พิจารณาโทสะ โดย Last S.

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Master SS, 28 มิถุนายน 2013.

  1. Master SS

    Master SS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +12
    อัน โทสะ หรือ ความโกรธ เป็นกิเลสใหญ่เอาชนะได้ยาก บางครั้งทำให้ครอบครัวเพื่อนฝูงแตกแยก บ้างทำให้เพื่อนร่วมโลกหมายมั่นเอาชีวิตกันก็มี ทั้งนี้ท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่างก็ให้หลักเบื้องต้นแก่ ปถุชนคนธรรมดาว่า "พึงเอาชนะความโกรธด้วยความเมตตา" อุปมาดับไฟร้อนด้วยน้ำเย็นซึ่งผู้เขียนก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่...หลายครั้งหลายคราผู้เขียนกลับพบว่าตัวผู้เขียนนั้นเข้าตำรา "น้ำน้อยแพ้ไฟ"
    ไม่ต้องมองอื่นไกลเอาแค่เฉพาะช่วงเช้าวันจันทร์ในสังคมเมืองที่ทุกคนต่างเร่งรีบ เมื่อประสบกับปัญหาสภาพการจราจรติดขัด(เกินจะแก้ไข จริงๆ ) แล้วไหนจะผู้ใช้รถใช้ถนนบางรายที่ขาดระเบียบวินัย อาการแห่งโทสะก็มักจะไต่ระดับไปเรื่อยๆ ตามแต่อุปนิสัยของแต่ละคน เช่น ถอดถอนใจ รำพึงรำพัน หรือแม้กระทั่งสบถด่าอันเป็นที่มาแห่งปฐมบทแอ็คชั่นดราม่า เช่น ข่าวยิงกันตามหน้าหนังสือพิมพ์
    ผู้เขียนมานั่งพิจารณาดู โอ้ละหนอ! กิเลสนั้นไวจริงๆ กว่าจะรู้ตัวโทสะอันได้แก่ความหงุดหงิดใจก็ได้เข้าไปครอบงำจิตใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แม้นตั้งใจว่าจะไม่โกรธ ไม่หงุดหงิดใจ หากโทสะเกิดเมื่อใดเราจะดับทันที แต่บางครั้งก็ดับทันบ้างไม่ทันบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลังซะมากกว่าซ้ำร้ายยังพาลหงุดหงิดใจได้อีกแหนะว่าทำไมสติมันมาไม่ทันนะ เจ้าโทสะนี่มันร้ายกาจจริงๆ นอกจากจะมีประเภทพละกำลังมาก (แสดงออกทางคำพูดและกิริยาท่าทาง) แล้ว ยังมีประเภทพรางตัวเก่ง (หงุดหงิดงุ่นง่านใจ) ซะด้วยสิ
    ทั้งนี้ โทสะประเภทพรางตัวเก่ง (หงุดหงิดงุ่นง่านใจ) เมื่อเกิดที่จิตก็ต้องดับที่จิต อันเป็นไปตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ส่วนโทสะประเภทมีพละกำลังมาก (แสดงออกทางคำพูดและกิริยาท่าทาง) จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนและคนใกล้ชิด ผู้เขียนพบว่าวิธีการของผู้เขียนแม้จะมิใช่สูตรสำเร็จก็ตาม แต่ผู้เขียนเชื่อว่าวิธีการของผู้เขียนน่าจะถูกจริตหรือเป็นประโยชน์กับผู้อ่านบทความนี้บ้างไม่มากก็น้อยดังนี้
    1.ผู้เขียนเริ่มต้นจากการทำความรู้จักตนเองก่อนเป็นลำดับแรก โดยวิธีการง่ายๆ คือ ให้เราย้อนนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราที่ทำให้เราโกรธหรือหงุดหงิดใจ แล้วให้เขียนสรุปเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านั้นลงในกระดาษเป็นรายข้อให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จนไม่อาจจะเขียนต่อไปได้อีก
    2.เมื่อได้รายละเอียดตามข้อ 1. แล้ว ผู้เขียนจะทำการคัดแยกกลุ่มเหตุการณ์ต่างๆ เป็นหมวดหมู่และพิจารณาดูว่าเหตุการณ์ใดบ้างนะที่ผู้เขียนสามารถใช้เหตุผลระงับความโกรธได้ เหตุการณ์ใดบ้างนะที่ผู้เขียนตัดสินใจหลีกเลี่ยงหลีกหนี(เล็งเห็นแล้วน่าจะถูกโทสะครอบงำจนขาดสติ) และเหตุการณ์ใดบ้างที่ผู้เขียนปล่อยให้โทสะครอบงำ
    3.หาหนังสือธรรมะอ่านอย่างน้อยเดือนละเล่ม
    ดังกล่าวแล้วข้างต้นผู้เขียนเชื่อว่าหากเราหมั่นสำรวจตนเองและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาควบคู่ไปกับการศึกษาธรรมะบ้างเป็นเครื่องครองใจ ผู้เขียนเชื่อว่าเราจะสามารถควบคุมความโกรธและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งอันเกิดจากการใช้อารมณ์โดยขาดสติยับยั้งได้

    บทความโดย Last S.
    28 มิถุนายน 2556
     
  2. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    ผมว่า ทำไม่ได้นะ ทำแค่นี้ ลดความโกรธหรือควบคุมความโกรธไม่ได้นะ ไม่ใช่ไม่ดีนะที่คุณพูดมาแต่ผมว่าไม่พอหรือยังไม่พอ...ถ้าทำแค่นี้รับรองคุณยังโกรธอยู่ดี
     
  3. pasit_99

    pasit_99 การเวียนว่ายตายเกิดนั้นน่ากลัว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,673
    ค่าพลัง:
    +3,464
    เวลาโกรธ ให้ส่องกระจกดูตัวเองนะครับ
    แล้วจะตกใจจนหายโกรธ เมื่อพบว่าหน้าตาตอนนั้นดูไม่ได้เลย
     
  4. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    จากที่ได้ดูหนัง เรื่อง พลังตัวเขียว green ที่เป็นเหล่าพิทักษ์จักรวาล
    จะเห็นว่า พลังที่ เอามาใช้คือ พลังดี แต่ไม่มีใคร กล้าเอาพลังแห่งความโกรธมาใช่ เพราะ กลัวว่า จะหลงและถูกความโกรธครอบงำเอา แล้วตกอยู่ภายไต้ความโกรธ แล้วก็ จะนำมาซึ่ง การทำลาย หายนะเสียส่วนใหญ๋ ซึ่งจากหนัง จะเห็นว่า มารร้าย มันมีพลังมากเพราะ ความชั่ว ความหลง ไม่มีกฏ ไม่มีดีชั่ว มีแต่ ความต้องการที่จะเอาชนะ และขึ้นเป็นใหญ๋

    ดังนั้น ทุกวันนี้ก็เช่นกัน พลังของ ความรัก ความโลถ ความโกรธ ความหลง นี่ก็ล้วนเป็นพลังที่ขับเคลื่อนขับดันกระตุ้นให้ คนเรา ทะเยอทะยานด้วยความอยากเพื่อให้ ถึงเป้าหมายที่ หวังเอาไว้ โดยบางที จนไม่คำนึงถึงเรื่อง ความดีความชั่ว มันก็เป็นการ นำมาใช้ที่ผิดๆ หรือ การใชัพลังไม่เป็น เหมือนการใช้ไฟ ถ้าใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ก็ได้ ใช้เพื่อให้เกิดโทษก็ได้ มันอยู่ที่ ผู้ใช้ ว่า รู้จักวิธีใช้ ใช้ให้เป็น ถูกต้อง ตาม มรรคาแปด หรือไม่
     
  5. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    เกลือ มีพลัง เค็ม
    น้ำตาลมีพลังหวาน
    พริก มีพลัง เผ็ดร้อน
    เฉาก๊วย มีพลัง เย็น
    ทุกสิ่ง ล้วนมีพลัง เป็นคุณลักษณะของตัวมันเอง ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากธรรมชาติ
    การนำมาใช้ให้ถูกต้อง และใช้ให้เป็น จากตัวผู้ใช้เอง เป็นสิ่งที่ ต้อง เรียนรู้และนำมาใช้ให้เป็น เพื่อไม่เป็นการทำร้ายตนเอง และทำร้ายคนอื่น สิ่งพวกนี้ เป็นธรรม ความจริง เป็นธรรมชาติ ที่ต้อง ทำให้ถูกและใช้ให้เป็น ตาม สมมุติของการเกิดขึ้นมาของของแต่ละชนิด
    เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ถูกสร้างขึ้นมานั้น ล้วนมีคุณลักษณะที่ดีในการใช้งาน เพื่อประโยชน์ของตัวมันเอง จะไม่ถูก ก็เมื่อผุ้นำมาใช้นั้น ใช้ไม่เป็น ใช้ไม่ถูก นำมาใช้ในทางที่ผิด
     
  6. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    พลัง จากความรัก เอามาใว้เพื่อ ปกป้อง ในสิ่งที่ตนรัก

    พลังจากความโลภ เอามาใช้เพื่อ กระตุ้นให้เราเป็นคน ขยัน กระตือรือร้น เพื่อสนองความอยากในตนเอง

    พลังจากความโกรธ เอามาใช้ เพื่อ ทำลายในสิ่งที่เราไม่ต้องการ ไม่ปราถนาหรือ ทำลายสิ่งที่ จะมีภัยกับเรา หรือ มารบกวนเรา

    พลังจากความหลง เอามาใช้เพื่อ ความปลอดภัย ของตน โดย ไม่สนใจ เหตุผลใดใด บางคนเรียกว่า มันคือ ความเห็นแก่ตัวของแต่ละคน นั่นเอง

    ดังนั้นพลังเหล่านี้ คนที่จะกล้านำมันมาใช้ก็คือ คนที่มีสติ มีเหตุมีผล รู้กฏแห่งกรรม รู้มรรคาทั้งแปด
     
  7. Kiai

    Kiai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +36
    โทสะ นั้นมีที่มาจาก ความฟุ้งซ่านรำคาญ และ กามตัณหา ภวตัณหา และ วิภวตัณหา หรือไม่ แต่รวมๆเรียกกันแล้วมันคือ ส่วนหนึ่งของ กิเลส เพราะเราๆท่านๆยังเป็นมนุษย์การตอบปัญหาแบบผู้ที่ปฎิบัติธรรมมาดีแล้วจึงไม่อาจช่วยอะไรให้เราระงับที่ตัวเองได้ หากกรณีดังกล่าวมีสาเหตุมาจากเหตุปัจจัยอื่นที่เราๆท่านๆไม่ได้ก่อ หรือ เรื่องรา่วดังกล่าวพัวพันเกินปกติวิสัย หากการเกิดโทสะสามารถมีขึ้นได้บ้าง อภิมหาโทสะที่มากกว่าหนักกว่าอาจจะไม่เกิดหรือไม่ ส่วนตัวแล้วมีความเห้นว่า จงโกรธ และ ค้นหาสาเหตุที่ตนเองโกรธว่าเกิดจากอะไร เพระาหากไม่ได้เกิดจากตัวเอง ความโกรธดังกล่าวจะค่อยๆสะสมทวีเป็นความรุนแรง ตัวเองเคยอยู่ในภาวะที่ปกติ ไม่เคยมีใครคิดร้ายนินทา มีความจริงใจกับทุกคนทุกสิ่งที่พบเจอ บิดามารดาญาติพี่น้องเลียงดูอุปภัมป์เป้นอย่างดี แต่เมือ่มาเจอบางสิ่งที่เลวร้ายกว่าจากคนอื่น ตัวเองก็เกิดโทสะได้เช่นกัน สิ่งที่แนะนำได้ก็คงมีเพียงคำว่า หลบเลี่ยงที่จะเจอคนเหล่านั้น หรือ เหตุการณ์เหล่านั้น แต่หากเลี่ยงไม่ได้ จงโกรธ จงด่าทอ แต่จงหยุดอยู่เพียงเท่านั้น อย่าสานต่อสิ่งที่รุนแรง หากเลี่ยงไม่ได่้ที่จะบอกใครบ้าง จงทำในที่ส่วนตัวหรือในที่ลับก่อน หากสิ่งเลวร้า้ยที่ก่อให้เกิดโมหะ หรือ โทสะ ยังตามมาเพื่อที่จะทราบว่าสิ่งที่เขาทำไปกับเราเราเอาไปพูด หรือ ทำอะไรไหม การกระทำในที่ส่วนตัวของเราและมีเขาตามไปรับรู้และก่อการใดๆต่อไป นั่นเป็นวิสัยที่มนุษย์ทุกคนที่เคารพกฏการละเมิดไม่ทำกัน และหากเขายังทำเช่นนั้นหมายความว่า คนที่คบหาเขาเต็มใจให้เขาละเมิดทั้งสิ้น ถ้าเจอคนแบบนั้น อย่ากลัวที่จะหลบหลีกหรือใส่ใจถ้าเขาจะทำอะไรเรา เพราะมันจะน่ากลัวกว่าถ้าเขาทำไปเพระาเห็นเราในทันทีหรือคิดว่า มันคือสิ่งที่ต้องรู้แพ่้รู้ชนะ ประการสำคัญ เราไม่เล่นด้วย เขาก็จะเล่นของเขาไปเรือ่ยๆให้คนที่หน้ามืดตามัวดูเขาทำชั่วกับเราไปเรือ่ยๆเช่นกัน ในส่วนลึกแล้วถามว่าในบั้นปลายคนเหล่านั้นจะรู้สึกกับคนพวกนี้อย่างไร หน้าชื่นอกตรม หรือการเกิดมาเป็นคนไม่รู้ไม่ชี้รู้จักผิดชอบขั่วดี นั่นนับว่าคนอย่า่งพวกเขาโชคร้ายมากอยู่แล้ว ยิ่งมีมาก คนในหมู่พวกเขา ลูกหลานในอนาคตก็จะต้องฉิบหายไปด้วยการลักษณะนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...