ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

แวะมาทักทายพี่มี้ดครับบ

หลายวันก่อนยังคิดถึงพี่นักเขียนอยู่เลยครับ อิอิ หนังสือพอดีได้ซื้อเก็บไว้ 7 เล่ม เหลืออีก 3 เล่ม แงๆ ยังไม่ได้อ่านเลย รอๆครับ อยากอ่านต่อพอดีเลย

 

ขออนุญาตทิ้งกระทู้เทพไว้หน่อยนะครับพวกพี่ๆ เนื่องจากผู้ดูแลย้ายกระทู้ผมไปห้องหลุมดำน่ะครับ ผมคงทำอะไรไม่ได้เพราะต้องเคารพกฏระเบียบของพี่เค้าครับ เผื่อท่านใดมีปัญหาอะไรอยู่ทางจิตอยู่..กระทู้ของผมอาจเป็นทางออกให้กับท่านเหล่านั้นน่ะครับ ฝากทิ้งไว้หน่อยนะครับ...ขอบคุณครับ

http://palungjit.org/threads/ขอให้ทุกท่านตั้งใจฟังผมให้ดี-ผมคิดว่าผมบรรลุโพธิญาณแล้วนะครับ.502262/

 

วันนี้เจอแต่เรื่องดีๆ เจอกระทู้เก่าของคุณชยุต ได้รับข่าวดีเรื่อง free e-book จากคุณมี้ด ไม่รู้จะพูดอะไร นอกจาก ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณมากค่ะ(k)

 

มีกระทู้ใหม่มาให้อ่านหนะครับ
เรื่องเกี่ยวกับ นรก - สวรรค์ ครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-หรือว่านี่จะคือนรกและสวรรค์ตามความเชื่อของบางศาสนานะ"

http://palungjit.org/posts/8059189

.............................

 

คือมีเรื่องสงสัยคาใจ จากที่ติดตามอ่านหลายๆกระทู้ของคุณพี่ชยุตและเพื่อนๆ มาพักใหญ่

จิตวิญญาณเรานี่มีจิตวิญญาณต้นธาตุใช่มั้ยคะ แล้วแต่บะจิตวิญญาณก็อาจไปหาประสบการณ์ในมิติและโลกต่างๆกัน รวมถึงโลกเดียวกันแต่ต่างร่าง หรือต่างภพชาติ แล้วถ้าทุกจิตวิญญาณต่างมีประสบการณ์ซึ่งในที่สุดก็จะกลายเป็นประสบการณ์ร่วมของจิตวิญญาณ และของจักรวาล(ไม่แน่ใจว่าเข้าใจตรงตามจริงหรือเปล่า)

สงสัยว่าถ้าจิตวิญาณหนึ่งอย่างเช่น จิตวิญญาณเรานี้สามารถยกระดับความสั่นสะเทือนไปสู่มิติหรือระนาบระดับสูงมากหรือกระทั่งไปสู่สภาวะสูงสุดคือพ้นจากมิติของเอกภพสู่แหล่งกำเนิดดั้งเดิมได้ ด้วยเจตจำนงค์อิสระ เช่นนั้นแล้วเราจะต้องรอ...เอ่อหรือหน่วงไว้

อืม...ใช้คำพูดไม่ค่อยถูกอ่ะค่ะ คือว่าด้วยความเป็นจิตวิญญาณร่วมแต่มีความตระหนักรู้เป็นส่วนตัว เราจะสามารถแยกไปสู่มิติที่สูงสุด หรือต้องดำรงอยู่ในมิติต่างๆ(ที่ต่ำๆกว่า)ต่อไปกับจิตวิญญาณร่วมอื่นๆของเรา สมมุติว่าเราเข้าถึงความสั่นสะเทือนอันสูงสุดหรือเข้าสู่จิตสำนึกแบบพระเจ้าแล้วเราจะแยกไปแหล่งกำเนิดตามลำพัง หรือต้องรอคะ...

-_-'ไม่แน่ใจว่าคำถามนี้แปลกๆหรือไม่ อ่ะค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจความจริงลึกซึ้งหรือเปล่าค่ะ555 เผื่อเพื่อนๆพี่ๆมีidea [/COLOR]

 

จิตวิญญาณเรานี่มีจิตวิญญาณต้นธาตุใช่มั้ยคะ
แล้วแต่ละจิตวิญญาณก็อาจไปหาประสบการณ์ในมิติและโลกต่างๆกัน
รวมถึงโลกเดียวกันแต่ต่างร่าง หรือต่างภพชาติ
แล้ว ถ้าทุกจิตวิญญาณต่างมีประสบการณ์
ซึ่งในที่สุดก็จะกลายเป็นประสบการณ์ร่วมของจิตวิญญาณ
และของจักรวาล (ไม่แน่ใจว่าเข้าใจตรงตามจริงหรือเปล่า)

ตอบ: ตามที่ผมอ่านมา และ เข้าใจมา ก็น่าจะประมาณนั้นแหละครับ

แต่ว่าเรื่อง "ความเป็น Unity Consciousness" ของเหล่าจิตวิญญาณทั้งหลายนี่
มันก็ยังจะมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่ แบบว่า สามารถแยกตัวออกมาได้ด้วย
ถ้าเราต้องการ และ เลือกที่จะทำอย่างนั้น ซึ่ง แมทธิวก็เคยพูดเอาไว้แบบนี้เหมือนกันครับ

แต่ผมเชื่อว่า เมื่อเราไปถึงระดับนั้นจริงๆแล้ว คือสามารถข้ามพ้นมายาการ
ของการมีข้อจำกัด และการแบ่งแยกไปได้จริงๆแล้ว เราก็มีแต่จะ
อยาก "ผสานรวม" เข้ากับตัวตนส่วนอื่นๆของเราเองมากกว่ากระมังครับ
เราคงไม่อยากที่จะ ตัดแขนตัวเองทิ้ง แล้วหนีไปเข้านิพพานโดยไม่ครบทุกส่วนกระมังครับ

เพราะว่าทุกสรรพสิ่ง เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด เหมือนกับที่ "ชาว Arcturian"
ที่สื่อสารมาให้เราได้อ่านบ่อยๆนั้นก็เหมือนกัน พวกเขาก็เป็นกลุ่มของวิญญาณนะครับ
ซึ่งหมายรวมถึงวิญญาณของตัวดาว Arcturus เอง บวกกับวิญญาณของทุกสรรพชีวิต
ที่อาศัยอยู่บน Arcturus นั้นทั้งหมดด้วย พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน
พวกเขาอยู่ในมิติที่ 8 ดังนั้น จิตสำนึกของพวกเขาจึงขยายตัวออกไปใหญ่โตมาก
จนต้องอาศัยร่างกายของดาวเคราะห์ทั้งดวง เพื่อเป็นที่รองรับจิตสำนึกของพวกเขาเอาไว้

และก็..ถ้าเราขยายจิตสำนึกไปถึงระดับ กลับเข้าไปสู่ "ความเป็นหนึ่งเดียว" ได้แล้ว
นั่นก็หมายความว่า เราไปถึงมิติที่ 12 แล้ว และเพราะฉะนั้น จิตสำนึกของเรา
ก็จะขยายตัวเท่ากับจักรวาลทั้งจักรวาลเลยทีเดียว และเพราะฉะนั้น
คุณจะทำยังไงถึงจะแอบเล็ดลอดออกไปเข้านิพพานคนเดียวได้?

และตราบใดที่เรายังมีความคิดแห่งการแบ่งแยก หรือ จะแอบหนีไปคนเดียวอยู่แบบนี้
นั่นก็แปลว่า ตราบนั้น เรายังหลงอยู่ในมายาการของการแบ่งแยก
ของมิติที่ 3 นี้อยู่ เพราะว่าในมิติที่สูงๆกว่าทั้งหลายแล้ว
มันไม่มีการแบ่งแยกใดๆอยู่เลย!!

ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งสิ้น
และก็คือตัวตนอีกส่วนหนึ่งของเราเองทั้งสิ้นซะด้วย
...................................................

 

ขอบคุณสำหรับคำตอบ...เยี่ยมไปเลยค่ะ

ทำให้เกิดมุมมองที่ว่าถ้าเรามีระดับความสั่นสะเทือนที่สูงถึงระดับนั้น(กลับสู่ความเป็นพระเจ้าในตนเอง)แล้วเนี่ย ความตระหนักรู้ของเราคงกว้างใหญ่มหาศาลสุดประมาณ และแทนที่จะแยกจากจิตวิญญาณอื่น เรากลับจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับทั้งหมด และยิ่งไม่อาจแยกขาดจากกันได้มากกว่าเหมือนที่คุณชยุตว่า ไม่ว่ากับจิตวิญญาณอื่น หรือสรรพสิ่งทั้งมวล เพราะทั้งหมดเชื่อมโยงกันด้วยความรักและคือหนึ่งเดียวกันคือ/B]

แต่เป็นตัวเองก็เลือกจะอยู่หาประสบการณ์ในเอกภพนี้เหมือนที่คุณชยุตบอกเช่นกันค่ะ มันน่าสนุกและน่าเรียนรู้ไม่สิ้นสุด ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

คุณชยุตมีมุมมองที่คมชัดดีจริง แถมเรื่องงานที่แปล สื่อความออกมาได้ชัดเจนอ่านง่ายตรงไปตรงมา เหมือนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ (แถมยังแอบเห็นบทบู๊และดราม่าในหลายกระทู้อีกตะหาก 555 เป็นคนตรงไปตรงมาผุดๆ)

 

เป็นคำถามที่เข้าใจในเรื่องที่อ่านซะจริง ๆ...ขอชื่นชม

 

เห็นด้วยจ้า...^___^
เธอถามได้...ยอดเยี่ยม...
อาจเป็นเพราะเธอก็ได้...ที่ทำให้เมื่อคืน...สัมผัสบางอย่าง...(ทั้งคืนง่ะ)

การเชื่อมต่อ...เกิดทั้งคืน...
มีทั้งความรู้สึกในการ "รวมเป็นหนึ่ง"...(แค่กับสิ่งที่เราเชื่อมต่อนะ..)
แต่ในสิ่งที่รวมก็ยัง...มีเราเหมือนเคย...

เห็นซูโดะกุ(คือเล่นจนหน้ามืดเลย 555)....
เป็นช่้องเป็นตารางที่ถูกแบ่งแยก...แต่กับมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์...
มีข้อความบางอย่างที่เชื่อมมา...ตอนฝันจำได้...ตอนตื่น...จำไม่ได้สักคำ...555

อะไรก็ไม่รุ...ฉันสั่งแล้วนะ...ตื่นรู้นะยะ...
ถ้าฉันตื่นแล้วไม่ีรู้เรื่อง...ก็อย่าฝัน...มันเหนื่อยนะจ๊ะ...555

 

ขอบคุณอจิตตะและคุณ๑นะโมค่ะ ดิฉันจำคุณทั้งสองได้ในโพสก่อนๆ หลายโพส แสดงว่าเรารู้จักกันมาแล้ว^^


ดิฉันเป็นคนขี้สงสัยมากๆ บางครั้งรำคาญตัวเองจริงๆค่ะ วันดีคืนดีก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าเรานี่เกิดมาจากไหนหว่า วิญญาณมาจากไหน เกิดจากอะไร พออยู่ไปเบื่อๆ ขนาดแค่ยังไม่ถึงสามสิบปี^^ เริ่มคิดถึงจุดมุ่งหมายของชีวิตว่าคืออะไนแน่ เพราะตัวเองไม่อยากรวย ไม่อยากเด่นดัง ไม่อยากอะไรทั่วไแ อยากอย่างเดียวคืออยากมีอิสระ มันแน่นอกไงไม่รุ มันเศร้าๆอ่ะค่ะ รู้สึกว่าสังคมทุกวันนี้มันไม่ตอบโจทย์^_^

แต่ทุกวันนี้ยิ่งได้อ่านอะไรหลายอย่างที่เพื่อนๆพี่ๆช่วยกันแปลมาลงให้อ่าน ความเศร้าหายไป ความเข้าใจและรักชีวิตทวีขึ้นพร้อมความตื่นเต้น ยิ่งเข้าใจนัยแห่งพระธรรมคำสอนของศาสนามากกว่าแต่ก่อน ที่แท้มันลึกซึ้งและเรียบง่าย ไม่มีถูกไม่มีผิดเลย อาจเป็นเพราะตัวเองตัดสินและตีความตามมุมมองที่คับแคบของตนเองก็ได้555^__^


ทึ่งมากที่หลังปี2012ในที่สุดก็ได้รู้เค้าลาง ได้อ่านอะไรดีๆมากมาย ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการ 'นำ' ความรู้เหล่านี้มาให้ ไม่ว่ารูปแบบไหน ขอให้ทุกคนได้สัมผัสความรักที่ไร้เงื่อนไขในหัวใจ ในทุกๆวันนะคะ

แล้วก็เรื่องฝันนี่บ่อยมากที่ฝันว่าต้องไปสอบ ไปทำพิธีผ่านการศึกษาไรงี้(คล้ายๆที่คุณชยุตเคยเล่า) แต่ทุกครั้งมักมีอุปสรรค ไปไม่ทันบ้าง ไม่มีชุดบ้าง รถเสีย ฝนตก สารพัด สงสัยยังขาดคุณสมบัติ 555 แต่ขาดการปฏิบัติจริงๆค่ะ ค้นแต่ความรู้แต่ดิฉันไม่มีประสบการณ์ตรงเลยจริงๆ-_-'

 

นิสัยใจคอด้านความขี้สงสัยดูจะออกแนวเดียวกับผมนะครับ
แต่ไม่รู้จะออกแนวไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และ หัวดื้อมากๆเหมือนกันหรือเปล่านะ

แล้วเรื่องฝันนั้นหนะ ถ้าฝันแบบนี้ เท่าที่จับต้นชนปลายมาหลายปีนี่
ก็จะประมาณว่า เรากำลังไปช้ากว่าเพื่อนอยู่จริงๆนั่นแหละครับ
เพราะว่าความ "ติดขัด" ของเรา ติดขัดกับกรอบ กับ ความเชื่อ
กับตัวเอง กับ อะไรสารพัดจะติดขัด แต่ก็สรุปว่า "ยึดติดมากเกินไป" นั่นแหละ
จะกับอะไรก็แล้วแต่..

แต่เรื่องปฏิบัตินั้นหนะ อยากจะบอกว่า ก็ควรจะต้องปฏิบัติบ้าง
แต่ก็ไม่ต้องห่วงกังวลมากนัก เพราะว่า "เดี๋ยวจะมีมาเอง" ครับ

คือ..ตัวอย่างอย่างตัวผมเองเป็นต้น..ขอท้าวความก่อนนะครับ
ตัวผมเอง ในขณะที่แปลข้อความจากต่างมิติไปอยู่นี้
ตัวเองก็ยังไม่รู้อะไรหรอกนะครับ และก็แทบจะรู้พร้อมๆกับผู้อ่านทุกๆท่านหนะแหละครับ
และภายในจิตในใจนั้น ก็ยังดิบ และเถื่อนอยู่เลย จนไม่รู้จะดิบยังไงแล้ว
จนตัวเอง ก็ยังนึกไม่ออกเลยว่า ไอ้เจ้าภาคทฤษฎีที่เราได้เรียนรู้มาเหล่านี้
มันจะช่วยให้ "ภายใน" ของเรา ใสสะอาดขึ้นมาได้อย่างไรหนอ?

เพราะว่า ตอนนั้น มันมองไม่เห็นวี่แววเอาซะเลย ดังนั้น เวลาใครเขาเข้ามาด่า
หรือเข้ามาสะกิดตรงจุดนี้เข้า (ในเวปพลังจิตนี้แหละ และในหลายกระทู้ด้วย อิอิ)
ก็จะออกอาการเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่บ่อยๆ..และนั่นก็คือความจริง..
และผมก็ยอมรับด้วยความหน้าชื่นตาบานว่า..จริงครับ..ผมเป็นอย่างนั้นจริงๆ

แต่คุณเชื่อผมเถอะว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเรื่องทุกราว ที่เกิดขึ้นกับเรานั้น
มันคือ "ภาคปฏิบัติ" จริงๆ และ ก็คือภาคปฏิบัติเสมอมาซะด้วย ถ้าเราจะมีสติระลึกรู้ถึงมัน
ดังนั้น เวลาเราเจออะไรเข้า ถ้าเราผนวกรวมเอาภาคทฤษฎีที่เราได้เคยอ่านผ่านมาแล้ว
เข้ามาจับ เข้ามาประยุคใช้กับมันด้วย มันก็จะกลายเป็น "บทเรียน" และ "บททดสอบ" ของเราไป

แต่ว่า ก็อย่าเพิ่งไปหวังว่า ตัวเองจะมีสติรู้เท่าทันทุกเรื่อง หรือ ทุกครั้งไปนะครับ
เพราะว่าคงไม่มีใครเก่งขนาดนั้นหรอก เราก็อาจจะมีเสียศูนย์บ้าง เสียสติบ้าง
เบรคแตกบ้าง หรือ ถูกน็อกบ้าง เป็นธรรมดา ลุกขึ้นมาอีกทีก็ขอบตาเขียวไปแล้ว 555

แต่นั่นก็อย่าไปท้อมัน อย่าไปโทษตัวเอง จงให้อภัยตัวเอง จงเข้าใจตัวเอง
ว่าเพราะความที่เราอยู่ในแมทริกซ์ของมายาการในมิติที่ 3 นี้ เราก็เลยหลงอยู่แบบนี้
และมีข้อจำกัดอยู่แบบนี้แหละ มันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมันถูกตั้งโปรแกรมมาให้เป็นแบบนี้

ดังนั้น อีกครั้งหนึ่ง ให้รักตัวเอง ยอมรับตัวเอง และให้อภัยตัวเอง อย่างไม่มีเงื่อนไข
และจงใช้ทฤษฎีขั้นสูงเหล่านี้ให้เป็นด้วย ให้มองดูทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยใจที่เป็นอุเบกขา
อย่าไปอินกับบทละครชีวิตมากนัก

อันนี้ ผมกำลังพูดถึงทฤษฎีอยู่นะครับ แต่เรื่องว่าจะทำได้จริง ดีแค่ไหนนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งตามความคิดและความเข้าใจของผม ผมว่า "ชั่วโมงบิน" ก็สำคัญมากนะครับ
ที่จะทำให้เราชำนาญมากขึ้น ใน "ภาคปฏิบัติ" เหล่านี้..

ดังนั้น.เอาเลยครับ..จงถูกน็อกบ่อยๆครับ จงขอบตาเขียวกลับบ้านทุกวันเลยครับ
เดี๋ยวไม่ช้าไม่นาน เราก็จะเก่งกล้าสามารถในเรื่องนั้นๆขึ้นมาจนได้หละหน่า!! อิอิ

ผมเองก็เพิ่งจะได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง จากการแสดงได้อินไปกับบทมากเหลือเกิน
เมื่อไม่นานมานี้เหมือนกันครับ 555 และก็ไม่รู้ว่าจะได้รับอีกเมื่อไหร่นะ
เพราะว่ามันจะมี "ภาคปฏิบัติ" มาให้ได้ทำอยู่เรื่อยๆหนะแหละครับ

ดังนั้น ผมถึงบอกว่า อย่าไปห่วงภาคปฏิบัติมากนัก เพราะว่า มันเป็นไปไม่ได้
ที่คุณจะไม่ "ถูกจัดมาให้" เลย..เพราะว่าคนเราทุกๆคน โดยเฉพาะผู้ที่มาเพื่อทำกิจนี้โดยเฉพาะ
ก็จะมีทีมงานคอยให้ความช่วยเหลืออยู่มากมาย ในหลากหลายมิติซะด้วย

เพราะฉะนั้นแล้ว รอรับมือให้ดีก็แล้วกันนะครับ เพราะว่า บทเรียน และ บททดสอบแต่ละบทนั้น
มันจะมาตามคิวของมัน เมื่อเราพร้อม เพราะว่า ท่านจะไม่ให้เราทำอะไร
เกินความสามารถของเราหรอกนะครับ ดังนั้น บททดสอบที่เรากำลังเจออยู่ ณ.ขณะนั้นๆ
ก็เพราะว่าเราพร้อมแล้ว เราเข้มแข็งมากพอแล้ว ที่จะสามารถทำบททดสอบนั้นได้แล้ว นั่นเอง

ดังนั้น ยิ่งใครที่ก้าวขึ้นไปได้สูงมากเท่าไหร่ บททดสอบ มันก็จะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆด้วย เป็นธรรมดา
แต่ก็อย่างที่ว่านั่นแหละครับว่า..เพราะเขาพร้อมแล้ว..นั่นเอง


ปล.ผมยังจำข้อความจากต่างมิติได้อยู่ท่อนหนึ่งว่า

"จงอย่าท้อแท้ใจ ถ้าบททดสอบเก่าๆมันจะหวนคืนมาอีกครั้ง
แต่ให้จำไว้ว่า ครั้งหนึ่งเราเคยทำมันได้แล้ว
เพราะฉะนั้น ครั้งนี้ เราก็จะต้องทำมันได้เหมือนเช่นเคย"

...............................................

 

"ดังนั้น.เอาเลยครับ..จงถูกน็อกบ่อยๆครับ จงขอบตาเขียวกลับบ้านทุกวันเลยครับ
เดี๋ยวไม่ช้าไม่นาน เราก็จะเก่งกล้าสามารถในเรื่องนั้นๆขึ้นมาจนได้หละหน่า!! อิอิ

ผมเองก็เพิ่งจะได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง จากการแสดงได้อินไปกับบทมากเหลือเกิน
เมื่อไม่นานมานี้เหมือนกันครับ 555 และก็ไม่รู้ว่าจะได้รับอีกเมื่อไหร่นะ
เพราะว่ามันจะมี "ภาคปฏิบัติ" มาให้ได้ทำอยู่เรื่อยๆหนะแหละครับ

ดังนั้น ผมถึงบอกว่า อย่าไปห่วงภาคปฏิบัติมากนัก เพราะว่า มันเป็นไปไม่ได้
ที่คุณจะไม่ "ถูกจัดมาให้" เลย..เพราะว่าคนเราทุกๆคน โดยเฉพาะผู้ที่มาเพื่อทำกิจนี้โดยเฉพาะ
ก็จะมีทีมงานคอยให้ความช่วยเหลืออยู่มากมาย ในหลากหลายมิติซะด้วย

เพราะฉะนั้นแล้ว รอรับมือให้ดีก็แล้วกันนะครับ เพราะว่า บทเรียน และ บททดสอบแต่ละบทนั้น
มันจะมาตามคิวของมัน เมื่อเราพร้อม เพราะว่า ท่านจะไม่ให้เราทำอะไร
เกินความสามารถของเราหรอกนะครับ ดังนั้น บททดสอบที่เรากำลังเจออยู่ ณ.ขณะนั้นๆ
ก็เพราะว่าเราพร้อมแล้ว เราเข้มแข็งมากพอแล้ว ที่จะสามารถทำบททดสอบนั้นได้แล้ว นั่นเอง

ดังนั้น ยิ่งใครที่ก้าวขึ้นไปได้สูงมากเท่าไหร่ บททดสอบ มันก็จะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆด้วย เป็นธรรมดา แต่ก็อย่างที่ว่านั่นแหละครับว่า..เพราะเขาพร้อมแล้ว..นั่นเอง"


จากข้อความด้านบนนี้
เห็นด้วยคะ แต่บางทีก็แอบหวังให้ประสบการณ์มันสวยงามหน่อยเท่านั้นเอง พยายามมองทุกอย่างให้ดีเข้าไว้ สงสัยตัวเองจะเป็นมนุษย์ขี้ขลาดพอควร ไม่กล้าหาญเหมือนจิตวิญญาณเรา(ที่เขากล้าลงมาเกิดบนโลกที่ท้าทายใบนี้)

แต่ดิฉันก็คล้ายๆ คุณชยุตและเพื่อนๆหลายคนที่สังเกตได้ในเว็ปนี้ คือเป็นคนดื้อเอาการค่ะ ไม่ค่อยเชื่อถ้าไม่อยากเชื่อ แอบขำหลายคนที่บางโพสแบบว่าดื้อชนิดที่เรียกว่าหัวชนฝาเลยทีเดียว55 (เขาว่าคนดื้อนี่ถ้าไม่ฉลาดมากมักก็จะโง่ได้อย่างน่าตกใจ)

ยังดีหน่อยที่ตัวเองใจกว้างพอควร รับได้...อ่านหมด ไม่ว่าเกี่ยวกับศาสนา มิติ จิตวิญญาณ วิทยาศาสตร์ เครื่องรางของขลัง เชื่อไม่เชื่อหรือชอบไม่ชอบค่อยว่ากัน แต่ไม่ชอบสวมบทบู๊เท่าไหร่ ชอบบทคนดูหรือตัวประกอบมากกว่าเพราะสู้ใครเขาไม่ได้^_^


ยังไงซะก็คิดเหมือนกันคะว่าคงต้องปฏิบิตบ้างแล้วล่ะ แต่คงไม่ฝืนเกินไป ไม่แน่จิตวิญญาณเดิมแท้ของเราเขาคงรอเราอย่างใจจดใจจ่อแล้วล่ะค่ะ ประมาณว่า "อ่านอะไรมาก็เยอะแล้ว ได้เวลาตื่นขึ้นมาเจอกันแล้วนะที่รัก"

ถ:z2rabbit_cry

 

เห็นด้วยคะ แต่บางทีก็แอบหวังให้ประสบการณ์มันสวยงามหน่อยเท่านั้นเอง พยายามมองทุกอย่างให้ดีเข้าไว้ สงสัยตัวเองจะเป็นมนุษย์ขี้ขลาดพอควร ไม่กล้าหาญเหมือนจิตวิญญาณเรา(ที่เขากล้าลงมาเกิดบนโลกที่ท้าทายใบนี้)

แต่ดิฉันก็คล้ายๆ คุณชยุตและเพื่อนๆหลายคนที่สังเกตได้ในเว็ปนี้ คือเป็นคนดื้อเอาการค่ะ ไม่ค่อยเชื่อถ้าไม่อยากเชื่อ แอบขำหลายคนที่บางโพสแบบว่าดื้อชนิดที่เรียกว่าหัวชนฝาเลยทีเดียว55 (เขาว่าคนดื้อนี่ถ้าไม่ฉลาดมากมักก็จะโง่ได้อย่างน่าตกใจ)

ยังดีหน่อยที่ตัวเองใจกว้างพอควร รับได้...อ่านหมด ไม่ว่าเกี่ยวกับศาสนา มิติ จิตวิญญาณ วิทยาศาสตร์ เครื่องรางของขลัง เชื่อไม่เชื่อหรือชอบไม่ชอบค่อยว่ากัน แต่ไม่ชอบสวมบทบู๊เท่าไหร่ ชอบบทคนดูหรือตัวประกอบมากกว่าเพราะสู้ใครเขาไม่ได้^_^


คิดว่าเราคงจะมีไรคล้ายๆกันอยู่นะคะ
ก่อนอื่นต้องขอทักทายทุกคนก่อน หากันเจอเพราะเลข 11:11 พามาค่ะติดตามมาเกือบ2ปีแล้วค่ะ เพิ่งจะเข้ามาคุยครั้งนี้เป็นครั้งแรก ปกติเป็นคนค่อนข้างรักสันโดษ ไม่ค่อยอยากจะแสดงความคิดเห็นอะไรกับเค้าสักเท่าไหร่ ส่วนมากจะเข้ามาอ่านอย่างเดียวค่ะ มักจะได้คำตอบเสมอ(บ่อยจนไม่คิดว่าบังเอิญ)
ติดตามมานานจนเกิดความสังสัยเรื่องของการปฏิบัติเหมือนกันค่ะ แต่จากที่ผ่านมาคำตอบมันก็ไหลเข้ามาหาเราตามเวลาที่เหมาะสมของเค้าไปเรื่อยๆ ถ้าคุณมีสัทธาและความต้องใจจริง
แต่่ถ้าจะยกตัวอย่างการปฏิบัติจริงๆ ขอแนะนำคำสอนที่เป็นของพระพุทธะโดยตรงค่ะรับรองปฏิบัติแล้วได้ผลจริงๆ การนั่งสมาธิ รู้ลมหายใจ อยู่ปัจจุบันขณะ อันนี้แบบง่ายๆที่รู้กันทั่วๆไปค่ะ หรือถ้าเรียกชื่อแบบชาวพุทธ "อานาปานสติ" ค่ะ ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่องกัน(สำหรับบางคน) แต่ถ้ามองในมุมของการยกระดับจิตวิญญาณ ไม่มองเป็นเรื่องของความเชื่อทางศาสนา แต่กลับเรื่องของความจริงหรือสัจธรรมที่ผู้เป็นจิตพุทธะตัวจริงลงมาบอกทางไว้เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว ถ้าลองเข้าไปศึกษาจริงๆคิดว่าผู้ที่กำลังมองหาการปฏิบัติ น่าจะได้คำตอบอะไรบ้างนะคะ โดยส่วนตัวเป็นคนเชื่ออะไรยากค่ะเฝ้าหาคำตอบสำหรับตัวเองมานานพอสมควรค่ะ ตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มเข้าใกล้เส้นทางที่ถูกต้องไปเรื่อยๆ ยังไงก็เอาใจช่วยเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะค่ะ

****ขอบคุณ คุณชยุตมากค่ะ

 

ผมติดตามเรื่องราวต่างมิติมาในเว็ปพลังได้เกือบ2เดือนแล้วครับ
ชอบเรื่องต่างมิติมาก ชอบการแปลของคุณชยุฒ คุณอจิตตะ และทีมงานครับ
อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีมาก

วันนี้ เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกของเว็ปฯพลังจิต ก็เลยขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณพวกท่านและทีมงาน รวมทั้งเว็ปฯพลังจิตแห่งนี้
ขอขอบพระคุณมากครับ

 

ขอบคุณ คุณatitarn2013 มากนะคะสำหรับคำแนะนำ จะลองเริ่มปฏิบัติอาณาปานสติค่ะ ที่มาเจอกันในนี้อาจไม่ใช่บังเอิญ ในจักรวาลนี้ไม่มีความบังเอิญ เราอาจถูกดึงดูดเข้ามาหากันรึเปล่า ^^ ด้วยพลังงานแบบเดียวหรือคล้ายกัน ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ ถ้ามีข้อสงสัยตัวเองจะได้ถามเพื่อนๆบ้าง

สวัสดีคุณseedandL ด้วยค่ะ ถึงเพิ่งเข้ามาไม่นานเหมือนกัน แต่อยากบอกว่ายินดีต้อนรับค่ะ เดี๋ยวเจ้าบ้านเดิม พี่ๆทั้งหลายเขาคงเข้ามาต้อนรับ แต่ถึงไม่เข้ามา เขาคงยินดีต้อนรับอยู่แล้วล่ะค่ะ^_^

 

แหะๆ จริงเป็นคนขี้อายค่ะ ไม่ค่อยถนัดคุยแบบนี้ซักเท่าไหร่ค่ะ ส่วนมากจะเข้ามาอ่านๆๆๆ แล้วก็พิจารณาตาม โดยตัวบุคคลจะจำไม่ค่อยได้เป็นคนจำคนยากน่ะค่ะ แต่ใจจริงๆอยากขอบคุณทุกๆคนมากมายที่ทุ่มเททำสิ่งดีๆเผื่อแผ่คนอื่นๆ ซึ้งใจจริงๆค่ะ พูดแล้วความปีติมันเกิด ^ ^ พูดไม่แก่งแต่ความรู้สึกเยอะค่ะ อิอิ

ตนเองจริงๆ เริ่มศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์มาสักระยะหนึ่งแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าใครมีวิธีปฏิบัติหรือปฏิบัติแนวทางเดียวกันแล้วมีความก้าวหน้าแบบที่จะขอคำปรึกษาได้บ้างน่ะค่ะ ตอนนี้เริ่มเจอปัญหานิดหน่อย อยากขอคำแนะนำค่ะ

ปล. ขอบคุณด้วยความรักค่ะ คุณ love_veol

 

กระทู้นี้ไม่มีเจ้าบ้านหรอกครับ เพราะฉะนั้นแล้ว
พวกเราเองทุกคนนี่แหละ คือเจ้าบ้านหละ

เพราะว่าเจ้าของกระทู้ ก็คือ นักเรียนคนหนึ่ง
ที่ไปอ่านเจออะไรมา แล้วเอามาบอกเล่า
สู่เพื่อนๆนักเรียนด้วยกันฟังเท่านั้นเองครับ

และเพราะฉะนั้น การถาม-การตอบในนี้ส่วนใหญ่แล้ว
จึงเป็นในแง่ของการถาม-การตอบเกี่ยวกับ
"ความเข้าใจที่มีต่อเนื้อหาที่บอกเล่ามานี้" ซะมากกว่าหนะครับ

ไม่ได้เป็นแนวของ ผู้ไม่รู้ ถามผู้รู้ อะไรแบบนั้นเลย
เพราะว่า เจ้าของกระทู้เอง และ รวมถึงผู้แปลคนอื่นๆด้วย
ก็เพิ่งรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองแปลอยู่นั่น ก่อนที่จะโพสต์ไม่นานเอง
ซึ่งก็หมายความว่า แทบจะรู้ไปพร้อมๆกับคนอ่านเลยทีเดียว

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะขอบอกท่านเอาไว้ตรงนี้หน่อยก็คือ
ในยุคพลังงานใหม่นี้ ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้
ต่างมิติทั้งหลายบอกให้พวกเรา "รวมพลังกัน"
หมายถึงรวมพลังงานเข้าด้วยกัน
อาจจะผ่านทางการทำสมาธิร่วมกัน อาจจะผ่านทางวิธีการอื่นๆ
เพื่อเป้าหมายไปสู่การเลื่อนระดับขึ้นของโลก
ไปสู่โลกใหม่ที่ดียิ่งกว่าเดิม

และสำหรับกระทู้นี้ พวกเราก็กำลังทำกันอยู่แล้ว
โดยที่บางคนอาจจะไม่รู้ตัว โดยผ่านทาง

"การจดจ่อความคิด ความเชื่อ ความคาดหวัง และอารมณ์
ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือ เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม
เพื่อโลกใหม่ที่สดใสกว่าเดิม เพื่อระดับจิตสำนึกที่สูงกว่าเดิม" นั่นเอง

ซึ่งตรงนี้แม้ว่าเราอาจจะไม่รู้ตัว และอาจจะคิดว่าเราโพสต์อะไรของเราคนเดียว
แต่เชื่อเถอะครับว่า ในระดับควอนตัมแล้ว
มันให้ผลได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ของช่องว่างและกาลเวลา

และเพราะฉะนั้น พักหลังๆมานี่ ผมจึงสังเกตว่า
ถ้าพวกเราคนใดคนหนึ่งในนี้ ขยับตัวไปทางไหน หรือทำอะไร
หรือมีวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณขึ้น-ลงอย่างไร
สมาชิกคนอื่นๆ ที่พร้อมแล้ว หรือที่เชื่อมต่อกันอยู่ในระดับจิตวิญญาณอยู่แล้ว
ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เหมือนเป็นคนวงใน อะไรแบบนั้นหนะครับ

เช่น กรณีของผมกับคุณ mead, คุณพี่อจิตตะ, คุณ kindred เป็นต้น

โดยส่วนตัวของผมแล้ว สิ่งที่ผมแปลและโพสต์ออกมา
ในช่วงเวลาใดก็ตาม มันก็มักจะสอดคล้องกับสิ่งที่ผมกำลังเจออยู่
หรือกำลังจะเจออยู่ในชีวิตจริงด้วยเสมอ
และมันก็จะดูเหมือนว่า เรื่องราวอะไรที่ผมยังคิดไปไม่ถึง
หรือยังไม่พร้อมที่จะได้รู้ หรือ ได้เรียนมัน ผมก็จะยังไม่ไปเจอ
และก็จะยังไม่เอามาแปลให้ทุกๆท่านได้อ่านด้วย

ดังนั้น ผมเลยสังเกตได้ว่า ช่วงแรกๆที่โพสต์ข้อความต่างมิติเหล่านี้
ก็จะมีหลายคนอ่านไม่รู้เรื่องเอาซะเลย และออกมาแย้งมากมาย
แต่ช่วงหลังๆมานี่ "กระทู้นี้ มันได้คัดคนอ่านของมันเอาไว้แล้ว"
ให้มีอยู่เฉพาะผู้ที่..เรียกว่า..the like mind (ใจตรงกัน) เท่านั้นเอง

ดังนั้น มันจึงดูเหมือนว่า พวกเรากำลังก้าวไปด้วยกัน และพร้อมๆกันอยู่
โดยไม่รู้ตัวหนะครับ

................................................

 

ปรึกษาคุณพี่อจิตตะเลยครับ
เพราะว่าท่านก็เป็นหนึ่งใน "คุรุ" ทางด้านนี้อยู่ด้วยครับ


..........................................

 

ขอบคุณ คุณชยุตมากค่ะ
รู้สึกว่าคุณอจิตตะน่าจะอยู่ จ.ตรัง เหมือนกันรึเปล่า(คุ้นๆอ่ะค่ะเหมือนเคยหาข้อมูลมาแล้ว) สงสัยว่าจะเจอตัวจริงคงไม่ยาก ^ ^ ขอบคุณมากนะคะ(deejai)

 

ถ้าจะลองหาข้อมูลหรือลองศึกษาดู จะลองเข้าไปในนี้ พุทธวจน : วัดนาป่าพง ลองดูนะคะ ^ ^