จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027

    เอ๊อ...คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว...ถ้าพร้อมเมื่อไร...ก็กลับมาส่งการบ้านเหมือนเดิมน่ะลูก ถึงเจ้าจะเลวยังไง ก็ลูกพ่อ พ่อรักลูกทุกคนเท่ากันหมดนั่นแหล่ะ เจ้าอย่ามัวแต่ไปตำหนิตนเองเลย ทำให้จิตเจ้าเศร้าหมองไปเปล่าๆ ถ้าจิตเจ้าเศร้าหมอง จิตก็ไม่เป็นบุญเป็นกุศล แล้วอย่างนี้ เจ้าจะกลับบ้านมาหาพ่อได้ยังไงล่ะ..

    อ่านมาเยอะแล้วน่ะ ทั้งจากในกระทู้ และในเฟส เจ้าพอจะจับจุดได้รึยัง มันแค่นิดเดียวเองน่ะ ไม่ต้องไปทำไรให้มากความเลย ถ้ายังไม่เก็ต ก็ส่งเมล์หาเราก็แล้วกัน

    โมทนาสาธุ
    :z4:z4:z4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 พฤษภาคม 2014
  2. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    555...หวัดดีจ้า พี่เพ็ญUK ไม่เห็นกันนานเลยเช่นกัน สบายดีเน๊าะ....ไม่มีอะไรค่ะ ก็พิมพ์ไปด้วยใจเบิกบานเน๊าะ ขำๆ ค่ะ...

    แหม๋...มากันขนาดนี้แล้ว จิตมันไม่ทิ้งธรรมไปง่ายๆ ดอกค่ะ ยิ่งออกไปเจออะไรๆ มานั้นแหล่ะ มันยิ่งเห็นธรรมจากของจริงมากขึ้น ถ้าจิตเข้าถึงธรรมได้แล้ว จะไปอยู่ไหน ที่ไหน สภาพแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะจ้า นี้แหล่ะคือ ข้อสอบของจิตอย่างแท้จริงว่า ละ ปล่อย วาง ได้จริงรึเปล่า...ส่วนเกษตอนนี้ก็ ไม่ค่อยยุ่งเท่าไรหรอก(มั้ง อิๆๆ) แปลงร่างกลายมาเป็นแม่ลูกอ่อน(ชั่วคราว)ค่าตอนนี้ ก็เลี้ยงหลานไปด้วย ตอบการบ้านไปด้วย ให้ธรรมมะไปด้วย ป้อนนมไป ลูกก็ร้องๆ ไป อากาศก็ร้อนๆ ไป(เป็นร้อนแรกที่ไม่ได้เจอมา8ปี) 555...ถ้าใจข้างในไม่ร่มๆ ลมเย็นๆ ก็ไม่รู้จะยังไงแล้วค่า...ก็คงจะตอบการบ้านไม่ออกแล้วค่า...เหอะๆๆๆๆ รับไปๆๆๆ จุ๊ๆๆ ไม่ได้บ่นน่ะ แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ 5555...

    ได๋เลยค่า...มาเมืองไทยเมื่อไร...ก็มาเจอกันน่ะน่ะ...มาเจอกันตัวเป็นๆ หน่อยจิ อิๆๆ
    yimmyimmyimm
     
  3. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ คือ พอได้มาอ่านเม้นท์ของดาวแล้วก็ขำกลิ้งเหมือนกันอ่ะ 55555 หัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใส่เน๊าะ...ก็อย่างที่บอกไปจ๊ะ...ไม่มีไร..เราก็เขียนไปด้วยใจเบิกบานหน่ะ ก็ไม่คิดว่าจะขำกันได้ขนาดนี้ ก็ฮากันขี้แตกขี้แตนไปเลยเน้อะ นานๆ ที...สงสัยงานนี้ ตุ๊กกี้มีคู่แข่งซะแล้ววว 5555

    ขอบคุณมาก สำหรับกำลังใจ มันมีจนล้นแล้ว เอามาอีกทีนี้ เหลือเลย อิๆๆ ก็กำลังใจไง๊ กำลังใจมันล้น...เหลือ...

    ไปนอนแร๊ะ กู๊ดไนท์จ้า ทุกๆ ท่าน
    :VO:VO:VO
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 พฤษภาคม 2014
  4. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ถ้าจิตเข้าถึงธรรมได้แล้ว จะไปอยู่ไหน ที่ไหน สภาพแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะจ้า นี้แหล่ะคือ ข้อสอบของจิตอย่างแท้จริงว่า ละ ปล่อย วาง ได้จริงรึเปล่า...

    ส่วนเกษตอนนี้ก็ ไม่ค่อยยุ่งเท่าไรหรอก(มั้ง อิๆๆ) แปลงร่างกลายมาเป็นแม่ลูกอ่อน(ชั่วคราว) ค่าตอนนี้ ก็เลี้ยงหลานไปด้วย ตอบการบ้านไปด้วย ให้ธรรมมะไปด้วย ป้อนนมไป ลูกก็ร้องๆ ไป อากาศก็ร้อนๆ ไป(เป็นร้อนแรกที่ไม่ได้เจอมา8ปี) 555...ถ้าใจข้างในไม่ร่มๆ ลมเย็นๆ ก็ไม่รู้จะยังไงแล้วค่า...ก็คงจะตอบการบ้านไม่ออกแล้วค่า...เหอะๆๆๆๆ รับไปๆๆๆ จุ๊ๆๆ ไม่ได้บ่นน่ะ แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ 5555...

    ได๋เลยค่า...มาเมืองไทยเมื่อไร...ก็มาเจอกันน่ะน่ะ...มาเจอกันตัวเป็นๆ หน่อยจิ อิๆๆ[/FONT]
    yimmyimmyimm[/QUOTE]

    สาธุจ้า น้องครูเกษ เจอกันแน่น้องถ้ากลับไปเมื่อไหร่? ถ้าลมหายใจยังไม่หมดก่อน..
    ตอนนี้น้องแปลงกายมาเป็นแม่ลูกอ่อน ชั่วคราว ส่วนพี่มาเป็นคนรับใช้คนแก่ ไม่แน่ใจว่าจะนานเท่าไหร๋? ตามแต่ทางเบื้องบบ. ท่านจัดสรรค์ให้ก็แล้วกัน เพราะพี่รู้อยู่ว่า ท่านส่งมาเจอของจริง เห็นของจริง แท้แน่นอนเลยว่า คนเราเกิดมาแล้ว ต้องแก่ ต้องเจ็บ และต้องตายเป็นของแท้..

    เห็นแล้วน้อมจิตพิจารณา ว่าสังขารนี้มันเป็นของหนักน่วงจริงๆ เห็นแล้วจิตพิจารณาเป็นธรรมทุกๆวันเห็นของจริง ถามว่าจิตเราชอบไหม? คําตอบมีให้พร้อมเลยว่า เรามีความเมตตาต่อเขาเหล่านี้ เราทํางานด้วยความเป็นสุข เพราะจิตเราเข้าใจสิ่งที่เราเข้ามารับรู้ คือ เราทําหน้าที่ของเราให้ดี และดูแลผู้ไม่มีทางเรียก เพราะความแก่ มันต้องเจอกันทุกๆคน..

    และในเวลาเดียวกันกับการไปทํางานดูแลคนแก่..ท่านก็มีบททดสอบจิต เข้ามาให้เห็นพร้อมกัน และในเวลาไล่ๆกัน เพราะท่านต้องการความแน่ใจว่าเราจะหลงไหม? โดยปกติ พี่ชอบช่วยเหลือคนที่เขาต้องการความเจริญ รุ่งเรืองไม่ว่าจะเป็นการแนะนํา ด้านธรรม เพราะอยากให้คนมีดวงตาเห็นธรรม หรือช่วยเหลือการงานหน้าที่ถ้าทําได้จะทํา เพราะต้องการให้คนมีปัจจัย เงินทองเพราะเขาจะมีโอกาสมาทําบุญให้ทาน และขณะเดียวกันก็ได้เข้าไปร่วมวง การของความงามนี้ มันแปลก แต่ดี ที่เราคิดอยากช่วยเขา และเราก็บังเอิญมีเพื่อนเยอะ จึงต้องมาร่วมเดินไป..แต่จิตเราก็ไม่ชอบด้านนี้อยู่แล้ว และมันก็ฝืนจิตตนเองไม่ได้...

    ตอนนี้จิตเราบอกว่า ถ้าเราติดในความงามอยู่นั้น เราก็ไม่พ้นต้องมาเกิด มาตายอีก เพราะยังติดในรูป-นาม แล้วเราอยากจะไปนิพพาน? ยังจะมายุ่งเกี่ยวอยู่หรือ? นั้นธรรมท่านตีขึ้น เลยคราวนี้ จิตมันไม่เอาดื้อๆ ถามว่าเราจะทําตัวอย่างไร? ก็คงจะต้องใช้สติ และความเป็นกลาง ในการประคับประคอง ให้อยู่ได้ในทางโลกและทางธรรมก็ต้องดําเนินคู่กันไป... ให้เราแยกกาย แยกจิตออกมา สิ่งไหนผิด-ถูก ชั่ว-ดี จิตเรารู้เอง..เห็นเอง..

    และอย่างไร พี่ขออนุโมทนาสาธุ กับน้องที่ได้เฝ้า สอนธรรม แด่ผู้ต้องการหลุดพ้นไปจากความทุกข์ ที่เราเป็นผู้ก่อเอง..แล้วถ้าเรามีธรรม ธรรมท่านก็ไม่ทิ้งเรา โดยเรามีสติ เป็นผู้ชี้บอกทางว่าเราจะเดินไปเช่นไร? จะปลอดภัยและเป็นเส้นทางพ้นจากทุกข์จริงๆ..นั้นเอง สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2014
  5. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    เมื่อชาวต่างชาติ ต่างศาสนา เห็นคุณค่าของพระรัตนตรัย...

    คีอานู รีฟส์ (Keanu Reves)

    ให้สัมภาษณ์เรื่อง "กรรม" และ "การยึดถือพระรัตนตรัย"

    "พระพุทธ...คือองค์พระศาสดา ผู้เปรียบเหมือนนายแพทย์ที่ค้นพบวิธีพ้นทุกข์
    พระธรรม...คือตัวยาที่จะฆ่าเหตุแห่งทุกข์ออกไปจากเรา และ
    พระสงฆ์...คือคณะแพทย์ที่รู้ว่าเราเหมาะกับยาใด เรียนรู้พระรัตนตรัย
    จะทำให้เราพบกับความสุขที่ยั่งยืน"

    " ...พวกเราทุกคนล้วนอยากมีความสุข หากเราคิดว่า ชีวิตเราถูกลิขิตมาตั้งแต่แรกเกิด
    เราก็จะคิดว่า เราไม่สามารถสร้างสิ่งดีๆให้ตัวเราได้ แต่ในศาสนาพุทธ ทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้น
    พุทธบอกให้เรามองสิ่งที่เกิดบนโลกนี้ในรูปแบบของความจริง (Fact)ที่เรียกว่า กรรม(Karma)

    ซึ่งขึ้นกับ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม (action body speech and mind)
    ซึ่งทั้งหมดจะรวมกันเป็น กรรม ที่หมายถึงการรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณเอง "

    *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

    สมาธิ และ การดูจิตตนเอง

    'ริชาร์ด เกียร์' (Richard Gears)

    เกียร์ทำสมาธิเป็นประจำทุกวัน “เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผมเกิดแรงจูงใจในแต่ละวัน” เขาพูด และบอกต่อไปว่า
    การทำสมาธิของเขา คือ “การทลายกำแพงของอัตตาลง ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนตัวตนของคุณให้เป็นอีกคนหนึ่ง และเมื่อคุณได้เรียนรู้การเข้าถึงธรรมชาติของตัวตน คุณจะเริ่มเข้าใจว่าแบบแผนชีวิตของคุณเป็นอย่างไร และอะไรทำให้คุณตกอยู่ในสภาวะสับสน ผิดหวัง ไม่เป็นสุข ดังนั้น คุณก็จะรู้ว่า ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และจะหา ทางหลุดจากตรงนั้นได้อย่างไร เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป”

    ดาราดังย้ำถึงเป้าหมายสูงสุดในการทำสมาธิว่า “เพื่อที่เราจะได้มีความสุขมากขึ้น คือช่วยทำให้สภาพทางอารมณ์และจิตใจดีขึ้น มันเป็นแนวทางปฏิบัติที่จะพาพวกเราผ่านพ้นความทุกข์ มุ่งหน้าสู่ความสุข
    แต่เป็นเพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ชีวิตจึงดูวุ่นวายสับสนทุกครั้งไป

    การอ่านใจตนเอง ก็คือ มองที่ตัวเราเองและเข้าใจจิตวิญญาณ ความเกลียดจะกลายเป็นความรักและนั่นเป็น
    หนทางที่ผมกำลังปฏิบัติอยู่”


    Cr...Fb ธมมวิชชา ธัมมมวิชชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2014
  6. ladylamb

    ladylamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +200
    ...แอบมารายงานครูเกษ... (แล้วครูจะมาเห็นหรือเปล่านะ)
    ..
    ..
    ..คือ ครูเกษให้ไปหาสติ
    ..ผมก็เลยเกิดอาการ จะแก้ยังไงนะ
    ..แถมช่วงนี้จิตไม่ค่อยเกาะพระเลย หลุดบ่อย
    ..
    ..
    ..พอผมสวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จ ก็เลยไปเดินจงกรมหลังบ้านแทน
    ..เพราะอากาศสบายๆดี
    ..ผมเดินภาวนาพุทธโธๆๆๆ ไปเรื่อยๆ
    ..ผมก็ถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อผมจะทำยังไงดี
    ..ผมจะหันไปภาวนาพุทธโธ เหมือนเดิมจะดีมั้ย
    ..อาจจะช่วยให้มีสติมากขึ้น
    ..
    ..
    .ผมทำอย่างนี้หลายวัน คือสวดมนต์ไหว้พระเสร็จในตอนเย็น
    ..ก็มาเดินจงกรมหลังบ้าน..
    .
    .เมื่อคืนเดินไปเดินมา ผมเกิดสะดุดจิตหน่อยหนึ่ง
    ..
    .ภาวนาพุทธโธ ผมก็ยังหลุด ยังหลุดๆ
    .แต่ถ้าเราจับภาพพระ จะสะดวกกว่า..
    ..ครูเกษบอกว่า ในหนึ่งชั่วโมง จับภาพพระได้อย่างน้อย 7-8 ครั้ง ก็ยังดี..
    ..
    .ฉะนั้นให้เรากลับมาจับภาพพระ..
    ..สรุปว่าจิตก็ได้คำตอบ เกิดขึ้น....
    ..ตกกลางคืน ผมฝันเห็นหลวงพ่อ..
    ..
    ..นานแล้วที่ผมไม่เคยฝันเห็นหลวงพ่อ
    ..แม้จะเคยฝันเห็นหลายครั้ง แต่ไม่เคยจำได้ว่า
    ..หลวงพ่อพูดอะไร..
    ..
    ..แต่เมื่อคืน
    ..ผมเห็นหลวงพ่อมาแบบหลวงพ่อยังเป็นหนุ่มอยู่..
    ..ท่านนนั่งขัดสมาธิอยู่หันข้างให้ผม..
    ..แล้วก็มีคนส่งเสียงแสดงความดีใจ กับคนที่จิตไปนิพพาน.
    ..
    ..ผมเลยไป จับเข่าหลวงพ่อ..
    ..บอกหลวงพ่อ ขอผมไปด้วยนะ
    ..หลวงพ่อท่านก็ส่ายหัว (เหมือนอ่อนอกอ่อนใจกับผม)
    ..ท่านก็บอกว่า....บอกแล้วไงให้ทำ
    ..
    ..แล้วท่านก็หายไป...

    ..เป็นครั้งแรกที่ ผมรู้ว่าหลวงพ่อบอกอะไร
    ..ตื่นขึ้นแล้วจำได้..
    ..แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว..
    ..
    ..ขออภัยคุญครูทุกท่าน ที่มาเล่าความฝันให้ฟัง..
    ..แบบว่า อาศัยฝันเอา ไม่รู้จะถูกหรือไม่..
    ..
    ..กราบขอบคุณหลวงพ่อที่มาเตือนสติ..ลูกด้วย..
    ..รักและเคารพหลวงพ่อมากๆ
    ..สาธุๆๆ

    ขอโมทนา สาธุกับคุณ Thipong ด้วยค่ะ
    เห็นหรือยังหล่ะค่ะว่าหลวงพ่อของเราท่านมีเมตตามาก
    หาที่ประมาณไม่ได้ ปฏิปทาของท่านที่จะช่วยนำพาลูกหลาน
    ของท่านให้ก้าวข้ามทะเลแห่งทุกข์ยังมีอยู่ตลอดแม้ท่านจะได้ละ
    สังขารไปนานแล้ว ขอแค่พวกเรานักปฏิบัติมีความตั้งใจอั่นแน่วแน่
    ที่จะให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย อธิษฐานจิตให้ถึงท่านไปเลยค่ะ
    แล้วคุณจะเข้าใจว่าหลวงพ่ออยู่กับเราตลอดเวลาไม่ว่าเราจะทำ
    อะไร ท่านสื่อถึงเราไม่ได้ในขณะที่ตื่น ท่านก็จะมาสงเคราะห์ในยาม
    ที่เราหลับ( หลับในณาณ) หรือแม้แต่ในขณะที่เราสวดมนต์ไหว้พระ
    พอจิตนิ่งจะสามารถรับสื่อจากท่านได้ ดิฉันก็ได้ความเมตตาจากหลวง
    พ่อหลายครั้งหลายคราเช่นกันในช่วงที่เข้ามาเรียนจิตเกาะพระใหม่ๆ
    ได้รับกำลังใจจากท่านแล้วทำให้เรามั่นใจว่าเราจะต้องผ่านพ้น และเรียน
    รู้สภาวะธรรมที่กำลังเกิดขึ้นกับเราได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าเราจะต้องสร้างกำลังใจ
    ของเราเองด้วย และที่สำคัญเราจะต้องเจริญสติของเราให้ได้อย่างต่อเนื่องด้วย

    ช่วงแรกๆดิฉันก็มีปัญหาเหมือนคุณค่ะ ไม่แน่ใจในการที่จะเจริญสติให้ได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งตอนนั่งภาวานาก็จะงงว่าจะใช้คำบริกรรม พุทโธ หรือจะจับภาพพระในขณะที่นั่งภาวนาดี เพราะก่อนที่ดิฉันจะเข้ามาเรียนจิตเกาะพระดิฉันไม่เคยนั่งภาวนามาก่อนเลย ก็เลยทำให้จิตเราไม่คุ้นกับคำภาวานาไม่ว่าจะเป็นอะไร แต่สิ่งที่ดิฉันได้ปฏิบัติช่วงนั้นก็คือจะไม่เน้นเรื่องคำภาวานา หรือเน้นเรื่อง
    เกาะติดภาพพระ(ในขณะที่นั่งภาวนา) ดิฉันก็นั่งดูลมหายใจเข้า หายใจออกของตัวเองไปเรื่อย บางครั้งภาพพระก็จะปรากฏเข้ามาเป็นระยะๆ เพราะจิตเราเริ่มจะชินที่จะนึกถึงพระค่ะ จะเข้ามาเองโดยอัตโนมัติแล้วก็หายไปพอท่านหายไปก็มากลับมาดูลมหายใจเราต่อ ทำจนชิน จนจิตนิ่งนะค่ะ มีหลายวิธีที่จะหลอกให้จิตนิ่งเป็นสมาธิค่ะ ก็เลื่อกใช้เอาว่าแบบไหนจะถูกกับจริตของเรา

    ขออ้างถึงพระบารมีขององค์หลวงพ่อของพวกเรา และความมุ่งมั่น ความเพียร
    ของคุณที่จะเดินให้ถึงซึ่งพระนิพพาน ได้เป็นปัจจัยให้คุณมีความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติยิ่งๆขึ้นไป สาธุ
    อุ๋ย
     
  7. ladylamb

    ladylamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +200
    สาธุจ้า น้องครูเกษ เจอกันแน่น้องถ้ากลับไปเมื่อไหร่? ถ้าลมหายใจยังไม่หมดก่อน..
    ตอนนี้น้องแปลงกายมาเป็นแม่ลูกอ่อน ชั่วคราว ส่วนพี่มาเป็นคนรับใช้คนแก่ ไม่แน่ใจว่าจะนานเท่าไหร๋? ตามแต่ทางเบื้องบบ. ท่านจัดสรรค์ให้ก็แล้วกัน เพราะพี่รู้อยู่ว่า ท่านส่งมาเจอของจริง เห็นของจริง แท้แน่นอนเลยว่า คนเราเกิดมาแล้ว ต้องแก่ ต้องเจ็บ และต้องตายเป็นของแท้..

    เห็นแล้วน้อมจิตพิจารณา ว่าสังขารนี้มันเป็นของหนักน่วงจริงๆ เห็นแล้วจิตพิจารณาเป็นธรรมทุกๆวันเห็นของจริง ถามว่าจิตเราชอบไหม? คําตอบมีให้พร้อมเลยว่า เรามีความเมตตาต่อเขาเหล่านี้ เราทํางานด้วยความเป็นสุข เพราะจิตเราเข้าใจสิ่งที่เราเข้ามารับรู้ คือ เราทําหน้าที่ของเราให้ดี และดูแลผู้ไม่มีทางเรียก เพราะความแก่ มันต้องเจอกันทุกๆคน..

    และในเวลาเดียวกันกับการไปทํางานดูแลคนแก่..ท่านก็มีบททดสอบจิต เข้ามาให้เห็นพร้อมกัน และในเวลาไล่ๆกัน เพราะท่านต้องการความแน่ใจว่าเราจะหลงไหม? โดยปกติ พี่ชอบช่วยเหลือคนที่เขาต้องการความเจริญ รุ่งเรืองไม่ว่าจะเป็นการแนะนํา ด้านธรรม เพราะอยากให้คนมีดวงตาเห็นธรรม หรือช่วยเหลือการงานหน้าที่ถ้าทําได้จะทํา เพราะต้องการให้คนมีปัจจัย เงินทองเพราะเขาจะมีโอกาสมาทําบุญให้ทาน และขณะเดียวกันก็ได้เข้าไปร่วมวง การของความงามนี้ มันแปลก แต่ดี ที่เราคิดอยากช่วยเขา และเราก็บังเอิญมีเพื่อนเยอะ จึงต้องมาร่วมเดินไป..แต่จิตเราก็ไม่ชอบด้านนี้อยู่แล้ว และมันก็ฝืนจิตตนเองไม่ได้...

    ตอนนี้จิตเราบอกว่า ถ้าเราติดในความงามอยู่นั้น เราก็ไม่พ้นต้องมาเกิด มาตายอีก เพราะยังติดในรูป-นาม แล้วเราอยากจะไปนิพพาน? ยังจะมายุ่งเกี่ยวอยู่หรือ? นั้นธรรมท่านตีขึ้น เลยคราวนี้ จิตมันไม่เอาดื้อๆ ถามว่าเราจะทําตัวอย่างไร? ก็คงจะต้องใช้สติ และความเป็นกลาง ในการประคับประคอง ให้อยู่ได้ในทางโลกและทางธรรมก็ต้องดําเนินคู่กันไป... ให้เราแยกกาย แยกจิตออกมา สิ่งไหนผิด-ถูก ชั่ว-ดี จิตเรารู้เอง..เห็นเอง..

    และอย่างไร พี่ขออนุโมทนาสาธุ กับน้องที่ได้เฝ้า สอนธรรม แด่ผู้ต้องการหลุดพ้นไปจากความทุกข์ ที่เราเป็นผู้ก่อเอง..แล้วถ้าเรามีธรรม ธรรมท่านก็ไม่ทิ้งเรา โดยเรามีสติ เป็นผู้ชี้บอกทางว่าเราจะเดินไปเช่นไร? จะปลอดภัยและเป็นเส้นทางพ้นจากทุกข์จริงๆ..นั้นเอง สาธุค่ะ

    โมทนา สาธุธรรม ค่ะเพ็ญ
    จากธรรมที่เพ็ญได้พบ ได้เรียนรู้เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าเงินทองเสียอีก
    มองทุกอย่างให้เป็นธรรมได้ สิ่งที่เรายังไม่ได้เรียนรู้ยังไม่เข้าใจ
    เราจะต้องรู้แจ้งเห็นจริงด้วยตัวของเราเองในสิ่งทั้งหลายทั้งมวล
    ที่เรายังรู้ไม่ครบ เราถึงจะสามารถตัดภพตัดชาติได้ในที่สุด
    ขอความเจริญในธรรมจงเป็นสมบัติของเธอจนกว่าเธอจะได้ก้าว
    ท้าวของเธอเหยียบย่างพระนิพพานเทอญ สาธู
    อุ๋ย
     
  8. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ปฏิเวธ...

    คือ ผลการปฏิบัติ... ธรรมปฏิบัติที่เกิดขึ้น ปรากฏแก่ จิตของผู้นั้น
    ย่อมเป็นปัจจัตตัง รู้ เข้าใจ และ เข้าถึง ได้เฉพาะตน ...
    และถ้าหากว่าปฏิเวธ นั้นจะเป็นประโยชน์ ต่อ ผู้อื่นที่กำลังเดินทางเหมือนกัน ...
    การแบ่งปันธรรมต่อเพื่อนผู้ร่วมเดินทาง น่าจะเป็นการดีทีเดียว

    วันนี้ขอนำเสนอ ผลงานเขียน เรื่อง กาย ใจ เส้นทางโลก เส้นทางธรรม
    โดย บุญนิพพาน (boonnippan) ...
    อีกหนึ่ง กำลังสำคัญของ สมาคมจิตเกาะพระ และ งานพระศาสนาสืบต่อไป...


    กาย ใจ: เส้นทางโลก เส้นทางธรรม
    โดย บุญนิพพาน (boonnippan)​


    “มหาลัยมีเนื้อที่กี่ร้อยไร่เนี่ยพี่” เป็นคำถามที่ได้ยินเสมอในบางครั้งที่ต้องนั่งแท็กซี่มาทำงาน
    คนทั่วไปมองพื้นที่ภายนอก ตึก ต้นไม้ สระน้ำ เป็นมหาวิทยาลัยทั้งๆที่จริงๆแล้ว มหาวิทยาลัยของจริงอยู่ในห้องเรียนเล็กๆบรรจุคน 20 คน 30 คน หรือ 100 คน แล้วแต่ลักษณะวิชา คนภายนอกแทบจะไม่ได้เห็นตัว “มหาวิทยาลัย” ที่แท้จริงเลยแม้จะผ่านไปผ่านมากี่ร้อยครั้งพันครั้งก็ตาม จะมีก็แต่ผู้ฝึกฝนวิชาในแต่ละห้องเรียนเท่านั้น ที่ซึมซับความรู้ต่างกันตั้งแต่เกรด F จนถึง A มีทั้งผู้ที่เรียนจบและรีไทร์

    การใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ก็เช่นเดียวกัน คนทั่วไปหรรษากับความสุขภายนอก ไปกินอาหารร้านหรู ไปดูคอนเสิร์ทนักร้องต่างชาติ วิ่งหนีความทุกข์ที่เป็นเพียงเปลือกทุกข์ภายนอก แฟนทิ้ง ไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าทันสมัย อยากยิ่งใหญ่ โดยลืมไปว่าจริงๆแล้วการหนีทุกข์และเข้าหาสุขที่แท้จริงนั้นตั้งอยู่ในหลืบเล็กๆภายในกายนี่เอง
    เพียงแต่ต้องผ่าน ด่านอรหันต์ 3 ด่านให้ได้

    ด่านเริ่มต้น: สังเกต

    ถ้าดูดีๆ กายของเรามีอะไรให้น่าค้นหามากมาย บางคนก็เริ่มรู้กาย รู้เวทนา รับรู้กายเป็นด่านแรกในการฝึกตน เป็นการสังเกตสิ่งที่หยาบและง่ายต่อการมองเห็น เห็นกายนั่ง เห็นกายนอน ยืน เดิน วิ่ง เห็นกายทำอาการต่างๆทั้งวี่ทั้งวัน ในวาระแรกๆเรามักจะบอกตัวเองว่า “ฉันอ้วนจัง ฉันสวยจัง” และถ้าเห็นกายได้ เราอาจเริ่มเห็นเวทนา ความเจ็บ ความปวด “ฉันหิวแล้ว” “ฉันปวดเหลือเกิน”

    ในการเห็นกายและเวทนานี้ เรายังคงมองว่า ไอ้เจ้ากายและเวทนานี้มันคือตัวเรา ตัวเรา และตัวเรา แม้จะไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อย การสังเกตสิ่งหยาบๆได้เริ่มขึ้นแล้วและจะนำไปหาการสังเกตสิ่งละเอียดต่อไป นั่นคือสังเกตอารมณ์นั่นเอง เพราะเราคิดว่า เราคือกายและความเจ็บปวด ความหิว ความอิ่ม เราก็เลยคิดต่อไปว่า เราก็อยู่ในอารมณ์ทุกข์สุข รักชอบเกลียด นี้ด้วย แต่ถ้าเราสังเกตอารมณ์ “เฮ้ย เรากำลังจะโกรธนะ” “อ๊ะ อ๊ะ เราไม่ชอบคำพูดนี้เลย เดี๋ยวเถอะ (มรึง)” การสังเกตได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ขึ้นอยู่ว่าจะเดินไปแยกไหนต่อ...
    1 เมื่อเห็นกำลังจะโกรธก็กระพือไฟโกรธแบบวาจากราดเกรี้ยวจัดเต็ม แต่งเติมอารมณ์ให้เข้มข้นขึ้นในระยะเวลาเผาขนที่แทบจะใช้เรดาร์ตามจับไม่ทัน หรือ
    2 เกิดการยับยั้ง โดยสติ หรืออะไรซักอย่าง ตามประสาปุถุชน “อย่าทำเลย อย่าโกรธเลย ไร้สาระ”

    ด่านที่สอง: คิดชอบ เห็นชอบ จาก จิตเกาะพระ

    การสังเกตกาย เวทนา อารมณ์แบบนี้มีประโยชน์เบื้องต้นสำหรับชีวิตประจำวัน และการงาน แต่ก็ยังไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เพราะเซลล์มะเร็งตัวร้ายคือ เรายังมองว่า ทุกอย่างนี้เป็นฉัน กายนี้คือกายของฉัน ความเจ็บปวดทุกข์สุขมันคือฉันทั้งหมด
    จึงเป็นเรื่องยาก ถ้าจะบอกว่าไอ้กายที่เห็นในกระจกมันไม่ใช่ฉัน “ผมนี่ก็ของฉัน” ตัวสวยหรือไม่สวยก็ของฉัน มองกี่ทีๆก็ของฉัน การเริ่มมองว่ากายไม่ใช่เราจึงเป็นเรื่องยากมาก อ่านหนังสือสิบเล่ม สนทนาธรรมสิบรอบก็ไม่เข้าถึงใจ ยังงั๊ย ยังไง ก็กายของเราวันยังค่ำ

    ธรรมวิธีที่แยบยลในการเจอเส้นทางลัด คงไม่มีอะไรเกินการฝากจิตไว้กับบุญ ศีล สมาธิ ฝากใจไว้กับพระจนจิตอยู่ในเขตบุญจนเกิด คิดชอบ และ เห็นชอบ จนกระทั่ง เห็นรูป เห็นนาม เห็นธรรม การสังเกตการเปลี่ยนแปลงในกายทำให้เห็นธรรมต่อไปอีก ไม่กี่วันผมเล็บก็ยาวขึ้น ตัดทิ้งไป ไม่มีใครเก็บซากเล็บหรือผมไว้ซักคน อาหารที่กินเข้าไปก็กลายเป็นของเสีย ไม่มีใครเก็บอุจจาระ ปัสสาวะ การสังเกตกลิ่นเหม็นจากอุจจาระหรือลมเรอ ก็ทำให้จินตนาการได้ไม่ยากว่าภายในกายจะเน่าเหม็นขนาดไหน กินเสร็จ ถ่ายออก เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา เห็นการเกิดดับในกายจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและจากกระบวนการต่างๆภายในกาย กายที่คิดว่าเป็นของเราก็ไม่จีรังเอาซะเลย หลับไปตอนกลางคืน ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับกายที่ทุกอย่างเหมือนอยู่ในกล่องดำ ไม่รู้ว่ากายเป็นอย่างไร จิตวิญญาณไปไหน จะตายตอนไหนก็ไม่รู้ตัว คุมไม่ให้ตายไม่ได้อีกต่างหาก
    การสังเกตเวทนาก็เช่นเดียวกัน มีเริ่มปวด ปวดเพิ่มขึ้น ปวดที่สุด และปวดดับในที่สุด ความปวดก็ไม่คงทนอีกเหมือนกัน

    ปัจจุบันธรรมกับตัวอารมณ์ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เวลาอารมณ์ดับ ถ้ามองย้อนระลึกก็จะก็เห็นไตรลักษณ์เหมือนขันธ์อื่นๆ เห็นรูปแบบเดียวกัน ความไม่คงที่ ความเปลี่ยนไป ไหลไปตามสิ่งเร้ารอบข้างจากสิ่งที่เห็น อาหารที่ทานเข้าไป สิ่งที่ได้กลิ่น เสิยงที่ได้ยิน ถ้าสังเกตลึกเข้าไป อารมณ์ก็ไม่เที่ยงอีกแล้ว และเมื่ออะไรๆก็ไม่เที่ยง เราจะไปยึดมันทำไม ปลงใจว่ามันไม่ใช่ของเรา กายที่มีแต่เรื่องราววุ่นวาย ทุกข์สุขที่สลับกันเกิดดับ กายหิว กายอิ่ม เวทนา อารมณ์ที่เกิดดับ ทำไปทำมาไอ้ตัวที่เฝ้าดูนี้ต่างหากที่ดูเหมือนอยู่คู่เราจริงๆ ตัวนี้เฝ้าดูเกิดไล่เลี่ยมากับตัวความตระหนักรู้ รู้ตัว รู้กาย รู้อารมณ์ ตัวนี้รู้ ตัวนี้เห็น ตัวนี้ต่างหากคือเรา เราคือจิตที่เฝ้าดูอาการทุกข์กาย ทุกข์ใจ ส่วนจะเห็นความทุรนทุรายของอารมณ์ หรือเห็นว่าตัว (จิต) เองกำลังทุรนทุรายด้วย ก็ต้องใช้การปฏิบัติที่สติคอยตามดูเพื่อตัวที่เฝ้าดูนี้จะเกิดการเห็นจริง

    การทลายความเห็นว่า กายนี้ไม่ใช่เราว่ายากแล้ว สิ่งที่ยากมากกว่า คือการสังเกตอารมณ์จิต เพราะเราเข้าใจว่ามันคือเรา มันคือจิต ยิ่งไปเจอศัพท์พระบาลี ยิ่งไม่เข้าใจหนัก ยิ่งทำให้อยากอยู่กับการปฏิบัติสมาธิสมถะเพราะเห็นผลเป็นขั้นเป็นตอนและมีสีสันจากการได้เห็นอะไรที่เกินตาเนื้ออีกต่างหาก แต่ถ้าเราเห็นจริงว่ากายไม่ใช่เรา และเราไม่ปรารถนาการเกิดมีกายอีก การสังเกตอารมณ์จิตจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการตัดภพชาติ แม้จะยากมากแต่มีค่าควรต่อการปฏิบัติ เมื่อตัวตระหนักรู้มันทำงานมากขึ้น จากการสังเกตทางกาย เวทนา อารมณ์

    ในบางสถานการณ์เราจะเห็น จิตเห็นจิต จิตตัวหนึ่งเห็นจิตตัวสอง จิตหนึ่ง คือ ตัวรู้ เฝ้าดูเงียบๆ เห็นว่ากำลังเกิดอารมณ์ตุๆ พร้อมชก พร้อมสวนกลับ ถ้าสติตามไม่ทัน จิตตัวสอง หรือตัวถูกรู้ หรืออารมณ์จิตจะเพิ่มความเข้มข้นกลายเป็นอารมณ์ในลำดับถัดมา โดยจิตตัวหนึ่งคือตัวจิตผู้รู้อาจตามไม่ทันถ้าไม่มีความรู้ตัว
    ในทางโลก จิตตัวที่หนึ่ง อาจคล้ายๆ awareness ความตระหนักรู้ ที่คอยควบคุมพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแนวทางต่างๆ ในขณะที่ จิตตัวที่สอง หรืออารมณ์จิต รวมอยู่กับจิตและอารมณ์จนแทบแกะกันไม่ออก จิตตัวนี้เหมือนนกสองหัวยังไงยังงั้น ดังนั้น การเฝ้าดูจนจิตเห็นจิตจึงเป็นการเห็นการเกิดดับที่ยากที่สุดและดูเหมือนจะเป็นตัวสุดท้ายที่สังเกตเห็น ในทางธรรม จิตตัวผู้รู้ ซึ่งถ้ามองเปรียบเทียบแบบหยาบๆดูเหมือนอยู่ในพื้นที่ด้านในสุดที่ต้องใช้สติขุดเข้าไป แต่จิตตัวนี้เมื่อขุดได้แล้ว จะเกิดการรู้หรือเห็นกว้างที่สุด จิตตัวรู้ตัวนี้จึงไม่แสดงตนถ้าไม่มีสติหรือสมาธิเพียงพอ

    การปฏิบัติอยู่เหนือขันธ์ ๕ กายไม่เอา เวทนาและอารมณ์ปรุงแต่งไม่ใช่เรา สิ่งสำคัญคือจิตที่ไปเห็นการเกิดดับของกาย เวทนา อารมณ์ และอารมณ์จิต เมื่อปฏิบัติจิตต่อเนื่อง จะเห็นว่าเป็นจิตตัวรู้ที่เป็นฮีโร่พาเราตัดภพชาติ
    ดังนั้น การปฏิบัติที่แท้จริงคือการศึกษากายและเข้ามาเน้นที่จิต มหาวิทยาลัยที่แท้จริงคือห้องเรียนเล็กๆที่ผู้เรียนต้องเข้าไปนั่งเรียนในห้องต่างๆจนได้วิชาความรู้ไปประกอบอาชีพ อริยทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ในการเรียนรู้ธรรมที่แท้จริง คือรู้กาย คือรู้จิต รู้จิตแท้หรือจิตผู้รู้ที่เห็นอารมณ์จิต จิตแท้เห็นกาย เวทนา อารมณ์ ธรรมะของไตรลักษณ์ จิตแท้คือจิตผู้รู้ที่ทิ้งอารมณ์จิตที่ถูกรู้ ตัวรู้ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติใช้ชีวิตอยู่กับความไม่เที่ยง ความทุกข์ของขันธ์ ๕ และความไม่มีอะไรในสรรพสิ่งได้อย่างว่าง


    ถ้าทุกข์เปรียบเหมือนนรก สุขเปรียบเหมือนสวรรค์
    ไม่ทุกข์ ไม่สุข นั้นไซร้ คือ อารมณ์นิพพาน นั่นเอง
    คือ รู้ ละ ว่าง ใน วิถีอริยชน นั่นเอง​

    ด่านที่สาม ด่านสุดท้าย: ว่างอย่างอริยจิต

    ในขณะทีเห็นการเกิดดับของ กาย เวทนา อารมณ์จิต สังขาร (อารมณ์ปรุงแต่ง) ดูเหมือนเป็นสัญญาณที่ดีว่าเราเริ่มเดินเข้าสู่ปากทางที่จะกลับ “บ้านพระนิพพาน” ไม่มีเลขที่ บนอากาศไกลโพ้น ใช่เลย เราเจอแล้วทางที่จะกลับบ้าน แต่กลับเป็นเพียงการเริ่มต้นที่ต้องเดินลึกเข้าไปที่ผู้เดินทางทั้งหลายต้องใช้ความพยายามต่อไปอีกจึงจะถึงบ้าน

    ทำอย่างไรผู้แสวงหาความหลุดพ้นจึงจะเจอทางลัดอีกครั้งที่จะเดินต่อจากปากทางเพื่อเข้าถึง “บ้าน” และเข้าไปนั่งในนั้นอย่าง ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องดับ อีกต่อไป
    ทำอย่างไรจึงจะ ละจิตตัวรู้ ละธรรม ลงซะได้
    การละครั้งนี้น่าจะเป็นการละวางครั้งยิ่งใหญ่เพื่อให้ถึง ตัวว่าง ที่แท้จริงของดวงจิตอริยะ
    ณ บ้านพระนิพพาน ซะที

    เป็นการละที่ข้าพเจ้า บุญนิพพาน กำลังเพียรพยายามอย่างมอบกายถวายชีวิตอยู่เช่นกัน

    boonnippan
    จ.บ.๑๔๒
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2014
  9. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    สาธุค่ะ ขออนุโมทนากับเจ้าของจิต คือ คุณบุญนิพพานค่ะ จิตท่านช่างสงบ สะอาด สว่างและดวงปัญญาที่ท่านได้เจอแล้ว เห็นแล้ว คําพูดที่ท่านพูด กล่าวออกมา เป็นคําพูดที่เจ้าของจิต ได้เจอความยิ่งใหญ่ คือเจอพระพุทธเจ้า ที่ท่านเห็นแล้ว ประกาศแล้วมา"ท่านจงมาดูเถิด" เป็นคําพูดที่ท่านพูดบอกโลกไว้ว่า ธรรมเป็นของจริง ที่ผู้เห็นแล้วย่อมอยู่เป็นสุข เหมือนท่านเปรียบเทียบไว้ ที่ทุกๆชีวิตจะต้องกล่าวเดิน เมือนการเข้ามาศึกษา ในมหาลัย แต่มหาลัย ทางโลก ก็เพื่อให้จบมามีหน้าที่ การงาน และเป็นที่มาของทรัพย์ คือการเลี้ยงชีพ นั้นคือ ทางโลก

    แต่ มหาลัยทางธรรม ที่ท่านกล่าวไว้แล้วนั้น เป็นการเรียนค้นหาตนเองให้พบ ให้เจอ ว่าเราเกิดมาแล้วมีอะไรที่เราจะเอาไปได้ อะไรที่เป็นแก่นสารของชีวิต หลวงปู่หลวงตา จึงได้เรียนลงในร่างกายของท่านเอง แล้วเห็นแล้วว่า ทางธรรมนั้นจบสิ้นลงที่การหมดกิเลสนั้นเอง..เพราะจิตได้ศึกษา ทั้งภายนอก และภายใน ภายนอกคือเรามีศีล และภายในคือเรามีการภาวนาหยั่งรู้ลงถึงรากของจิต ที่จิตรู้เห็นแล้วจึงรู้รอบภายในกาย ภายในใจแล้วเห็นมันว่าทุกๆอย่างมันเป็นของธรรมดา..นั้นเอง สาธุค่ะ
     
  10. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สาธุจ้า น้องครูเกษ เจอกันแน่น้องถ้ากลับไปเมื่อไหร่? ถ้าลมหายใจยังไม่หมดก่อน..
    ตอนนี้น้องแปลงกายมาเป็นแม่ลูกอ่อน ชั่วคราว ส่วนพี่มาเป็นคนรับใช้คนแก่ ไม่แน่ใจว่าจะนานเท่าไหร๋? ตามแต่ทางเบื้องบบ. ท่านจัดสรรค์ให้ก็แล้วกัน เพราะพี่รู้อยู่ว่า ท่านส่งมาเจอของจริง เห็นของจริง แท้แน่นอนเลยว่า คนเราเกิดมาแล้ว ต้องแก่ ต้องเจ็บ และต้องตายเป็นของแท้..

    เห็นแล้วน้อมจิตพิจารณา ว่าสังขารนี้มันเป็นของหนักน่วงจริงๆ เห็นแล้วจิตพิจารณาเป็นธรรมทุกๆวันเห็นของจริง ถามว่าจิตเราชอบไหม? คําตอบมีให้พร้อมเลยว่า เรามีความเมตตาต่อเขาเหล่านี้ เราทํางานด้วยความเป็นสุข เพราะจิตเราเข้าใจสิ่งที่เราเข้ามารับรู้ คือ เราทําหน้าที่ของเราให้ดี และดูแลผู้ไม่มีทางเรียก เพราะความแก่ มันต้องเจอกันทุกๆคน..


    และในเวลาเดียวกันกับการไปทํางานดูแลคนแก่..ท่านก็มีบททดสอบจิต เข้ามาให้เห็นพร้อมกัน และในเวลาไล่ๆกัน เพราะท่านต้องการความแน่ใจว่าเราจะหลงไหม? โดยปกติ พี่ชอบช่วยเหลือคนที่เขาต้องการความเจริญ รุ่งเรืองไม่ว่าจะเป็นการแนะนํา ด้านธรรม เพราะอยากให้คนมีดวงตาเห็นธรรม หรือช่วยเหลือการงานหน้าที่ถ้าทําได้จะทํา เพราะต้องการให้คนมีปัจจัย เงินทองเพราะเขาจะมีโอกาสมาทําบุญให้ทาน และขณะเดียวกันก็ได้เข้าไปร่วมวง การของความงามนี้ มันแปลก แต่ดี ที่เราคิดอยากช่วยเขา และเราก็บังเอิญมีเพื่อนเยอะ จึงต้องมาร่วมเดินไป..แต่จิตเราก็ไม่ชอบด้านนี้อยู่แล้ว และมันก็ฝืนจิตตนเองไม่ได้...

    ตอนนี้จิตเราบอกว่า ถ้าเราติดในความงามอยู่นั้น เราก็ไม่พ้นต้องมาเกิด มาตายอีก เพราะยังติดในรูป-นาม แล้วเราอยากจะไปนิพพาน? ยังจะมายุ่งเกี่ยวอยู่หรือ? นั้นธรรมท่านตีขึ้น เลยคราวนี้ จิตมันไม่เอาดื้อๆ ถามว่าเราจะทําตัวอย่างไร? ก็คงจะต้องใช้สติ และความเป็นกลาง ในการประคับประคอง ให้อยู่ได้ในทางโลกและทางธรรมก็ต้องดําเนินคู่กันไป... ให้เราแยกกาย แยกจิตออกมา สิ่งไหนผิด-ถูก ชั่ว-ดี จิตเรารู้เอง..เห็นเอง..

    และอย่างไร พี่ขออนุโมทนาสาธุ กับน้องที่ได้เฝ้า สอนธรรม แด่ผู้ต้องการหลุดพ้นไปจากความทุกข์ ที่เราเป็นผู้ก่อเอง..แล้วถ้าเรามีธรรม ธรรมท่านก็ไม่ทิ้งเรา โดยเรามีสติ เป็นผู้ชี้บอกทางว่าเราจะเดินไปเช่นไร? จะปลอดภัยและเป็นเส้นทางพ้นจากทุกข์จริงๆ..นั้นเอง สาธุค่ะ
    [/QUOTE]


    [​IMG]

    สาธุบุญกับพี่เพ็ญเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนของเกษตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากพี่เพ็ญเล๊ย...กลับมาคราวนี้ (ก็โดนจัดสรรมาเหมือนกัน เหอะๆๆ)...ต้องกลับมาชดใช้ให้ทั้งวงเวียนใหญ่ และวงเวียนเล็ก...ซึ่งแต่ละวงเวียนที่เจอนั้น...ไม่ธรรมดา...อึ้ อื้อ ไม่ธรรมดา (เพลงของไชยา มิตรไชยหน่ะ อิๆๆ)...ซึ่งวันนี้เอาวงเวียนเล็กไปก่อนก็แล้วกัน ส่วนวงเวียนใหญ่เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังทีหลัง...

    ก็เจ้าหลานชายโต๋น้อยๆนี้แหล่ะ...ที่เค้าอยากจะลงมาเกิดเป็นหลานป้าจริงๆ เล๊ย...ทั้งๆที่แม่กับพ่อมันยังไม่พร้อมจะมีมันเลย...แต่พอมีแล้วก็ต้องทำให้พร้อมรอต้อนรับกับการมาเกิดของลูกรัก...จิตมันเห็นธรรมผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ให้เห็นถึงความจริงของการมีร่างกายนี้ว่า มันทุกข์จริงๆ ทุกข์มาตั้งแต่เกิดเลยน่ะ...นาทีแรกที่เห็นหลานมันก็ร้องไห้เสียงดังจ้ามาเชียว (เออ..ไม่เห็นมีใครเกิดมาแล้วหัวเราะเลยสักคน ไม่ว่าจะลูกคนรวย หรือ จน) มือก็กำกรรมมาด้วยตั้งแต่อยู่ในท้องเลย (แปลกมือเด็กแบไม่ได้เลย) กำแน่นมากๆซะด้วย (บวกทุกข์จากการมีร่างกาย เมื่อเห็นน้องสาวผ่าคลอด)

    ยิ่งพอได้มาป้อนนม เช็ดขี้เช็ดเหยี่ยว อาบน้ำหลาน มันยิ่งเห็นชัดกับทุกข์กับภาระของร่างกายนี้ที่ต้องแบกไว้ หิวก็ต้องร้องไห้ อิ่ม(ถ้าท้องอืด)ก็ร้องไห้ แล้วก็อึ ก็ขี้ออก นี้ขนาดเด็กทารกที่ไม่ได้ทำอะไร ถูกห่อตัวไว้ในผ้าขนหนูทั้งวัน ก็ยังต้องอาบน้ำให้ทุกวัน จิตมันเห็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน เพราะมันทำอยู่ทุกวัน ตอนป้อนนมหลานก็คุยกับหลานเรื่องการมีกายนี้มันทุกข์ยังไง พูดๆไปจนจมันรู้สึกตื้อตันจุกจนสะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยจิตที่มันรับรู้ได้สัมผัสได้ที่แสนจะลึกซึ้งยิ่งนัก(ก็เลยบอกเค้าโตมาแล้วมาฝึกจิตเกาะพระกับป้าน่ะ)...ถุงนี้เป็นถุงทุกข์ถุงขี้ซึม ถุงสองปาก ป้อนเข้าปากรู้บน แล้วก็ออกรูล่าง(ตอนเช็ดอึ) แล้วไม่รู้อะไรก็ร้องๆๆๆๆๆๆๆๆตลอด บางวันงอแงตั้งแต่ 5 โมงเย็นยันตี 5 ของอีกวัน บางวันก็ 3 ทุ่มถึงตี 3 อีกวัน เป็นอยู่อย่างนี้ 2-3 อาทิตย์ เห็นแล้วก็สงสารหลานยิ่งนัก มันทุกข์จริงๆ หน๋อ กับการมีร่างกายนี้หน๋อ...โอ้ย...ลูกเอ๋ย...เจ้าช่างเกิดมาให้ป้าได้ชดใช้กรรมให้เจ้าคักแท้หน๋อ...เจ้าเกิดมาเพื่อมาทดสอบพรหมวิหาร4 และ บารมี10 ของป้าเหรอลูก (เมตตา+อุเบกขา+ขันติบารมี )...ถ้าเป็นอารมณ์เมื่อก่อนคงได้โยนลงเตียงไปแล้ว...5555...

    โอ้ย...สติมันดูจิตตลอดสายเลย ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ ก็ไอ้ที่ว่า สติดูจิตนี้แหล่ะ คือมันมาดูของมันเองเลยโดยที่ไม่ต้องไปกำหนดอะไรมันแล้ว ตอนนี้จิตมันไม่ดูกายไม่สนกายเลยน่ะ อะไรนิดๆหน่อยๆปุ๊ปมันดูจิตอย่างเดียว (จากเมื่อก่อนเราไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าดูจิตดูยังไง ดูกายเป็นอย่างเดียว) จนเราถึงบางอ้อแล้วว่า...อ้อ...ก็สติแนบกับจิตอย่างนี้ สติตามดูจิตไม่ห่างอย่างนี้นี่เอง สมาธิมันเลยเกิดตลอดเวลาแล๊ว..มิน่าล่ะ..ไม่ว่าจะนั่งดูทีวี หรือ ทำอะไรๆ สักพัก จิตมันก็จะวิ่งมาจับ มาดูที่ลมหายใจเองเลย

    เฮ้ยย...มันจะนิ่งอะไรได้ถึงขนาดนี้ ไม่วีนแตก ไม่หงุดหงิด มันโล่งๆ โปร่งๆ เบาๆ กลางๆ ที่กลางอก ลมหายใจก็เบา อ้อๆๆ นี้แหล่ะมั่งที่เรียกว่า จิตทรงเอกัคตารมณ์(ที่ท่านพี่ภูคอยย้ำเตือนบอกอยู่ตลอดเวลา)ไว้ตลอดในขณะที่ลืมตา..เฮ้ยย..แจ๋วจริงว่ะ 555

    อีกอย่าง...เราเป็นคนที่รักเด็กมากกกก แต่เห็นหน้าหลานแล้ว อารมณ์จี๊ดๆ พีคๆ แบบเมื่อก่อนไม่มีแล้วอ่ะ อ้อ..อารมณ์กลางๆ (ที่ค่อยๆเสถียรขึ้นๆ) และ รักแบบเมตตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง (ปัจจัตตัง)

    เมื่อออกจาก รพ.กลับมาบ้าน...ก็ยิ่งเห็นธรรม เห็นกรรม จนทำให้อยากจะหยุดกรรม...ตอนนี้ทำให้เห็น และรับรู้เข้าใจได้ถึงอารมณ์ของคนที่ตัดสินใจจะออกบวชเลยล่ะ (สำหรับคนที่อยากจะหลุดพ้นจริงๆ น่ะ) เราเคยอยู่คนเดียวมานาน แต่พอได้กลับมาอยู่ร่วมกันกับแม่ น้องสาว หลาน ทำให้เห็นกรรมที่เคยทำต่อกันมา...ภาพมันยิ่งชัดเมื่อเห็นแม่ทำอะไรๆให้น้องสาว ชาตินี้กูทำให้มึง ชาติต่อไป ก็ไม่รู้ชาติไหนอีกล่ะ มึงต้องกลับมาทำให้กูคืน...โอ้ย...บ่เอาแล้ว พอแล้วเด้อ สำหรับเฮาบ่เอาอีกแล้ว เราก็พูดได้เฉพาะในจิตของเราคนเดียว พอรู้อย่างนี้แล้ว เราก้มหน้าทำให้ทุกอย่างที่ทำได้ ไม่บ่น ไม่ว่า เราขอทำหน้าที่ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการชดใช้หนี้กรรมให้ ไม่ว่าเราจะสวมบทบาทไหนที่เป็นได้ทั้ง ลูกสาว พี่สาว ป้าหรือแม่ของหลาน เราขออโหสิกรรมให้ทุกคน เราไม่ขอจองเวรหรือเอาคืนกับใครแล้วทั้งสิ้น เพราะจะไม่มีคำว่าชาติหน้าหรือชาติไหนสำหรับเราแล้ว จะไม่ขอกลับมาก่อภพสร้างชาติอีกแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ

    สรุป...อันว่าคนนี้ ก็มาแต่ตัว แต่ร่างกายเปล่าเปลือยล่อนจ้อนกันจริงๆ ด้วยกันทุกคนไม่ว่าจะสวยหล่อ รวยจน หม่อมหลวงหรือขอทาน ทุกคนล้วนมีทุกข์ มีกรรมนำพามาเกิดกันทั้งสิ้น เพราะไม่มีใครเกิดมาหัวเราะเลยสักคน ล้วนต่างพากันร้องห่มร้องไห้ และกำ(กรรม)มือกันมาเกิดทั้งสิ้น กว่าจะรู้จักยิ้มได้ก็ต้องเข้าเดือนที่สอง ส่วนมือกว่าจะแบเป็นเดือนที่เท่าไรไม่รู้ ต้องตามดูที่หลานต่อไป...พอตอนไปก็ไปแต่ตัวเหมือนตอนมานั้นแหล่ะ อย่าทำเป็นแกล้งลืม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการดิ้นรนหามาได้ตลอดทั้งชีวิตก็มีเพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่ใส่ตอนตายนั้นแหล่ะเด้อ...สาธุ สาธุ สาธุ

    โมทนาสาธุ

    ธรรมมณี จบ.52
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤษภาคม 2014
  11. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ขอโมทนาสาธุการกับธรรมทานของพี่อ้อ boonnippan ค่ะ...
    สวดยอดจริงๆ ท่านจิตบุญนักวิชาการ...ต่อไปนี้ ท่านพี่ภูมีผู้ช่วยแล้วค่ะ มีผู้ที่จะมาช่วยสื่อพูดธรรมมะ ให้เป็นภาษาทางโลกที่เข้าใจได้ง่ายๆ และชัดเจน...เพราะยิ่งเป็นธรรมที่ละเอียด ยิ่งเป็นธรรมชั้นสูงแล้วละก็ ต้องสื่อพูดอธิบายออกมาให้ได้ภาษาสมมุติที่ง่ายที่สุดค่ะ เพื่อให้ผู้ที่ยังเดินตามมาด้านหลังจะได้เรียนรู้ตามไปได้ด้วย...ไม่ใช่ ธรรมมะยิ่งสูง ต้องพูดให้ยากเข้าไว้ ยังกะไปยกตู้พระไตรปิฎกมาอย่างนี้ก็ไม่ไหวเน๊าะ เพราะเราคนหนึ่งล่ะ ที่อ่านภาษาปริยัติไม่ค่อยจะรู้เรื่อง

    คราวนี้ล่ะ...วิชาจิตเกาะพระ คงจะได้มีการเขียนเป็นคู่มือ เป็นหนังสือในการปฏิบัติได้ซะทีซิน่ะ...สาธุ


    :cool::cool::cool::cool::cool::cool:

    ปล. ณ ที่กระทู้แห่งนี้ คือ สถานที่พักจิตพักใจของใครหลายๆ คน..ที่มีธรรมมะพร้อมเสริฟให้ทุกท่านได้เสพ และดื่มด่ำกันได้อย่างเต็มที่ในหลากหลายรสชาด..ไม่ว่าจะเป็นธรรมมะตั้งแต่ระดับหยาบ กลาง ละเอียด..ขอเชิญทุกท่านเลือกเสพธรรมมะในที่แห่งนี้ได้ตามความชอบของจิตแต่ละท่านเถิด..เพราะที่แห่งนี้ คือ แหล่งรวมของธรรมมะบุฟเฟ่ต์จ้า..สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤษภาคม 2014
  12. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998

    [​IMG]

    สาธุบุญกับพี่เพ็ญเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนของเกษตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากพี่เพ็ญเล๊ย...กลับมาคราวนี้ (ก็โดนจัดสรรมาเหมือนกัน เหอะๆๆ)...ต้องกลับมาชดใช้ให้ทั้งวงเวียนใหญ่ และวงเวียนเล็ก...ซึ่งแต่ละวงเวียนที่เจอนั้น...ไม่ธรรมดา...อึ้ อื้อ ไม่ธรรมดา (เพลงของไชยา มิตรไชยหน่ะ อิๆๆ)...ซึ่งวันนี้เอาวงเวียนเล็กไปก่อนก็แล้วกัน ส่วนวงเวียนใหญ่เอาไว้ทีหลัง...

    ก็เจ้าหลานชายโต๋น้อยๆนี้แหล่ะ...ที่เค้าอยากจะลงมาเกิดเป็นหลานป้าจริงๆ เล๊ย...ทั้งๆที่แม่กับพ่อมันยังไม่พร้อมจะมีมันเลย...แต่พอมีแล้วก็ต้องทำให้พร้อมรอต้อนรับกับการมาเกิดของลูกรัก...จิตมันเห็นธรรมผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ให้เห็นถึงความจริงของการมีร่างกายนี้ว่า มันทุกข์จริงๆ ทุกข์มาตั้งแต่เกิดเลยน่ะ...นาทีแรกที่เห็นหลานมันก็ร้องไห้เสียงดังจ้ามาเชียว (เออ..ไม่เห็นมีใครเกิดมาแล้วหัวเราะเลยสักคน ไม่ว่าจะลูกคนรวย หรือ จน) มือก็กำกรรมมาด้วยตั้งแต่อยู่ในท้องเลย (แปลกมือเด็กแบไม่ได้เลย) กำแน่นมากๆซะด้วย (บวกทุกข์จากการมีร่างกาย เมื่อเห็นน้องสาวผ่าคลอด)

    ยิ่งพอได้มาป้อนนม เช็ดขี้เช็ดเหยี่ยว อาบน้ำหลาน มันยิ่งเห็นชัดกับทุกข์กับภาระของร่างกายนี้ที่ต้องแบกไว้ หิวก็ต้องร้องไห้ อิ่ม(ถ้าท้องอืด)ก็ร้องไห้ แล้วก็อึ ก็ขี้ออก นี้ขนาดเด็กทารกที่ไม่ได้ทำอะไร ถูกห่อตัวไว้ในผ้าขนหนูทั้งวัน ก็ยังต้องอาบน้ำให้ทุกวัน จิตมันเห็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน เพราะมันทำอยู่ทุกวัน ตอนป้อนนมหลานก็คุยกับหลานเรื่องการมีกายนี้มันทุกข์ยังไง พูดๆไปจนจมันรู้สึกตื้อตันจุกจนสะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยจิตที่มันรับรู้ได้สัมผัสได้ที่แสนจะลึกซึ้งยิ่งนัก(ก็เลยบอกเค้าโตมาแล้วมาฝึกจิตเกาะพระกับป้าน่ะ)...ถุงนี้เป็นถุงทุกข์ถุงขี้ซึม ถุงสองปาก ป้อนเข้าปากรู้บน แล้วก็ออกรูล่าง(ตอนเช็ดอึ) แล้วไม่รู้อะไรก็ร้องๆๆๆๆๆๆๆๆตลอด บางวันงอแงตั้งแต่ 5 โมงเย็นยันตี 5 ของอีกวัน บางวันก็ 3 ทุ่มถึงตี 3 อีกวัน เป็นอยู่อย่างนี้ 2-3 อาทิตย์ เห็นแล้วก็สงสารหลานยิ่งนัก มันทุกข์จริงๆ หน๋อ กับการมีร่างกายนี้หน๋อ...โอ้ย...ลูกเอ๋ย...เจ้าช่างเกิดมาให้ป้าได้ชดใช้กรรมให้เจ้าคักแท้หน๋อ...เจ้าเกิดมาเพื่อมาทดสอบพรหมวิหาร4 และ บารมี10 ของป้าเหรอลูก (เมตตา+อุเบกขา+ขันติบารมี )...ถ้าเป็นอารมณ์เมื่อก่อนคงได้โยนลงเตียงไปแล้ว...5555...

    โอ้ย...สติมันดูจิตตลอดสายเลย ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ ก็ไอ้ที่ว่า สติดูจิตนี้แหล่ะ คือมันมาดูของมันเองเลยโดยที่ไม่ต้องไปกำหนดอะไรมันแล้ว ตอนนี้จิตมันไม่ดูกายไม่สนกายเลยน่ะ อะไรนิดๆหน่อยๆปุ๊ปมันดูจิตอย่างเดียว (จากเมื่อก่อนเราไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าดูจิตดูยังไง ดูกายเป็นอย่างเดียว) จนเราถึงบางอ้อแล้วว่า...อ้อ...ก็สติแนบกับจิตอย่างนี้ สติตามดูจิตไม่ห่างอย่างนี้นี่เอง สมาธิมันเลยเกิดตลอดเวลาแล๊ว..มิน่าล่ะ..ไม่ว่าจะนั่งดูทีวี หรือ ทำอะไรๆ สักพัก จิตมันก็จะวิ่งมาจับ มาดูที่ลมหายใจเองเลย

    เฮ้ยย...มันจะนิ่งอะไรได้ถึงขนาดนี้ ไม่วีนแตก ไม่หงุดหงิด มันโล่งๆ โปร่งๆ เบาๆ กลางๆ ที่กลางอก ลมหายใจก็เบา อ้อๆๆ นี้แหล่ะมั่งที่เรียกว่า จิตทรงเอกัคตารมณ์(ที่ท่านพี่ภูคอยย้ำเตือนบอกอยู่ตลอดเวลา)ไว้ตลอดในขณะที่ลืมตา..เฮ้ยย..แจ๋วจริงว่ะ 555

    อีกอย่าง...เราเป็นคนที่รักเด็กมากกกก แต่เห็นหน้าหลานแล้ว อารมณ์จี๊ดๆ พีคๆ แบบเมื่อก่อนไม่มีแล้วอ่ะ อ้อ..อารมณ์กลางๆ (ที่ค่อยๆเสถียรขึ้นๆ) และ รักแบบเมตตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง (ปัจจัตตัง)

    เมื่อออกจาก รพ.กลับมาบ้าน...ก็ยิ่งเห็นธรรม เห็นกรรม จนทำให้อยากจะหยุดกรรม...ตอนนี้ทำให้เห็น และรับรู้เข้าใจได้ถึงอารมณ์ของคนที่ตัดสินใจจะออกบวชเลยล่ะ (สำหรับคนที่อยากจะหลุดพ้นจริงๆ น่ะ) เราเคยอยู่คนเดียวมานาน แต่พอได้กลับมาอยู่ร่วมกันกับแม่ น้องสาว หลาน ทำให้เห็นกรรมที่เคยทำต่อกันมา...ภาพมันยิ่งชัดเมื่อเห็นแม่ทำอะไรๆให้น้องสาว ชาตินี้กูทำให้มึง ชาติต่อไป ก็ไม่รู้ชาติไหนอีกล่ะ มึงต้องกลับมาทำให้กูคืน...โอ้ย...บ่เอาแล้ว พอแล้วเด้อ สำหรับเฮาบ่เอาอีกแล้ว เราก็พูดได้เฉพาะในจิตของเราคนเดียว พอรู้อย่างนี้แล้ว เราก้มหน้าทำให้ทุกอย่างที่ทำได้ ไม่บ่น ไม่ว่า เราขอทำหน้าที่ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการชดใช้หนี้กรรมให้ ไม่ว่าเราจะสวมบทบาทไหนที่เป็นได้ทั้ง ลูกสาว พี่สาว ป้าหรือแม่ของหลาน เราขออโหสิกรรมให้ทุกคน เราไม่ขอจองเวรหรือเอาคืนกับใครแล้วทั้งสิ้น เพราะจะไม่มีคำว่าชาติหน้าหรือชาติไหนสำหรับเราแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ

    สรุป...อันว่าคนนี้ ก็มาแต่ตัว แต่ร่างกายเปล่าเปลือยล่อนจ้อนกันจริงๆ ด้วยกันทุกคนไม่ว่าจะสวยหล่อ รวยจน หม่อมหลวงหรือขอทาน ทุกคนล้วนมีทุกข์ มีกรรมนำพามาเกิดกันทั้งสิ้น เพราะไม่มีใครเกิดมาหัวเราะเลยสักคน ล้วนต่างพากันร้องห่มร้องไห้ และกำ(กรรม)มือกันมาเกิดทั้งสิ้น กว่าจะรู้จักยิ้มได้ก็ต้องเข้าเดือนที่สอง ส่วนมือกว่าจะแบเป็นเดือนที่เท่าไรไม่รู้ ต้องตามดูที่หลานต่อไป...พอตอนไปก็ไปแต่ตัวเหมือนตอนมานั้นแหล่ะ อย่าทำเป็นแกล้งลืม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการดิ้นรนหามาได้ตลอดทั้งชีวิตก็มีเพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่ใส่ตอนตายนั้นแหล่ะเด้อ...สาธุ สาธุ สาธุ

    โมทนาสาธุ

    ธรรมมณี จบ.52
    [/QUOTE]
    .................................................................................................................
    อนุโมทนา สาธุ จ้ะ ครูน้องเกษ โชคดีจังนิที่ข้าเจ้าไม่เคยคิดมีลูก แถมสมปรารถนาเสียด้วย ความผูกพันแม่ลูกนี้มันสุดบรรยายจริงๆ จากที่เห็นๆทั่วๆไปละนะ ยิ่งคนเป้นแม่ด้วยละยากตัดใจจากจริงๆ ไม่มีลูกนี่เบาตัวไปเปราะนึงเจงๆ ส่วนผู้อื่นๆก็ต่างคนต่างมา แล้วถึงเวลาก็แยกย้ายกันไปเนอะหลุมใครหลุมมัน ไม่มีหลุมรวม... อ้อว่าจะมาช่วยแก้ปัญหาที่ว่า จะส่ายอะไรดีหน๋อนั้น ก็ขอแนะนำว่า อะไรอยู่ใกล้ๆตัวก็ยกส่ายๆไปก่อน (พี่นี้ถนัดขายผ้าเอาน้ารอด 5555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2014
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    [​IMG]

    สาธุบุญกับพี่เพ็ญเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนของเกษตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากพี่เพ็ญเล๊ย...กลับมาคราวนี้ (ก็โดนจัดสรรมาเหมือนกัน เหอะๆๆ)...ต้องกลับมาชดใช้ให้ทั้งวงเวียนใหญ่ และวงเวียนเล็ก...ซึ่งแต่ละวงเวียนที่เจอนั้น...ไม่ธรรมดา...อึ้ อื้อ ไม่ธรรมดา (เพลงของไชยา มิตรไชยหน่ะ อิๆๆ)...ซึ่งวันนี้เอาวงเวียนเล็กไปก่อนก็แล้วกัน ส่วนวงเวียนใหญ่เอาไว้ทีหลัง...

    ก็เจ้าหลานชายโต๋น้อยๆนี้แหล่ะ...ที่เค้าอยากจะลงมาเกิดเป็นหลานป้าจริงๆ เล๊ย...ทั้งๆที่แม่กับพ่อมันยังไม่พร้อมจะมีมันเลย...แต่พอมีแล้วก็ต้องทำให้พร้อมรอต้อนรับกับการมาเกิดของลูกรัก...จิตมันเห็นธรรมผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ให้เห็นถึงความจริงของการมีร่างกายนี้ว่า มันทุกข์จริงๆ ทุกข์มาตั้งแต่เกิดเลยน่ะ...นาทีแรกที่เห็นหลานมันก็ร้องไห้เสียงดังจ้ามาเชียว (เออ..ไม่เห็นมีใครเกิดมาแล้วหัวเราะเลยสักคน ไม่ว่าจะลูกคนรวย หรือ จน) มือก็กำกรรมมาด้วยตั้งแต่อยู่ในท้องเลย (แปลกมือเด็กแบไม่ได้เลย) กำแน่นมากๆซะด้วย (บวกทุกข์จากการมีร่างกาย เมื่อเห็นน้องสาวผ่าคลอด)

    ยิ่งพอได้มาป้อนนม เช็ดขี้เช็ดเหยี่ยว อาบน้ำหลาน มันยิ่งเห็นชัดกับทุกข์กับภาระของร่างกายนี้ที่ต้องแบกไว้ หิวก็ต้องร้องไห้ อิ่ม(ถ้าท้องอืด)ก็ร้องไห้ แล้วก็อึ ก็ขี้ออก นี้ขนาดเด็กทารกที่ไม่ได้ทำอะไร ถูกห่อตัวไว้ในผ้าขนหนูทั้งวัน ก็ยังต้องอาบน้ำให้ทุกวัน จิตมันเห็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน เพราะมันทำอยู่ทุกวัน ตอนป้อนนมหลานก็คุยกับหลานเรื่องการมีกายนี้มันทุกข์ยังไง พูดๆไปจนจมันรู้สึกตื้อตันจุกจนสะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยจิตที่มันรับรู้ได้สัมผัสได้ที่แสนจะลึกซึ้งยิ่งนัก(ก็เลยบอกเค้าโตมาแล้วมาฝึกจิตเกาะพระกับป้าน่ะ)...ถุงนี้เป็นถุงทุกข์ถุงขี้ซึม ถุงสองปาก ป้อนเข้าปากรู้บน แล้วก็ออกรูล่าง(ตอนเช็ดอึ) แล้วไม่รู้อะไรก็ร้องๆๆๆๆๆๆๆๆตลอด บางวันงอแงตั้งแต่ 5 โมงเย็นยันตี 5 ของอีกวัน บางวันก็ 3 ทุ่มถึงตี 3 อีกวัน เป็นอยู่อย่างนี้ 2-3 อาทิตย์ เห็นแล้วก็สงสารหลานยิ่งนัก มันทุกข์จริงๆ หน๋อ กับการมีร่างกายนี้หน๋อ...โอ้ย...ลูกเอ๋ย...เจ้าช่างเกิดมาให้ป้าได้ชดใช้กรรมให้เจ้าคักแท้หน๋อ...เจ้าเกิดมาเพื่อมาทดสอบพรหมวิหาร4 และ บารมี10 ของป้าเหรอลูก (เมตตา+อุเบกขา+ขันติบารมี )...ถ้าเป็นอารมณ์เมื่อก่อนคงได้โยนลงเตียงไปแล้ว...5555...

    โอ้ย...สติมันดูจิตตลอดสายเลย ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ ก็ไอ้ที่ว่า สติดูจิตนี้แหล่ะ คือมันมาดูของมันเองเลยโดยที่ไม่ต้องไปกำหนดอะไรมันแล้ว ตอนนี้จิตมันไม่ดูกายไม่สนกายเลยน่ะ อะไรนิดๆหน่อยๆปุ๊ปมันดูจิตอย่างเดียว (จากเมื่อก่อนเราไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าดูจิตดูยังไง ดูกายเป็นอย่างเดียว) จนเราถึงบางอ้อแล้วว่า...อ้อ...ก็สติแนบกับจิตอย่างนี้ สติตามดูจิตไม่ห่างอย่างนี้นี่เอง สมาธิมันเลยเกิดตลอดเวลาแล๊ว..มิน่าล่ะ..ไม่ว่าจะนั่งดูทีวี หรือ ทำอะไรๆ สักพัก จิตมันก็จะวิ่งมาจับ มาดูที่ลมหายใจเองเลย

    เฮ้ยย...มันจะนิ่งอะไรได้ถึงขนาดนี้ ไม่วีนแตก ไม่หงุดหงิด มันโล่งๆ โปร่งๆ เบาๆ กลางๆ ที่กลางอก ลมหายใจก็เบา อ้อๆๆ นี้แหล่ะมั่งที่เรียกว่า จิตทรงเอกัคตารมณ์(ที่ท่านพี่ภูคอยย้ำเตือนบอกอยู่ตลอดเวลา)ไว้ตลอดในขณะที่ลืมตา..เฮ้ยย..แจ๋วจริงว่ะ 555

    อีกอย่าง...เราเป็นคนที่รักเด็กมากกกก แต่เห็นหน้าหลานแล้ว อารมณ์จี๊ดๆ พีคๆ แบบเมื่อก่อนไม่มีแล้วอ่ะ อ้อ..อารมณ์กลางๆ (ที่ค่อยๆเสถียรขึ้นๆ) และ รักแบบเมตตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง (ปัจจัตตัง)

    เมื่อออกจาก รพ.กลับมาบ้าน...ก็ยิ่งเห็นธรรม เห็นกรรม จนทำให้อยากจะหยุดกรรม...ตอนนี้ทำให้เห็น และรับรู้เข้าใจได้ถึงอารมณ์ของคนที่ตัดสินใจจะออกบวชเลยล่ะ (สำหรับคนที่อยากจะหลุดพ้นจริงๆ น่ะ) เราเคยอยู่คนเดียวมานาน แต่พอได้กลับมาอยู่ร่วมกันกับแม่ น้องสาว หลาน ทำให้เห็นกรรมที่เคยทำต่อกันมา...ภาพมันยิ่งชัดเมื่อเห็นแม่ทำอะไรๆให้น้องสาว ชาตินี้กูทำให้มึง ชาติต่อไป ก็ไม่รู้ชาติไหนอีกล่ะ มึงต้องกลับมาทำให้กูคืน...โอ้ย...บ่เอาแล้ว พอแล้วเด้อ สำหรับเฮาบ่เอาอีกแล้ว เราก็พูดได้เฉพาะในจิตของเราคนเดียว พอรู้อย่างนี้แล้ว เราก้มหน้าทำให้ทุกอย่างที่ทำได้ ไม่บ่น ไม่ว่า เราขอทำหน้าที่ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการชดใช้หนี้กรรมให้ ไม่ว่าเราจะสวมบทบาทไหนที่เป็นได้ทั้ง ลูกสาว พี่สาว ป้าหรือแม่ของหลาน เราขออโหสิกรรมให้ทุกคน เราไม่ขอจองเวรหรือเอาคืนกับใครแล้วทั้งสิ้น เพราะจะไม่มีคำว่าชาติหน้าหรือชาติไหนสำหรับเราแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ

    สรุป...อันว่าคนนี้ ก็มาแต่ตัว แต่ร่างกายเปล่าเปลือยล่อนจ้อนกันจริงๆ ด้วยกันทุกคนไม่ว่าจะสวยหล่อ รวยจน หม่อมหลวงหรือขอทาน ทุกคนล้วนมีทุกข์ มีกรรมนำพามาเกิดกันทั้งสิ้น เพราะไม่มีใครเกิดมาหัวเราะเลยสักคน ล้วนต่างพากันร้องห่มร้องไห้ และกำ(กรรม)มือกันมาเกิดทั้งสิ้น กว่าจะรู้จักยิ้มได้ก็ต้องเข้าเดือนที่สอง ส่วนมือกว่าจะแบเป็นเดือนที่เท่าไรไม่รู้ ต้องตามดูที่หลานต่อไป...พอตอนไปก็ไปแต่ตัวเหมือนตอนมานั้นแหล่ะ อย่าทำเป็นแกล้งลืม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการดิ้นรนหามาได้ตลอดทั้งชีวิตก็มีเพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่ใส่ตอนตายนั้นแหล่ะเด้อ...สาธุ สาธุ สาธุ

    โมทนาสาธุ

    ธรรมมณี จบ.52
    [/QUOTE]

    โมทนาสาธุกับครูเกษด้วย
    ว่าแต่ว่า ลูกใครหว๋า น่ารักทีเดียว
    เห็นปุ๊บรู้เลย ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าเราเป็นอีหมอช่างเดา...ผ่านๆ
    วงเวียนใหญ่ก้ผ่านพ้นไปด้วยดี
    คราวนี้ เจอวงเวียนเล็กอีกแล้ว เห่อ กรรมใครก่อไว้ให้เล่า
    แหม๊ มาทวงเอาคืนจนได้ เก่งนะกรรมเนี๊ย หนีไม่พ้นจริงๆเลย เพราะเรามีขันธ์๕
    หลานก็ต้องเลี้ยง การบ้านลูกศิษย์ก็ต้องหาเวลาตอบอีก
    ลูกเทิดทูนหัวเอ๊ย เธอไม่สงสารครูเธอบ้างรึ
    ครูเกษก็อย่าลืม อาราธนาพระรัตนตรัยก่อนจะตอบการบ้านลูกศิษย์เด้อ
    คุณน้องพรก็ใกล้จะจิตยกเต็มแก่แล้ว เดี๋ยวให้พระในจิตท่านมาช่วยยกด้วยนะ
    บอกให้ศิษย์เธอ คอยหมั่นตั้งอธิษฐานจิตกับพระองค์ท่านบ่อยหน่อย ช่วงนี้ฯ
    คนทำจิตเกาะพระ ระยะหลังๆนี้จะเป็นจิตเข้มทุกรายไปสินะ
    นอกทำจิตเกาะพระยังไม่พอ ยังรับอารมร์พระรัตนตรัยกันได้บ้างแล้ว
    เดี๋ยวจะมีน้องใหม่ไฟแรงอีกคนนึง ศิษย์ครูแนทกับครูเป้
    น้องเป้นี่ จิตเพิ่งยกเองนะ แต่กำลังใจมาก กระโดดมาเป็นครูสอนจิตเกาะพระไปแล้ว
    ก็เลยพลอยอดคิดถึงครูเกษไม่ได้เลย เพราะกำลังใจคล้ายๆกัน
    แต่คนละแนว เฉยๆ สายปัญญากับสายเจโตฯ
    จะสายไหนก็ตามเห่อ ไปถึงนิพพานกันได้หมด
    เพราะไม่ได้อยู่ที่สาย แต่อยู่ที่จิตตัวเดียว เพราะคำว่าภาวนา จิตเป็นผู้เดิน
    จิตเป็นผู้รู้ ผู้วาง จนถึงจิตเป็นผู้ดู ดูเฉยๆ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว
    ตามที่ครูเกษพอจะเก็ตบ้างแล้ว ว่า ทรงเอกัคคตารมณ์หรือสำรวมจิตให้เข้ม
    +ต่อเนื่องนั้น มันเป็นยังไง บอกไปก็ไม่รู้เรื่อง พอจิตสำรวมเป็นเท่านั้นแร๊ะ
    รู้เลย มันดีไหม เหมือนคนมีภูมิต้านทานสูงกว่าเดิม
    คำว่า ไม่หลง ไม่วิ่งตาม ไม่เอนเอียงไปหาอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง
    มันดีไหม มันเท่ไหมหล่ะ พูดไปก็หาว่าโม้ หาว่าอวดตริบ้าง
    อย่าไปสนใภายนอก ให้สนภายใน คือจิตตนเองก่อน
    พอก่อน เริ่มออกทะเลแย๊ววว..
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    The voice kids 2014 Larissa -Cups (Full) - YouTube

    แบบนี้ เขาเรียกว่า พรสวรรค์???

    ร้องเพลง โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องดนตรีประกอบ ร้องเอง ทำทำนองประกอบเอง

    Danke
    แปลว่าไร คุณจุ๋ม
    เพราะว่าน้องLarissaคนนี้ เป็นชาวเยอรมัน
    ฟังไม่รู้เรื่อง แต่น้องเขาพูดเก่งมากเลย

    คนเราไม่ว่าจะทำอะไร หากทำด้วยจิต ด้วยใจ
    ผลงานที่จะออกมานั้น ยิ่งกว่าเต็มร้อย ได้ใจคนอื่นไปด้วย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤษภาคม 2014
  15. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444

    โมทนาสาธุกับครูเกษด้วย
    ว่าแต่ว่า ลูกใครหว๋า น่ารักทีเดียว
    เห็นปุ๊บรู้เลย ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าเราเป็นอีหมอช่างเดา...ผ่านๆ
    วงเวียนใหญ่ก้ผ่านพ้นไปด้วยดี
    คราวนี้ เจอวงเวียนเล็กอีกแล้ว เห่อ กรรมใครก่อไว้ให้เล่า
    แหม๊ มาทวงเอาคืนจนได้ เก่งนะกรรมเนี๊ย หนีไม่พ้นจริงๆเลย เพราะเรามีขันธ์๕
    หลานก็ต้องเลี้ยง การบ้านลูกศิษย์ก็ต้องหาเวลาตอบอีก
    ลูกเทิดทูนหัวเอ๊ย เธอไม่สงสารครูเธอบ้างรึ

    ครูเกษก็อย่าลืม อาราธนาพระรัตนตรัยก่อนจะตอบการบ้านลูกศิษย์เด้อ
    คุณน้องพรก็ใกล้จะจิตยกเต็มแก่แล้ว เดี๋ยวให้พระในจิตท่านมาช่วยยกด้วยนะ
    บอกให้ศิษย์เธอ คอยหมั่นตั้งอธิษฐานจิตกับพระองค์ท่านบ่อยหน่อย ช่วงนี้ฯ
    คนทำจิตเกาะพระ ระยะหลังๆนี้จะเป็นจิตเข้มทุกรายไปสินะ
    นอกทำจิตเกาะพระยังไม่พอ ยังรับอารมร์พระรัตนตรัยกันได้บ้างแล้ว

    เดี๋ยวจะมีน้องใหม่ไฟแรงอีกคนนึง ศิษย์ครูแนทกับครูเป้
    น้องเป้นี่ จิตเพิ่งยกเองนะ แต่กำลังใจมากกระโดดมาเป็นครูสอนจิตเกาะพระ
    ปแล้วก็เลยพลอยอดคิดถึงครูเกษไม่ได้เลย เพราะกำลังใจคล้ายๆกัน
    แต่คนละแนว เฉยๆ สายปัญญากับสายเจโตฯ
    จะสายไหนก็ตามเห่อ ไปถึงนิพพานกันได้หมด
    เพราะไม่ได้อยู่ที่สาย แต่อยู่ที่จิตตัวเดียว เพราะคำว่าภาวนา จิตเป็นผู้เดิน
    จิตเป็นผู้รู้ ผู้วาง จนถึงจิตเป็นผู้ดู ดูเฉยๆ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว

    ตามที่ครูเกษพอจะเก็ตบ้างแล้ว ว่า ทรงเอกัคคตารมณ์หรือสำรวมจิตให้เข้ม
    +ต่อเนื่องนั้น มันเป็นยังไง บอกไปก็ไม่รู้เรื่อง พอจิตสำรวมเป็นเท่านั้นแร๊ะ
    รู้เลย มันดีไหม เหมือนคนมีภูมิต้านทานสูงกว่าเดิม
    คำว่า ไม่หลง ไม่วิ่งตาม ไม่เอนเอียงไปหาอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง
    มันดีไหม มันเท่ไหมหล่ะ พูดไปก็หาว่าโม้ หาว่าอวดตริบ้าง
    อย่าไปสนใภายนอก ให้สนภายใน คือจิตตนเองก่อน
    พอก่อน เริ่มออกทะเลแย๊ววว..
    [/QUOTE]

    *~*~*~*~*~*~

    OH!~ Oo ~... ป้าดด ...เนี่ยเหรอ " วงเวียนเล็ก " ...
    คือ เป็นตาซัง แท้หนอ...ใช่มั้ย ...เสียงในฟิลม์ ถูกป่าวเนี่ย? ...
    ป้าดด น่ารัก น่าชัง จังเลย เหมือนป้าเกษจังอ่ะ? ..

    โมทนาสาธุธรรม กับ ครูน้องเกษ ...
    เฮ้อ พวกเรา เนี่ยมาถึงตรงนี้ ยังกะหัวมุมถนน ร้านสภากาแฟ
    มาพบปะกัน หลังจากห่างหาย ต่างคนต่างแยกย้าย ไปชดใช้กรรมกันไปพักนึง ...
    จะเรียกว่า ไปใช้กรรมซะทีเดียว ก็ไม่เชิง ไปลงสนามภาคปฏิบัติธรรมกับของจริงจะดีกว่า ...
    ..ทดสอบอินทรีย์ ๕ ว่ากล้าแกร่ง ดุจดั่งหินผา หรือเปล่า? ...
    อ่ะนะ พวกเราเป็นลูกพระพุทธเจ้า นี่...น้อยกว่านี้ได้ยังไง ...

    ...รุ่นเราเนี่ย มันต้องสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ใช่มั้ย ครูเกษ คุณเพ็ญ พี่ภู...
    มันต้องทดสอบ กำลังใจกันสุดๆ ...
    ะไปนิพพานนี่นะ ...ไม่ใช่ไป หัวตะพาน ...

    สาธุธรรมค่ะ ครูเกษ เอามาเล่าสู่กัน มองซะจนเห็นภาพเลย ธรรมทั้งน้านเลยน่ะ ...
    หาได้จากของจริง ไม่อิงตำรา...
    พิจารณากันไป เอาให้เข็ดเลยนะ ทุกข์ เนียชาติสุดท้าย แล้วไง ทิ้งทวนกันหน่อย...
    พี่แนทเอง ก็ผ่านไปแร๊ะ...โดนหนัก ลากยาวมาหลายปีได้ธรรม มาเพียบเหมือนกัน...

    เออน่ะ .คุณลินดา โชคดีจัง หรือว่ายังไม่เจอจ้ะ ตะเองเดี๋ยว ตกเทรนด์ นะจ้ะ...
    เนี่ยล่าสุด...ครูน้องใหม่ถอดด้าม กำลังใจมโหฬาร...
    เจอจัดหนัก ชนิด สึนามิ ถล่ม...แบบว่า ตื่นขึ้นมาตอนเช้า พบว่าเป็นหนี้ 50 ล้านบาท ...
    แต่ขอบอกว่า ...สึนามิ มาช้าไปนิดนึง แบบ เส้นยาแดงผ่าแปด
    เพราะเธอกดปุ่ม turbo ดีดจิตเธอพ้น... ไปแร๊ะ สบายไป...
    ทุกข์เหรอ ไม่รู้จัก เป็นไงเหรอ? :boo:
    ป้าดด.!!!..สุดยอด นี่ถ้าไม่มาปฏิบัติธรรม จะเป็นยังไงเนี่ย...

    ขอตบท้าย อีกนิดก่อนปิดสภา เดี๋ยวจะว่า หัวเรือใหญ่ของพวกเรารอดพ้นกรรม...
    โน ไม่มีทาง...โดนเหมือนกัน โดนหนักขนาดป่วยเฉียดตายมาแล้ว
    แบบ Home Alone ไม่ใช่แบบ ในหนังเด็กๆ นะ ...

    นี่ไง เรียนธรรม ไม่ใช่แค่ ทฤษฏี ...แต่ของจริง ต้องวัดกันที่ บททดสอบ ที่จับต้องได้
    มันถึงจะรู้ว่า ไอ้ที่เรียนมา ปฏิบัติกันมา น่ะใช้งานจริง ได้หรือเปล่า?...ชิมิ ชิมิ

    พอแร๊ะ เล่าสู่กันฟัง ณ ร้านกาแฟ หัวมุมถนน ปากซอย อิ อิ...

    ปิดสภาดีกว่า...ไปแร๊ะ bye ...
     
  16. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673

    [​IMG]


    สาธุบุญกับพี่เพ็ญเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนของเกษตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากพี่เพ็ญเล๊ย...กลับมาคราวนี้ (ก็โดนจัดสรรมาเหมือนกัน เหอะๆๆ)...ต้องกลับมาชดใช้ให้ทั้งวงเวียนใหญ่ และวงเวียนเล็ก...ซึ่งแต่ละวงเวียนที่เจอนั้น...ไม่ธรรมดา...อึ้ อื้อ ไม่ธรรมดา (เพลงของไชยา มิตรไชยหน่ะ อิๆๆ)...ซึ่งวันนี้เอาวงเวียนเล็กไปก่อนก็แล้วกัน ส่วนวงเวียนใหญ่เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังทีหลัง...

    ก็เจ้าหลานชายโต๋น้อยๆนี้แหล่ะ...ที่เค้าอยากจะลงมาเกิดเป็นหลานป้าจริงๆ เล๊ย...ทั้งๆที่แม่กับพ่อมันยังไม่พร้อมจะมีมันเลย...แต่พอมีแล้วก็ต้องทำให้พร้อมรอต้อนรับกับการมาเกิดของลูกรัก...จิตมันเห็นธรรมผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ให้เห็นถึงความจริงของการมีร่างกายนี้ว่า มันทุกข์จริงๆ ทุกข์มาตั้งแต่เกิดเลยน่ะ...นาทีแรกที่เห็นหลานมันก็ร้องไห้เสียงดังจ้ามาเชียว (เออ..ไม่เห็นมีใครเกิดมาแล้วหัวเราะเลยสักคน ไม่ว่าจะลูกคนรวย หรือ จน) มือก็กำกรรมมาด้วยตั้งแต่อยู่ในท้องเลย (แปลกมือเด็กแบไม่ได้เลย) กำแน่นมากๆซะด้วย (บวกทุกข์จากการมีร่างกาย เมื่อเห็นน้องสาวผ่าคลอด)

    ยิ่งพอได้มาป้อนนม เช็ดขี้เช็ดเหยี่ยว อาบน้ำหลาน มันยิ่งเห็นชัดกับทุกข์กับภาระของร่างกายนี้ที่ต้องแบกไว้ หิวก็ต้องร้องไห้ อิ่ม(ถ้าท้องอืด)ก็ร้องไห้ แล้วก็อึ ก็ขี้ออก นี้ขนาดเด็กทารกที่ไม่ได้ทำอะไร ถูกห่อตัวไว้ในผ้าขนหนูทั้งวัน ก็ยังต้องอาบน้ำให้ทุกวัน จิตมันเห็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน เพราะมันทำอยู่ทุกวัน ตอนป้อนนมหลานก็คุยกับหลานเรื่องการมีกายนี้มันทุกข์ยังไง พูดๆไปจนจมันรู้สึกตื้อตันจุกจนสะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยจิตที่มันรับรู้ได้สัมผัสได้ที่แสนจะลึกซึ้งยิ่งนัก(ก็เลยบอกเค้าโตมาแล้วมาฝึกจิตเกาะพระกับป้าน่ะ)...ถุงนี้เป็นถุงทุกข์ถุงขี้ซึม ถุงสองปาก ป้อนเข้าปากรู้บน แล้วก็ออกรูล่าง(ตอนเช็ดอึ) แล้วไม่รู้อะไรก็ร้องๆๆๆๆๆๆๆๆตลอด บางวันงอแงตั้งแต่ 5 โมงเย็นยันตี 5 ของอีกวัน บางวันก็ 3 ทุ่มถึงตี 3 อีกวัน เป็นอยู่อย่างนี้ 2-3 อาทิตย์ เห็นแล้วก็สงสารหลานยิ่งนัก มันทุกข์จริงๆ หน๋อ กับการมีร่างกายนี้หน๋อ...โอ้ย...ลูกเอ๋ย...เจ้าช่างเกิดมาให้ป้าได้ชดใช้กรรมให้เจ้าคักแท้หน๋อ...เจ้าเกิดมาเพื่อมาทดสอบพรหมวิหาร4 และ บารมี10 ของป้าเหรอลูก (เมตตา+อุเบกขา+ขันติบารมี )...ถ้าเป็นอารมณ์เมื่อก่อนคงได้โยนลงเตียงไปแล้ว...5555...

    โอ้ย...สติมันดูจิตตลอดสายเลย ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ ก็ไอ้ที่ว่า สติดูจิตนี้แหล่ะ คือมันมาดูของมันเองเลยโดยที่ไม่ต้องไปกำหนดอะไรมันแล้ว ตอนนี้จิตมันไม่ดูกายไม่สนกายเลยน่ะ อะไรนิดๆหน่อยๆปุ๊ปมันดูจิตอย่างเดียว (จากเมื่อก่อนเราไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าดูจิตดูยังไง ดูกายเป็นอย่างเดียว) จนเราถึงบางอ้อแล้วว่า...อ้อ...ก็สติแนบกับจิตอย่างนี้ สติตามดูจิตไม่ห่างอย่างนี้นี่เอง สมาธิมันเลยเกิดตลอดเวลาแล๊ว..มิน่าล่ะ..ไม่ว่าจะนั่งดูทีวี หรือ ทำอะไรๆ สักพัก จิตมันก็จะวิ่งมาจับ มาดูที่ลมหายใจเองเลย

    เฮ้ยย...มันจะนิ่งอะไรได้ถึงขนาดนี้ ไม่วีนแตก ไม่หงุดหงิด มันโล่งๆ โปร่งๆ เบาๆ กลางๆ ที่กลางอก ลมหายใจก็เบา อ้อๆๆ นี้แหล่ะมั่งที่เรียกว่า จิตทรงเอกัคตารมณ์(ที่ท่านพี่ภูคอยย้ำเตือนบอกอยู่ตลอดเวลา)ไว้ตลอดในขณะที่ลืมตา..เฮ้ยย..แจ๋วจริงว่ะ 555

    อีกอย่าง...เราเป็นคนที่รักเด็กมากกกก แต่เห็นหน้าหลานแล้ว อารมณ์จี๊ดๆ พีคๆ แบบเมื่อก่อนไม่มีแล้วอ่ะ อ้อ..อารมณ์กลางๆ (ที่ค่อยๆเสถียรขึ้นๆ) และ รักแบบเมตตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง (ปัจจัตตัง)

    เมื่อออกจาก รพ.กลับมาบ้าน...ก็ยิ่งเห็นธรรม เห็นกรรม จนทำให้อยากจะหยุดกรรม...ตอนนี้ทำให้เห็น และรับรู้เข้าใจได้ถึงอารมณ์ของคนที่ตัดสินใจจะออกบวชเลยล่ะ (สำหรับคนที่อยากจะหลุดพ้นจริงๆ น่ะ) เราเคยอยู่คนเดียวมานาน แต่พอได้กลับมาอยู่ร่วมกันกับแม่ น้องสาว หลาน ทำให้เห็นกรรมที่เคยทำต่อกันมา...ภาพมันยิ่งชัดเมื่อเห็นแม่ทำอะไรๆให้น้องสาว ชาตินี้กูทำให้มึง ชาติต่อไป ก็ไม่รู้ชาติไหนอีกล่ะ มึงต้องกลับมาทำให้กูคืน...โอ้ย...บ่เอาแล้ว พอแล้วเด้อ สำหรับเฮาบ่เอาอีกแล้ว เราก็พูดได้เฉพาะในจิตของเราคนเดียว พอรู้อย่างนี้แล้ว เราก้มหน้าทำให้ทุกอย่างที่ทำได้ ไม่บ่น ไม่ว่า เราขอทำหน้าที่ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการชดใช้หนี้กรรมให้ ไม่ว่าเราจะสวมบทบาทไหนที่เป็นได้ทั้ง ลูกสาว พี่สาว ป้าหรือแม่ของหลาน เราขออโหสิกรรมให้ทุกคน เราไม่ขอจองเวรหรือเอาคืนกับใครแล้วทั้งสิ้น เพราะจะไม่มีคำว่าชาติหน้าหรือชาติไหนสำหรับเราแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ

    สรุป...อันว่าคนนี้ ก็มาแต่ตัว แต่ร่างกายเปล่าเปลือยล่อนจ้อนกันจริงๆ ด้วยกันทุกคนไม่ว่าจะสวยหล่อ รวยจน หม่อมหลวงหรือขอทาน ทุกคนล้วนมีทุกข์ มีกรรมนำพามาเกิดกันทั้งสิ้น เพราะไม่มีใครเกิดมาหัวเราะเลยสักคน ล้วนต่างพากันร้องห่มร้องไห้ และกำ(กรรม)มือกันมาเกิดทั้งสิ้น กว่าจะรู้จักยิ้มได้ก็ต้องเข้าเดือนที่สอง ส่วนมือกว่าจะแบเป็นเดือนที่เท่าไรไม่รู้ ต้องตามดูที่หลานต่อไป...พอตอนไปก็ไปแต่ตัวเหมือนตอนมานั้นแหล่ะ อย่าทำเป็นแกล้งลืม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการดิ้นรนหามาได้ตลอดทั้งชีวิตก็มีเพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่ใส่ตอนตายนั้นแหล่ะเด้อ...สาธุ สาธุ สาธุ

    โมทนาสาธุ

    ธรรมมณี จบ.52 [/QUOTE]
    น่ายั๊คๆๆจุงเรย อิอิ เห็นเด็กๆจิตต้องแว๊ป มาชื่นชมทันที
    ก็เด็กน่ารัก อิอิ
    ..
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2014
  17. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
    อิอิ..คนมีบุญมาเกิด ขยันแต่เด็กๆ
    ..

    .
    .มารายงานครูเกษฉบับย่อครับว่า
    .สองสามวันที่ผ่านที่ผ่านมานี้ได้ตั้งใจมากขึ้น
    .จิตเกาะพระมากขึ้น จับเวลาเลยว่าเวลาจากนี้ถึงเวลานี้เราต้องทำให้ได้
    .บางช่วงเวลาเราทำได้น้อยไม่เป็นไร หากว่าจะหลุดไปบ้าง

    .จริงๆแล้วอยู่ที่กำลังใจของเรามากกว่า ว่าเราจะทำหรือไม่ทำ
    .
    .แต่ไปติดตรงไหน ให้เราค่อยๆเลาะๆๆๆๆไป
    .เพราะนั่นเป็นกรรมที่ให้ผลอยู่

    .วันนี้เป็นวันที่ผมตั้งใจ การจับภาพพระก็เลยค่อนข้างไหลลื่นทุกชั่วโมงต้องแต่ตื่นนอนขึ้นมา
    .รู้สึกการไปเดินจงกรมจะช่วยได้เยอะมากๆเลย

    .เพราะผมใช้เทคนิคที่ว่า เวลาที่เราเดินจงกรมแล้วกำหนด.จิตนึกถึงพระท่านกำลังมองเราอยู่
    .ตอนนี้ผมพอจะจับจุดของความสงบจิตได้บ้างแล้ว
    .คือมีทุกข์มา เรารับไว้แต่จิตเราไม่ทุกข์ตาม จิตเรายังสุขอยู่
    .ผมพอจะเข้าใจจุดนี้แหละ
    .อีกหนึ่งอาทิตย์ จะมารายงานครูเกษทางอีเมลครับ
    .จะดูซิว่า อีกหนึ่งอาทิตย์ ผมจะยังมีกำลังใจทำได้อย่างวันนี้หรือเปล่า.
    ..แต่ผมชอบอารมณ์นี้จังครับ สงบจิตใจ เราไม่วิ่งตามปัญหาที่เกิด
    ..แต่เราก็ตามแก้ปัญหาได้..
    ..
    ..แต่จริงๆ มีพี่เค้าคอยแก้ปัญหาอยู่แล้ว แต่ผมก็จะทำงานร่วมกัน
    .ปรึกษาหาหรือในการหาทางออกช่วยแกเคลียร์รับหน้าสื่อไปอะไรงี้
    ..
    ..ขออนุโมทนากับทุกความดีของทุกดวงจิตในนี้นะครับ
    ..
    ..ผมจะตั้งใจมากขึ้นให้ได้..
    .แต่ๆ ก็ยังคลานๆไปนะครับ กระโดดไปแบบท่านอื่น ผมไม่ไหวคร้าบบ
    ..ท่านอื่นเค้าแบกบุญมากันมากมาย ผมนำมานี้ดดนึงง
    ..สาธุๆๆๆๆ...
    ..
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2014
  18. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027

    .................................................................................................................
    อนุโมทนา สาธุ จ้ะ ครูน้องเกษ โชคดีจังนิที่ข้าเจ้าไม่เคยคิดมีลูก แถมสมปรารถนาเสียด้วย ความผูกพันแม่ลูกนี้มันสุดบรรยายจริงๆ จากที่เห็นๆทั่วๆไปละนะ ยิ่งคนเป้นแม่ด้วยละยากตัดใจจากจริงๆ ไม่มีลูกนี่เบาตัวไปเปราะนึงเจงๆ ส่วนผู้อื่นๆก็ต่างคนต่างมา แล้วถึงเวลาก็แยกย้ายกันไปเนอะหลุมใครหลุมมัน ไม่มีหลุมรวม... อ้อว่าจะมาช่วยแก้ปัญหาที่ว่า จะส่ายอะไรดีหน๋อนั้น ก็ขอแนะนำว่า อะไรอยู่ใกล้ๆตัวก็ยกส่ายๆไปก่อน (พี่นี้ถนัดขายผ้าเอาน้ารอด 5555[/QUOTE]

    สาธุค่ะ คุณพี่ลินดา ไม่อยากจะบอกเลยว่า เมื่อก่อนเกษอยากจะมีลูกมากกกก เพราะรักเด็กเหลือเกิน ยิ่งตอนนั้นได้มีโอกาสเลี้ยงลูกฝรั่งอยู่หลายคน ยิ่งอินมากๆ จะยอมเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็เอา เพราะคิดว่าจะมีลูกไว้เป็นเพื่อนเรา เลี้ยงเรา คอยดูแลเราในตอนแก่ แต่สุดท้ายทำยังไงก็ไม่ได้ เลยคิดว่า โชคร้ายเหลือเกิน เราคงไม่มีบุญวาสนาได้เกิดมาเป็นแม่คน (ดูความคิดเมื่อก่อนที่ยังเป็นคนทางโลกแบบสุดๆ)...แต่พอได้เข้ามาลึกๆ ในทางธรรม ก็ทำให้รู้ได้ว่า นี่เราช่างโชคดีเหลือเกินที่ไม่มีลูก ไม่มีห่วงมาคล้องคอ ยิ่งพอมาเห็นเพื่อนหญิง 2 คน ที่อยากจะได้ลูกมาก แล้วไม่มี ก็ทำทุกวิถีทางที่จะมี คนหนึ่งอยากจะมีเอง แต่คนหนึ่งพ่อปู่แม่ย่าอยากมีหลานเพราะมีลูกชายคนเดียว เราเห็นแล้วก็มันทุกข์เหลือเกินหน๋อ ในความอยากได้อยากมี ในสิ่งที่ไม่เคยมี..กับไอ้สิ่งสมมุติทางโลกทั้งหลายนี้หน่อ...

    พอไม่อยากมี ไม่อยากได้ล่ะ กลับได้โดยที่ไม่ต้องยุ่งยากตั้งท้องเองเลยทีนี้ 5555 ไงล่ะ เอาไปเลี้ยงซะให้เข็ด อยากได้มากไม่ใช่เหรอ เหอะๆๆ ช่างมาถูกช่วง ถูกเวลา ถูกจังหวะจริงๆ ลูก...ลงมาเพื่อให้แม่ได้เห็นธรรม ได้ชดใช้หนี้กรรมให้ และเติมเต็มบารมี10 อินทรีย์5 ของแม่ให้เต็มยิ่งๆ ขึ้นไปอีกน่ะลูกน่ะ...ถ้าลูกมาก่อนที่จิตแม่จะเข้าถึงธรรม จิตแม่คงจะไม่มีทางได้เห็นธรรมตรงนี้ แถมยิ่งคงต้องหลงไหลได้ปลื้มเพลิดเพลินติดใจชอบมากไปกับสิ่งที่ได้มาอย่างหนูเป็นแน่แท้...สาธุ

    ปล. กรรมเกือบทุกอย่าง เราเหงยหน้าผจญกับมันมาหมดแล้วตั้งกะตอนที่อยู่เมืองนอกมา 8 ปี ทำงานหนักเพื่อชดใช้แรงงานแรงกายที่เราเคยเอารัดเอาเปรียบเค้ามา ก็มาถูกกระทำคืนโดนถูกเบียดเบียนทั้งทางกายและใจ รวมทั้งทรัพย์ด้วย และอีกสารพัด นั้นก็ยังไม่หมด...กลับมาเมืองไทย ท่านก็เลยจัดหนักให้อีกรอบ สองรอบ สะสางกรรมใหญ่ๆ มันไปซะให้หมด...จะอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ ส่งให้ลูกไปธุดงค์ถึงเมืองนอกตั้ง 8 ปีแล้วยังไม่พออีกเหรอเจ้าค่ะท่านพ่อ...5 5 5 5...แหม๋..ชาติสุดท้ายนี้จัดหนักจริงๆ ฉะนั้น ถ้าใครที่กำลังผจญกรรมหนักอยู่ก็อย่าบ่น เพราะยิ่งบ่นยิ่งยาวเด้อ ซิบอกหั่ย...

    โมทนาสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤษภาคม 2014
  19. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    สาธุค่ะครูน้องเกษ พี่อ่านแล้วก็มองทะลุเลย อธิบายได้ลึกซึ้งมากๆ เห็นภาพชัดเจน ว่าเด็กเกิดมาก็กํามือมาทุกๆราย เป็นสัญญาลักษณ์ว่า"มีกรรม"ที่ติดตัวมา แต่พอไปดูคนตายเขาจะแบมือออกทุกๆราย คือพอมาเกิดเห็นทุกข์ พอตายก็เอาอะไรไปไม่ได้ นั้นก็เลยแบมือออกคือ หมายความว่าเอาอะไรไปไม่ได้เลยนั้นเอง..

    พอก่อนมาแล้วก็ต้องผ่านขบวนการอย่างน้องเกิดเห็นนั้นแหละ ต้องป้อนข้าว ป้อนนํ้า เพราะกินเองก็ไม่ได้ต้องมีคนเลี้ยงดู ก็ไม่ต่างจากคนแก่เลย เพราะแก่มาแล้ว ก็ต้องป้อนข้าว ป้อนนํ้า พี่ก็ไปป้อนข้าวคนแก่ จิตก็บอกขึ้นมานี่ พอแก่แล้วก็กลับมาเป็นเด็กอีก มันครบวงจรของคนเกิดมาเลยน้อง
    แถมยังไม่รู้เรื่องราวอีก เพราะแก่ แล้วก็หลงอีก แต่ละวันก็หลงๆลืมๆ เห็นแล้วจิตพิจารณาเป็นธรรม เห็นจริงๆเลย แล้วเราจะมาเอาอะไรกับสังขารร่างกายของเรานี่ มันปลงไปโดยอัตตาโนมัติเลยน้อง และที่น้องเลี้ยงหลานนั้นดีแล้วได้เห็นหลาน ให้ความอบอุ่นแก่เขา เพราะเด็กและคนแก่ก็ไม่ต่างกัน ต้องมีผู้ดูแลเป็นคนดี มีศีลธรรมประจําใจ เขาเหล่านั้นจึงจะปลอดภัย..

    พี่ก็มีภาระเลี้ยงหลานเหมือนกัน คือลูกน้องชาย แต่ไม่ได้เลี้ยงดูทางร่างกาย แต่ต้องเลี้ยงดูทางด้านปัจจัยเพราะเขาเกิดมา พ่อ-แม่เลิกลากันพี่ต้องมารับผิดชอบนี่ก็เป็นกรรมถ้าไม่มีกรรมก็คงไม่ได้มาเจอ กรรมเป็นของทุกๆคนที่จะเจอ แต่เจอแล้วยอมรักรรมนั้น เราจะไม่ทุกข์ เพราะเรามีการเกิด เราจึงมีกรรมที่กํามือมานั้นเอง

    ช่วงนี้จิตเราไม่ต้องการสิ่งใดมากกว่าธรรม ธรรมคือ คุณงามความดี ที่เราสร้างสมมา ท่านโยนทุกๆเรื่องมาทดสอบ ในชีวิตนี้ เราผ่านมาเห็นมา และเราก็แก้ได้มาตลอด แต่จะช้าบ้าง เร็วบ้าง นั้นท่านช่วยแน่อย่างเรื่องการดําเนินชีวิตท่านก็ทดสอบ ตั้งแต่มีกิเลสตนเอง..

    แล้วแก้ตนเองได้แล้ว ท่านก็โยนกิเลสของคนอื่นมาให้ช่วยแก้ เราจะใช้ปัญญา แบบไหนนั้นเป็นเรื่องของเราที่เราจะแก้เชือก ที่มารัดคอเรา อย่างพี่พอกิเลสตนแก้ได้ ก็ไปรับกิเลสคนอื่นมาแก้ เพราะความที่เรามีความเมตตา แต่ถ้าแก้ไม่ได้ ก็คงเข้าอุเปกขา นั้นตัวสุดท้าย เหมือนพระอรหันต์ท่านไม่แก้กรรมให้ใครๆ เพราะกรรมเป็นของเฉพาะตนเอง..

    พี่ขออนุโมทนาสาธุ ขอให้น้องจงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปการเลี้ยงหลานเราก็เลี้ยงได้แต่ตัว แต่จิตใจเขาจะเป็นอย่างไร?นั้นก็ขึ้นอยู่กับเขาเองว่า เขาเกิดมาแล้วก็ต้องเป็นไปตามกรรม กรรมดี กรรมชั่ว นั้นเป็นของเขาเอง..
     
  20. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ..รุ่นเราเนี่ย มันต้องสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ใช่มันต้องทดสอบ กำลังใจกัน
    ว่าจะไปนิพพาน หรือหัวตะพาน

    555 อ่านแล้วขําค่ะพี่แนท เพราะหัวตะพาน ไปกันเยอะแล้วนะ เพราะมันไปง่ายกว่ากันเยอะเลย เพราะสังเกตุได้ง่ายด้วย เพราะสิ่งไหนมันยาก คนไม่อยากทํา เพราะมันยากเกิน และจิตมันก็ท้อได้ง่าย

    ท่านจึงต้องมีบททดสอบให้คนที่จะไป"นิพพาน" ว่าจะไปจริงไหม? ถ้าไปจริงก็ต้องข้ามสะพานไปก่อน สะพานในที่นี่ ก็คือ สะพานบุญก่อนอื่น เพราะสะพานมีไว้ให้คนเดินข้าม ถ้าคนมีกําลังใจมาก ก็เหมือนเรามีรถยนต์ นั่งขับไป ก็ไปถึงเร็วกว่า คนเดินด้วยเท้าเปล่าไป นั้นก็ไม่ต่างจากเราทํา"จิตเกาะพระ" เพราะเรามีสิ่งขับเคลื่อนไป เหมือนเรามีรถยนต์นั่งไปนั้นเอง..

    แต่ถ้าเราเดินไปด้วยเท้าก็อาจช้าหน่อย หรือบางครั้ง ก็อาจจะไปไปเดินสะดุดหัวตะพานเข้าให้นั้นเอง..สาธุค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...