สิ่งที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายควรทำไว้ในใจให้มั่นคง

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ธัมมะสามี, 4 พฤษภาคม 2013.

  1. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... เป็นผู้เข้าหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วซักถามว่า

    ... ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กรรมส่วนกุศลเป็นอย่างไร กรรมส่วนอกุศลเป็นอย่างไร

    ... กรรมส่วนที่มีโทษเป็นอย่างไร กรรมส่วนที่ไม่มีโทษเป็นอย่างไร

    ... กรรมที่ควรเสพเป็นอย่างไร กรรมที่ไม่ควรเสพเป็นอย่างไร

    ... กรรมอะไรข้าพเจ้าทำอยู่พึงเป็นไปเพื่อไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน

    ... อนึ่ง กรรมอะไรข้าพเจ้าทำอยู่พึงเป็นไปเพื่อเป็นประโยชน์ เพื่อสุขตลอดกาลนาน

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ

    ... มีพระฉวีสุขุมละเอียด เพราะพระฉวีสุขุมและละเอียด ธุลีละอองมิติดพระกายได้



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีปัญญามาก ไม่มีบรรดากามโภคีชนผู้ใดผู้หนึ่งมีปัญญาเสมอ หรือ มีปัญญาประเสริฐกว่าพระองค์



    ..... ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิตจะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีพระปรีชามาก มีพระปรีชากว้างขวาง มีพระปรีชาร่าเริง มีพระปรีชาว่องไว มีพระปรีชาเฉียบแหลม มีพระปรีชาทำลายกิเลส

    ... ไม่มีบรรดาสรรพสัตว์ผู้ใดผู้หนึ่งมีปัญญาเสมอ หรือมีปัญญาประเสริฐกว่าพระองค์

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2013
  2. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... เป็นผู้ไม่มีความโกรธ ไม่มีความแค้นใจ แม้ถูกคนหมู่มากว่าเอาก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธ ไม่ปองร้าย ไม่จองผลาญ ไม่ทำความโกรธความเคือง และความเสียใจให้ปรากฏ

    ... และเป็นผู้ให้เครื่องลาดมีเนื้อละเอียดอ่อน และให้ผ้าสำหรับนุ่งห่ม คือ ผ้าโขมพัสตร์มีเนื้อละเอียด ผ้าฝ้ายมีเนื้อละเอียด ผ้าไหมมีเนื้อละเอียด ผ้ากัมพลมีเนื้อละเอียด

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้

    ... ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีวรรณะดังทองคำ มีผิวสีเหลืองคล้ายทองคำ



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... จะได้เครื่องลาดมีเนื้อละเอียดอ่อน ทั้งได้ผ้าสำหรับนุ่งห่ม คือ ผ้าโขมพัสตร์มีเนื้อละเอียด ผ้าฝ้ายมีเนื้อละเอียด ผ้าไหมมีเนื้อละเอียด ผ้ากัมพลมีเนื้อละเอียด



    ..... ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... ทรงได้เครื่องลาดมีเนื้อละเอียดอ่อน ทรงได้ผ้าสำหรับนุ่งห่ม คือ ผ้าโขมพัสตร์มีเนื้อละเอียด ผ้าฝ้ายมีเนื้อละเอียด ผ้าไหมมีเนื้อละเอียด ผ้ากัมพลมีเนื้อละเอียด

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  3. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... เป็นผู้นำพวกญาติมิตรสหายผู้มีใจดีที่สูญหายพลัดพรากไปนานให้กลับมาพบกัน

    ... นำมารดากับบุตรให้พบกัน นำบุตรกับมารดาให้พบกัน

    ... นำบิดากับบุตรให้พบกัน นำบุตรกับบิดาให้พบกัน

    ... นำบิดากับพี่น้องให้พบกัน นำพี่ชายกับน้องสาวให้พบกัน นำน้องสาวกับพี่ชายให้พบกัน

    ... ครั้นทำเขาให้พร้อมเพรียงกันแล้ว ก็ชื่นชม

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์แล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้

    ... ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีพระโอรสมาก พระราชบุตรของพระองค์มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้



    ..... ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีพระโอรสมาก พระโอรสของพระองค์มีจำนวนหลายพัน ล้วนเป็นผู้แกล้วกล้า มีความเพียรเป็นองค์สมบัติ กำจัดปรเสนา(คืออาสวะกิเลส)เสียได้

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  4. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... เมื่อตรวจดูมหาชนที่ควรสงเคราะห์ ย่อมรู้จักชนที่เสมอกัน รู้จักเองรู้จักบุรุษ รู้จักบุรุษพิเศษ

    ... หยั่งทราบว่าบุคคลนี้ควรแก่สักการะนี้ บุคคลนี้ควรแก่สักการะนี้ ดังนี้

    ... แล้วทำกิจเป็นประโยชน์อันพิเศษในบุคคลนั้นๆ ในกาลก่อนๆ

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้วมาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการนี้ คือ

    ... ๑. มีพระกายเป็นปริมณฑล

    ... ๒. เมื่อทรงยืนอยู่ไม่ต้องทรงน้อมพระกายลง ย่อมลูบคลำพระชาณุทั้ง ๒ ด้วยฝ่ายพระหัตถ์ทั้ง ๒ ได้



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะทั้ง ๒ นั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... เป็นผู้มั่งคั่งมีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีเครื่องอุปกรณ์น่าปลื้มใจมาก มีทรัพย์และข้าวเปลือกมาก มีคลังเต็มบริบูรณ์



    ..... ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก ทรัพย์ของพระองค์นั้นคือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ สุตะ จาคะ ปัญญา เป็นทรัพย์อย่างหนึ่งๆ

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  5. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... เป็นผู้หวังประโยชน์ หวังความเกื้อกูล หวังความผาสุก หวังความเกษมจากโยคะ แก่ชนเป็นอันมาก ด้วยมนสิการว่า

    ... ทำไฉน ชนเหล่านี้พึงเจริญด้วยศรัทธา เจริญด้วยศีล เจริญด้วยสุตะ เจริญด้วยพุทธิ เจริญด้วยจาคะ เจริญด้วยธรรม เจริญด้วยปัญญา

    ... เจริญด้วยทรัพย์และข้าวเปลือก เจริญด้วยนาและสวน เจริญด้วยสัตว์สองเท้าและสัตว์สี่เท้า เจริญด้วยบุตรและภรรยา เจริญด้วยทาสและกรรมกร เจริญด้วยญาติ เจริญด้วยมิตร เจริญด้วยพวกพ้อง ดังนี้

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๓ ประการนี้ คือ

    ... ๑. มีส่วนพระกายข้างหน้าดังว่ากึ่งกายข้างหน้าแห่งราชสีห์

    ... ๒. มีระหว่างพระปฤษฎางค์เต็มดี

    ... ๓. มีลำพระศอกลมเสมอกัน



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๓ ประการนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีความไม่เสื่อมเป็นธรรมดา คือ ไม่เสื่อมจากทรัพย์และข้าวเปลือก ไม่เสื่อมจากนาและสวน ไม่เสื่อมจากสัตว์สองเท้าและสัตว์สี่เท้า ไม่เสื่อมจากบุตรและภรรยา ไม่เสื่อมจากทาสและกรรมกร ไม่เสื่อมจากญาติ ไม่เสื่อมจากมิตร ไม่เสื่อมจากพวกพ้อง ไม่เสื่อมจากสรรพสมบัติ



    ..... ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไรเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีความไม่เสื่อมเป็นธรรมดา คือ ไม่เสื่อมจากศรัทธา ไม่เสื่อมจากศีล ไม่เสื่อมจากสุตะ ไม่เสื่อมจากจาคะ ไม่เสื่อมจากปัญญา

    ... ไม่เสื่อมจากสมบัติคือ พระพุทธญาณทั้งปวง

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  6. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... เป็นผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายด้วยฝ่ามือ ก้อนดิน ท่อนไม้ หรือศัสตรา

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้วมาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ

    ... มีเส้นประสาทสำหรับนำรสอาหารอันเลิศ กล่าวคือ พระมหาบุรุษนั้นมีเส้นประสาท มีปลายในเบื้องบนประชุมอยู่ที่ลำพระศอ สำหรับนำรสอาหารแผ่ซ่านไปสม่ำเสมอทั่วพระกาย



    ..... พระองค์สมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีพระโรคาพาธน้อย มีความลำบากน้อย สมบูรณ์ด้วยพระเตโชธาตุอันยังอาหารให้ย่อยดี ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก



    ..... ถ้าออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีพระโรคาพาธน้อย มีความลำบากน้อย สมบูรณ์ด้วยพระเตโชธาตุอันยังอาหารให้ย่อยดี ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก อันควรแก่พระปธานเป็นปานกลาง

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  7. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... ไม่ถลึงตาดู ไม่ค้อนตาดู ไม่ชำเลืองตาดูคนอื่น ด้วยอำนาจความโกรธ

    ... เป็นผู้ตรง มีใจตรงเป็นปรกติแลดูตรงๆ และแลดูคนอื่นด้วยความเอ็นดูเมตตา

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ

    ... ๑. มีพระเนตรสีดำสนิทเหมือนนิลที่นายช่างเจียระไนดีแล้ว

    ... ๒. มีดวงพระเนตรดังว่าตาแห่งโค



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... เป็นผู้อันชนเป็นอันมากเห็นแล้วรัก เป็นที่รักใคร่พอใจแห่งพราหมณ์และคฤหบดี แห่งชาวนิคม และชาวชนบท แห่งโหราจารย์และมหาอำมาตย์ แห่งกองทหาร แห่งนายประตู แห่งอำมาตย์ แห่งบริษัท แห่งพวกเจ้า แห่งเศรษฐี แห่งพระราชกุมาร



    ..... ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไรเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... เป็นผู้ที่ชนเป็นอันมากเห็นแล้วรัก เป็นที่รักใคร่พอใจแห่งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาคและคนธรรพ์

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  8. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... เป็นหัวหน้าพาคนทั้งหลายประพฤติปฏิบัติในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล

    ... เป็นประธานพาคนทั้งหลายประพฤติปฏิบัติด้วยกายสุจริต ด้วยวจีสุจริต ด้วยมโนสุจริต (กุศลกรรมบถ ๑๐)

    ... ในการบำเพ็ญทาน ในการสมาทานศีล ในการรักษาอุโบสถ

    ... ในความปฏิบัติดีในมารดา ในความปฏิบัติดีในบิดา ในความปฏิบัติดีในสมณะ ในความปฏิบัติดีในพราหมณ์

    ... ในความเคารพต่อผู้ใหญ่ในตระกูล และในกุศลธรรมอันยิ่งอื่นๆ

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ

    ... มีพระเศียรได้ปริมณฑลดุจดังว่าประดับด้วยอุณหิส



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... เป็นที่คล้อยตามของมหาชน ที่เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร




    ..... ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... เป็นที่คล้อยตาม(คือคนทั้งหลายย่อมยึดถือพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่าง)แห่งมหาชน ที่เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณีเป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  9. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ

    ... พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ

    ... ๑. มีโลมชาติขุมละเส้นๆ

    ... ๒. มีอุณาโลมในระหว่างคิ้วมีสีขาวอ่อนเหมือนปุยฝ้าย



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... เป็นที่ประพฤติตามของมหาชนที่เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร



    ..... ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... เป็นที่ประพฤติตามของมหาชนที่เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสกเป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  10. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อนกำเนิดก่อน

    ... ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด

    ... ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน

    ... หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน

    ... สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง

    ... ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกันเพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน

    ... กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ

    ... ๑. มีพระทนต์๔๐ ซี่

    ... ๒. มีพระทนต์ไม่ห่าง



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้นถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีบริษัทไม่แตกกัน บริษัทของพระองค์ที่ไม่แตกกัน เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร



    ..... ถ้าออกจากเรือนผนวช เป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีบริษัทไม่แตก บริษัทของพระองค์ที่ไม่แตกกัน เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็น
    คนธรรพ์

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  11. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน

    ... ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ

    ... กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รัก จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการเหล่านี้ คือ

    ... ๑. มีพระชิวหาใหญ่

    ... ๒. มีพระสุรเสียงดังว่าเสียงพรหม เมื่อตรัสมีกระแสเหมือนเสียงนกการะเวก



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๒ ประการนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีพระวาจาอันพหุชนพึงเชื่อถือ พหุชนที่เชื่อถือคำของพระองค์ เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร



    ..... ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีพระวาจาอันพหุชนคนทั้งหลายเชื่อถือ พหุชนคนทั้งหลายที่เชื่อถือพระวาจาของพระองค์ เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  12. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน

    ... ละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ

    ... พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง

    ... พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่กำหนด ประกอบประโยชน์โดยกาลอันควร

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ

    ... มีพระหนุดังว่าคางราชสีห์



    ..... พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... ไม่มีใครๆ ที่เป็นมนุษย์เป็นข้าศึกศัตรูกำจัดได้



    ..... ถ้าออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... ไม่มีข้าศึกศัตรูภายในภายนอก คือ ราคะ โทสะ โมหะ หรือสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม ใครๆ ในโลกกำจัดได้

    ... พระผู้มีพระภาคตรัสคำนี้ไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  13. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน

    ... ละมิจฉาอาชีวะแล้ว สำเร็จความเป็นอยู่ด้วยสัมมาอาชีวะ

    ... เว้นขาดจากการโกงด้วยตาชั่ง การโกงด้วยของปลอมและการโกงด้วยเครื่องตวงวัด

    ... และการโกงด้วยการรับสินบน การหลอกลวงและตลบตะแลง

    ... เว้นขาดจากการตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้นและกรรโชก

    ... ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์



    ..... ครั้นจุติจากสวรรค์นั้นแล้วมาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๒ เหล่านี้ คือ

    ... ๑. มีพระทนต์เสมอกัน

    ... ๒. และมีพระทาฐะสีขาวงาม



    ..... พระมหาบุรุษนั้นสมบูรณ์ด้วยลักษณะทั้ง ๒ นั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

    ... เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีบริวารสะอาด บริวารของพระองค์ที่สะอาดนั้นเป็นพราหมณ์และคฤหบดี เป็นชาวนิคม และชาวชนบท เป็นโหราจารย์และมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร



    ..... ก็ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก

    ... เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้ คือ

    ... มีบริวารสะอาด บริวารของพระองค์ที่สะอาดนั้น เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์

    ...พระมีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุทั้งหลายนั้นชื่นชมยินดี พระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล ฯ



    จบ ลักขณสูตร ที่ ๗
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  14. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    พระสมณะโคดม.jpg

    ..... ลองอ่านดูครับประวัติความเป็นมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีที่สมเด็จพระพุทธสมณะโคดมปัญญาธิกะสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมครูของเราทั้งหลาย เริ่มตั้งใจปรารถนาพระโพธิญาณ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    สมเด็จองค์พระปัจจุบันเริ่มปรารถนาพระโพธิญาณ


    ..... นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อาตมาจะนำความเป็นมาขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มาแสดงแก่บรรดาพุทธบริษัท เพื่อเป็นประวัติในการประพฤติดีประพฤติชอบตามที่พระองค์ทรงปฏิบัติมา

    ... ในวันนี้ ก็ขอเริ่มเรื่องเบื้องต้นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงปรารถนาพระโพธิญาณ

    ... แต่ความจริงเรื่องนี้ จะหาตำราที่ไหนมาอ่านก็หาไม่ได้ เป็นอันว่าก็จะขอนำมาจากความรู้ จากองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง ที่พระองค์ทรงมีพระพุทธประสงค์ให้รู้ความต้นเหตุ ที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์จะทรงปรารถนาพระโพธิญาณ




    ..... เนื้อความมีอยู่ว่า นับถอยหลังจากกัปนี้ไป ปรากฎว่าได้ 4 อสงไขยกับแสนกัปเศษ

    ... ในสมัยนั้น องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเกิดเป็นลูกชาวบ้านชาวป่าธรรมดา มีความเป็นอยู่ด้วยความแร้นแค้น

    ... ท่านเลี้ยงบิดามารดา มีความกตัญญูรู้คุณทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจว่าอะไรมันจะเป็นบุญ อะไรมันจะเป็นบาป แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ประเสริฐ คือทรงความดี ชีวิตินทรีย์ของตนที่ทรงอยู่ได้นี้ก็เพราะอาศัยบิดามารดาเป็นปัจจัย

    ... ฉะนั้น เมื่อพระองค์ทรงมีกำลังกายใหญ่พอเป็นหนุ่มที่จะเลี้ยงบิดามารดาได้ ภาระอันใดที่บิดามารดาหยุด ตัวเองเป็นผู้ทำแทนทุกอย่างคือ กิจภายนอกบ้านและกิจภายใน

    ... ตอนนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า บิดามารดาของพระองค์นั้นเป็นชาวป่าหาฟืนขาย ความเป็นอยู่ก็ไม่ได้มีความสุขสบายคือ เรียกว่าขายได้ขายวันหนึ่งก็กินไปวันหนึ่งเท่านั้น ไม่มีส่วนแห่งการเหลืออะไรเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นความดีที่บิดามารดาขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ รู้สึกว่าเป็นคนดี มีศีลมีธรรม

    ... ท่านกล่าวว่า การเกิดในครั้งนั้นมีความลำบากยากแค้นมาก ต้องหาเช้ากินค่ำ ผลกำไรที่จะเหลือไว้ในวันอื่น ๆ ต่อ ๆ ไปก็มีน้อย และท่านก็เป็นลูกชายคนเดียวของบิดามารดา แต่ก็พยายามปฏิบัติมาด้วยความกตัญญูรู้คุณ ไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย

    ... เมื่อทำภารกิจภายนอกคือตัดฟืนมาได้แล้ว กลับมาบ้านก็หุงข้าวหาอาหารเลี้ยงบิดามารดา เป็นต้น นับว่าเป็นคนดีที่มีจิตประกอบไปด้วยกุศล กล่าวคือความฉลาดในการปฏิบัติความดี

    ... ต่อมาภายในไม่ช้า ในชีวิตของท่านนี้กล่าวว่าอายุประมาณ 23 ปี ปรากฎว่าองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า อุทุมพร ซึ่งอุบัติแล้วในโลกในขณะนั้น ท่านประกาศพระศาสนาในแคว้นอื่น สำหรับเมืองที่องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเกิดในแคว้นนั้น เรียกว่า แคว้นกุรุรัฐ ซึ่งองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์กล่าวว่า เป็นแคว้นในอินเดียแห่งหนึ่งที่เรียกกันว่า เมืองอาฬวี

    ... ความจริงพระพุทธเจ้า ถ้าจะอุบัติก็ต้องอุบัติในแคว้นชมพูทวีปเหมือนกัน ไม่ไปที่อื่น เพราะว่าในสถานที่นั้นเป็นที่ของบุคคผู้มุ่งผลคือบุญใหญ่ ได้แก่พระนิพพาน

    ... โดยเฉพาะเมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัส คนในเขตชมพูทวีปก็มักจะปฏิบัติทางจิตใจกันมาก เป็นการเหมาะที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงสอนในด้านจิตใจ




    ..... วันหนึ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมไปด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์ประมาณแปดหมื่นรูป ได้เสด็จมาในแคว้นอาฬวี หรือแคว้นกุรุในสมัยนั้น ได้มีบรรดาชาวบ้านที่มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พากันไปบำเพ็ญกุศล

    ... สำหรับกระทาชายนี้ คือองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนจนก็จริงแหล่ แต่ทว่าเมื่อเห็นชาวบ้านเขาไปใส่บาตรพระ และเวลากลางวันที่ท่านจะไปตัดฟืน เห็นชาวบ้านเขาเดินเป็นแถว ๆ ถือดอกไม้ ธูปเทียนเครื่องสักกาวรามิส มีอาหารและเครื่องเภสัชเป็นต้น เพื่อจะนำไปเฝ้าองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดา ซึ่งมีนามว่า อุทุมพร สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านมีความสงสัย จึงได้ถามชาวบ้านเหล่านี้ว่า

    ... " ท่านไปไหนกัน "

    ... เขาก็บอกว่า

    ... " ข้าพเจ้าจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า อุทุมพร พร้อมไปด้วยพระอรหันต์แปดหมื่นรูป ไปเฝ้าแล้ว ถวายภัตตาหารแล้วพวกเราก็ฟังเทศน์กัน "

    ... ส่วนมากคนที่เดินมานั้นเป็นพระอริยเจ้าเป็นส่วนมาก ท่านก็ถามว่า

    ... " องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าน่ะ มีรูปร่างลักษณะเป็นยังไง "

    ... ชาวบ้านก็พรรณนาให้ฟังว่า

    ... " องค์สมเด็จพระผู้มีพระจอมไตรบรมศาสดามีความสวยสดงดงามมากมีลักษณะ ๓๒ ครบถ้วน มีลักษณะพิเศษอีก ๘๐ และนอกจากนั้น องค์สมเด็จพระชินสีห์ยังมีฉัพพรรณรังสี รัศมีหกประการ เวลาแสดงพระธรรมเทศนานั้น องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการ สว่างไสวมาก และกระแสสัทธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ไพเราะเสนาะโสตเป็นที่น่าฟัง ฟังแล้วไม่อิ่มไม่เบื่อ "

    ... ท่านจึงได้ถามคนทั้งหลายว่า

    ... " ข้าพเจ้าเป็นคนจน กลางวันจะต้องตัดฟืน และกลางคืนจึงจะมีเวลาว่าง อยากจะทราบว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทศน์เฉพาะกลางวัน หรือเทศน์กลางคืนด้วย "

    ... บรรดาชาวบ้านก็บอกว่า

    ... " พระพุทธเจ้าเทศน์ทั้งกลางวัน และก็เทศน์ทั้งกลางคืน ถ้ามีคนไปฟัง "

    ... ท่านจึงตัดสินใจว่า

    ... " ถ้ากระนั้นเราจะขอไปฟังในเวลากลางคืน กลางวันเป็นหน้าที่ในการเลี้ยงดูบิดามารดา ปฏิบัติบิดามารดาให้เป็นสุข กลางคืนจะเปลื้องทุกข์ด้วยการฟังเทศน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "

    ... แล้วท่านก็ยกมืออนุโมทนาความดีของบรรดาประชาชนทั้งหลาย เขาทั้งหลายเหล่านั้นก็หลีกไปสู่มหาวิหาร

    ... สำหรับองค์สมเด็จพระพิชิตมาร ซึ่งเป็นกระทาชาย คือบุคคลผู้ยากจนเข็ญใจก็เข้าป่า ใจก็คิดไปว่า

    ... " องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีรูปร่างเป็นอย่างไรหนอ "

    ... " รัศมี 6 ประการขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นประการใด "

    ... " กระแสพระสัทธรรมเทศนา ขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา เขาลือว่าเพราะ เพราะแบบไหน และคำเทศน์ เทศน์ยังไง ไม่เคยฟัง อยากจะฟัง "

    ... ไอ้มือก็ฟันฟืนไป ใจก็นึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นอันว่าจิตใจของท่านเวลานั้นมีความผูกพันกับพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ได้รับฟังคำว่าพระพุทธเจ้าเข้ามาแล้ว จิตใจก็นึกถึงอย่างนี้

    ... ท่านเรียกว่า " พุทธานุสสติกรรมฐาน " นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์




    .....เวลากลับมาบ้าน คือเวลาเย็นหาอาหารเลี้ยงบิดามารดาเรียบร้อยแล้ว บริโภคอาหารเสร็จ เวลาค่ำก็แจ้งแก่บิดามารดาทั้งสองว่า

    ... " เขาลือกันว่าพระพุทธเจ้ามาโปรดที่นี่ วันนี้จะขอลาบิดามารดาทั้งสองไปฟังเทศน์ในเวลาราตรี "

    ... บิดามารดาก็ค้านว่า

    ... " กลางวันเหนื่อยมากถ้าไปฟังเทศน์องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากลางวันจะดีกว่า "

    ... ท่านก็บอกว่า

    ... " เวลากลางวันมันมีงาน ถ้าหากว่าขาดวันหนึ่ง อาหารอาจจะขาด จะบกพร่องได้ ถึงแม้ว่าจะไม่หมดก็ไม่เป็นไร แต่ว่าจะบกพร่องการบริโภคนั้นจะไม่เป็นสุข ฉะนั้น ขอบิดามารดาจงอย่าห่วงใย ข้าพเจ้าจะไปพอกำลังกายทนได้ ถ้าเพลียเมื่อไหร่ก็จะกลับ "

    ... เป็นอันว่า ท่านบิดามารดาทั้งสองก็กล่าวว่า

    ... " ปิยะ ปุตโต ดูก่อน บุตรที่รัก ขึ้นชื่อว่าพระพุทธเจ้าย่อมหาได้ยากในโลก พ่อเองแม่เองก็ไม่เคยฟังคำว่าพระพุทธเจ้า เพราะเราเป็นคนอยู่ป่า บังเอิญถ้าได้ฟังคำว่า พระพุทธเจ้าทรงอุบัติมาแล้ว ก็มีพระอรหันต์เข้าใจว่าทั้งหมด คือพระพุทธเจ้าก็ดีพระอรหันต์ก็ดี ต้องเป็นพระดี ต้องเป็นคนดี ไม่อย่างนั้นปวงประชาชีจะไม่พากันไปฟังเทศน์ เอาของไปถวายแด่พระพุทธเจ้า ถ้าอย่างนั้น ถ้าลูกจะไป พ่อกับแม่ทั้งสองก็จะไปด้วย ไปเคารพพระพุทธเจ้า ไปรับฟังความดี "

    ... องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็พร้อมปฏิบัติตนให้แก่บิดามารดา อาบน้ำให้ท่าน หาผ้าที่พอสมควรมาให้ท่านที่จะพึงมี พอเสร็จแล้วทั้งสามศรีพ่อแม่ลูกก็ไปสู่พระมหาวิหาร




    .....เวลานั้น ปรากฎว่าองค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ในที่พักผ่อน ยังไม่ถึงเวลาที่จะแสดงพระธรรมเทศนา แต่ทว่าเป็นที่น่าอัศจรรย์พุทธอุปัฏฐากขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์ได้ถูกเรียกเข้าไปเฝ้าตรัสว่า

    ... " เธอจงจัดแจงสถานที่แสดงพระสัทธรรมเทศนา วันนี้ตถาคตจะลงก่อนเวลา "

    ... พระอุปัฏฐากจึงกล่าวว่า

    ... " เวลานี้ยังไม่ค่ำสนิท ขอองค์สมเด็จพระธรรมสามิสรโปรดพักผ่อนเถิดพระเจ้าข้า "

    ... สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสว่า

    ... " วันนี้พักไม่ได้ ต้องลงก่อนเวลา เพราะว่าคนดีจะมาวิหารของเรา เวลานี้เขากำลังเดินมา ยังไม่ทันจะถึงแต่ก็จวนจะถึงแล้ว "

    ... ฉะนั้น องค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดา จึงได้ประทับอยู่ก่อน




    .....ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระชินวร คือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันและบิดามารดาเข้าไปถึงมหาวิหาร พระสงฆ์ที่เป็นพุทธอุปัฏฐากจึงได้พาองค์สมเด็จพระพิชิตมารกับบิดามารดาทั้งสองท่านไปเฝ้า

    ... สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทับอยู่บนอาสนะอันสมควร ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการ เฉพาะพระพักตร์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและบิดามารดาทั้งสอง ทั้งสามท่านเห็นเข้าตะลึงงัน ไม่ทราบเลยว่าองค์สมเด็จพระภควันต์จะสวยงามแบบนี้

    ... " โภ ปุริสะ ดูก่อน บุรุษผู้เจริญผู้มีความกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดา เมื่อบิดามารดาเลี้ยงท่านท่านก็เลี้ยงตอบ คนประเภทนี้ตถาคตขอสรรเสริญว่าเป็นคนดี "

    ... เมื่อฟังคำขององค์สมเด็จพระมหามุนี บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างนั้นก็ทรงมีธรรมปีติ มีความอิ่มอกอิ่มใจ ใจสบายเป็นสุขเป็นกรณีพิเศษ

    ... ยิ่งเห็นองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์มีความสวยงาม เปล่งฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการ ก็ชื่นใจ

    ... พระสุรเสียงที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสออกมาก็ไพเราะ

    ... ต่อจากนั้นไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรด เป็นอันว่าเทศน์ก่อนเวลา เทศน์คนฟังแค่ 3 คน

    ... เมื่อเทศน์จบก็ปรากฎว่าบิดามารดาทั้งสองท่านได้พระโสดาปัตติผล

    ... สำหรับองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาอาศัยมีธรรมปีติมากเกินไป จึงไม่ได้อริยมรรค อริยผล ได้แต่การเข้าถึงพระไตรสรณคมน์




    .....การเทศน์คราวนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเทศน์ถึงบุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ เทศน์ว่า

    ... ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน

    ... สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล

    ... ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา




    ..... และกล่าวอานิสงส์ของสังฆทานว่า

    ... บุคคลใดได้ถวายสังฆทานแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต ตายไปแล้วกี่ชาติ ๆ กว่าจะเข้าพระนิพพาน คนนั้นก็พ้นจากความยากจนเข็ญใจจะมีขึ้นมาบ้าง ก็อาศัยกรรมที่เป็นอกุศลอาศัยมากลั่นแกล้งไม่ช้าก็สลายตัวไป "

    ... องค์สมเด็จพระจอมไตรก็ทรงผูกพันเรื่องสังฆทาน เพราะมันไม่จน

    ... เมื่อฟังเทศน์จบ ก็ลาองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับบ้าน

    ... บิดามารดาก็ดีใจว่าได้เป็นพระอริยะเจ้า

    ... องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ดีใจว่า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าคือพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า อุทุมพร ชมว่าเป็นคนดีมีความกตัญญูรู้คุณ

    ... ต่างคนต่างดีใจ และก็มาผูกพันว่า เมื่อไรหนอเราจึงจะมีโอกาสได้ถวายสังฆทาน

    ... นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกคืนก็ไปฟังเทศน์พระพุทธเจ้า กลางวันก็ทำงานเป็นพิเศษ จนกระทั่งตั้งใจที่จะถวายทานแด่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์สัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระสงฆ์แปดหมื่นรูปเป็นเหตุ

    ... แต่ว่าต้นทุนมันน้อย แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า การถวายสังฆทาน ของเล็กน้อยก็ทำได้ จึงได้รวบรวมกำลังทรัพย์สินที่พึงหาได้ในกรณีพิเศษมาเพื่อถวายสังฆทาน ก็ได้ข้าวไปหนึ่งหม้อน้อย ๆ แกงหนึ่งหม้อ ขนมอีกหนึ่งหม้อ น้ำอีกหน่อยหนึ่ง ไปประกาศถวายสังฆทานแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข



    ..... เวลานั้น ทิพย์อาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมาของท้าวโกสีย์สักกเทวราชก็เกิดแข็งกระด้างคิดว่า

    ... " คนนี้ต่อไปจะได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า เราจะต้องไปช่วย "

    ... ฉะนั้น ในการถวายทานคราวนั้น ความจริงอาหารอื่นของพระก็มีอยู่ แต่ว่าองค์สมเด็จพระบรมครูทรงพระนามว่าอุทุมพร ตรัสกับพระว่า

    ... " จงอย่าฉันอาหารที่บิณฑบาตรมาในตอนเช้าแล้วให้เหลืออยู่ "

    ... องค์สมเด็จพระบรมครูให้ฉันอาหารหม้อเดียวของกระทาชายนายนั้น ด้วยอำนาจของพระอินทร์บันดาล พระภิกษุแปดหมื่นรูป กับพระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งฉันอาหารไม่หมด




    ..... เมื่อพระพุทธเจ้าฉันภัตตาหารเสร็จ พระสงฆ์ฉันเสร็จ ก่อนที่จะโมทนา

    ... กระทาชายนายนั้น จึงเข้าไปหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขอปรารถนาพระโพธิญาณ คืออยากจะเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าอุทุมพรจึงได้ทรงพยากรณ์ว่า

    ... " นับตั้งแต่กัปหน้าต่อไป กัปนี้ไม่นับ อีก ๔ อสงไขยกับแสนกัป เธอจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระสมณโคดมบรมครู "

    ... และหลังจากนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแสดงพระธรรมเทศนา

    ... เมื่อเทศน์จบก็ปรากฎว่า บิดามารดาทั้งสองบรรลุอรหัตผล ลูกชายเป็นพระโพธิสัตว์ ได้เข้าถึงไตรสรณาคมณ์

    ... เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว บิดามารดาทั้งสองก็ขอบวชในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุมัติ ตรัสว่า

    ... " เอหิ ภิกขุ เจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด "

    ... สองท่านก็เป็นพระในทันที แล้วสมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็กลับบ้าน




    ..... นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ภาระมันก็น้อย ก็เลยไปหาพระพุทธเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน แบ่งเวลาตอนเช้าไปตัดฟืน ตอนเที่ยงก็เลิก ตอนบ่ายไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ตอนเย็นก็กลับ ตอนกลางคืนไปเฝ้าพระพุทธเจ้าฟังเทศน์แล้วก็กลับ มีจิตปรารถนาอย่างเดียวคือ พระโพธิญาณ



    ..... นี่แหละ บรรดาท่านพระพุทธบริษัททุกท่าน เรื่องนี้เห็นจะหาตำราอ่านได้ยาก เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

    ... ก่อนที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์โสภาคย์จะปรารถนาพระโพธิญาณนั้น ก็เริ่มต้นมาจากการถวายสังฆทานเป็นเหตุ

    ... ฉะนั้น จึงเป็นปัจจัยให้องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ




    .....และองค์สมเด็จพระพิชิตมารจึงได้ตรัสว่า

    ... " คนที่ถวายสังฆทานแล้ว ถ้าจะปรารถนาพุทธภูมิ ก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้า

    ... ปรารถนาเป็นพระสาวก ก็ได้เป็นพระพุทธสาวก

    ... ปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ย่อมได้

    ... ถ้าปรารถนาจะเป็นอรหันต์ในศาสนาขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา องค์ใดองค์หนึ่งก็ย่อมได้เช่นเดียวกัน

    ... และยิ่งไปกว่านั้น สังฆทานยังเป็นปัจจัยให้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชและมหาเศรษฐี





    ..... เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า เป็นอันว่าประวัติความเป็นมาขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วที่หาได้ยาก ในการเริ่มต้นในปรารถนาพระโพธิญาณ

    ... เล่ามาก็พอสมควรแก่เวลา ในที่สุดนี้

    ... อาตมภาพในฐานะพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะทั้ง 3 ประการ ขอจงบันดาลให้ท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า

    ... ถ้าจะปรารถนาเป็นพระโพธิญาณ ก็ขอให้ได้บรรลุพระโพธิญาณสมความปรารถนา

    ... ถ้าจะปรารถนาเป็นอัครสาวก พระมหาสาวก พระสาวกปกติธรรมดาก็สำเร็จผล




    .....และขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน จงประสบแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒน์มงคล สมบูรณ์พูนผล และจงเจริญไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้ง 4 ประการ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ

    ... หากทุกท่านมีความประสงค์สิ่งใด ก็ขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนาจงทุกประการ ฯ.



    (จากหนังสือธรรมสัญจร เล่ม 4)
    [/SIZE]



    ต้นฉบับคลิ๊กที่ลิ๊งค์เลยครับ
    [/COLOR][/SIZE]


    http://palungjit.org/threads/ความเป็นมาของพระพุทธเจ้าโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน-วัดท่าซุง.488127/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  15. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ๑. สุมนสูตร


    ..... ครั้งนั้นแล สุมนาราชกุมารี พระราชธิดาพระเจ้าปเสนทิโกศล แวดล้อมด้วยรถ ๕๐๐ คัน และราชกุมารี ๕๐๐ คน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ

    ... ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า

    ... " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส

    ... สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ๒ คน มีศรัทธา มีศีล มีปัญญาเท่าๆกัน

    ... คนหนึ่งเป็นผู้ให้ทาน

    ... อีกคนหนึ่งเป็นผู้ไม่ให้ทาน

    ... คนทั้งสองนั้น เมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

    ... แต่คนทั้งสองนั้น ทั้งที่เป็นเทวดาเหมือนกัน จะพึงมีความพิเศษแตกต่างกันหรือไม่ พระเจ้าข้า "



    ..... พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ... " ดูกรสุมนา คนทั้งสองนั้นพึงมีความพิเศษแตกต่างกัน คือ

    ... ผู้ให้ทานเป็นเทวดา ย่อมข่มเทวดาผู้ไม่ให้ทานด้วยเหตุ ๕ ประการคือ อายุ วรรณะ สุข ยศ และอธิปไตยที่เป็นทิพย์

    ... ดูกรสุมนา ผู้ที่ให้ทานเป็นเทวดา ย่อมข่มเทวดาผู้ไม่ให้ทานด้วยเหตุ ๕ ประการนี้ "



    ..... สุมนาราชกุมารี ทูลถามว่า

    ... " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ถ้าเทวดาทั้งสองนั้นจุติจากเทวโลกนั้นแล้ว มาสู่ความเป็นมนุษย์

    ... แต่คนทั้งสองนั้น ทั้งที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน พึงมีความพิเศษแตกต่างกันหรือไม่ พระเจ้าข้า "



    .....พระผู้มีพระภาคเจ้า

    ... " ดูกรสุมนา คนทั้งสองนั้นมีความพิเศษแตกต่างกัน คือ

    ... ผู้ให้ทานเป็นมนุษย์ ย่อมข่มคนไม่ให้ทานได้ด้วยเหตุ ๕ ประการ คือ ด้วยอายุ วรรณะ สุข ยศ และอธิปไตย(ความเป็นใหญ่)ที่เป็นของมนุษย์

    ... ดูกรสุมนา ผู้ให้ทานเป็นมนุษย์ย่อมข่มคนผู้ไม่ให้ทานด้วยเหตุ ๕ ประการนี้ "



    ..... สุมนาราชกุมารี ทูลถามว่า

    ... " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ถ้าคนทั้งสองนั้นออกบวช

    ... แต่คนทั้งสองนั้น ทั้งที่เป็นบรรพชิตเหมือนกัน พึงมีความพิเศษแตกต่างกันหรือไม่ พระเจ้าข้า "


    .....พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า

    ... " ดูกรสุมนา คนทั้งสองนั้นมีความพิเศษแตกต่างกัน คือ

    ... คนที่ให้ทานเป็นบรรพชิต ย่อมข่มคนที่ไม่ให้ทานด้วยเหตุ ๕ ประการ คือ

    ... เมื่อออกปากขอย่อมได้จีวรมาก เมื่อไม่ออกปากขอย่อมได้น้อย

    ... เมื่อออกปากขอย่อมได้บิณฑบาตมาก เมื่อไม่ออกปากขอย่อมได้น้อย

    ... เมื่อออกปากขอย่อมได้เสนาสนะมาก เมื่อไม่ออกปากขอย่อมได้น้อย

    ... เมื่อออกปากขอย่อมได้บริขารคือยาที่เป็นเครื่องบำบัดไข้มาก เมื่อไม่ออกปากขอย่อมได้น้อย

    ... และจะอยู่ร่วมกับเพื่อนพรหมจรรย์เหล่าใด เพื่อนพรหมจรรย์เหล่านั้นก็ประพฤติต่อเธอด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เป็นที่พอใจเป็นส่วนมาก ไม่เป็นที่พอใจเป็นส่วนน้อย

    ... ย่อมนำสิ่งเป็นที่พอใจมาเป็นส่วนมาก ย่อมนำสิ่งไม่เป็นที่พอใจมาเป็นส่วนน้อย

    ... ดูกรสุมนา ผู้ให้ทานเป็นบรรพชิตย่อมข่มผู้ไม่ให้ทานด้วยเหตุ ๕ ประการนี้ "



    ..... สุมนาราชกุมารี ทูลถามว่า

    ... " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ถ้าคนทั้งสองนั้นบรรลุพระอรหัต

    ... แล้วคนทั้งสองนั้นพึงมีความพิเศษแตกต่างกันหรือไม่ พระเจ้าข้า "



    ..... พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า

    ... " ดูกรสุมนา เราไม่กล่าวว่ามีเหตุแตกต่างกันใดๆ ในวิมุตติ กับ วิมุตติ (ความหลุดพ้นจากอำนาจกิเลสาสวานุสัย) "



    .....สุมนาราชกุมารี ทูลว่า

    ... " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญไม่เคยมี

    ... ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อนี้กำหนดได้ว่า

    ... ควรให้ทาน ควรทำบุญ

    ... เพราะบุญเป็นอุปการะแม้แก่เทวดา แม้แก่มนุษย์ แม้แก่บรรพชิต "



    .....พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า

    ... " อย่างนั้นสุมนา อย่างนั้นสุมนา

    ... ควรให้ทาน ควรทำบุญ

    ... เพราะบุญเป็นอุปการะแม้แก่เทวดา แม้แก่มนุษย์ แม้แก่บรรพชิต "



    ..... สมเด็จพระพุทธศาสดาจาย์ ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปว่า

    ... " ดวงจันทร์ปราศจากมลทิน โคจรไปในอากาศย่อมสว่างกว่าหมู่ดาวทั้งปวงในโลก ด้วยรัศมี ฉันใด

    ... บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล มีศรัทธา ก็ฉันนั้น

    ... ย่อมไพโรจน์กว่าผู้ตระหนี่ขี้เหนียวทั้งปวงในโลก ด้วยจาคะการให้ทาน

    ... เมฆที่ลอยไปตามอากาศ มีสายฟ้าปลาบแปลบ มีช่อตั้งร้อย ตกรดแผ่นดินเต็มที่ดอนและที่ลุ่ม ฉันใด

    ... สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้สมบูรณ์ด้วยทัสนะ เป็นบัณฑิต ก็ฉันนั้น

    ... ย่อมข่มผู้ตระหนี่ขี้เหนียวได้ด้วยฐานะ ๕ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุข ยศ

    ... และเปี่ยมด้วยโภคะทรัพย์สมบัติ ย่อมบันเทิงใจในสุคติโลกสวรรค์ ดังนี้ "




    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒
    พระสุตตันตะปิฎก เล่มที่ ๑๔
    อังคุตตระนิกาย ปัญจกะ-ฉักกะนิบาต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2013
  16. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ประมวลธรรมพระโพธิสัตว์
    โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด

    .....การที่อยากให้คนได้ดี ไม่มีใครที่จะเกินพระพุทธเจ้าไปได้ พระโอวาทที่ประทานไว้แก่โลก ก็เพื่อให้โลกได้เป็นคนดีกันทั้งนั้น เป็นคนดีมีความสุข ไม่ต้องการให้โลกเกิดความเดือดร้อนเสียหาย อันเกิดจากความชั่วของการกระทำเพราะความไม่รู้เรื่องวิธีปฏิบัติตัวเองนั้นเลย เพราะฉะนั้นการที่จะสร้างบารมีให้ถึงความเป็นพระพุทธเจ้า ผู้มีเมตตาอันเต็มเปี่ยมต่อสัตว์โลกนั้นจึงเป็นการลำบาก ผิดกับบารมีทั้งหลายอยู่มาก ความสามารถกับพระเมตตามีกำลังไปพร้อมๆกัน ฯ. ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙

    .....เราทั้งหลายได้เดินตามพระองค์ท่าน ก็นับว่าเป็นวาสนาของพวกเรา ตามหลักธรรมท่านกล่าวไว้ว่ากิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นเป็นของยากของลำบาก การที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นได้แต่ละพระองค์นั้น ถ้าไม่เต็มตามบารมีแห่งความเป็นพุทธะแล้ว ก็เป็นขึ้นมาไม่ได้ ต้องอาศัยความพากเพียรเต็มที่ เต็มฐาน ไม่มีใครสามารถที่จะพากเพียรอดทนได้อย่างผู้บำเพ็ญพระโพธิญาณเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าของเราท่านก็สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น นี่เราทั้งหลายได้ยินได้ฟังจากพระโอวาทของท่านโดยไม่ต้องลงทุนลงรอนอะไรมากมายก่ายกอง ก็นับว่าเป็นวาสนาของเรา ฯ. ๔ มีนาคม ๒๕๒๐
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2013
  17. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    .....จงเล็งเห็นพระทัยของพระพุทธเจ้า ที่มีพระเมตตาสูงสุดแก่มวลสัตว์ ถึงกับต้องสละชีวิตของพระองค์เป็นเดิมพัน หากจะตายก็ทรงยอม เพื่อโลกสงสารได้รับความร่มเย็น พระองค์ทรงปรารถนาพุทธภูมิเพื่อความเป็นโพธิญาณ คือ ความเป็นศาสดาของโลกมาเป็นเวลานาน การปรารถนามานาน กับ การประพฤติการปฏิบัติของพระองค์ตามหลักแห่งพระโพธิญาณ ก็ต้องนานเหมือนกัน จะมีความลำบากทรมานมากน้อยเพียงใดและนานเท่าใด ตั้งแต่แรกเริ่มแห่งความปรารถนามาจนถึงขั้นสมบูรณ์แห่งการเป็นศาสดาเอกสอนโลก และทรงอุตส่าห์พยายามสั่งสอนโลกเรื่อยมา จนกระทั่งวันปรินิพพาน คิดคำนวณดูก็ทราบได้ ฯ. ๘ มกราคม ๒๕๒๒
     
  18. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    .....ศาสนธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่ได้ทรงตะเกียกตะกายมาสอนโลกนั้นไม่ได้ทำเป็นเพียงพิธี แต่ทรงสละเป็นสละตายจริงๆกว่าจะได้ตรัสรู้ธรรม ถ้าพูดถึงความพยายามใดๆ พระองค์ทรงทุ่มเทลงหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ๑ เพื่อความเป็นศาสดาสอนโลกให้ได้หลุดพ้นจากทุกข์จากสงสารเป็นลำดับลำดา ๑ จึงต้องทรงขวนขวายเอามากมายผิดธรรมดาอยู่มาก บรรดาพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงขวนขวายสร้างพระบารมี เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า และเพื่อการรื้อขนสัตว์จากโลกนั้นเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ไม่มีใครเสมอเหมือน ฯ. ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๑
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    สิ่งที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายควรตั้งมั่นยึดมั่น คือ ทุกๆความดี ทั้งปวง คือสิ่งที่ต้องทำต้องสร้าง ในขณะเดียวกัน ต้องไม่ทำบาบ และประการสุดท้ายคือต้องฝึกปัญญาให้มาคือการสวดมนต์ภาวนาเป็นปกติ

    ปราถนาเป็นนักบุญ ต้องสร้างบุญให้มาก เริ่มด้วยต้องสร้างที่จิตใจ ให้เป็นบุญก่อน ครับ สาธุ
     
  20. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... นิสัยวาสนาพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ก็ไม่เหมือนกัน มีสูงมีต่ำต่างกัน อันดับแรกคือ ๑๖ อสงไขยแสนกัปป์นี้ มีอานุภาพ มีบุญญานุภาพมากที่สุด เรียกว่าเป็นอันดับหนึ่ง อายุขัยก็สูง แปดหมื่น เก้าหมื่นปี ท่านบอกไว้ในตำรา แล้วก็ ๘ อสงไขย นี่ก็รองลำดับกันลงมา ๔ อสงไขย นี่นิสัยวาสนาความบริสุทธิ์นั้นเหมือนกัน แต่อำนาจวาสนาในการทำประโยชน์ให้โลกนี้มีด้อยต่างกัน อย่างท่านแสดงไว้ในพุทธวงศ์ วงศ์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ท่านแสดงไว้อย่างนั้น แต่ละพระองค์ที่มาตรัสรู้ สร้างบารมีมานานขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ฯ. ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๔๑

    ..... ทรงปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้ามานี่ โอ๊ย ! กระเสือกกระสนกระวนกระวาย ไม่มีใครจะทุกข์มากยิ่งกว่าพระโพธิสัตว์นะ พระโพธิสัตว์นี้แบกโลกมาตลอด สร้างบารมีก็แบกบริษัทบริวาร สละเป็นสละตายเพื่อบริษัทบริวารมาตลอด ตั้งแต่ทรงบำเพ็ญบารมีอยู่ บริษัทบริวารมีมากตลอดมา นี่ก็ช่วยบริษัทบริวารทุกสิ่งทุกอย่างช่วยมา ไม่เห็นแก่พระองค์เลย ตั้งหน้าจะเป็นพระพุทธเจ้า ปรารถนา ทุกข์ยากลำบากขนาดไหน ก็ทราบแล้วว่า นี่คือทางของศาสดา ฯ. ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๓
     

แชร์หน้านี้

Loading...