กินเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่า ได้บุญ ถ้าปิดเสียนี้ ทางเดินของเขาที่จะได้บุญได้กุศล ไม่มี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 21 ตุลาคม 2013.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กินเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่า ได้บุญ ถ้าปิดเสียนี้ ทางเดินของเขาที่จะได้บุญได้กุศล ไม่มี

    แชร์คำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์สายวัดป่า

    หลวงตามหาบัวเล่าเรื่องความรู้พิสดารของแม่ชีแก้วหยั่งรู้สัตว์ที่ตายไป...

    ....องค์หลวงตาเล่าความรู้แปลกพิสดารของคุณแม่ชีแก้วไว้ ดังนี้

    "...สัตว์บางประเภทๆ นี้ รายไหนตายไปเนื้อหนังของเขา เขาหวังประโยชน์จากเนื้อหนังของเขาตลอด เวลาได้นี้ไปทำบุญให้ทานเขามีหวังได้รับ ถ้าปิดเสียนี้ทางเดินของเขาที่จะได้บุญได้กุศล ไม่มี
    ..คุณแม่แก้วก็เป็นลูกศิษย์หลวงตาบัว ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนั้นแหละ แกนั่งภาวนาอยู่...ตอนเช้า ที่ห้วยทรายนะ มีบุรุษคนหนึ่งมาเข้านิมิตแม่ชีแก้ว เข้ามาขอว่า

    "..คุณแม่ นี้ผมเป็นลูกหมูถูกนายบินยิงอยู่ที่ภูเขาลูกนั้น ไปเผลอตัวถูกเขายิงตาย เวลาผมตายแล้วนี้เขาเอาเนื้อเอาหนังมาถวายมาทานที่นี้ เมตตาให้ฉัน(กิน) ฉลองศรัทธาให้ผมด้วย ผมจะได้มีส่วนบุญส่วนกุศลจากเนื้อนี้ ผมตายด้วยความผลั้งเผลอ คือหิวน้ำไปกินน้ำ เขาฆ่าตาย เขายิง ผมสุดวิสัยตายไปแล้ว บุญกุศลจะเป็นเครื่องหนุนผม เวลาเขาเอามาถวายขอให้คุณแม่ช่วยฉลองให้หน่อย"

    นี้เห็นไหมละ พอตื่นเช้ามาก็เรียกหมู่เพื่อนมา แล้วแกก็เล่าให้เขาฟัง "ทำไมแปลกๆอย่างนี้ มันจะจริงไหม มันเป็นอย่างนั้นเมื่อคืนนี้"

    ไม่นานพวกลูกเมียของนายบินที่ฆ่าหมูตายแล้ว เอาเนื้อมาถวายสำนักแม่ชี "นี้เนื้ออะไร" โดยเนื้อหมูนี่ไอ้บินมันไปฆ่า ได้หมูมาจากภูเขานั้นๆ เลยเอามาทำบุญให้ทาน

    เป็นไงเข้ากันได้มั้ยละ ตรงเป้งเลย ชื่อไอ้บินจริงๆ ยิงหมูตายแล้ว ทางหมูได้มาบอกไว้ก่อน ..พอพระออกบิณบาตกลับมานี้ เขาก็เอาเนื้อหมูมา เราชักใหญ่เลยที่นี้ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นซักครู่ พูดกันยังไม่จบ มาก็เรื่องเข้ากันร้อยเปอร์เซ็นต์เลย อย่างนี้เป็นต้น เข้าใจไหม มันลึกลับ

    "..สัตว์ทั้งหลายที่ตายไปนั้นจะห้ามกันได้อย่างไง เมื่อห้ามอันนี้ความมุ่งหมายของสัตว์ที่ตายไปแล้วจะไม่มีทางก้าวเดิน ไม่มีทางออก เข้าใจไหม ต้องอาศัยบุญกุศลจากเนื้อหนังของเขาที่ตายไปแล้วนั้น มาหนุนตัวเองไปอีก..."

    คัดลอก...จากหนังสือญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์

    โดย สายลม พเนจร

    https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=270040719797358&id=241613022569390
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013
  2. คนแก้กรรม

    คนแก้กรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +833
    ผมไปซื้อปลาที่ตลาด(ตายแล้ว) เวลาเอามาทอด ต้ม แกง ผมก็จะนึกในใจตลอดว่า ขอบใจเจ้ามากนะ ที่เอาเจ้ามาเป็นอาหาร ขอให้ไปดี ไปเกิดใหม่ก็ให้มีภพภูมิที่ดีขึ้น อย่าเกิดมาเป็นปลาให้เขาฆ่าอีก

    ผมก็นึกว่า ผมจะเพี้ยนซะอีกที่ไปนึกอย่างนั้น อิ อิ อิ
     
  3. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ถ้ามีส่วนรับรู้ หรือเห็น หรือได้ยิน เนื้อที่เขาเจาะจงฆ่ามาถวาย เพื่อให้บริโภค
    1.เป็นการล่วงละเมิดศีลข้อปาณาหรือไม่ ?
    2.ศีลข้อปาณาจะบริสุทธิ์หรือไม่ ?
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ตัดกำลังใจได้แค่นี้จะไม่มีโทษอะไร
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ฉันเนื้อสัตว์

    --------------------------------------------------------------------------------

    เรื่องของพระนางอุบลวรรณาเถรีมีอยู่ตอนหนึ่งที่ยืนยันได้เลย ปรากฏในพระไตรปิฎก ก็คือ ที่เขาสงสัยกันว่าพระพุทธเจ้าฉันเจหรือว่าฉันเนื้อสัตว์ ก็คือพระนางอุบลวรรณาเถรีท่านจำพรรษาในป่าสีตวัน (สีตวันก็คือ ป่าเย็น แสดงว่าเป็นป่าดงดิบลึกมาก)

    พระนางอุบลวรรณาเถรีก็คิดจะไปเฝ้าพระศาสดา จึงเหาะมาด้วยกำลังฤทธิ์ ปรากฏว่าในช่วงที่ผ่านป่าใหญ่ มันมีลานอยู่แห่งหนึ่ง เห็นมีชิ้นเนื้ออยู่ อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสัตว์มันฆ่าหรือพรานมันฆ่าไว้ ท่านก็ลงไป มองซ้ายมองขวา หาเจ้าของไม่เห็น จะเป็นคนเป็นสัตว์ก็ไม่เห็นมี กระแอมดูว่าจะมีใครตอบรับก็ไม่มี บาลีบอกว่ากระแอมถึงสามครั้งแล้วมั่นใจว่าไม่มีเจ้าของแน่ ก็ถือเอาชิ้นเนื้อนั้นไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อจะถวายให้พระองค์ท่าน เหมือนกับลูกศิษย์ไปหาอาจารย์ หาของฝากไปให้อาจารย์

    ลักษณะอย่างนั้นยืนยันได้ว่าพระพุทธเจ้าท่านฉันเนื้อแน่นอน ไม่อย่างนั้น จะเอาไปฝากทำไม ส่วนใหญ่แล้วคนเขาจะให้พระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ไร้ที่ติ ความจริงก็ไม่มีที่ให้ติ เพราะท่านบอกว่าถ้าไม่ได้ฆ่าเอง ไม่ได้สั่งคนอื่นฆ่า ไม่ยินดีเมื่อรู้ว่าเขาฆ่า จะกินก็กินไปเพราะไม่มีส่วนในกรรม แต่ถ้าเราสั่งเขาฆ่าอันนี้ผิดตรง ๆ เลย ลงมือฆ่าเองก็ใช่ หรือว่าเขาทำมาให้เราแล้วดีใจก็ใช่อีก ถ้าหากว่าบริสุทธิ์โดยสามส่วนท่านบอกว่าไม่เป็นไร ฉันได้ไม่มีส่วนร่วมในกรรม

    จริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านตั้งใจที่จะไม่ให้พระรบกวนโยม แบบเดียวกับเวลาที่อาตมาไปพม่า ครูบาน้อยฉันเจ อาตมาก็ฉันเจด้วย โยมเขาจะได้ทำมาชุดเดียว ไม่อย่างนั้นแล้วลำบาก ทำสองชุดแบ่งกัน เสียเวลามาก เสียของมาก

    เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์
    วันเสาร์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๒

     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : ...................................
    ตอบ : เรื่่องอาหารพระ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์มี ๒ อย่างคือ
    ๑. ปะวัตตะมังสะ อาหารที่เขาขายอยู่ทั่วไปอยู่แล้ว เราจะสั่งหรือไม่สั่งเขาก็ฆ่าขายกันอยู่ อันนั้นสั่งมากินได้ไม่เป็นไร ซื้อได้อะไรได้ อย่างเช่น หมูที่เขาชำแหละอยู่ ไก่ที่เขาฆ่าขายอยู่
    ๒. อุทิสสะมังสะ เขาเจาะจงให้เฉพาะคน ถ้าเป็นอุทิสสะมังสะเจาะจงให้นี่ เรา"เห็นว่า เขาฆ่าเพื่อเรา รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา" เรากินไม่ได้เลย กินนี่เขาปรับทุกคำที่กลืน อันนี้ของพระนะ ของโยมเอาแค่ว่าเราไม่ได้สั่งก็พอ
    ตัวอย่างต้องหลวงพี่วิชชา หลวงพี่วิชชา ตอนนี้คงเป็นหลวงตาแก่ ๆ ไปแล้วล่ะ สมัยโน้นท่านอยู่วัดศรีมณีวรรณ เป็นพระอภิญญา มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ ท่านเลื่อมใสหลวงพ่อ เพราะว่าพระระดับนั้นก็ต้องรู้ว่าหลวงพ่อเป็นอย่างไร ไปร่วมงานกันบ่อย คราวนั้นเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยกัน ก็ใกล้เพล เฮ้ย...แวะแม่ลาปลาเผา แต่ตอนนั้นแม่ลาปลาเผางานยังน้อยอยู่ ก็ยังไม่ได้เผาปลารอแล้วมาอุ่นทีหลัง เหมือนสมัยนี้ ปลาจะเป็น ๆ เลย พอเข้าไปในร้าน เจ้าของร้านเข้ามาถาม "จะรับอะไรดีครับ ?" ตอบว่า "อะไรที่อร่อย ๆ ก็เอามาเถอะ" เขาก็เข้าไปหลังร้าน เสียงทุบป้าบ ๆ ดิ้นพลาด ๆ เลย ได้ยินชัดเลย หลวงพี่วิชชาหน้าเหลือ ๒ นิ้วเลย (หัวเราะ) ตกลงวันนั้นได้นั่งดูปลาเผา ไม่มีใครแตะเลยสักคน (หัวเราะ) ยังดียังมีอย่างอื่นด้วย ไม่อย่างนั้นอดตาย นั่นน่ะรู้เลยว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ถึงไม่เห็นก็ได้ยินเต็มสองหู
    ถาม : ถ้าพระไม่ฉันนี่ผิดหรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : เขาปรับตอนฉัน
    ถาม : ไม่ได้ฉันก็ไม่เป็นไรหรือคะ ?
    ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ นั่นจริง ๆ ก็ไม่ได้สั่ง ใครจะไปรู้ว่ามันเป็น ๆ ก็บอกเขาว่า "มีอะไรอร่อย ๆ ก็เอามา" แหม...ของเขาก็อุตส่าห์ขึ้นชื่อแม่ลาปลาเผา เขาก็ต้องเอาเมนูเด็ดของเขาออกมา ที่ไหนได้มันไปทุบเลย เสียงคงจะตีด้วยไม้ เสียงดังป้าบ ดิ้นพลาด ๆ แต่ว่าสมัยหลังใช้วิธีเผารอเอาไว้แล้ วพอถึงเวลาเอาเข้าไมโครเวฟแล้วก็เอาออกมา อย่างนี้เรียบร้อยไปนานแล้ว
    มีเหมือนกันแหละประเภทให้นัย ประเภทที่เรียกว่าให้แม่ชีเดินจ่ายตลาด แม่ค้าก็ถาม "แม่ชีไม่ซื้อปลาหรือคะ ?" แม่ชีบอกว่า "ยังไม่ตายนี่" พอกลับมาตายเรียบร้อยแล้ว อย่างนี้ให้นัยเขา มีโทษเหมือนกันนะ

    ถาม : อย่างเช่นเราสั่งกับข้าว เช่น ผัดหอยลายอย่างนี้ คนทำเขาก็ไปทำมาให้ เขาทำมาขายแล้วอย่างนี้ คนสั่งกับคนทำโดนด้วยกันไหมคะ ?
    ตอบ : คนทำโดนแน่ ๆ อยู่แล้วล่ะ เพราะถ้าหากว่าเป็นอยู่ คนทำต้องทำให้มันตาย คราวนี้คนสั่งถ้าตั้งใจสั่งก็โดนด้วยกัน อย่างของพระเขามี "สาณัตถิกะ" โดนอาบัติศีลขาดเพราะสั่งเขาทำ เขาปรับนะ ไม่ใช่สั่งคนอื่นทำแล้วเราจะปลอดภัย โดนด้วยกันนะ จะมี "สาณัตถิกะ" ศีลขาดเพราะสั่งคนอื่นเขาทำ "อนาณัตถิกะ ทำเองก็ขาด (หัวเราะ) ของพระเขาปรับละเอียด ไม่มีซอกไม่มีมุมให้หลบเลย สมัยหนึ่งเขาว่า "บาปคนทำ กรรมคนกิน" ความจริงโดนทั้งคู่แหละ (หัวเราะ)
    ถาม : อย่างนี้ต้องแผ่เมตตาให้เขาหรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : จริง ๆ คือว่า ถ้าสามารถทำบุญให้เขาได้ก็ดี อย่างน้อย ๆ ถ้าเขายังจองเวรอยู่ ก็เอาเป็นว่าได้รับความดีไปเรื่อย ๆ จะได้ใจอ่อนบ้าง
    ถาม : วันนั้นไปปล่ยอปลากับเขาที่ตลาดพงษ์เพชร ก็ไปเอาปลาดุกที่เราจะเอาไปปล่อย เขาก็กำลังเลือกให้เราอยู่ แล้วเขาก็กำลังปิ้งปลาดุกขายด้วยแล้วก็มีคนมาบอก "นี่ปิ้งแล้วก็มี" ก็บอก "ไม่เอา ๆ เอาเป็น ๆ สิ" เราหาเป็น ๆ ไปปล่อย นี่เขาเอาเป็น ๆ ไปย่าง...!
    ตอบ : พูดง่าย ๆ คือว่า ทำกรรมเสียจนชิน ชินเสียจนไม่รู้ เขาเรียกว่า "อาจิณกรรม" อาจิณกรรมที่ทำจนชิน อย่างเรื่องฆ่าสัตว์นี่ลงอเวจีมหานรกแน่อนเลย อเวจีมหาจริง ๆ ลงยาก แต่แหม...มันลงกันจัง ถาม : ถ้าเราทำเป็นอาชีพล่ะคะ ?
    ตอบ : นั่นแหละ พระพุทธเจ้าท่านกำหนดไว้ว่า "มิจฉาวณิชชา"อาชีพในทางไม่ชอบมี ๕ อย่าง ๑. ขายสุรา ๒. ขายยาพิษ ๓. ขายอาวุธ ๔. ขายมนุษย์ ๕. ขายสัตว์ที่ยังมีชีวิต ห้ามเด็ดขาด...! ท่านบอกว่า "ผู้ที่เป็นพุทธมามะกะ มิสมควรจะกระทำ"คือว่าพวกสุรายาพิษ จริง ๆ เราไม่ได้ไปบังคับให้ใครเขากินหรอก แต่ว่าถ้าหากว่าตัดกำลังใจไม่ได้ จะพลอยไปยินดีกับเขา อย่างเช่น ขายได้มากก็ไปดีใจอะไรอย่างนี้ เท่ากับไปโมทนาบาปกับเขา

    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๖(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    http://www.grathonbook.net/book/98.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คุณถามเรื่อง เนื้อที่ถวาย แสดงว่า เป็นพระ นะครับ

    ตอบดังนี้

    ศีลของพระ ถ้ามีส่วนรับรู้ หรือเห็น หรือได้ยิน เนื้อที่เขาเจาะจงฆ่ามาถวาย เพื่อให้บริจโภคนั้น

    1. ถ้าพระรูปนั้น ฉันกิน ปรับอาบัติทุกคำกลืน


    ศีลขาดครับ ส่วนข้อ ปาณา นั้นก็ต้องดูถามใจตัวเอง ครับ

    มีส่วนรับรู้ ไปสั่งให้เค้าฆ่า เห็น ได้ยินเนื้อนั้นที่เราจะกิน ขอบอกตรงๆ ละเมิดศีลข้อปาณา ขาดกระจายๆๆๆๆ



    2.ศีลข้อปาณา จะบริสุทธิ์ หรือไม่นั้น อยู่ที่กำลังใจ ของตัวเอง

    มีส่วนรับรู้ จิตคิดให้เนื้อนั้นตาย เห็นเค้าฆ่า คิด ฆ่ามานๆๆๆๆๆๆ ขอให้มันตาย ได้ยินเสียง คิดให้มันตายไวๆ ส่งเสริมให้เค้าฆ่า

    ลองพิจารณาดูนะครับ


    คุณถือศีล ข้อสอง อยู่

    เดินผ่านไป เจอคน กำลังฆ่ากัน ละฆ่ากันตาย ตอนนั้น ในใจ จิตคิดส่งเสริม ให้ฆ่ากันให้ตายไปเลย

    ลองถามตัวเองว่า ศีล บริสุทธิ์ ใจบริสุทธิ์ ไหมครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ลองอ่านดู
     
  9. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    อนุโมทนาสาธุ ในคำตอบ พร้อมรายละเอียดของท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ (ว่างๆจะเข้ามาอ่านข้อความรายละเอียดให้หมด)
    ใช่ค่ะ ที่ดิฉันถามนั้นคือศีลของพระ ประเด็นที่ว่า ภิกษุฉันเนื้อผิดพระวินัยหรือไม่ ?
    ประเด็นที่ ๑ พุทธเจ้าทรงห้ามภิกษุฉันเนื้อ ๑๐ อย่าง คือ
    (๑)เนื้อมนุษย์ (๒)เนื้อช้าง (๓)เนื้อม้า (๔)เนื้อสุนัขบ้าน (๕)เนื้องู (๖) เนื้อราชสีห์หรือสิงโต (๗) เนื้อเสือโคร่ง (๘) เนื้อเสือดาว (๙) เนื้อหมี (๑๐) เนื้อสุนัขป่า
    ภิกษุฉันเนื้อต้องห้าม ๑๐ อย่างดังกล่าว ผิดพระวินัยหนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่กรณี
    ประเด็นที่ ๒ ภิกษุฉันเนื้อชนิดอื่นนอกเหนือจากที่ทรงห้ามไว้ ๑๐ อย่างนั้น ถ้าเป็นการฉันเนื้อที่เขาเจาะจงฆ่าทำมาถวาย กล่าวคือ ภิกษุ รู้เห็น หรือนึกรังเกียจสงสัยว่าเขาฆ่าเพื่อให้ตนบริโภค ต้องอาบัติทุกกฏ

    ในฐานะที่ดิฉันเป็นอุบาสิกา ของพระพุทธศาสนา ใจนั้น มีความเคารพในพระพุทธเจ้า เคารพในพระธรรม เคารพในพระอริยสงฆ์ ได้น้อมรับประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 2 ของพระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ มาปฏิบัติ
    โดยการรักษาศีลของตนเองให้บริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา ไม่มีเจตนาในการทำลายศีล รักษา ไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง ไม่ยุให้บุคคลอื่นทำลายศีล แล้วก็ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว
    นี้คืออารมย์ของพระโสดาบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...