ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

คิดเหมือนกันเลย อิอิ..


.........................

 

รออีกสักหน่อยนะครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังแปลเรื่องใหม่อยู่ครับ
เรื่องเกี่ยวกับการเปิดตาที่ 3 ..แต่ว่า..เนื้อหาค่อนข้างยาว
และก็..ไม่ค่อยละเอียดถูกใจสักเท่าไหร่

แต่ก็นับว่าเป็นข้อมูลอีกแบบหนึ่ง ที่ยังไม่เคยเห็นใคร
อธิบายไว้แบบนี้มาก่อนเลย..ยกเว้นแต่ "ต่างมิติ" เท่านั้น

............................................................

 

แล้วคุณชยุตมีตาที่สามมั้ยครับ

 

ขอบคุณและเป็นกำลังใจ ให้ผู้้นำสารทุกท่าน

 

อ่านหมด ชอบคำเดียว ZERO...

 

ส่วนบทนี้ชอบคำว่า "ชีวิตคือการเดินทาง"...แม่นเลย...

 

ส่วนข้อความนี้...คำว่า "เรารู้ว่ามันง่ายที่จะ"พูด"มากกว่า "กระทำ""

 

ข้อความนี้...คำว่า "จงเลือกให้ดี และอย่างมีวิจารณญาณนะครับ"...นี่ชอบนะ...
แต่ก็คิดต่อเอาเองนิดนึงว่า "ดูเหมือนปัญหาใหญ่ก็อยู่ที่ตอนจะเลือกนี่แหละ...ทำไงดี"...

 

การเลือกไม่เลือกอยู่ที่ตัวเรา...ถ้าไม่แน่ใจก็อย่าเพิ่งเลือก..."ฟังหูไว้หู"ก่อนดีกว่ามั้ยครับ

 

ต่างมิติเขาจึงบอกเสมอไงครับว่า

"ด้วยการฝึกฝน แล้วพวกคุณก็จะ.."

พวกเขาใช้คำนี้อยู่บ่อยๆ แล้วก็ใช้ในหลายเรื่องด้วยครับ
เช่น เรื่อง การฝึกใช้วิจารณญาณ เป็นต้น

เพราะว่า มันดูเหมือนว่า จะไม่มีอะไรที่เราจะเก่งขึ้นมาเองเลย
โดยที่ไม่ต้องฝึกหรอกนะครับ ดังนั้น มันก็เลยจะต้องฝึกฝน

ซึ่งแน่นอนว่า ในช่วงแรกๆที่เราฝึกฝนใช้วิจารณญาณอยู่นี้
มันก็ย่อมจะต้องมีผิดบ้าง ถูกบ้าง เป็นธรรมดา
แต่นั่นก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของการฝึกฝนเท่านั้นเอง
แต่พอนานๆไปแล้ว เราก็จะชำนาญมากขึ้น เก่งมากขึ้น

แล้วพอได้ระดับนั้นแล้ว พอเรารับรู้อะไรมา หัวใจของเรา
มันก็จะบอกเราได้ว่าอะไรที่น่าเชื่อ หรือ ไม่น่าเชื่อ
โดยบอกออกมาผ่านความรู้สึกของเราเอง

และที่สำคัญ เราต้องหัด และ ฝึกฝน ที่จะ "เชื่อมั่น"
ในความรู้สึกของเราเอง และ สิ่งที่หัวใจเราบอกด้วยนะครับ
เพราะว่ายิ่งเชื่อมั่นมันมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเก่งมากขึ้นด้วยเท่านั้น

ประเด็นของการฝึกฝนที่สำคัญๆที่ต่างมิติบอกให้เราฝึก
ยังมีอีกหลายประเด็นที่สำคัญ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว

เช่น การฝึกวางอุเบกขา ในบทละครชีวิตของเราเองและของผู้อื่น
เพื่อไม่ให้เราไปหลงยึดติดกับมันมากจนเกินไป
หรือไปหลงว่ามันคือความจริงๆจริงๆเข้า
เพราะว่ามันก็แค่มายาการของมิติที่ 3 นี้เท่านั้นเอง

ประเด็นต่อมาก็คือ การฝึกฝนเพื่อที่จะไม่ไปตัดสินชี้ถูกผิด
ให้กับใครหรือสิ่งใด..ซึ่งอันนี้ก็สำคัญ และต้องฝึกครับ

ประเด็นต่อมาก็คือ การฝึกฝนที่จะรักษาระดับของคลื่นสมอง
ให้อยู่ในระดับ แอลฟ่า ขึ้นไป ให้ได้มากที่สุดและนานที่สุด
เพื่อที่จะทำให้ระดับความตระหนักรู้ของเรา
ดำรงอยู่ในขอบเขตที่กว้างมากขึ้น และสัมผัส-รู้เห็นอะไรได้มากขึ้น
จนสามารถมองทะลุทะลวงมายาการของมิติที่ 3 นี้ได้
(โดยเฉพาะคลื่นสมองระดับเดลต้าหนะนะครับ)

และเรื่องการฝึกฝนที่จะ รัก, ให้อภัย และ ยอมรับตัวเอง อย่างไม่มีเงื่อนไขนี่
ก็เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งยวด ก่อนที่จะเผื่อแผ่ออกไป ให้คนอื่นๆและสิ่งอื่นๆต่อไป

และเรื่องการ ติดตามรับรู้ และ ควบคุม อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองให้ได้
ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาบอกอยู่ตลอดเวลาอีกเช่นเดียวกัน
เพื่อที่เราจะได้กลายเป็น "Master of Energy" ให้ได้
คือ การติดตามรับรู้ว่า พลังงานอะไร และ แบบไหน
ที่ตัวเราเอง กำลังแผ่ส่งออกไปสู่โลกภายนอกตัวเราเองอยู่
ซึ่งพลังงานอันนั้น ก็คือพลังงานที่มาจาก ความคิด และ อารมณ์ความรู้สึกของเราเอง
และมันก็จะไป "เนรมิต" โลกแห่งความเป็นจริง
ที่สอดคล้องกันกับระดับพลังนั้นๆ ขึ้นมาให้กับเราเองด้วย

และดังนั้น ถ้าเราไม่รู้ตัว หรือ ปล่อยให้ตัวเองแผ่ส่งแต่พลังงานลบๆหรือต่ำๆ
ออกมาอยู่เรื่อยๆแบบส่งเดชหละก็ สิ่งที่เราจะได้ประสบพบเจอในชีวิตของเรา
ก็จะเป็นสิ่งลบๆ และเป็นสิ่งที่มีระดับพลังงานต่ำๆด้วยเช่นเดียวกัน

................................................

 

สวัสดีค่ะ คุณ nosono

ขออนุญาตถามตรงๆนะคะ ถ้าสะดวกก็ตอบ ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรค่ะ
คำถามคือ ท่านเป็นใครคะ ใน 1 ถึง 8

ข้าพเจ้าเพียงหวังเพื่อที่จะได้คำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติ

ขอบคุณค่ะ

 

"ด้วยการฝึกฝน แล้วพวกคุณก็จะ.." สุดยอดจริงๆคำนี้อ่านแล้วมีพลัง

 

โดนใจอีกแล้วครับ.

 

เมื่อช่วงเย็นประมาณ4-5โมง ขณะเมฆครึ้มและฝนตก มีใครได้มองดูท้องฟ้าบ้างครับ ทางทิศตะวันออกที่ประมาณ11นาฬิกา (ผมอยู่ จ.อ่างทอง)ที่อื่นอาจจะทิศทางไม่ตรงกัน ที่ผมเห็นคือกลุ่มเมฆมีแสงสว่างขาวกลุ่มนึง ไม่ใหญ่มากถ้าเอามือบังก็มิด เหมือนแสงอาทิตย์ส่องลงมากระทบ ที่น่าแปลกคือท้องฟ้ามืดครึ้มเพราะฝนและเป็นเวลาเย็นดวงอาทิตย์อยูในทิศทางตรงกันข้าม สวยงามและแปลกดีครับ

 

สวัสดีครับคุณอธิฐานสองศูนย์หนึ่งสาม จากที่คุณถามผมเป็นใครนั้น ผมว่าคุณน่าจะดูเองรู้เองเข้าใจเองนะครับ คุณต้องตอบคำถามตนเองครับ ส่วนคำแนะนำนั้นถ้าผมสามารถแนะนำคุณได้ผมก็พร้อมจะแนะนำครับ ถ้าแนะนำไม่ได้ผมก็ไม่มีอะไรแนะนำเช่นกัน แต่คุยกันได้ครับทุกเรื่องที่ผมคุยได้ครับ

 

ส่วนที่ผมพอจะแนะนำได้ ก็ตามที่ผมพูดถึงคือ การนำปัญญา(รูปนาม)ของตนเองมาใช้เพื่อให้เป็นไปตามธรรมชาติที่สุด ตามมรรคแปด เพื่อการเป็นอริยะ สังคมอริยะ โลกอริยะ ครับ
เพราะสังคมแห่งปัญหาทุกวันนี้ รูปนามที่สร้างแต่ปัญหาทุกวันนี้ เพราะความไม่เข้าใจธรรมชาติของตนเองที่ควรจะเป็นครับ

 

ขอตอบคำถามของท่านก็แล้วกัน ผมคือ 0 ครับ คุณอธิฐานจิต

 

สำหรับคุณ อธิฐานจิต นี้ คุณปรารถนาต้องการ จบกิจ ภายในปีนี้ คือ 2013 ให้ได้
และคุณกำลังรีบหาทางจบมันให้ได้ อยู่ แบบนี้ไช่หรือเปล่าครับ
การจบไม่ไช่การปิด แต่เป็นการทิ้ง ละ มันไปครับ
เพราะความปราถนานี้แหล่ะ ที่มันทำให้มี ตัวตน ของคุณขึ้นมา
ถ้าคุณละทิ้งความปรารถนานี้ไปได้ คุณก็จะไม่เหลืออะไรเลย ครับ
ลองหยุดมี ความปรารถนาดูสิครับ ตอนนี้เลยครับ

 

เมื่อไม่เหลืออะไรเลย ไม่เหลือความปรารถนา ไม่เหลือตัวตน ก็จะมีเพียง ความจริง ของรูปนามเท่านั้นครับ ที่เหลืออยู่ ตั้งอยู่ ที่กำลังเสื่อมถอยไปสู่ ความดับของรูปกับนามเท่านั้น
และ ที่ผม พูดว่า การนำปัญญาจากรูปนามมาใช้ตามมรรคแปดให้ได้ ก็คือ นำปัญญาจากความจริงที่เหลืออยู่ของรูปนาม นี้แหล่ะครับ มาใช้ และต้องใช้ให้ถูกต้อง ตามธรรม ตามธรรมชาติด้วย (ถูกต้องตามหลักเหตุและผลที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตรงนี้จะรู้เองเข้าใจเองได้ดีที่สุดครับ)

 

มีอะไรที่พอช่วยได้กับการเล่นกีฬามั้ยครับ