ขอถามเรื่องการเริ่มทำกสินน้ำค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Broccocat, 15 กันยายน 2013.

  1. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    คือ ทุกทีจะติดทำสมาธิแบบพุธ-โธ ระลึกแต่ภาพพระพุทธเจ้า ทีนี้ ก็ไปอ่านช่องสี่เหลี่ยมยาวๆ ด้านบนข้างๆ ที่เกี่ยวกับกรรมฐาน 40, กสิน 10 อ่านๆ ไปก็ งง อ่ะค่ะ แต่ก็ลองทำดูละกัน มีข้อสงสัยเยอะเลยค่ะ จะขอถามเท่าที่นึกได้ดังนี้...

    - ถ้าเราจะทำกสินน้ำ คือเวลาเพ่งเนี่ย ให้เพ่งเฉพาะน้ำใช่ไหมคะ แต่ภาชนะที่ใส่น้ำ ไม่ต้องเพ่งด้วยใช่ไหมคะ

    - ภาชนะที่ใช้ใส่น้ำเป็นสีขาว พอใส่น้ำลงไป น้ำก็เลยเป็นสีขาวไปด้วย พอเพิ่งที่น้ำแล้วหลับตาประมาณครั้งที่ 5 ภาพที่ติดตากลายเป็นแสงสีขาวกลมๆ ไปซะ...อย่างนี้ถือว่า ทำผิดวิธีใช่ไม๊คะ สีของภาชนะที่ถูกต้องควรจะเป็นสีอะไรคะ

    - เวลาภาวนา เนี่ย ภาวนาว่า...อาโปกสิณัง...คือ สงสัยว่า หายใจเข้าก็อาโป หายใจออกก็อาโป งี้เหรอคะ (คือเราติดพุธ-โธ น่ะค่ะ) ซึ่งเราก็ไม่เคยทำกสินมาก่อน เราก็ว่าๆ งี้อ่ะค่ะ...หายใจเข้าพุธ หายใจออกโธ อาโปกสิณัง...555 เขินจัง อ่ะนะ ก็เราไม่รู้วิธีภาวนาจริงๆ นี่นา ทีนี้เราอยากรู้ว่า การภาวนาแบบกสินที่ถูกต้อง ต้องทำยังไง จะกำหนดลมหายใจยังไง
     
  2. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ถ้าจะทำกสิณน้ำ ให้เพ่งเฉพาะน้ำ ภาชนะไม่ต้องเพ่ง ถูกครับ

    สีของภาชนะ เป็นสีอะไรก็ได้ครับ ขาวก็ดี สังกะสีก็ได้ ดำก็ได้

    คำภาวนา ถ้าเอาตามแบบ หายใจเข้าอาโป หายใจออกกสิณังก็ได้
    หรือถ้าชินกับจังหวะแบบ พุทโธ ก็ใช้เป็นหายใจเข้าอา หายใจออกโปก็ได้

    -----------------------------------------

    ทีนี้...ปรับความเข้าใจกันนิดนึงครับ

    ภาพนิมิต ที่ต้องการในการเพ่งกสิณ ไม่ใช่ภาพที่ลูกตานะครับ
    น้ำที่อยู่ตรงหน้า ใช้เพื่อมองว่า รูปร่างหน้าตา ลักษณะของน้ำ เป็นแบบนี้ แบบนี้
    แล้วก็หลับตาลง นึกถึงภาพของน้ำ ให้ภาพของน้ำปรากฎขึ้นในหัว เป็นมโนภาพที่เราสร้างขึ้น
    ถ้าน้ำอยู่ในอ่าง ก็ให้นึกถึงภาพน้ำ เท่านั้น
    รูปร่างหน้าตา สีสรร ของอ่างเป็นอย่างไร ก็ช่างมัน ไม่ต้องไปให้ความสนใจ
    ไม่งั้นเดี๋ยวจะได้ อุคคนิมิตแบบติดมาทั้งอ่าง

    ระหว่างการ ครีเอท ภาพของน้ำในหัวนั้น
    ถ้าจิตมันซัดส่ายไปมา ไม่นิ่ง เดี๋ยวนึกถึงนั่น เดี๋ยวนึกถึงนี่ ก็ให้ลองใช้คำภาวนามากำกับอีกที
    กำกับให้จิตมันคิดถึงแต่ รูปของน้ำเท่านั้น
    ถ้าอาการซัดส่ายเกิดขึ้น มันก็จะแค่เป๋ไปนึกถึงคำว่า อาโป หรืออาโปกสิณังเท่านั้น
    แล้วรึบกลับมาตั้งหลัก นึกถึงรูปของน้ำ ให้มีขึ้นในมโนภาพอีก

    ถ้านึกแล้วภาพมันเลือนไป นึกไม่ออก
    ก็ค่อยลืมตาขึ้นมามองและจดจำ รูปร่างลักษณะของน้ำตรงหน้าอีก
    แล้วก็หลับตานึกถึงภาพของน้ำนั้นอีก ไปเรื่อยๆ

    แปลว่า มองแค่พอจำได้ แล้วหลับตาลงนะครับ
    ไม่ต้องมองนาน เพราะถ้าติดนิสัยมองนาน เอาตาเนื้อจ้องนานๆ เพ่งนานๆ
    เดี๋ยวพอไปฝึกกสิณไฟ จ้องนานๆ เพ่งนานๆ เข้า ทีนี้ตามันจะเสียเอา

    พอเข้า เขตุอุปจารสมาธิ
    ภาพของน้ำที่เรานึกถึง จะปรากฏเป็นเหมือนของจริง ลอยอยู่ในมโนภาพของเรา
    รูปร่างหน้าตา สีสัน การกระเพื่อมไหวไปมา เหมือนจริงทุกอย่าง

    ทำได้อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า จบขั้นแรกครับ

    -------------------------------------------

    สังเกตุที่ผมอธิบายนะครับ
    การนึกถึงน้ำ เป็นเรื่องหลัก
    คำภาวนาเป็นเรื่องรอง
    รูปร่างหน้าตาของน้ำ เหมือนของตรงหน้าเป๊ะหรือไม่ ไม่ได้พูดถึงเลย
    แต่ที่เน้นคือ ภาพในมโนภาพ ต้องปรากฏเหมือนน้ำจริงๆตั้งอยู่
    จึงจะจบขึ้นแรก คือเข้าเขตุอุปจารสมาธิ
     
  3. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ขอถามอีกหน่อยค่ะ...
    - คำว่า มโนภาพ ในที่นี้ก็คือ จินตนาการ ใช่ไหมคะ
    - งง ตรงประโยคนี้ค่ะ
    "รูปร่างหน้าตาของน้ำเหมือนของตรงหน้าเป๊ะหรือไม่ ไม่ได้พูดถึงเลย แต่ที่เน้นคือ ภาพในมโนภาพ ต้องปรากฎเหมือนน้ำจริงๆ ที่ตั้งอยู่"

    ตรงนี้ที่เราเข้าใจแบบนี้ไม่รู้ถูกรึเปล่านะคะ...คือให้จินตนาการน้ำแบบไหนก็ได้ เช่น น้ำไหล น้ำตก น้ำใสกิ๊งๆ หยดน้ำ ไรงี้รึเปล่า แล้วเราจะเอาน้ำจริงๆ มาตั้งไว้ทำไมอ่ะ เอ๊ะ...งง แฮะ หรือว่า...ก่อนหลับตาให้เพ่งดูน้ำจริงก่อน แล้วค่อยจินตนาการน้ำลักษณะไหนก็ได้ ละพอเราภาวนาไปเรื่อยๆ มันจะเปลี่ยนเป็นภาพน้ำจริงให้อัตโนมัติ งี้เหรอ...เราว่า มันยังไงๆ อยู่นา

    555 ขำตัวเอง...ตอนแรกเราเข้าใจว่างี้ ให้แบบมองน้ำจริงที่ตั้งอยู่ แล้วหลับตา ละก็อาโปกสิณังไปเรื่อยๆ ถ้าภาพน้ำยังไม่ติดตาก็ลืมตามองใหม่(ตรงนี้เรียกปฐวีกสิณรึเปล่าเอ่ย) ละพอถึงตอนที่เห็นภาพแสงก้อนกลมๆ ขาวๆ แต่พื้นเป็นสีดำ ซึ่ง กรรมจริงๆ แทนที่จะเป็นภาพน้ำ(ตรงนี้เรียกอุคคหนิมิตใช่ไหมคะ)

    คุณ solardust ได้โปรดดดดด...อธิบายใหม่ พลีซค่ะพลีซ...เอาแบบละเอียดๆ เลยนะคะ
     
  4. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    จินตนาการ ถูกต้องครับ แต่ไม่ใช่จินตนาการเรื่อยเปื่อยนะครับ
    บังคับให้ขอบเขตุของมันอยู่ที่รูปของน้ำเท่านั้น

    คืออย่างนี้ครับ
    ถ้าเรานึกถึงรูปของน้ำออก โดยไม่ต้องใช้ของจริง เราก็ไม่ต้องเอาน้ำมาตั้งตรงหน้าก็ได้ครับ
    จะเป็นน้ำตก แม่น้ำ ทะเลสาป อะไรก็ได้ ขอให้เป็นน้ำก็พอ
    นึกถึงภาพน้ำนั้น ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ก็ใช้ได้ครับ

    ถ้านึกอะไรไม่ออกเลย ก็เอาน้ำจริงๆมาตั้งตรงหน้า
    แล้วก็นึกภาพเลียนแบบน้ำที่อยู่ตรงหน้านั่นแหละครับ เบสิคสุด

    -----------------------------

    ทีนี้
    บางครั้ง ภาพที่นึกออก อาจจะผิดเพี้ยนไปจากของจริงตรงหน้าบ้างนิดหน่อย ก็ไม่เป็นไร
    หรือ อาจจะผิดไปเลย
    เช่น นั่งมองน้ำในอ่าง พอจิตสงบกลับได้รูปน้ำในลำธาร ออกมาแทนก็อาจเป็นได้
    ถ้าชาติก่อนๆ กำเนิดก่อนๆ เคยใช้ลำธารฝึกกสิณน้ำเอาไว้ เป็นต้น

    อันนี้พูดเผื่อไว้นะครับ
    เพราะเคยได้ยินมาหลายเคส ที่ทำกรรมฐานตัวหนึ่งอยู่แต่ ไปได้นิมิตของกรรมฐานอีกตัวหนึ่งมา
    เนื่องจากเป็นของเก่าที่เคยฝึกมา
    แต่น้อยคนนะครับจะมีอาการแบบนี้

    ถ้าเราไม่นับเคสแบบนี้ เอาเป็นเคสปรกติทั่วๆไป
    คุณมองน้ำที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
    คิดถึงรูปของน้ำที่อยู่ตรงหน้า
    นิมิตที่จะได้ก็จะได้เป็นรูปนิมิตของน้ำที่อยู่ตรงหน้านั่นแหละครับ

    ---------------------------

    ต่อไปเรื่องภาพน้ำจริงๆ ในมโนภาพ
    อธิบายไปก็จะงงซะเปล่าๆ เอาเป็นว่า เมื่อจิตเข้าเขตุอุปจารสมาธิเมื่อไร
    ภาพน้ำที่นึกไว้ มันจะเห็นเด่นชัดเป็นของจริงขึ้นมาเอง ตัวนี้แหละครับที่เรียกว่า อุคคนิมิต
    ตรงนี้ ต้องทำให้ถึงเองก่อน
    พอเห็นเอง ถึงจะเข้าใจครับ

    ---------------------------

    แสงกลมๆขาวๆ พื้นดำ เป็นภาพ เนกาทีฟ ที่ติดอยู่บนจอภาพในลูกตาคุณ จากการมองหรือเปล่าครับ สังเกตุดูดีๆ
    ปฐวีกสิณ ก็ทำเหมือนกสิณน้ำนั่นแหละครับ
    เอาดินมานั่งมองแล้วก็ ใช้จินตนาการ สร้างภาพดินในมโนภาพขึ้นมา เลียนแบบของจริง
    พอนึกไม่ออกก็ลืมตามามองดินที่อยู่ตรงหน้านั้นใหม่
    พอเข้าเขตุอุปจารสมาธิ ภาพดินก็จะปรากฏเหมือนจริง อยู่ในมโนภาพ

    กสิณตัวอื่นๆก็ออกแนวนี้แหละครับ เหมือนกันหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  5. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    โอเค...พรุ่งนี้จะลองทำกสิณน้ำนี่อีกครั้ง ได้ผลว่าไง จะมารายงานอัพเดทให้ทราบอีกทีนะคะ คุณครู solardust ^^ ออๆ ขอถามเผื่ออนาคตไว้หน่อยค่ะ เรื่องกสิณชนิดต่างๆ...

    กสิณดิน...นี่หายากจังนะคะ จะไปเอาดินสีอรุณมาจากไหนกัน สีอรุณที่ว่านี้คือสีออกแดงๆ รึเปล่าคะ(แอบเดาเอาเองว่า มาจากคำว่าอรุณสวัสดิ์ 555 สีคงจะเหมือนพระอาทิตย์ขึ้น) แถวบ้านมีแต่สีออกดำๆ น้ำตาลเข้มๆ มีทรายปนนิดๆ ด้วย ถ้าไปตามร้านขายอุปกรณ์การเกษตร เค้าจะรู้จักคำว่า ดินสีอรุณ ไหมคะ หรือว่าคำนี้มีใช้เฉพาะแต่วงการศาสนาเท่านั้น

    กสิณไฟ...นี่ถ้าเราไม่ใช้เสื่อเจาะเป็นสี่เหลี่ยมได้ไหมคะ แบบจุดไฟตั้งเทียนเฉยๆ มองตรงไฟหนาๆ เหมือนในตำรากรอบสี่เหลี่ยมข้างบนหน้าเพจว่าไว้
    คือถ้าแบบ อุปกรณ์เยอะนี่จะท้อแท้ได้อ่ะค่ะ แฮ่ะๆ

    อย่างไรก็ตาม เอากสิณน้ำให้รอดก่อนนะคะ แล้วค่อยต่อ กสิณไฟ ตามตำราที่ว่าไว้
     
  6. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    สีอรุณคือสีออกแดงๆ ถูกแล้วครับ
    แต่จริงๆแล้ว ใช้ดินอะไรก็ได้ ดูแล้วให้รู้ว่าเป็นดินก็พอ

    กสิณไฟใช้เทียนก็ได้ครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,042
    หลักการณ์ที่ คุณ solardust พูดมาใช้ได้ครับ..แต่ขออนุญาตเสริมนิดหนึ่งครับ..
    เวลานั่งหรือฝึกให้มองผ่านช่วงกลางระหว่างคิ้วนะครับ.อย่าใช้
    ลูกนัยต์ตามองและสมองในการจำ หลักการที่ให้มองให้จำนั้นเพื่อเป็นอุบายสร้างกำลังให้จิตเฉยๆ.
    เหมาะสำหรับคนที่จะฝึกเพื่อให้ใจสงบและนำกำลังสมาธิไปต่อยอดวิปัสสนา
    เนื่องจากลักษณะของน้ำมีความใสเราจะใช้การจำ
    แล้วหลับตาเหมือนกสิณสี.หรือกสิณกองอื่นที่มีสีและมีภาพคงค้าง
    ปรากฏในระดับขนิกสมาธิไม่ได้เนื่องจากลักษณะทางกายภายน้ำใสไม่มีสี

    จำเป็นต้องสร้างทิพยจักขุผ่านการมองระหว่างจุดนี้
    นอกจากที่คุณ solardust บอกว่าให้นึกแต่อย่าใช้สมอง
    ไปนึกไปจำจะทำให้ฝึกได้ช้าครับ..ส่วนนิมิตรของอุคหนิมิตรกสิณน้ำที่

    เริ่มต้นใช้ได้ก็คือ เป็นน้ำจริงๆคล้ายที่คุณ solardust
    บอกเป็นคลื่นๆใสๆ ที่สำคัญคือต้องไม่มีฟองอากาศสีขาวนะครับ.
    ถ้าจิตละเอียดพอ.จะพบลักษณะนิมิตรของน้ำก่อน

    ที่จะมาเจอแบบนี้ประมาณ อย่างเช่น..คลื่นทะเลซัด
    เข้าหาฝั่ง.๒.คลื่นทะเลแยกออกจากกันเป็นแนวขนาน.
    ๓.น้ำแบบในบ่อที่ลมซัดเข้าหาฝั่ง..๔.คลื่นแยกออกจากกันเป็นแนวขนานและมองเห็นวงกลมตรงกลาง
    ๕.แม่น้ำผืนใหญ่หาขอบไม่ได้..๖.คลื่นสูงกลางทะเล และ๗.น้ำในบ่อที่มีกำแพง เป็นต้น

    แต่ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นนิมิตรที่ขวางการปฏิบัติทั้งหมดที่สำคัญ
    จะมีฟองคลื่นสีขาวปนอยู่ น้ำจะสีไม่ใสออกน้ำเงินอ่อนๆบ้าง ออกสีเขียวๆบ้าง.หรือดูขุ่นๆบ้าง.
    .ยกเว้นน้ำใสในบ่อที่มีกำแพงจะมองเห็นพื้นใต้น้ำ
    มีลายสลักฝาผนังแปลกๆ.นี่ก็เป็นนิมิตรที่ขวางเหมือนกัน.อย่าสนใจ

    และที่สำคัญนะครับ..ถ้าเห็นอุคคนิมิตรน้ำใสเป็นคลื่นแต่ไม่มีฟองขาวได้
    อย่าพึ่งตื่นเต้นและดีใจ..ให้ระวังสายตาที่มองจากจิต.อย่าเข้า
    ไปใกล้นิมิตรน้ำมากนะครับ.คือถ้าห่างมากไปจะต่อยอดจากขั้นนี้ไปสร้าง
    กำลังจิตต่อไม่ได้..และถ้าเข้าใกล้ไปจะโดนดูดไปอีกภพภูมิหนึ่งและ
    จะมีพันธ์มิตรอีกมิติ

    จะคอยขวางหรือแกล้งเราไม่ให้ฝึกรออยู่ หรือหลอกให้เราไปติดในนิมิตร....อลังการงานสร้างทั้งหลาย
    ..ที่กล่าวมาทั้งสองอย่างนี้ก็คือตัวขวางทั้งนั้น.ถ้าเราเผลอไปติดกับดักตัวนี้จะ
    ไปติดความสามารถทางวิชา และเครื่องรู้ต่างๆ แบบกระจุ่มกระจุิ๋ม..
    ที่จะได้ในขณะฝึกเป็นเหตุให้ต่อยอดการฝึกต่อไปเพื่อนำพลังงานที่เป็น
    ประโยชน์ของกสินน้ำจริงๆขึ้นมาใช้งานไม่ได้

    และต่อไปจะเป็นเหตุให้เราเบื่อและเลิกฝึกไปเลย.และจะเข้าไม่ถึงขั้นการนำ
    หรือเรียกพลังงานกสิณขึ้นมาใช้งานในทางที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์ได้
    จะติดแอ๊กเฉพาะการแสดงโลดโผนในนิมิตรรู้ได้คนเดียวแต่เอามาใช้ทำประโยชน์อะไรไม่ได้
    .ผู้ปฏิบัติเสร็จตรงนี้มาหลายรายแล้วต้องระวังนะคับ.
    เพราะไปเผลอกับความสามารถในการเห็นส่วนภพภูมิและหลงไหลชอบกับสัมผัสความรู้สึกกระจุ่มกระจุิ๋มนี่หละครับ
    และกสิณกองอื่นๆก็จะได้และมีลักษณะแบบเดียวกันเท่านี้เหมือนกันครับ..

    ..ตอนนี้ก็เอาขั้นพื้นฐานตรงนี้ไปก่อน..ส่วนอุคหนิมิตรกสิณกองอื่นๆที่เป็นของเก่าเรายังไม่กลับ.มาช่วงนี้ครับ..
    และแม้ถ้ากลับมาก็ไม่ต้องสนใจเพราะก็จะเป็นตัวขวางเหมือนกันครับ
    ไว้คุณเข้าอุคหนิมิตรน้ำได้บ่อยๆนั่นหมายความว่าคุณนั่งหลับ
    ตาไม่ถึงนาทีก็เข้าถึง.หรือเคยเห็นอุคหนิมิตรกสิณน้ำแบบลืมตาได้แล้ว
    และเกือบจะสามารถสร้างกำลังจิตในส่วนปฏิภาคนิมิตรน้ำได้นั้นหละครับ.
    คุณถึงจะเจอ.เพราะใกล้จะถึงขั้นใช้งานได้เลยกลับมาเพื่อหลอกให้เรา
    ไปยึดติดเพื่อให้เราช้านั่นหละครับ...เด่วค่อยว่ากันอีกที

    ถ้าเลยขั้นต่อจากนี้.ในส่วนของการสร้างกำลังจิตจะเอาลิงค์ที่เคยเขียนไว้
    มาให้อ่านครับ.ส่วนนั้นเป็นในระดับปฏิภาคนิมิตร
    มีเทคนิคการฝึกสร้างกำลังจิต..การฝึกรวมกสิณกองต่างๆที่กลับมาหลังจาก
    ที่เราทำกสิณน้ำได้ก่อนแล้วกองแรก..เพื่อสร้างกำลังจิตสำหรับการใช้งานจริงๆ
    .ถ้าผ่านจุดนี้จะเรียกพลังงานพวกนี้ขึ้นมาแบบที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้.
    ไม่ใช่แบบอลังการในด้านการใช้งาน.โลดโผนเหมือนใน Dragon-ball z ที่ทำได้เฉพาะในนิมิตร
    ที่เอาไว้พูดเพื่อสร้างภาพรวมทั้งอัตตาให้ตนเองแต่พอถามว่าเอาไปทำอะไรที่
    เป็นประโยชน์ได้เงียบกริ๊บ.และรู้ได้เฉพาะตนเองคนเดียวฮ่าๆๆ..
    จุดนี้.ค่อยว่ากันอีกทีในอนาคตข้างหน้าแล้วกันครับ.

    ปล.ขำๆนะครับเล่าให้ฟังเฉยๆเป็นหนึ่งในทางเลือกปฏิบัติครับ
     
  8. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    วันนี้เงียบจัง มาลุ้นๆ ^^ ไม่ได้ฝึกกสิณน้ำหรอก ผมฝึกสติ มาลุ้น เป็นกำลังใจให้ทั้งคนแนะ คนฝึก ^^
     
  9. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    แล้ว ฝึก กสิน น้ำ เพื่อจุดประสงค์อันใด
     
  10. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ถ้าเรานึกภาพน้ำแบบเป็นที่พักของน้ำตก ไม่ใช่น้ำที่กำลังตกฟู่ๆ นะคะ เป็นน้ำที่เกือบนิ่ง ใสๆ สีเหมือนแก้ว มองผ่านน้ำเห็นพื้นดินชัดแจ๋วเชียว แล้วที่คุณ solardust บอกว่า ให้เพ่งแต่น้ำอย่างเดียว อย่างอื่นไม่ต้องไปเพ่ง แต่ตอนที่เรานึกน้ำที่ว่า แบบ อยู่ดีๆ มันก็มีตัว(ห้ามขำนะคะ)เหมือนยุงยักษ์ที่ชอบอยู่ตามน้ำตกอ่ะ คือในตอนที่กำลังนึกภาพที่แหล่งน้ำตรงนั้นอยู่ มันจะมีเจ้าตัวเนี๊ยะมาเข้าฉากด้วย ซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจให้มันมาลอยอยู่ในน้ำด้วยเลย(หรือว่านี่คือการปรุงแต่งของจิตเรา) แล้วนิมิตรของน้ำแบบแอ่งน้ำเกือบนิ่งของบริเวณน้ำตกนี่จะเป็นแบบไหนคะ? ทำไมกสิณน้ำดูยากๆ ยังไงไม่รู้
     
  11. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ลุ้นตัวเองด้วยคน วันก่อน ฝึกแล้วค่ะ แต่ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เพราะมีบางอย่างที่ต้องนั่งเฝ้าดูด้วยตาเปล่าอยู่ เลยทำไปได้ประมาณ 15 นาทีเอง พรุ่งนี้จะลองใหม่ พรุ่งนี้ว่างละค่ะ

    วันนี้เงียบจัง มาลุ้นๆ ^^ ไม่ได้ฝึกสติหรอก เค้าฝึกกสิณน้ำ มาลุ้น เป็นกำลังใจให้ทั้งคนฝึก คนลุ้น ^^
     
  12. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ทุกทีฝึกสมาธิแบบอื่นน่ะค่ะ แต่กสิณ นี่ เล็งมานานแล้ว อารมณ์ประมาณ วัยรุ่นอยากลอง^^ มั้งคะ เอาไว้ให้ฝึกกสิณน้ำได้แล้วอาจจะได้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงนะคะ แต่ตอนนี้ยัง งงๆ อยู่ อะไรก็ไม่รู้ ย๊าก...ยาก
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,042
    ที่บรรยายลักษณะน้ำมาพอจะทราบครับ.อืมมมม.คุณ Broccocat เคยได้ลองสังเกตุน้ำในบึงบริเวนขอบๆ หรือ
    บ่อน้าที่ขนาดไม่ใหญ่มาก
    ที่เป็นบ่อน้ำแบบที่ไม่ได้เกิดตามธรรมชาติหรือมีอยู่เดิมตามธรรมชาติ
    แบบที่น้ำไม่ได้ไหลเชื่อมต่อไปไหน..
    เวลาที่มีลมพัดแรงๆไหมครับ..อย่างนั้นหละครับ..หลักๆนะครับ.

    การที่เรามองเห็นข้างล่างใสแจ๋ว.หรือมีอะไรก็ตามมาทำให้เราต้องไปมองโดยที่ไม่
    สนใจน้ำและลืมเรื่องการบังคับน้ำเพื่อสร้างกำลังจิตสำหรับก้าวในระดับต่อไป
    .ทั้งหมดนี้คือตัวขวางทั้งนั้น.จุดนี้ควรจะต้องระวังให้ดีๆนะครับ.

    อย่าหลงประเด็น.อย่างที่บอกนะอ่านดีๆอีกรอบ.
    น้ำลักษณะทางธรรมชาติใส.ต้องสร้างทิพย์จักขุอย่างอ่อนให้เกิดก่อนให้ชิน.
    ตอนนี้เริ่มดีแล้วที่เห็นได้และถ้าสนใจความใสหรือมองเห็นพื้นข้างล่างชัดเจน
    ก็คือโดนหลอกแล้วนั่นหละครับ ฮ่าๆๆ

    หลักการบอกไปแล้วการเพ่งไม่จำเป็นต้องนานเพราะเป็นลักษณะที่เพ่ง
    เพื่อเป็นกุศโลบายในระลึกถึงน้ำและควรผ่านระหว่างคิ้วเพื่อตัดการใช้สมอง
    และสร้างทิพย์จักขุเอาไว้.และที่สำคัญน้ำนิ่งมีคลื่นใสแต่ไม่มีฟอง

    .ต้องพยายามตั้งเป้าบังคับน้ำให้ได้ถึงจะเกิดผลช่วงนี้อาจจะเลยไปถึงปฏิภาคน้ำได้
    และถ้าคุณเล่าลักษณะในรายละเอียดมาให้ฟังจะบอกได้ว่าใช่หรือไม่ใช่
    เพราะตำราไม่ได้บอกรายละเอียดไว้จะพูดแต่ภาพรวม
    เพื่อเป็นตัวชี้วัดได้ดีว่าใครทำได้จริงหรือไม่ได้จริง รวมกระทั่งตัวคุณเอง.
    เพราะไม่มีทางที่คนฝึกกสิณน้ำได้จริงๆจะไม่รู้.และวันหนึ่งคุณจะเข้าใจ
    .
    และอย่าเผลอไปดูน้ำอย่างเดียวหรืออะไรก็ตามเด็ดขาดที่ไม่ใช่การบังคับน้ำเพื่อสร้างกำลังจิต.
    พวกนั้นเป็นตัวขวางทั้งนั้น.อุตสาห์บอกไปตั้ง อย่างยังมาถามเกี่ยวกับนิมิตรหลอกอีก
    เด่วปัดดีดหูเลย..ฮ่าๆๆ..(ล้อเล่น).

    .ยังไงหายสงสัยแล้วรู้ว่าอะไรเป็นตัวหลอกแล้ว.ถ้าลุยต่อได้..ก็ทำต่อในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ในอนาคต.
    และถ้าต่อไปคุณจะฝึกไปใช้ประโยชน์ได้นะครับ.

    จะมีทางส่วนภพภูมิมาแนะนำเทคนิคบางอย่างให้คุณเอง.
    อย่างที่ส่วนตัวบอกไปให้ระวังเรื่องระยะห่างในการดูน้ำผ่านจิตนั่นหละครับ.
    แล้วคุณอาจจะคาดไม่ถึงและยากที่จะบอกใครให้เชื่อได้ว่าท่านที่มาแนะนำเป็นใคร.
    เพราะคุณจะคาดไม่ถึงจริงๆ..ที่พูดนี่ภพภูมิส่วนที่ช่วยเรื่องเทคนิค
    ขณะฝึกนะครับ..

    ยังมีส่วนภพภูมิที่ช่วยเรื่องเทคนิคการนำไปใช้งานอีกนะครับที่จะรออยู่
    บอกไว้ก่อนครับ.ถ้าคิดว่าจะฝึกจริงๆก็อย่ามัวเสียเวลากับนิมิตรขวางการ
    ฝึกให้ช้าแบบต่างๆนะครับ..

    งานนี้ไม่มีคำว่าฟลุ๊ค.หรือการส่งของเก่าคืนให้ใช้ได้.ขึ้นอยู่กับ อิทธิบาท
    ล้วนๆ.ในการที่จะฝึกสร้างกำลังจิตเพื่อให้ถึงขั้นพื้นฐานที่จะน้ำมาใช้งานได้
    ส่วนเทคนิคหลังจากนี้ค่อยว่ากันอีกที..อ่อบอกไว้อย่างอย่าหลายใจ
    นะครับ.ไม่งั้นหนทางชีวิตทางด้านนี้จะอีกยาวไกล..คุณทำกองนี้ให้ได้เด่ว
    กสิณในกลุ่มเดียวกันจะใช้ได้เองหละครับ.ไม่ต้องไปฝึกให้เสียเวลาหรอกครับ
    เพราะกำลังเค้าจะส่งเสริมกันในเรื่องใช้งานอยู่
    น้ำหนุนดิน ลมหนุนไฟมีอากาศเป็นตัวเชื่อมประสานครับ..ยังไงขาดกองใดกองหนึ่งไม่ได้หรอกครับ

    ปล.เป็นกำลังใจให้ครับ..
    .​
    .
     
  14. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ถ้าให้นึก ก็นึกได้อย่างที่บอกไปน่ะค่ะ เพราะของจริงมันก็ใสแจ๋วจริงๆ อ่่ะล่ะ(ขอคันเฟิร์มว่า เคยเห็นของจริงมาแล้ว มันใสแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้ปรุงแต่ง) ถ้าให้นึกเป็นบ่อมีอาณาเขตกั้น นึกไม่ออก ถ้าพอนึกได้ น้ำมันก็ขุ่นๆ เขียวๆ คือมันไม่ได้เป็นภาพติดตาและชินเท่าภาพบริเวณน้ำตกนั่นอ่ะค่ะ ตกลงยังไงกันแน่ะ ห้ามนึกภาพน้ำใสกิ๊งๆ หรอคะ ให้นึกภาพน้ำที่เคลื่อนไหวได้ใช่ไม๊

    ง่วงนอนแล้วค่ะ พรุ่งนี้ก่อนฝึกจะมาอ่านใหม่ละกันนะคะ ^^
     
  15. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527

    คอนเฟิร์ม ไม่ใช่ คันเฟิร์ม
    ดูแววท่าจะรุ่งโชติช่วง เกือบตี 4 ยัง อารมณ์ดีขยันฝึก ไม่หลับไม่นอน
    อย่าลืมนะ ข้างบนรอลุ้น คอยอยู่ สู้ๆ ^^ อนุโมทนาบุญกุศลครับ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,042
    ช้าๆและนิ่งๆนะหายใจเข้าออกช้าๆและลึกๆก่อนสามครั้งค่อยอ่านๆนะครับ
    .เด่วจะสรุปความเข้าใจใหม่..นึกน้ำในที่นี้คือนึกถึงแต่น้ำนะ.
    ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับน้ำ

    ไม่ว่าจะแบบน้ำตก.หรือภาชนะที่บรรจุ.หรือสภาพแวดล้อมต่างๆแบบน้ำในบ่อ
    อะไรก็ตาม.ให้เห็นนึกถึงแต่น้ำอย่างเดียวและน่าจะรู้ว่าน้ำให้อารมย์อย่างไร
    จุดนี้ประเด็นแรกพอเข้าใจนะครับ.

    ประเด็นที่สองเชื่อครับ.ว่าเคยเห็นน้ำใสมาแล้ว.อ่านจากที่ถามที่ตอบและลักษณะที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ก็พอคาดคะเนได้ครับ..
    จริงๆถ้าอ่านดีๆนะก่อนที่จะถามหรือสงสัยอะไรเพื่อมาเล่าหรือถามต่อ.จะเห็นว่า
    ในคำตอบล่าสุดเขียนบอกไปแล้วในบรรทัดที่ ๑๑ นะ.
    เวลาอ่านเรื่องที่มีคนแนะนำการปฏิบัติอย่ารีบร้อนอ่านนะครับ.แต่ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน
    ที่หลังอ่านให้ดีๆแล้วจะเข้าใจได้มากขึ้นนี่อีกประเด็นนะครับ..

    ประเด็นต่อมาถ้าเห็นน้ำใสได้.ถ้าน้ำนิ่งๆ.หรือว่ามีคลื่นเล็กๆแต่ไม่มีฟอง.ถือว่า
    ใช้ได้แล้ว.ให้พยายามรักษาอารมย์ตรงจุดนี้ให้นานที่สุดเพื่อบังคับน้ำให้ได้
    จะได้ต่อยอดสำหรับขั้นต่อไปได้..การจะรักษาอารมย์ตรงนี้ให้ได้นาน
    ให้ไปเสริมการสร้างสติทางธรรมหรือการเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบที่

    มีฐานอยู่ที่กายวิธีอะไรก็ได้แล้วแต่จะชอบให้ได้ต่อเนื่อง.และก็นั่งสมาธิเสริม
    ให้มากขึ้นไม่จำเป็นต้องนานอาจแค่ช่วงละ นาที ๑o นาทีก็ว่ากันไปขอแค่
    ให้จิตใจสงบพอ.ร่วมกับการฝึกในเวลาปกติ.ไม่งั้นถ้าเห็นน้ำใสแล้วนอกจากจะเห็น

    ได้ไม่นานเพียงพอที่จะสร้างกำลังจิตเพื่อพัฒนาขั้นต่อไปได้.จะนึกไม่ออกว่าจะ
    ต้องทำอย่างไรต่อ.และจะเกิดความสงสัยในสิ่งที่เป็นตัวขวางการฝึกให้ช้าลงนี่อีกประเด็น.

    .พูดอย่างนี้พอเข้าใจนะ.ลองอ่านดูดีๆก่อนนะ
    .ถ้ายังสงสัยอีกหลังจากที่อ่านแล้ว..เด่วค่อยลองมาคุยกันอีกนะ.ช่วงนี้ไว้ประมาณนี้ก่อนนะครับ.

    ปล.เตือนอีกอย่างนะครับช่วงนี้อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับการรู้ทางวิชา ที่เราไม่ได้สามารถรู้ได้ด้วย
    ความสามารถทางจิตของเราเองแบบไม่ได้ตั้งใจหรือบังคับไม่ได้.
    .และถ้ารู้แล้วก็ให้วางและเฉยๆซะ.เพราะพวกนี้จะเป็นตัวขวางเราให้เราไปรู้ในเรื่องที่ไม่
    มีประโยชน์ในทางธรรมและไปรู้เกี่ยวกับการสนองกิเลสตนเอง.

    ทำให้ขวางการพัฒนาต่อยอดในการนำกำลังจิตที่ได้จากการฝึกขึ้นมา
    ใช้งานได้.ให้ฝึกจนเรียกพลังงาน
    กสิณพวกนี้ขึ้นมาให้ได้ก่อน.เด่วมันมาของมันเองได้ครับ.

    อีก.ปล.กระทู้นี้ส่วนตัวขอยุติไว้เท่านี้นะครับ.เด่วจะรอคุณต้นปีหน้าแล้วกันนะครับ
    ที่จะมาถามเรื่องลักษณะของพลังงานกสิณน้ำแบบที่เรียกขึ้นมาได้และคนอื่นๆ
    จับต้องได้เป็นอย่างไร เทคนิคการอฐิษฐานฤิทธิ์ให้เกิดผลจริงๆ.
    การเรียกพลังงานขึ้นมาในชีวิตปกติทำอย่างไรแบบลืมตาปกตินี่หละครับ
    และการฝึกเสริมกำลัง ณ จุดนี้ทำอย่างไร.
    รวมทั้งการฝึกขยายกำลังในส่วนนี้..และการรวมกำลัง การหนุ่นรวมทั้งการส่งทั้งแบบเห็นตัวและไม่เห็นตัว..
    เพื่อนำไปใช้งานอย่างไรให้เป็นประโยชน์ในทางธรรม
    ตอนนี้ขอเปลี่ยนมาเป็นแผนกให้กำลังใจแล้วกัน. โชคดีนะครับ บ๊ะบาย..
     
  17. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ขอติท่านอาจารย์หน่อย...แฮ่ะๆ
    - ตอนพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสี ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน น่าจะใช้สีหนึ่ง พอจะเปลี่ยนเรื่องใหม่ ก็ใช้อีกสีหนึ่ง น่าจะดีกว่านะคะ อ่านแล้วจะได้ไม่ งง ด้วย
    - ที่พิมพ์ว่าวิชา 3 ตอนไปเซิร์ชหาความหมาย คำที่ถูกต้องเค้าเขียนว่างี้ค่ะ "วิชชา 3"

    นี่เป็นประโยคบอกเล่านะคะท่านอาจารย์...แฮ่ะๆ
    - ทราบแล้วค่ะ ว่า ให้มองแต่ "น้ำ"
    - แค่อธิบายความใสของน้ำให้อ่านเฉยๆ ว่า มันใสกิ๊งๆ จนเห็นถึงพื้นดิน เห็นตัวปลาเล็ก ปลาน้อยว่ายไปว่ายมา มีใบไม้ลอย ใบอ่อน ใบแห้งก็มี มีโขดหินด้วย

    คือเราเพ่งแต่ น้ำ อ่ะนะ แต่ทีนี้เพราะความใสของน้ำทำให้เห็นพื้นดินไปด้วย หรือในตอนแรกที่เอาน้ำเปล่าใส่ภาชนะสีขาว จึงทำให้น้ำที่เห็นเป็นสีขาวไปด้วย เท่าที่อ่านที่พิมพ์ๆ มา คงประมาณให้เรา fake ความรู้สึกใช่ไหม ว่า ไม่เห็นดินตรงนั้น ไม่เห็นภาชนะตรงนั้น...มันคงจะคล้ายๆ การพูดปด > ผิดหนึ่งในศีลห้าเลยนะท่าน

    ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคนช่วยลุ้น นะคะ ^^
     
  18. notanumber

    notanumber Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +39
    ไม่เคยฝึกกสิณมาก่อนเลย แต่อ่านๆดูไม่น่าจะใช่ fake ขึ้นมาครับ เคยฟังหลวงพ่อฤาษี
    ให้ความหมายของกสิณว่าคือการ "เพ่ง" แต่ไม่ใช่ด้วยตา แต่เป็นการเอาใจเพ่ง คิดว่า
    ความหมายของการเพ่งคือเอาใจจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทีนี้สภาวะเดิมของน้ำมันมี
    มวลแต่มันใส เวลามองจิตมันไปเร็วจากความรู้เดิมของเราเกี่ยวกับอันนี้ชื่ออย่างนี้อันนั้น
    ชื่ออย่างนั้น จึงไปเห็นสภาพแวดล้อมของน้ำมาใส่ใจแทน แปลว่าไม่ได้เอาใจจดจ่ออยู่กับ
    การจับภาพน้ำเสียแล้ว น่าจะต้องจับสภาวะเดิมของความเป็นน้ำให้ได้ก่อน คิดว่าเพราะ
    แบบนี้เขาจึงใช้อุบายโดยการนำน้ำมาใส่ภาชนะทรงกลมในการฝึกมากกว่าดูน้ำตาม
    ธรรมชาติ เพราะผู้ฝึกจะมองข้ามความเป็นน้ำไปเรื่อยเปื่อยถ้าไม่เคยฝึกมาก่อน จดจ่อลงไปในสภาวะที่เป็นน้ำไม่ได้

    อารมณ์ที่คุณ nop บอกคงเหมือนเวลาเรานั่งเขียนหนังสืออยู่หรือทำอะไรอย่างตั้งใจในระดับนึง การรับรู้ถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราจะหายไปในระดับนึง เหมือนมีแค่หนังสือกับตัวเราที่ปากกาเหมือนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเรา ต้องมีการเรียกหรือสะกิดกันจึงจะรับรู้ ทั้งๆที่ทุกอย่างก็ยังมีของมันอยู่ แต่ใจอยู่กับสิ่งที่ทำ

    ในความคิดของคนไม่เคยฝึก กสิณที่ยากๆคงเป็น น้ำ ลม อากาศ เพราะไม่มีรูปคงที่นี่ล่ะครับ

    ตอบตามที่เคยอ่านตำรามาแล้วคิดตามนะครับ เรื่องฝึกยังแพ้คุณเจ้าของกระทู้ครับ
    ผมเป็นคนขี้เกียจอย่างมาก เป็นกำลังใจให้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  19. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว อิิอิ ตอนที่สนใจทำกสิณใหม่ๆ ก็อ่านๆ ไม่เคยทำมาก่อนเหมือนกัน เราทำกสิณที่เป็นสีๆ ตอนนั้นทำสีแดง ตัดกระดาษเป็นกลมๆ แปะกำแพงสีขาวด้วยนะ แต่คือไม่รู้อะไรเลย กำหนดลมหายใจไม่เป็น ตอนนั้นยังพุธโธๆ กับกสิณอยู่ สรุป ทำไม่ได้ ล้มเลิกไป จนกระทั่ง มาช่วงนี้ล่ะ อ่านนู้นอ่านนี่ ไปๆ มาๆ มาเจอกรอบสี่เหลี่ยมด้านบน ก็เลยคิดว่า เอาใหม่ ลองอีกทีละกัน เราไม่ต้องข้ามขั้นตอน ไปตามสเต็ปตามตำราเค้า ก็เลยต้องมาเริ่มที่กสิณน้ำนี่ล่ะค่ะ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,441
    ค่าพลัง:
    +35,042
    จุ๊ๆๆๆ..อย่าไปพูดนี่ไหนนะว่า Nopphakan พิมพ์ผิดนะ..อายเค้า พิมพ์ผิดจริงด้วย..
    .ขอบใจนะที่บอก แต่คงแก้ไม่ทันแระ ฮ่าๆๆๆ..อ้างอิงมาซะเต็มๆ 555+

    เอาว่าพอเข้าใจอะไรๆอยู่..ที่เขียนๆให้อ่าน.ก็ถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งแล้วกัน
    สุดแล้วแต่จะพิจารณา..ถ้าเป็นปกติเป็นคนสังเกตุ.ก็ดีนะ.มีส่วนเสริมทำให้เรา
    ฝึกได้เร็วอยู่..และส่วนตัวเห็นด้วยนะที่มาฝึกกสิณน้ำก่อน.เพราะว่าถ้าเราฝึก
    กสิณน้ำก่อนได้ก่อนข้อดีก็คือว่า

    .๑.เวลากสิณไฟเกิดกลับมาแล้วและเราสามารถ
    ใช้งานได้ในเบื้องต้นในนิมิตร.หรือสามารถใช้งานได้จริงในช่วงสภาวะที่จิต
    เป็นทิพย์แล้ว.ความร้อนของพลังงานกสิณไฟจะส่งผลต่อตัวของดวงจิต.และ
    อารมย์ของเราได้อย่างน้อยไม่ต่ำ ๒-๓ วันและจะเป็นเหตุให้เราไปฝึกการรวม
    กสิณกองต่างๆเพื่อฝึกสร้างกำลังจิตสำหรับเรียกพลังงานขึ้นมาใช้งานไม่ได้

    แต่ถ้าได้ กสิณน้ำก่อนเราจะสามารถใช้กสิณน้ำไปคลุมกสิณไฟตัวนี้ได้.และ
    จะยังคงเป็นกสิณไฟในตัวแต่ว่าจะเป็นพลังงานส่วนที่เย็นแทนและ.
    ยังสามารถฝึกร่วมกันได้โดยที่ไม่ส่งผลต่อสภาพจิตอารมย์ของเรา
    หลังจากการฝึก

    .ส่วนกสิณลมกับอากาศถ้าเราไม่สังเกตุดีๆเราจะแยกไม่ออก.จะมีความคล้าย
    คลึงกันตั้งแต่อุคหนิมิตรขึ้นไป.และการที่จะเรียกเป็นพลังงานขึ้นมาให้จับ
    ต้องได้หรือแม้แต่กระทั้งคนอื่นๆก็สัมผัสได้.จำเป็นต้องได้กสิณลมด้วย
    .เพราะเปรียบเสมือนตัวนำพาพลังงานกสิณกองต่างๆให้ขึ้นมาได้.
    และพลังงานกสิณจากกองตามๆจะตามขึ้นมาเอง.

    มันมีเอกลักษณ์ของลักษณะพลังงานในเบื้องต้นอยู่ ถ้าเรียกขึ้นมาได้แล้วต่อไปจะเข้าใจรูปสัญลักษณ์แทนรูป
    พลังงาน ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้เองโดยที่ไม่ต้องถามใคร
    .
    ส่วนกสิณสีถ้าทำได้อีก ลักษณะพลังงานเริ่มต้นที่ขึ้นมาจะคล้ายคลึง
    กับกสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศในเบื้องต้นแตกต่างกันตรงที่ความหนาแน่น.
    ไว้วันหนึ่งจะเข้าใจที่พูดให้ฟังมาทั้งหมดนี้

    .ที่ผ่านๆมาถือว่าเป็นเพียงเรื่องให้ฟังแล้วกัน.สุดแล้วแต่จะพิจารณานะครับ
    อ่อ.มีเรื่องเล่าให้ฟังครับ..บางคนมีโอกาสได้ฟังคำสอนจากเทปที่ท่านเคยอัดไว้
    แล้วนำมาสู่สังคมออนไลท์เราก็ถือว่าโชคดีแล้ว.
    แต่เราอาจจะยังไม่เคยทราบว่า..
    ก็ยังมีบางกลุ่มและบางคนที่.เจ้าของคำบรรยายท่านมา
    ตามให้ไปฝึกและแนะนำเทคนิคให้ก็มีหาใช่ไม่มี...

    ให้เราลองคิดเล่นๆว่าทำไมท่านเจ้าของคำบรรยายถึงได้เมตตามาตามไปฝึก
    และแนะนำเทคนิคต่างๆให้ที่เล่าให้ฟังช่วงหลังนี้สุดแล้วแต่จะเข้าใจนะครับ..

    ปล. ยังไงก็ขอย้ายเป็นแผนกส่งเสริมกำลังใจเหมือนเดิม และเรื่องที่เขียน
    ลงในกระทู้นี้ทั้งหมดที่ผ่านมา...เป็นแค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ
    ต่อนี้ขอแว๊ปไปฮา ห้อง ผีผี ก่อนนะครับ เรื่องผีแขกสนุ๊กๆ. บ๊ะบาย..​
     

แชร์หน้านี้

Loading...