ทำอย่างไรเวลาบริจาคลูกเมียเป็นทาน จะไม่มีผู้ใดคิดปองร้าย ข่มเหง รังแก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Sirius Galaxy, 14 มิถุนายน 2013.

  1. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    อ่านต่อ
    ผู้ที่ศึกษาพระพุทธศาสนาบางท่าน เคยตั้งประเด็นปัญหาว่า
    “การบริจาคลูกเมียของพระเวสสันดรนั้น เป็นการกระทำของคนเห็นแก่ตัวหรือไม่”
    “การให้ลูกและภรรยาเป็นทานของพระเวสสันดร ชอบธรมหรือไม่”

    อาจารย์เสถียร โพธินันทะ ท่านกล่าวว่าในกรณีที่ท่านให้ชาลีกัณหา หรือพระนางมัทรีเป็นทานนั้น ถ้าเราเอาจิตใจพวกเราอย่างปุถุชนธรรมดา ผู้มีกิเลสไปวัดจิตใจท่าน เราก็อาจจะคิดว่าเห็นแก่ตัว แต่ถ้าเรามองด้วยใจของพระเวสสันดรแล้ว ตรงกันข้าม พระเวสสันดรเป็นพระโพธิสัตว์ และการที่พระเวสสันดรให้สิ่งเหล่านี้ไป ให้เพื่อหวังอะไร

    ให้เพื่อหวังชื่อเสียง เพื่อความสุข เพื่อพระองค์หรือ ถ้าเพื่อชื่อเสียง เพื่อความสุขแล้ว ลูกเมียเป็นที่รักดังแก้วตา จะให้เขาไปไม่ได้หรอก จะต้องอยู่กับลูกอยู่กับเมีย แต่ที่พระองค์ให้เขาไปก็เพื่อหวังพระโพธิญาณ

    พระโพธิญาณเพื่อใคร ถามต่อไปอีก ก็ได้รับคำตอบว่า พระโพธิญาณเพื่อสรรพสัตว์โลก เพราะฉะนั้น การทำประโยชน์ การให้ทานของพระเวสสันดรนั้น ไม่ใช่เพื่อพระองค์เสียแล้ว แต่เพื่อสัตว์โลกทั้งหลาย เป็นการทำประโยชน์เพื่อชนหมู่มาก โดยการที่พระองค์ยอมเสียสละ ความสุขส่วนพระองค์ ยอมทุกข์ในส่วนพระองค์ เพื่อความสุขของชนมหาศาลทั้งโลก การทำอย่างนี้เป็นการเห็นแก่ตัวหรือ มนุษย์ผู้มีความเห็นแก่ตัวทำได้อย่างนี้หรือ

    พระโพธิสัตว์นั้น รบกับกิเลสเพื่อเห็นแก่สรรพสัตว์ ไม่เลือกชาติ ชนชั้น วรรณะ และไม่จำกัดเฉพาะมนุษย์ แต่แผ่ไพศาลไปยัง มาร อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ เดียรัจฉาน เป็นที่สุด นี่แหละครับ เป็นลักษณะมหากรุณาของพระโพธิสัตว์เจ้า มีกี่คนทำได้อย่างนี้ คราวนี้เรามองดูในแง่พ่อกับลูก ก่อนที่พระเวสสันดร ท่านจะยกลูกให้กับท่านชูชก ได้คิดวางแผนการณ์อะไร เพื่ออนาคตของลูกท่านไม่ให้ลำบากไหม

    ท่านวางแผนไว้แล้ว ดังจะเห็นได้ว่าในตอนที่ท่านกล่าวดัง ๆ ให้ชูชกได้ยิน ท่านบอกชาลีกัณหาว่า ลูกเอ๋ย ถ้าลูกไปอยู่กับพ่อเฒ่าชูชกคนนี้ละก็ ใครจะมาเอาตัวลูกไปละก็ พ่อจะขอตีราคาค่าไถ่ตัวลูกแต่ละคน สำหรับชาลีนั้น ผู้ที่จะมาไถ่ต้องนำทองคำพันลิ่ม ถึงจะมาไถ่ชาลีได้ ส่วนแม่กัณหาซึ่งเป็นน้องเล็กนั้น ผู้ที่จะมาไถ่จะต้องมีโคร้อยตัว ม้าร้อยตัว ช้างร้อยตัว ทองร้อยลิ่ม เงินร้อยลิ่ม ทาสร้อยคน ทาสีร้อยคน รถร้อยเล่ม มาไถ่แม่ถึงจะยอมตัวไปอยู่ด้วยกับเขานะ ท่านสั่งของท่านยังงี้ ชูชกฟังหูผึ่งทีเดียว ชูชกนี่ฉลาด ถ้าเราเอาใจชูชกมาใส่ใจเราบ้าง ว่าเราได้ลูกเขามาสองคน ชายคนหญิงคน มันก็ยังเล็กอยู่ ผู้หญิงก็ไม่เกินเจ็ดขวบ ผู้ชายก็ไม่เกินสิบสองขวบ ได้มาสองคนอย่างนี้ อย่างมากก็เอาไปตักน้ำตักท่า ปัดกวาดถูบ้านถูเรือนเท่านั้นเอง กับที่ว่าเอาไปขาย ได้สินไถ่มามากมายพอกินเป็นมหาเศรษฐีทันตาเห็น เราจะเลือกเอาอย่างไหน แน่นอน ชูชกซึ่งเป็นนักเศรษฐกิจตัวยง ก็จะต้องเอากัณหาชาลีไปขายเพื่อเอาสินไถ่

    คราวนี้ใครบ้างเล่าที่จะมาไถ่ด้วยราคาค่างวดอันมากมายอย่างนี้ เว้นไว้แต่ผู้นั้นจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขด้วย ก็เท่ากับว่าพระเวสสันดรนั้นได้ยืมมือชูชก ให้พาชาลีกัณหาออกจากป่าไปหาปู่เท่านั้นเอง พระเจ้ากรุงสัญชัยนั้นแหละจะเป็นผู้ไถ่ไม่ใช่ใครหรอกครับ

    พระเจ้ากรุงสัญชัยซึ่งเป้นพระอัยกานั่นเองเป็นผู้ไถ่ กษัตริย์หรือเศรษฐีบ้านไหนเมืองไหนเขาจะมาไถ่กัน เด็กกะเปี๊ยก ๒ คน จะเอาไปทำอะไรกัน ทองคำพันลิ่ม ช้างม้าวัวควายทาสีทาสา อีกมากมาย อย่างละร้อย เอาทำไมกัน เป็นอันว่าชูชกนี่จะต้องมุ่งพาเด็ก ๒ คนนี้ไปหาปู่ เพราะไปที่ไหนก็ไม่มีใครเขาเอา ปู่กับย่านั้นจะเป็นผู้ไถ่เอง แล้วการณ์มันก็เป็นตามที่พระองค์ทรงคาดไว้จริง พระเจ้ากรุงสัญชัยและพระนางผุสดีไถ่จริง ข้อเสนอราคาที่ชูชกบอกว่า พระเวสสันดรตีราคาอย่างนี้

    พระเจ้ากรุงสัญชัยและพระนางผุสดีไม่ทรงเชื่อ หาว่าชูชกไปขโมยเด็กมา ฝ่ายเด็กสองคนก็ยืนยันว่าพระบิดาได้ยกให้ชูชกไปจริงๆ พระบิดาได้ตีราคาไว้จริงๆ ชูชกเลยกลายเป็นเศรษฐีทันตาเห็นในวันนั่นเองที่พาหลานไปหาปู่ เรื่องนี้เป็นการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ

    ข้อที่พระองค์ให้ลูกเป็นทานนั้นมีประโยชน์ ๔ สถาน

    ๑. ชื่อว่าบำเพ็ญปุตตปริจาคะ
    ๒. ชื่อว่าไม่ทำให้พระโอรสและพระธิดาต้องตกระกำลำบากอยู่ในป่า แต่กลับมาอยู่ในอ้อมอกของปู่ – ย่า
    ๓. ทำให้ชูชกซึ่งแกยากจนได้เป็นเศรษฐีรวยมั่งมีทันตาเห็น
    ๔. พระอัยกาได้ฟังนัดดาทั้งสองเล่าถึงความทุกข์ยากของพระโอรสและพระสุณิสา มีความเศร้าพระทัย เป็นเหตุให้ชาวสีวีรัฐทั้งปวงก็มีความเศร้าใจ สงสารพระเวสสันดร พากันยกโทษให้ กลับไปทูลเชิญให้เสด็จกลับไปเสวยราชย์
    มีต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  2. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    อ่านต่อ
    การกระทำของพระเวสสันดร เป็นการกระทำของบัณฑิตผู้เห็นการณ์ไกล ที่เอาประโยชน์ได้ทั้งในปัจจุบันและสัมปรายภพ ข้อนี้เห็นได้ชัดเจนประการสุดท้าย ทรงให้พระนางมัทรีเป็นทาน พระนางมัทรีใครๆ ก็รู้ว่าเป็นยอดมิ่งขวัญ ยอดกัลลยา เป็นเมียแก้ว เมียขวัญที่ดี เพราะฉะนั้น การที่พระเวสสันดร ยกพระนางมัทรีให้พราหมณ์นั้น พระนางมัทรีก็รู้อยู่แก่ใจว่า พระเวสสันดร มุ่งประสงค์อะไร และพระนางก็ยินดีที่จะร่วมเสียสละกับพระองค์ เพื่อที่จะช่วยกันบ่มโพธิญาณให้สุกงอม เพื่อประโยชน์แก่มหาชนในอนาคตกาลเบื้องหน้า เพราะฉะนั้น เมื่อพราหมณ์จำแลงมาขอพระนางมัทรีจากพระองค์ เมื่อพระเวสสันดรบอกยกให้แล้ว ยังไม่แน่แก่พระทัยว่า พระนางมัทรีจะเศร้าใจ หรือเสียใจ จึงผินพระพักตร์มาทอดพระเนตรพระนางมัทรีว่า จะมีการอาการอย่างไรปรากฎหรือไม่ พระนางมัทรีก็ได้ทูลออกมาด้วยน้ำใจที่แกล้วกล้าเยี่ยงสุรนารีว่า

    โกมารี ยสฺสาหํ ภริยา สามิโก มม อิสฺสโร ยสฺสิจฺเฉ ตสฺส มํ ทชฺชา วิกฺกีเณยฺย หเนยฺย วา
    แปลว่า
    หม่อมฉันก็องอาจเป็นเทวีของพระองค์ท่านใด พระองค์ท่านนั้นเป็นภัสดาของหม่อมฉัน เมื่อพระองค์จำนงค์ให้หม่อมฉันแก่บุคคลใด ขอจงประทานให้แก่บุคคลนั้นเถิด พึงขาย หรือพึงฆ่าเสียก็ตามหม่อมฉันยอมทั้งนั้น
    นี่ก็แสดงว่า จิตใจของพระนางมัทรีเต็มเปี่ยมแล้ว เข้าใจในเหตุผลของสวามีแล้ว พระนางมิได้เศร้าหรือเสียใจพระนางยินดี เพราะยิ่งเป็นการช่วยให้พระสวามีได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์เร็วขึ้น เสร็จแล้วพราหมณ์ผู้นั้น ก็เป็นพราหมณ์ที่มาทดลองพระเวสสันดร และได้คืนพระนางมัทรีให้ ใครเลยจะกล้ารับพระนางมัทรีไป ในที่สุดพระนางมัทรีก็ไม่ได้เสียอะไรไป ก็กลับอยู่ในสำนักของพระสวามีอีก

    ฉะนั้นเรื่องพระเวสสันดรชาดก ขอจบลงด้วยการยกเอาอภิสวาจาของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ที่ได้ประกาศไว้ว่า

    หทยํ จกฺขุปหํ ทชฺชํ กึ เม พาหิรกํ ธนํ หริญฺญํ วา สุวณฺณํ วา มุตฺตา วา เวฬุริยา มณี

    เราพึงให้ดวงหทัยหรือดวงจักษุก็ยังให้ได้ เราจะหวงแหนอะไรกับทรัพย์ภายนอก คือเงินทองมุกดาไพฑูรย์มณีได้
    ชาลึ กณฺหาชนํ ธีตํ มทฺทึ ปติพฺพตํ จชมาโน น จินฺเตสึ โพธิยาสึ เยว การณา

    เราสละชาลีผู้โอรส กัณหาผู้ธิดา ตลอดจนมัทรีเทวี ผู้เคารพสามีโดยที่เราไม่คิดอย่างหนึ่งอย่างใด ก็เพราะเหตุอันจักสำเร็จโพธิญาณเท่านั้นฯ
    น เม เทสฺสา อุโภ ปุตฺตา มทฺที เทวี น อปฺปิยา สพฺพญฺญุตํ ปิยํ มยฺหํ ตสฺมา ปิเย อทาสหํ

    โอรสธิดาทั้งสองของเรา เราจะเกลียดชังก็หาไม่ พระนางมัทรีไม่เป็นที่รักของเราก็หาไม่ แต่สัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของเรายิ่งกว่า เราจึงสละโอรสและธิดา พร้อมทั้งมัทรีเสีย เพื่อแลกกับสิ่งที่เรารักยิ่งกว่านั้นคือ พระสัพพัญญุตญาณฯ
    มีต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2013
  3. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    อ่านต่อ
    น้ำใจของพระโพธิสัตว์นั้น ช่างเป็นน้ำใจที่สูงส่งยิ่งใหญ่ ประกอบไปด้วยพระมหาเมตตา และพระมหากรุณา ในใจของพระองค์คิดหวังแต่ประโยชน์เบื้องหน้าอันสูงส่ง ที่จะรื้อขนสัตว์โลกข้ามพ้นห้วงโอฆะสงสารข้ามถึงฝั่งพระนิพพาน

    ในการที่พระองค์บริจาคลูกเมียเป็นทานนั้น นอกจากจะเป็นบารมีที่พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายพึงต้องกระทำ พระองค์ยังทรงมีพระเมตตาโปรดลูกเมียที่พระองค์บริจาคไป ให้ได้อนุโมทนาในการกระทำของพระองค์ที่เป็นบุญเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่เพื่อพระโพธิญาณ อันจะทำให้ลูกและเมียมีความองอาจกล้าหาญรื่นเริงในบุญกุศลนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาและกำลังใจของลูกและเมียของพระโพธิสัตว์

    เช่น พระชาลี ดังนี้ (คัดมาจากมิลินทปัญหา)
    เมื่อพระชาลีกุมารกลิ้งเกลือกซบอยู่แทบพระบาทแล้วทูลวิงวอนว่า ข้าแต่พระบิดา ขอพระองค์จงให้พระนางน้องกัณหาอยู่เถิด ลูกจะไปกับด้วยยักษ์แต่ผู้เดียว ยอมให้ยักษ์เคี้ยวกินเป็นอาหาร พระองค์ก็มิได้ทรงรับและไม่ตรัสเจรจาแต่ประการใด

    พระกัณหา ดังนี้ (คัดมาจากเว็บพลังจิต)
    ชาติที่เป็นกัณหา พระเวสสันดรต้องการมอบกัณหาพระกุมารีนี้ให้แก่ชูชก กันหากับชารีรู้เข้าจึงหนีลงไปซ้อนในสระบัว ตอนนั้น กัณหาคิดว่าพ่อ พระเวสสันดรไม่รักถึงจะมอบตนให้กับชูชก จึงอธิษฐานจิตตอนที่ซ่อนอยู่สระบัวว่า ในเมื่อพ่อไม่รักจะไม่ขอเกิดเป็นลูกพ่ออีก ต่อมาในชาติสุดท้ายของทุกคน ท่านจึงไม่ได้เกิดเป็นพระกุมารีของเจ้าชายสิทธัตถะ ดังนั้นเจ้าชายสิทธัตถะจึงมีพระโอสรพระองค์เดียว คือ ชาลี

    อีกตัวอย่างหนึ่งของพระกัณหา พระชาลี (คัดมาจากเว็บพลังจิต)
    ชาลีเข้าใจน้ำพระทัยพระบิดา เมื่อขึ้นจากคูน้ำที่ลงไปซ่อนอยู่ระหว่างกอบัว ก็ลงใจยินยอมไปกับชูชก แต่ใจของกัณหา เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั้น เต็มไปด้วยความโทมนัสน้อยใจ แม้จะเคยมุ่งมั่นศรัทธาตั้งใจปวารณาตัวไว้กับพระทีปังกรพุทธเจ้า มาเกิดเป็นกัณหา เพื่อให้พระเวสสันดรได้ใช้บำเพ็ญมหาทาน
    มาบัดนี้ ความทุกข์ที่ครอบงำ พาใจให้ลืมความมุ่งมั่นเดิมหมดสิ้น
    กัณหามีแต่ความน้อยใจแหนงใจว่า พระบิดาทำอย่างนี้ได้อย่างไร ยิ่งชูชกส่งเสียงขู่ วางอำนาจว่า ถ้าดื้อดึง ชักช้าอยู่ จะเฆี่ยนตีนะ กัณหาก็ร้องเรียกให้พระเวสสันดรช่วย พระเวสสันดรหักพระทัยข่มพระทัยตอบกัญหาว่า ท่านยกให้ชูชกแล้ว กัณหาต้องเชื่อฟังชูชก เคารพชูชกเหมือนที่เคารพท่าน
    กัณหาจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า แต่นี้ไป ขออย่างได้เจอะเจอเป็นพ่อลูกกันอีกเลย ลืมคำที่เคยขอมาเป็นลูกเจ้าชายสิทธัตถะอีก เป็นการลบล้างคำอธิฐานเดิม

    พระนางมัทรี ดังนี้ (คัดจากอรรถกถา มหาเวสสันตรชาดก)
    ข้าแต่สมมติเทพ หม่อมฉันขออนุโมทนาปิยบุตรทานอันอุดมของพระองค์ พระองค์ทรงบริจาคทานแล้ว จงยังพระหฤทัยให้เลื่อมใส ขอจงทรงบำเพ็ญทานให้ยิ่งๆ ขึ้นไปเถิด ข้าแต่พระชนาธิปราช ในเมื่อชนทั้งหลายมีความตระหนี่ พระองค์ผู้ยังแคว้นของชาวสีพีให้เจริญ ได้ทรงบริจาคบุตรทานแก่พราหมณ์

    ในคราวที่พระเวสสันดร บริจาคภรรยา
    หม่อมฉันผู้ยังเป็นสาว เป็นเทวีของพระองค์ท่านใด พระองค์ท่านนั้นเป็นพระภัสดา เป็นใหญ่ของหม่อมฉัน พระองค์ท่านทรงปรารถนาจะพระราชทานแก่บุคคลใด ก็จงพระราชทานแก่บุคคลนั้น หรือจะพึงขายพึงฆ่าเสีย ก็ย่อมได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2013
  4. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ข้าพเจ้าสร้างสมพระบารมี ประกอบด้วยเมตตา กรุณา หวังจะรื้อขนสัตว์โลกข้ามพ้นห้วงโอฆะสงสารข้ามถึงฝั่งพระนิพพาน หลุดพ้นจากกองทุกข์อันเกิดจาก ชาติ ชรา มรณะ เป็นผู้ไม่เบียดเบียน ด้วยคำสัจอธิฐานนี้ ขอให้บุตรธิดาภรรยาของข้าพเจ้าประกอบด้วยเมตตา กรุณา เป็นผู้ไม่เบียดเบียน

    กาลใดที่ข้าพเจ้าบริจาคบุตรธิดาภรรยาเป็นทาน ขอให้บุตรธิดาภรรยาของข้าพเจ้าจงเป็นผู้มีความสวัสดี อยู่เป็นสุข ปราศจากอุปัทวเหตุอันตรายทั้งหลาย ไม่มีผู้ใดล่วงเกินประทุษร้ายทั้งทางกาย วาจา ใจ ด้วยเดชแห่งบุญกุศลของบุตรธิดาภรรยาและบารมีแห่งสัจอธิฐานของข้าพเจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814




    :cool:ในเมื่อท่านได้อธิษฐานดังนี้แล้วไซร้ ท่านต้องทำให้ได้ก่อน ไม่ว่า กรณี ใดๆทั้งสิ้น ไม่มีคำว่า ทำไม่ได้ นั้นต้องไม่มีแด่ท่าน ในเมื่อผมเห็นท่าน บอกว่า ไม่อยาก เป็นนักรบ หรืออะไรบางอย่าง นั้นมันไม่ได้แน่นอน เพราะอะไรรู้ ไหม ของนั้นมันยังไม่ยิ่งใหญ่ เท่ากับลูกเมีย มันเป็นกฎตายตัว ของพระโพธิสัตว์ ที่จะต้องบำเพ็ญ ถ้าสิ่งเล็ก ยังทำไม่ได้ ของใหญ่ ๆ ยิ่งยากกว่า มากมายนัก อย่างพระเจ้าจักพรรดิ พระมหากษัตย์ นักรบ มันยิ่งเกิด จนนับชาติไม่ถ้วนอยู่แล้ว


    บริจาค ขาแขน ดวงตา ยังพึ่งเริ่มต้นเองนะ แต่ว่า บริจาค ลูกเมียนี้ มันขั้นสุดท้าย ของการ สร้างบารมีครับ การอธิษฐานบารมี ก็ถูกต้อง แล้ว แต่ที่สำคัญ ต้องลงมือทำให้ได้ ทุกอย่าง ไม่ใช่ชาติเดียวด้วย จนนับชาติไม่ถ้วน ครับ เอาแค่เกิด มาบำเพ็ญ เป็นนักบวช เป็นพระฤาษี นี่ พระพทธเจ้าของเรา เกิดมาบำเพ็ญ จนนับชาติไม่ถ้วนครับ อย่างอื่นมันก็ต้องผ่านหมด กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐาน ๔ ผ่านจนนับชาติไม่ได้เหมือนกัน แล้วต้องเรียนรู้ อารมย์ พระโสดาบัน ถึงอารมย์พระอรหันต์ ไม่มีสิทธิ์ ได้ตรัสรู้ เป็นพระอรหันต์ จนกว่าบารมีคุณจะเต็ม ถ้าไม่ลาพุทธภูมินะ ถ้าลาพุทธภูมิ ก็อีกเรื่องหนึ่งต่างหากครับ


    ก็ขออนุโมทนาสาธุ ในการปราถนาดี ของท่าน สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมธามิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...