คุณคือ "ผู้พเนจรจากฟากฟ้า" (Wanderer) หรือ "เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว" (Star Seed) หรือไม่??

ขออนุญาตดันอีกหน่อยนะครับ
ก่อนที่จะไม่ได้เข้ามาในเวปนี้อีกหลายวัน

.................................

 

ผมเพิ่งเข้ามาอ่าน ใช้เวลาอ่านอยู่เกือบ ๓ วัน ครับ
ทำแบบทดสอบแล้ว ก็ได้ประมาณครึ่งนึง เลยสรุปยังไม่ได้ครับ
แต่ก็รู้สึกประหลาดใจที่ ข้อความจากต่างมิติ สอดคล้องกับคำสอน
ที่ว่า "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" ครับ

 

อ่านการ์ตูนกัน ST&RS - P Q R S T - NipponAnime สวรรค์ของคนรักการ์ตูน - Powered by Discuz! เนื้อเรื่องมันคล้าย ๆ Star Seed เลย

 

ถอดความจากวีดีโอ:

เท่าที่ฉันรู้ มันมีระลอกของเหล่าวิญญาณอาสาสมัคร ที่อาสาลงมาเกิดบนโลกใบนี้อยู่ 3 ระลอกด้วยกัน

ระลอกแรก คือช่วงปี 1950 – 1960 ซึ่งถ้านับถึงตอนนี้ (ปี 2010) พวกเขาก็จะมีอายุราวๆ 50 ปลายๆ
ถึง 60 ปีต้นๆ

กลุ่มวิญญาณเหล่านี้ พวกเขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่ชอบที่นี่ เพราะพวกเขาทนต่อความรุนแรงไม่ค่อยได้
พวกเขาต้องการที่จะกลับบ้าน แต่ก็ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหน รู้แต่เพียงว่ามันไม่ใช่ที่นี่

พวกเขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงาม ไม่สามารถจะทำร้ายใครได้ พวกเขามาเพื่อช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
โดยการมาอยู่ที่นี่เฉยๆ ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเรา ทำตัวเหมือนคนปกติทั้วไป

แต่มันเป็นสิ่งที่ยากมากๆสำหรับพวกเขา เพราะว่าพวกเขารู้สึกว่า มาอยู่ในที่ๆไม่ใช่ที่ของพวกเขา

คุณอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะว่าหลายคนที่ฉันเคยคุยด้วยซึ่งอยู่ทั่วทุกมุมโลก

พวกเขาบอกว่า พวกเขามีครอบครัวที่ดี มาฐานะการงานที่ดี แต่ก็ไม่อยากอยู่ที่นี่
พวกเขาอยากกลับบ้าน และหลายคนก็เคยพยายามที่จะฆ่าตัวตาย แม้ว่าจะมีอายุยังไม่มากนัก
เพราะว่าพวกเขาไม่อยากอยู่ที่นี่

แต่หลังจากที่ฉันได้เข้าไปช่วยเหลือพวกเขา จนพวกเขาสามารถค้นพบว่าทำไมพวกเขาจึงได้มาอยู่ที่นี่
พวกเขาก็เปลี่ยนใจ และยอมรับมัน แล้วเริ่มทำภารกิจของตนเอง

ลักษณะเฉพาะของคนกลุ่มนี้คือ พวกเขาไม่ชอบที่นี่ พวกเขาไม่ชอบความรุนแรง
และไม่เข้าใจความยึดมั่นถือมั่น ความโกรธ และรู้สึกว่าไม่ชอบมัน และตกตะลึงกับมัน พวกเขารับไม่ได้

ดังนั้น พวกเขาหลายคนจึงอยู่อย่างสันโดษ เพราะภาพลักษณ์ของโลกในสายตาของพวกเขา ค่อนข้างจะน่ากลัว



ผมคือคนกลุ่มนี้แน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น ดังนั้นเมื่อผมพบพุทธศาสนา พบทางไปนิพพาน ผมจึงพยายามที่จะไปให้ถึง เพื่อจะได้ไม่มาเกิดอีก ทุกวันนี้ผมจึงอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับสังคม แต่ผมก็ศึกษาสังคมผ่านอินเตอร์เน็ต แต่ก็ไม่อยากให้ใครรู้จักและเข้าถึงเพราะเบื่อสังคมมนุษย์ เบื่อนิสัยมนุษย์ ถ้าผมรู้ว่าโลกมนุษย์เป็นแบบนี้ผมก็คงไม่อาสามาเป็นแน่ ชีวิตของผมก็เลยมีกลุ่มสุนัขล้อมหน้าล้อมหลัง สบายใจ

 

ท่านท้าวมหาเทพไมเคิล (Archangel Michael)
(คือผมพยายามจะหาคำศัพท์แบบไทยๆมาใช้กับคำว่า
Archangel หนะครับ เพราะค้นดูในที่ไหนๆ
ก็ไม่เห็นมีใครใช้ศัพท์แทนคำนี้ได้ถูกใจซักคน
เพราะว่าในดิกชั่นนารี่ก็แปลว่า หัวหน้าเทวดา
หรือหัวหน้าเทวฑูต อะไรประมาณนั้น

ผมก็เลยใช้คำว่า "มหาเทพ" ซะเลย
ดูเป็นไทยๆอย่างมากกากเลยใช่ไหมครับ)

ท้าวไมเคิ่ลเทวราช ดีมั้ยครับ เช่นเดียวกับท้าวพญายมราช ท้าวเทวนาคราช ท้าวเวสสุวรรณเทวราช ท้าวกุเวรเทวราช เป็นต้น ไทยจ๋าเลยครับ

 

g

เค้าเป็นนักบวชนะคุณก้อ ไปว่าเขาเดี๋ยวเป็นบาป หึหึ

ไอ้พวกเอาผ้าสีมาห่มนี่มักสำคัญตัวเองเป็นคนเก่ง เฉลียวฉลาด เที่ยวสั่งสอนคนนั้นคนนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีปัญญาแค่หางอึ่ง ชาวบ้านเขาเกรงใจผ้าเหลืองก็เอาแต่ยกมือไหว้ ไม่กล้าจะว่าไร เพราะคติที่ว่า "ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์" มันกลายเป็นคติประจำใจชาวไทยไปแล้ว แต่ผมไม่ยึดคติห่วยแตกนี่หรอก

 

seed f.m 97.5 เปิดฟั้ง ยัง

 

(คุณอาจจะกลายเป็นศัตรูตัวร้ายกาจของตัวคุณเอง เพราะการมีพฤติกรรมที่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่น หรือขึ้นอยู่กับผู้อื่นตลอดเวลา ซึ่งมันจะทำให้คุณปรารถนาที่จะได้พบกับใครสักคนหนึ่ง ที่จะมาเป็นคู่หูหรือเป็นคู่ครองของคุณ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับตัวตนที่สูงส่งของคุณเอง ใครบางคนที่คุณจะสามารถเชื่อใจได้ ปฏิบัติตามได้และเชื่อฟังได้อย่างสนิทใจ ใครบางคนที่คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม)
เป็นแบบนี้เลยโดนใจมาก ตอนเด็กๆก็เป็นเด็กสมาธิสั้น สนใจแต่เรื่องประวัติศาสตร์และโลกดึกดำบรรพ์ รู้สึกว่าไม่ใช่ลูกของแม่ มักจะรู้สึกเศร้าเวลาใกล้พระอาทิตย์ตกดิน ไม่ค่อยเข้าใจการแสดงออกของคนอื่นที่เป็นแบบซับซ้อนจนสามีถามว่าเธอมาจากดาวดวงไหน เคยฝึกพลังจักรวาลและรู้ว่ามีพลังเข้ามาอย่างมากโดยเฉพาะเวลานั่งสมาธิแต่ยังใช้พลังไม่ค่อยเป็น มีคนเคยทักว่าอีกหน่อยจะต้องช่วยเหลือผู้คนแต่ไม่รู้เมื่อไหร่ และตอนนี้ก็อึดอัดก็ชีวิตแบบที่โลกเค้าเป็นกันอย่างมากเลย กำลังรอเวลาที่จะได้รับการปลดปล่อยอยู่

 

ลองไปเลือกกระทู้ในนี้อ่านดูนะครับ
เผื่อจะได้คำแนะนำดีๆ ที่เหมาะกับตัวเองกลับไปบ้าง

http://palungjit.org/search.php?searchid=2149094

ขอให้สมปราถนาเร็วๆนะครับ

 

เเล้วผมจะเข้าร่วมยังไงละครับ ผมยังไม่รู้จัก star seed คนอื่นเลย

 

ไม่รู้จักใครก็ฝึกคนเดียวไปก่อนครับ



.......................................

 

เเลว้ที่คุณ ชยุตบอกว่า ให้เข้าร่วม Star Kids Project เนี่ย ต้องติดต่อ คุณ ริชาต บอยเเลน ยังไงครับ ไม่มีเบอร์ ครับ มีเฟสเเต่เขาไม่มีให้เพิ่มเพื่อนครับ http://www.facebook.com/DrRichardBoylan

 

ขอขอบคุณ คุณชยุตสำหรับคำแนะนำค่ะ:VO

 

ข้อความพวกนั้นหนะ ผมก็แปลเขามาหนะนะครับ
ซึ่งผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า จะติดต่อ ดร.ริชาด ได้ที่ไหน อย่างไร

เพราะว่าอันที่จริงแล้ว ผมไม่เคยคิดจะติดต่อใครด้วยซ้ำไป
เพราะว่า เราอ่านเอาเนื้อหาสาระของบทความก็พอแล้ว
จากนั้นก็เอามาปรับใช้กับชีวิตของเราเองต่อไปครับ

เหตุผลที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะว่า..พูดตามตรงเลยนะครับว่า
จนถึงวันนี้แล้ว ข้อความในกระทู้ทั้งหลาย ที่ผมได้โพสต์ไปมากมายแล้วนั้น
มันมากเกินพอที่จะเป็นไกด์นำทางให้คุณได้แล้ว
โดยไม่ต้องไปควานหาความช่วยเหลือจากคนอื่นเลย
หรือโดยไม่ต้องไปหวังพึงพาให้ใครมาเปิดจักระให้ หรือทำอะไรให้เลย

รวมถึง ไม่ต้องไปเที่ยวไล่กราบใครต่อใครเขา เพื่อขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ลูกหา
และเพื่อเอาพลังอำนาจของตัวเองไปเที่ยวยกให้กับพวกเขาแต่อย่างใดเลย
เพราะว่าสุดท้ายแล้ว ตนคือที่พึ่งแห่งตน และคุณนั่นแหละที่มีพลังอำนาจในตัวเองอยู่แล้ว
และที่จะสามารถทำให้ตัวเอง "ตื่นขึ้น" หรือ จนถึง "ตื่นรู้" ได้ด้วยซ้ำไป
คุณต้องรู้ว่าคุณมี "รหัส" บางอย่าง ถูกใส่ไว้ใน DNA ของคุณอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนลงมาเกิด

ลองไล่อ่านกระทู้ที่ผมได้โพสต์ไปแล้วดูนะครับ เลือกอ่านที่คุณอยากจะอ่านก่อน
แล้วจากนั้น คุณก็จะรู้เองว่าข้อมูลพวกนี้มันเข้ากับคุณได้หรือเปล่า
มันน่าจะเชื่อถือได้หรือไม่ ให้วางสติไว้ที่หัวใจของตัวเองนุ่มๆขณะอ่านนะครับ
เพราะว่าใจคือฐานที่ตั้งของจิตวิญญาณของเรา และมันจะบอกเราได้ว่า
อะไรจริง อะไรไม่จริง แรกๆคงต้องฝึกกันหน่อยเป็นธรรมดา ไม่ว่าใครก็ตาม

ตามลิงค์นี้ไปนะครับ

http://palungjit.org/search.php?searchid=2150842

กระทู้ข้างล่างนี้ ก็ขอแนะนำให้อ่านนะครับ เพราะว่ามันจะคล้ายๆกับว่า
เป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น จะออกก้าวเดินไป
บนหนทางแห่ง Star Seed หนะนะครับ..ครายออน พูดไว้น่าฟัง-น่าคิดมากครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-ตัวตนหลากมิติของเรา-and-คุณลักษณะของ-light-worker-โดย-kryon"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...d-คุณลักษณะของ-light-worker-โดย-kryon.301196/

..........................................

 

^^ขอบคุณมากครับ คุณชยุต ที่ให้คำเเนะนำ ผมจะต้อง ตื่น ขึ้นมาให้ได้ "ผมลงมาเอง ผมก็ต้องกลับขึ้นไปเอง" ถึงผมจะจำอะไรไม่ได้ก็เถอะครับ

 

The Amazing Power of Indigo, Crystal, and Rainbow Children

by Doreen Virtue


At an outdoor cafe in Chichen Itza, Mexico,
a small boy sat across from me, staring at me intently
with long-eyelashed eyes. His steady, loving gaze signaled that
he was one of the new children. Yet this boy was different
from the Crystal Children I’d met on my journeys.

His energy seemed significantly higher. “He’s a Rainbow Child,”
I heard whispered in my right ear, and my body covered with
goose bumps.

His mother explained that little Jose Luis was two years old
and would turn three on March 3, which she quickly pointed out
was the date of 3/3.

Jose continued to stare at me, and finally he pointed
to himself and said in Spanish, “I am a Boy Wizard.”

My mouth must have dropped open, because his mother
explained that Jose was quite psychic.

“Jose told his older sister that she was once a ballerina,
although she’d never spoken of the ballet she’d done
before he was born.”

Unlike a Crystal Child, Jose seemed more comfortable
with strangers and more apt to talk. I thought of the Crystal
and Indigo Children I’d met during my travels
and some of their distinguishing characteristics.

For example, Indigo Children have a very masculine energy,
with warrior traits of willfulness and natural leadership skills.

Indigos are sensitive to chemicals, including their own body chemistry.
They can also detect dishonesty instantly, and they trust
their gut feelings when sizing up someone’s character
and integrity. You can’t lie to an Indigo, that’s for sure.

In fact, their groups’ soul purpose is to rid the planet
of corruption and greed, and usher in cooperation and integrity.

This lofty mission is fueled by the Indigos’ anger and angst.
It’s important not to squelch the Indigos’ anger,
but to teach them how to manage it constructively.

Indigos also need outlets for their great energy,
such as cardiovascular exercise and artistic projects.
Without such outlets, Indigos have difficulties
that often result in a mislabeled ADD diagnosis.

The next generation of highly sensitive youths
are called Crystal Children. Unlike the Indigos,
Crystals are calm, sweet, and quiet; and their energy
is very feminine.

In fact, they’re so quiet that they’re often misdiagnosed
as having autism or Asperger’s Syndrome.

Crystal Children prefer to communicate telepathically
or through music, which are better ways for them
to convey deep and complex feelings than talking.

Crystal Children have strong connections to nature,
and they need to be outdoors regularly.
They also develop close bonds with domestic and wild animals.

They’re even more sensitive to chemicals than Indigos,
so Crystal Children usually require organic diets,
and special laundry soap and fabrics to avoid allergic reactions.

Rainbow Children are the next vibrational level
following the generation of Crystal Children.
Rainbows have perfectly balanced male and female energy.

Rainbows are like “little Buddhas,” both wise and serene.
They’re more interested in giving than receiving.
Because Rainbow Children have never before incarnated,
they don’t have earthly karma to work out.
Therefore, they only select harmonious,
functional families in which to be born.

Rainbows are just now beginning to populate the planet.
The largest influx of Indigos was born between 1975 and 1995
(although some were born before and after those years).

The Crystal generation now has its foothold,
and new Crystals will continue to be born through 2015.

Interestingly, as the Mayan calendar flips to its end,
the Rainbow Children will begin their reign upon the planet.

Afterwards, I spoke with Archangel Metatron
(the archangel who oversees the Indigo, Crystal,
and Rainbow children). He told me:

“The Children of the Rainbow are being assembled
and prepared for a mass influx among the population.
They are multidimensional, holographic beings filled with love,
without being ruled by ego-based emotions.

They are wise without being overly intellectual.
They are unconcerned with impressing others
or competition of any kind.

“They see and recognize only love, like angels.
Parents must avoid the temptation to burden these children
by making them confidants, as the Children of the Rainbow
are excellent listeners and very compassionate.

“Yes, some of them are here on Earth, born in emotionally
warm and open countries, particularly Mexico, Italy, Chile,
Peru, Venezuela, New Zealand, Australia,
and parts of Africa and Eastern Europe.

“The Crystal Children are the primary conduits for the
Rainbow energy, in the same way that crystals reflect light
into rainbow prisms. This ultra-healing energy
is pouring into the planets’ airwaves, radio frequencies,
and water to disperse the energies and soak the planet
and population in them.

Dolphins, Reiki-attuned people, and merpeople
are also dispersing the rainbow energy right now.

“The way to bring more rainbow healing energy
to the planet is through its dissemination in human bodies,
known as Children of the Rainbow.

This energy has only previously been embodied
in the form of dolphins. Like other areas of human evolution,
it’s now moving from the water onto dry land.

You need fire as light through the prism of water to illuminate the rainbow rays.”

~~ Doreen Virtue

https://www.facebook.com/DoreenVirtue444


For more information on Indigo, Crystal, and Rainbow children, please listen to:

[ame=http://www.amazon.com/Indigo-Crystal-Rainbow-Children-Doreen/dp/1401905641/ref=sr_1_1?s=books&ie=UTF8&qid=1371101056&sr=1-1&keywords=crystal+rainbow+indigo+children]Indigo, Crystal, & Rainbow Children: Doreen Virtue: 9781401905644: Amazon.com: Books[/ame]

.........................................

 

จักระเปิด
ตอนนี้หมุนได้หมดแล้ว
บนศรีษะรับคลื่นเหมือนจานดาวเทียม ที่รองรับอยู่
โครงศรีษะมีการเปลี่ยนแปลง
รูปร่างดีขึ้น
จาก 86 เหลือ 78 โดยไม่ต้องลดอะไร พลังทะลักใส่ร่างกายแทบตลอดเวลา ได้ยินเสียงวิ้ง เหมือนเสียงคลื่นในช่วงเวลานี้

 

อยากถามจากผู้รู้ว่ามีความเกี่ยวพันกับต่างดาวอื่นหรือไม่
นานแล้ว ตื่นมา ตายังไม่ลืม มองเห็นภาษาอะไรไม่รู้มีลักษณะแปลก ๆ เหมือนภาษาทรานฟอเมอ หรือภาษาที่ปิรามิด ตอนรุ่น ๆ จะนิมิตเห็นอุกกาบาตถล่มโลกที่หลุดมาจากดวงอาทิตย์ บนท้องฟ้ามีจานบินร่อนเต็มไปหมด
ล่าสุดเห็นในนิมิตอีก เล่าสู่เพื่อนฟัง ไม่กี่วันอุกาบาตไปตกที่รัสเซียภาพคล้ายกันมาก..

 

ผมมั่นใจว่าผมคือผู้พเนจรจากฟากฟ้า จริงๆนะครับ5555 ผมรู้สึกแบบว่า.ผมไม่เหมือนเดิม (ความรู้สึกข้างใน บอกใครบ่ได้)

 

เข้ามาอ่านข้อความคุณชยุตแล้วรู้สึกปลุกพลังบางอย่างในตัวเองให้ตื่นขึ้น เหมือนจิ๊กซอว์ตัวที่ขาด ได้ปรากฏตัว
...ก่อนหน้านี้ได้ฝึกปฏิบัติ จนมีภูมิธรรมในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง ว่าเหตุใดยังละความต้องการลึกๆ ว่ายังไม่ปรารถนานิพพาน ก่อนจะช่วยโลกให้คืนสู่ภาวะปกติ จนนึกไปเองว่า หรือตัวเองจะเป็นพุทธภูมิเก่า
หรือเกิดจากวิปัสนูกิเลสที่เกิดกับนักปฏิบัติ แต่พอมาอ่านบททดสอบของผู้ใหญ่ ปรากฏว่าตรงทุกข้อ ไม่มียกเว้นข้อหนึ่งข้อใด ...
รู้สึกแปลกแยกกว่าคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ ...ตอนเป็นเด็กจำความได้ตั้งแต่อายุสองขวบครึ่ง (มีสติชัด) มีสมาธิติดตัวมาตั้งแต่เกิด โดยไม่ต้องฝึก มีประสบการณ์เกี่ยวกับวิญญาณหลายครั้ง ....เวลามีสมาธิมากๆ ไฟตกหรือไม่ก็ดับ เวลามีเหตุคับขันก็รู้ตัวก่อนเสมอ ไม่ว่าจะหลับอยู่หรือไม่...
เห็นเลข 11.11 อยู่บ่อยครั้ง...ตอนเด็กๆ เคยได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน... ซึ่งก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเห็นว่าไม่ใช่สาระสำคัญอะไรมาก ก็แค่ใบไม้นอกกำมือ..
แต่พอมาเจอกระทู้นี้ รู้สึกว่าสิ่งที่ก้องมาในหูมาตลอดว่ามีภารกิจต้องทำ อาจเป็นสิ่งที่คุณชยุตกล่าวถึง...

...ก่อนหน้านี้ ตอนนั่งสมาธิ เคยมีประสบการณ์ถึงความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง กว้างขวาง ไม่มีอัตตา ไม่มีเจ้าของ เป็นสภาวะที่อธิบายยาก ...พอมาอ่านข้อความของคุณชยุต จึงมีความรู้บางอย่างผุดขึ้นมาในหัวว่า....
อนัตตา ที่พระบางองค์แปลความว่า ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน (ในความหมายที่ลึกลงไปกว่า ความบังคับบัญชาไม่ได้)
...หรือที่แท้ความหมายมันจะใช่ สิ่งที่ว่า เราทุกคนเป็นแสง ไม่ใช่วัตถุหนาทึบ เรามีกายสังขาร เพราะความไม่รู้ (อวิชชา) ห่อหุ้ม จนสังขาร (ความคิด) ไปบดบังสภาวะแสง จนกลายเป็นกายสังขารไป...