คั่นข่าว:"บุกยิงการ์ตูนนิสต์ในฝรั่งเศส" เผย VDO ยิงรึ ???? หน้า 6

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย thai123, 9 มีนาคม 2014.

  1. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    เอามาให้ดูว่า เทคโนโลยี่ hologram ก้าวหน้าแค่ไหน จากฉายเป็นเมืองใหญ่ หรือขนาดคนจริง สงครามอิรักก็มีข่าวรั่วว่า อเมริกันฉายภาพรถถัง กองทหารบนทะเลทราย ให้ข้าศึกกลัว แต่อย่าลำบากหาวิดิโิเลยนะ 55555

    โหลดยูทูปไม่ขึ้นก็ช่างมัน ใครอยากเปิดหูเปิดตาก็กดลิงค์เอาเอง เกล้าจนความสามารถ

    ลิงค์แรกสั้นดี เป็นhologram(ภาพ3มิติ) ฉายกันจะๆ เมืองใหญ่ลอยบนหมอกเหนือแม่น้ำที่ปักกิ่ง ต้นไม้ ตึก นะของปลอม https://www.youtube.com/watch?v=DgdtwV-Y_eI

    ลิงค์นี้ยาวมากไป เป็นโชว์ นางแบบจริง 6 คนนอกนั้นเป็น hologram ที่ปักกิ่งเช่นกันhttps://www.youtube.com/watch?v=P74xmTK6W4Y
     
  2. ร่มโพธิ์

    ร่มโพธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,952
    ต่อเลยๆๆ..เอาอีก..ๆๆ...มันส์ๆๆ ความรู้ใหม่ล้วนๆๆสำหรับเรา..:cool:
     
  3. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    --------------------------หัวข้อที่ 2 " แผ่นดินไหว มนุษย์สั่งได้จร้า "---------------------


    “ถ้าคุณอยากเข้าใจจักรวาล คิดถึง พลังงาน คลื่นความถี่ และการสั่น”....ดร.นิโคลา เทสลา



    อดีต “earthquake machine” …..................
    จาก นสพ. Telegram 11 กรกฏาคม คศ. 1935 :

    ดร. นิโคลา เทสลา ให้สัมภาษณ์อ้างถึงเหตุแผ่นดินไหวใน ปี 1989 ที่เป็นเหตุให้ตำรวจและรถพยาบาลออกมาเกลื่อนถนน ในพื้นที่โดยรอบห้องแลบของเขา คือ 48 ถนนฮุสตันตะวันออก นิวยอร์ค ว่านั่นเป็นผลจากเครื่องมือตัวจิ๋วที่สามารถยัดใส่กระเป๋าเสื้อโคทได้สบายๆ
    นักข่าวปรากฎสีหน้างงใหญ่ ดร.เทสลาจึงขยายความต่อว่า “ผมตอนนั้นกำลังทดลองเรื่อง “การสั่น,vibration”ผมเปิดเครื่องจักรกลไว้ ผมอยากดูว่าจะสามารถจูนความสั่นเข้ากับความสั่นของตึกได้ไม๊ ผมเพิ่มน็อตขึ้นเรื่อยๆ เสียงแครกประหลาดดังขึ้น ผมถามผู้ช่วยว่าเสียงมาจากไหน พวกเขาก็ไม่รู้ ผมก็เพิ่มน็อตกับเครื่องจักรกลของผมอีกหน่อย ที่นี่เสียงแครกดังขึ้นกว่าเดิม ผมรู้ทันทีผมเจอการสั่นของตัวตึกโครงเหล็กนี้เข้าแล้ว ผมปรับมันสูงขึ้นอีกนิด ทันใดเครื่องจักรหนักชิ้นใหญ่ๆ ในห้องแลบเคลื่อน/ตกจากที่ ผมต้องคว้าฆ้อนทุบเปรี้ยงไปที่เจ้าเครื่องจักรกลที่ผมทดลอง ตึกทั้งตึกอาจกองลงมาสูงแค่ระดับหูหากเจ้าเครื่องจักรกลนั้นยังทำงานอยู่ ข้างนอก....บนถนนผู้คนตื่นเต้นโกลาหล
    ตำรวจมาถึง พร้อมรถพยาบาล ผมบอกผู้ช่วยทุกคนอย่าบอกอะไรทั้งสิ้น นอกจากว่าน่าจะเป็นแผ่นดินไหว”
    นักข่าวรุกคืบ ถามว่า ถ้าดร.เทสลาอยากพังตึกเอมไพร์เสตท ท่านดร.จะต้องทำอย่างไรบ้าง เทสลาตอบว่า การสั่นสะเทือนจะทำทุกอย่างเอง คือถ้าตั้งความสั่นของเครืองจักรกลให้ตรงกับการสั่นของตึกได้ เท่านั้นตึกก็จะพังครึน แบบเดียวที่ทหารเดินสวนสนาม ข้ามสะพาน หรือลม ทำให้สะพานพัง ( สะพานBroughton คศ 1826, สะพาน Angers คศ1850, และ สะพาน Tacoma Narrows Bridge คศ 1940)
    --จบรายงานจาก telegram----

    แนบยูทูปสะพานทาโคมาแนโรว์พัง เหตุจาก resonance https://www.youtube.com/watch?v=j-zczJXSxnw

    A.L. Besnson เขียนข่าวใน Hearst tabloid The World Today ดร.เทสลายึดเครื่องสั่น(ตัวขนาดเล็กกว่านาฬิกาปลุก) เข้ากับเหล็กยาวสองฟุตหนาสองนิ้ว เทสลาปรับจูนความสั่นจนกระทั่งในที่สุดเหล็กนั้น สั่น-ขยาย-และหด เหมือนภาพหัวใจเต้น ในที่สุดเหล็กก็หัก...แต่นั่นยังไม่ทำให้เทสลาพอใจ ดร.เทสลาจึงพกเครื่องจักรกลขนาดเล็กในกระเป๋าเสื้อตัวเอง เดินสำรวจหาตึกโครงเหล็กที่กำลังก่อสร้าง บนถนนในวอลตรีท เขาพบตึกหนึ่งสูง10 ชั้น มีแต่โครงเหล็กยังไม่ก่ออิฐหรือหินเลย เขายึดเครื่องสั่นของเขาเข้ากับคาน(beam) และปรับจูนการสั่นของเครื่องมือ ในที่สุด ดร.เทสลาก็เจอการสั่นที่ต้องการ ตึกเริ่มสั่นและไหว คนงานวิ่งลงมาข้างล่างตื่นตระหนก พวกเขาเชื่อว่าแผ่นดินไหว ตำรวจมาที่เกิดเหตุ เทสลาเก็บเครื่องจักรกลของเขาใส่กระเป๋าแล้วเดินหลีกไป 10 นาทีมากกว่านี้หากเขายังตั้งเครื่องสั่นอยู่ ตึกจะต้องลงมากองอยู่บนพื้นดินแน่ ดร.เทสลากล่าวว่า ด้วยเครื่องสั่นของเขา เขาสามารถจมสะพานบรูคลินได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
    (จากOld Secrets and Lies: Tesla, HAARP, Earthquakes and weather)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2014
  4. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    ปัจจุบัน HARRP ...............................
    (กรณีตัวอย่าง แผ่นดินไหวใหญ่ที่ญี่ปุ่น ปี 2011)

    -07 มีนาคม 2011 นาซ่า รายงานว่าเกิด M3 Flare ขึ้นที่ดวงอาทิตย์
    -10 มีนาคม 2011 เวลา 6:30 UT (เวลามาตราฐานเมืองกรีนนิซ) , CME ได้กระทบสนามแม่เหล็กโลก
    -11 มีนาคม 2011 05:46;23 UT เกิดแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ ที่ Fukushima, ญี่ปุ่น
    - เวลาล่วงไปหนึ่งวันเต็ม หลัง CME ถึงโลก........ที่แผ่นดินไหวเกิด !
    กระนั้นก็ตามนาซ่าและสื่อ ก็พยายามออกข่าวว่า CME เป็นสาเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนั้น ....เบี่ยงเบนความสนใจ ??

    ขณะเกิดเหตุ USA และ South Korea กำลังฝึกร่วมทางทหารอยู่( Key Resolve / Foal Eagle exercise) บริเวณใกล้เกาะญื่ปุ่น มี Sea-base X Band Radar platform (รู้จักกันในนาม HARRP เคลื่อนที่ ) ร่วมในการฝึก ( ตัวอย่าง False Flag อันหนึ่ง??)

    บทพิสจน์อะไรก็ไม่ชัดเจนเท่าลองมองภาพ magnetometer chart ( Magnetometer เป็นเครื่องวัดการรบกวนของสนามแม่เหล็กในชั้นบรรยากาศโลก ต่างกับ Seismometer ที่วัดการเคลื่อนที่ของพื้นโลก)
    ดูภาพประกอบข้างล่าง
    - 8 มีนา 2011 ก่อนเที่ยงคืน , จะเห็นภาพแสดงว่า HARRP ทำงาน โดยส่งคลื่นความถี่ 2.5 Hz ( the signature frequency of an earthquake )
    -9 มีนาคม 2011 คลื่นความถี่ 2.5 Hz ถูกส่งตลอดทั้งวัน
    -10 มีนาคม 2011 เช่นกัน จะเห็นเส้นสีส้มตรง บอกค่าความถี่ 2.5 HZ ถูกส่งตลอดวัน
    -11 มีนาคม HARRP ส่งคลื่นความถี่ 2.5 Hz (Extreme Low Frequency) อีก 10 ชั่วโมง
    [​IMG][/url][/IMG]


    [​IMG][/url][/IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2014
  5. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    HARRP ทำงานให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างไร

    ปรกติถ้าเป็นคลื่น short wave เมื่อส่งจากพื้นดินไปยังชั้น ionosphere คลื่นจะสะท้อนกลับมายังโลก แต่คลื่นshort wave สูญเสียพลังงานและถูกรบกวนได้ง่าย ปัจจุบันจึงใช้คลื่นความถี่สูงแทน ข้อดีเพราะคลื่นความถี่สูง(คลื่นไมโครเวฟ) จะไม่กระจาย ฉายเป็นลำ beam ไม่สูญเสียความแรงและไม่ถูกรบกวนง่าย แต่ข้อเสียคลื่นความถี่สูงจะทะลุผ่านชั้น ionosphere ไม่สะท้อนกลับยังโลก เราจึงต้องมีดาวเทียมสะท้อนคลื่นกลับบนโลก
    [​IMG][/url][/IMG]

    Eastlund อาศัยงานจากนิโคลา เทสลา เขาพบว่าถ้ายิง คลื่นความถี่สูง (ทั้งHigh Frequency(HF) และ Extremely High Frequency (EHF)) โดยใช้พลังงานสูงมากๆ คือเกินกว่า พันล้านวัตต์ (over a billion watts)ฉายไปที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของ ionosphere ชั้น ionosphere จะร้อน(cooking) ชั้น ionosphere จะขยายคล้ายพลาสติก และโป่งขึ้นดังรูป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • haarp.skip.gif
      haarp.skip.gif
      ขนาดไฟล์:
      3.9 KB
      เปิดดู:
      92
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2014
  6. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    [​IMG][/url][/IMG]

    Eastlund พบว่าที่ส่วนโป่งนี้ ไม่ว่าคลื่นความถี่สูง( คลื่นไมโครเวฟ) หรือคลื่นความถี่ต่ำ(ELF) จะสะท้อนกลับได้ โดยไม่สูญเสีญความแรงคลื่น คล้ายเป็น เลนส์ ( lens effect)
    สรุปก็คือ เขาใช้ HARRP เผาชั้นบรรยากาศให้โป่งออกคล้ายเลนส์ แล้วใช้คลื่นความถี่ต่ำมากกกกกก ฉายขึ้นไปให้แล้วให้สะท้อนลงที่ Fukushima ....ความถี่ที่ใช้ต้องเป็นความถี่ resonance กับชั้นใต้ดินที่ Fukushima ( ความถี่ธรรมชาติของโลก ,resonance frequency งานศึกษาในอดีตว่ามีค่าที่ 8 Hz แต่เพราะโลกไม่ใช่ทรงกลมตัน แต่ เป็นชั้นๆ แตกต่างกันตามพื้นที่ และการปรับเปลี่ยนชั้น ionosphere ให้โป่งผิดรูปร่าง จะปรับเปลี่ยนความถี่ธรรมชาติของโลก( resonance frequency) ไปด้วย ....ความถี่ในภาพ Magnetometer จึงไม่ใช่ 8Hz.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • haarp.lens.gif
      haarp.lens.gif
      ขนาดไฟล์:
      3.9 KB
      เปิดดู:
      75
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2014
  7. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    ลองดู you tube ที่ลิงค์มาให้ ช่อง History channel ราวปี 1987 บริษัทหาแหล่งกาซธรรมชาติและน้ำมัน ใช้เครื่องมือเรียกว่า tomography ใช้ ELF(คลื่นความถี่ต่ำมากๆๆๆ Extreme Low frequency) เช่น HARRP แต่ใช้พลังงานต่ำกว่าเยอะ แล้วเกิดพลาดท่า ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ราว 4 ริกเตอร์ที่เม็กซิโก ต่อมาเขาก็ลองไปลองทำแผ่นดินไหวที่โอเรกอน ตำแหน่งที่มีรอยเลื่อน เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีเขาจำลองโมเดลให้เราดูชัดๆ ด้วย https://www.youtube.com/watch?v=QHu1P3fqYpo
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2014
  8. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    แต่ข้อสำคัญคือ.....คลื่นที่ทำให้พื้นโลกสั่น(resonance) เป็นคลื่นความถี่ต่ำมากอย่างที่เห็น ความยาวต่อหนึ่งช่วงคลื่น มากกว่า 6000++ กิโลเมตร หากส่งแค่ช่วงเวลาสั้นๆ จะไม่กระทบกระเทือนโครงสร้างธรณีวิทยาเอาเลย คลื่นต้องต่อเนื่องเป็นชั่วโมง เป็นวัน กรณี Fukushima รวม 55 ชั่วโมงก่อนแผ่นดินไหว และต่ออีก 4 ชั่วโมง....เพื่อให้เกิดสึนามิ ???
    ( ดูลิงค์ VDO นี้ ช่วงนาทีที่ 10 +/- แสดงการเกิด สึนามิ จะเห็นการยกตัวขึ้นสูงของมวลน้ำอย่างผิดธรรมชาติก่อนสึนามึซัดเข้าฝั่ง
    https://www.youtube.com/watch?v=KyqECMRtx6c&feature=player_embedded
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2014
  9. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    เอาภาพ Magnetometer ตอนเฮติเกิดแผ่นดินไหวแนบมาให้ดูเล่นด้วย ของเฮติ ใช้คลื่นความถี่ 2.1 Hz รวม 40 ชั่วโมง

    และก็ภาพ HARRP ขณะทำงาน ภาพถ่ายดาวเทียมจะเห็นเป็นวงกลมที่มีลายๆ
    ภาพจาก South East ring, Melbourne ออสเตรเลีย ยังมีอีกหลายภาพคล้าย ๆกันในลิงค์นี้Huge rings appear over Australia, is HAARP involved? | EUTimes.net


    หากใครสงสัยว่าลายวงกลมมันสร้้าง หรือเกิดได้อย่างไร ลองดูคลิปวิดิโอข้างล่างนี้เป็นไอเดีย ( ยูทูปนี้คนดูเยอะมาก อิอิ มันอยู่ในหมวดบันเทิง คนแปลกๆเท่านั้นจะชอบเรื่องซีเรียส (kiss) )เขาทดลองโรยเกร็ดเกลือบนแผ่นโลหะ และเปิดคลื่นความถี่ต่างๆ สังเกตุว่าการเคลื่อนไหวและการเรียงตัวของเกร็ดเกลือจะขึ้นกับคลื่นความถี่ที่มันได้รับ .....(แหล่งข่าวไม่ได้บอกว่าเมฆในอากาศมี chemtrails ซึ่งมีอลูมิเนียม แบเรี่ยม ฯ หรีิอเปล่า ) ภาพเมฆที่เห็นก็เหมือนเกร็ดเกลือโดนคลื่นความถี่เล่นงาน
    https://www.youtube.com/watch?v=wvJAgrUBF4w
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2014
  10. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    เพื่อปกปิดข้อมูล สหรัฐปิด HARRP website หลังเกิดแผ่นดินไหวที่ Fukushima รวมเวลา 3 สัปดาห์ (ต้นเดือนเมษา 2011) แต่ถูกมติของ International Committee กดดันจึงต้องเปิดใหม่ แผ่นดินไหว เกิดจาก HARRP หรือไม่ ถ้ามีโอกาส ดู magnetometer Chart จะบอกได้ทันที
    ชิลี 2010,
    เฮติ 2010,
    ออสเตรเลีย ที่ Christchurch 2011 ผลงานของ HARRP
    ดูเหมือนว่าช่วง สิบกว่าปีที่ผ่านมา เหตุแผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุ ( เฮอริเคนคาทรีน่า แซนดี้ ฯ) ล้วนฝีมือมนุษย์สร้างขึ้นทั้งสิ้น

    เพราะ HARRP ไม่เพียงแค่ทำให้แผ่นดินไหว HARRP ยังทำให้ฝนไม่ตก หรือฝน(และหิมะ)ตกหนักได้ด้วย:
    เพราะชั้นล่างสุดของบรรยากาศโลก มีแม่น้ำบนฟ้าไหลผ่าน (เขาเรียกแม่น้ำก็จริงแต่มันอยู่ในรูปของก๊าซ ไม่ใช่ของเหลว ) ทั้งกว้างใหญ่และยาว มันขนส่งน้ำอย่างซื่อสัตย์ไปทั่วโลก พบว่าแม่น้ำบนฟ้ามี 5 สายในเขตเหนือเส้นศูนย์สูตร และอีก 5 สายใต้เส้นศูนย์สูตร ส่วนมากแม่น้ำบนฟ้านี้จะไม่ทำให้น้ำท่วมหนักหรือโคลนถล่ม วิทยาการสมัยใหม่ใช้แม่น้ำบนฟ้าเป็นอาวุธ!! หัวใจหลักคือ ๑ ปรับเปลี่ยนความกดอากาศให้สูงหรือต่ำ ๒ ปรับเปลี่ยนทิศทางเดินของแม่น้ำ ๓ ทำเขื่อนแม่เหล็กไฟฟ้ากั้นการไหลของแม่น้ำ

    อัันนี้ไม่ใช่ Si-fi แต่เป็น real science ...... หุหุหุหุ

    เอาภาพ HARRP มาดูประดับความบันเทิงนะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • haarp.jpg
      haarp.jpg
      ขนาดไฟล์:
      136.8 KB
      เปิดดู:
      131
    • download (2).jpg
      download (2).jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.5 KB
      เปิดดู:
      126
    • images (3).jpg
      images (3).jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.1 KB
      เปิดดู:
      133
  11. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    น่าจะเอาเรืองเหล็กโครงสร้างตึกดีกว่า มีประเด็นให้น่าติดตามมากกว่า เรื่อง HARRP

    นี้ยังใกลตัวอยู่ ตอนแรกๆนี้น่าสนใจมากครับ การวิบัติของเหล็ก โดย พลังงานบางอย่าง

    ตอนเเรกก็คิดว่า เครื่องบินชน ตอนนี้ก็ยังคิดอยู่ แต่ที่นำเสนอมาก็น่ารับฟัง

    โดยเฉพาะ ไอ้ฝุ่นที่ฝุ้งกระจายนี้เห็นภาพชัดเจนมาก นาเสียดายถ้าจัะให้น้ำหนักมาทางHARRP

    เพราะดูจะใกลไปครับ แต่ก็ติดตามครับ
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ติดตามอ่านด้วยคนครับ
     
  13. จ๋าเอง

    จ๋าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +333
    ตาม ตามๆๆๆๆ ค่ะ
     
  14. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    ขอออกตัวก่อนว่าโพสต์ของเราไม่ได้มีระบบระเบียบอะไรเอาเลย ตัวเราอ่านหลายเรื่องสลับกันไป แก้ความซ้ำซากจำเจ
    เห็นอะไรน่าสนใจก็แปลให้อ่าน (ตั้งใจให้น้องชายอ่านไม่รู้ยังอ่านอยู่หรือเปล่า).....ถือว่าเป็นการคุยกันเล่นหละกัน และแนะนำมาได้
    :cool:
    ส่วนประสบการ์ข้างล่างนี้ เห็นว่าน่าสนใจดี แถมทุกประโยคมีหลักฐานแหล่งข้อมูล เลยเอามาแชร์ให้อ่าน เพื่อเห็นภาพพจน์

    เรื่อง : ทำไมยังมีเหล็กหลอมละลายอีกหลายเดือนหลังตึกเวิร์เทรดถูกทำลายในวันที่ 11 กย 2001 (WTC)
    ( จาก George Washington's Blog: Why was there Molten Metal Under Ground Zero for Months after 9/11?)

    -จากภาพยนต์สารคดี , พนักงานดับเพลิงหลายคนจำภาพได้ว่า “ความร้อนระอุมาก พวกเขาเจอเหล็กหลอมไหลเป็นทางยาวเต็มไปหมด”*

    -พนักงานดับเพลิงเมืองนิวยอร์คบรรยาย “ เหล็กหลอมไหลไปทั่ว มันดูคล้าย ลาวา !”

    -นักสาธารณสุขที่ไปถึงจุดเกิดเหตุ วันที่ 12 กย. กล่าว “ ความร้อนกับเหล็กหลอมละลาย ทำให้นึกถึงภูเขาไฟระเบิด”

    -ลูกจ้างหน่วยกู้ชีพของรัฐนิวเจอร์ซี่ บรรยายาว่า “ ผมเห็นไฟกำลังไหม้ เหล็กกำลังหลอมในเศษซากปรักหักพัง”

    - หัวหน้าทีมนักวิทยศาสตร์ที่เข้าไปศึกษาผลกระทบต่อร่างกายจากเหตุการณ์ 9/11 รายงานว่า “ ไฟยังไหม้อยู่ไม่มีทีท่าว่าจะดับ ควันหนาแน่น ในบางซอกมุมที่เพิ่งเข้าไปค้น มีเหล็กหลอมละลาย”

    -คนงานที่เข้าไปเคลียร์พื้นที่ว่า “ ใต้ดินยังคงร้อน มีเหล็กหลอมละลายไหลตามกำแพงของตึก #6”

    -ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “ ไฟที่ควบคุมไม่ได้ กับโครงสร้างที่ถูกทำลายของตึก 7 อาจใช้อ้างเป็นเหตุให้ตึกพัง แต่.. มันเอามาอธิบายไม่ได้ว่าทำไมเหล็กถึงระเหย( partial evaporated ) เพราะ “ระเหย” หมายถึงจากของเหลวเป็นกาซ นั่นต้องมีอุณหภูมิสูงมากๆ”

    - กู้ชีพนายหนึ่งคลานไปทางบันไดที่มุ่งสู่รถไฟใต้ดิน นั่นคือลงไป 5 ชั้น ต่ำจากผิวดิน เขาจำได้ในความมืด เห็นเหล็กกำลังหลอมซึ่งเปล่งแสงสว่างสีชมพูๆและมันย้อยยืดออกจากคาน( dripping from a beam)

    - นักข่าวที่ไปถึงช่วงแรกๆ ว่า “เดิน ลงไปใต้ดินตำแหน่งที่ไฟยังไหม้อยู่ มีเหล็กหลอมไหลเป็นทาง”

    -วิศวกรโครงสร้างที่เคยอยู่ในทีมออกแบบตอน WTC กำลังสร้างเห็น “ สายธารของเหล็กหลอม ไหลลงในหลุมรากฐานตึก”

    - เจ้าหน้าที่อาชีวอนามัยของWTC รายงายว่า “ รถดับเพลิงหนึ่งคันที่อยู่ใต้ดินยังคงไหม้อยู่ถึง 2 สัปดาห์หลังวันเกิดเหตุ ตัวถังเหมือนเหล็กถูกหลอม”

    - พยานในที่เกิดเหตุว่า “ ช่วง 2 สัปดาห์แรก เวลาคนงานดึงเหล็กออก ที่ปลายเหล็กยังหลอมหยดติ๋งๆ”

    - วิศวกรโครงสร้างที่ออกแบบ WTC กล่าวว่า “ 21 วันหลังเหตุการณ์แล้ว ไฟยังคงไหม้ เหล็กก็ยังคงหลอม”

    - สมาชิกคนหนึ่งของ New York Air National Guard’s 109th Air Wing ที่ไปช่วยในจุดเกิดเหตุ ระหว่าง 22 กย-6 ตคพูดว่า “พนักงานดับเพลิงบอกเราว่า ตรงใจกลางจุดเกิดเหตุ เหล็กยังหลอมอยู่ พนักงานดับเพลิงฉีดน้ำคลุมแต่ความร้อนไม่ลดเลย รองเท้าบู๊ท(ส่วนที่เป็นโลหะ)ของพวกเขาก็หลอม”
    - ศจ.เกษียณทางฟิสิกส์และบรรยากาศกล่าวว่า “ กลางตค.เมื่อพวกเขาดึงเอาเหล็กออก เหล็กช่วงด้านล่างยังสุกสว่าง ซึ่งนั่นต้องหมายถึงอุณหภูมิราว 500-600 องศาเซลเซียส และช่วง ธค. เมื่อเขาพลิกหงายแผ่นคอนกรีตหลายแผ่น ไฟก็ลุกขึ้น นั่นคืออุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียส แสดงว่าผิวหน้าซากปรักหักพังเย็นลงเร็วก็จริง แต่ในใจกลางยังร้อนอยู่กระทั่งเดือนธันวาคม”

    - พนักงานดับเพลิงแถมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุมีพิษอีกตำแหน่งกล่าวว่า “ 6 สัปดาห์หลังเกิดเหตุ เหล็กที่เอาออกมาจาก ใต้ดิน6ชั้นลึกลงไป เหล็กแดงเหมือนลูกเชอรรี่ และเปล่งแสงสว่างแปลกจากเหตุไฟไหม้ทั่วไป”

    - โฆษกกองกำจัดขยะนิวยอร์คเธอว่า “ 2 เดือนครึ่ง ที่พวกเธอกำจัดขยะ ตั้งแต่ ซากศพ และ เหล็กหลอม”

    -5 เดือนหลังเกิดเหตุ Joe O’ Toole เห็นคานเหล็กที่เอาออกมาจากชั้นใต้ดิน เหล็กยังหลอมและไหลเยิ้ม”

    - ไฟไหม้ WTC เป็นการไหม้สิ่งก่อสร้างที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ........ แม้ว่า.........ฝนได้ตกหนักในวันที่ 14 และ 21 กันยายน 2001 และดับเพลิงฉีดน้ำเลี้ยงตลอดเวลา Tom Manley จากสมาคมพนักงานดับเพลิงบอกน้ำที่ปั๊มมาใช้ดับไฟ ปริมาณเท่าทะเลสาบใหญ่ๆ
     
  15. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    เกมส์การ์ด อิ ลู มิ เน ติ ออกวางตลาดครั้งแรกปี 1995 เจ้าของเกมส์คือ สตีฟ แจคสัน การ์ดข้างล่างชื่อ
    “ระเบิด นิว เคลียร์ จากผู้ก่อการร้าย” และ “ เพน ตา กอน” ที่เอามาให้ดูเพราะน่าสนใจ รายละเอียดคล้ายจริงทั้งตึกที่ถล่มที่ละตึก และตำแหน่งที่ระเบิดบนตัวตึก
    แต่เกมส์นี้ออกมา 5-6 ปี ก่อนเหตุการณ์จริง!!!!!!

    [​IMG][/url][/IMG]


    ขอข้ามการเมืองไป เพราะกระทู้นี้เป็นกระทู้วิทยาศาสตร์ ที่เราอยากโพสต์ความรู้ครั้งสร้างปิรามิด....มาถึงท่านผู้ยิ่งใหญ่อาคิมีดีส... จนถึงจุดเลี่้ยวผิดซอย (wrong turn) ช่วง อัลเบิร์ด ไอน์สไตน์ ...(ร่วมสมัยกับ นิโคลา เทสลา) จากเหตุที่ ไอน์สไตน์ ไม่ให้ความสำคัญของ ether คือไม่มี ether (ather) ในสมการของเขา (หรือจะเรียก Higgs particle หรือนิคเนม god particle ความหมายใกล้เคียงกัน )......นิโคลา เทสลา เองกล่าวว่าเขาประสพความสำเร็จเพราะเขาคำนึงถึง ether และตัวเขาสามารถกด หรือ ยืด ether ได้....อันนี้คือหลักการที่นิโคลา เทสลา ใช้ออกแบบจานบิน รูปร่างอย่างจานบิน UFO นั่นแหละ

    CERN ปี 2013 ประกาศความสำเร็จ คือพิสูจน์ว่า God particle มีจริง

    องค์ความรู้ในอดีตหลายอย่างลำ้หน้า และสอดคล้องกับจักรวาล หากมีปัญญาจะค่อยๆ แปลมาให้อ่านเล่นๆ เน้น.....เล่นๆ.....อย่างอ่านซีเรียส เพราะอาจสร้างกระแสลบมากไป ย่อมไม่ดีต่อจักรวาล(f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2014
  16. oh canada

    oh canada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +5
    ติดตามอ่านอยู่ค่ะ น่าสนใจดี ขอบคุณสำหรับขีอมูลดีๆ:cool:
     
  17. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    --------หัวข้อที่ 3 "จานบิน UFO " ธุรกิจเปิดเผยของเอกชน vs ความลับสุดยอดของนาซี-------


    เรื่อง “Otis T. Carr และ จานบินของ Tesla”
    โดย ดั๊ก เยอร์เชย์

    Nokola Tesla ปี 1911 ให้สัมภาษณ์ว่า:
    “จานบินของผมไม่ต้องการปีกหรือใบพัด. คุณอาจมองเห็นมันจอดบนพื้นดิน แต่คุณจะไม่คิดหรอกว่ามันบินได้ . มันสามารถบินตามใจชอบคุณ ในทุกทิศทุกทาง และปลอดภัย”

    Otis T Carr คือ ลูกศิษย์ และผู้ช่วยงานของ ดร. นิโคลา เทสลา , Otis T Carr ( มีชีวิตอยู่ระหว่าง 1904-1980) คารร์และทีมงานสร้างจานบิน( flying saucer) ที่ทำงานได้อย่าางสมบูรณ์แบบช่วงปลาย ๆ 1950s (คือประมาณปี 1956-19ุ59 ) จานบินผ่านการทดสอบบินเรียบร้อย คารร์ ตั้งใจเอามากๆ ที่จะนำจานบินนี้ไปสู่ดวงจันทร์......... แต่สองอาทิตย์หลังการบินโชว์( ไม่ใช่แค่การบินทดสอบ ) แลบของเขาถูกบังคับให้ปิดโดยคนของรัฐ และยึดทุกอย่างไป ตั้งแต่ เอกสาร และเครื่องมือ โดยให้ คำอธิบายเพียงว่าโครงการของคารร์ “จะทำลายระบบการเงินของสหรัฐ”

    Ralph Ring คือนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานร่วมกับ Otis T Carr ในเทคโนโลยิ่จานบินและอื่นๆ ช่วงปี 1950s-1960s เขาอายุ 72 ปี ขณะให้สัมภาษณ์ ( ในปี 2007) ว่า:

    “ ผมคือคนหนึ่งที่เดินทางไปกับจานบินนี้ ผมและคารร์ เดินทาง 10 ไมล์ แต่ด้วยความเร็วของแสง !!! จานบินเรายาว 45 ฟุต
    (ดูลิงค์วิดิโอสัมภาษณ์ Ralph และอื่น ในลิงค์นี้ Tesla Flying Saucers
    .......ถ้าใครสามารถตามล่านะ เพราะได้ถูกลบไปแล้ว )

    ข้างล่างนี้เป็นคำสัมภาษณ์ของRalph Ring:
    “ ใช้คำว่า “บิน” ไม่น่าจะเหมาะสม เพราะผมไม่รู้ด้วยว่ามันขยับ ผมคิดว่ามันอยู่ที่เดิมด้วยซ้ำ แต่เพราะเราได้หินและพืชจากแหล่งจุดหมายปลายทางของเรา กลับมาด้วย .....ผมถึงรู้ว่าเราประสพความสำเร็จ ......ต้องเรียกว่า Teleportation มากกว่า ”

    “ผมเลิกนับจำนวนคนที่ไม่เชื่อผมพูดแล้ว ผมไม่พูดถึงเรื่องจานบินอีกแล้ว เวลาคนหัวเราะเยอะ หาว่าเราบ้า มันไม่สนุกนัก สักวันคงจะมีคนสร้างจานบินอย่างที่พวกผมเคยสร้าง เขาจะได้ประสพการณ์แบบผม พิมพ์เขียวของเรา(ของคารร์) ยังอยู่ .....ไม่ต้องมีปีกและใบพัด ”

    “คุณต้องทำงานสอดคล้องกับธรรมชาติไม่ใช่ต้านธรรมชาติ จานบินเมื่อเดินเครื่องจนถึงความเร็วของการหมุนระดับหนึ่ง (reach a particular rotational speed) โลหะจะเปลี่ยนคุณลักษณะเป็นแบบ Jell-O (เยลลี่) คุณสามารถเอานิ้วจิ้มทะลุผ่านมัน คือสสารได้เปลี่ยนรูป(forms) คุณจะคิดว่า เหตุการณ์ต่อหน้าคุณเนี่ย มันไม่ใช่ความจริง .....มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดที่สุดที่ผมเคยเจอ”

    “ คารร์เป็นอั จฉริยะไม่ต้องสงสัย ดร.นิโคลา เทสลา ต้องมองทะลุถึงคุณสมบัติของคารร์แน่ จึงสอนคารร์ทุกสิ่งที่ดร.เทสลารู้ ดร.เทสลาคือแรงดลบันดาลใจของคารร์ คารร์ เหมือน ดร.เทสลา คือพวกเขาจะรู้เสมอว่าต้องทำอย่างไรผลงานจึงจะสำเร็จ”

    ข้างล่างนี้คัดลอกจากหนังสือของ Margaret Strom ชื่อ “The Return of the Dove”
    “ในเดือนพฤศจิกายน 1957 Otis T Carr คารร์ แห่งบัลติมอร์ รัฐมาริลแลนด์ ประกาศก้องของ....... “การกลับมาอีกครั้งหนึ่ง”....... ของพลังงานฟรีและจานบิน ... ....เทคโนโลยี่ที่สร้างเพื่อให้ทุกชีวิตบนโลก สามารถเป็นเจ้าของได้ คารร์ลูกศิษย์ผู้ยกย่องอาจารย์นิโคลา เทสลา กับผลงานประดิษฐ์สองชิ้นของเขา an electrical accumulator และ a gravity motor สิ่งประดิษฐ์ทั้งคู่ใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์ และพลังงานจาก(อีเทอร์)ซึ่งอยู่ดาษดื่นในอากาศรอบเรา”

    “มอเตอร์ของคารร์ใช้พลังงานฟรีเพื่อให้รถวิ่ง ไม่ต้องใช้น้ำมันอีกต่อไป”

    “เครื่องบินลำใหญ่โตไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะ สามารถลดขนาดจนเหลือเส้นผ่าศูนย์กลางแค่10 ฟุต ราคาก็ถูกกว่าราคารถใหม่ๆสมัยนี้ ออกแบบให้คนสามารถพาครอบครัวเดินทางไปต่างเมือง ต่างประเทศ หรือรอบโลก สะดวกสบายและปลอดภัย โดยใช้เวลาเพียงเสี้ยวเดียว

    [​IMG][/url][/IMG]

    [​IMG][/url][/IMG]

    ส่วนภาพล่างนี้เป็นป้ายโฆษณาของบริษัท Carr โฆษณา spacecraft(เผื่อใครตาไม่ดี อ่านป้ายไม่ออก) จานบินของเขาชื่อ OTC-XI

    [​IMG][/url][/IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2014
  18. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    ดร.นิโคลา เทสลา อธิบายปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ว่าจักรวาลนั้นเคลื่อนไหว a kinetic system จักรวาลแทรกซึมไปด้วยพลังงาน (energy) ที่เราสามารถดึงเอามาใช้ไม่ว่า ณ ตำแหน่งไหน เริ่มปี 1891 ดร.เทสลา จึงเริ่มใช้คำสันสฤต คือปราณ และ อะคะสะมัง? ( Prana และ Akasah ) เมื่อเลคเชอร์หรือเขียนหนังสือ ท่านสวามี วิเวกอนันดา ( Swami Vivekananda) เป็นโยคีรุ่นแรกๆ ที่ประสพความสำเร็จในการเอาปรัชญาพระเวท (Vedic philosophy) ไปเผยแพร่ที่ตะวันตก ท่านทั้งสองคือ ท่านสวามี และดร.เทสลา ติดต่อ พบปะกัน ท่านสวามีเขียนจดหมายถึง ดร.เทสลา ส่วนดร.เทสลา นั้นเหล่าจะเข้าไปฟังเลคเชอร์ของท่านสวามีอย่างสนใจ

    Ether ที่ดร.เทสลาพูดอยู่ตลอดเวลา อธิบายด้วยคำว่า ปราณและอะคะสะมัง !!!!!!!

    นิโคลา เทสลา กล่าวถึงการทำงานของจักรวาลอย่างไร จะเอามาเล่าให้ฟังวันหลัง ใครสนใจอ่านลิงค์นี้ก็ได้ http://www.24grammata.com/wp-content/uploads/2013/07/Pappas-Tesla-24grammata.com_.pdf คนเขียน เขียนได้ดีมาก แต่ฟิสิกค์จริงๆ ใครชำนาญอยากจะอ่านจะแปล เชิญเลย เราเองขออ่านสามรอบก่อน 5555

    ภาพข้างล่างแสดงหลักการของจานบินUFO ที่เทสลาอธิบาย และคนเขียนลิงค์ข้างบนทำให้ง่ายขึ้น อย่างที่เคยบอก ดร.เทสลาประกาศว่าเขาสามารถ ปรับแต่ง (manipulate) อีเธอร์ได้ อาศัยหลักการยืดอีเธอร์ส่วนบนของจานบิน และอัดอีเธอร์ด้านล่างของจานบิน .....บูม...ผลลัพธ์ได้ anti-gravity.(ยืดกฎแรงโน้มถ่วง)
    ดร.เทสลา จดลิขสิทธิ์จานบินนี้ เช่นเดียวกัน Otis T Carr ก็จดลิขสิทธ์ของจานบินเขาด้วย ของคารร์คือ # US2912244

    [​IMG][/url][/IMG]

    คำถามก็คือ.......เราแน่ใจได้อย่างไรว่าจานบิน UFO ที่เราเห็นๆกันคือของมนุษย์ต่างดาวจริง ไม่ใช่จานบินของทหาร ของรัฐบาล (ไม่รู้กี่ประเทศบ้าง) ที่อาศัยเทคโนโลยี่ของเทสลา และคารร์ สร้างขึ้นมา..............อ้อ ตัวเรานะเชื่อมนุษย์ต่างดาวมีจริงสนิทใจ เพราะพระพุทธองค์และพ่อแม่ครูจาร์ยท่านเมตตาเล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2014
  19. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    ก่อนหน้านี้เราเอาจานบินที่เอกชนสร้างมาอวด (ศิษย์ นิโคลา เทสลา) งวดนี้เอาจานบินของภาครัฐฯ มาให้ดูบ้าง.....ว่าตามประวัติศาสตร์ก็ต้องบอกว่า รัฐบาลเยอรมัน(นาซี) เป็นชาติแรกที่สร้าง"จานบิน UFO" ได้สำเร็จ แต่เยอรมันพลาดตรงที่สร้างไม่ทัน คือช้าไป 2 เดือนตามฮิตเล่อร์ขอเวลาไว้ เลยแพ้สงคราม .....ช่วงสงครามโลกครั้งที่๒ ใกล้จบ ทหารอเมริกันเคลื่อนทัพเข้าไปก่อน ตัดหน้ารัสเซียและยึดเอกสารและสิ่งที่เหลือออกมาหมด....(เพราะมีไส้ศึกบอกแหล่งขุมเทคโนโลยี่นั่นเอง) ที่เรียกว่าเหลือเพราะเยอรมันขนย้ายเอกสาร อุปกรณ์ และนักวิทยาศาสตร์ไปก่อนหน้านั้นเยอะแล้ว ....เอาไปไหน? ก็ที่เมืองใหม่/ฐานทัพใหม่ของนาซี ณ ปัจจุบัน ใต้ทวีป Antarctica(จะขยายตวามต่อที่หลัง) สหรัฐนอกจากได้เอกสารยังได้นักวิทยาศาสตร์เยอรมันไปเป็นหลักพัน !!!! (ภายใต้ปฎิบัติการ เปเปอร์ คลิป อาจมีใครคุ้นชื่อบ้างนะ ) หลังสงคราม ช่วงปี 1950s อาศัยความรู้จากนักวิทยาศาสตร์เยอรมันที่สหรัฐนำเข้าประเทศ สหรัฐก็เริ่มผลิต และทดลองบิน"จานบิน UFO" ของตนเอง ช่วงเวลาดังกล่าวจึงมีข่าวขาวบ้านอย่างเราๆท่านๆ เห็น UFO บินบ่อย หรือบางครั้งก็ตก

    เยอรมันเอาเทคโนโลยี่มาจากไหน มีสามทฤษฎี
    1 ขโมยมาจากนิโคลา เทสลา
    2 ได้มาจาก"แอทแลนติส" เพราะแหล่งข่าวอ้างว่าเยอรมันมีแผนที่รายแทงของ "แอทแลนติส"
    3 จากมนุษย์ต่างดาว
    คลิปแรกเป็น "จานบิน UFO" ของนาซี

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=3IRagx-zJQo]WW2 Germany - Nazi UFOS - YouTube[/ame]

    ส่วนข้างล่างเป็น AVRO car ที่เห็นนี้คือรถ แต่โครงการรถไม่ประสพความสำเร็จเพราะไม่มีกำลัง บางข่าวก็ว่าสิ่งประดิษฐ์ของ AVRO ล้มเหลวทั้งหมด แต่ความจริงแล้ว AVRO ผลิต จานบิน ด้วยไม่ใช่แค่รถอย่างที่เห็นในภาพ ..จานบินของ AVRO ยังคงเป็นความลับอยู่.......
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rQK3UcsD-JY]AVRO Lockheed Martin Flying Saucer from the 1940's - YouTube[/ame]
     
  20. Art-Father

    Art-Father สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    ดูดีๆ คลิปแรกด้านบน ก่อนชนตึกปีกเครื่องบินด้านขวาก็หายนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...