ขอปิดงานบุญหล่อพระที่วัดเขาดิน จ.ชลบุรี วันที่ ๒๓ มี.ค.๒๕๕๗

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย bhothisata, 21 มิถุนายน 2013.

  1. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    นิทานเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็ก

    หลานชายของเพื่อนฝรั่งที่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ (หลานปู่) ช่างบังเอิญว่าแกเกิดวันเดียว เดือนเดียวกับปู่ของแก คลอดเองตามธรรมชาติ ทั้งๆที่พ่อแม่แกไม่ได้อยากคิดที่จะให้ลูกของแกเกิดวันเดียวกับปู่เลย จะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบที่ไม่อยากให้เกิดวันเดียวกัน เอาเป็นว่าเด็กคนนี้เกิดวันเดียวเดือนเดียวกันกับเพื่อนผม แล้วตัวผมก็ต้องมีอันไปเกี่ยวข้องที่ต้องไปเลี้ยงดู ไปอุ้มมาเล่นเพราะเพื่อนผมมักจะชวนผมไปหาหลานชายด้วยเสมอๆ จะด้วยความที่ผมรักเด็กหรือชอบตามใจเด็ก หรือชอบทำให้เด็กหัวเราะเล่นมีความสุขไม่ทราบ แกก็ติดผม ชอบโผเข้ามาหาเป็นคนแรกเวลาไปหาแก

    วันหนึ่ง พ่อแม่เด็กจัดงานวันครบรอบหนึ่งขวบที่บ้านแก ญาติๆเขามากันหลายคน ผมไม่ค่อยรู้จักญาติของเพื่อนเพราะพึ่งจะย้ายเข้าไปอยู่กับเพื่อนได้ไม่ถึงหนึ่งปี ผมกับเพื่อนเดินเข้าไปในงาน พอไปถึง เจ้าหลานชายของเพื่อนที่ญาติเขาอุ้มอยู่แกมองเห็นผมเข้า แกก็ทำท่าจะโผเข้ามาหา ญาติของเพื่อนผมต้องยอมปล่อยแกมาให้ผมอุ้มแก คนในงานหลายๆคนมองกันยกใหญ่ เขาคงมองว่าไอ้ลาวไอ้เจ๊กหัวดำผิวเหลืองที่ไหนหนอโผล่มา ( ขออภัยครับ ที่ใช้ภาษาตามแบบลูกทุ่งๆที่คนหลายๆคนมักเหยียดยามกันเวลาไม่ชอบหน้า หรือไม่พอใจกัน แต่เป็นภาษาไทยแท้ครับ) แล้วเด็กฝรั่งผมทองผิวขาวโผเข้าไปหา ส่วนผมก็อุ้มเด็กแนบกับอกเงียบๆ พร้อมกับพูดกับกายในของเด็กในใจว่า พ่อมาหาแล้วลูก ชาตินี้ลูกมาเกิดที่นี่ พ่อก็มาเจอแล้ว เนื่องในวันอายุครบรอบหนึ่งขวบ พ่อขอให้ลูกพ่อเป็นคนดี อย่าลืมพุทธศาสนา

    แล้ววันคืนก็ผ่านเลยไปจนเกือบสี่ปี เด็กคนนี้ยังคงมาอยู่กับปู่ ( เพื่อนผม ) ทุกๆวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลาเก้าโมงเช้าถึงสี่หรือห้าโมงเย็น แล้วแต่โอกาส เวลาบ่ายโมงของแก แกจะนอนกลางวัน เพื่อนผมมักจะเปิดบทสวดในยูทูบให้ฟังเป็นประจำ แกจะชอบนอนในห้องพระที่มีสมเด็จองค์ปฐมจากวัดท่าซุงตั้งวางอยู่หลายองค์ พร้อมกับนอนฟังบทสวดมนต์จากพระบ้าง จากฆราวาสบ้างจนแกนอนหลับไป แรกๆ แกได้ยินบทสวดมนต์ แกตั้งใจฟัง แล้วก็จะบอกว่า Silly song ผมต้องคอยบอกแกเสมอว่า No, these are not silly song. We call meditation song. You listen to them, you won't be crabby. ด้วยความที่ผมกลัวว่าแกจะบาปเพราะความไม่เดียงสา ก็ต้องบอกแกไปว่าเป็นเพลงฝึกนั่งสมาธิ ถ้าแกได้ฟังแล้วแกจะไม่โยเย ตั้งแต่นั้นมา เวลาจะนอนกลางวัน แกจะเรียกหาผมให้ไปนอนกับแก แล้วจะให้เปิดบทสวดพาหุง มหากา คาถาเงินล้าน ทำวัตรเช้าเย็น อุปปาตะสันติ ฯ ให้แกฟังทุกครั้งจนแกหลับไป ผมยังนึกในใจอยู่บ่อยๆว่าเด็กคนนี้มีบุญเหลือเกิน ขนาดมาเกิดที่ที่ห่างไกลพุทธศาสนาก็ยังมีโอกาสได้ฟังบทสวดมนต์ตั้งแต่ยังเล็กๆ เด็กคนนี้แกฉลาดเฉลียวพอตัว ช่างคิด ช่างจำ ช่างโต้เถียง มีความเข้าใจในภาษาเกินเด็กในวัยที่ยังไม่ถึงสี่ขวบดี ก็ไม่ืทราบว่าจะมีบุญได้เห็นแกได้นานแค่ไหน ความไม่เที่ยงในชีวิตมักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทุกวันอาทิตย์เท่าที่ทำได้ก็คือ ให้แกได้จำได้มองเห็นพระสมเด็จองค์ปฐมแล้วถามแกว่าสวยไหม ตอนนี้แกไม่นอนกลางวันแล้ว เพราะพ่อแม่เด็กบอกว่าไม่มีความจำเป็น แต่ในความคิดเห็นของผมคิดว่า สมองเด็กอายุขนาดนี้ยังคงต้องการการพักผ่อนอยู่ แต่ก็ปล่อยวาง เพราะชาตินี้เขาเป็นลูกคนอื่น ช่วยได้เท่าที่ช่วย ประคองได้เท่าที่ประคอง หมดวาระแล้วก็ต่างคนต่างจากกันไป อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
     
  2. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +1,014
    ได้เคยฝึกพิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญามาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ แต่ก็ฝึกตามความเข้าใจแบบเด็กๆ เพิ่งจะได้มาพิจารณาอย่างลึกซึ้งเมื่อปีที่แล้วที่ครูสรพูดถึงเรื่องนี้ให้ฟัง ก็เลย search google มาอ่านเพิ่มเติม ปกติจะเป็นคนอยู่ง่ายทานง่าย ทานเพื่ออยู่ เวลาคุณแม่และญาติผู้ใหญ่ทำอาหารให้ทาน เวลาทานก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ยึดติดในรสชาดเท่าที่ควร แต่คนอื่นแลดูคงคิดว่าท่าทางเราคงทานเอร็ดอร่อยมาก และจะถูกคะยั่นคะยอให้ทานให้หมดเสียดายของ ก็รู้สึกเกรงใจและเป็นความรับผิดชอบต้องทานให้หมด ในวันนี้ก็เลยทำให้มีหุ่นค่อนข้างมีอันจะกินเล็กน้อย
    ถ้ามีโอกาสได้ทาน sonny soup และมีท่าทีเจริญอาหารเอร็ดอร่อย ก็ขอออกตัวล่วงหน้า เพราะที่บ้านฝึกมาดีค่ะ อิอิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2014
  3. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    ก่อนนอน นั่งกรรมฐาน เรียกกายในของน้องให้มาอนุโมทนาบุญ จากนั้นล้มตัวลงนอน นอนฝันแแปลกๆแต่ไม่ได้เอะใจ ตื่นขึ้นมา ขับรถไปทำงานเร็วกว่าเวลาปกติเพราะพายุหิมะเข้า ถึงที่ทำงานปลอดภัยดี ขากลับจากที่ทำงาน ฤกษ์ไม่ดีตั้งแต่ขับรถออกจากลานจอดรถไม่ได้ เพราะหิมะบางส่วนได้กลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้ยางรถที่จะเคลื่อนไปบนพื้นไม่มีแรงเสียดทานพอที่จะทำให้ล้อเคลื่อนที่ไปบนถนน ต้องเคลื่อนที่บนก้อนน้ำแข็งแทน นึกถึงกฎของนิวตัน สมัยเรียนฟิสิกส์เมื่อตอนยังวัยรุ่น ( F - f = Ma ) ตรงเอจะมีหมวกเพราะเป็นปริมาณเวกเตอร์ แรงเสียดทานมีน้อย ความเร่งมีน้อยมากจนเกือบไม่มี รถก็เลยเกิดอาการล้อหมุนอยู่บนก้อนน้ำแข็ง เพื่อนต้องมาช่วยเข็น จึงออกมาได้ ขับรถวิ่งออกมาถึงทางเบี่ยงที่เคยรถพลิกหงายเมื่อปี ค.ศ.2009 ปีนั้นต้องเปลี่ยนรถใหม่เพราะรถหงายท้อง หลังคายุบลงมา ดีแต่ว่าใต้หลังคายังมีหิมะรองและขับรถมาไม่เร็ว ปีนั้นก็เลยไม่เป็นอะไร นอกจากต้องซื้อรถใหม่ ประกันให้เงินคืนมาส่วนหนึ่งเพราะรถพึ่งผ่อนไปได้เกือบสองปี ปีนี้วันนี้ิเดือนเดียวกัน เหตุการณ์ตรงใกล้ๆกับจุดเดิมได้เกิดขึ้นอีก ห่างกันประมาณ ๕ ปี ค.ศ.2014 คิดอยู่ในใจว่าตรงนี้ เคยเป็นที่ตายของเราในชาติก่อนหรือไงนะ หรือเคยไปฆ่าใครเขาไว้ตรงนี้ ขับรถผ่านตรงนี้ครั้งใดมันมีอาการแปลกๆ มาวันนี้ก็เป็นเรื่องอีก ขับรถมาดีๆ ไม่เร็ว ประมาณ ๒๐ - ๒๕ ไมล์/ช.ม. คงจะสามสิบสี่สิบ ก.ม./ช.ม บ้านเรา ข้างบนพื้นถนนเป็นหิมะ ข่างล่างลงไปเป็นน้ำแข็ง พอรถวิ่งบนหิมะหลายๆคันเข้า น้ำแข็งก็โผล่ออกมาบางส่วน ขับรถไปถึงตรงนั้นพอดี ล้อเหยียบบนน้ำแข็ง คิดว่า เอาอีกแล้ว ที่เดิมเลย อะไรจะจ้องจองเวรกันนักหนานะตรงทางเบี่ยงนี่ รถลื่นไถลบังคับไม่อยู่ ก็คุมสติในอานาปาอยู่ ปล่อยให้มันไถลไปทางซ้าย ชนกับกองหิมะข้างทางแล้วหมุนกลับมาเกือบร้อยแปดสิบองศา หันหน้ากลับไปอีกทาง เดชะบุญที่ไม่มีรถตามมาเหมือนเมื่อห้าปีก่อนไม่มีผิด เวลาเกิดเหตุจะโชคดีที่ไม่มีรถขับตามหลัมาง ไม่เช่นนั้นคงยุ่ง พอรถหมุนกลับมา เราก็เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้รถคุนอื่นๆเห็น เขาจะได้ไม่ชนเรา จากนั้นก็ค่อยๆแซะกองหิมะที่ขวางล้ออยู่ หิมะสูงขนาดทำให้ล้อรถติด ล้อหมุนฟรีบนหิมะ ไปไม่ได้ โชคดีตรงที่มีคนขับรถแท็กซี่ชาวตะวันออกไกลจอดรถแล้วถาม พร้อมกับโยนพลั่วมาให้ รับพลั่วมาพร้อมกับบอกขอบคุณเขาไป แล้วเริ่มตักหิมะที่ขวางทางออก สักสองสามนาทีก็มีรถชาวต่างชาติมาจอด น่าจะเป็นลูกครึ่งฝรั่งผสมเม็กซิกัน เข้ามาช่วยพร้อมช่วยตักหิมะออกให้ อีกทั้งยังช่วยเข็นรถให้ผ่านกองหิมะไปได้ ก็รอดพ้นอันตรายมาด้วยดีในวันนี้ืเพราะความดีของชายสองคนนั้น อยากตอบแทนน้ำใจเขาทั้งสองเหลือเกิน แต่คนขับรถแท็กซี่ขับหายไปตั้งแต่โยนพลั่วมาให้ อีกคน เราก็ไม่กล้าที่จะขอเบอร์โทรเพื่อติดต่อ แค่บอกว่าขอบคุณ เพราะคนที่นี่บางครั้ง ขอเบอร์โทรเขา เขาอาจจะคิดเป็นอย่างอื่น นอกจากเราจะให้นามบัตรเขาไป แล้วนามบัตรเราก็ไม่เคยมีเพราะเป็นคนไม่ค่อยตามสมัย ก็เลยได้แต่ขอบคุณเพื่อนผู้มีน้ำใจในวันนี้อยู่ลึกๆ เรื่องตื่นเต้นวันนี้ก็จบลงด้วยเหตุดังที่กล่าวมา พร้อมกับคิดไว้ในใจว่า ต่อไปถ้ามีโอกาสเห็นคนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้ามีเวลาจะต้องจอดช่วยเหลือ สมัยก่อนเคยจอดช่วยเหลือคนบ่อยๆ หลังๆมา คนมีความน่ากลัวมากขึ้น ทำให้ละเลยสิ่งเหล่านี้ไป ขอบคุณความดีของชายทั้งสองคนนั้น ที่ทำให้เรามีสติกลับคืนมาเป็นแบบเดิม จบเรื่องเล่าวันนี้ครับ ขอทุกท่านเจริญในธรรม
     
  4. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    เล่าเรื่องเด็กฝรั่ง ๒

    วันนี้มาเล่าเรื่องเด็กฝรั่งหลานชายเพื่อนต่อ หลานชายหรือหลานปู่ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Grandson ขอยกพจนานุกรมมาให้อ่านกันนะครับ

    Grandson (disambiguation). In a family, a grandchild is a child's child: นั่นคือลูกๆของลูก
    grandson is the child's son, คือลูกชายของลูก ภาษาบ้านเราเรียกหลานชาย
    a granddaughter is a child's daughter คือลูกสาวของลูก ภาษาบ้านเราเรียกหลานสาว อย่าไปเรียก Niece หรือ Nephew นะครับ ฝรั่งเขาจะงง ความหมายจะไม่ตรงกัน ถ้าเป็นหลานปู่หลานย่า ต้องใช้คำสองคำนี้เท่านั้น สำหรับปู่เรียกว่า Grandpa หรือ Grandfather ส่วนย่าใช้คำว่า Grandma หรือ Grandmother

    มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เจ้าหลานชายคนนี้จะสี่ขวบในเดือนพฤษภาคมนี้ เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งเพื่อนผมซึ่งเป็นปู่เด็ก ขับรถไปเติมน้ำมันที่ปั้ม การเติมน้ำมันที่นี่เราเติมกันเองหรือบริการตัวเอง เขาไม่จ้างพนักงานเติมน้ำมันกัน เวลาจะเติมน้ำมันเราจะเสียบบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเข้าไปในเครื่องแล้วอ่านว่าเขาจะให้ทำอะไร หรือถามว่าเราจะทำรายการอะไรต่อไป จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนที่เขาบอก ถ้าเราไม่ใช้บัตร จะจ่ายเงินค่าน้ำมันในปั๊มหรือในร้าน ตอนเรายกสายน้ำมัน เขาจะรู้ว่าเราไม่เสียบบัตรเครดิต พนักงานจะถาม คงจะมีสัญญาณเตือนจากเครื่องในร้านหรือมีวิธีที่จะบอกว่าปั๊มหมายเลขนี้ไม่ได้เสียบบัตรก่อน ดังนั้นถ้าเรายกสายน้ำมันเลย พนักงานก็จะถามผ่านลำโพงที่ติดอยู่กับปั๊มว่า Pump number ...( เลขปั๊มที่เราจะเติมน้ำมัน เช่น ปั๊มที่หนึ่งหรือสองหรือสาม ) Do you want to pay inside ? เราจะจ่ายเงินเขาในปั๊มหรือเปล่า เราต้องตอบว่า Yes เขาก็จะปลดล็อกเพื่อให้เราสามารถบีบน้ำมันผ่านหัวเติมได้ พอเติมเสร็จเราก็เข้าไปบอกเขาว่าเราเติมที่ปั๊มหมายเลขที่เท่าไหร่ พนักงานเขาก็จะบอกราคาน้ำมันที่เราเติม วิธีแบบนี้ ถ้านำไปใช้กับเมืองไทย สงสัยว่าคงจะเจ๊งขาดทุนกันเป็นแถวๆเพราะความรู้มากของคนบ้านเรา ที่นี้มาเล่าถึงเพื่อนผมไปเติมน้ำมัน วันนั้นคงจะมีเจ้าหลานชายติดรถไปด้วย แกคงจะคอยมองดูว่าปู่แกทำอะไรบ้างตอนเติมน้ำมัน หลังจากเติมน้ำมันเสร็จ ปู่หลานก็พากันกลับมาบ้าน ซึ่งที่บ้านมีย่าแกรออยู่ กลับมาแกคงเล่นอยู่สักพักใหญ่ จากนั้นอยู่ๆแกก็มาคุยกับย่าของแกว่า ย่าต้องไปเอาบัตรเขียวมาจากปู่นะ เพื่อที่จะนำไปเติมน้ำมันรถของย่าได้ ( Grandma, You need to go get a green card from grandpa to go get gas.) ดูความช่างสังเกต ช่างจดจำของแก แกคงเห็นตอนที่ปู่ของแก เสียบบัตรเครดิตซึ่งมีสีเขียว ใส่เข้าไปในเครื่องที่ปั๊มแล้วจึงจะเติมน้ำมันได้ แกเห็นปู่เสียบบัตรที่แกไม่รู้ว่าเป็นบัตรอะไร รู้แต่ว่าบัตรมีสีเขียว แกก็เลยเรียกว่าบัตรสีเขียว แถมแนะนำย่าเสร็จสรรพว่าต้องไปเอาบัตรสีเขียวจากปู่นะ ถึงจะได้เติมน้ำมันได้ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กยังไม่สี่ขวบสามารถเข้าใจ สื่อสารออกมาเป็นภาษาของแกเอง ทำให้เราเอ็นดูถึงความฉลาด ความไม่เดียงสาของแก
     
  5. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    เมื่อสักพัก อ่านข่าวผ่านตาว่าจะมีงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จวัดสระเกศ วันที่ ๙ มีนาคม ไม่คิดว่าจะบังเอิญอะไรขนาดนี้ เรื่องบางเรื่อง ได้ถูกกำหนดให้ต้องมา ต้องทำโดยที่ไม่อาจจะทราบได้ สมัยที่ไปกราบท่านครั้งแรก อธิษฐานจิตไปกราบ ในความรู้สึกตอนนั้น ทราบว่าท่านรับทราบและรออยู่ วันนั้นยังจำได้ดี ผมเดินเข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์ กราบเสร็จก็เดินออกมา เหลียวมองหาสมเด็จฯ ในจิตยังเชื่ิอมั่นว่าท่านอยู่แถวๆนั้น แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบท่าน ก็เลยคิดว่าไม่พบก็ไม่เป็นไรจิตคงเฝือไป จึงเดินอ้อมโบสถ์มาอีกด้านหนึ่ง พอเดินผ่านมุมโบสถ์มาก็ตกต้องตะลึง เห็นสมเด็จวัดสระเกศยืนอยู่ เดินเข้าไปนั่งลงก้มกราบท่านด้วยความดีใจ ตั้งแต่นั้นมาก็ไปหาท่านเสมอๆ ท่านเมตตามาก เคยจะปรึกษาอะไรท่านจำไม่ได้แล้ว ได้กราบเรียนปรึกษาท่าน ท่านบอกให้เอาวันเดือนปีมา แล้วเข้าไปหาท่านในที่พัก ท่านจะดูให้ ด้วยความที่ผมเกรงใจพระผู้ใหญ่และช่วงนั้นท่านเริ่มอาพาธนิดๆ ก็เลยไม่กล้าที่จะไปหาท่าน ปล่อยให้ท่านพักผ่อน ไม่อยากรบกวนให้ท่านต้องมาวุ่นวายอยู่กับเรื่องทางโลก เพราะทราบจากหลวงพอฤๅษีฯนานแล้วว่า สมเด็จฯท่านไม่กลับลงมาอีกแล้ว ทราบดังนี้ก็คอยระวังจิตตัวเองอยู่เสมอๆ วันที่พบท่านที่โบสถ์นั้น ท่านยื่นพระปิดตาให้หนึ่งองค์ ไม่เคยทราบว่าท่านมีพระ ไม่เคยขอท่าน ท่านก็โปรดเมตตาขนาดนี้ ดังนั้น เดือนที่แล้ววันที่พระคุณเจ้าที่วัดสระเกศมีความประสงค์ที่จะดำเนินงานบุญในพิธีบวงสรวง ก็เลยรับปากท่านว่าจะจัดการให้ท่าน และงานพิธีก็ผ่านไปได้อย่างเรียบร้อยดี ดังนั้นในวันที่ ๙ มีนาคมนี้ คงต้องตัดสินใจว่า จะไปงานไหนดี ไปงานบุญหล่อพระทางเชียงใหม่หรืองานนี้ดี แต่พอไปถึงเมืองไทย คาดว่าพระคุณเจ้าที่วัดสระเกศคงจะติดต่อมาให้ไปร่วมงานด้วย แต่ก็แค่เป็นการคาดเดา เรื่องข้างหน้ายังมาไม่ถึง ขอให้แล้วแต่พระและวาระจัดสรร ถึงเวลา ท่านคงตรัสให้ทราบเอง ก็ขอส่งข่าวให้ท่านที่จะมาร่วมงานทราบทั่วๆกันครับ ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  6. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    เมื่อคืนวันอังคารที่ ๒๕ กุมภาไปทำงาน ก่อนที่จะหยุดในวันที่ ๒๖ , ๒๗ กุมภา คืนนั้นได้บอก LEAD ท่านหนึ่งไปว่าจะทำต้มข่าไก่ในวันจันทร์ที่ ๓ มีนา พอวันกลับไปทำงานคืนวันที่ ๒๘ กุมภา เจอหน้าผู้จัดการ SHIFT ก็โดนเย้าแหย่อีกว่าทำต้มข่าในวันที่ท่านหยุดอีกแล้วหรือ ผมก็ไม่ทันตั้งตัวว่าอะไรข่าวจะไปไวขนาดนั้น ผู้จัดการ SHIFT บอกว่าผู้จัดการหน่วยใหญ่ประจำเมือง Minneapolis บอกท่านว่าผมจะทำต้มข่าไก่ในวันจันทร์ ผมคิดในใจว่าท่านรู้ข่าวมาจากใคร ถึงได้เร็วจัง ก็ต้องบอกท่านแบบภาษาไทยๆว่า ขอรับ ถ้าท่านไม่อยู่ แล้วผมจะเก็บใส่กล่องเอาไว้ให้ในตู้เย็นนะขอรับ ก็รอดตัวไป ที่จะทำในวันที่ ๓ มีนา ก็เพราะจะเดินทางกลับบ้านในวันที่ ๔ มีนา จึงทำให้ทานก่อนจะกลับเมืองไทย จบเรื่องต้มข่าไก่ดีกว่า เดี๋ยวน้องๆเข้ามาเย้าแหย่ขอชิมอีก ไม่กลัวว่าจะต้องทำให้ชิม แต่กลัวว่าจะไม่มีเวลาทำให้ชิมครับ

    เอามาว่ากันเรื่องการปฏิบัติกันบ้าง วันนี้เป็นวันพระ ถือศีลแปดตามปกติ แต่วันนี้รู้สึกอยากจะกินข้าว ก็ไม่หิวเท่าไหร่ แต่มีความรู้สึกว่าจะทรมานตัวเองอดข้าวทำไม ความคิดเลวๆแบบนี้เข้ามาได้ยังไงก็ไม่ทราบ คิดได้แค่นั้นก็ต้องกลับไปทบทวนคิดถึงคำสอนของหลวงพ่อฯถึงอานิสงส์ของการถือศีลแปด แล้วคิดถึงวิปัสสนาญาณเรื่อยไป สุดท้ายก็กลับไปคิดว่า หรือว่าเขาจะมาทดสอบให้กำลังใจเราตก ร่างกายร่างนี้ก็ไม่ใช่ของเรา กินข้าวเย็นก็ตาย ไม่กินก็ตาย คิดได้ดังนั้นก็อย่าไปสนใจร่างกายมันเลย จะหิวก็เอานมเอาน้ำลูบท้องไป เดี๋ยวก็หายหิว แถมมีตัวทดสอบอีกสองตัวคือ ที่ทำงานถ้ามีใครมาทำงานสาย ตามกฏกติกาคือต้องซื้อโดนัสเข้ามาให้เพื่ิอนๆทานกัน แล้วคืนนี้เจ้าเพื่อนมาสาย จะบังเอิญหรือตั้งใจมาสายก็ไม่อาจทราบได้ ( จริงๆก็ทราบ บางคนมาสายแบบการเมืองๆ แต่อย่าไปใส่ใจเรื่องของคนอื่นดีกว่า ก็รู้แล้วก็ปล่อยวาง) คืนนี้มาสายกันสองคน จึงมีโดนัสวางให้ทานกันเหลือเฟือ แต่ตอนนั้นจิตมันตัดความหิวไปแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจ อยากจะซื้อจะมีให้ทานก็ทานกันไป ไม่สนใจ ไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่ามีโดนัสแบบไหนมาบ้าง ก็ปลีกตัวไปทำงาน

    พูดถึงเรื่องงาน ไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นช่าง ไม่เคยเชื่อว่าจะต้องมาอยู่เมืองนอก แต่ก็ต้องได้มาอยู่ ได้มาเป็นช่าง ภาษาอังกฤษก็พูดได้แบบงูๆปลาๆเพราะเรียนสายวิทย์มา ศัทพ์บางตัวก็จำได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะขี้เกียจจำ สมัยเรียนมัธยมต้นภาษาอังกฤษมักจะได้คะแนนดี ความจริงก็ดีเกือบทุกวิชา มาเริ่มแย่ตอนมัธยมปลายเพราะปัญหาครอบครัวเข้ามามากมาย ต้องไปช่วยแม่ขายของที่ตลาดคลองเตยในวันที่แม่มาขายของ กว่าจะนั่งรถเมล์กลับบ้านก็ดึกดื่น ตื่นไปโรงเรียนสาย เคยไปทำงานเสิร์พในร้านอาหารมาพักหนึ่ง แต่ทำไม่ไหวเพราะอดนอนแล้วเรียนหนัก ก็เลยต้องออก นั่นคืออนิจจังของชีวิต ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ขณะนี้มีงานที่ค่อนข้างมั่นคงทำ งานไม่ลำบากมากเหมือนงานช่างในเมืองไทยที่เคยทำอยู่ในบริษัทอื่น เมื่อคืนเข้างานสามทุ่ม กว่าจะได้เริ่มงานจริงๆก็เกือบตีสอง ทำงานสองชั่วโมงกว่า พอเสร็จงาน หัวหน้างานมาบอกว่าเสร็จแล้วให้ทำความสะอาดพื้นที่แล้วกลับบ้านได้ ผมคิดในใจว่า อะไรนะ ทำงานแค่นี้ให้กลับบ้านแล้วหรือ? แต่จะว่าไปแล้วงานที่หัวหน้าจ่ายให้กับเพื่อนชาวซูดานอีกคนก็เป็นงานที่ไม่ค่อยมีใครอยากทำ งานนั้นเรียกว่างาน CIC'S ( Corrosion Inhibiting Compound )corrosion แปลว่า สนิม Inhibit แปลว่า ป้องกัน หรือขัดขวางการกระทำให้ช้าลง ฯ Compound ถ้าจำไม่ผิดน่าจะแปลว่าสารประกอบในภาษาทางเคมี แปลรวมๆว่า การใช้สารป้องกันการเกิดสนิมนั่นเอง ทีนี้การใช้สารเหล่านี้มักจะมีอันตรายมาก ถ้าเป็นที่บ้านเรา ช่างมักจะไม่ถูกอบรมให้ทราบให้รู้ถึงอันตรายของสารเคมีที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม ซึ่งสารเหล่านี้เข้าไปสะสมในตับ ในปอด ในเยื่อบุทางเดินหายใจ ในระยะยาวจะทำให้เกิดโรคมะเร็ง ช่างมักจะไม่ใส่อุปกรณ์ป้องกันเพราะกฏหมายในบ้านเราถูกเอาเปรียบจากนายจ้างที่ทำธุรกิจ ลูกจ้างมักจะกลัวตกงานจึงไม่กล้าฟ้องร้องเรื่องความปลอดภัยในการทำงานกับนายจ้างหรือบริษัทที่จ้างงาน แต่ที่อเมริกามีหน่วยงานดูแลเรื่องสุขภาพอนามัยเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด แล้วต้องได้มาตราฐานจึงจะอยู่ร่วมกันได้ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง

    มาพูดถึงเรื่องงานกันต่อ สารเคมีที่ใช้ป้องกันสนิมนั้นเป็นสารประกอบที่เป็นอันตรายกับผิวหนัง คิดถึงยางเหนียวๆที่เขาใช้พ่นกันสนิมรถยนต์หรือยางมะตอยที่ใช้ราดถนน ลักษณะเหนียวๆแบบนั้นที่ติดผิวหนังแล้วล้างออกยากจนแทบจะไม่ออก ลักษณะเดียวกันนั้นเลยที่เข้าไปเกาะติดผนังเยื่อบุของทางเดินหายใจ หากไม่ใช้หน้ากากป้องกัน สารเคมีเหล่านั้นจะเกาะติดสะสมทำให้เกิดโรงมะเร็งต่างๆกันไป ผมทำงานกับเพื่อนเมื่อคืนก็ไปเอาหน้ากากมาใส่ มีตัวกรองสองชั้น หัวหน้างานคงจะเห็นว่าให้งานแบบที่ไม่ค่อยจะมีใครอยากทำกันก็เลยปล่อยให้กลับบ้านก่อนเวลา เผื่อจะมาอาบน้ำชำระร่างกายที่บ้าน พูดถึงเรื่องอันตรายจากสารเคมีแล้ว ทำให้นึกถึงอาหารที่ขายกันอยู่ตามท้องตลาดที่บ้านเรา จะเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้อื่นของแม่ค้าพ่อค้าที่จะขายของที่ทำให้ดูสดๆ หรือจะเพราะความไม่มีความรู้เรื่องสารเคมีที่มีผลต่อร่างกายที่ทำให้เกิดโรคกับผู้บริโภคหรือเปล่านั้น ทั้งสองเหตุผลก็ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน แม่ผมขายผักสดอยู่ มักจะไม่ค่อยให้ลูกกินผักที่ท่านขาย ผักเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เขานำไปชุบน้ำยาฉีดศพหรือฟอร์มาลีน อันที่จริงเขาใช้ชุบน้ำยานี้มาเป็นสิบๆปีแล้ว ที่ทราบเพราะเมื่อก่อนเคยไปซื้อผักที่ตลาดสี่มุมเมืองมาให้แม่ขาย สมัยนั้นก็ประมาณปี ๒๕๔๐ เคยสังเกตว่าผักบางอย่างเช่นตั้งโอ๋ ทิ้งไว้ตั้งสามสี่วัน ใบผัดยังเขียวอยู่แต่สังเกตดูลำต้นเละแล้ว ดังนั้นเวลาจะทานอะไรสมัยนี้ให้ระวังและดู แต่ถ้าไม่อยากระวัง อยากปล่อยร่างกายไปตามเรื่องตามราวก็ทานมันดะไป เวลาตายก็ทรมานหน่อย หากจะคิดว่าทานอะไรก็ตาย ไม่ทานก็ตาย ประเด็นนี้คงไม่ต้องกล่าวถึงกัน สมัยนี้ใส่สารกันสารพัด ใส่ดินประสิวในเนื้อสัตว์เพื่อให้เนื้อดูมีสีแดง นำสีย้อมผ้ามาทาเนื้อไก่ให้เหลือง ฯลฯ สำหรับไมโครเวฟ ก็ใช้ภาชนะที่เป็นพลาสติกที่ไม่ได้มาตราฐานที่โดนความร้อนแล้วละลายก่อสารมะเร็งออกมาปะปนกับอาหารที่นำไปใส่ ฯลฯ คนสมัยนี้ฆ่ากันโดยวิธีแบบนี้ ก็คงจะต้องรับเวรรับกรรมต่อกันต่อไป

    ย้อนกลับมาเข้าเรื่องปฏิบัติต่อ ระหว่างขับรถกลับมาบ้านก็จับลมหายใจ จับกรรมฐาน จับภาพพระ เห็นภาพพระท่านลอยอยู่เหนือรถบ้าง เห็นท่านอยู่ข้างหน้าบ้าง กำหนดให้พระไหลเข้าบ้างไหลออกมาครอบคลุมรถบ้าง เล่นกรรมฐานไปเรื่อยๆตามอัธยาศัย กำหนดกายให้อยู่บนพระนิพพานหนึ่งกาย อีกกายไปท่องเที่ยว อีกกายนั่งขับรถอยู่บ้าง แผ่เมตตาออกไปให้ทั้ง ๓๑ ภพภูมิบ้างตามเรื่องตามราว พอแผ่เมตตาแล้วจะรู้สึกซ่านๆเหมือนตัวเราจะออกจากร่าง บางที่เหมือนตัวเราขยายออกไปพร้อมกับแผ่รัศมีออกไปให้ท่านทั้งหลายได้โมทนาบุญ ก็มีความสบายใจในระดับหนึ่ง พูดถึงเรื่องความรู้สึกของการเห็นของวิญญาณ เคยอ่านทราบว่าบางท่านเห็นทางซ้ายเป็นวิญญาณแบบนั้น เห็นทางขวาเป็นวิญญาณแบบนี้ สำหรับผม ไม่เป็นแบบนั้นครับ แล้วก็ยังไม่เคยได้ยินว่าหลวงพ่อฤๅษีฯท่านเคยกล่าวไว้แบบนั้น การรู้สึกว่าเห็นก็คือการเห็น จะเห็นตรงๆตรงหน้า ทางซ้ายหรือทางขวา จิตของเราจะทราบเองว่าเป็นใคร เป็นเทวดาหรือวิญญาณขอส่วนบุญหรือวิญญาณอาฆาต วิญญาณเจ้ากรรมนายเวร ถ้าเขาจะมาให้เห็นตรงหน้า ผมก็เห็นได้ตรงๆ ดังนั้นตำราที่บอกว่า เห็นทางซ้ายหรือทางขวาเป็นแบบนั้น ผมไม่ทราบว่าเขาไปเอามาจากไหน เวลาหลวงพ่อฤๅษีฯท่านเล่าเรื่องเทวดาหรือวิญญาณที่ท่านเห็น ผมไม่เคยเห็นท่านเจาะจงบอก เห็นก็คือเห็น ไม่จำเป็นว่าจะอยู่ตรงไหน เท่าที่ปฏิบัติมาก็เป็นแบบนั้น นอกจากผมจะคาดเดาเอาว่า ท่านนั้นปฏิบัติยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นวิญญาณประเภทใด ก็จะแยกแยะเอาเองตามความรู้สึกของจิตตัวเองที่ให้วิญญาณประเภทนี้ไปอยู่ทางนี้ของจิต เพื่อสะดวกกับการแยกแยะตามกำลังจิต เรื่องการได้ยินก็เช่นเดียวกัน ผมเคยได้ชินเสียงเทวดาเต็มสองหูที่วัดท่าซุงในวิหารร้อยเมตรหน้าพระพุทธชินราช ไม่มีได้ยินหูเดียว หูซ้ายหรือหูขวา ไม่เคยมีครับ แต่ถ้าความรับรู้พิเศษเวลามีคนนินทาหรือพูดไม่ดีถึงผมจะมีรับทราบทางหูขวาจะเหมือนกับตาขยิบแต่จะเกิดกับหูแทน แต่ถ้ามีคนพูดในเรื่องดีจะรู้สึกทางหูซ้าย ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเป็นแค่อาการสังเกตของเราที่บอกให้ทราบ แต่ถ้าปฏิบัติจนถึงขั้นแล้ว ผมเชื่อว่า ยังไงเราก็ต้องได้ยินเต็มทั้งสองหู เพราะลักษณะของจิตเวลารับรู้ ไม่น่าจะรับรู้เพียงด้านเดียว จิตไม่ใช่ร่างกายมนุษย์ ดังนั้นการรับรู้การเห็นสำหรับผู้ที่ปฏิบัติมาดี ปฏิบัติมาตรง ไม่น่าจะมีขีดจำกัด ตรงนี้เป็นความเห็นส่วนตัวและจากประสบการณ์การปฏิบัติของตัวเอง และฟังจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์บางท่าน ไม่ขอยืนยันว่าถูกต้อง แต่เท่าที่ปฏิบัติมาเวลาเห็นจะเห็นทุกด้าน ไม่ว่าเขาจะมาด้านไหน เวลาได้ยินก็ได้ยินทั้งสองด้าน เพียงแต่เราจะทราบเองว่าเสียงมาจากด้านใด ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  7. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    ขอโทษนะครับ เมื่อตอนซักตีห้าหรือหกโมงที่นี่ น่าจะหกโมงหรือหนึ่งทุ่มบ้านเรา รู้สึกว่าอยากจะโทรถามคุณป้าเล็กว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ ผมจะกลับบ้านวันที่สี่ครับ
     
  8. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +1,014
    มีความเห็นเรื่องประสบการณ์ผีๆมาแชร์ค่ะ เคยไปโพสในห้องผีๆแต่โพสไม่ขึ้น เมื่อกี้พิมพ์ได้ 2 บรรทัด อยู่ๆ cerser ก็ลบเองอัตโนมัติ บรื้อๆๆ ขนลุกค่ะ ขออนุญาตแชร์แลกเปลี่ยนกะเพื่อนๆหน่อยนะค่ะ
    เขากระโดงเป็นคนกลัวผีขี้ขึ้นไปอยู่สมอง แต่ก็โชคดีที่ไม่เคยโดนผีอำมาตั้งแต่เด็ก พี่สาวจะโดนผีอำประจำ แค่ฟังเค้าเล่าให้หลอนแล้วค่ะ เวลาสวดมนต์ไหว้พระก็จะบอกตลอดว่า คุณผีทั้งหลายขาถ้าจะมาให้เห็นขอให้มาแบบสวยๆงามๆนะค่ะ หลังจากนั้นเมื่อได้สัมผัสหรือเห็นวิญญานก็จะเป้นรูปร่างเหมือนคนทุกอย่าง เพียงสีหน้าอาจจะซีดเซียวไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถสื่อสารกันรู้เรื่อง จะคิดเอาเองว่าเค้าคงมาขอส่วนบุญ เราก็จะไปทำบุญให้เค้าบ่อยๆ หลังๆก็เห็นถี่ขึ้นแบบไม่ตั้งใจ
    เมื่อตอนเด็กๆถ้าเผลอนอนหลับข้างล่างคนเดียว ก็จะมีมือมาลูบหัว จนต้องหนีไปนอนกันหลายคน เมื่อสัก 2-3 ปีที่แล้วนอนอยู่คนเดียวก็โดนทั้งลูบหัวและหอมหน้าผาก ต้องดึงผ้าห่มมาคลุมโปงและพูดบอกว่าหนูกลัวค่ะ อย่ามาหยอกหนูเลยจึงได้หายไปค่ะ
    สำหรับเรื่องที่บอกว่าบางคนอาจสัมผัสวิญญานไม่เหมือนกัน เคยได้สนทนาแลกเปลี่ยนเหตุผลกะเพื่อนๆ ก็เจอว่าอาจจะเกิดจากสมาธิหรือบารมีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เปรียบดังสัญญานทีวีค่ะ ทั้งผู้รับและผู้สั่ง ดังนั้นในการเห็นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนที่รับสัญญานได้ไม่ดีพอ ก็แปลสัญญานไม่ได้ คนที่พอจะรับสัญญานก็ได้เป็นคนที่พยายามถ่ายทอดสัญญานให้พอมองภาพที่ใกล้เคียงความเป็นจริง เพื่อมีกำลังใจในปฏิบัติกันต่อๆไป อย่างไรก็แล้วแต่เพียงความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ อาจจะไม่จริงก็ได้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  9. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยแล้วครับ มาแบบที่นั่งสบายๆ มีอะไรก็ส่งข่าวหากันได้ครับ
     
  10. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    วันที่ ๘ มี.ค. ได้ไปช่วยงานขนของที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพของสมเด็จวัดสระเกศ ได้โทรติดต่อคุณชาคริตให้ไปด้วยกัน เช้าวันนั้นยังอยู่เพชรบุรีเพราะตั้งใจจะไปรับแม่มาทำบุญด้วยกัน แต่แม่ไม่มาด้วยเพราะติดธุระทางโลกมากกว่า รอแม่อยู่จนเที่ยง จึงเดินทางออกจากเพชรบุรี ไปถึงวัดสระเกศประมาณห้าโมงเย็น ช่วยขนของจนกระทั่งหนึ่งทุ่มตรงจึงเข้าในงานสวดพระอภิธรรมในคืนสุดท้าย ก่อนที่จะรอส่งพระศพของท่านขึ้นรถพยาบาลไปไว้ที่วัดเทพศิรินทร์ ซึ่งก็เป็นไปตามคำสั่งของพระ ตอนแรกจะไม่ไปเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งกับคนเยอะๆ เตรียมตัวจะเช่ารถตู้ขึ้นไปหล่อพระที่เชียงใหม่ ได้บอกให้กัลยาณธรรมท่านหนึ่งให้จองรถแล้ว แต่ได้คำตอบว่ารถคงไม่ว่าง ก็ได้บอกกับพี่คนนั้นไปว่า พี่ครับ เราจองรถกระชั้นขนาดนี้ รถคงไม่ว่างหรอกครับ( แต่บางทีถ้าวาระเปิดรถก็ว่าง )แล้วก็คิดในใจไว้ว่าถ้ารถไม่ว่าง ก็หมายความว่าพระท่านบังคับให้ไปร่วมงานที่วัดสระเกศ ปรากฎว่ารถไม่ว่างจริงๆ จึงเป็นเหตุให้ต้องมาร่วมงานในวัด วันนั้นเป็นวันถืออุโบสถศีลพอดี หลังฟังสวดพระอภิธรรมตอนสองทุ่มกำลังจะพาน้อง หลานและเพื่อนไปทานข้าว เดินผ่านโรงทานเจอพี่ตุ๊ก คุณทิพย์ ญาติธรรมที่วัดสระเกศ ท่านบอกว่าไม่ต้องไปหาข้าวทานหรอก ว่าแล้วท่านก็แบ่งอาหารที่เหลือจากโรงทานที่เก็บเอาไว้มาให้พวกเราแปดห่อ เราไปกันหกท่าน ถือศีลแปดสองท่าน ที่เหลือก็เลยได้ทานข้าวกันท่านละสองห่อ ท่านบอกว่าทำไมไม่บอกท่านตั้งแต่แรก เราก็บอกว่าตอนนั้นห่วงแต่เรื่องช่วยงาน ไม่ได้คิดเรื่องกิน แต่พี่ตุ๊กเองก็ทราบว่าพวกเรามาช่วยขนของกัน ท่านคงจะลืมนึกถึงเราไปเหมือนกัน ท่านบอกว่าได้แจก ให้ผัดไท ข้าวผัดให้ญาติธรรมจากประเทศสวีเดนไปสองร้อยห่อ ยังมาขอกลับไปทานที่โรงแรมกันอีก แต่ก็ยังมีเหลือมาถึงพวกเรา ซึ่งก็ไม่ทราบว่าท่านเก็บไว้ให้ใครหรือเปล่า จะปฏิเสธท่านก็กลัวโดนท่านว่าเอา ก็เลยได้ทานข้าวผัด ผ้ดไทกัน แถมมีนมเปรี้ยวเหลือให้ศีลแปดได้รองท้อง ก็หมดเรื่องราวในการกินของสังขารกันไป ไม่ต้องเดินออกไปซื้อนมหน้าวัด ระหว่างรอส่งพระศพขึ้นรถ พี่เอได้แนะนำให้รู้จักกับพระด๊อกเตอร์มด ท่านบอกว่าพระรูปนี้จับเส้นรักษาโรค ได้มีโอกาสสนทนากับท่าน ท่านกำลังจะพาญาติโยมไปรักษาที่กุฏิของท่านพอดี ท่านบอกให้พวกเราตามไป ก็เลยได้มีโอกาสให้ท่านควักเส้น คลายเส้นที่จมอยู่ เจ็บแต่รู้สึกดีขึ้นมาก ออกจากกุฏิท่านมาก็มารอ ส่งพระศพ กลับมาถึงบ้านกันห้าทุ่มครึ่ง หมดภาระกิจในวันที่ ๘ ไปหนึ่งวัน
     
  11. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    วันนี้เช้าไปวัดสระเกศมาอีกครั้ง ถึงวัดเจ็ดโมงเช้าเศษๆ ไปให้พระจับเส้นซ้ำ จากนั้นก็เดินๆดูในงาน แต่ไม่ได้เดินร่วมงานในขบวนเพราะได้ส่งพระศพท่านไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว กลับออกมาจากวัด ไปซื้อปลาที่ตลาดรังสิตไปปล่อยที่วัดมะขาม เพราะเมื่อวานไม่ได้ปล่อยปลา ปกติในวันพระจะชวนน้องปล่อยปลาเสมอๆ วันนี้เลยถือโอกาสไปปล่อยปลา น่าแปลกที่ได้ทานอาหารที่โรงทานทั้งที่วัดสระเกศในตอนเช้า เดินเข้าไปปล่อยปลาในวัดมะขามตอนเกือบกลางวันก็บังเอิญมีโรงทาน ใส่ชุดขาวเดินผ่านมองๆโรงทานร้านข้าว คนตักข้าวถามว่าทานข้าวไหม มองหน้าคนถามแบบเกรงใจจึงตอบว่า ทานครับ ท่านตักน้ำพริกลงเรือ มัสมั่นไก่ ทอดมันมาให้ รับจานข้าวจากท่านมาพร้อมกับยกมือไหว้ขอบพระคุณท่าน ปกติชอบยกมือไหว้ท่านที่ตักข้าวในโรงทานให้เสมอๆ เพราะถือว่าท่านเหล่านั้นมีพระคุณ จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็จะยกมือไหว้ขอบพระคุณท่านเหล่านั้นตลอด เพราะเป็นนิสัย วันนี้ก็คงจะมีแค่นี้ หลังจากนั้นก็คงเป็นภาระกิจนั่งสมาธิสวดมนต์ตามปกติ ระหว่างพิมพ์ข้อความ ญาติธรรมที่ไปหล่อพระที่เชียงใหม่โทรเข้าส่งข่าวว่ากำลังจะเดินทางกลับ ท่านบอกว่าในหลวงท่านส่งครุฑทองคำไปร่วมหล่อพระห้าตัว ตัวหนึ่งก็ขนาดผีเสื้อตัวใหญ่ๆ ก็โมทนาบุญกับท่าน แต่ก็ได้ทำบุญกับท่านแล้วเก้าร้อยห้าสิบบาท ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมใส่ไปแค่นั้น สำหรับน้องๆที่ผมไม่ได้บอกบุณก็มาร่วมอนุโมทนาบุญกันได้ครับ ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  12. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    กำลังขอกับพระว่าจะขอลดรถตู้ในวันงานหล่อพระที่วัดเขาดินเหลือแค่คันเดียว เพราะช่วงนี้มีภาระเข้ามามากมาย ( ปกติก็กราบเรียนท่านตั้งแต่วันที่ท่านรับสั่งตั้งแต่วันแรกแล้ว ว่าถ้ามีเหตุเรื่องภาระ ลูกขอไปแค่รถตู้คันเดียว ท่านไม่ได้ตรัสว่าอย่างไร )แต่ถ้ามีข่าวดีเรื่องปัจจัยที่ทำงานทางโลกค้างเอาไว้ ก็จะทำตามที่ท่านรับสั่ง ขออภัยสำหรับความไม่ดีของตัวเองที่บางครั้งจะทำตามตามเหตุตามปัจจัย แม้จะทราบว่าพระท่านจะช่วยในภายหลัง แต่ขอเตรียมเผื่อเพื่อความไม่ประมาทเอาไว้ก่อนครับ
     
  13. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    เคยเรียนไว้ว่าจะนำรายชื่อพระที่ได้รับการนิมนต์ในงานวันหล่อพระวันที่ ๒๓ นั้น วันนี้ได้สอบถามรายละเอียดคร่าวๆมาแล้ว ได้ความว่ามี หลวงพ่อมนัส วัดทุ่งจันทร์ดำ, หลวงตาวัชรชัย วัดเขาวง, พระอาจารย์โนรี วัดหนองหญ้าปล้อง, หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ สกลนคร, และท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุงองค์ปัจจุบันครับ กลางคืนวันที่ ๒๒ มีนาคม จะมีการฝึกมโนมยิทธิ สำหรับท่านที่จะไปค้างคืน มีที่พักไว้สำรอง แยกเป็นฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย คนละอาคาร ดังนั้นท่านใดมีความประสงค์ที่จะไปร่วมงาน ขอให้แจ้งกับผมได้ที่เบอร์โทร xxxxxxxx
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2014
  14. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    คุณ คนวันเสาร์ โอนปัจจัยเข้ามา วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๒,๐๐๐. บาท

    คุณปักธงชัย โอนปัจจัยเข้ามา วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๕,๐๐๐. บาท

    ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญครับ
     
  15. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ร่วมงานบุญหล่อพระที่วัดเขาดิน-จ.ชลบุรี-วันที่-๒๓-มี-ค-๒๕๕๗
    โอนเงินเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ เลขที่ ๒๒๕๐๕๔๖๘๕๖ วันนี้ เวลา ๐๗:๐๓ น. จำนวน ๑๑๑.๑๑ บาท

    ขอน้อมจิตอนุโมทนาบุญของทุกท่านด้วยนะคะ สาธุ
     
  16. ปักธงชัย

    ปักธงชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +3,721
    คุณบุญนภา คุณมิตดา คุณสมเกียรติ เลิศสุมิตรกุล ขอร่วมบุญด้วยทุกอย่าง จำนวน 7500 บาท และ ขอน้อยถวายบุญกุศลทั้งหลายเพื่อบูชาองค์พระรัตนตรัย
    อิทังปุญญะผะลัง
    ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศผลบุญกุศลนี้แก่ บิดามารดา ญาติพี่น้อง ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ และ อุทิศไปให้ทุกรูปทุกนาม ทั้ง 20 ชั้นพรหมโลก 16 ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง 4 มี นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน และ ในหมื่นโลกธาตุ กับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณ และ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นมิตรและศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มมีเวรซึ่งกันและกัน อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงโมทนาบุญนี้ และพึงได้รับประโยชน์ ความสุขเช่นเดียวกันกับข้าพเจ้าจะได้รับ ณ กาลบัดนี้เทอญ
    สุทินนัง วะตะเมทานัง อาสวะขะ ยาวะหัง นิพพานะปัจจะโยโหตุ
    ขอเชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนาบุญ ครับ
     
  17. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญครับ

    ได้รับข้อความแล้วครับ แต่เดินทางไปจังหวัดกาญจนบุรีตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตอนไปถึงสะพานก็ระลึกได้ว่า ภาพนี้ได้เคยผ่านมาแล้วในความฝัน อันที่จริงสะพานนี้เคยมานานมากแล้วสมัยอยู่โรงเรียนทหาร วันหยุดพักหรือเราเรียกกันว่าเวรปล่อย ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนนักเรียนทหารสองสามท่าน ไปงานแสงสีเสียง ขณะนั้นยังเด็กกะโปโลอายุแค่ ๒๐ ปี ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับสมาธิมาก แต่เริ่มนั่งเองมาบ้างแล้ว ดดยไม่มีใครสอนมาก่อน มาครั้งนี้ผ่านไปนานหลายสิบปี มีโอกาสเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งแล้วไปนั่งสมาธิในสถานที่ที่สร้างเจ้าแม่กวนอิม นั่งๆไป มีภาพทหารญี่ปุ่นนั่งเรือพายแบบคนเดียว ใช้ไม้พายตีเชลยฝรั่งในแม่น้ำ ดูเหมือนว่าต้องการตีให้ตาย เชลยท่านนั้น ดูท่าทางท่านจะอ่อนแรงเหมือนไม่สบาย ถูกใช้งานจนหนักจนร่วงตกจากการสร้างสะพานลงมาในแม่น้ำ ทหารญี่ปุ่นท่านนี้พายเรือเข้ามาพอดีก็เลยใช้ไม้พายตีให้ตาย ก็นึกในใจว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ชาวญี่ปุ่นจะใช้เรือแบบชาวไทยหรือ เรือแบบนั้นเคยเห็นแต่คนไทยใช้ เรื่องจริงจะเป็นแบบที่เห็นหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้เพราะเกิดไม่ทัน สงสัยแล้วก็ปล่อยผ่าน ต่อจากนั้นก็เห็นภาพทหารญี่ปุ่นสองท่านนั่งอยู่บนเรือ ท่านหนึ่งนั่งถือไม้พายคอยประคองเรือกลางแม่น้ำ อีกท่านหนึ่งยืนประทับปืนเล็งไปที่เชลยที่ใช้สร้างสะพานที่ตกลงมาในแม่น้ำ แล้วก็ยิงไปที่เชลยนั้นหลายท่าน บางภาพจะเห็นทหารญี่ปุ่นยิงลงมาจากสะพานบ้าง ยิงใส่เชลยที่ใช้ให้สร้างทางรถไฟก็มี ภาพที่เห็นเกิดตอนนึกถีงพระ ภาพก็มีมาให้เห็น ต่อจากนั้นก็ปล่อยวางภาพ ขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน แผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลออกไปให้ทั้ง ๓๑ ภพภูมิ เวลาแผ่ออกไปเหมือนร่างกายจะระเบิด มันหวิวๆซ่านๆเหมือนจะทนไม่ได้ ไม่อยากอยู่ในร่างกายแต่ก็ยังคุมกำลังเอาไว้ในอยู่ในร่างอยู่ ขอบารมีพระ ให้วิญญาณที่ข้องเกี่ยวกับเรามาในอดีตชาติให้มารับส่วนบุญ ท่านก็มารับ ขณะนั่งอยู่ รู้สึกได้ถึงสายลมอ่อนๆพัดมากระทบผิวกาย รู้สึกว่ามีแนวความเย็นสบายแผ่ออกไปจากร่างกายคลอบคลุมร่างกายอยู่ รู้สึกเย็นสบายมาก แต่ยังสัมผัสได้ถึงไอความร้อนนอกไอเย็นที่ปกคลุมร่างกายเอาไว้ รู้สึกได้ว่านั่งแล้วเย็นสบายไม่ร้อนแต่ก็รู้ว่ามีไอร้อนเป็นชั้นอยู่ถัดไปจากความเย็นที่แผ่ออกไป นั่งพิจารณาอยู่พอสมควรแก่เวลาก็ลืมตา แล้วเดินข้ามสะพานกลับมา มองเห็นพิพิธภัณฑ์สะพานข้ามแม่น้ำแควจึงซื้อบัตรเข้าไปชมว่ามีอะไรน่าสนใจดูบ้าง เดินลงมาข้างล่างชมสถานที่สักพัก ไม่เห็นจะมีอะไรมากจึงเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ต้องตกตะลึงที่เห็นเรือที่เขาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ช่างเหมือนกับภาพที่ปรากฎในสมาธิ เดินเข้าไปใกล้ๆอ่านประวัติอย่างสนใจ จึงทราบว่า นี่คือเรือที่ทหารญี่ปุ่นใช้ข้ามไปข้ามมาระหว่างการก่อสร้างสะพาน อยากจะขนลุกเหมือนกัน แต่เรื่องแบบนี้มักมาให้เห็นจนชิน อาการคนลุกมันก็เลยไม่เกิด อาการตกตะลึงก็เป็นลักษณะแบบอาการประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น ว่าเป็นไปได้หรือ เป็นไปได้ไง ช่างบังเอิญจริงๆ เอ้า ก็ผ่านนิทานเรื่องตรงนี้ไปครับ ออกจากสะพานข้ามแม่น้ำแควมาก็เดินทางไปหาพี่ชายที่ด่านพุน้ำร้อน ผ่านวัดหนองบ้านเก่าที่สร้างสมเด็จองค์ปฐมไว้ ได้แต่ยกมือไหว้แล้วมองผ่านว่าได้ร่วมบุญสร้างไปแล้ว เดินทางถึงด่านที่พี่ชายปฏิบัติงานอยู่ พี่ชายยังไม่เลิกงาน หันไปมองรอบๆสังเกตเห็นวัดวัดหนึ่ง ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ เดินกรรมฐานขึ้นบันไดไปบนเขา ฆ่าเวลารอพี่ชายที่ยังไม่เลิกงาน ถึงเนินเขา มองไปรอบๆ ได้ยินเสียงจั๊กจั่นส่งเสียงร้องสลับกันไปมา ท่าทางพวกเขาจะมีความสุขสนุกสนานกับการเสียดสีปีกส่งเสียงมาให้พวกเราฟังกัน มองไปรอบๆ เห็นเก้าอี้พลาสติกวางทับซ้อนกันหลายสิบกว่าตัว บางตัวก็ตั้งอยู่เดี่ยวๆเหมือนกับว่าพึ่งมีคนมาใช้เป็นที่ผ่อนคลายอารมณ์ เข้าไปนั่งที่เก้าอี้แล้วจับภาพพระปล่อยจิตไปในสมาธิ เห็นภาพต่างๆเข้ามามากมาย สุดท้ายก็แผ่เมตตาให้แบบเดิม แล้วขอกลับไปจับพระแก้วใสๆที่แดนพระนิพพานต่อ พอใจสบายดีมากแล้วก็ลืมตา หลับตา ลืมตา จิตสงบดีมากจนไม่อยากจะกลับเข้าไปในเมืองอีก ทุกครั้งที่ปลีกตัวออกมาในสถานที่ป่าเขาแบบนี้ อาการเบื่อหน่ายเมืองใหญ่มักจะเข้ามาแทรกในจิตทุกครั้งไป อยากปลดวางภาระทุกอย่าง แล้วหายไปในป่า ไม่อยากกลับไปมีไปเป็นอะไรที่เขาให้เราเป็นอีกต่อไป แต่พอลืมตาเดินกลับลงมา ก็ต้องมาเข้าสู่สภาวะวังวนปัจจุบันที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนกับมนุษย์ วางอารมณ์ในแบบที่ต้องวางกันเหมือนเดิม

    หลังจากนั้น ไปทานข้าวรอพี่ชาย รอนอนในที่พัก ปรากฎว่าไฟดับ ( เข้าใจว่าเจ้าของที่พักใช้ไฟมากเกินกำลังไฟที่ขอใช้ ไฟเลยไม่พอ เราถามเขาว่าดับทั้งเส้นเลยหรือเขาบอกเราว่าครับ เขาแจ้งการไฟฟ้าไปแล้ว แต่เราไม่เชื่อเพราะลักษณะของแรงไฟที่หรี่แบบนี้ เป็นลักษณะของการใช้ไฟเกินกำลังหม้อแปลงที่ขอไว้ กำลังไฟไม่พอ กระแสไฟจึงตก ครั้นจะเข้าไปเก็บกระแสไฟที่ตกก็เก็บไม่ได้ มองไม่เห็น ไม่รู้ว่ากระแสไฟมันตกมันหล่นตรงไหน ก็เลยจำตัองปล่อยวาง แล้วไม่ต้องสงสัยต่อนะครับ ว่าถ้าเห็นว่ากระแสไฟตกตรงไหน จะปล่อยวางไม่เก็บได้ไหมหนอ ) เอาเป็นว่า วันนี้วาระไม่เปิดให้ค้างคืน ต้องขับรถกลับจากเมืองกาญฯไปเพชรบุรีตอนกลางดึก เพราะสภาวะจิตของญาติบางท่านไม่พร้อม ไม่คุ้นเคยกับการนอนในบ้านที่ไฟดับ แอร์ไม่มี อีกทั้งนอนไปก็เท่ากับว่ายอมรับชะตากรรมให้เจ้าของที่พักหลอก ก็เลยกลับกันดีกว่า วันหน้าจะไปใหม่ ถ้าวาระเปิด คงได้ช่วยเหลือท่านที่ตกค้างได้อีกต่อไป สำหรับครั้งนี้เห็นอะไรหลากหลาย แต่ขอเก็บไว้กับตัวก่อนครับ ถึงวาระเมื่อไหร่จะเปิดให้ฟังครับ ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  18. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    คุณ diya และ คุณพี่ปักธงชัยครับ ผมปรับกระทู้ให้ที่หน้าหนึ่ง รายการที่ ๖ และ ๗ ครับ

    พรุ่งนี้วันเสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม เป็นวันพระ ผมจะเดินทางไปวัดสระเกศครับ ไปไหว้พระธาตุที่ภูเขาทอง แล้วกลับมาซื้อปลา ปล่อยปลาให้กับพวกเราที่วัดมะขามครับ

    วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม ผมจะเดินทางไปงานประจำปีวัดท่าซุง ไปเลี้ยงไอศครีมเจ็ดถัง คุณพี่ที่ทำกระเพาะปลาติดงานบุญที่วัดที่ใกล้บ้านท่าน งานนี้เลยไม่มีโรงทานกระเพาะปลาครับ ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ มีแต่ไอศรีม อาจจะถวายสังฆทาน เลี้ยงปลา ถวายยาวิตะมินท่านเจ้าอาวาส ถ้ามีโอกาส ถ้าไม่มีโอกาสจะนำไปถวายในงานวันหล่อพระครับ จากนั้นจะเดินทางขึ้นเหนือครับ อาจจะไม่ได้เข้าอินเตอร์เน็ต แต่ไลน์มาที่เบอร์น้องสาวผมได้ครับ เบอร์ xxxxxxx น้องผมขับรถไปกับผมตลอดเส้นทางครับ คงกลับลงมาวันที่ ๑๘ หรือ ๑๙ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2014
  19. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    น้องไม่ประสงค์ออกนาม โอนปัจจัยเข้ามาร่วมบุญวันนี้ จำนวน ๕๐๐. บาท ครับ ขอกราบอนุโมทนาบุญครับ
     
  20. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    วันนี้ไปปล่อยปลาที่วัดมะขาม ซื้อปลาไป ๑๕ กิโลกรัมๆ ละ ๖๐ บาท เป็นเงิน ๙๐๐. บาท จากนั้นนั่งรถเมล์ไปวัดสระเกศ ไปหาพระคุณเจ้าที่รักษาโรคจับเส้น วันนี้พระคุณเจ้าป่วยจึงพาเพื่อนขึ้นภูเขาทอง ระหว่างทางได้ยินเสียงตามสายของสมเด็จเกี่ยวเป็นระยะระยะ ทำให้คิดถึงท่านเวลาที่มาวัดแล้วไปกราบกายเนื้อท่านอย่างจับใจ กำหนดจิตไปกราบท่านบนพระนิพพาน พร้อมกับฟังคำสอนของท่านไปด้วย ท่านสอนเรื่องการสะสมบุญ อันเป็นเหตุ เป็นปัจจัยที่ทำให้กาย วาจา ใจ ละเอียดอ่อนขึ้น คนที่สะสมบุญมาดี เมื่อได้ยินได้ฟังสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล จะไม่คิดร้าย คิดอิจฉาริษยาใคร กลับจะรู้สึกชื่นชมท่านนั้น ทั้งทางกาย วาจาและใจ ส่วนท่านที่สะสมบุญมาเล็กน้อย เมื่อได้ยินได้ฟังสิ่งที่เป็นบุญ จะแสดงออกถึงความเร่าร้อน ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นรากเหง้าเดิมที่มาจากการสะสมบุญ หาได้มาจากการอบรมสั่งสอนจากบิดามารดาไม่ ฟังท่านแล้วก็คิดตาม ดูท่านที่ไม่มีบิดามารดาอยู่ด้วย แต่ขวนขวายดิ้นรนบุญกิริยาวัตถุ จนสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างอยู่รอดปลอดภัยนั้น มีให้เห็นกันหลายท่าน ซึ่งก็เป็นความจริง นี่คือคำสอนของพระอริยะเจ้า ท่านสอนว่าเมื่อเราสั่งสมบุญไปเรื่อย กาย วาจา ใจ จะอ่อนโยน อ่อนน้อมไปเอง ฟังท่านสอนแล้วเดินขึ้นภูเขาทองไปเรื่อยๆ ช่างชื่นใจในวันพระวันนี้เสียจริงๆ ไปถึงพระเจดีย์พระธาตุ คุกเข่าก้มลงกราบ พร้อมกับนำสำเนาโฉนดที่ดินที่กำลังต้องการจะขายใส่ไปในบาตรใหญ่ พร้อมกับอธิษฐานว่า ถ้าขายได้ลูกจะแบ่งไปช่วยคน ช่วยศาสนาตามกำลัง ตอนขึ้นไปกำหนดเห็นองค์สมเด็จท่านมารับโฉนดไว้ในพระหัตถ์ท่าน ก็ตั้งจิตอธิษฐานต่อ จากนั้นก็ลืมตา นำปัจจัยใส่ในบาตร แล้วหลับตาต่อ รู้สึกเห็นพระอริยะท่านมาบอก ท่านจับโฉนดมาดูแล้วบอกว่าแผ่นไหนจะขายได้ก่อน ดูๆแล้วก็น่าจะเหลือเชื่อ แต่จะรอดูคำตอบว่าจะเป็นอย่างไรครับ จากนั้นกราบลาพระธาตุ เดินลงไปพบเซียมซีเสี่ยงทาย ด้วยนิสัยที่ชอบลอง ก็หลับตากำหนดจิตแบบไม่ค่อยได้ตั้งใจ จับใบเซียมซีได้ใบที่ ๑๑ ไปอ่านดู แหม แย่จังเลย ต้องรอให้บุญช่วย ก็ไปจับอีกใบได้เบอร์ ๑๙ ไม่ดีอีก ครั้งที่สามยังไม่ทันจับ ไม้เซียมซีเลื่อนไหลออกมาซะก่อน เป็นเบอร์ ๘ พอไปอ่านข้อความดู ไม่ดีอีก คราวนี้ก็เลยตั้งจิตถามองค์สมเด็จตรงๆเลยว่า เบอร์ไหนถึงจะดี ท่านตรัสว่า เบอร์ ๙ แล้วเลข ๙ ก็ปรากฏขึ้นมา ขณะถามท่านหลับตาดู มือก็ล้วงลงไปจับไม้เซียมซี พอลืมตามาพลิกดูเลขที่ไม้ปรากฏว่าเป็นเลข ๙ ก็ อืม ..ในใจก็ยังอยากพิสูจน์ต่อ รีบเดินเข้าไปอ่าน โอ้โฮ เลขนี้ดีจริงๆ ดีมากๆ ก็ชื่นใจที่ท่านสงเคราะห์ได้อย่างแม่นยำในสมาธิ แต่จะเป็นไปตามใบเซียมซีหรือไม่นั้น คงไม่ใส่ใจอะไรมาก ถ้าใช่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ที่พึงพอใจก็คือตอนที่ท่านให้เห็นตัวเลข แล้วบังเอิญไปจับได้ตามเลขที่ขอท่านนี่ อิ่มใจจริงๆ แสดงว่าจิตยังมีความใช้ได้อยู่ในขณะนี้ ใครมีโอกาสก็ไปอ่านดูที่วัดสระเกศว่าเลข ๙ นั้นเป็นอย่างไร แต่ใบอื่นก็ไม่ได้ไปไล่อ่านดูหรอกครับ ไม่มีเวลาพอที่จะตามไล่อ่าน พอดีกับเพื่อนฝรั่งเดินเข้ามาหา เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข

    เราสองคนกลับลงมาจากภูเขาทอง รู้สึกเพลียๆกันทั้งคู่ สูงวัยและก็ศีลแปดกันทั้งคู่ ไม่หิวแต่เหมือนกับว่าร่างกายจะเพลียๆและหมดแรง เมื่อกลางวันทานข้าวกันไปมื้อเที่ยงมื้อเดียว มื้อเช้าไม่ได้ทานเพราะอ่่อนล้ามาจากไปเมืองกาญจนฯ แล้วลงไปธุระทางโลกที่เพชรฯ แวะไปดูแลแม่ที่ขายของอยู่ที่ตลาดนัดที่บ้านแหลม ช่วยแม่ขายของอยู่พักใหญ่เพราะลูกค้าเข้ามาหลายคน ของก็ยังจัดวางไม่เสร็จ ก็เลยต้องช่วยท่านจัดของไปด้วย ขายของไปด้วย จากนั้นแวะดูบ้านที่ราชบุรี แล้วกลับกันมาถึงบ้านที่รังสิต เข้ามาปรับกระทู้ ต่อด้วยกรรมฐานก่อนนอน เป็นเหตุให้ร่างกายอ่อนเพลียตื่นสายหน่อย จีงทานข้าวรวบเวลากลางวันมื้อเดียว

    ก่อนขึ้นภูเขาทอง ทานไอศครีมแม็กนั่มกันไปคนละหนึ่งแท่ง ตอนนั้นรู้สึกหวิวๆ ก็เดินเล่นรอบๆวัดพร้อมกับหาทางกลับบ้าน เดินฝ่าเข้าไปในสะพานมัฆวาน ผ่านด่านที่เขาตั้งเครื่องกีดขวาง มีกลุ่มคนเฝ้าอยู่ตรงทางเข้า เดินผ่านพวกเขาไป คนเฝ้าประตูมองหน้าเขม็ง ก็ยิ้มให้เขาพร้อมกับก้มศีรษะเป็นเชิงทักทายให้เขา เขายิ้มตอบ เดินผ่านประตูเห็นโรงทานข้าว เข้าไปดูร้านโรงทานอาหาร อาหารใกล้จะหมดแล้ว ไปดูว่าเขามีอะไรทานกันบ้างตามประสาคนช่างสงสัย กับข้าวมีหกเจ็ดอย่าง มีเหลือเกือบถึงก้นหม้อก็มี ไม่มีความรู้สึกหิวหรืออยากกินข้าวแต่อย่างใด เดินผ่านเริ่มจากวัดโสมนัสไปเรื่อยๆ จนถึงรั้ว จปร. ถึงพระบรมรูปทรงม้า ถ่ายรูปให้เพื่อนแล้วก็เดินทางกลับ ขึ้นรถเมล์ประมาณทุ่มกว่าๆ เป็นรถเมล์ฟรีซะด้วย ในรอบหลายปีที่บังเอิญมีรถเมล์ฟรีผ่านมาให้นั่งแบบไม่ตั้งใจขึ้นรถฟรี มาต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสเพราะเพื่อนอยากขึ้น ลงรถที่หมอชิต นั่งปอ. ๕๑๐ มาลงหน้าฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต จากนั้นน้องสาวขับรถกลับมารับเข้าบ้าน เป็นอันหมดวันในวันนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...