จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "ปฏิบัติเท่านั้น ถึงจะเข้านิพพานได้"

    "ตั้งใจปฏิบัติ อย่าสนใจคนอื่น สนใจจิตตัวเองให้มากๆ รักษาจิตตนเองให้ดี

    ...รักษาองค์พระ (ภาพพระ) ไว้อย่าให้หาย ชำระใจให้ปราศจากความโลภ โกรธ

    หลง มันก็ถึงเองแหละนิพพาน...

    ...ไม่ใช่ปากก็บอกไปนิพพาน แต่ไม่ชำระโลภ โกรธ หลง ให้ขาดไป

    อธิษฐานยังไงมันก็ไม่ถึงนะแก นิพพานเข้าไม่ได้ด้วยการอธิษฐาน แต่ต้องอาศัยการ

    การปฏิบัติซึ่งจุดสำคัญคือการละอารมณ์ โลภ โกรธ หลง ละได้

    เมื่อไหร่ถึงทันที ละไม่ได้มันจะถึงแต่หัวตะพาน"

    ...น้อมรับพระธรรมของหลวงปู่ดู่เจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  2. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976


    สาธุค่ะดาว ขออนุโมทนาบุญที่ได้นําธรรมะดีๆของหลวงปู่ หลวงตามาลง ช่างสรรหาจริงๆนะนี่ อย่าว่าแต่พระอรหันต์ ท่านมีอารมณ์ขันเลย ขนาดเราคนธรรมดาอ่านแล้วยังขําเลย เรียกว่าขําจริงๆเลยนะ เพราะความบริสุทธิ์ของท่าน ทั้งสอง ท่านไม่เคยเจอพระเจ้าอยู่หัวมาก่อน แต่ความดีของท่านได้ปรากฏไปถึงพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา ท่านจึงได้เสด็จมาเยี่ยมท่าน เพราะความดีของท่านผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้หอมไปในทั้งทั่วสารทิศ เพราะท่านมีศีลอันบริสุทธิ์..สาธุค่ะ ขออนุโมทนา
     
  3. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=6ZyOUHXEahU]โลกคือละคร - YouTube[/ame]​

    โลก คือ ละคร

    ในโลกนี้ เหมือนมีตัวละครอยู่แค่ ๒ ตัว

    ตัวหนึ่ง คือขันธ๕ หรือร่างกายของเรา
    ตัวที่สอง คือตัวผู้รู้ หรือปัญญา ปัญญาญาณ

    ขันธ์๕ ก็แสดงไปตามบทบาทของเขาไปเรื่อยๆ
    ก็เหมือนปุถุชนหรือคนธรรมดาๆในโลกนี้ ที่เขาเป็นกัน
    ที่พูดอย่างนี้ มิได้ ไปเปรียบเทียบกับบุคคล ที่มิได้ปฎิบัติ
    แต่อยากให้นักภาวนาสังเกต ตัวที่ได้หลังการปฎิบัตินี้กัน
    เพราะมีประโยชน์สำหรับนักภาวนาโดยตรง
    เพราะมันจะเกี่ยวกับเรื่องการปล่อยวางของจิตผู้นั้นเอง

    ส่วนตัวผู้รู้นั้น ที่ได้จากการพร่ำภาวนาของตนเอง
    หรือนักภาวนาทั่วไป ที่กำลังภาวนากันอยู่นี่เอง
    หรือเรียกว่า ปัญญาทางธรรม(ภาวนามยปัญญา)

    ส่วนตัวรู้ คือจิต จิตที่ยังไม่สามารถแยกแยะ คำว่า ผิด-ถูก
    แต่จะต้องอาศัยตัวสติตน จึงจะแยกแยะ ผิด-ถูก ชัดเจน
    แต่จะทำอย่างไร ให้จิตกับสติมาอยู่ด้วยกัน
    เห็นมีอยู่วิธีเดียว นั่นก็คือ ภาวนา
    ภาวนา หรือการเจริญสติภาวนานั้น เป็นวิธีหรืออุบาย ทำให้จิตของคนเรานิ่งหรือเป็นสมาธิ
    เมื่อจิตคนเรานิ่งหรือเป็นสมาธิ ปัญญาจึงจะเกิดตามมา

    แต่ถ้าจิตรู้เองและแยกแยะได้เอง โดยไม่ต้องไปพึ่งพาหรืออาศัยตัวสติตน
    ป่านนี้ คงไม่มีคนติดคุก ติดตะราง หรือไม่มีคนเลวหรอก

    สรุปแล้ว..ขันธ์๕ เป็นผู้แสดง แสดงไปตามบทบาทของเขา
    แต่ตัวผู้รู้ ที่ได้หลังการปฎิบัติ หรือมรรคา ซึ่งจะเป็นผู้ดู
    ดูอย่างเดียว โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น

    สภาพตัวผู้รู้จริงๆนั้น มันจะ รู้ ว า ง เ ฉ ย ไปเอง

    จิตอยู่ที่เราแท้ๆ ก็ยังเปลี่ยนมันไม่ได้เลย
    นับประสาอะไร จะคิดไปเปลี่ยนแปลงจิตคนอื่นเขา
    มีเพียงกรรมฐาน หรือการเจริญสติภาวนาเท่านั้น ที่พอจะเปลี่ยนจิตให้ดีได้
    นอกนั้น ไม่มี

    รู้แล้วก็วางของมันเอง
    การปล่อยวาง จะต้องเป็นไปโดยอัตโนมัติ
    กล่าวคือ ไม่มีผู้ใด สิ่งใด มาบอกให้เราปล่อยวาง
    และเมื่อรู้แล้ว ก็วางเฉยของมันเอง ไปโดยธรรมชาติ

    ตรงนี้ พยายามดูสภาวะจิต คือดูสภาวธรรมของตน
    ว่าเป็นสภาวะจิต สภาวธรรมของตนจริงๆไหม
    ดูด้วยใจเป็นกลาง อย่าไปช่วยเขาปรุงแต่งเพิ่มแต่อย่างใด
    นอกจาก นักภาวนาจะตามรู้เท่าทันสิ่งกระทบของตนเองแล้ว
    ณ จุดๆนี้เอง ในขณะเราเป็นผู้ขยันดู และก็ดูอย่างต่อเนื่อง
    การปฎิบัติธรรมจริงๆแล้ว เขามิได้เลือกเวร่ำเวลากัน
    แต่ถ้าใครคิดอย่างนั้น มรรคผลคงอีกไกล ส่วนนิพพานก็ไม่ต้องพูดถึง
    เพราะเรายังอยู่ เป็นไปหรือติดกับทางโลกมาก
    สนใจภายนอกมากกว่าภายใน คือธรรม คือภาวนา เป็นต้น
    บุญภายในนั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก คนส่วนใหญ่จึงเข้าไปไม่ถึง
    ก็เพราะว่า วันๆนึง เราอยู่หรือสนใจสิ่งใดมากเล่า สนใจจิตตนบ้างไหม
    คำว่า บุญ คือความสบายใจ มันอยู่ที่ใดกันเล่า ตอบกันได้หมด
    แต่ทำไม ทำกันไม่ได้ทั้งหมด อันนี้ให้ไปตอบตนเอง
    สำหรับ ผู้ที่ชอบถามตนเองว่า ทำไม ทำไม ทำไม่ได้เหมือนคนอื่นเขา
    มัวแต่ถามว่า ทำไม ทำไม เปลี่ยนคำว่า ทำไม ทำไม เป็นทำไป ทำไป ไม่ดีกว่าหรือ

    เมื่อผู้ปฎิบัติ นอกจากจะได้จิตปัญญาของตนแล้ว แค่นั้นมันยังไม่พอ
    เพราะมันไม่ต่อเนื่อง มีกำลังไม่พอในการปล่อยวาง วิปัสสนายังไม่ขาด
    ปัญญาก็ไม่เที่ยง นอกจาก มหาปัญญาหรือญาณ

    ผู้ที่หลุดพ้นแล้ว ย่อมรู้ด้วยตนเอง คือตอบตนเองได้
    แต่จะพูดกับผู้อื่นหรือคนใกล้ชิดฟัง ก็ไม่แปลกแต่ประการใด
    เมื่อพูดไปแล้ว บอกไปแล้ว ภูมิธรรม ภูมิปัญญา มิได้ เสื่อมหรือลดน้อยถอยลง
    ปัจจัตตัง เป็นเรื่องเฉพาะตน จิตหรือธรรม ของใครของมัน ละเอียดไม่เท่ากัน
    เวลาปฎิบัติ อย่าไปตามหาเอาเหตุผลกันทางโลก ทำไป รู้ไป ทำไป ปล่อยวางเอง
    เวลาทำ ก็อย่าสนใจผู้อื่น สิ่งอื่น โดยเฉพาะ เรื่องมิใช่จิต หรือเรื่องนอกจิตตนเอง

    เมื่อนักภาวนา ภาวนาจนได้ตัวผู้รู้นี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะกลับไปทุกข์เหมือนเดิม
    เขตนี้ แดนนี้ นอกจาก ไม่มีคำว่าสุขแล้ว ยังไม่มีคำว่าทุกข์ด้วยซ้ำไป
    แต่คนทางโลก มักเรียกเขตนี้ว่าสุข สุขเหนือสุขหรือบรมสุข ก็ว่ากันไป
    เพราะคนทางโลกยังปรารถนาเอาสุขอยู่นั่นเอง แต่ทุกข์ ไม่เอา
    จะพ้นทุกข์ เราต้องไม่เอาสุข สุขลึกๆภายในนั้น มีอยู่จริง แต่ไม่ไปสนใจ

    สรุป ผู้ที่กำลังตามหาสุข จึงไม่ใช่ผู้ที่พ้นทุกข์จริง
    เพราะผู้ที่พ้นทุกข์จริง คือผู้ที่อยู่เหนือรูปนาม หรือขันธ์๕ของตน

    ภูทยานฌาน
     
  4. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    ร อ ย ยิ้ ม อิ่ ม ปั ญ ญ า !! (เรื่องเล่าสนุกๆจากพระอริยสงฆ์...แต่แฝงไว้ซึ่งหลักธรรมคำสอน)

    [​IMG]

    หลวงปู่บุดดา ถาวโร


    สังกัดวัดอะไร

    มีชายคนหนึ่งได้มีโอกาสเข้าพบหลวงปู่ ในคราวที่หลวงปู่เดินทางไปกิจนิมนต์
    ชายผู้นั้นถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่อยู่วัดอะไรครับ?"
    หลวงปู่ตอบว่า "อยู่วัดสองขา"
    (หมายความว่า อยู่ตรงไหน? ตรงนั้นก็เป็นวัด ตามประวัติท่านพำนักอยู่หลายวัดมาก)



    เมื่อไรจะละสังขาร

    มีญาติโยมที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ ก็มักจะชื่นชมความอายุยืนของหลวงปู่

    และก็อยากจะให้หลวงปู่มีอายุยืนนานไปมาก ๆ ก็พยายามขอให้หลวงปู่มีอายุยืนกว่าร้อยปี

    บางพวกก็สงสัยอยากทราบว่า หลวงปู่จะละสังขารเมื่อไร?

    ก็เลยกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ หลวงปู่จะละสังขารเมื่อไร? บอกได้ไหมครับ?"

    หลวงปู่ตอบว่า "ตายวันไหน ก็บอกวันนั้นซี่"

    "เกิดบ่อย ๆ ตายบ่อย ๆ สนุกหรือ?"



    ด่วนพิเศษ

    หลวงปู่ท่านเอาของไปแจกที่ภาคใต้ คราวที่ถูกพายุเกย์

    ขณะรถที่หลวงปู่นั่งไปนั้นกำลังแล่นไปตามถนนด้วยความเร็วสูงเกินอัตรา

    จึงถูกตำรวจจับเพราะฐานที่ขับรถเร็ว หลวงปู่นั่งอยู่ในรถ

    ได้ยินการโต้ตอบกัน หลวงปู่ท่านก็เลยพูดกับตำรวจว่า

    “วิ่งเร็วยังไง? วิ่งตั้ง ๒ วันแล้วยังไม่ถึงที่แจกของเลย!”

    ตำรวจผู้นั้นก็หัวเราะรับ ทำความเคารพหลวงปู่ แล้วก็ปล่อยรถของหลวงปู่ไป


    สามีของข้าใครอย่าแตะ

    มีหญิงคนหนึ่งมาหาหลวงปู่มาด้วยความกลัดกลุ้มใจ ทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส
    เนื่องด้วยสามีแอบไปมีเมียน้อย ก็มากราบหลวงปู่
    แล้วก็เล่าให้หลวงปู่ฟัง

    หลวงปู่ก็พูดว่า

    “คนไทยนี่ อะไร ๆ ก็ไม่เสียดายหรอก ในโลกนี้ให้หมดนะอามิสน่ะ!

    แต่มีข้อแม้ว่า...ผัวดิฉันนะ! ใครแต่ะไม่ได้นะ! เอาตายเชียวนะ!

    จะไปนิพพาน จะเอาผัวไปด้วย

    ปัทโธ่! เขาไปนิพพาน เขาเอาผัวเอาเมียไปด้วยที่ไหนกัน เขาเอาธรรมะ ไปต่างหากล่ะ!”



    ฉันเกลียดแม่

    หญิงคนหนึ่งเล่าให้หลวงปู่ฟังว่าเธอเกลียดแม่ของเธอมาก เพราะแม่ไปมีผัวใหม่และแม่ไปรักผัวมากกว่าลูก

    หลวงปู่จึงบอกว่า

    “แม่ไปมีผัวใหม่ก็เรื่องของเค้าซิ ให้เอาส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรา

    ที่เขาอุ้มท้องเรามา ๙ เดือน เราตอบแทนได้คุ้มค่าเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ!

    มารดาบิดานั้นเป็นหลายอย่าง เป็นบุพการีแก่บุตรธิดาด้วย เป็นพรหมของบุตรด้วย

    เป็นเทวธรรมด้วย อุปถัมภกธรรมด้วย มารดาบิดาเป็นเนยยะบุคคล เป็นอรหันต์ของลูกสาวลูกชาย

    อย่าข้ามสำรับท่าน อย่าข้ามหัวพระ ให้พระทั้ง ๒ องค์ ก่อนให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนั้น”



    แย่งกระดูกกัน


    หลวงปู่ท่านเปรย ๆ ขึ้นในวันหนึ่งถึงพวกญาติโยมที่ไปเผาศพพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย

    ก็ชอบที่จะขอพระธาตุกันมาเก็บเอาไว้ มากน้อยแล้วแต่ที่จะหาได้ หลวงปู่ท่านพูดว่า

    “ธรรมะมันไม่เอา มันจะเอาแต่กระดูก จะรบราฆ่าฟันกันก็เพราะกระดูก น่าสังเวช!”


    ;aa47
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2014
  5. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  6. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "คำสอนของสมเด็จองค์ปฐม"

    ...จงจำเอาไว้ว่า กรรมใดที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรา กรรมนั้นเป็นกรรมที่เราไม่เคยทำ

    แต่กรรมใดที่เกิดกับเรา กรรมนั้นเป็นกรรมที่เราเคยทำ กฏของกรรมนั้นเที่ยงเสมอ

    และให้ผลไม่ผิดตัวด้วย แม้แต่กรรมเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังตามมาให้ผลไม่เว้นแม้แต่

    ตถาคต จิตผู้ใดละเอียดก็จักเข้าใจ และยอมรับ- เคารพในกฏของกรรม จิตก็จักเป็นสุข

    ...ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท. สมศักดิ์ สืบสงวน ขออนุโมทนา

    ...และน้อมรับพระธรรมของสมเด็จองค์ปฐม น้อมกราบองค์ท่านด้วยเศียรเก้ลากราบ.
     
  7. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]


    ...ภาพถ่าย บรรดาปูทั้งหลาย ขึ้นมาบนชายหาดพัทยา เมื่อคืนวันที่20.03.2557

    ที่มา Facebook​


    ธรรมชาติกำลังบอกอะไรหรือ? ...เกิดอะไรขึ้นหรือ?
    ?????????

    คำถามคงมีมากมาย ปรากฏขึ้นในจิตของ มนุษย์ ทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้
    และคำถามนี้ เอง ก็คงปรากฏในจิต ของ สัตว์ทั้งหลายด้วยเช่นกัน....
    ทั้งมนุษย์ และ สัตว์ ต่างมี สัญชาตญาณ ของการเอาชีวิตรอด เหมือนกัน
    เมื่อมีเหตุเภทภัยอันตราย มาถึง ต่างก็หนีเอาตัวรอด กันทั้งนั้น ...

    วันนี้ เราเป็นคน ที่มีโอกาสได้ พบเจอพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว
    พระบรมศาสดาของศาสนาพุทธ ... เรียกว่า โชคดีมหาศาล ที่เรามาศึกษา
    ฝึกฝนธรรมปฏิบัติ ใหเราได้มี ที่พึ่ง ในยามที่เราประสบทุกข์

    จิตที่พร้อม?รับภัยพิบัติ...

    เป็นจิตที่เข้าถึงธรรม เป็นจิตที่ยอมรับ ความเป็นธรรมชาติของการเกิดมาบนโลกใบนี้
    เป็นจิตที่ยอมรับกฏของธรรมดา ...เป็นจิตที่ทรงพลัง หนักแน่น ไม่หวั่นไหว
    เหตุเพราะ จิตดวงนั้นมี พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และ สังฆรัตนะ เป็นสรณะที่พึ่ง
    ยอมรับนับถือ คุณของพระรัตนตรัย ว่ามีค่าเหนือสิ่งอื่นใด แก้วทั้งสามประการนั้น
    มีอยู่ในจิตของบุคคลผู้นั้นโดยเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ ...

    และยิ่งมี พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ครอบคลุมในจิตของบุคคลผู้นั้นด้วยแล้วล่ะก้อ...
    กำลังจิต กำลังใจมันเปลี่ยนไปแล้ว มันเป็นกำลังใจ ที่ไม่ใช่ กำลังใจมนุษย์อีกต่อไป

    เพราะมันกลายเป็น พลังพุทธะ เข้าสู่จิตดวงนั้น ไปแล้ว ความหนักแน่น เข็มแข็ง
    เด็ดเดี่ยว กล้าหาญก่อตัวเป็น ตบะ เป็นผลึกแก้ว ไปเสียแล้ว
    คำว่า หวั่นไหว กลัวตาย ไม่มีในดวงจิตดวงนั้น ...

    หากถ้าผู้ใดเข้าถึงแล้ว จะรู้เองว่า มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึง
    พระอริยสงฆ์เจ้า ผู้ที่เข้าป่าไปธุดงค์ โดยมีเพียงแค่ บาตร และ กลด
    กับเครื่องอัฏฐะบริขารที่จำเป็นเท่านั้น ...แต่เหนือสิ่งอื่นใด ที่ท่านมี คือ
    พุทธคุณ หรือ พระรัตนตรัย เป็นสรณะที่พึ่งเท่านั้น เดินเข้าป่าไปเพียงลำพังรูปเดียว ..
    ทุกฝีก้าว วัดกันที่ความตายเท่านั้น ...ภัยอันตราย ใดๆ รอบด้าน ...
    แต่จิตของท่านเหล่านั้น หาได้หวั่นไหวไม่
    นั่นก็เพราะ จิตของท่านเหล่านั้น เคารพและ เข้าถึง พระรัตนตรัย อย่างจริงใจ
    ยกตัวอย่าง หลวงปู่มั่น หลวงตาบัว และ พระอรหันต์ ทั้งหลาย ท่านเดินธุดงค์ในป่าดงดิบ มี พุทโธ อย่างเดียว ...
    ท่านสามารถฝันฝ่า ภยันตราย ทั้งหลายทั้งปวงได้

    บุคคลใด มีพระรัตนตรัย เป็นสรณะที่พึ่ง ด้วยรักและศรัทธาแท้ อย่างจริงใจ
    เข้าให้ถึงหมดจิตหมดใจ ล่ะก้อ บุคคลนั้น นอกจากจะมีสิทธิ์บรรลุธรรม
    ได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังเรียกได้ว่า...จิตของบุคคลผู้นั้น เรียกว่า
    มีตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ได้เลยทีเดียว

    สิ่งใดจะเกิดขึ้น ต่อบุคคลผู้นั้น ความหวั่นไหวสะทกสะท้าน ...
    ที่จะวิ่งหนีปัญหาหรือเหตุการณ์ต่างๆ โดยไม่ใช้ปัญญา นั้นเป็นไม่มี ...
    สติ+ปัญญา ยังคงเป็นเหมือนเครื่องมือของบุคคลนั้น
    ที่จะพาเขาออกมาจากสถานการณ์คับขัน
    เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ภัยต่างๆ รอบตัว ได้ไม่ยากเลย ...

    บุคคลผู้นั้น ยังคงมีความสงบในจิต ตั้งมั่น อยู่เป็นนิจ
    ไม่ว่าจะอยู่ ท่ามกลางหมู่ชน ท่ามกลางความวุ่นวาย แต่จิตของบุคคลผู้นั้น
    หาได้ตื่นตระหนก หรือ กระทำการสิ่งใด โดยขาด สติ ไม่...
    ยังคง สงบ นิ่ง ดู เด่นเป็นสง่า ในท่ามกลางหมู่ชน คนทั้งหลาย องอาจ แกล้วกล้า
    นี่แหละ คนที่มี พระพุทธเจ้า ในจิต บูชา พระพุทธเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด
    "พุทธบูชามหาเตชะวันโต" ...
    บูชาพระพุทธเจ้า จะทำให้ มีเดช มีอำนาจ มีบารมี ไปไหน ทั้งเทวดา คน
    ต่างรักเมตตา แม้แต่ สัตว์ทั้งหลาย ก็ยังต้องยอมสยบกับ เมตตาบารมี ที่แผ่ออกมา

    ทำจิตเข้าให้ถึง คุณพระรัตนตรัย กันนะพวกเรา
    เพราะ เวลาของแต่ละคน เหลือน้อยเต็มทีแล้ว ...
    อย่าให้ต้องถึงจวนตัว แล้วพากันหนีตาย อย่างพวกบรรดาปูทะเลอย่างในภาพเลย สาธุ


    ด้วยความรักและปรารถนาดี ต่อทุกดวงจิตบนโลกนี้
    ณัฐชยาวดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2014
  8. Nooboonsawan

    Nooboonsawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +189
    โมทนาสาธุค่ะ
    ....ละครทุกเรื่องบนโลกยังมีวันจบ..
    แต่ทำไมละครที่เราเป็นผู้แสดงเอง ไม่จบซะที
    เราท่านทั้งหลาย จะรู้ตัวกันบ้างไหมนะ ว่าตัวเรานี้เอง เป็นนักแสดงมืออาชีพ เล่นได้ทุกบทบาท จริงๆ จะโรแมนซ์ กุ๊กกิ๊ก ดราม่า บู้ดุเดือดเลือดพล่าน เราเล่นเป็นหมด แถมมีภาคต่อ ที่ต่อเนื่องยาวนาน นับเป็นอสงไขย!!!
    เหนื่อยกันรึยัง???เบื่อกันบ้างไหม???
    ถ้าเบื่อแล้ว เหนื่อยแล้ว เอือมแล้ว
    เรามาลองเปลี่ยนบทบาท นักแสดงมืออาชี๊พ อาชีพ ของเรามาเป็นเพียง ผู้ชม ชมเฉยๆ ดูเฉยๆ
    เลิกเล่นเองกันดีกว่า เผื่อว่า ละครเรื่องยาวเรื่องนี้ จะถูกตัดตอนให้สั้นลง และอวสานลงได้ในที่สุด...
     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    โมทนาสาธุ Nooboonsawan ด้วยครับ
    ธรรมะสั้นๆ คำเดียวสั้นๆ คือ เราเป็นผู้ดู ผู้ชม! ก็หมดเรื่อง
    เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่นั้น จะลงเล่นไปตามบทบาทนั้นๆกันทีเดียว
    คือเราตามสิ่งที่มากระทบจิต จากอายตนะ ทั้งภายนอกและใน

    เมื่อเราเป็นผู้ดู ผู้ชมแล้ว เราก็จะไม่มีคำว่าเหนื่อยใจ ทุกข์ใจเลย

    เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ใดเข้าใจธรรมนี้
    คำว่า นิพพาน คงไม่อยู่ไกลเรามากนัก..สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2014
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    Karaoke MV โลกนี้คือละคร กัน เดอะสตาร์ YouTube - YouTube

    ขออนุญาตต่ออีกนิดนึง
    ยั ง ไ ม่ ส ะ ใ จ


    ชีวิตเราเกิดมานี้
    เปรียบเสมือนโรงละครใหญ่ทีเดียว
    และเราก็ใช้เวลาเล่นนานนับปี นานนับอสงไขยก็ว่าได้

    สุดท้าย พวกเราต้องขอบใจขันธ์๕ของเราเอง
    ที่ทำให้พวกเราเห็นทุกข์ เห็นธรรมในกาลเดียวกัน

    ดั่งดอกบัวที่สวยสดงดงามนั้น พวกเราจะปฎิเสธไม่เลย ว่า..
    ดอกบัวนี้ ซึ่งเกิดมาจากโคลนตม

    เฉกเช่น ดวงจิต ดวงวิญญาณของพระพุทธเจ้า เหล่าพระอรหันตเจ้า
    หรือดวงจิตที่หลุดพ้นแล้วนั้น ย่อมเกิดมาจากร่างกาย ร่างซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก โสโครก
    ประกอบไปด้วยทั้งกิเลส ตัณหาและอุปาทาน
    อันจะก่อเหตุทำให้เราเป็นทุกข์ รู้สึกทุกข์ อยู่ตลอดเวลา
    ถ้าบุคคลใด ไม่เข้าใจธรรม ไม่มีตาใน ไม่มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว
    ย่อมไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้ว่าตัวเราคือ กองทุกข์ดีๆนี่เอง
    อะไรคือเหตุแห่งทุกข์ ไม่เข้าใจคำว่านิโรธ ไม่เจริญในมรรค

    พระธรรมหรือคำสอน แค่อ่านฟังเพียงอย่างเดียว ไม่ได้
    หมายถึงเราจะปล่อยวางทันที ทันใด ไม่ได้ นั่นเอง

     
  11. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ".....สมบัติอะไรก็ตามภายในโลกนี้ สู้ธรรมสมบัติภายในใจไม่ได้

    ...สมบัติภายในใจเลิศเลอสุดยอด

    ...ขอเพียงให้ใจกับธรรมได้สัมผัสกัน...มันจะแสดงฤทธิ์เดชให้เป็นที่

    ...อัศจรรย์เมื่อ "หัวใจได้ความสง่างาม" แล้วอยู่ใต้ร่มไม้ร่มใด ภูเขาใด ถ้ำหรือ

    เงื้อมผาแห่งใดสถานแห่งนั้นย่อมพลอยสง่างามตามไปด้วย...

    ..."สติ" นี่เองเป็นกุญแจดอกสำคัญไขไปสู่ประตูพระไตรปิฏกภายใน

    ...เพื่อเปิดเข้าไป สู่ประตูแห่งพระนิพพาน"

    ...พระธรรมคำสั่งสอนของ องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ...

    คัดจากหนังสือ ชาติสุดท้าย โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    ...วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี น้อมกราบพระธรรมเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2014
  12. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  13. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]



    [​IMG]
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    วันนี้วันพระ

    วันไหนๆ ขอให้จิตพวกเราเป็นพระ
    เวลากราบไหว้พระ ก็ขอให้เอาจิตไหว้แทนมือ
    วันใดระลึกถึงพระ ก็ให้จิตเราระลึกนึกถึงพระด้วย
    น้อมจิตเข้าหาพระรันตรัยมากๆ จิตจะได้อ่อนน้อม ไม่กระด้าง แถมเป็นบุญกุศล

    ขอให้ทุกท่านสุขกาย สบายใจ และจริญในศีล ในธรรม..สาธุ

     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    พระราชวังบางปะอิน

    [​IMG]

    ธรรมนี้ หากโดนใจใครก็สารภาพเป็นภาษากลอนมาเลย

    ลูกขอน้อมจิตก้มกราบแทบพระบาทพระพุทธหลวง ด้วยเศียรเกล้า สาธุๆๆ
     
  16. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    ฉันไปทำ......"เสน่ห์ยาแฝด"......!?!

    เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง การทำเสน่ห์ ให้คนรักกลับคืนมา !?
    เหมาะสำหรับผู้อ่านท่านใดที่กำลังตกอยู่ในช่วงหน้ามืด...ตามัว @_@
    เหตุเพราะ...ความรัก(ทิ่ม)บังตา..!!


    มีประโยชน์...ขอแชร์ !!

    [​IMG]

    ฉันกับแฟนคบกันมา 4 ปี มีโครงการจะแต่งงานกันสิ้นปีนี้ แต่แล้วจู่ๆ เค้าก็มาบอกว่า
    "เราเลิกกัน เค้าไม่ได้รักฉันแล้ว ตอนนี้เค้าพบคนใหม่ ตลอดเวลาเค้าหลอกฉันมาตลอดว่ารัก เค้าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่สิ้นปีนี้"
    ฉันทำทุกวิถีทางเพื่อจะฉุดรั้งเค้ากลับมา ฉันถามว่าฉันผิดตรงไหน ไม่ดีตรงไหน
    ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ เค้าต้องการอะไรฉันทำให้ได้ทุกอย่างและยอมทุกอย่าง
    ขอเพียงแค่ "กลับมาเหมือนเดิม" แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือความเฉยชา,หงุดหงิด,รำคาญ ทำอะไรก็ผิดไปหมด

    เพื่อนแนะนำฉันให้ "ไปทำเสน่ห์" ปกติฉันเป็นคนที่กลัวเรื่องพวกนี้ไม่อยากยุ่งเกี่ยว ไม่อยากเข้าใกล้
    แต่.... ณ จุดจุดนี้ ไม่ได้แล้ว ความรักบังตาฉันยอมทุกอย่าง ขอเพียงได้เค้ากลับคืน
    อะไรก็ได้สำหรับฉัน ณ ตอนนี้

    "ปู่ฤาษี" คือผู้ที่เพื่อนฉันพาไปหา เพื่อนบอกว่า "ท่านเก่ง ญาติของเพื่อน สามีหนีไปอยู่กับเมียน้อยท่านก็เป็นคนเรียกกลับมา
    ทุกวันนี้ทั้งรักทั้งหลงภรรยา ไม่ไปมีใหม่อีกเลย"

    บ้านปูนชั้นเดียว มีลานจอดรถที่พอจอดรถยนต์ได้ประมาณ 10 คัน วันแรกที่ฉันไปมีรถยนต์จอดอยู่ 3 คัน
    มองเข้าไปในบ้าน มีคนนั่งจนล้นออกมาข้างนอก มีเสียงหัวเราะดังออกมาเป็นระยะ
    เพื่อนพาฉันเข้าไป ภาพที่ฉันเห็น "ชายหนุ่มอายุน่าจะประมาณ 28 – 29 ปี
    ผมยาวมีลายสักเต็มตัว นัยต์ตาหวานเยิ้ม มือคีบบุหรี่พูดไป ยิ้มไป ปล่อยมุกสนุกสนาน
    ทำให้ผู้ที่เข้ามาหาหัวเราะเป็นระยะ ๆ นุ่งชุดลายเสือ ดูดีมีเสน่ห์

    คนนี้เรอะที่เพื่อนบอกว่าเป็นปู่ฤาษี ทำไมยังหนุ่ม แต่ ณ วินาทีนั้นความรักบังตาไม่ได้คิดอะไร
    เพื่อนบอกว่าดี ฉันก็เชื่อโดยที่ไม่ได้คิดถึงเหตุการณ์ในวันข้างหน้าเลย

    เราสองคนนั่งรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง คนที่เข้ามาล็อตแรกก็ออกไป ถึงคิวของฉัน
    เพื่อนแต่งขันธ์ห้า (ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่) พร้อมเงิน 100 บาท ให้ฉันเขียนชื่อ-นามสกุล พร้อมที่อยู่ ของฉันและของแฟน ยื่นให้ปู่ฤาษี

    ".........(เอ่ยชื่อฉัน) ดวงไม่ดี จะถูกแย่งของรัก ....... (เอ่ยชื่อแฟน) คนนี้เป็นแฟนใช่มั๊ย?" ฉันตอบ "ใช่ค่ะ"

    "มีอะไรจะถาม?" ท่านถามฉัน ......เงียบ ......ฉันก็ไม่รู้จะถามอะไร
    เพื่อนหันมาสะกิด "ตอบไปซิ" ก็ไม่รู้จะตอบอะไร..........

    ท่านนั่งหลับตาสวดคาถาประมาณ 5-10 คำ แล้วหันมาถาม
    " รักเค้ามาก ตอนนี้ใจเศร้าหมอง มีแต่คิดจะฆ่าตัวตาย .........อยากได้เค้ากลับมามั๊ย?" ท่านหันมาถาม
    "อยากได้ค่ะ" ฉันตอบ
    "ถ้าอยากได้คืน จะช่วย แต่จะต้องจ้างน่ะ มีเงินเท่าไหร่?" "สองพันค่ะ"
    ท่านหลับตาสักพัก "ไม่ใช่หรอก ในกระเป๋าตังค์มีเงิน ห้าพันบาท ในสมุดบัญชีมีเงินอีก 3 หมื่น"

    ฉันตกใจท่านรู้ได้อย่างไร
    "ถ้าอยากได้คืน ปู่คิดค่าจ้าง 3 หมื่น" "ตกลงค่ะ!" ฉันตอบตกลง
    "จะบ้าเหรอ.....3 หมื่นน่ะแก ไม่คิดก่อนหรือไง" เพื่อนฉันตกใจรีบหันมาถามฉัน
    แต่สำหรับฉันตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าการได้แฟนกลับคืนมา
    ปู่ฤาษี มองหน้ายิ้ม ๆ "ให้ไปเอา..................................."
    ท่านสั่งให้ฉันนำสิ่งของมาเข้าพิธี

    รุ่งขึ้น เดินทางไปหาปู่ฤาษี ไปถึงก็มีคนมารอท่านเต็มอาศรมไปหมด
    เกือบบ่าย 2 ถึงคิวฉันซะที ท่านหันมายิ้ม "เดี๋ยวจะทำน้ำมนต์ให้อาบ"
    ท่านให้ฉันอาบน้ำมนต์โดยท่านเป็นผู้ปลุกเสก จะมีผู้ชายอีกคนเป็นคนอาบให้
    ในระหว่างที่อาบเค้าก็จะสวดคาถาไปด้วย .....หลังจากอาบน้ำมนต์เสร็จ
    ท่านก็ให้นำของที่เตรียมมาให้ ทำพิธีอยู่ประมาณ 10 นาที
    หลังเสร็จพิธีท่านผูกแขนให้ฉันแล้วสั่งให้ฉันปฏิบัติตามคำสั่ง

    1. ทุกวันตอนเย็น ให้ฉันเดิน 999 ก้าว โดยให้นับทีละก้าวห้ามนับผิด
    หากนับผิดหรือไม่แน่ใจให้เริ่มนับใหม่

    2. ก่อนนอนให้สวดมนต์ 99 จบ

    3. ให้คุยกับ คุณพ่อหรือคุณแม่ทุกวัน เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังให้หมด
    ห้ามปิดบังและโกหก

    4. ไม่ให้รับรู้หรือพูดคุยกับแฟนโดยเด็จขาด ภายใน 15 วัน
    หากผิดคำสัญญาจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่จนกว่าจะครบ 15 วัน


    ท่านให้ฉันปฏิบัติอยู่ 15 วันแล้วให้กลับมาหาท่านใหม่ ซึ่งท่านสัญญาว่าภายใน 15 วัน
    หากฉันทำได้ตามคำสั่งแฟนของฉันจะกลับมาหาฉันแน่นอน

    ฉันรับปาก และเริ่มปฏิบัติตามที่ท่านสั่งไว้......เวลาเริ่มผ่านไปจากวันที่หนึ่ง
    เป็นวันที่สอง วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า.................................................วันที่สิบห้า
    วันที่ 15 ครบจำนวนวันที่ท่านสัญญาไว้ ฉันเดินทางไปหาท่านแต่เช้า.......
    "เป็นไง.....รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือเปล่า" ท่านถาม
    "ค่ะ สบายใจขึ้น มากแล้วค่ะ"

    "รักเค้ามากเลยหรือ" ท่านถาม
    "ค่ะ"

    "ได้โทรหาแม่ทุกวันหรือเปล่า"
    "โทรค่ะ"

    "แม่ว่าไง เค้าเสียใจมั๊ย"

    "แม่ไม่ว่าอะไรค่ะ ท่านจะคอยปลอบใจ แล้วท่านก็เสียใจมากค่ะ"

    "แม่เสียใจ แล้วเราเสียใจมั๊ย"
    .....ฉันเงียบ เริ่มคิด "เสียใจค่ะ"

    "ตอนเราร้องไห้ แม่เค้าว่าไง"
    "......แม่เค้าก็ร้องไห้ค่ะ...."

    "รักแม่มั๊ย"
    "รักค่ะ"


    "ใครทำให้เราเสียใจ?...ใครทำให้เราเป็นแบบนี้? ผู้ชายคนนั้นใช่มั๊ย"
    .......ฉันนั่งนิ่ง น้ำตาเริ่มไหล.......

    "ทำงานมาเคยให้เงินแม่บ้างมั๊ย....เวลาไปตลาดเห็นกับข้าวเคยจำได้มั๊ยว่าแม่ชอบกินอะไร
    จำได้หรือเปล่าว่าตัวเราชอบกินอะไร..........ทุกวันนี้กับข้าวที่ซื้อมากินเป็นที่เราชอบ
    หรือเป็นที่ผู้ชายคนนั้นชอบ........ทำไมต้องให้เค้ามามีอิทธิพลอยู่เหนือตัวเองขนาดนั้น

    "เค้าทิ้งเราไปเพราะอะไร.......ตอบได้มั๊ย"
    ".......เค้าไปมีคนใหม่ค่ะ"

    "ทำไมเค้าไปมีคนใหม่"
    "......ไม่ทราบค่ะ" ฉันตอบไปพลางเช็ดน้ำตา

    "เพราะสันดาน......เข้าใจคำว่าสันดานมั๊ย คนดี จะคิดดี ทำดี พูดดี คนไม่ดี
    ความคิดมันก็เลวไปด้วย อยากจะทุกข์ทรมานอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิตก็จะเอามันคืนให้
    แต่ถ้าอยากจะมีความสุข ไม่อยากให้แม่เสียใจ มีชีวิตที่ดี เจอคนดีๆ ก็เลิกกับมันซะ

    ปู่ไม่เคยเห็นใครตายเพราะอกหัก แต่ที่คนมันตายก็เพราะมันสิ้นคิด
    เพราะแพ้ใจตัวเอง ใจอ่อนแอ ถ้าไม่คิด ไม่นำจิตไปวางไว้กับมัน มันก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
    บังคับตัวบังคับกายมันทำได้ แต่การบังคับใจถ้าไม่แกร่งจริงมันก็ยาก
    แต่ใจมันเป็นของเราถ้าเรายอมแพ้มัน เราก็จะแพ้ไปตลอดชีวิต
    ถ้าเราเคยเอาชนะมันได้บังคับมันได้ เราก็จะไม่มีทุกข์
    ไม่มีใครช่วยเราได้หรอกหมอที่ไหนก็รักษาให้ไม่ได้
    มีแต่ตัวเรากับเวลาเท่านั้นที่ช่วยตัวเราได้

    ......สิบห้าวันผ่านมาเป็นไงบ้าง"
    "ไม่ได้คิดอะไร ก็รู้สึกดีค่ะ"

    "ทำต่อไปนะ ตัดใจซะ มันทำไม่ได้ทันทีหรอกแต่มันจะค่อยๆ ดีขึ้น
    คิดถึงแม่ไว้ให้มากๆ ไม่สบายใจอะไรก็เล่าให้เค้าฟัง ให้มีสติ
    อย่าไปจดจ่ออยู่กับมัน 15 วันผ่านมาไม่มีเค้าเราก็อยู่ได้
    ไม่เห็นจะตายไม่ใช่หรือ ตัดใจซะเอาสมาธิไปจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่น
    อย่าไปใส่ใจกับมัน คนมันไม่ดีก็ปล่อยมันไปตามวิถีชีวิตของมัน........"


    ปู่ฤาษี หันไปหยิบของในย่าม เป็นเงิน 3หมื่นบาท ยื่นคืนให้ฉัน
    "เงิน 3หมื่น ปู่ไม่เอาหรอก ให้เอาไปเก็บไว้ 2หมื่น เอาให้แม่ 5พัน
    อีก 5พัน ไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง แต่งตัวใหม่ให้ดูดีกว่านี้" พูดจบแกก็หัวเราะ

    "จำคำปู่ไว้ อย่าเชื่อใจคน อย่ามองเพียงแค่ภายนอก แล้วอย่าไปทำเสน่ห์ที่ไหนอีก
    ทุกคนมีเสน่ห์อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่เสน่ห์ที่เรามีจะถูกใจใครเท่านั้น
    พวกนุ่งผ้าเหลือง ผ้าขาว บางคนสักแต่เอาผ้ามาห่ม แต่ใจมันไม่ใช่คน
    เราเป็นผู้หญิงต้องระวังตัวให้ดี ถ้าเจอคนดีก็ดีไป
    ถ้าเจอพวกไม่ดีเราจะเสียทั้งตัว เสียทั้งเงิน เสียทั้งใจ
    จะไปโทษใครบอกใครก็ไม่ได้ เราโง่เอง ...หยุด...ห้ามไปทำเสน่ห์ที่ไหนอีก
    จำคำปู่ไว้ให้ขึ้นใจ วันนี้แฟนเราจะมาหา ก็ตัดสินใจเอาก็แล้วกัน"
    ฉันกลับที่พัก เริ่มนั่งคิดทบทวน เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา
    ความเจ็บปวดที่เคยมี ทุกครั้งฉันแทบจะทนไม่ได้ถ้าคิดถึงเค้า
    แต่ตอนนี้ทำไมความเจ็บปวดมันลดลง เริ่มมองเห็นสิ่งต่าง ๆที่ผ่านมา
    จิตใจที่เคยอ่อนแอ มันเริ่มแข็งแรงตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่รู้
    น้ำตาที่เคยไหลไม่หยุดหากเมื่อไหร่ที่คิดถึงเค้า ทำไมมันหายไปไหน
    คำสอนของปู่ก้องอยู่ในสองหู ฉันตัดสินใจ.....จากนี้ต่อไปฉันต้องเข้มแข็ง

    ...........เสียงเคาะประตูหน้าห้อง.....
    "ใครค่ะ?" ฉันถาม
    "เราเอง" เหมือนที่ปู่บอกไว้ไม่ผิด เค้ามาจริงๆ ใจที่เคยเด็ดเดี่ยวเมื่อครู่หายไปไหนหมด
    หัวใจเต้นแรง ใจเริ่มอ่อน เริ่มหวั่นไหว........

    "มีธุระอะไร?" ฉันไม่ยอมเปิดประตู
    ".....เราคิดถึง.....เปิดประตูให้เราหน่อย"

    .......ฉันเริ่มสับสน น้ำตาเริ่มไหล จะทำไงดี...คิดถึงคำพูดของปู่ฤาษี คิดถึงหน้าแม่.......

    "กลับไปก่อนน่ะ วันนี้เรายังไม่อยากคุย ตอนนี้เราอยู่กับแม่ กลับไปเถอะ"
    ฉันโกหกเพราะรู้ว่าตัวเองยังไม่เข้มแข็งพอ หากเจอเค้าวันนี้ฉันต้องใจอ่อนแน่นอน

    ........................................................

    ทุกวันนี้ฉันฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน ผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ฉัน
    ถ้าไม่มีท่านฉันก็ไม่รู้ว่าชีวิตของฉันจะต้องพบเจออะไร อาจจะเจอสิ่งที่เลวร้าย
    เจอพวกซาตานในคราบนักบุญ ต้องเสียทั้งตัว เสียทั้งใจ จึงอยากจะขอเตือนเพื่อนๆ
    ที่คิดจะไปทำเสน่ห์ ให้ไตร่ตรองให้ดี ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีเหมือนฉันเสมอไปน่ะค่ะ

    จากคุณ: ว.

    ******************************
    ที่มา Facebook
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2014
  17. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    "ถ้าใจเราเป็นพระเสียเองแล้ว จะบวชห่มอย่างไรก็ไม่สำคัญ เพราะนั่นถือว่าเราได้บวชแล้วโดยพระธรรม เป็นผู้บวชใจเรา เป็นพระโดยสมบูรณ์ที่ใจ ชักชวนท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้เริ่มเป็นพระกันที่ใจ ดีกว่ารอมาบวชห่มเหมือนพระ แต่ใจไม่รู้สึกอะไรอย่างพระ อย่างนี้เป็นพระอาศัย อาศัยในพระพุทธศาสนา และเรียกเอาที่ร่างกายว่าตนเป็นพระ แนะนำให้เริ่มที่พระธรรม คือศึกษาปฏิบัติจนกลืนเป็นธรรมประพฤติ เป็นนิสัยสันดานโดยธรรม ก็จะกลายเป็นพระสงฆ์แท้ไปเองโดยธรรมชาติ ไม่จำกัดเพศชายหญิง ไม่เทียบอายุมากน้อย ไม่เกี่ยวข้องกับของภายนอกทั้งปวง ที่มีใจเหนือกว่าสิ่งใด"

    (ท่านสัพพะชยันโต)
     
  18. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    ~ พยายามหัดเป็นพระโสดาบัน ~

    [​IMG]



    "..เราจะทำอะไร จะพูดอะไร จะคิดอะไร
    พยายามอย่าให้มันมีความรู้สึกลบหลู่ดูหมิ่นครูบาอาจารย์และคนอื่น

    มานะความถือตนถือตัวนี่ ภูมิของอรหัตมรรคเป็นตัวตัดขาด
    มานะความถือตนถือตัวมันเป็นกิเลสละเอียดพอสมควร
    พระอนาคามีก็ละไม่ขาด โน่น! ต้องภูมิอรหัตมรรคจึงละได้ขาด

    พยายามหัดเป็นพระโสดาบัน โส-ตะ-ปัน-นะ แปลว่าผู้ถึงซึ่งการฟัง
    ใครพูดดีฉันก็ฟังได้ พูดเสียฉันก็ฟังได้
    แต่ฉันจะเอาหรือไม่เอาเป็นหน้าที่ของฉันจะพิจารณาโดยเหตุผล

    โส-ตะ แปลว่า ผู้ฟัง
    ปัน-นะ แปลว่า ถึงแล้ว ซึ่ง การฟัง
    รวมความว่า ผู้รับฟัง ไปตรงกับมารยาทของสังคมว่า เคารพมติของผู้พูด

    ท่านอาจารย์วัน เพื่อนหลวงพ่อ
    ลูกศิษย์ท่านวิพากษ์วิจารณ์กรรมฐานคณะนั้นกรรมฐานคณะนี้
    ท่านนั่งฟังเฉย พอท่านจะพูดท่านก็ว่า..
    ทัศนะของเขาเป็นอย่างนั้น ความเห็นของเขาเป็นอย่างนั้น อย่าไปขัดคอเขา

    นี่แสดงว่าท่านผู้นี้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรม
    ถ้าใครพูดมาไม่ถูกหูเรา เราเถียงคอเป็นเอ็น นั่นยังใช้ไม่ได้.."

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย​
     
  19. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]
     
  20. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...