ขอปิดงานบุญหล่อพระที่วัดเขาดิน จ.ชลบุรี วันที่ ๒๓ มี.ค.๒๕๕๗

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย bhothisata, 21 มิถุนายน 2013.

  1. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +1,014
    เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2556 เวลาประมาณหกโมงเช้าเศษๆ ออกเดินทางจากรังสิต พร้อมพี่ๆน้องๆญาติธรรมเต็มรถตู้แบบพอดิบพอดี ถึงวัดท่าซุงเก้าโมงเศษๆ พอเข้าไปในโรงอาหารของวัดท่าซุง ค่อนข้างตกใจกับคลื่นมหาชนญาติธรรมที่หลั่งไหลมาทำบุญเป็นจำนวนมาก มองหาป้ายชื่อโรงทานคุณสรนรินทร์และคณะไม่เจอ ก็เลยเดินไปแถวซุ้มที่เคยจัดวางกระเพาะปลาในครั้งก่อนๆจึงเจอป้ายชื่อพร้อมทั้งคุณพี่จากหนองขาหย่างและทีมงาน ถามไถ่ได้ความว่ากระเพาะปลาขายดิบขายดีหมดไปแล้ว เหลือแต่ไอศครีม มองดูสีหน้าทีมงานทุกคนท่าทางอิดโรยพอสมควรแต่ยังคงมีรอยยิ้มและความปลาบปลื้มใจเห็นได้ชัด งวดนี้ก็เลยมีรูปสวยๆมาให้ชมไม่ค่อยเยอะเท่าที่ควรค่ะ
    หลังจากนั้นก็ได้เดินชมรอบๆบริเวณวัด กราบพระและหลวงพ่อฤาษีฯที่ศาลา 100 เมตร ให้อาหารปลาที่ท่าปลาหนึ่งกระสอบใหญ๋
    ในช่วงบ่ายโมงได้ร่วมพิธีทอดกฐินญาติธรรมลูกหลานหลวงพ่อฯเยอะมากและได้มารวมกันที่จุดเดียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2014
  2. ราชแสง

    ราชแสง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +85
    ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่มาตอบกระทู้ช้าไปหน่อย เพราะไปส่งแฟนกลับที่หาดใหญ่ เพิ่งกลับมาถึงโคราช วันนี้เอง
    ขอขอบคุณครูสรมากๆนะครับ ที่พาไปไหว้พระ ตามสถานที่ต่างๆ ถ้าไม่ได้ครูสรนำไป คงไม่รู้อะไรอยู่ตรงไหน ขอบคุณญาติธรรมทุกๆท่านด้วยนะครับ ที่ให้ความเป็นกันเองมาก หลานผู้หญิงน่ารักมาก พอดีมัวแต่ดูวัด ดูสถานที่ต่างๆ เลยไม่ค่อยได้ถาม พูดคุยกันเลย ครั้งหน้าจะทำความรู้จักให้มากๆกว่านี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2013
  3. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    ไม่เป็นไรครับคุณราชแสง ตอนที่คุณเดินเข้ามาทักครั้งแรกก็ทราบว่าเป็นคุณ แต่กำลังยุ่งๆอยู่ในตอนนั้นครับ ก็เลยไม่ได้ถามไถ่อะไรมาก ถ้ามีโอกาสครั้งต่อไป ผมจะไปถึงวัดให้เช้าๆกว่านี้ครับ จะได้มีเวลามากกว่านี้ครับ

    ถึงตอนนี้ งานบุญในครั้งต่อไป ยังไม่เห็นมีคำสั่งจากพระเลยครับ ยังไม่ขอรับปากนะครับ
     
  4. ราชแสง

    ราชแสง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +85
    เกรงใจครูสรมากครับ ที่รู้ว่ายังไม่ได้ทานข้าวเลย ต้องมาพาผมไปกราบหลวงพ่อซะก่อน
    ขอให้หายป่วยเร็วๆนะครับ
     
  5. poojaja

    poojaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +264
    วันนั้นที่ไปวัดกับครูและเพื่อน ๆ ไปถึงโรงทานรีบตรงไปที่วางกระเพาะปลา ปรากฏว่าหมดแล้ว เหลือแต่ไอศครีม ได้ชิมไอศครีมด้วย อร่อยมาก ส่วนกระเพาะปลาแม้ไม่ได้ชิม แต่มั่นใจว่าอร่อยมากแน่นอน ต้องขอบคุณพี่ ๆ ที่หนองขาหย่างไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
    ไม่ว่าจะมองไปทางไหนเห็นลูกหลานหลวงพ่อมากันเยอะแยะไปหมด ทุกคนมาด้วยศรัีทธาแรงกล้า ส่วนปูกับลูกแม้ว่าการเดินทางไปวัดท่าซุงแต่ละครั้งจะเหนื่อยพอสมควร ต้องต่อรถหลายต่อ แต่เรารู้ึสึกอิ่มบุญ อิ่มใจมาก ๆ ค่ะ
    ขอขอบคุณครูสรที่ยอมเหน็ดเหนื่อย ดูแล ช่วยเหลือ ติดตามพวกเราทุกคนนะคะ ขอให้หายป่วยไวๆ และขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคน
    ท้ายนี้ขออนุโมทนาบุญทุกบุญ ของทุกๆคนด้วยค่ะ
     
  6. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +1,014
    หลังจากทอดกฐินเสร็จ ครูสรก็โทรนัดหมายทุกคนให้ไปเจอกันที่ตึกรับแขก โทรศัพท์ติดยากมากเพราะทุกคนกำลังแย่งกันใช้โทรศัพท์นัดหมายญาติกัน รู้สึกขอบคุณครูสรมากที่เป็นห่วงเป็นใยและดูแลน้องๆทุกคนดีมากๆ ข้าพเจ้าและคุณ watjojo ถือโอกาสเดินเข้าโรงอาหารเพื่อรองท้องก่อนจะเดินไปสมทบเพื่อนที่ตึกรับแขก
    เมื่อทุกคนมาพร้อมกันก็ขึ้นรถตู้เดินทางกลับกทม. ข้าพเจ้าก็วางแผนการเดินทางกลับบ้าน คิดไว้ว่าพอถึงฟิวเจอร์ก็จะต่อรถไปลงจตุจักรและก็ต่อแท็กซี่ไปหมอชิต 2 อีกที
    พอรถตู้มาจอดส่งทุกคนที่ฟิวเจอร์ คุณปูและลูกก็ยกมือไหว้ลาและแยกตัวไปทันทีด้วยความเร่งรีบ หันมาทางคุณยศและครอบครัวก็ยกมือไหว้และ ให้ศีลให้พรเสร็จก็เดินตามคุณปูและลูกไปติดๆ ข้าพเจ้ากำลังงงๆและตัดสินใจว่าจะขึ้นรถที่เมเจอร์หรือฟิวเจอร์ ก็เลยลองเดินไปดูรถที่ฟิวเจอร์ก็ไม่มี จึงเดินไปที่เมเจอร์ยืนรอและอ่านดูป้ายรถที่วิ่งผ่าน ยังไม่ได้ตั้งหลักก็มีรถปอ.ปลายทางจตุจักร วิ่งมาจอดตรงหน้า รถก็โล่งไม่ค่อยมีคน ก็เลยกระโดดขึ้นไปนั่งด้วยความรวดเร็วค่าโดยสาร 20 บาท ใช้เวลาดินทางแป๊บเดียวก็มาถึงหมอชิต 1 ข้ามสะพานลอยมาหน้าจตุจักรก็มาขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรอและให้ไปหมอชิต 2
    พอรถแท็กซี่เคลื่อนออกมาได้สักพัก คนขับก็บอกว่า "พี่ครับผมขอขับผ่านไปทางนครชัยแอร์นะครับ"
    ข้าพเจ้าฉุกคิดได้ว่าจองตั๋วรถนครชัยแอร์ สามทุ่มสิบนาที แล้วเราจะไปหมอชิต 2 ทำไมเนี่ย ก็เลยบอกคนขับว่า "น้องค่ะ ไปนครชัยแอร์เลยค่ะ พี่จองตั๋วไว้แล้ว พี่เพิ่งกลับมาจากทำบุญ คงจะเหนื่อยๆเบลอๆ เลยบอกให้ไปหมอชิต 2"
    พอลงจากรถแท็กซี่ก็มานั่งรอในตัวอาคาร รอรถทัวร์เที่ยวที่จองไว้ และคิดทบทวนเหตุการณ์นั่งแท็กซี่มาไม่รู้กี่ปี เป็นครั้งแรกที่คนขับถามแบบนี้
    ปกติคนขับจะถามว่าไปสายไหน สายอิสาณหรือสายตะวันออก ซึ่งเราจะไปสายอิสาณเค้าก็จะไปส่งเราที่ชั้น 2 ของอาคาร เราก็จะต้องลากสัมภาระและสังขารเดินข้ามอาคารและลงบันไดไปนั่งรถรอที่ลานจอดรถที่มีผู้โดยสารจำนวนมากและมีทั้งกลิ่นและควัน
    พอคิดว่าถึงตรงนี้ก็ยกมือท่วมหัวทันที กราบขอบคุณพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเมตตาเราไม่ต้องให้เราลำบาก
    สมดังคำพูดที่ว่า บุญทันตาเห็นจริงๆ คล่องตัวในการเดินทางและไม่ต้องลำบาก
    ตอนนี้ก็รอพระท่านจะเมตตา เมื่อไรที่ท่านจะให้ไปทำบุญที่วัดท่าซุงอีกครั้งค่ะ
     
  7. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    วันนี้เหนื่อยๆครับ ร่างกายมีทีท่าว่าจะทรุดลงอีกเล็กน้อย ต้องทำงานอีกหนึ่งคืนถึงจะได้พัก อีกสองวันต้องเดินทางไปญี่ปุ่นต่อ ไม่อยากไปเลยครับเพราะยังไม่ทันหายป่วยดี แต่ก็ต้องไปเพราะเชื่อว่าการเดินทางไปต่างสถานที่ทุกครั้ง มีเหตุมีปัจจัยทุกครั้ง จับภาพพระสบายๆแล้วอยากพักผ่อน อยากบอกน้องๆพี่ๆทุกท่านว่า ผมเต็มใจที่จะเหนื่อยเพื่อทุกๆท่านที่เดินทางมาจากต่างสถานที่ ตื่นนอนกันแต่เช้าเพื่อมาร่วมในงานบุญ เพราะความดีของทุกๆท่านที่มีต่อพระศาสนา ทำให้มีวันนี้ขึ้นมาได้ครับ
     
  8. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    วันนี้ยังเป็นวันอดกินข้าวเย็นของที่นี่อยู่ครับ นึกถึงคำสอนของหลวงพ่อฤๅษีฯในเรื่องการกินขึ้นมาทันที ท่านสอนให้เราพิจารณาว่าก่อนที่เราจะมีข้าวกินนั้น มันมีความทุกข์ยากขนาดไหน ก่อนที่จะปลูกข้าวได้ เราต้องใช้หยาดเหงื่อแรงงานมากขนาดไหนในการปรับถางพื้นที่ที่เป็นป่า ตัดโค่นต้นไม้แล้วปรับพื้นดินให้เป็นไร่หรือนาข้าว ลองให้พวกเรานึกภาพตาม นึกว่าตัวเราไปถางป่า เริ่มทำนา ต้องลำบากไปหาควายหารถไถนามาไถนา แล้วควาย กว่าที่เราจะนำมาใช้งานได้นั้นต้องใช้เวลาเลี้ยงดูมันมากี่ปีถึงมาใช้งานได้ หรือรถไถนาที่กว่าจะมาเป็นรถไถนานั้น อะไหล่แต่ละชิ้นที่นำมาใช้ ต้องใช้เวลาและแรงงานเท่าไหร่กว่าที่จะมาเป็นรถไถได้ ตรงนี้มาจากความทุกข์ทั้งนั้น ต่อมาพอเราเริ่มไถนา เราก็ต้องหาน้ำมาใส่นา แล้วน้ำนั้นมาจากไหน น้ำก็มาจากเขื่อนจากคลองส่งน้ำที่กว่าจะสร้างกันขึ้นมาได้ เราต้องใช้แรงงานใช้ความพากเพียรความทุกข์ทรมานแค่ไหน กว่าที่เราจะได้น้ำมาใช้ใส่นาเรา พอได้น้ำเสร็จก็ต้องปล่อยน้ำใส่นาให้ดินชุ่มและได้ระดับน้ำที่พอเหมาะที่เราจะใช้ควายหรือรถไถนา ไถนาข้าวได้ง่ายๆในขณะที่ดินเปียกหรือเละ ระหว่างนั้นเราก็ต้องไปเตรียมเพาะข้าวกล้าเพื่อที่จะนำมาปลูกข้าว ได้ข้าวกล้ามาแล้วก็ต้องมาดำนาข้าว ถ้าทำนาดำ ต้องแยกข้าวกล้าแต่ละต้นมาปัก หรือเรียกว่าดำลงในนา เว้นระยะให้ห่างพอประมาณ กว่าจะปักดำข้าวกล้าด้วยมือให้ครบหนึ่งกระทงนานั้น ถ้าทำนาหว่านก็ไม่ต้องดำ นี่เราปวดเราเมื่อยเราทุกข์กันแค่ไหน จากนั้นเราก็ต้องคอยดูแลใส่ปุ๋ย ป้องกันแมลง นก หนู ที่จะมารบกวนกัดกินต้นข้าวจนกว่าจะเติบโตพอที่จะเกี่ยวได้ ตรงนี้ใข้เวลาทั้งหมดประมาณสามถึงสี่เดือน

    กว่าที่จะได้ข้าวมากินนั้น พวกเราคิดดูนะครับว่ามันเหนื่อยยากใช้แรงงานมากมายขนาดไหน นี่ยังไม่ได้พูดถึงการเกี่ยวข้าว เกี่ยวเสร็จนำข้าวมาตาก ถ้าไม่ตากก็ให้วัวควายมาย่ำเพื่อให้ข้าวหลุดออกจากรวง เรียกว่าการนวดข้าว พอนวดเสร็จก็ต้องนำข้าวไปฝัดเพื่ิอนำฝุ่นและข้าวลีบๆแยกออกจากข้าวดี เรียกว่าการฝัดข้าว จากนั้นก็นำข้าวไปตากให้แห้งดีเพื่อที่เราจะเก็บไว้กินได้นานๆ นี่แค่พูดถึงการได้มาของข้าวเปลือก ดูซิครับว่ามันเหนื่อยและทุกข์แค่ไหน ถ้าเป็นสมัยใหม่ก็ใช้เครื่องเกี่ยวข้าวแล้วได้ข้าวเปลือกเลย ที่เราพูดกันมายาวเหยียดนี่เรายังไม่ได้ข้าวสารเลยนะครับ ต่อไปให้นึกถึงภาพตัวเราตักข้าวเปลือกใส่กระสอบ ใส่ถุงหรือใส่ภาชนะแล้วนำขึ้นรถไปไว้ที่โรงสีข้าว ให้เรานึกไปอีกว่า กว่าจะมีโรงสีข้าวนี่ เจ้าของโรงสีข้าวต้องเหนื่อยยากแค่ไหน ทุกข์แค่ไหนที่กว่าจะหาเงินทอง จ้างแรงงานมาปลูกสร้างโรงสี เอ้าเรามาพูดถึงข้าวที่สีแล้วต่อ ทีนี้เราได้ข้าวสารกันแล้วนะครับ ต่อไปก็ต้องนำข้าวไปหุงใช่ไหมครับ แล้วการหุงสมัยก่อนต้องติดเตาถ่าน เราต้องไปหาฟืนหาไฟหาไต้หรือกระดาษหรือน้ำมันมาทำให้ฟืนหรือถ่านติดไฟ เสร็จแล้วก็เริ่มหุงข้าว พอข้าวใกล้สุกก็นำไปรินน้ำข้าวออกหรือเรียกกันว่า เช็ดน้ำ ทิ้งไว้สักครู่หนึ่งก็นำไปดงกับไฟ พอข้าวระอุหรือสุกดีแล้วก็นำมากินได้ นี่เราจะเห็นว่าการกินนี่มันยุ่งยากแค่ไหนนะครับ กว่าจะมาเป็นข้าวสุก เรายังไม่ได้พูดถึงเรื่องกับข้าวเลยนะครับ เพราะฉะนั้น สิ่งที่พระท่านบอก ท่านสอนนั้น ขอให้เรานำมาพิจารณาเนืองๆ ว่าที่การกินแต่ละมื้อนั้น ล้วนมาจากความทุกข์ทั้งสิ้น ทุกข์ที่มาจากทั้งแรงงานของเราและของคนอื่น

    ที่ผมทราบขั้นตอนในการทำนาก็เพราะตัวเองเคยทำอยู่ระยะหนึ่งครับ บางท่านอาจจะไม่ทราบเพราะเรื่องราวในชีวิตผมมีมากกว่าที่ท่านเห็นในปัจจุบัน กว่าที่จะมาถึงวันนี้ ผ่านความทุกข์ยากมาสารพัด แต่ก็ยังโชคดีที่มีที่พึ่งในชาติกาลก่อนหล่อเลี้ยงชีวิตให้เติบโตมาได้ ขอให้พวกคุณลองนึกถึงภาพเด็กชายที่มีชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ พอหกขวบก็ต้องไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด อายุ ๑๓ ขวบ เริ่มหัดทำนาข้าวกิน ตอนนั้นเดินไปตามคันนา เกิดความกลัวงู มีความรู้สึกเหมือนมีงูอยู่ไม่ไกล ก็เดินไปมองไป พอผ่านต้นไม้สูงเกินหัวคนนิดหน่อยก็เห็นงูพันอยู่บนต้นไม้กลางคันนา เป็นความทรงจำที่ติดมาจนถึงในปัจจุบัน การทำนาแต่ละขั้นตอนสำหรับเด็กอายุ ๑๓ - ๑๔ นั้นเหนื่อยมากครับ น้องก็ต้องเลี้ยงเพราะไม่มีใครช่วย ตอนนั้นน้องอายุประมาณสองขวบ แม่ก็ไปขายของ หนังสือก็ต้องเรียน นาก็ต้องทำ น่าสนุกนะครับ ทำนากินแล้วหุงข้าวแบบเช็ดน้ำเองตั้งแต่เด็กๆ เด็กสมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ไม่รู้วิธีหุงข้าวแบบนี้กันแล้วครับ ช่วงนี้ทำนา อีกช่วงชีวิตหนึ่งทำไร่ปลูกข้าวโพด ช่วงหนึ่งทำไร่กะหล่ำปลี ช่วงหนี่งปลูกกล้วย ช่วงหนึ่งปลูกมะนาว คุณคงไม่ทราบกันหรอกครับว่า คนตัวไม่ใหญ่แบบผมผ่านเรื่องแบบนี้มา ฉะนั้นเวลาที่หลวงพ่อฯท่านพูด ท่านสอนเรื่องธรรมะ เรื่องความทุกข์ยากในการกิน ผมซาบซึ้งดีครับ เพราะได้ผ่านช่วงที่ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกินมาแล้ว ไม่ใช่ว่าอยากจะทำในวัยนั้น แต่เพราะสถานะการณ์บีบบังคับให้ต้องทำ เวลาที่จะไปเล่นซุกซนมีเพื่อนฝูงในวัยเด็กๆและวัยรุ่นเลยหายไปกับการเรียนรู้โลกและการทำมาหากิน ตอนนั้นจิตคิดถึงพระนิพพานอย่างเดียว ไม่ทราบว่านิพพานคืออะไร แต่รู้ว่ามีและอยากไป เปรียบเหมือนกับการที่เราอยู่ประเทศไทย เราไม่เคยไปอเมริกา ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นว่าอเมริกามีอยู่จริง แต่เราอยากไปเพราะเราทราบว่ามีคนไปเห็นอเมริกามาแล้ว ไปอยู่มาแล้วและรู้ว่ามีอยู่จริง นิพพานก็เช่นเดียวกัน เราต้องเคยเห็น เคยรู้ เคยทราบมาแล้วว่ามีอยู่จริง อาจจะทราบจากอดีตชาติ ทราบจากการบำเพ็ญภาวนา ทราบจากการที่พระพุทธเจ้าเปิดให้เห็น ฯลฯ ดังนั้นการทราบและความรักพระนิพพานตัวนี้มีอยู่ในจิตของชาวพุทธ ที่สั่งสมสืบต่อมาจากอดีตกาล พวกเราทุกคนในคณะนี้ก็เช่นกัน ผมเชื่อว่าท่านที่เข้ามาร่วมบุญร่วมติดตามงานบุญเหล่านี้ข้องเกี่ยวกันมาหลายชาติ

    ในการลงกระทู้ข้อความ ผมพยายามที่จะใช้จิตใคร่ครวญอยู่ในสมาธิ ขอพระบารมีพระ ในการกระทำงานบุญใดๆ ในการลงกระทู้ข้อความใดๆ ขอให้พวกเราได้เข้าถึงอานิสงส์และธรรมอันสูงสุดขององสมเด็จฯ ตามกำลังของแต่ละท่าน ส่วนท่านใดจะปฏิบัติได้แค่ไหนนั้นเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่อย่างน้อย เรายังมีกัลยาณมิตร กัลยาณธรรม ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันตลอดไป หากมีสิ่งใดที่ผมพอจะช่วยได้ ถ้าไม่เกินกำลังก็จะช่วยครับ สิ่งใดท่านเห็นว่าผมทำไม่ถูกต้อง ไม่เห็นด้วย ขออย่าได้ลังเลตักเตือนครับ เตือนผมได้ตลอดเวลา วิบากกรรมของคนเรามีมาแตกต่างกัน ผมเห็นนักปฏิบัติบางท่านหลงไปเฝือไป ผมยังกลัวตัวเองว่า ถ้าเราเป็นแบบนั้นบ้างจะมีใครมาช่วยแนะนำให้ออกมาได้ไหมหนอ ถึงวันนี้ยังรู้ว่าตัวเองยังไม่เป็น เพราะมีสติตามรู้ระลึกถึงพระอยู่เนืองๆ ประกอบกับคอยสังเกตสิ่งที่พระท่านตรัสว่าถูกต้องหรือไม่ แล้วรอดูเพื่อความไม่ประมาททางจิต

    สำหรับนิมิตนั้นมีเข้ามาเรื่อยๆ แต่ไม่เคยไปยึดติดหรือใส่ใจจำ จะปล่อยผ่านและไม่ค่อยอยากนำมาลงกระทู้แต่อย่างใด จะนำมาลงบ้างก็พยายามถามและขอบารมีพระทุกครั้งที่จะนำมาลง เพราะเชื่อว่านิมิตไม่ใช่ทางดับทุกข์ที่แท้จริง ไม่ต้องการให้ท่านใดมาติดกับการรู้การเห็นของผม แต่อยากให้ติดธรรมะ คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์พระอริยะสงฆ์ อยากให้ติดตรงนั้นมากกว่า จึงไม่ค่อยจะเน้นลงเรื่องการปฏิบัติของตัวเอง ขอให้เราดูตัวเรา ติเตียนความเลวความชั่วของจิตเรามากๆ อย่าไปดูความเลวของคนอื่น ก่อนนอนให้นึกทบทวนดูว่า กรรมเลวที่ได้กระทำไปในวันนี้นั้น วันต่อไปเราพยายามจะไม่ทำอีก ตรงนี้จะคล้ายกับการปลงอาบัติของพระที่ว่า

    นะปุเนวัง กะริสสามิ ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก


    นะปุเนวัง ภาสิสสามิ ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าจะไม่พูดเช่นนี้อีก


    นะปุเนวัง จินตะยิสสามิ ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าจะไม่คิดเช่นนี้อีก

    อาบัติทุกอาบัติ หลวงพ่อฯท่านโปรดเมตตาสอนไว้ว่า อย่าเป็นซะเลยดีกว่า สำนักไหนที่ท่านบอก ท่านสอนว่าปลงตกนั้น ไม่ถูกต้อง มันปลงไม่ตก ไอ้ที่ชั่วมันชั่วไปแล้ว จะล้างได้อย่างไร หลวงพ่อฯท่านสอนว่า เออ ปลงตกเหมือนกัน แต่ตกนรกนะ ไม่ใช่ปลงอาบัติตก ตรงนี้ ถือว่าเป็นความสอดแทรกเล็กๆน้อยๆกับพวกเราไปนะครับ ขอทุกท่านทำจิตใจให้ผ่องใส ละเว้นบาปทั้งปวง ขอให้จิตตั้งอยู่ในกุศล ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  9. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    มีใครสังเกตการเกี่ยวข้องของเลขลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งบ้างไหมครับ ยอดกฐินที่คณะเราทำไป ๘๖๙๓๐ เลขที่ออก ๘๐๖๙๒๕ จะเห็นว่าใกล้เคียงกันมาก ไม่ได้ให้งมงายหรือเล่นหวยนะครับ แต่ให้สังเกตดูเล่นๆ
     
  10. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +1,014
    ไม่ได้งมงายเช่นกันค่ะ แต่ขอยอมรับว่าถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆให้รู้จักบาปบุญพอๆกับรู้จักการใช้ตัวเลขมาทำให้ชีวิตมีความหวังและสดชื่นขึ้นมาบ้างในบางครั้ง (ขอพูดให้ดูดีไว้ก่อน)
    คราวนี้ได้ตัวเลขใกล้เคียง คราวหน้ากราบขอบารมีพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาพวกเราชาวคณะทุกท่าน ขอให้ได้ตัวเลขที่ชัดเจนแน่นอน เป๊ะๆ โดยเฉพาะถ้าได้ชุดใหญ่ 52 ล้านเหมือนหนุ่มชัยนาทด้วยนะเจ้าค่ะ
    ปล.แค่เพียงขำๆ อยากให้พี่ๆน้องๆคลายเครียดจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองเท่านั้นค่ะ
     
  11. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    เสาโบสถ์เก่าที่วัดฉลองราชฯ ใช้ไม้ตะเคียนที่จมอยู่ในน้ำมาหลายปีมาสร้าง ผมไม่ได้ซักถามประวัติว่าไม้ตะเคียนถูกนำขึ้นมาได้อย่างไร ไม่แน่ใจว่ามีคนฝันหรือไม่ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นเรื่องแบบนั้น สองปีที่ผ่านมา ตัวเลขจะมาจากจำนวนซองกฐินที่ครอบครัวผมขอไปกับพระอาจารย์ ปีนี้คิดในใจว่าคงไม่ใช่จำนวนซองกฐินแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายเพราะไม่ชอบซื้อหวยหรือเล่นการพนัน จะซื้อก็ต่อเมื่อเห็นคนขายแล้วสงสารเช่นเป็นคนพิการมาขาย แต่สมัยนี้ไม่ค่อยเห็นคนพิการขายแล้ว

    จำได้ว่าปีหนึ่งขอซองกฐินไป ๕๐๐ ซอง แล้วเลขก็ออก คนในครอบครัวผมจะทราบดี โดยเฉพาะแม่ผมชอบเล่นหวยมาก เคยบอกแม่ว่าปีหน้าจะเปลี่ยนวัดทำกฐิน แต่แม่บอกกับพี่สาวมาว่าปีหน้าจะมาวัดนี้อีก ก็คงต้องตามใจท่านเพราะท่านแก่แล้ว อยากให้ท่านอยู่่กับบ้านสบายๆ เวลาที่ผมจะดูแลแม่นั้นไม่มีเพราะอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เมื่อครั้งที่กลับไปบ้านครั้งที่แล้ว ผมเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนแม่นำผ้าห่มมาห่มให้ รู้สึกตื้นตันใจในความรักของแม่ และรู้สึกว่าชาตินี้ตัวเองอกตัญญู ต้องมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองไม่มีเวลาได้อยู่กับแม่ โอกาสที่จะทำให้แม่ได้มีความสุขก็ตอนเป็นเจ้าภาพกฐินให้กับแม่ จบเรื่องแม่ดีกว่าครับเพราะนอกเรื่อง

    ถ้าเป็นแบบขำๆคลายเครียดแบบคุณเขากระโดงขอ เลขมีหกตัว พวกเราต้องทำบุญกันเป็นแสนๆนะครับ งวดไหนออกเลขเก้านำหน้า แล้วผมจะไม่ต้องวิ่งหาเงินส่วนตัวหัวปั่นเลยหรือครับ แต่ถ้ามีโครงการใหญ่ๆสำเร็จ ก็ไม่แน่ครับ ยอมถวายเงินทำบุญอยู่แล้วครับ

    อันที่จริงทำบุญแต่ละครั้งเกินแสนหรือเกือบแสนบาทอยู่แล้วครับ แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาลงพร่ำเพรื่อ เพราะเกรงบางท่านไม่เข้าใจหรืออาจจะคิดว่าทำยอดทำบุญ ก็ต้องขอเรียนให้ทราบบ่อยๆว่า การทำบุญนั้น จะทำหนึ่งสตางส์ หนึ่งสลึง หนึ่งบาท สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นบุญทั้งนั้น ไม่เคยคิดปรามาสหรือว่ากล่าวใคร แต่ที่ผมใช้เงินส่วนตัวทำบุญให้มากๆในทุกวันนี้ก็เพราะตอนเด็กๆจนมาก อยากทำบุญแต่เงินไม่มี ตอนนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรแค่คล่องตัวไม่ขาดแคลน ช่วงวัยรุ่นไปหาหลวงพ่อฯ ทำสังฆทานได้แค่ชุดละร้อยบาทก็เกือบหมดตัวแล้วครับ

    ตอนนั้น รู้จักหลวงพ่อฯ ปี ๒๕๒๙ เดินเข้าไปกราบท่านที่วัดท่าซุงยังคิดอยู่ในใจว่า " นี่หรือพระอริยะ พระอริยะเป็นแบบนี้หรือ " ไม่ได้คิดปรามาสอะไร แต่ความที่ตัวเองสงสัยว่าพระอริยะหน้าตาเป็นอย่างไร หรือท่านที่เป็นพระอริยะเป็นเช่นไร มีลักษณะเช่นไร ก็แค่นั้นเอง และตอนนั้นหลวงพ่อฯท่านน่าจะสำเร็จแล้ว ( ตรงนี้เป็นความเชื่อของตัวเองนะครับ อย่าได้คิดว่าท่านประกาศหรือบอกแต่อย่างใด ) พอรู้จักท่านก็อดทนทำบุญเรื่อยมา ไม่น่าเชื่อว่า ๒๗ ปีผ่านมาแล้ว รวดเร็วมาก อีกไม่กี่ปีก็จะแก่ตายแล้ว คนในประเทศยังเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ผลาญชาติ ผลาญบ้านเมือง ทะเลาะวิวาทกันไม่มีที่สิ้นสุด กรรมของประเทศ กรรมของพระเจ้าแผ่นดินและคนไทยทุกคนที่เกี่ยวข้อง ขอให้พวกเรารักษาตัว รักษากาย วาจา ใจ ตั้งมั่น เข้าใจและปล่อยวางเหตุการณ์ตามสมควร อะไรจะเกิดก็ขอให้ตามดูตามรู้ครับ ไม่น่าจะเกินสองสามปี เดี๋ยวประเทศก็กลับมาเป็นปกติครับ ถ้าเราแก้ไขอะไรไม่ได้ก็วางอุเบกขาครับ ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  12. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +1,014
    ทอดกฐินรวมญาติเมื่อวันที่ 16 พย. 2556

    พอพูดถึงตัวเลขคราวใด ก็ทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เมื่อวันที่ 16 พย. 2556 ข้าพเจ้าญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ได้ร่วมแรงร่วมใจทอดกฐินที่วัดบ้านหนองม่วง อ.เมืองบุรีรัมย์
    มีการเตรียมงานล่วงหน้ามาเป็นเดือน เหน็ดเหนื่อยกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะในวันงานฉลององค์กฐินวันที่ 15 พย.56 ช่วงเที่ยงจะมีพระธรรมเทศนา และช่วงเย็นมีสวดพุทธมนต์เย็น และเลี้ยงอาหารเย็นแขกเหรื่อที่เดินทางมาร่วมงาน เจ้าภาพได้ตกลงร่วมกันให้นำซองกฐินที่แขกมาร่วมงานใส่ไว้ในไหโบราณ 2 ใบ หลังจากเสร็จภารกิจเจ้าภาพได้นำซองทั้งหมดมาแกะและนับรวมเงินไว้คร่าวๆเพื่อรอตอนเช้าอีกครั้ง
    ในช่วงเช้าวันที่ 16 พย.2556 ได้เคลื่อนขบวนกฐินไปที่วัดบ้านหนองม่วง ถวายกฐินแด่พระสงฆ์ และก็ถึงช่วงเวลาที่ต้องนับยอดกฐินทั้งหมด และต่อยอดกฐิน ต้นกฐินเยอะมากๆ ข้าพเจ้าและญาติๆหลายคนได้ช่วยกันนับเงินค่อนข้างเยอะมากๆ ทั้งดีใจและปลาบปลื้มใจที่ได้ยอดเงินกฐิน (รวมญาติ) 577,823 บาท ตัวเลขค่อนข้างสวยมากๆ และยอดรวมกฐินของวัด 464,276 บาท รวมยอดเงินกฐินทั้งสิ้น 1,042,099 บาท ซึ่งทางวัดได้แจ้งว่าจะสามารถนำมาสร้างศาลาการเปรียญได้แล้วเสร็จพอดีหรืออาจจะขาดเหลือก็เล็กน้อย
    ขอผลบุญกุศลในครั้งนี้จงสำเร็จแก่เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆและทุกท่านขอให้ได้รับผลบุญกุศลเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับทุกประการเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2013
  13. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    กลับมาแล้วครับ....... ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  14. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    นิทานจากประเทศญี่ปุ่น

    วันศุกร์ที่ ๒๒ พ.ย. ไปเริ่มงานพิธีแต่งงานที่วัดที่นับถือเทพเจ้า หลับตาลงก็เห็นภาพ หญิงชายขี่ม้ามาทำพิธีในวัดนี้ สมัยนั้นนานมากแล้ว ไม่ได้ใส่ใจดูหรือถามพระว่าเป็นสมัยใด เพราะปกติเวลาเห็นก็จะปล่อยผ่าน ไม่เคยสนใจถามรายละเอียด นอกจากจะเจาะจงถาม ไม่ได้อยากรู้ว่าเป็นเราหรือไม่ เห็นภาพก็ดูเร็วๆเพราะอยู่ในระหว่างพิธี แต่เสียงแตรที่ประกอบในงาน ทำให้เกิดความรู้สึกถึงความเศร้าในอดีตชาติที่รู้สึกได้ว่ามีผู้คนล้มตายบริเวณนี้มากมาย เห็นภาพการสู้รบด้วยการยิงธนูและต่างๆนาๆ ความสงสัยที่เห็นประกอบกับการเป็นคนค่อนข้างกลัวเฝือ จึงต้องถามหลานสาวให้ไปหาคำตอบว่า ทำไมถึงได้มีภาพบ่าวสาวขี่ม้ามาทำพิธี หลานสาวไปหาคำตอบมาบอกว่า สมัยก่อนการเดินทางมาสถานที่แห่งนี้ยากลำบาก คนที่จะมาทำพิธีต้องขี่ม้าขึ้นมา ก็เออ เข้าเค้าแฮะ แต่เดี๋ยว แล้วไอ้ภาพสงครามที่ตัวเรามารบ มันมาเกี่ยวข้องอะไรกัน ปรากฏว่า มีคนอธิบายให้ฟังว่าสมัยก่อน ที่ตรงนี้เป็นสนามรบ มีการรบราฆ่าฟันกันมากมาย ก็พอรู้พอเห็นว่าจิตเรายังอยู่ในอารมณ์กรรมฐานก็พอแล้ว อย่างอื่นที่เห็นก็ขอเก็บไว้บ้างนะครับ สำหรับตลอดทางที่ไป ก็แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณไปตลอดเป็นระยะๆ เมืองที่ไปอยู่ไม่ไกลจากโยโกฮาม่า ชื่อเมืองคามาคูระ ชื่อคุ้นๆหูดีจัง เอาละครับ จะมาเล่าเรื่องต่อเมื่อมีโอกาสครับ

    ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  15. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    วันที่แรกเดินทางไปถึง วันที่สองเป็นวันงาน วันที่สามเดินทางไปบ่อน้ำพุร้อน ในหุบเขาโอวาคุดานิ หรือ หุบเขานรก เป็นหุบเขาที่อยู่ในวนอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ ระหว่างทางที่ขึ้นรถไฟไปบนยอดเขา แล้วไปต่อรถกระเช้า ไม่รู้สึกอะไรมาก ขึ้นมาถึงก็เกือบได้เวลาอาหารกลางวัน ด้านหลังเขาออกไปจะมองเห็นภูเขาฟูจิยาม่าอย่างชัดเจนในวันนี้ ไม่ได้เก็บรูปเอาไว้ เพราะเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจกับภาพถ่าย กับเหตุการณ์ที่เกิดตามที่เคยได้เรียนเอาไว้ แต่ญาติๆเขามีรูปกันส่วนใหญ่ พวกเราเข้าไปกินอาหารกลางวัน ได้ปลาหมึกมาสองไม้ แป้งทอดสองไม้ อูด้งสองชาม แบ่งให้ญาติๆไปทานกัน เพราะปกติทานคนเดียวไม่มาก จากนั้นขึ้นไปดูที่ที่เขาทำไข่ดำ ทานไข่ดำไปหนึ่งฟอง ไปก๊อปเรื่องราวจากกูเกิ้ลมาให้อ่านเพราะถ้าพิมพ์เองจะใช้เวลานานมาก ดังข่างล่างนี้ครับ


    หุบเขาโอวาคุดานิ หรือ หุบเขานรก เป็นหุบเขาที่อยู่ในวนอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของบ่อน้ำพุร้อน บ่อน้ำร้อน เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 พันปีก่อน ในปัจจุบันหุบเขานี้ ก็ยังเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบ พร้อมที่จะระเบิดอีกทุกเมื่อ แต่ว่าในทุกๆ วันจะมีการสังเกตและวัดความสั่นสะเทือนของภูเขาไฟตลอดเวลา หากมีสิ่งผิดปกติ ในวันนั้นก็จะมีการประกาศให้ทราบและไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไป ด้านบนของหุบเขาโอวาคุดานิจะมีควันสีขาวๆ พวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา เป็นควันที่มาจากความร้อนใต้พื้นดินโดยมีแก๊สกำมะถันปนอยู่ ทำให้มีกลิ่นของกำมะถันอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งมีกลิ่นฉุน จึงเรียกว่าหุบเขานี้ว่าหุบเขานรก ด้านบนจะมีบ่อน้ำร้อนแร่กำมะถัน ที่มีความร้อนสูงถึง 80 องศาเซลเซียส สามารถต้มไข่ให้สุกได้ ซึ่งน้ำร้อนที่มีแร่กำมะถันเข้มข้นปะปนอยู่ ทำให้เมื่อต้มไข่ออกมา ทำให้ไข่กลายเป็นสีดำ จึงเป็นที่มาของชื่อไข่ดำ เชื่อกันว่าถ้าได้กินไข่ดำ 1 ฟองจะมีอายุยืนขึ้น 7 ปี และด้านบนยังสามารถมองเห็นวิวของฟูจิซังได้ชัดเจน ในวันที่สภาพอากาศดีดี นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัย ยังสามารถที่จะมาปีนเขาที่นี่ได้ จากบริเวณสถานีรถกระเช้า จะมีทางซึ่งสามารถที่จะปีนต่อไปยังภูเขาคามิยามะ(Kamiyama) และปีนต่อไปยังภูเขาโคมางาทาเกะ(Komagatake) ตามไปเที่ยวที่หุบเขาโอวาคุดานิกันเลย




    ตรงนี้เป็นเรื่องราวทั่วๆไป แต่ที่มีเรื่องจิตมาเกี่ยวข้องก็คือ ช่วงที่นั่งรถกระเช้าลงจากบนเขาไปทะเลสาป ก่อนถึงทะเลสาปรู้สึกได้ถึงอดีตชาติที่เคยอยู่บริเวณนี้ มีภาพปรากฎขึ้นมา พร้อมกับจิตที่แผ่เมตตาออกไปให้กับวิญญาณที่เกี่ยวข้องและมารับผลบุญได้ ก็คงจะต้องขอบอกอีกครั้งว่า จะพูดเฉพาะเรื่องที่สมควรพูดและอนุญาตให้พูดเท่านั้นครับ ทีเหลือก็ไม่มีอะไรครับ ไปล่องเรือโจรสลัด หลับตาเห็นอะไรก็ปล่อยผ่าน ได้แต่จับกสิณน้ำไปตามเรื่องตามราว สลับกับภาพในอดีต พอภาพมาก็จะกลับไปจับกสิณอีก ภาพก็มาอีก สลับกันไปมาให้เราได้รู้ได้ทราบอะไรบ้างพอสมควร สุดท้ายก็มาจับที่น้ำที่เป็นประกายพรึกอยู่ระยะหนึ่ง แล้วก็คลายสมาธิออกมาเพราะเกรงจะเป็นที่สังเกตของนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆว่า ไอ้บ้าที่ไหนมายืนทำอะไรนิ่งๆ ในขณะที่คนอื่นเขาสนุกสนานเฮฮากัน ตอนนั้นปลีกตัวออกมาจากกลุ่มแล้ว เพราะต้องการดูอะไรเป็นการส่วนตัว ไม่อยากให้เขาสงสัยว่าทำอะไร ขอจบเรื่องราววันที่สามแค่นี้ครับ ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2013
  16. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    ถือศีลมาสามวัน สองวันแรก จะเป็นเพราะพระสงเคราะห์หรือ บังเอิญโชคช่วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ( ในใจขอจับพระ ขอถือเอาว่าเป็นแบบพระสงเคราะห์เอาไว้ก่อนครับ )งานที่ทำค่อนข้างจะเบา พอมาวันที่สาม งานก็หนักกว่าเก่านิดหน่อย โดนจัดสงเคราะห์หนักหน่อย ที่หัวหน้าบังเอิญต้องมาเลี้ยงพิซซ่าในวันนี้ที่เราถือศีล เพื่อนๆนั่งกินพิซซ่ากันเอร็ดอร่อย ตัวเองต้องมานั่งกินน้ำกินนมเพื่อให้มีกำลังทำงาน จากการสังเกตตัวเองหลายๆครั้ง ไม่ทราบว่าเป็นอะไร วันไหนตั้งใจถือศีลติดต่อกันยาวๆ มักมีเรื่องอาหารมาเป็นตัวลองทุกครั้งไป คงต้องกลับไปพิจารณาตัวเองใหม่ ว่าบกพร่องในทานด้านนี้หรือเปล่า จะได้ปรับปรุงตัวทำทานให้มากกว่าเดิม หรือว่าแค่มาลองว่าจะทนได้หรือเปล่า อันนี้ก็น่าคิด แต่ปกติก็เฉยๆ ไม่รู้สึกหิวหรืออยากกินในขณะที่เพื่อนๆเขากินกัน มาเล่าสู่กันฟังครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2013
  17. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +1,014
    ไหว้พระ ทำบุญ 9 วัด จ.พระนครศรีอยุธยา

    เมื่อวันที่ 19-20 ธค. 56 ข้าพเจ้าได้เดินทางไปไหว้พระ ทำบุญ 9 วัด ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ที่หน่วยงานจัดให้เจ้าหน้าที่ร่วมทำบุญปฏิบัติธรรม ปีละ 2 ครั้ง ในวันแรกเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ตีห้าครึ่งถึงอยุธยาประมาณ เก้าโมงเศษๆ วัดที่ได้ทำบุญ คือ
    1. วัดแรกคือวัดอโยธยาที่เป็นวังเก่าแก่ เจดีย์สวยมากๆที่สร้างใกล้ๆลานประหารเก่า
    2. วัดใหญ่ชัยมงคล มีเจดีย์ใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรสร้างเพื่อประกาศอิสระภาพและทำพิธี
    3. วัดพนัญเชิง กราบขอพรหลวงพ่อโต
    4. วัดท่าการ้อง กราบขอพรหลวงพ่อยิ้ม
    5. วัดตาลเอน เป็นวัดสาขาของหลวงพ่อจรัล คณะทัวร์บุญได้พักค้าง 1คืน ตอนกลางคืนได้สวดมนต์-ปฏิบัติธรรม พระอาจารย์ได้สอนวิธีทำวิปัสสนากรรมฐานแนวสติปัฐาน 4 การมีสติตามรู้ทุกอิริยาบท และสอนการเดินจงกรมจนกระทั่งเวลาเกือบสี่ทุ่ม ในส่วนนี้เคยมีคำถามในใจข้าพเจ้ามาตลอดว่า อยากฝึกการเดินจงกรมแต่ยังไม่มีโอกาส ในครั้งนี้พระท่านจึงช่วยสงเคราะห์
    หลังจากนั้นก็นอนหลับพักผ่อนและตื่นนอนประมาณตีสาม และสวดมนต์ทำวัตรเช้าและปฏิบัติธรรมจนกระทั่งเจ็ดโมงเช้า รับประทานอาหารเช้าและออกเดินทางต่อ
    6. วัดภูเขาทอง มีเจดีย์ที่ใหญ่มากกว่าทุกวัดที่ผ่านมา และข้าพเจ้าไม่สามารถขึ้นไปกราบสักการะ
    และได้เดินทางมากราบสักการะอนุสาวรีย์พระนเรศวร ในช่วงที่ก้มกราบได้กลิ่นเหล้าหอมกรุ่น กลิ่นเหล้าเก่าๆโบราณที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ถ้าเป็นเหล้าปัจจุบันจะออกฉุนแสบจมูก
    7. วัดท่าพระเมรุ
    8. วัดกลางคลองสระบัว กราบไหว้หลวงพ่อทันใจและหลวงพ่อเพชร
    9. วัดท่าโพธิ์ ได้ห่มจีวรรอบเจดีย์ใหญ่
    รวมปัจจัยที่ถวายทุกวัด ประมาณเกือบห้าหมื่น และเดินทางกลับถึงบ้านเวลาเกือบสี่ทุ่ม
    ผลบุญในครั้งนี้ขอให้ญาติธรรมมีความสุขในปีใหม่ที่จะมาและตลอดไป มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรม และสำเร็จผลทุกประการเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับเทอญ
    ปล.สำหรับรายละเอียดและรูปภาพจะมาลงให้เพิ่มเติมอีกครั้ง ตอนนี้ขอเซฟข้อมูลไว้ก่อนกันผิดพลาดค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2013
  18. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    ขอให้อย่าเป็นแบบที่เห็น ก็เป็นแบบที่เห็นแล้ว ไม่อยากจะดูต่อไปแล้วครับ พยายามที่จะไม่มาโพสต์บอกก่อน เพราะมีความรู้สึกว่าท่านห้าม ขอให้ทุกท่านปลอดภัย ถ้าเป็นไปได้ ถ้าลงไปแล้วจะดีขึ้นมาบ้าง แม้แค่วินาทีเดียว กลางเดือนคงลงไปครับ อาจจะไปปฏิบัติเงียบๆที่วัดท่าซุง ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  19. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    พรุ่งนี้ไปหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำที่วัดสุุขุมาราม บางมูลนาก จ.พิจิตร ซื้อทองคำหนักหนึ่งบาท ไปร่่วมบุญครับ ขออภัยที่่ไม่ได้บอกบุญกัลยาณธรรมบางท่านครับ แทบไม่ได้บอกเลยครับ มีโทรไปหาไม่กี่คนเพราะเกรงใจครับ
     
  20. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    รายชื่อท่านที่ร่วมบุญซื้อทองคำหล่อสมเด็จองค์ปฐม ณ วัดสุขุมาราม อ.บางมูลนาก ทองคำหนักหนึ่งบาท รวมค่าบล็อกแล้วเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐. บาท

    ๑ คุณชาคริต ๑,๐๐๐. บาท

    ๒ คุณเขากระโดง ๕๐๐. บาท

    ๓ คุณ SKINNY_K ๑,๐๐๐. บาท

    ๔ คุณ ojoel โอนปัจจัยเข้ามาวันที่ ๒๕ ม.ค. ๒๕๕๗ จำนวน ๕๐๐ บาท

    ๕ คุณธนะพัฒน์ สัจจะวีระชัย และครอบครัว และห้างทองเพชรทองใบ ๑๐๐. ( ช่วยค่าบล็อก)

    ๖ ครอบครัวคุณราชแสง ๒๐๐. บาท

    ๗ ครอบครัวคุณนัจ ๔๐๐. บาท

    ๘ คณะคุณครูเอร่วมบุญจากในรถ ๕,๒๔๐. บาท

    ๙ คุณคนวันเสาร์ ๒,๐๐๐. บาท

    ๑๐ คุณ poojaja ร่วมบุญมา ๕๐๐. บาท

    ๑๑ ครอบครัวคุณดารณี เปาอินทร์ ร่วมบุญมา ๖๔๐. บาท

    ๑๒ คุณ Grim 10 ร่วมบุญมา ๓๐๐. บาท

    ๑๓ คุณร่มบุญ ร่วมบุญ ๑,๐๐๐. บาท

    รวมยอดทั้งหมดที่ได้รับ ๑๓,๐๘๐. บาท

    คณะคุณครูเอ ๔ ท่าน ช่วยค่ารถมาท่านละ ๕๐๐. เป็นเงิน ๒,๐๐๐. บาท

    ค่าใช้จ่าย

    ๑ ซื้อทองคำแท่งหนักหนึ่งบาท เป็นจำนวนเงิน ๒๐,๑๐๐. บาท

    ๒ ถวายสังฆทาน เป็นจำนวนเงิน ๒,๐๐๐. บาท

    ๓ ค่ารถตู้ ค่าเชื้อเพลิง เป็นจำนวนเงิน ๒,๙๐๐. บาท

    รวมรายจ่ายทั้งหมด ๒๕,๐๐๐. บาท

    รวมรายรับทั้งหมด ๑๕,๐๘๐. บาท

    จึงแจ้งมาให้ทราบและอนุโมทนาบุญทั่วๆกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2014

แชร์หน้านี้

Loading...