คงโดนเต็มๆ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2013
  4. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    สงสัยผมคงเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเสียแล้วล่ะครับ

    พอผมโพสเสร็จ กลับเข้าไปไล่อ่านตั้งแต่หน้าที่ ๑ จนถึง หน้า ๓๓ โอ้โห ที่นี่เป็นแหล่งขุมความรู้ทั้งทางทฤษฎีทั้งทางปฏิบัติ ยิ่งอ่านยิ่งเพลินทั้งในเนื้อหาและสาระ เจ๋งมากครับ

    ถ้าสิ่งที่ผมโพสมานี้ ไม่เหมาะสมหรือมีความผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยต่อพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ สมาชิกประจำกระทู้ของคุณพี่คำรณด้วยครับ

    ขอบคุณมากครับ
     
  5. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    ยังไงช่วยดูในกระบอกเขาควายว่าเขา มีร่องรอยเอาขี้ผึ้งติดตะปูไว้ได้ไหม ขอบพระคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2013
  6. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,071
    วันนี้ ๓ มี.ค.๕๖ กทม.ได้ผู้ว่าฯคนใหม่(ท่านเก่า) แล้ว..ก็เป็นไปตามที่คาดหมายนะครับ...ผมว่าในบางครั้ง การทำความดีในยุคนี้ สมัยนี้ ดูจะต้องมี ลีลากันมากมาย ทั้ง พรรคไหน พวกไหน..
    จริงๆความดีนั้น เป็นของส่วนกลางแท้ๆ..แต่เมื่อคนเรามาอยู่ในสังคมที่เรียกว่า การเมือง...ก็เลยต้องมีระดับความดี ตามกำหนดกฎเกณฑ์..

    มาเข้าเรื่องไสยฯ กันบ้าง ก็ขอบคุณท่านที่นำภาพการแก้คุณไสยฯมาลงให้ชม ก็ลองพิจารณากันตามปัญญา ของแต่ละคนละกันครับ ผมไม่ฟันธงว่า จริง/เท็จ ...เพราะมิได้อยู่ในเหตุการณ์จริง..

    มีข้อพิจารณาว่า วิชาทางลบ/ไสยฯดำ จะเน้นการทำลาย มุ่งหมายชีวิต ..เสกตะปู ก็เป็นวิชาหนึ่งที่ทำร้ายถึงตายได้ ..ที่รู้มาก้จะใช้ตะปูที่เชิงตะกอน(ตะปูตอกฝาโลง) ใช้ด้ายสายสิญมามัดแล้วเสกตามวิชา.(ใช้มิจฉาสมาธิ).จะเกิดนิมิต แล้วบังคับโดยพลังครู อาคม ให้หายเข้าไปในร่างกายคนที่เราต้องการทำร้าย โดยฝ่ายทางสื่อหลายด้าน เช่น ใช้เสื้อผ้า หรือ อาจจะใช้แบบไม่ต้องเสกให้หายไปเข้าร่าง ก็ปั้นสมมุติเป็นหุ่นใช้เสื้อผ้าอาภรณ์มาประกอบ เสกอาการสามสิบสองลงชื่อ เอาตะปูที่เสกทิ่มแทงฝังไว้ อันนี้ก็ใช้ได้...แต่จะตาย ไม่ตาย มีหลายปัจจัย..ผู้ทำวิชายังอ่อนด้อยพลัง/.ผู้ถูกระทำ มีกรรมเบา/มีกุศลากรรมมาก/มีสิ่งคุ้มครอง ก้ทำได้แค่เจ้บปวด..แก้ทัน..
    แต่ถ้า ผู้ทำมีวิชาสูง/คนถูกทำ กรรมหนัก /ไม่มีสิ่งคุ้มกัน ก็ตายเร็ว..

    ส่วนการแก้ ก็มีหลายวิธี รดน้ำมนต์ กินน้ำมนต์ จะอ้วกออกมา ..หรือ ใช้มีดหมอ/อาวุธอื่นๆ ไล่ขับให้ออก หรือถ้าสุดยอดวิชา..คือ แก้สะท้อนกลับ อันนี้สำคัญนัก..ถ้ามี ฌาน บวก คาถา บังคับกลับหลังหัน วิ่งกลับไปหาคนทำ..ถ้าคุ้มครองตัวเองไม่ได้ ก็รับกรรมกลับ ..วิชานี้ทางพม่าถนัดมาก ผมเคยเห็น อาจารย์พม่าท่านหนึ่งแก้ คุณไสยฯให้ญาติทางแฟน..ว่าคาถาไม่กี่ตัว มือคนไข้ที่นั่งแล้วหงายฝ่ามือสองข้างขึ้น สั่น พั่บๆ แล้ว หมอพม่าก็จะตวาดด้วย คาถา..สามครั้ง..มือหายสั่น..ของวิ่งออกจากตัว กลับไปหาคนทำ..สามวัน ได้ข่าวเลย หมอผีมูเซอ ตายแบบไม่รู้สาเหตุ(นอนตายบนบ้าน)..เป็นอันว่ารู้กัน ว่า โดนของย้อนกลับ..
    ผมถึงบอกว่า เรียกผูก ก็ต้องเรียนแก้...ต้องมีทั้ง แก้ ทั้งกัน ..เหมือนวิชา มวย ครับ มีเชิงรุก ก้ต้อง มีเชิงรับ..ไม่งั้น ก็โดนน้อคเอ้าท์..ถ้ามัวแต่รุก ไม่เก่งรับ พวกเตะปลายคางทีเดว...
     
  7. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    ผมขอขอบคุณพี่ด้วยครับ ที่เข้ามาแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องตะปูเสกครับ

    ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้เกี่ยวกับคุณไสย์ เพราะไม่เคยที่จะสนใจในเรื่องแบบนี้เลย ใจมันไม่ชอบ

    แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วยตัวเอง เลยทำให้คิดว่า รู้ไว้บ้างก็ไม่เสียหายอะไร เพราะอย่างน้อยตอนนี้ผมก็ได้รู้จักตัวบุคคล ทั้งพระและฆราวาสที่พอจะเป็นที่พึ่งให้กับคนที่ตกทุกข์ได้ยากที่โดนกระทำจากพวกอวิชชา

    ผมขออนุญาตเล่าเรื่องราวตอนเริ่มต้นที่หลวงน้าท่านโดนของ เผื่อเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ให้กับ คนอื่น ๆ ซึ่งอาจจะได้มีโอกาสประสบเรื่องราวแบบนี้ในอนาคตข้างหน้า และถ้าเรื่องราวนี้อาจไปซ้ำกับเรื่องของสมาชิกคนใดที่ได้โพสเรื่องราวแบบนี้เอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็ต้องขออภัยด้วยครับ ผมกำลังไล่ตามอ่าน เมื่อคืนก็อ่านตั้งแต่หน้า ๑ ถึง แค่หน้าที่ ๓๓ ได้รับรู้อะไรตั้งอีกมากมายเลยทีเดียว
     
  8. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    ตอนเริ่มต้นของเรื่อง มันเป็นอย่างนี้ครับ (คงต้องรบกวนอ่านยาวหน่อยนะครับ ถ้าใครยังสนใจอยู่)

    หลวงน้าท่านเริ่มมีอาการเจ็บปวดตามร่างกายหลายแห่ง ตั้งแต่ตอนเริ่มเข้าพรรษาเมื่อปีที่แล้ว เป็นหนักจนถึงกับเดินไม่ได้เลย ต้องให้ญาติโยมนำไปส่ง โรงพยาบาลประจำจังหวัด นอนอยู่เป็นอาทิตย์ หมอก็สรุปว่าเป็นโรคนั้นโรคนี้ ให้ยามากิน ตอนแรกมันก็ดูเหมือนว่าโอเค ดูเหมือนว่ามีอาการดีขึ้น

    แต่พอกลับมาที่สำนัก ก็เป็นอีกแล้ว ต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นรอบที่สอง คราวนี้อยู่นานเป็นสิบวัน แล้วก็เริ่มดีขึ้นอีก พอกลับมาที่สำนักฯได้ ในช่วงเข้าพรรษาก็เป็น ๆ หาย ๆ ท่านก็ทนจนออกพรรษา พอออกพรรษาท่านก็มาทำธุระที่ปทุมธานี อาการมันก็กำเริบกระทันหัน ต้องส่งโรงพยาบาลจังหวัดปทุมธานี วันนั้นผมจึงต้องขับรถจากที่ทำงานไปรับท่านกลับมาพักที่บ้านผม เพราะคิดว่าน่าจะสะดวกดีกว่าอยู่โรงพยาบาล (เพราะเข้ากันมาหลายรอบ สองสามโรงพยาบาลแล้วก็เหมือนเดิม )

    ตอนที่ท่านพักอยู่ที่บ้านผมนั้น ผมเองก็ได้แค่ถวายอาหารกับยาบรรเทาอาการเจ็บปวด (พวกยาแก้ปวด) ท่านก็พักอยู่ประมาณ ๑อาทิตย์ ก็ดูเหมือนทำท่าว่าดีขึ้น ท่านจึงเดินทางไปเข้าปริวาสแถวกำแพงเพชร เข้าปริวาสได้แค่ไม่กี่วัน คราวนี้ก็ต้องโดนหามส่ง โรงพยาบาลกำแพงเพชรอย่างกระทันหัน คราวนี้หนักกว่าทุกครั้ง ท่านเล่าให้ฟังว่าขามันล็อคทั้งสองข้าง แถมเป็นลมหน้ามืออีกต่างหาก จวนเจียนจะถึงแก่ชีวิตอยู่แล้ว ตอนที่อยู่โรงพยาบาลหมอจับตรวจร่างกายทุกอย่าง ตรวจอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่เคยตรวจมา แต่ก็ไม่เจอสาเหตุอะไรสักอย่าง จนหมอได้แต่บ่นว่า ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย...

    เดี๋ยวผมขออนุญาตเริ่มโพสใหม่กลัวมันจะยาวเกินไปครับ
     
  9. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    ต่อครับ

    ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ช่วงที่มีอาการหนักๆอยู่นั้น บังเอิญมีพระเพื่อนของท่าน โทรมาชวนไปเข้าปริวาส ท่านก็เล่าเรื่องอาการเจ็บป่วยให้ฟัง พระเพื่อนรูปนั้นคงมีประสบการมาบ้างเลยเอะใจว่าคงไม่ใช่อาการป่วยธรรมดาเสียแล้ว

    พระเพื่อนนั้นท่านจำวัดอยู่ที่นครนายก ท่านมีญาติเป็นพระหลวงพ่ออยู่ที่ พิษณุโลก เลยรีบโทรไปปรึกษากัน หลวงพ่อที่พิษณุโลกท่านก็บอกมาทางโทรศัพท์ว่า ให้รีบพาตัวหลวงน้ามาหาท่านด่วนเลย พระที่นครนายกก็เหมารถมาจากนครนายก มารับหลวงน้าที่กำแพงเพชรแบบด่วนจี๋เลย พาอุ้มกันขึ้นรถไปหาหลวงพ่อที่พิษณุโลก พอไปถึง ท่านก็บอกว่า โดนของใส่ให้รีบไปแก้ก่อน ท่านก็แก้ให้ไม่ได้ แต่ให้ไปหาอาจารย์ปู่ที่อยู่สุโขทัย ที่นั่นมีอาจารย์ที่เป็นพ่อลูกอยู่สองคนที่จะช่วยได้

    ก็ตีรถขึ้นไปทันที ดีที่ได้พระอีกสองสามรูปมาช่วยกันอุ้มรถไปหาหมอถอนของกัน ( เหตุการณ์นี้เป็นการถอนตะปูตัวแรกครับ ส่วนรูปที่ผมเอามาลงนั้นเป็นเหตุการณ์ไปถอนตะปูตัวที่สองครับ ต้องบอกก่อนเดี๋ยวจะงงกัน)

    พอไปถึงบ้านหมอแต่เป็นหมอลูกชายของอาจารย์ปู่ แต่อยู่บ้านกันคนละหลัง ซึ่งหมอลูกชายก็ได้รับถ่ายทอดวิชามาจากอาจารย์ปู่ นั่นเอง ขั้นตอนการเอาของออกนั้นก็คล้ายๆกัน ตะปูตัวแรกที่ถอนออกมา นั้นมันอยู่ซีกขวาของร่างกายหลวงน้า มันออกมาที่ตะโพก อันนี้หลวงน้าท่านเป็นคนเล่าให้ผมฟัง ผมไม่ได่อยู่ในเหตุการณ์

    ผมยังจำได้ว่า ตอนที่ท่านเล่าให้ฟังว่าตะปูมันออกมาทางสะโพกขวา ตัวผมเองก็ยังเฉย ๆ คือฟังเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ปักใจเชื่อมากนัก เพราะอย่างว่าเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น แต่เราก็ไม่ได้อวดฉลาดอะไรกับหลวงน้า เพราะคิดว่าท่านเป็นพระคงไม่มุสาแต่งเรื่องแบบนี้มาหลอกเราหรอกมั๊ง ...
     
  10. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    ต่อครับ...

    หลังจากที่หมอลูกชายเอาตะปูออกให้แล้ว หนึ่งตัว ตอนนั้นหลวงน้าบอกว่า น่าจะยังมีเหลืออยู่เพราะท่านรู้สึกได้ แต่ก็ไม่สามารถเอาของออกได้อีกภายในวันเดียวกัน เพราะหมอลูกชายบอกว่าทำได้แค่วันละครั้ง (ตอนนั้นยังไม่เจออาจารย์ปู่) ก็พากันกลับมาที่วัดหลวงพ่อที่พิษณุโลก ต้องอาบน้ำมนต์กับหลวงพ่ออีกสามวัน ท่านจึงดูให้ว่า หลวงน้ายังมีของอยู่ในตัวอีก น่าจะเป็นตะปูหรืออะไรที่มันแหลมๆ ให้รีบกลับไปแก้ ถ้าไปแก้ช้า มันจะวิ่งเข้าหัวใจ คราวนี้ ซี้มะก่องด้องแน่นอน

    ไอ้ตะปูตัวที่สองที่ยังเหลืออยู่ในร่างกายหลวงน้า เลยต้องตกมาเป็นหน้าที่ของผม เพราะท่านลงมาหาผมที่กรุงเทพฯ มาขอให้ผมช่วยเหลือเรื่องปัจจัยค่าพานครูหมอถอนของ พอท่านมาถึงที่กรุงเทพฯ ผมก็ไปรับที่รังสิตฟิวเจอร์ปาร์ค มาพักที่บ้านผมเหมือนเดิม พอท่านพักได้แค่วันสองวันมันก็เริ่มแล้วไอ้ตะปูตัวที่สองมันก็ออกฤทธิ์อีก ทำให้ท่านต้องพักที่บ้านผมต่ออีกสองสามวัน จึงจะกลับขึ้นไปที่สุโขทัย

    ตอนแรกผมก็เห็นท่านพอจะเดินได้เลยกะว่า เดี๋ยวให้ท่านไปเองก็แล้วกัน ผมแค่ไปส่งที่หมอชิตก็พอ แต่อาการที่มันกำเริบ เห็นแล้วก็ใจคอไม่ดีเลย ก็คิดว่า สงสัยหลวงน้าคงไปเองจะลำบาก ถ้าเกิดหลวงน้าไปตายระหว่างเดิยทางผมคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ผมเลยตัดสินใจเหมารถแท็กซี่ และชวนพี่ผู้หญิงที่สนิทกันกับตัวผมกับทั้งหลวงน้า มุ่งหน้าไปที่สุโขทัย จนได้รูปที่เอามาลงในกระทู้นี้ ครับ

    ขอแถมนิดนึง เป็นเรื่อง ขำๆ ระหว่างเดินทางไปที่สุโขทัย หลวงน้าท่านรู้สึกเจ็บปวดไปตลอดทาง ไอ้เราก็ใจคอไม่ดี กลัวท่านจะตายกลางทาง ท่านมีอาการเจ็บเป็นช่วงๆ พอท่านร้องครางด้วยความเจ็บปวด พี่โชเฟอร์ก็เร่งเครื่องเร็วจี๋ พอท่านคลายเจ็บไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไรออกมา พี่โชเฟอร์ก็เบาคันเร่ง พอท่านร้องอีก พี่โชเฟอร์ก็เร่งคันเร่งอีก ส่วนตัวผมกับพี่ผู้หญิงที่ไปด้วยกันก็นั่งเอาแต่สวดมนต์ภาวนา ก็ให้ถึงที่บ้านหมอเร็ว ๆ เถิดเพี้ยง เครียดกันจะตายอยู่แล้ว
    พอหลังจากที่ถอนตะปูออก ก็พากันกลับไปหาหลวงพ่อที่พิษณุโลก เราก็คุยกันแบบสบายใจแซวกันเล่นว่า พอหลวงน้าร้องโอยที พี่ก็เร่งเครื่องที เป็นอย่างนี้ตลอดทาง ต่างคนก็ต่างหัวเราะกันทั้งรถ ...ขอจบเพียงเท่านนี้ครับ

    ต้องขอขอบคุณกระทู้นี้ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสมานั่งพิมพ์เรื่องราวอันนี้ เผื่อมันพอจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆสมาชิกได้บ้างไม่มากก็น้อย ในกรณีที่ต้องไปผจญกับเรื่องราวแบบนี้ และถ้าผมไม่ได้มานั่งพิมพ์เรื่องราวนี้ อีกไม่นานผมก็คงลืมไม่สามารถจะมาเล่ารายละเอียดได้เหมือนอย่างนี้อีก
     
  11. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    -การได้ช่วยภิกษุอาพาธย่อมได้อานิสงค์แรง เดี๋ยวนี้ขนาดอยู่ใกล้วัด พระที่ไม่ใช่เกจิดังป่วยนี่ยังไม่อยากเอารถยนต์มาช่วยเลย โยนไปให้คนอื่นแทน อ้างว่ากลัวรถเปื้อนอาเจียนหรือเลือดก็มีเกิดขึ้นมาแล้ว (พระมีมนต์ คนมีทรัพย์ มีคนเข้าหา)
    -ปสก.จริงอีกเรื่อง พัดลมใบพัดหัก1ใบตกลงมาพร้อมดันฝาครอบลงมาด้วย ตรงหน้าของพญายา ขณะทำธุระในร้านค้าแห่งหนึ่ง เสียงดังมากนึกว่าไฟช๊อต แน่นอนมีผ้าจีวรของท่านครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร อยู่ในกระเป๋าเสื้อด้วย นี่บันทึกไว้อีก ปสก.จริง โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,697
    พึ่งดูสี่สาวเห็นผีที่บ้านร้างของรายการตี 10 .......สี่สาวบอกเห็นเป็นผู้ชายนุ่งจูงกระเบนสีแดง
    หากเป็นผมคงเริ่มตั้งแต่สวดมนต์ให้พระเจ้าคุ้มครอง....และลองเจรจาดู ......เมื่อไม่เป็นผลก็ต้องสำรวจว่าพกของขลังอะไรมาบ้างเผื่อได้ใช้......สุดท้ายคงใช้ นะอะไร ของพี่แตงแล้วครับ

    ขอประทานโทษด้วยครับไม่ได้มีเจตนาร้าย หรือลบลู่ใดๆๆ เพราะว่าแต่โบราญเค้าห้ามไว้ไม่ใช่หรือครับว่าเจอหรือพบอะไรเวลากลางคืนห้ามทัก หากเราไปบอก นะอะไร อย่างงี้นะครับ เป็นการแก้เคล็ดหรือเปล่าที่ต้องทำอย่างนี้อันนี้สงสัยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2013
  13. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,071
    ๕๕๕ ก็บอกแล้วว่า ถ้ามี สติดีถึงขนาดเห้นผีตรงหน้าแล้วกล้าถามได้ว่า
    "นะ อะไร น่ะ"....ถ้า สมมุติ"ผีตอบว่า " นะ ธัมโม"..ผีบอกแล้วจะหายวับไปทันที(อาจารย์ว่าอย่างนั้นนะ) ..ก็เอาคาถานี้ไปท่อง
    คนที่ได้คาถานี้ไป จะใช้ได้คนเดว(เรียกว่าคาถาผีบอก)..สามารถล่องหนหายตัวได้..แต่ถ้าถามถ้าผีที่มาแสดงให้เห็นตรงหน้า ไม่ยอมล่ะ..ครูอาจารย์ท่านว่า ผีนั้นต้องอกแตกตายแล...
     
  14. กินลม

    กินลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    646
    ค่าพลัง:
    +776
    คาถาผีบอก นี่คือใช้หายตัวอย่างเดียวใช่ไหมครับ
    อยากรู้ แหะๆ เผื่อผีมันบอกนะอะไรมาก็ไม่รู้ หายไปอีกจะใช้ไงก็ไม่รู้555
     
  15. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    เรื่องเล่าก่อนนอนปสก.จริงในอดีต กำนัน(ป)ถูกยิง เรื่องก็คือมือปืนคนที่กำนัน(ป)ใช้ไปยิงคู่อริ ตัวมือปืนเองดันกลัวอิทธิพลฝ่ายตรงข้ามจึงไปสารภาพและได้ค่าจ้างเพิ่มจากเดิม 2 เท่า กลับมาจัดการกำนัน(ป)ผู้ว่าจ้างคนแรก ในขณะนั้น กำนัน (ป)กำลังเดินลงจากเรือนชาน ตรงบันไดไม้เสียงปืนดังขึ้นนัดเดียวกำนันก็ตกจากขั้นบันไดไม้ที่พิงอยู่ ลงมานอนจมกองเลือดตายคาที่ที่พื้นดิน พระเครื่องนับสิบองค์ สายสร้อยเส้นโตร้อยพระและเครื่องรางเต็มคอแกสองสามพวงเปื้อนเลือดที่ถูกยิงเข้ากลางหน้าอกในระยะประชิด มือปืนดักอยู่ตรงข้ามกับบันไดบ้าน ชาวบ้านว่าคาถาอาคมของขลังต่างๆของกำนัน(ป)เริ่มเสื่อมแล้วเพราะหันมาเล่นหาเมียน้อยหลายคน สมาธิก็เริ่มตกเพราะจิตใจว้าวุ่นกลัวคลื่นลูกหลังไล่ตามมา เนื่องจากเป็นเวลาพลบค่ำ ชาวบ้านหลายหมู่บ้านที่ได้ยินเสียงปืน เพราะไม่มีเสียงทีวีหรือเสียงอื่นๆรบกวนมากนัก พอรู้ว่ากำนันคนดังถูกยิงตายต่างก็อกสั่นขวัญแขวน โจษขานกันไปปากต่อปากต่างๆนานา แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าใครยิง ไม่มีใครรู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง แม้แต่ในปัจจุบันนี้ ยังคิดว่าเป็นพวกโจรที่แกเคยปราบปรามมาก่อน เป็นอุทาหรณ์ข้อคิดนะท่านทั้งหลาย สวัสดี
     
  16. มงคลนาม

    มงคลนาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +648
    กรรมตามทันมากกว่า
     
  17. พรีมพรีม

    พรีมพรีม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +273
    ทำให้ทำกินไม่ขึ้นก็มี

    อันนี้ต้องแก้ยังไงค่ะ ถ้าโดนมาแบบนี้แบบปิดที่ทำมาหากินกันเลยทีเดียว(คาดว่าเป็นของคนมอญ) รบกวนแนวทางด้วยค่ะ
     
  18. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    ปสก.ต่อเนื่องเปลี่ยนถ่ายอำนาจใหม่ คราวนี้ก็เป็นคิวของผู้ใหญ่บ้านทั้งเก่าและใหม่ โดนไข้โป้งไล่เลี่ยกันไป 3 ศพ ลักษณะการจัดการทำนองเดียวกันนี้คือ ในยุคนั้นคนส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยานถีบเดินทางไปมาหาสู่กัน ผู้ใหญ่บ้านมักจะสวมหมวกกิ๊บโบว์(หมวกโบราณ) คล้องสร้อยพระเหรียญเกจิที่ตนนับถือในคอ3-5องค์ ถีบจักรยานไปช่วยงานบุญของลูกบ้าน มือปืนคนพื้นที่ใกล้เคียง2คน(มือปืนและผู้จ้างวานก็เป็นลูกศิษย์ลูกหาพระเกจิอาจารย์ที่ผู้ใหญ่บ้านนับถือเช่นเดียวกัน) คนหนึ่งในนั้นจะคอยอำนวยความสะดวกจัดหารถมอเตอร์ไซค์ พาไปยิง ชี้เป้าและดูต้นทาง จะรออยู่ระหว่างทางซึ่งสองข้างทางมักจะเป็นทุ่งนา จอมปลวก พอผู้ใหญ่เข้ามาใกล้ก็จะทำทีทักทายแล้วก็ยิงเผาขนไม่ต่ำกว่า 3 นัดจนแน่ใจ จะเอาเท้าลูบหน้าปิดตาให้ศพที่ตนยิงตามความเชื่อว่าผีตายโหงจะไม่เฮี้ยน เมื่องานสำเร็จ จึงรีบแยกย้ายหนีไปหาที่กบดานตามต่างจังหวัด รอจนเรื่องเงียบไปเสียก่อน คนที่มาเจอศพผู้ใหญ่เป็นคนแรกก็พวกลูกบ้านที่สัญจรไปมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2013
  19. พรีมพรีม

    พรีมพรีม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +273
    ลองทำตามแล้วยังไม่เห็นผล ต้องทำอย่างไรค่ะ ถ้าสมมุตว่าเรามีธูป ที่เสกมาแล้ว (แม่เอาไปให้ครูบาอาจารย์ทำไว้ให้) เวลาจุดเราต้องท่องมนต์อีกหรือเปล่าค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  20. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    ปสก.จริง เรื่อง เก็บอ้ายหนุ่มเหล็กไหล เรื่องคือว่า อ้ายหนุ่มคนดังที่อำเภอแห่งหนึ่ง เขาได้เหล็กไหลสีดำจากปู่ของเขาที่ไปตัดมาจากในถ้ำตั้งแต่สมัยก่อน เวลามีงานวัดมีเรื่องกัน ใครมายิง มาฟัน อ้ายหนุ่มเหล็กไหลไม่เป็นอะไรเลย ชาวบ้านบอกว่าเขาเลี่ยมกรอบติดตัวไว้เสมอ เมื่อตัวเขามีของดีกับตัวเช่นนี้พออายุเริ่มมากขึ้น เขาก็เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ด้วยการเป็นยามเฝ้าเรือหางยาวที่ริมท่าน้ำเจ้าพระยา เขาทำหน้าที่ได้ดีมาก โจรก็คงหาโอกาสมาขโมยอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่สำเร็จซักที เวลาญาติๆและเพื่อนๆเขามาเยี่ยมเขาก็มักจะมาเล่าให้ญาติๆและเพื่อนๆฟังอยู่เสมอ ในที่สุดคืนวันที่อ้ายหนุ่มเหล็กไหลชะตาขาดก็มาถึง โจรพาพวกมาเป็นสิบ ช่วยกันเอาไม้รุมตีอ้ายหนุ่มเหล็กไหลและจับมัดมือมัดเท้าโยนทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ไม่ทราบว่าพวกโจรได้ค้นเอาเหล็กไหลไปด้วยหรือเปล่าไม่มีใครทราบ กลายเป็นเรื่องที่เล่าขาน ให้หนุ่มๆรุ่นหลังได้เป็นข้อคิดกันต่อไป งานนี้ก็ไม่รู้ว่าเกลือเป็นหนอนรึเปล่า สวัสดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...