จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    ;39welcome3ขอแสดงความยินดีและยินดีต้อนรับน้องตูนจิตบุญดวงใหม่ที่ใสบริสุทธิ์เพราะเธอได้มีธรรมะผุดขึ้นมาสอนจิตเธอตั้งแต่ที่เธอยังเรียนจิตเกาะพระอยู่เลยเพราะเธอตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบและปรารถนาที่จะเห็นตัวเองพ้นทุกข์และเธอได้เข้ามาปฏิบัติจิตเกาะพระทำให้เธอเห็นความแตกต่างมองเห็นหนทางที่จะเดินออกจากทุกข์ของตัวเองขออนุโมทนาสาธุๆๆกับครูเกษและคุณครูทุกท่านเป็นอย่างยิ่งที่ประคับประคองสอนอย่างถนุถนอมจึงทำให้จิตตูนน้อยukยกได้สำเร็จนะค่ะ...ขอเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้ทุกท่านไม่ว่าท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ก็ดีหรือท่านที่กำลังเรียนจิตเกาะพระอยู่ก็ดีขอให้ทุกท่านได้พบทางที่จะนำพาทุกท่านเดินออกจากทุกข์ด้วยเถิด...ทุกข์ที่จริงแล้วไม่มีนะแต่คนเรานี่แหละไปหาทุกข์เข้ามาใส่ตัว ทุกข์มันไม่มีตัวตนนะแต่เป็นเพราะตัวตนของเรานี่แหละไม่ปล่อยทุกข์แต่คนเราจะออกจากทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อเข้ามาปฏิบัติธรรม ดังคำที่ว่า ผู้ใดเห็นทุกข์ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเราผู้นั้นเห็นตถาคต รองน้อมพระธรรมคำสั่งสอนเข้ามาเป็นข้อวัดปฏิบัติดูนะค่ะขอให้ทุกท่านเจริญทางธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะค่ะอนุโมทนาสาธุๆๆ
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    (ภาพประกอบ)
    รู้ตัวกันบ้างไหม๊
    โซเซียลมีเดีย มีผลกระทบชีวิตคนเรามากเกินไป เช่น ไปเที่ยว ไปทานข้าว แทนที่จะพูดคุยกัน
    ปรากฎว่าต่างคนต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น สมัยก่อนเวลาพักผ่อนคือเดินเล่นสวนสาธารณะ
    แต่เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ติดอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์/มือถือ ให้ความสำคัญกับเทคโนฯมากเกิน
    เราก็อย่าไปติดอะไรตรงนั้นกันมากนัก เพราะจะทำให้ไม่มีสมาิธิทำจิตเกาะพระ เอ๊ย ทำอย่างอื่น

    ต่อไปพวกเราไม่ต้องกลัวผี คนวันนี้ถ้าตายเป็นผีจะไม่กลับมาหลอกคนเพราะกลายเป็นผีหลงเน็ต
    มัวแต่เล่นเฟสบุ๊คผี คือผีหลงหาเพื่อนผีด้วยกัน จึงลืมหน้าที่หลักก็คือหลอกคน


    ผู้ที่ติดความเจริญในโลกสมมุติมาก จึงไม่ต่างกับใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นและไหลไปกับสายนที
    ในขณะที่จิตมันไหลไปตามกระแสต่างๆเหล่านั้น อยากจะถามพวกเราว่า..รู้สึกตัวกันบ้างไหม..
    อย่าลืม สติคนเรานี้สำคัญยิ่ง เพราะตัวสตินี้จะนำพาเราไปพบขุมอริยทรัพย์ภายในหรือตัวปัญญา
    และตัวปัญญาหรือปัญญาญาณนี้เอง ที่จะนำพาดวงจิตของเราให้หลุดพ้นในอนาคตกาลนั่นเอง
    ด้วยความปรารถนาดี แต่ถ้าไม่รักหรือไม่เมตตาซึ่งกันและกัน จะไม่ขอเสียเวลามาพร่ำให้ฟังกัน
    จาก..สมาคมจิตเกาะพระ
     
  3. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "เมตตาล้นฟ้า กรุณาท้วมดิน มุทิตาสิ้นชีวิน อุเบกขาสิ้นเวรกรรม"

    ...ขอให้เราระลึกถึง หิริ โอตัปปะ ก็จะละอายเกรงกลัวขึ้นมา...

    ...ให้มีคุณธรรมนี้ในดวงใจของเราทุกผู้ทุกคน...

    ...แล้วศีลจะตั้งมั่น และจะเกิดวิปัสสนาญาณขึ้นมา...

    ...สมาธิและวิปัสสนาปัญญาก็จะบังเกิดขึ้น...

    ...ชีวิตนี้ก็จะพบความสุขนิรันดร์...

    ...คัดจากหนังสือหลวงปู่ฝากไว้ หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่...
     
  4. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ฝึกตายก่อนตาย (ของจริง)

    วันนี้มีเรื่องเล่า เมื่อคืนอาการโรคกระเพาะกำเริบหนักถึงหนักมาก อย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะหนักได้ถึงเพียงนี้ อาการเริ่มต้นก็เป็นปกติ คือก็มีลมขึ้นอืดเฟ้อ แล้วก็เลอๆ ออก (ก็อยู่กับมันมานานก็เลยกลายเป็นเรื่องปกติ) ประมาณสี่ทุ่ม เราก็ว่าเอ..หรือท้องมันว่าง ก็ลงไปทานข้าวนิดส์นึงกับซุบ แล้วก็ผักสดด้วยนิดหน่อย (คิดว่าผักสดอาจจะช่วยดูดแก๊สในกระเพาะได้บ้าง) เคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียดที่สุดแล้วค่อยๆกลืน พอทานเสร็จขึ้นมาได้สักพัก ผลปรากฎว่า ข้าวมันไม่ลงถึงกระเพาะน่ะซิ ลงไปโดนลมในกระเพาะแทน ความรู้สึกเหมือนลมมันยุบตัวลงวูปในท้อง แล้วมันกลับมีพลังดันลมขึ้นมาให้ ทำให้เราเลอๆๆๆ แล้วสุดท้ายก็ต้องวิ่งไปอ๊วกในห้องน้ำ โอโห้..ไอ้ที่ทานเข้าไปเมื่อตะกี้(อุทะริยัง = อาหารใหม่) มันออกมาหมดเลย เสร็จเราก็กลับมานอนพักผล่อยหลับไปด้วยความเพลีย(ตอนประมาณห้าทุ่มเศษๆ) สะดุ้งตื่นมาอีกทีตอนประมาณตี 1 ท้องยังปวดอยู่มาก (รู้ได้เลยว่า ตอนที่หลับท้องก็ยังปวดอยู่แน่นอน แต่จิตไม่ได้ไปรับรู้ เพราะว่าหลับ) ก็รู้สึกพะอืดพะอม ก็ต้องวิ่งไปอ๊วกอีก มันอ๊วกขย่อนท้องเอาอาหารเก่า(กะริสัง)ที่ทานเข้าไปตั้งกะตอนบ่ายๆ ออกมาด้วย คือว่ามันไม่ย่อยเลยอ่ะ ดูมันซิ ทำความสะอาดเสร็จก็กลับมาที่ห้อง เราก็นึกว่าหมดแล้ว แต่ที่ไหนได้ ครั้งที่3 ไปคราวนี้มันทั้งถ่าย ทั้งอ๊วกพร้อมกันเลยอ่ะ โอ้โห้..ดูมันซิไอ้ถุงทุกข์ ถุงขี้ซึม ถุง 2 ปาก คราวนี้ไอ้สิ่งโสโครกทั้งหลายมันออกมาพร้อมกัน ทั้งปากรูด้านบน กับปากรูด้านล่าง ไอ้กายหยาบนี้ มันเป็นส้วมเคลื่อนที่ดีๆ นี้เองจริงๆ เห็นมันจะๆ เลยคราวนี้ (ทั้งๆ ที่ก็พิจารณาดูมันอยู่ทุกวัน) พอทำความสะอาดเสร็จครั้งนี้เกือบได้คลานสี่ขากลับเข้าห้อง แต่ยังพอเดินไหว ก็ใช้มือทั้งสองข้างจับฝาผนังเดินโซซัดโซเซมาถึงห้องก็ล้มตัวนอนพัก ต้องนอนคว่ำท้อง นอนหงายไม่ได้เลย อาการที่ท้องยังไม่ยอมหยุด มันก็ยังคงทำหน้าของมันต่อไป มันปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลาทรมานมาก สักพักลมมันก็ตีขึ้นมาอีก ต้องวิ่งไปอ๊วกในห้องน้ำอีก คราวนี้มันไม่มีอะไรจะออกแล้ว อ๊วกขย่อนท้องมันก็ออกมาแค่ขี้เพี้ยขมๆ กับอ๊วกลม กลับมาที่ห้องจะนอน เพราะด้วยความเพลียสุดๆ เพราะร่างกายขาดน้ำ พร้อมทั้งอาการของความปวดแสบของกระเพาะ เราก็มีสติค่อยๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นนั่ง ค่อยๆ ขยับเขยื่อนกาย ไปหยิบโปรตืนมาชงดื่มสักเล็กน้อยก่อนนอน แค่ครึ่งแก้ว แล้วก็ค่อยๆ จิบ ค่อยๆ กลืน เพราะกลัวมันพ่นออกมาอีก แล้วก็ล้มตัวลงนอนคว่ำท้อง กดทับมันไว้ แต่ข้างในนั้น มันปวดแบบทั้งบิด และแสบบบบมากกกก ทรมานที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ขณะที่นอนสติเรานึกถึงท่านพ่อตลอดคิดถึงพูดคุยกับท่านตลอด บอกท่านไปว่า หากธาตุสี่ของลูกจะดับลงไปในตอนนี้คืนนี้ ขอท่านพ่อช่วยดึงดวงจิตของลูกขึ้นพระนิพพานโดยพลันด้วยเถิด ลูกไม่ขอกลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีกายหยาบอย่างนี้อีกแล้ว ลูกรู้แล้วว่ามันทุกข์ทรมานเหลือเกิน ขอให้ลูกมีกายแก้วเหมือนท่านพ่อบนชั้นพระนิพพานโน้นด้วยเถิด สาธุๆๆ เราก็นึกในใจอย่างนี้จนหลับไปเลย (แค่กำลังนั่งพิมพ์ถึงประโยคนี้ ก็น้ำตาไหลพรากๆๆ แล้วค่ะ ท่านพ่อ ลูกซาบซึ้งในคุณงามความดีที่ท่านพ่อได้เสียสละความสุขตนเอง เข้าป่าไปทรมานตนเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้นทุกข์ให้แก่ชาวมนุษย์โลก ทั้งๆ ที่พวกเค้าเหล่านั้นเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่ญาติสักกะหน่อย...ฮือๆๆๆ ลูกรักท่านพ่อเจ้าค่ะ ตอนนี้ลูกมีความรู้สึกว่า ลูกนั่งโอบกอดข้อเท้าทั้งสองข้าง ใบหน้าลูกเอียงซบลงบนหลังพระบาททั้งสองข้างของท่านพ่อพระสมณโคดมอยู่เจ้าค่ะ ฮือๆๆๆ)

    พอรู้สึกตัวตื่นมาเช้านี้ อ้าว..ไม่ตายนี้หว่า..แถมอาการปวดท้อง ก็หายไปแล้ว เป็นปลิดทิ้งเลย แต่ก็ประมาทไม่ได้ ก็เลยรีบลงไปทำข้าวต้มร้อนๆ ทานซะหน่อย ตอนนี้ก็อยู่กะเค้าอย่างเพื่อนตาย(โรคกระเพาะ) ก็ต้องคอยสังเกตุดูว่าเพื่อนเค้าชอบ หรือไม่ชอบทานอะไร ต้องเอาใจเค้าหน่อยทีนี้..555..เพราะถึงแม้กายหยาบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แต่ก็คงต้องดูแลรักษามันหน่อย เพราะยังไงก็ต้องอาศัยมันทำความดี ทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาไปจริงๆ โน้นแหล่ะจ้า..

    แหม๋..นึกว่าจะไม่ได้ตื่นมาเล่าเรื่องราวให้ฟังซะแล้ว..555..ก็คิดว่าเขียนดี ไม่เขียนดี แต่ก็ขอเล่าสักหน่อยก็แล้วกัน...ก็หวังว่า..คงจะพอเป็นธรรมทาน..ให้ทุกท่านได้พิจารณาอะไรๆได้ไม่มากก็น้อย..จากบทความนี้น่ะค่ะ.

    ไม่มีอะไรเป็นของเที่ยง...มีแต่ความตายเท่านั้นที่มันเที่ยงแท้ และแน่นอนที่ซู๊ดดด...

    โมทนาสาธุ...จบข่าว.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2013
  5. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    คนเราถ้ายังฟุ้งซ่านอยู่ก็แสดงว่าไม่มีสติ ถ้ามีสติก็จะดูรู้ความคิดปรุงแต่งของ

    ตนเองอยู่...และถ้ามีปัญญาก็จะระงับความฟุ้งซ่านของตนเองได้ อย่างเช่นเรากำลังนั่ง

    สมาธิอยู่จิตมันวุ่นวายหาความสงบไม่ได้ เราก็ต้องใช้ปัญญาหาเหตุผลว่าเรากำลังกังวล

    กับเรื่องอะไร...ถ้าเรามีปัญญาเราจะใช้ปัญญาดับเรื่องต่างๆนั้นได้ เราจะเห็นได้ว่าความ

    ฟุ้งซ่านนั้นๆมันไม่มีสาระอะไร จิตนั้นมันจะคอยเตือนอยู่ตลอดเวลาว่านี่คือ ความปรุงแต่ง

    ความฟุ้งซ่าน ขอให้เราอย่าไปให้ความสำคัญกับมัน ให้ใช้สติบอกตัวเองเสมอว่ามันไม่ได้

    สำคัญอะไร ไม่ได้เป็นสมบัติที่แท้จริง ไม่ได้เป็นความสุขที่แท้จริง แท้ที่จริง ไม่มีมันนั่น

    แหละเป็นความสุขที่จะติดตามเราไปได้ ให้คิดถึงสิ่งที่เรากำลังฟุ้งซ่านอยู่ ที่ปรุงแต่งมัน

    เป็นเรื่องๆ แต่งให้มีความสุขมันก็มีความสุข แต่งให้มันมีทุกข์ มันก็มีทุกข์ ให้ใช้ปัญญาทีมี

    อยู่ดับมันทั้งทุกข์ ทั้งสุขได้นั่นแหละเราจะได้หลุดจากการสมมุติทั้งหมด ให้คิดว่าไม่มีมัน

    เราอยู่ได้ ขอให้เรารู้ตน รู้ตัวของเรา แล้วนั่นแหละความวุ่นวาย ความฟุ้งซ่านเหล่านั้นก็จะ

    ไม่สามารถมาเป็นมารเราได้...เพราะมันอยู่ที่ตัวเราจึงนำมาบอกเล่าหวังว่าคงมีประโยชน์

    สำหลับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเวลาปฏิบัติแล้วจิตส่งออก ให้ดูแต่สิ่งที่มีอยู่ในตัวเรา เพราะว่า

    มันมีมากมายที่ตัวเราให้มองสิ่งของในบ้านของตนมองไปพิจารณาไปให้มันมีเหตุมีผลแล้ว

    ถ้าเราสามารถมองเห็นมันแล้ว เราจะได้ความรู้ที่แท้จริง ความสงบสุขที่จะหาอะไรมาเทียบ

    ไม่ได้จึงขอฝากไว้กับผู้อ่านทุกๆท่านค่ะ...สวัสดีค่ะ.
     
  6. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ถาม จิตนี้สำคัญเลยนะ

    -ตอบ จิตนี้ไม่สำคัญหรอก กิเลสซิสำคัญ แติธรรมะสำคัญกว่า เพราะ

    ...ธรรมะปราบกิเลสได้ ธรรมะเป็นผู้ปลดเปลื้อง ผู้ไถ่บาปให้กับจิต ศาสนาอื่นสอนว่า

    ผู้อื่นไถ่บาปให้ได้ แต่ศาสนาพุทธสอนว่าธรรมะเท่านั้นที่จะไถ่บาปให้กับจิตได้ ปลด

    เปลื้องจิตให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหมดได้ หลุดพ้นจากนรกได้ พอบรรลุเป็นพระโสดา

    บันแล้วถึงแม้จะเคยทำบาปทำกรรมมามากน้อยเพียงไร ก็ไม่ต้องไปตกนรกไม่ต้องไปเกิด

    ในอบายอีกต่อไป เพราะธรรมะนี่เอง เพราะปัญญามีดวงตาเห็นธรรม ปล่อยวาง

    ไม่ยึดไม่ติดกับอะไร นี่แหละผู้ที่อ่านธรรมะ ฟังธรรมะ จึงได้ธรรมะมาปราบกิเลส...

    คัดจากหนังสือกำลังใจ ๓๐ โดยพระจุลนายก (อภิชา โต)
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอสดุดี ขอโมทนาสาธุกับครูเกษ
    พี่ภูจาบอกอะไรให้ โรคกระเพาะของครูเกษกำลังจะกลับอีกครั้ง
    ถามว่า..ทำไม โรคกระเพาะถึงกลับมา ก็เพราะว่าครูเกษนอนดึก ทานอาหารไม่เป็นเวลา
    มัวห่วงแต่ตอบการบ้านลูกศิษย์ ดีนะจิตยกไปหลายท่าน แต่ตอนนี้ก็มีอีกหลายท่านที่ยังไม่ยก
    ศิษย์มัวหลงไปวิ่งตามดูสมมุติ ครูเกษต้องเข้าอุเบกขาไปก่อน และรอว่างเมื่อไหร่
    ลูกศิษย์จะกลับมาเรียนใหม่ ครูเกษก็มาปรึกษาพี่ภูว่า ทำไมลูกศิษย์ส่งการบ้านหยุดๆหย่อนๆ
    ผมก็บอกครูเกษไปว่า ปล่อยวางพวกเขาไปก่อน ปล่อยไปตามวาระกรรมของเขาก่อน
    เชื่อเห่อ เมื่อวาระกรรมใกล้จะหมดหรือเกิดความทุกข์ขึ้นมาใหม่ คราวนี้จะหนักกว่าเดิมมาก
    ขอบอก อีกไม่นานนักหรอก เดี๋ยวก็กลับมา
    สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ผมไม่ทราบว่าใครจะมองเห็นความดีของครูเกษหรือครูท่านอื่นหรือไม่
    ไม่ต้องการให้ใครมาเห็นอกเห็นใจ ใครไม่เห็น แต่คนข้างบนเห็นก็พอ สิ่งที่พวกเราทำกันอยู่นี้
    มิใช่ตนเอง มิใช่พรรคพวกของตน แต่ทำเพื่อผู้อื่น ทำเพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อพระพุทธเจ้าหรือครูบาจารย์
    ผู้ที่จะมามาทำหน้าที่ตรงนี้ได้นั้น บอกไปแล้วว่า กำลังใจของมนุษย์ธรรมดาๆย่อมไม่พอแน่
    คำว่าขอบคุณขอบใจ คำสรรเสริญ คำเยินยอ ลาภยศหรือเงินทอง มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน

    ผมเห็นอาการครูเกษ ทำให้ผมอดระลึกนึกถึงครูเพ็ญ๑ไม่ได้ ผมรู้สึกผิดไม่หายที่พาท่านมาลำบาก
    คือท่านนอนดึก ทานอาหารไม่เป็นเวลา ทั้งๆที่ร่างกาย ขันธ์๕ของท่านไม่อำนวยเหมือนเราๆท่านๆ
    แต่ท่านไม่เคยบ่นเลยสักคำ ผมก็พยายามหาโอกาสจะๆๆๆๆช่วยเหลือท่านทุกครา แต่ก็ยังไม่โอกาส
    แต่มาวันนี้ท่านคงสบายไปแล้ว เพราะไม่ต้องมายุ่ง ไม่ต้องมาเหนื่อย ไม่ต้องมาวุ่นวายกับพวกเราแล้ว
    แต่ผมก็ยังระลึกนึกถึงคุณงามความดีของท่านเหมือนเดิม แต่มีความเห็นต่างกันเท่านั้นเอง คงเข้าใจกัน
    ตอนนี้ธรรมามรมณ์ของตนเองไม่คบแล้ว เป็นแค่ผู้ดูสังขาร(ตัวคิด+ปรุงแต่ง) เป็นผู้รับรู้อย่างเดียว
    และปล่อยวางด้วยปัญญา เพราะทุกธรรมารมณ์ก็แค่เกิด-ดับ หรือเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับสลายไป เป็นธรรมดา
    เป็นธรรมชาติของมันอย่างนี้ แล้วเราจะไปวิ่งตามมันทำไม ไปเดือดร้อนกับมันทำไม
    ที่พระท่านคอยแนะนำให้กับเหล่านักภาวนาว่า คอยหมั่นเจริญสติภาวนาให้เป็นนิจ ก็เพราะทำให้จิตนิ่ง
    จิตเป็นสมาธิ จิตจะได้เกิดปัญญา และตัวปัญญานี้จะนำพาดวงจิตของเราพ้นทุกข์ หลุดพ้นกับสิ่งทั้งปวง

    ท้ายนี้ขอให้ครูเกษได้โปรดรักษาขันธ์๕ ของตนด้วย ขอให้ปราศจากทุกข์และโรคภัยต่างๆ
    ขอให้บุญกุศลหรือปรมัตถบารมีแห่งตนที่กำลังสร้างคอยปกปักษ์รักษากายใจของครูเกษด้วยเทอญ สาธุ
    ทุกชีวิตอย่าประมาท ระลึกความตาย ดูลมหายใจและนำจิตไปปักอยู่แต่เฉพาะที่เรียกว่า บุญกุศลเท่านั้น
    สำหรับผู้ปฎิบัติใหม่ จงวางกำลังใจให้ถูก เวลาปฎิบัติจิตพยายามทำจิตให้ใสสะอาดในเบื้องต้น
    นอกจากรักษาศีลเป็นนิจแล้ว สติหรือจิตปัจจุบันนี้สำคัญยิ่งยวด สัญญหรือกรรมเก่าให้ละปล่อยวางเสีย
    ถึงปล่อยวางถาวรยังไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ขอให้ปล่อยวางชั่วคราวก่อน แล้วทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิบ่อย
    ตรงนี้สำคัญยิ่งยวด พยายามอยู่หรือดูจิตตนให้มากๆ ลองถามตนเองบ่อยนะว่า เราปฎิบัติธรรมเพื่ออะไร
    ถ้าไม่ใช่บุญกุศล หรือมรรคผลนิพพาน แล้วจะไปหาศัตรูหรือไปทำกรรมไม่ดีหรืออย่างไร

    พี่ภูขอโมทนาสาธุกับครูเกษ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับจิตเกาะพระทุกท่านอีกครั้ง ขอเอาใจช่วยเต็มที่
    ขอให้นึกเสียว่า สิ่งที่ตนเองกำลังทำในปัจจุบันนั้น มันเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว อย่าลืม อนาคตจะดีหรือไม่
    ขึ้นอยู่ที่ตนที่กำลังทำกรรมในปัจจุบันนี้เท่านั้น การปฎิบัติอย่าได้นำสัญญาเก่า(อดีต)หรืออนาคตมาเกี่ยวข้อง
    เพราะกรรมในปัจจุบันนั้นสำคัญที่สุด เราจะได้บุญกุศลหรือไม่ ก็อยู่ที่จิตของท่านเองแล้วหล่ะ
     
  8. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    โมทนาสาธุ และขอขอบพระคุณค่ะท่านพี่ภู...ไม่ขนาดนั้นหรอกท่านพี่ภู...มันมีเหตุปัจจัยมาจากหลายอย่าง...ไม่มีอะไรดอก...ก็แค่หนูเจอคำเตือน...แล้วก็บททดสอบนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง...ขอบอกว่ามันเป็นบททดสอบชั้นเยื่ยมเลยหล่ะ...ถึงแม้กายหนูจะทกข์...แต่จิตหนูฉิวๆ มากเลย...มันบอกไม่ถูกอ่ะ เหมือนจิตมันไม่เกาะกายที่ทุกข์นี้เลย...ไม่เกาะ แต่ก็ไม่ห่าง..รู้แต่ว่ามันไม่ได้ทุกข์ไปกับกายนี้แล้ว มันเข้มแข็งมาก...ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะสะเอาะ สะแอ่ะไปแล้ว..555..:boo::boo::boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2013
  9. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    2ข้อ
    1) มัชฌิมาปฏิปทา - ในทางพุทธศาสนาหมายถึงทางสายกลาง คือ การไม่ยึดถือสุดทางทั้ง 2 ได้แก่ อัตตกิลมถานุโยค คือ การประกอบตนเองให้ลำบากเกินไป กามสุขัลลิกานุโยค คือ การพัวพันในกามในความสบาย ที่ไม่ใช่ทางสายกลาง
    [ถึงที่สุดแล้ว..อะไรๆก็ต้องวางลงทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น! (หากเป้าหมายคือนิพพานนะ..)]
    2) โอกาสทอง - การพิจารณาวิปัสสนาขณะเสวยทุกข์เวทนาอย่างแสนสาหัสที่สุดนี่แหล่ะ..ของจริง ไม่ต้องใช้จินตนาการหรือวิปัสสนึกใดๆเลย พิจารณาเข้าไปมากๆๆๆๆๆๆ จนกระทั่งสัญญาเวทนาในจิตดับลง แม้นเวทนาทางกายยังคงอยู่ครบถ้วน ก็บ่เป็นหยัง "ตายเป็นตายช่างหัวมัน" (ทุกข์ยังคงมีอยู่ แต่ไม่มีใครเป็นเจ้าของทุกข์นั้นๆ ทุกข์เกิดขึ้นเองได้ ก็ต้องดับเองได้เช่นกัน) สติต้องแกร่ง อย่าไหลตามทุกข์ เมื่อผ่านพ้นมันได้(บ่อยๆเข้า) จิตก็จักแจ้งเอง เกิดปัญญา"รู้จริง" หาใช่การ"รู้จำ"ไม่.. (ภาษาบ้านๆเรียกว่า"โคตรซึ้ง.."เลย)
    สาธุครับ

    ปล.อย่าพึ่งตายเร็วนักเด้ออ.. ยังไม่เจอตัวเป็นๆเลยย.. :) :)
     
  10. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    เอ้า...ไปไงมาไงนี้ครู..ยังกะส่องเห็นเลยน่ะนี้ว่าหนูมาโพสต์อะไรอยู่แถวนี้..555...ไอ้เรื่อง "โคตรซึ้ง" ของหนูนี้มีเยอะค่ะ แต่เอาไว้อ่าน เอ..รึว่าฟังดีน่ะ ที่เมืองไทยกันดีกว่าค่ะ แต่ขอบอกว่าลำดับของความซึ้ง มันก็จะขึ้นอยู่กับลำดับของจิตด้วยน่ะเออ..แรกๆ ก็เป็นการรู้จำ แต่พอจิตเดินมรรคสูงขึ้นๆ จิตเข้มขึ้นๆ มันก็จะเกิดปัญญารู้จริง ยิ่งๆ ขึ้นไปเองจร้า..

    เส้นทางเดินนี้ เหมือนกับเราต้องเตรียมเสบียงใส่เป้แบกไว้บนหลัง ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อาหาร เต้นท์นอน แต่ถ้าเดินถึงจุดหมายปลายทาง คือบ้านพระนิพพานเมื่อไรจริงๆแล้ว เราก็ต้องทิ้งหมดทุกอย่าง เดินตัวปลิวขึ้นบ้านไปเลยจร้า..

    โมทนาสาธุค่ะครู....เกษน้อยยังบ่ตายง่ายๆ ดอกเด้อ...แมวเก้าชีวิต..555...catt9
    แล้วเจอกันjaah..เตรียมเคี่ยวไว้ให้ด้วยน่ะ เดี๋ยวจะไปเกี่ยวข้าวช่วย..555..:VO
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2013
  11. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุ
    วิธีที่จะเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายนี้ ง่ายสุดและสุดง่าย
    ให้ดูที่เวลานั่งสมาธิ จะรู้สึกปวดไปหมด ตามร่างกายแขนขา เวทนาเกิด
    นั่งดูว่าเวทนาที่เกิดมันเป็นของเรามั้ย จิตทรมานกับมันมั้ย อยากเลิกทำมั้ย หรือเห็นว่าเจ็บก็ไม่ใช่ของเรา ปวดก็ไม่ใช่ของฉัน แล้วจะเอาอิหยังกับกายนี้ ถ้าผ่านมันไปได้สองสามชั่วโมง
    โดยไม่ละเลิก สิ่งสำคัญอย่าเดินฌานหนีอาการเวทนาเข้ากลีบเมฆ ต้องใช้สติเข้าชนมันเท่านั้น แสดงว่าผ่านชั้นอนุบาลได้ดีในเรื่องการวางกำลังใจว่า
    อะไร อะไร ก็ไม่ใช่ของเรา การวางกำลังใจ เตรียมตัวตาย หรือ ไม่กลัวตาย
    ก็จะอยู่ในระดับสูง .....
    การพูดกับการปฎิบัติ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
    ...........
    โมทนาสาธุกับครูเกษอีกครั้ง รางวัลคือ ทุเรียนหมอนทอง เมืองไทย
     
  12. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    โมทนาสาธุ...ค่ะ ครูเกษ เห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรม..เลี้ยว
    ก่อน กินทุเรียน........ก็อย่าลืมกลับมา จกไหปลาแดก:cool:!!กับส้มตำอร่อยๆสักครกก่อน เด้อค่า(k)
     
  13. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    พูดมาแล้วน้ำลายไหล..555..ว่าแล้วก็ไม่รู้จะกลับไปทันกินทุเรียนปีนี้รึเปล่าน่ะซิ ครูดัชที่รัก...chearrchearrchearr
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2013
  14. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    5555...เตรียมรอไว้เลย หลายๆไห จะไปดีดไหให้ดู..555..ส่วนปลาร้า..เอาไหเดียวก็พอ...แต่สำหรับส้มตำขอแซ่บๆ หลายๆครกเด้อค่า..แถมด้วยเห็ดครูลูก กับมะม่วงที่สวน ก็ต้องเตรียมเสริฟคู่กันด้วยเด้อค่ะเด้อ..555..(deejai)(deejai)(deejai)
     
  15. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    สวัสดีค่ะพี่ภู พี่เกษ พี่ดัช พี่ตรี พี่ตูน พี่ๆ ทุกท่าน
    หมูแวะมาส่งข่าว ทักทาย ว่าที่หายไป
    ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร ทั้งทางเมล ทางเฟซฯ
    ก็ยุ่งอยู่กับเรื่องทางโลก แต่ก็ใช่ว่าจะห่างพระนะคะ
    ทำงานก็ระลึกถึงพระตลอด
    และเมื่อมีโอกาสได้พบปะกับผู้คนใหม่ๆ ก็ได้พูดคุย
    และแนะนำวิธีการฝึกพุทธานุสสติ+กสิณ หรือจิตเกาะพระ
    ให้ท่านทั้งหลายได้ลองฝึกกัน





    มีเคสหนึ่งเป็นชายอายุประมานห้าสิบกว่าๆ
    เจอปัญหาในชีวิตมากมาย ประสบความสำเร็จสูงสุด
    แล้วก็ล้มละลายถึงจุดที่ต่ำลงมา
    แถมมีปัญหาเรื่องความรัก...
    สุดท้ายเมื่อได้มีโอกาสได้ลองระลึกถึงพระ
    หรือลองนำจิตตนเข้าหาพระ เกาะพระไว้
    จิตก็เริ่มนิ่งดี และเข้าใจสภาวะปัญหาต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น
    ท่านนี้เป็นจิตดี แต่ช่วงนี้หมูไม่ค่อยได้เจอท่าน
    เลยไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร
    แต่คาดว่าถ้าปฏิบัติไม่นานก็น่าจะสร้างพระในจิตได้สำเร็จ
    ตลอดวัน ตลอดคืน
    แถมท่านก็ไม่เบา หมูแนะนำท่านไม่กี่ชั่วโมง
    ท่านก็โทรไปหาเพื่อน แนะนำเพื่อนลองทำ
    ผลปรากฏว่า เพื่อนท่านหลังจากวางสายไปก็ทะเลาะกับลูกชาย
    พอดีได้คุยกันเรื่องจิตเกาะพระก่อน จิตใจเลยเย็นลง
    ไม่วู่วามเหมือนที่ผ่านๆ มา
    ออกชมว่า "ดีนะที่ได้คุยกันก่อน ไม่งั้นคงได้แรงกับลูกกว่านี้"
    เพื่อนท่านคุยมา...





    แต่อันที่จริงก็ใช่ว่าจะบังเอิญอะไรมากมาย
    เพราะธรรมะ หรือพระพุทธเจ้า
    พระรัตนตรัยเองก็อยู่กับเราทุกที่ ทุกเวลา
    แต่เราไม่เคยนึกถึง ระลึกถึงท่านเอง
    เวลามีเรื่องดี เรื่องร้ายเข้ามากระทบก็เลยปล่อยจิต
    ปล่อยใจไปตามเรื่อง
    แต่ถ้าเราเพียงแค่ระลึกถึงพระบ้าง ก็มีสติยังคิดให้อะไรต่างๆ
    ในชีวิตประจำวันเราดีขึ้นได้
    หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรรุนแรง




    ส่วนอีกเคสหนึ่งก็คือแม่ของหมูเอง
    พื้นฐานครอบครัวเราเป็นชาวพุทธสมัยใหม่ ไม่ค่อยเข้าวัดอะไรมาก
    ทำบุญตักบาตรเฉพาะวันเกิด (ไม่ว่าง ตื่นสายซะส่วนใหญ่)
    แต่ช่วงปีหลังๆ มานี่แม่ก็ตักบาตรบ่อยขึ้น



    สำหรับหมูถือว่าอยู่ไกลครอบครัว พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์
    ก็ไม่ได้มีเวลาแนะนำแม่เรื่องจิตเกาะพระมาก
    เพียงแต่ได้ลองแนะวิธีแก้ไขปัญหา หรือจัดการกับอารมณ์ตัวเอง
    เมื่อมีเรื่องเข้ามากระทบที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน
    จิตใจแม่ก็ดีขึ้นมาก


    อีกทั้งส่วนหนึ่งที่ได้ทำตลอดมาคือ แผ่เมตตา
    ส่งบุญบารมีของหมู
    ที่ทำทุกภพ ทุกชาติให้พ่อแม่ ครอบครัวมาตลอด
    ส่งมาทุกวัน ไม่เคยหยุด
    วันไหนจิตหมูนิ่งมาก หมูก็จะกำหนดจิตกราบพระ
    ขออาราธนาพระเสด็จสอนธรรม
    เทศนาธรรมในจิตแม่อยู่บ่อย
    และอัญเชิญอำนาจพระพุทธคุณครอบกาย ครอบจิตพ่อแม่
    และบ้านที่เราอาศัยอยู่บ่อยๆ
    ทำให้จิตใจแม่ดีขึ้นมาก
    แม้ว่าแม่ไม่ได้ปฏิบัติจริงจัง
    (ไม่ได้ตั้งใจถือศีล หรือระลึกภาพพระจริงจัง)




    แต่หมูก็ได้แทรกแนวคิดให้แม่ระลึกถึงพระบ่อยๆ เรื่อยๆ
    โดยเริ่มจากเวลาที่แม่มีปัญหาในการทำงาน
    ก็จะให้แม่คิดถึงพระไว้ก่อน
    บอกท่านว่า "เมื่อมีปัญหา จิตเราไม่นิ่ง
    เราจะไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้
    จิตมันจะคิดวนเวียนไปเรื่อยๆ หาทางออกไม่เจอ วางลงไม่ได้,
    เราต้องคิดถึงพระก่อนให้จิตเราเบาลง หรือจิตนิ่งมากขึ้น
    ถ้าพอสงบบ้างแล้วก็ค่อยทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
    แล้วใจเราจะเบาลงและแก้ปัญหาได้,
    ถ้าแม่คิดถึงพระไม่ได้ ให้แม่คิดถึงภาพโต๊ะพระที่บ้านเรา
    (โต๊ะพระที่บ้านอยู่ในจุดที่ทุกคนมองเห็นได้บ่อยมาก
    เพราะอยู่กลางบ้าน ใครทำอะไรในบ้านจะเห็นภาพท่านพ่อบ่อยมาก)
    คิดว่าแม่อยู่หน้าโต๊ะพระก็ได้"...





    ประมานนี้... ช่วงนี้หมูก็พูดกับแม่บ่อยขึ้น
    จิตแม่ก็เบาสบายดี ต่างจากเมื่อหลายเดือนก่อนมาก
    ถ้าทำงานและเจอคนเอาเปรียบหรือขาดทุนมา
    แม่ก็มักจะบ่น หงุดหงิด
    พอมีเรื่องอื่นมากระทบนี่ สุขภาพจิตแย่เลย
    แต่ตอนนี้ก็ดีมากแล้วค่ะ
    ถ้าได้ปฏิบัติจริงจังกว่านี้สักหน่อยคาดว่าจิตท่านก็อีกไม่ไกล
    น่าจะมีพระพุทธเจ้าในจิตได้ตลอดเวลา






    แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป เหมือนที่ทำที่ผ่านมา
    เพราะจิตคนเรารับได้ไม่เท่ากัน
    และพ่อแม่เป็นผู้เราได้ใกล้ชิดท่านมากที่สุด
    หมูจึงพอรู้บ้างว่าควรพูดอย่างไรกับแม่ ให้แม่ได้คิดถึงพระ อยู่กับพระ
    ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มจากแม่ก่อนค่ะ ถ้าแม่สำเร็จเมื่อไร
    ต่อไปก็เป็นยาย หรือพ่อ
    ต้องดูจิตแต่ละท่านว่าใครจะรับได้มากกว่ากัน





    สรุป.. คือยังไม่ได้สอนจิตเกาะพระให้ใครเป็นรายวัน.. คิคิ
    แต่มีโอกาสก็ยังได้แนะนำให้ผู้คนได้ปฏิบัติกันอยู่ค่ะ
    ส่วนทางเมลนี่เงียบเลย
    ทางเฟซก็ออนบ้าง แต่ไม่ได้พูดคุยกับใครมากนะคะ
    แต่ตอนนี้กำลังนัดจิตบุญเมืองไทยอยู่ค่ะ
    ถ้ามีเวลาตรงกัน ลงตัว
    เจ้าของสถานที่พร้อมเมื่อไร คาดว่า
    เดือนหน้าก็น่าจะได้จัดอบรม-แนะนำการฝึกจิตเกาะพระประจำเดือนค่ะ
    และขอนำบุญมาฝากทุกท่านนะคะ ช่วงนี้ได้ทำทานบ่อยมาก
    แจงรายละเอียดได้ไม่หมด เพราะทำแทบทุกวัน.. ฮ่าๆ
    "ทาน ศีล ภาวนา"
    ต้องทำบ่อยๆ ค่ะ เพระที่ผ่านมา หมูเน้นศีลกับภาวนาไปมาก
    ตอนนี้ก็ต้องทำทานให้พอดีกันและครบองค์ด้วยค่ะ




    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2013
  16. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ขออนุโมทนาสาธุ ในธรรมทานของครูน้องเกษ ที่ได้เห็นธรรมฟากตาย และสามารถแยกกายแยกจิตได้ เพราะสังขารร่างกายก็คือ ภาระในหนักน่วงของเรานั้นเอง ถ้ามันแสดงอาการที่เป็นโทษขึ้นมาเมื่อใด? ยามใดนั้นก็เหมือนเรือเรารั่ว หรือเรือเจอคลื่นดีๆนี้เอง แต่เราจะต้องอุดรูรั่วมันเอาไว้เพื่อประคับประคองเรือของเราไปให้ถึงฝัง...สาธุค่ะ ขอให้ครูน้องเกษจงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป นิพพานัง ปารมัง สุขัง เทอญ
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรื่องของบ่อน้ำ
    พยายามขุดบ่อน้ำไว้ดื่มกินเอง
    พยายามใช้น้ำในบ่อของตนเอง
    พยายามทำความสะอาดแต่บ่อน้ำตนเอง
    พยายามทำน้ำในบ่อตนให้ใสอยู่ตลอดเวลา

    บ่อน้ำ ในที่นี้หมายถึง จิตของเราเอง

    พยายามค้นหาดวงจิตตนให้พบเจอ
    พยายามสร้างสติบ่อยๆ หรือทำความรู้สึกตัวบ่อยๆ
    พยายามสร้างสมาธิ หรือฌานเป็นนิจ
    พยายามทำปัญญารู้แจ้งแทงตลอด หรือรู้ ตื่น เบิกบาน
     
  18. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ขออนุโมทนาสาธุค่ะ ครูพี่ภูท่านได้กล่าวถูกต้องแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้เข้าใจธรรมะตัวนี้ได้เป็นอย่างดี ทําให้ได้เข้าใจสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา และผู้คนที่มีความแตกต่างกันมากมาย และทําให้ได้เห็นธรรมะของพระพุทธเจ้า ว่าให้เราปฏิบัติตาม แต่ขั้นที่สุดความสามารถของเรา ก็คือ "การปล่อยว่าง" เพราะปล่อยแบบอุเบกขาธรรม เพราะขั้นอุเบกขาธรรม คือ ทําใจเป็นกลางๆเพราะบางครั้งเราก็ไม่สามารถจะไปทําหรือช่วยผู้อื่นได้เสมอไป เพราะทุกๆอย่างมีเหตุ มีปัจจัยของสิ่งๆนั้นของเขาอยู่แล้ว แต่บ่อนํ้าของเราๆท่านๆนี้แหละที่เราจะต้องขุด ต้องล้าง ต้องทําให้ถึง พอเราถึงแล้ว เราก็จะได้นํานํ้านั้นแหละมาดื่มกินเอง...สาธุค่ะ
     
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Km_sk7rE1Bs]คติธรรมคำสอนของพระพุทธทาสภิกขุ - YouTube[/ame]​
    ความหมายคำว่า"นิพพาน"ของเรา
    เหมือนกับนิพพานของพระอริยเจ้าท่านไหม?
    สำหรับผู้ที่เข้าใจว่าจิตเข้าถึงวิมุตติแล้ว​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2013
  20. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ถาม- ความต้องการของคนนี่ นอกจากปัจจัย ๔ แล้ว ยังมีอีกตั้งหลายอย่าง

    เช่นความมีหน้ามีตาในสังคม ความมั่นคงในชีวิตอะไรต่างๆเหล่านี้ มันดูเหมือนต่างไปจาก

    ที่ท่านพูดมันก็จะมีปัญหาเหมือนกัน เพราะเราอยู่ในโลก?

    ตอบ- นั่นแหละคือความหลง เพราะสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ให้ความสุขไม่เป็นคุณ

    แต่เป็นโทษ แต่มองไม่เห็นกัน ไม่เข้าใจเวลาอยากให้คนนับหน้าถือตาถ้าไม่ได้ก็เสียใจ

    จะโกรธ นั่นแหละคือ ความโลภ ความหลงทั้งนั้น...

    คัดจากหนังสือกำลังใจ ๓๐ โดยพระจุลนายก (สุชาติ อภิชาโต)
     

แชร์หน้านี้

Loading...