เมื่อลูกของข้าพเจ้าได้พบยมบาลและได้ไปเที่ยวสวรรค์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Supop, 12 สิงหาคม 2014.

  1. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ถึงคุณ อีวานอฟครับ

    ตอนนี้อย่าลืมทำการทบทวนในสิ่งที่ได้ศึกษาไปแล้วให้คล่องด้วยนะครับ คือ

    ๑.หมั่นฝึกซ้อมบริกรรมคาถาธาตุ ตามที่ได้แจ้งไว้ ในส่วนของคาถาเตโชธาตุ ให้มีความคล่องตัว ให้ได้ในระดับฌาน เพราะจะต้องเอากำลังใจไปใช้ในการควบคุมกำลังของเตโชธาตุ ที่ได้ฝึกไว้ต่อไป (ฌานที่ต้องการ คือฌานมาตรฐานตามที่ได้คุยกันนะครับ ทำให้สุดอารมณ์ของคำภาวนา ให้เป็นอุเบกขาและเอกัตคตารมณ์)

    ๒.ระบบอักขระที่ได้ปรับให้ ขอให้ทบทวน ซักซ้อมในเรื่องของ “คาบ” ให้คล่องไว้ด้วย โดยต้องซ้อมการไปหน้า ถอยหลัง ไปกลับ หมุนวน ขึ้นบน ลงล่าง ทะแยงซ้าย ทะแยงขวา ทะแยงหน้า ทะแยงหลัง ให้ครอบคลุมครบทุกมุมด้วยนะครับ เพราะแต่ละอย่าง จะเอาไว้ใช้ในการควบคุมกำลังเตโชธาตุในลักษณะต่างๆกัน

    การใช้รูปแบบของระบบอักขระ ต้องให้คล่องชนิดที่ไม่ต้องเสียเวลานึกคิดแม้แต่เพียงเสี้ยววินาที จะใช้ปุ๊ป อักขระมาปั๊บ อย่างนี้ถึงจะถือว่า “ใช้ได้” และจะมีประโยชน์ในการฝึกขั้นต่อไปนะครับ

    นี่เฉพาะแค่ธาตุเดียว ยังยุ่งขนาดนี้เนอะ เอาๆ ไม่เป็นไร ค่อยๆ เป็น ค่อยๆไป ถ้าหมั่นฝึกซ้อม ไม่นานก็จะคล่องชนิดที่ว่าเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกายไปเอง ขอเพียงให้มีอิทธิบาท ๔ ไว้ประจำใจ ความสำเร็จย่อมจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ
     
  2. anakiz

    anakiz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +67
    เรียน ครู yooyut ครับ

    จากใจของคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องวิชาธาตุมาก่อนอย่างเช่นผม ได้อ่านที่ครู yooyut ได้เขียนไว้ในกระทู้นี้ ที่ความเห็นลำดับ 40 หน้า 2 ผมได้อ่านอย่างละเอียดแล้ว ต้องขอเรียนว่า ได้ความรู้อย่างมาก ทำให้ผมได้เข้าใจขึ้นมาก ว่าวิชาธาตุคืออะไร และมีวิธีดำเนินการอย่างไร รวมถึงเรื่องจุดมุ่งหมายปลายทางของตัววิชาคืออะไร นับว่าเขียนกระทู้ได้ครบถ้วนและรัดกุมอย่างยิ่งครับ

    ผมเคยได้แลกเปลี่ยนทางความรู้มากับบรรดาศิษย์ที่สืบทอดวิชชาของครูบาอาจารย์ด้านวิชาธาตุ อย่างเช่น หลวงปู่สีทัตถ์ หลวงปู่ศุข และหลวงพ่อโอภาสี เป็นต้น มาแล้วหลายต่อหลายท่าน เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการฝึกธาตุมาก็มาก ซึ่งเรื่องของการเรียนการสอนที่ใช้ระบบ “ทำให้ดูแค่ครั้งเดียวและห้ามจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร” นั้น ผมก็ได้ยินมาเสมอๆ เข้าใจว่าครู yooyut เอง ก็ได้ผ่านการเรียนการสอนในรูปแบบของการ “ทำให้ดูแค่ครั้งเดียวและห้ามจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร” มาแล้วเหมือนกัน เพราะเคยได้อ่านที่ครู yooyut ได้เล่าไว้ในกระทู้หนึ่ง ว่าได้ผ่านการศึกษาวิชาธาตุมาด้วยวิธีนี้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำ ให้ผมได้รู้ว่าวิธีการเรียนการสอนอย่างนี้ มีการใช้กันอยู่จริงๆ เนื่องจากสิ่งที่ครู yooyut ได้เล่ามานั้น ตรงกับสิ่งที่ผมได้รับรู้มานั่นเอง

    ผมมีเรื่องอยากเรียนถามจากครู yooyut สักเรื่องหนึ่งนะครับ หวังใจว่าครูคงจะกรุณาแก้ข้อสงสัยให้กับผมด้วย คือจากที่ผมได้สนทนากับบรรดาศิษย์ของครูบาอาจารย์สายวิชาธาตุทั้งหลาย เคยทราบมาว่าการฝึกธาตุนั้น มีคำบริกรรมสำหรับใช้ฝึกสมถกรรมฐานเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ ให้มีความสงบ สงัด เป็นฌานอยู่หลากหลายรูปแบบมาก ซึ่งคำบริกรรมก็จะมีลักษณะเฉพาะแยกไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานเพื่อควบคุมกำลังของธาตุในแต่ละเรื่องไปที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเพียงแค่ธาตุเดี่ยวโดดๆ ก็มีคำบริกรรมและอักขระหลายแบบที่ยุ่งยากมากพออยู่แล้ว ทีนี้เมื่อมีการรวมธาตุหลายธาตุเข้าด้วยกัน คำบริกรรมและอักขระ ก็คงจะยุ่งยากมากขึ้นเป็นทวีคูณ นี่ขนาดผมเป็นคนดู ไม่ได้ไปฝึกกับเขา ดูๆ แล้วก็ยังเหนื่อยใจแทน ไม่ทราบว่าคนที่เขาฝึกกันจริงๆ จังๆ นั้น จะต้องใช้ความเพียรพยายามกันแค่ไหน? กว่าจะผ่านการเรียนการสอนมาแต่ละขั้น แต่ละตอนมาได้

    ที่ผมอยากจะขอเรียนถามจากครู yooyut คือ ในทางปฏิบัติแล้ว การเรียนวิชาธาตุตั้งแต่ในระดับต้น ไประดับกลาง จนกระทั่งถึงระดับสูง เขาทำอย่างไรกับเรื่องความยุ่งยาก ซับซ้อนของคำบริกรรมและระบบอักขระเหล่านี้ครับ ใช้วิธีจำกันตรงๆเลยหรือครับ หรือว่ามีตัวช่วยอื่นๆใดๆ ที่จะมาช่วยบรรเทาเบาบางในเรื่องความวุ่นวายตรงนี้ได้บ้าง อยากจะเรียนขอคำชี้แนะจากครู yooyut ในจุดนี้ด้วยครับ

    สิ่งที่ผมเรียนถาม นอกจากจะเป็นการขจัดข้อสงสัยที่อยู่ในใจของผมมาตลอดแล้ว ก็จะมีประโยชน์สำหรับการฝึกกรรมฐานที่เกี่ยวกับเรื่องธาตุของผมในอนาคตต่อไป (ถ้าไม่ตายเสียก่อน ผมมีความหวังว่าจะทำการฝึกกรรมฐานให้ครบถ้วนทั้ง 40 กองครับ) หากไม่เป็นการรบกวนต่อครู yooyut มากเกินไป ผมก็เรียนขอความกรุณา ความอนุเคราะห์มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
     
  3. mesus

    mesus Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +35
    ขอถามเพิ่มเติมจากคุณ anakiz ด้วยครับ คือในเรื่องของอากาสธาตุนี้ จัดว่าเป็นธาตุที่ไม่มีรูปหรือจัดว่าเป็น “อรูปธาตุ” เวลาพิจารณามักกล่าวกันว่า อากาสธาตุ เป็นตัวควบคุมสมดุลของแม่ธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งเป็น “รูปธาตุ”ดังนั้น ขอทราบว่าอากาสธาตุ ซึ่งเป็น อรูปธาตุ มีบทบาทในการควบคุม แม่ธาตุพื้นฐาน ที่เป็น รูปธาตุ ยังไงครับ?

    อีกอย่างหนึ่ง อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ แต่ขอความอนุเคราะห์จากคุณ yooyut ด้วยครับ คือเห็นว่าคุณ yooyut กำลังวิเคราะห์สมการทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับฟิสิกส์ดาราศาสตร์ เพื่อหาตำแหน่งของจามรทวีป ในพิกัดของระบบดาราศาสตร์ปัจจุบันอยู่ ใช่ไหมครับ (ผมอ่านที่คุณ yooyut เล่าไว้ในกระทู้นึง ในห้องอภิญญา-สมาธิ) เข้าใจว่าท่านคงจะมีประสบการณ์ทางการวิเคราะห์ระบบสมการมาพอสมควร ซึ่งในขณะนี้ผมมีข้อขัดข้องในสมการเชิงอนุพันธ์อยู่ชุดหนึ่ง ยังหาทางออกไม่ได้ อยากขอคำแนะนำจากคุณ yooyut ด้วยครับ ขอขอบคุณครับ (รายละเอียดส่งให้ทาง PM แล้วครับ)
     
  4. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ถึงคุณ anakiz ครับ

    ขอขอบคุณสำหรับคำชมครับ ถือเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนกระทู้อย่างผมได้พัฒนาการเขียนกระทู้ต่อไปครับ

    แต่ก่อนอื่น ต้องขอคุยกันก่อน ถ้ารักกันชอบกันจริง ขอความกรุณาโปรดอย่าได้เรียกผมว่า “ครู” เลยนะครับ อันตัวผมนั้น ยังมีความรู้แค่หางอึ่ง ยังรู้น้อย ด้อยปัญญา การปฏิบัติก็ยังไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ราว การที่เข้ามาในบอร์ดนี้ ก็เพื่อเข้ามาหาความรู้จากท่านสมาชิกทุกท่าน ซึ่งที่ผ่านมา ผมก็ได้รับการสั่งสอนจากท่านสมาชิกทุกท่านอย่างดียิ่งมาตลอด และผมก็รู้สึกซาบซึ้งใจและขอขอบพระคุณสมาชิกบอร์ดทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้กรุณาสละเวลามาให้การสั่งสอนกับผมมาโดยตลอดนะครับ

    ดังนั้น ขอให้เรียกชื่อกันแค่นั้นก็พอครับ

    คุณ anakiz ออกตัวว่าไม่ได้สนใจวิชาธาตุ แต่กลับทราบรายละเอียดเยอะมาก น่าปลาบปลื้มใจครับ โดยเฉพาะที่กล่าวถึงครูบาอาจารย์ทางวิชาธาตุให้ได้ระลึกถึงมาหลายท่านด้วย นี่จัดว่าเป็นครูบาอาจารย์รุ่นเก่าเลยนะครับ แล้วนอกจากที่คุณกล่าวมา ผมก็ยังระลึกถึงครูอีกท่านหนึ่ง ที่จัดว่าเป็นปรมาจารย์สายวิชาธาตุเลยทีเดียว คือสมเด็จลุน ท่านนี้ผมก็เสียดายที่ไม่ทันกับยุคสมัยของท่าน ก็ได้แต่ติดตามสิ่งที่ท่านได้ถ่ายทอดไว้ให้เป็นสำคัญแค่นั้น

    สำหรับการเรียนวิชาธาตุ ที่ถามมาว่าการเรียนการสอน เหตุใดจึงมีคำบริกรรมหลายแบบมากมายเหลือเกิน และระบบอักขระที่ยุ่งยาก เขาเรียนกันอย่างไรนี่? ตรงนี้ต้องขอเรียนว่า การที่ครูบาอาจารย์จะต้องสอนเรื่องการบริกรรมและระบบอักขระในเบื้องต้น ก็เป็นเพราะต้องการให้ผู้เรียนได้ทราบหลักการ เหตุผล ที่มา ที่ไป เกี่ยวกับการปฏิบัติการก่อนนะครับ เพราะคำบริกรรมต่างๆและระบบอักขระทั้งหลาย ไม่ได้ให้ท่องกันเปล่าๆ แต่คำบริกรรมต่างๆและระบบอักขระต่างๆ ล้วนแต่มีความหมายกำกับไว้เฉพาะตัวทั้งสิ้น ซึ่งการเรียนรู้การใช้งานคำบริกรรมและอักขระแต่ละแบบ จะต้องรู้ความหมายก่อน เพื่อจะได้เลือกใช้งานคำบริกรรมและอักขระได้อย่างถูกต้องกับวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการ

    คำบริกรรมต่างๆ จะถูกนำมาใช้บริกรรมเพื่อฝึกจิตใจให้มีความสงบเป็นสมาธิ เรียกว่าเป็นสิ่งเชื่อมโยงในการฝึกสมถกรรมฐานนั่นเอง การฝึกจิตให้มีความสงบ สงัดเป็นสมาธิ เพื่อนำเอากำลังใจที่เสริมสร้างขึ้น ไปใช้ในการควบคุมธาตุ ตามที่ต้องการต่อไป เรียกว่าในตอนต้น จำเป็นต้องเรียนการบริกรรมและอักขระก่อน ก็เพื่อให้ทราบหลักการ เหตุผล ที่ไป ที่มา ของวิชชา และเป็นการฝึกสมถกรรมฐาน เพื่อสร้างกำลังใจให้พร้อมสำหรับการเรียนในขั้นต่อไปนั่นเอง

    สำหรับการเรียนในระดับสูง แน่นอนว่าเรื่องของคำบริกรรมและระบบอักขระก็จะมีความซับซ้อน ยุ่งยากมากขึ้น แต่ด้วยภูมิปัญญาของครูบาอาจารย์แต่โบราณ ก็ได้จัดเรียงเป็นชุดคำที่เป็นเหมือนกุญแจ ที่ทำให้ผู้เรียนไม่ต้องใช้ความจำมากเกินไป เพียงแต่ทราบความหมายของชุดคำที่ผูกไว้นี้ ก็สามารถนำเอาคำบริกรรมพื้นฐานที่มีไปแตกแยกย่อย พลิกแพลงไปเป็นคำบริกรรมรูปแบบต่างๆ ได้อย่างไม่รู้จบ โดยไม่ต้องไปจำทั้งหมด นี่นับว่าเป็นความชาญฉลาดของครูบาอาจารย์แต่โบราณ

    แต่ที่สำคัญ การเรียนระดับสูง ไม่มีใครเขาใช้ความจำกันหรอกครับ เพราะถ้าจะจำให้ได้ทั้งหมด คุณคงจะต้องเป็น “เมนแฟรมคอมพิวเตอร์” แล้วล่ะครับ ทีนี้ เขาทำกันยังไง กล่าวได้ว่า ผู้เรียนในระดับนี้ จัดว่ามีกำลังใจกันพอเพียงแล้ว ในทางปฏิบัติ จึงใช้ “จิต” ดำเนินการแทน เรียกได้ว่า ไม่จำเป็นต้องอาศัยคำบริกรรมเป็นตัวโน้มนำ เหมือนอย่างในการฝึกระดับเริ่มต้นแล้ว หากประสงค์จะควบคุมธาตุยังไง กำหนดปั๊บ เป็นไปตามนั้นปุ๊บ เรียกว่าเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ จากการทำงานด้วยตัวเอง (ระบบ Manual) มาเป็นการทำงานแบบอัตโนมัติ (ระบบ Automatic) นั่นเอง นี่เป็นเรื่องของผู้ที่มีความชำนาญเขาทำกันนะครับ

    ดังนั้น จะเห็นแล้วว่า ในการเรียน ไม่จำเป็นต้องลำบากในการจดจำในสิ่งใดๆ มากมายนัก เพียงแต่ลำบากหน่อย ในชั้นต้น แต่พอคล่องแล้ว ต่อๆไปก็สบายมากขึ้นแล้วครับ

    หากสนใจในตัววิชชา อย่าไปกลัวครับ วิชาธาตุ ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเกินความสามารถในการเรียนรู้ของคนเรา ถ้าวิชานี้ยากเย็นเข็ญใจจริงๆ คงจะสาบสูญหายไปจากสารบบเสียนานแล้ว แต่นี่ก็ยังมีผู้สืบทอดวิชาอยู่ตลอดจนมาถึงปัจจุบัน ก็เป็นเครื่องบ่งชี้แล้วว่า วิชานี้ เล่นไม่ยากครับ

    แต่ถ้าอยากจะเรียนรู้จริงๆ ขอเสนอว่า ควรนำพานดอกไม้ ธูปเทียน ไปกราบขอเรียนวิชชากับครูบาอาจารย์ให้เป็นเรื่องเป็นราวจะดีกว่า อย่าได้มาหาเรียนเอาตามหน้าเว็บบอร์ดเลยครับ จะไม่ได้สาระอะไร เสียเวลาเปล่าๆ เพราะการฝึกวิชชาต้องให้ความเคารพและเคร่งครัดในหลักเกณฑ์ของเจ้าของตำรับวิชาเป็นอย่างยิ่ง

    อย่างคุณที่อยู่ข้างบนนั้น (คุณ evanov ) ที่ผมให้การเสนอแนะไป ก็เพราะว่ามีผู้ที่อยู่เบื้องบนได้มอบหมายหน้าที่มาให้ทำการดูแลเป็นการชั่วคราว ผมก็จำเป็นต้องแนะนำไปเท่าที่ทราบ ซึ่งเมื่อเสร็จเรื่องราวตามภาระหน้าที่แล้ว ก็ต้องแยกย้ายกันไป ไม่เกี่ยวข้องกัน สำหรับการเสนอแนะในสิ่งต่างๆ ก็ต้องดูในสิ่งพื้นฐานที่เขามีอยู่ก่อน เมื่อเขาเอาระบบอักขระมาถาม ผมเห็นว่ายังไม่ถูกก็ได้ทำการปรับแก้ไขให้ใหม่ แล้วให้ลองไปไล่เบี้ยดู การเอาของเก่าที่มีความคุ้นเคยมาแต่ก่อน มาปรับให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น แล้วเอาไปฝึกต่อ อย่างนี้จะดีกว่าการเสนอของใหม่เอี่ยมถอดด้ามให้เลย นี่ก็จัดว่าเป็นแท็คติคชนิดหนึ่ง ในการฝึก ที่คุณ anakiz สามารถนำไปใช้ได้ต่อไป หากสนใจในตัววิชชานี้นะครับ

    สำหรับคุณ anakiz เอง หากสนใจ สมควรฝึกให้ได้ถึงขั้นแยกธาตุ แยกขันธ์ เพื่อให้ภูมิจิตมีภูมิธรรมที่สูงขึ้น ให้รู้แจ้งแทงตลอดในวิปัสสนาญาณจนสามารถปล่อยวางในความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายได้ อย่างนี้เรียกได้ว่าสำเร็จประโยชน์แห่งวิชาเดินธาตุอย่างแท้จริง น่าสนใจดีนะครับ หากประสงค์จะเก็บกรรมฐานให้ครบทั้ง ๔๐ กอง อย่าลืมสิ่งที่ได้คุยกันในวันนี้ด้วยนะครับ จะเป็นประโยชน์ ต่อคุณ anakiz ในอนาคตได้อย่างแน่นอน

    เหนืออื่นใด ตอนนี้ที่คุณ anakiz กำลังปฏิบัติคือ การทรง "อุปสมานุสติกรรมฐาน" ไว้ประจำใจ กรรมฐานนี้จัดเป็นกรรมฐานใหญ่ ที่ต้องใช้กำลังใจอย่างสูงในการปฏิบัติการอยู่เหมือนกัน ซึ่งดูเหมือนว่าคุณจะมี “ธง” อยู่ในใจแล้วนะครับ ผมก็ขออนุโมทนากับคุณ anakiz มา ณ โอกาสนี้ด้วย และผมก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะคอยให้คำเสนอแนะในการปฏิบัติของคุณ anakiz เพื่อสนับสนุนให้คุณเดินทางไปจนสุดเส้นทางที่คุณเลือก ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินไปในหนทางแบบใดก็ตาม

    ทั้งหมดมีรายละเอียดประมาณนี้ ผมก็ขอจบการเขียนกระทู้ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ หากคุณ anakiz จะมีข้อสงสัยในสิ่งใดเป็นการเพิ่มเติมอีก ที่นอกเหนือไปจากนี้ ก็ขอเรียนเชิญให้ทำการสอบถามกันได้ต่อไปครับ
     
  5. anakiz

    anakiz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +67
    ขอขอบคุณ คุณ yooyut ครับ ที่ได้กรุณาตอบให้ทราบ และผมก็ต้องกราบขออภัยต่อคุณ yooyut เป็นอย่างยิ่งด้วยครับ ที่ใช้สรรพนามเรียกคุณ yooyut อย่างไม่เหมาะสมไปเมื่อก่อนหน้านี้

    การใช้สรรพนามเรียกที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว อาจจะมีผลทำให้คุณ yooyut ได้รับการตำหนิ ติเตียน จากท่านผู้รู้ ประจำเว็บบอร์ดพลังจิตแห่งนี้ ที่เป็นผู้ชำนาญด้านสมาธิ ด้านฌานสมาบัติ ด้านกสิณ ด้านจักระ ด้านพลังปราณ หรือว่าดัานอื่นๆใดๆ และได้เป็นครูบาอาจารย์ประจำเว็บบอร์ดพลังจิตที่ทำการสอนกรรมฐานในที่นี้ ในประเด็นการวางตัวที่ไม่มีความเหมาะสมของคุณ yooyut ก็เป็นได้ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ที่คุณ yooyut ได้รับการตำหนิ ติเตียน เช่นนั้น ผมก็จะรู้สึกเสียใจมาก เพราะเรื่องดังกล่าว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวขัองกับคุณ yooyut เลยแม้แต่น้อย แต่มีผมเป็นต้นเหตุทั้งสิ้น ดังนั้น จึงต้องขออภัยต่อคุณ yooyut มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

    ถึงตรงนี้ ผมแน่ใจแล้วว่ากระบวนวิชาธาตุของคุณ yooyut นั้น มาทางแนวพุทธศาสตร์อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ได้มีการโน้มเอียงไปในแนวทางของไสยศาสตร์เลยแม้แต่นัอย สิ่งที่ทำใหัผมมั่นใจเช่นนั้น ก็คือระเบียบวิธีทาง "เวทางคศาสตร์ " ของคุณ yooyut ที่ได้แสดงใหัเห็นกันมาตลอดจากการที่ได้คุยกันทาง PM กับคุณ yooyut มานั่นเอง ตรงนี้ผมขอแสดงความนับถือนะครับ และรู้สึกยินดีที่ได้คุยกับคุณ yooyut ในครั้งนี้ และหวังว่าในโอกาสหน้า เมื่อผมมีข้อสงสัยใดๆ ในการเจริญกรรมฐานของผมอีก คงจะได้รับความกรุณาในการไขข้อข้องใจจากคุณ yooyut ต่อไปด้วยนะครับ ขอขอบคุณครับ
     
  6. evanov

    evanov Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +64
    เข้ามายืนยันตามความเห็นของ ท่าน yooyut และ คุณ anakiz อีกทีครับ ในกรณีของการศึกษาวิชาธาตุนี้ มีจุดแบ่งอยู่ชัดเจนแล้วว่า อย่างไรคือการเดินธาตุตามแนวไสยศาสตร์ อย่างไรคือการเดินธาตุในแนวพุทธศาสตร์ หรือการเดินธาตุในสายฤาษี ที่ต่างจากแนวทางพุทธศาสตร์อย่างสิ้นเชิง โดยรวมแล้วมุมมองของเรื่องวิชาธาตุ ในบางด้านคล้ายกับว่ามักจะมุ่งเน้นไปทางอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ เป็นหลัก แต่อานิสงค์สำคัญของวิชาธาตุที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ก็คือ การทำให้มีความเข้าใจ คลายความยึดมั่น ถือมั่น ในบุคคล ตัวตนทั้งของเราและของผู้อื่น และคลายความยึดมั่น ถือมั่น ในทุกสรรพสิ่ง ซึ่งจะพุ่งไปสู่เป้าหมายของความรู้แจ้ง และความหลุดพ้นกันเลยทีเดียว นี่คือจุดสำคัญของการเดินธาตุ ตามแนวทางพุทธศาสตร์ ที่ไม่พบในแนวทางเดินธาตุของแนวอื่นๆ ใดๆ เช่น แนวไสยศาสตร์ แนววิชาสายมาร หรือว่าจะเป็นแนวทางของฤาษี นั่นเองครับ

    อีกอย่างหนึ่ง คุณ anakiz เข้าใจถูกแล้วครับ ว่าระบบอักขระนั้น เป็นเรื่องของใครของมัน ซึ่งระเบียบวิธีของระบบอักขระ ที่โชว์ออกมา จะบอกได้เลยว่าของใครเป็นแนวไหน ยังไง อันนี้ชัดเจนครับ
     
  7. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    สมาชิกท่านนี้ น่าจะเป็นนักวิชาการนะครับ ถ้าอย่างนั้น ในการตอบข้อถาม ผมก็จะขอพูดจาพาทีกันตามสไตล์ของบรรยากาศแบบวิชาการ เพื่อให้เข้ากับสไตล์ของท่านนะครับ

    สำหรับเรื่องของอากาสธาตุ จะมีบทบาทในการควบคุมสมดุลของแม่ธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อย่างไรนั้น อย่างนี้ต้องพิจารณาถึงเรื่องพฤติกรรมของธาตุต่างๆ เป็นสำคัญนะครับ ซึ่งในวิชาธาตุเองนั้น ก็ได้มีการศึกษา เพื่อทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของธาตุต่างๆ เช่นเดียวกัน เพื่อใช้ประโยชน์ในการควบคุมธาตุต่อไป

    ในธรรมชาติเอง ธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ นั้น จะเกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างรวมๆ กัน ประกอบกันขึ้นเป็นกลุ่มของธาตุ ทำให้เกิดเป็น “รูป” ขึ้นมา ( รูปหมายถึงสิ่งใดๆ ก็ตามที่สัมผัสรับรู้ได้ด้วยอายตนะทั้ง ๖ ) ซึ่งธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ จะก่อกำเนิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า เนื่องจากอากาสธาตุ นั้น คือธาตุที่มีลักษณะว่างเปล่า จึงกล่าวได้ว่า อากาสธาตุ เป็นที่อาศัยของธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ และเป็นเหตุเกิดของธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ ด้วย นั่นเองครับ

    เมื่อพิจารณาตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ มีการเกิดขึ้น ย่อมต้องมีการดับลง ไปเป็นวัฏจักร ดังนั้น เมื่อธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ มีการดับลงหรือสิ้นสลายลง ก็จะก่อให้เกิดเป็นความว่างเปล่าขึ้นมาอีก ทำให้เกิดเป็น “อากาสธาตุ” มาแทนที่ธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ วนเวียนกันเช่นนี้ไม่รู้จบ

    ในเมื่อทราบหลักการพื้นฐานของธรรมชาติอย่างนี้ ผู้ปฏิบัติในทางการเดินธาตุ จึงได้นำหลักการนี้มาใช้ประโยชน์ในเรื่องการควบคุมธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ คือเมื่อเห็นว่ามีธาตุหนึ่งธาตุใด ที่มีมากเกินไป ก็จะนำเอามาทำการสลายธาตุนั้นๆ ในอากาสธาตุ หรือหากมีความต้องการเพิ่มธาตุใดๆขึ้นมาในระบบ ก็จะอาศัยกำลังของอากาสธาตุ ทำการเพิ่มเติมธาตุที่ต้องการเข้ามา และทำการดึงกำลังของธาตุนั้น ไปใช้ประโยชน์ตามที่ต้องการต่อไปครับ

    สำหรับแหล่งกำเนิดกำลังของอากาสธาตุ ในทางปฏิบัติแล้ว จะใช้อากาสกสิณ เป็นแหล่งกำเนิดกำลัง โดยมีฐานควบคุมกำลังอยู่ที่ตำแหน่ง “ยะ” บนร่างกาย ตามการจัดวางตำแหน่งของธาตุทั้ง ๕ ที่ว่าด้วยคาถาบริกรรมแม่ธาตุใหญ่ คือ “นะ โม พุท ธา ยะ” นั่นเองครับ


    คำถามข้อต่อมา เป็นเรื่องของทางโลก ไม่เกี่ยวกับข้อกรรมฐาน นับว่าถามมาครบเครื่องเลยนะครับ มีทั้งคำถามทางโลก และคำถามทางการเจริญกรรมฐาน ก็ยินดีตอบให้ทราบ เพื่อประโยชน์ทางวิทยาการต่อไปนะครับ

    ในเรื่องของหลักการทางคณิตศาสตร์นั้น ผมมองว่าคณิตศาสตร์ก็คล้ายกับการเจริญกรรมฐานนี่ล่ะ คือเมื่อพบว่ามาถึงทางตัน มีปัญหา ข้ออุปสรรค ที่ทำให้ไม่สามารถไปต่อได้ ก็ไม่ควรฝืนครับ แต่ควรหยุด เพื่อพิจารณาก่อนว่าปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น จะมีทางแก้ไขอย่างไรได้ต่อไป เมื่อเห็นหนทางแก้ไขปัญหาแล้ว จึงทำการแก้ปัญหาให้ลุล่วง แล้วจึงเดินหน้าต่อไป

    อย่างไรก็ตาม เรื่องของชุดสมการเชิงอนุพันธ์ที่นำมาถามถึง ก็เช่นเดียวกัน ปกติ เวลาเราต้องการหารากของสมการ วิธีการทั่วไปที่ใช้กันอยู่ คือต้องพยายามทำการแปลงสมการเชิงอนุพันธ์ ให้อยู่ในรูปแบบของสมการพีชคณิต แล้วจึงทำการหารากสมการออกมา แต่หากเป็นกรณีที่การแปลงสมการจากสมการเชิงอนุพันธ์เป็นสมการพีชคณิตมีความยากลำบาก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเงื่อนไขของตัวสมการเองหรือสาเหตุอื่นๆ นั้น ในทางปฏิบัติก็จะต้องพยายามใช้ระเบียบวิธีการทางคณิตศาสตร์อย่างอื่นๆ มาใช้เพื่อช่วยในการหารากสมการ เพื่อให้ได้คำตอบของสมการที่ถูกต้องต่อไป

    สำหรับวิธีในการหาคำตอบของสมการเชิงอนุพันธ์ชุดดังกล่าว ผมได้ส่งคำอธิบายอย่างละเอียดเป็นข้อแนะนำ ให้กับคุณ mesus ทาง PM เรียบร้อยแล้วนะครับ ลองศึกษาดูได้ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับคุณ mesus ได้ต่อไปครับ


    ทั้งหมดก็มีประมาณนี้ ผมก็ขอจบการเขียนกระทู้แต่เพียงเท่านี้ครับ หากคุณ mesus จะมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในสิ่งใด ก็ขอเชิญทำการสอบถามได้ต่อไปครับ
     
  8. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154

    คุณ anakiz อย่าได้คิดวิตกกังวลให้มากมายไปเลยครับ แล้วก็ไม่อยากให้คุณ anakiz ต้องคิดอะไรไปให้ซับซ้อน วุ่นวายไปเปล่าๆปลี้ แบบนี้ด้วยนะครับ

    ต้องขอเรียนกับคุณ anakiz ว่า ในบรรดาท่านสมาชิกที่เป็นผู้รู้ ประจำเว็บบอร์ดพลังจิตแห่งนี้ ที่คุณทราบอยู่ว่าเป็นผู้ชำนาญด้านสมาธิ ด้านฌานสมาบัติ ด้านกสิณ ด้านจักระ ด้านพลังปราณ หรือว่าดัานอื่นๆใดๆ และได้เป็นครูบาอาจารย์ประจำเว็บบอร์ดพลังจิตที่ทำการสอนกรรมฐานอยู่ตามกระทู้ต่างๆ ในที่นี้ ทุกท่านล้วนแต่เป็นผู้ที่มีคุณธรรมอย่างสูงยิ่งและประกอบไปด้วยความมีเมตตา กรุณาและมุทิตา เป็นที่ตั้งด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น จึงไม่มีท่านผู้ใด ทำการตำหนิ ติเตียนใดๆ ต่อผมทั้งสิ้นครับ เข้าใจว่าท่านทั้งหลายคงจะให้อภัยต่อผมได้ เนื่องจากท่านเหล่านั้น มีเมตตา กรุณาอย่างมากนั่นเอง

    แต่หากว่าจะถูกท่านผู้รู้ ประจำเว็บบอร์ดพลังจิตแห่งนี้ ที่เป็นผู้ชำนาญด้านสมาธิ ด้านฌานสมาบัติ ด้านกสิณ ด้านจักระ ด้านพลังปราณ หรือว่าดัานอื่นๆใดๆ และได้เป็นครูบาอาจารย์ประจำเว็บบอร์ดพลังจิตที่ทำการสอนกรรมฐานในที่นี้ ตำหนิติเตียนเอาบ้าง ผมก็จะมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะถือว่าได้รับการสั่งสอนจากท่านทั้งหลายโดยตรง และจะได้นำไปปรับปรุงตัวเองได้ต่อไปครับ

    ผมระลึกไว้เสมอว่า เรายังมีความรู้น้อย ด้อยปัญญา ยังเป็นแค่หางอึ่ง ดังนั้น ต้องน้อมรับคำสั่งสอนจากท่านผู้รู้ ที่เป็นครูบาอาจารย์ประจำบอร์ด อย่างนี้เป็นการสมควรแล้วครับ

    OK. นะครับ และขอขอบคุณ คุณ anakiz เป็นอย่างยิ่งสำหรับความปรารถนาดีที่มีให้กับผมในครั้งนี้ด้วยครับ
     
  9. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    มีของฝากมาให้ครับ


    คุณอีวานอฟ ไม่ได้เจอกันนาน เรื่องการบริกรรมค่อนข้างจะเข้าที่เข้าทางแล้วใช่ไหมครับ (เห็นหายไปนาน แสดงว่าเข้าใจในเรื่องระบบอักขระดีแล้ว เพราะไม่ได้ทำการสอบถามต่อ) ใจพอจะสงบได้ที่แล้วนะครับ เจอกันคราวนี้ เพิ่งจะนึกออก ว่ามีของมาฝากกันเล็กน้อยนะครับ

    สำหรับคุณมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว ผมจะไปเร็วๆ เลยนะครับ ปกติเวลาบริกรรมคาถาเตโชธาตุ อย่างที่เคยได้ซักซ้อมกันมา พอจะเข้าที่เข้าทางแล้ว ต้องมีการลองของกันสักหน่อย คุณอีวานอฟลองดูตารางข้างล่างนี้นะครับ



    [​IMG]


    จากตารางจะเป็นสีของเปลวไฟที่มีสีต่างๆ ตั้งแต่สีออกแดง ซึ่งมีความร้อนของเปลวไฟน้อยที่สุด ไปจนถึงสีน้ำเงินเข้ม ที่จัดว่าเป็นสีของเปลวไฟที่มีความร้อนมากที่สุด ในตารางบอกอุณหภูมิเป็นหน่วยเคลวิน ถ้าไม่คุ้นเคยก็ไปทำการคำนวณเป็นหน่วยองศาเซลเซียส ในแบบที่คุ้นเคยเอาเองก็ได้นะครับ (ตามสมการ °C = K - 273.15 )

    ลองบริกรรมกำหนดดู โดยตั้งใจให้เปลวไฟตรงหน้า เปลี่ยนไปเป็นสีต่างๆ นั่นคือ ใช้ใจทำการปรับระดับความร้อนของเปลวไฟ ให้มีระดับความร้อนตามที่ต้องการ โดยไล่ไปมาให้คล่องจากสีแดง (ความร้อนต่ำ) ไปสีน้ำเงินเข้ม (ความร้อนสูง) ขึ้นๆลงๆ ให้คล่อง ตามแบบดังนี้

    ๑.ไล่สีไปตามลำดับขาขึ้น สีแดง สีเหลือง สีส้ม สีขาว สีฟ้า สีน้ำเงิน จากนั้นเป็นขาลง สีน้ำเงิน สีฟ้า สีขาว สีส้ม สีเหลือง สีแดง ไล่ขึ้นลงให้คล่อง

    ๒.ไล่สีแบบคละสี ตามใจชอบ ไร้รูปแบบ โดยเริ่มจากสีอะไรก็ได้ตามใจ อาจจะเป็น สีขาว แล้วไปสีแดง แล้วไปสีฟ้า แล้วไปสีเหลือง แล้วไปสีน้ำเงิน แล้วไปสีแดง สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย คละไปเปลี่ยนมาจนพอใจ


    อย่าลืมการบริกรรม สลับสับเปลี่ยนอักขระให้เข้ากับการคุมเปลวไฟแต่ละแบบให้คล่องด้วยนะครับ การหนุนเตโชธาตุ เอาอะไรหนุนอะไร ต้องชัดเจน ตรงนี้อย่าลืมต้องให้ได้ตามที่ซ้อมมานะครับ

    ในขั้นต้น เอาแบบพื้นฐาน ระดับอนุบาล ไปลองเล่นแบบนี้ไปพลางก่อน เริ่มแบบ ๑ ก่อน คล่องแล้ว มาไล่ในแบบที่ ๒ ต่อ ทำทั้ง ๒ แบบได้คล่องแล้ว ค่อยมาคุยกันอีกทีนะครับ (แต่ในระหว่างนี้ หากมีข้อสงสัยในสิ่งใดเพิ่มเติม ขอให้ PM มาคุยได้ตลอดเวลา ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาดูกระทู้ ดังนั้น ใช้ PM จะสะดวกกว่านะครับ)
     
  10. evanov

    evanov Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +64
    ขอขอบคุณ ท่าน yooyut ครับ สมัยฝึกเตโชกสิณ เคยแต่เพ่งเปลวไฟให้หรี่ ให้ดับ ให้ลุกโชน คราวนี้ลองมาใช้วิธีของการบริกรรมคาถาเตโชธาตุ ทำการเปลี่ยนสีของเปลวไฟให้เป็นสีต่างๆ ดูบ้าง น่าสนใจดีครับ เรื่องของเปลวไฟนี่ ไม่รู้เป็นไง ดูได้ดูดี ไม่มีเบื่อ โดยเฉพาะเปลวไฟสีต่างๆนี่ แต่ละสีก็ให้อารมณ์ไปในแต่ละแบบ แต่ผมชอบเปลวไฟสีนำ้เงินมากที่สุด ดูเป็นสีที่ออกโทนความรู้สึกเย็นสบาย แต่ในความเป็นจริงเปลวไฟสีน้ำเงินนี้กลับเป็นเปลวไฟที่ร้อนสุดๆไปเลย นับว่าเป็นความย้อนแย้งกันอย่างสุดขั้ว นี่ละ จัดว่าเป็นเสน่ห์ของเตโชธาตุเขาล่ะ สำหรับวิธีการนี้นับว่าเป็นแบบฝึกเรื่องกำลังใจได้อย่างดี ก็ขอรับไว้ไปดำเนินการฝึกต่อไป ณ บัดนาว ครับ
     
  11. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านครับ

    มีความรู้จากท่านทั้งหลายเพิ่มมาอีกมากมายเลยทีเดียว

    ข้าพเจ้าปลีกวิเวกที่วัดป่ามา ในขณะที่กำลังจะคิดว่าจะเอาทางเรื่องธาตุเสริมและบอกตามตรงว่าตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังใคร่ครวญอย่างหนักมากว่าจะเอายังไงต่อไปดี ในขณะปฏิบัติได้ 2 วัน พระเพื่อนของข้าพเจ้า ที่ท่านเป็นพระธุดงค์เต็มตัวไปแล้ว ได้ติดต่อมาหาช้าพเจ้า ท่านได้แนะนำหนทางให้และกำชับข้าพเจ้านักหนาว่าอย่าทิ้งจากหนทางนี้ พร้อมกับเล่าประสบการณ์หรือ ปฏิเวท ในการฆ่ากิเลสแต่ละอย่างของท่านให้ข้าพเจ้าฟัง (ขออนุญาติไม่เปิดเผย) ท่านบอกว่า กว่าจะไล่ทำลายกิเลสแต่ละอย่างของท่านมันแสนลำบากหนักหนา จวนเจียนตาย จะถอดผ้าเหลืองกลับบ้านก็หลายครั้งหลายครา แต่ท่านก็สู้อดทนฝ่ามันมา อาศัยว่านิสัยของท่านเป็นคนเอาจริงไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ตายเป็นตาย ข้าพเจ้าฟังไปปลื้มปิติไปมีสุขเหลือเกิน (แม้ในขณะที่พิมพ์เล่าอยู่นี้ข้าพเจ้ายังแทบจะร้องไห้) และท่านก็ไม่เล่าให้ใครฟังด้วย ท่านบอกว่าท่านเป็นผู้ที่สอนใครไม่ได้ แต่ท่านรู้ว่าข้าพเจ้าจะฟังท่าน ท่านจึงมาบอก.

    จากสิ่งที่ท่านแนะนำให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็นำมาปฏิบัติ จนตอนนี้ข้าพเจ้ามีการพัฒนาในหนทางของข้าพเจ้าต่อไปอีก และข้าพเจ้าจะมั่นคงในทางนี้ไม่ไปไหนอีกต่อไป

    จาก สิ่งที่ท่านได้บอกกล่าวเล่าให้ฟังในประสบการณ์ของท่านที่ผ่านมา ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจได้ว่า ที่เรายังวนเวียนยังไม่ไปไหนเพราะ เรายังเอาไม่จริง (สำหรับข้าพเจ้านะครับ)

    สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเราเท่านั้นเอง ดังคำสอนของพระพุทธองค์ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่มีใครทำให้เราดีหรือเลวได้ มีแต่เราทำเอง ไม่มีใครช่วยเราให้หลุดพ้นได้นอกจากตัวเราเอง.

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  12. evanov

    evanov Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +64
    ได้อ่านที่คุณพี่ Supop ได้มาเล่าเรื่องราวของคุณพี่ให้อ่านกัน ผมก็ขออนุโมทนา แม้ว่าผมเองจะไม่เคยอยากจะสนใจ ใคร่รู้ในเรื่องราวของคุณพี่ Supop เลยก็ตาม เพราะว่าเรื่องของคุณพี่ Supop ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันกับผม ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะสนใจในเรื่องของคุณพี่ Supop ไปทำไม แต่วันนี้มีโอกาสดีที่คุณพี่ Supop ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวให้อ่านกันต่อ ผมก็ขอถือโอกาสเข้ามาอ่านด้วยนะครับ ยังไงๆ ก็ถือว่าได้อ่านเรื่องราวอย่างอื่นๆ บ้าง เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศไปในตัว ซึ่งตรงนี้ เป็นสิ่งที่ผมได้รับมาตลอดในการเข้ามาอ่านกระทู้ของคุณพี่ Supop กระทู้นี้

    ในบรรดาสมาชิกที่เข้ามาคุยในกระทู้นี้ หลักๆ เลยก็เห็นจะมีคุณพี่ Supop (อันนี้เป็นธรรมดาของเจ้าของกระทู้ ที่ต้องแวะเวียนมาเป็นปกติอยู่แล้ว) และอีกหนึ่งสมาชิก ก็เห็นจะเป็น ท่าน yooyut และผมก็เห็นว่าทั้งสองท่านนี้ มีแนวทางที่ผมพอจะรับฟังได้อยู่

    สำหรับคุณพี่ Supop ก็เป็นอดีตพระภิกษุ เคยบวชเรียนมาก่อนหน้านี้ ผมเชื่อว่ายังไงๆก็คงจะมีหลักยึดไว้บ้างแล้ว ส่วนท่าน yooyut เอง ท่านก็เป็นอดีตพระธุดงค์ (ผมเคยไปอ่านกระทู้ที่ท่านได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ธุดงค์ของท่าน ในห้องอภิญญา xp ) ผมจึงไม่แปลกใจ ที่สมาชิกทั้งสองที่ผมกล่าวถึง จะทราบเรื่องราวของวิชชาต่างๆ เป็นอันมาก โดยเฉพาะสมาชิกรายหลัง ที่ผมกล่าวถึง คือท่าน yooyut ที่ได้ทำให้ผมรู้สึกทึ่ง เมื่อทราบว่าท่านรู้วิชชาแปลกๆ เยอะ บางวิชชาก็ไม่คิดว่าจะมีหลงเหลืออยู่ในโลก แต่ท่านก็ยังทราบ ตรงจุดนี้ ถือว่าเป็นข้อสำคัญที่ทำให้กระทู้นี้มีสีสันและชวนให้น่าติดตามอยู่เสมอมา

    ความรู้บางเรื่อง บางอย่างในกระทู้นี้ ผมมองว่าก็จัดว่าเป็นเรื่องที่น่าเรียนรู้สำหรับบางคน แต่อีกทางหนึ่งก็จัดว่าเป็นเรื่องราวที่ไม่จำเป็นสำหรับอีกหลายคน ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับความสนใจส่วนตัว และจริตของแต่ละท่านเป็นสำคัญ ก็ว่ากันไปนะครับ

    สุดท้ายนี้ แม้ว่าคุณพี่ Supop จะมีทางเดินไปเป็นเช่นใด ผมก็ขออนุโมทนาในความตั้งใจ และก็ขอติดตามความคืบหน้าของคุณพี่ Supop ต่อไป (หากจะเข้ามาเล่าให้อ่านกันอีก ในคราวหน้า) เพื่อเป็นแรงจูงใจ ให้ผมได้ตั้งใจฝึกตัวเองให้เกิดความก้าวหน้า ได้อย่างคุณพี่ Supop บ้างนะครับ
     
  13. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    เอ๊ะ! อ๊ะ! มีใครพาดพิงถึง พาดพิงอะไรกันหนอ คุณอีวานอฟ นี่เอง หาใช่คนอื่น คนไกลกันไม่

    วิชาที่คิดว่าหายสาบสูญไปจากโลกแล้ว? วิชาอะไรหรือครับ? วิชาบังฟัน ? วิชาผูกพยนต์ ? วิชาอาพัด ? วิชาปูนคาดคอ ? วิชากายสิทธิ์ ? วิชามหาอุด ? หรือว่าจะเป็นวิชาผ่านปฐพี ? วิชาอันใดกันแน่ ?

    วิชาเหล่านี้ยังมีอยู่ในโลกครับ และก็ต้องอาศัยความรู้ในเรื่องธาตุมาดำเนินการเป็นสำคัญทั้งสิ้น แต่ แต่ แต่ แต่ ๆๆๆๆๆ ผมไม่ขอกล่าวถึงนะครับ เพราะเนื้อหาของตัววิชา ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายไปเพื่อการหลุดพ้นจากวัฏฏะเป็นที่ตั้ง

    ผมประกาศไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า การคุยเรื่องวิชาธาตุของผม จะต้องเป็นไปเพื่อให้เกิดเป็นความเข้าใจ ให้คลายความยึดมั่น ถือมั่น ในบุคคล ตัวตนทั้งของเราและของผู้อื่น และให้คลายความยึดมั่น ถือมั่น ในทุกสรรพสิ่ง ซึ่งจะพุ่งไปสู่เป้าหมายของความรู้แจ้ง และความหลุดพ้นจากวัฏฏะอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์สูงสุดของวิชาธาตุตามแนวพุทธศาสตร์ แนวนี้ลูกเดียวที่จะคุยกัน ไม่มีลูกย่อยอื่นๆ ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งปวงนะครับ

    เข้ามายืนยันจุดยืนของผม เพื่อให้เกิดเป็นความชัดเจนของแนวทางประจำตัวต่อไปครับ
     
  14. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    สวัสดีคุณ Supop ครับ นานๆ ถึงจะเข้ามาสักทีนะครับนี่ ยินดีที่ได้อ่านประสบการณ์ของคุณ Supop อีกครั้งหนึ่ง หวังว่าโอกาสหน้า คงจะมีโอกาสได้อ่านเรื่องราวในตอนต่อๆไปอีกนะครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ
     
  15. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่เมตตาต่อข้าพเจ้าครับ ข้าพเจ้าก็เล่าไปตามประสาคนชอบเพ้อเจ้อไปเรื่อยๆครับ หาสาระอะไรมิได้

    ข้าพเจ้าจะขออนุญาติกล่าวถึงในเรื่องของกามตัณหาราคะ

    เรื่องของกามตัณหา ทำไมกามจึงเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ในการปฏิบัติตามหลักของพุทธศาสนา ทำไมถึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องระงับให้ได้เพื่อให้จิตเข้าสู่ความสงบได้แท้จริง
    เพราะกามตัณหาราคะนั้นมีสิ่งที่ทำให้เราติดเพลินทั้ง 5 ทวาร คือ รูป กลิ่น เสียง สัมผ้ส และอารมณ์ ส่วนเรื่อง รส ข้าพเจ้าขอยกไว้เป็นกรณีพิเศษสำหรับบางคนที่อาจจะมีร่วมด้วย การกระตุ้นในทวารทั้ง 5 นี้ มันเหมือนจิตถูกรุมล้อมให้หนีไปไหนไม่ได้จากภพของกามตัณหาราคะนี้

    มีอยู่ 2 แบบที่เห็นว่าปฏิบัติแล้วระงับได้ อย่างแรก คือผู้มีศีลที่ดี สติดี เมื่อเกิดการกระตุ้นให้เกิดกามตัณหาไม่ว่าจะมาจากทางทวารใด ด้วยศีลที่ดี สติดี จะมีการถูกตัดในอารมณ์นั้นๆออกไป และจะมีการแสดงถึงสิ่งที่น่ารังเกียจสะอิดสะเอียนขึ้นมาแทน เช่น ภาพของอวัยวะเพศในขณะที่มีเลือดเมนส์ไหลเปรอะเต็มไปหมด หรือ กลิ่นเหม็นของคนที่เป็นโรคทางเพศ เพื่อดับอย่างถาวร ณ.ภพปัจจุบัน และจะเกิดเช่นนี้ทุกครั้งที่ถูกกระทบให้เกิดอารมณ์กามขึ้นมา
    แต่สำหรับผู้ที่ไม่มี ก็ใช้การระลึกนึกถึงเอาเองเพื่อระงับ ให้นึกถึงสิ่งตรงข้ามกับสิ่งที่เราชอบอยู่ตรงหน้า (หมายถึงลักษณะที่ไม่ดี ไม่สวยงามน่าพึงพอใจ น่ารังเกียจของสิ่งนั้นๆ) เมื่อทำสม่ำเสมอจนเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในจิต เราจะเริ่มรู้สึกเหม็นในเพศตรงข้ามที่ดูสกปรก แล้วต่อมาจะเหม็นพวกที่มีกามมาก ต่อมาจะเริ่มรู้สึกเหม็นในเพศตรงข้ามที่ดูดี ต่อมาจะรู้สึกกับคนที่เป็นสเปคของเรา ต่อมาจะเกิดการวางในรูป (คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสจะเหลืออยู่ท้ายสุดในเรื่องของรูป) และเราจะเห็นการติดในอารมณ์เวทนาของกาม แล้วก็แก้กันต่อไป เมื่อต่อไปเราจะเริ่มไม่สนใจในเรื่องเหล่านี้ เห็นเป็นเพียงธรรมชาติทั่วไปเท่านั้น (ในช่วงนี้แม้แต่ภาพวับๆแวมๆของเพศตรงข้ามที่เราเคยตาไว เคยจ้องแต่จะมอง จะไม่มีอีกจะเห็นเป็นธรรมดา)

    หรือจะแยกชิ้นส่วนออกไปเรื่อยๆก็ได้ เช่นการพิจารณาในกายของเรานั้น เมื่อเอาผมออกยังเป็นเราอยู่หรือไม่ ถ้ายังเป็นเราอยู่ เอาขนออกยังเป็นเราอยู่หรือไม่ เอาออกไปเรื่อยๆ จนหมดแล้วประกอบเข้าไปใหม่ เอาออกใหม่ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้ จนเริ่มเห็นว่าเป็นเพียงธรรมชาติอย่างหนึ่ง (ขอเน้นว่าในการทำแต่ละครั้งแต่ละขั้นตอน ภาพนิมิตที่เรานึกขึ้นมาจะต้องเด่นชัด ไม่เบลอ ไม่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ และการทำเช่นนี้ ภาพนิมิตนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นนิมิตที่เราไม่ได้นึกอยู่หรือทำอยู่ แต่จะเป็นนิมิตที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ทำ และเกิดการรู้ที่ยิ่งๆขึ้นไปในขณะนั้น ตามแต่ปัญญาของแต่ละคนที่จะเกิด)

    อีกเรื่องคือธาตุทั้งสี่ที่มีในกายเรา คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าจะปฏิบัติแบบดูกายเป็นธาตุ ก็ให้กำหนดดูว่าตรงส่วนไหนเป็นธาตุอะไร กลุ่มของส่วนประกอบของร่างกายที่เป็นน้ำ (น้ำเลือด น้ำหนอง ฯลฯ) ,ที่เป็นดิน (เนื้อหนัง กระดูก อวัยวะต่างๆ ฯลฯ) ,ที่เป็นลม (ลมหายใจ ลมแก๊ส) ,ที่เป็นไฟ (ความร้อน) กำหนดค่อยๆแปลงให้ไปเป็นต้นของธาตุนั้นๆ แล้วแปลงกลับมา แปลงกลับไปกลับมา ไปเรื่อยๆ (ตรงนี้จะต้องชัดทั้งภาพ และลักษณะธาตุ)

    ก็สุดแท้แต่ใน ปัจจัตตัง ของแต่ละคน ที่จะรู้จะเกิดปัญญากันไปแบบไหน รู้ในสิ่งเดียวกัน แต่ความเข้าใจและการสื่อโดยใช้ภาษาอาจจะต่างกัน.

    ข้าพเจ้าคงจะพออธิบายได้เพียงเท่านี้.

    ข้าพเจ้าไม่มีอะไร แค่มาเพ้อเจ้อตามเวลาของข้าพเจ้า

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  16. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ในร่างกายของมนุษย์เรานี้ ถ้าจะมองให้เห็นว่าเป็นธาตุ ก็จะพบว่าร่างกายของมนุษย์นี้ มีธาตุพิเศษ ที่สามารถรับรู้ในสิ่งที่เป็นธรรมดา อยู่ ๖ ธาตุ คือ จักขุธาตุ โสตธาตุ ฆานธาตุ ชิวหาธาตุ กายธาตุ และมโนธาตุ ธาตุเหล่านี้ รวมๆ กันเรียกว่า “อินทรียธาตุ” ซึ่งก็คือธาตุที่เป็นอินทรีย์หรือธาตุที่เป็นใหญ่ อันนี้ว่าไปตามหลักการ ดังนั้น การฝึกควบคุมธาตุพื้นฐานทั้ง ๔ อันเป็นธาตุพื้นฐานของอินทรียธาตุทั้งหลาย กล่าวได้ว่า ก็จะสามารถควบคุมการดำเนินของอินทรียธาตุทั้งหลายได้ด้วยเช่นเดียวกัน ตรงนี้เป็นวัตถุประสงค์หลักของวิชาธาตุ เพื่อใช้สำหรับทำนุบำรุงสภาพของสังขารร่างกายให้มีความเหมาะสม พอเหมาะพอดี สามารถประกอบกิจการอันควรได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

    ในเรื่องของกามตัณหา หรือกามราคะ ในทางปฏิบัติแล้ว มีกรรมฐานอยู่ประเภทหนึ่ง ที่ใช้สำหรับจัดการกับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ซึ่งก็คือ อสุภกรรมฐาน นั่นเอง

    ความเบื่อหน่ายในสภาพร่างกาย ที่เกิดจากอสุภกรรมฐาน ก็ดี ที่เกิดจากกายคตานุสติกรรมฐาน ก็ดี หรือจากวิปัสสนาญาณก็ดี เป็นสิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจกับอารมณ์ตรงนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งเมื่อใดก็ตาม ที่เกิดอารมณ์เบื่อหน่ายในร่างกายไม่ว่าจะเป็นของเราหรือของผู้อื่น ความเบื่อหน่ายนี้ ต้องเป็นอารมณ์ที่ปล่อยวาง ผ่อนคลายจากความยึดติดจากความปรารถนาในร่างกาย ไม่ใช่อารมณ์ที่หดหู่ หรือเบื่อหน่ายแบบเซ็งๆ แต่เป็นการเบื่อหน่ายในแบบ เห็นในความเป็นธรรมดา จึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจ คือ เบื่อหน่ายแบบปล่อยวาง เบื่อแล้ววาง ไม่ใช่เบื่อแล้วรังเกียจ ผลักไสไปให้พ้นๆ ตัว

    ตรงนี้เป็นจุดพิจารณาที่สำคัญ ในการแยกแยะว่า เราวางอารมณ์ใจในขณะนั้น ได้อย่างถูกต้องหรือไม่

    เรื่องของการวางอารมณ์ใจ มีความสำคัญ ในการปฏิบัติกรรมฐานทุกๆ กอง เพราะหากวางอารมณ์ใจได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม การปฏิบัติก็สมควรที่จะรุดหน้า แต่หากมีการวางอารมณ์ใจที่ไม่ถูกต้อง การปฏิบัติ นอกจากจะไม่รุดหน้าแล้ว ยังจะเป็นการถอยหลังเข้าคลอง เข้ารกเข้าพง เสียเวลาไปเปล่าๆ ปลี้ๆ ไปอย่างที่ไม่สมควรจะเสีย นั่นเองครับ

    อย่าลืมว่า ในบรรดาสังขารทุกชนิด ทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ทั้งภายในตัวและภายนอกตัว ทั้งหมด ทั้งปวง ที่สังกัดอยู่ใน ๓ โลกธาตุ นี้ ล้วนตกอยู่ภายใต้ความไม่เที่ยงทั้งสิ้น ดังนั้น ข้อที่ควรสังเกตของผู้ปฏิบัติ คือ ถ้าที่ใดก็ตามยังอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์ กล่าวว่า ที่นั้นยังไม่ใช่ภูมิที่หลุดพ้นอย่างแท้จริง ซึ่งภูมิที่หลุดพ้นอย่างแท้จริงนั้น ต้องพ้นจากอำนาจของไตรลักษณ์อย่างเด็ดขาด ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไร จะต้องเป็นสิ่งที่เรียนรู้เองจากการปฏิบัติเป็นสำคัญนะครับ

    กระบวนการฝึกเพื่อการหลุดพ้น ในแบบเจโตวิมุตติ ก็ยังต้องมีพื้นฐานจากเรื่องของฌานสมาบัติเป็นสำคัญ ซึ่งแตกต่างจากกระบวนการในแบบของปัญญาวิมุตติ ดังนั้น การหมั่นเจริญฌานก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สมควรจะกระทำควบคู่กันไป

    การทรงฌาน เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับใช้ในการควบคุมอารมณ์ใจ ให้ฝักใฝ่อยู่กับสิ่งที่เป็นกุศล และไม่ไปมัวเมา เกลือกกลั้ว กับสิ่งที่เป็นอกุศลทั้งหลายทั้งปวง ธรรมชาติของผู้ทรงฌานอย่างหนึ่ง คือ ผู้ทรงฌาน ถ้าไม่มีความจำเป็นหรือไม่มีหน้าที่ ส่วนใหญ่เขาจะไม่ค่อยยุ่งกับใคร จิตจะไม่สอดส่ายไปยังเรื่องของท่านโน้น หรือสอดส่ายไปยังเรื่องของท่านนี้ เขาจะไม่ค่อยได้เข้ามาในเว็บไซด์ เพราะเห็นว่าจะเป็นการเสียเวลาปฏิบัติของเขา และจะเห็นว่าสมควรเอาเวลาที่ใช้ในการเข้าเว็บไซด์ ไปใช้ปฏิบัติภาวนาจะเป็นเรื่องที่มีสาระประโยชน์มากกว่า ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการปฏิบัติ หากจะมุ่งหมายเอาดีกันให้ได้ในปัจจุบันและต่อเนื่องไปถึงอนาคตกาลอันใกล้นี้นะครับ

    ก็ขอฝากเอาไว้ให้พิจารณากันต่อไปครับ
     
  17. mesus

    mesus Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +35


    แหม!!!!!! ประกาศจุดยืนเสียชัดเจนเลยนะครับนี่ ผมว่าจะกระซิบเชิญชวน คุณ yooyut ไปคุยกันที่ห้องคาถาอาคม ซักหน่อย ต้องมาเหยียบเบรคกัน เอี๊ยดอ๊าด อ๊าดเอี๊ยด เสียจนตัวโก่ง ตัวงอ ไปตามๆกัน มันสสสส์ ยกร่องจริงๆ อุ๊บบบบบ์สสสสสสสสสส์

    เข้ามากระเซ้ากันพอหอมปาก หอมคอ ไปล่ะครับ ฟิ้ววววววววววว์

    ปล.หากคุณ yooyut จะกรุณา ผมมีข้อสงสัย อยากจะขอปรึกษาเกี่ยวกับ มนต์คชสาร และ มนต์สมิง (อันนี้ก็เป็นไปเพื่อการหลุดพ้นเหมือนกันนะครับ แต่จะหลุดพ้นยังไง โปรดพิจารณาดูครับ) ขอความอนุเคราะห์คุณ yooyut ได้โปรดเช็ค PM ด้วยนะครับ ขอขอบคุณครับ
     
  18. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านครับ

    ขอบคุณ คุณ yooyut ด้วยครับที่ได้ให้คำแนะนำครับ

    ผมเห็นด้วยกับที่คุณ yooyut แนะนำครับ แต่ข้าพเจ้าขอกล่าวในรายละเอียดเสริมอีกหน่อยนะครับ

    การพิจารณานั้นต้องเป็นไปเพื่อการคลายออก การปล่อยวางได้ แต่ที่ผมลงไว้นั้นมันมีส่วนหนึ่งที่เป็นของพระเพื่อนผมที่เล่าให้ฟังด้วย ผมจะเล่ารายละเอียดที่พระเพื่อนได้ทำก่อนนะครับ

    ตอนนั้นท่านสังเกตว่า ท่านยังมีใจยินดีในเพศตรงข้ามอยู่ คืนนั้นท่านจึงตัดสินใจสร้างนิมิตถึงผู้หญิงเปลือยขึ้นมา ตอนนั้นท่านตั้งใจไว้แล้วว่า ถ้าคราวนี้ท่านเอาชนะมันไม่ได้ท่านก็คงจะหลุดจากผ้าเหลืองไปเลย
    ในขณะที่ท่านกำลังเพ่งมองในรูปร่างของหญิงสาวนั้น และมองไปที่อวัยวะเพศ จิตกำลังจะถูกกิเลสเข้าครอบงำ ทันใดนั้น ท่านก็เห็นที่อวัยวะเพศของหญิงสาวนั้นมีน้ำเลือดน้ำหนองไหลออกมาพร้อมกับมีกลิ่นเหม็นที่ชวนสะอิดสะเอียนโชยเข้าจมูก กิเลสของท่านดับไปในพริบตา คราวนี้ไม่ว่าท่านจะสร้างมากี่คน ก็จะเป็นแบบนี้ตลอด ต่อมาไม่ว่าท่านจะพบเจอผู้หญิงสาวสวยที่ไหน แต่งกายโชว์เรือนร่างอย่างไร เมื่อท่านเห็น อาการต่างๆเหล่านั้นก็จะปรากฏขึ้นมา ช่วงนั้นท่านรู้สึกว่าผู้หญิงเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับท่าน
    แต่พอนานไป ท่านเริ่มปล่อยวางในสิ่งเหล่านี้เห็นเป็นเพียงแค่ธรรมชาติอย่างหนึ่ง (การพัฒนาของท่านที่ดำเนินไปนั้นน่าจะมาจากการปฏิบัติอย่างยิ่งยวดด้วย และจากการที่ท่านกำหนดทางสายกลางด้วย)

    ที่ข้าพเจ้าเอามาเปรียบกับของข้าพเจ้านั้น เพราะข้าพเจ้าเองก็เกิดสภาวะเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ของข้าพเจ้าจะต่างจากของท่านตรงที่ข้าพเจ้าจะต้องสร้างมาเองทุกอย่าง ในตอนหลัง แต่ตอนแรกจิตของข้าพเจ้าก็ทำแบบของพระเพื่อนข้าพเจ้า คือเห็นน้ำเลือดน้ำหนอง และได้กลิ่นเหม็น แต่ตอนหลังข้าพเจ้าต้องใช้ระลึกเอา เมื่อเจอผู้หญิงที่จิตของข้าพเจ้าไม่ต่อต้าน และในระหว่างนี้ข้าพเจ้าจะน้อมในสิ่งที่น่ารังเกียจนี้ให้เห็นเป็นธรรมดาของธรรมชาติอยู่เนืองๆ ตอนนี้ข้าพเจ้าทำได้เพียงแต่ระงับเท่านั้น ยังไม่เกิดการปล่อยวางจริง ก็จะทำต่อไปครับ

    ส่วนเรื่องการกำหนดเป็นธาตุนั้น ข้าพเจ้าอาจจะกำหนดผิดจากคำสอน ขออย่าได้เชื่อในข้าพเจ้าเลยครับ และตอนนี้ข้าพเจ้าไม่ได้กำหนดเช่นนั้นแล้ว ตอนนี้ข้าพเจ้ามุ่งเน้นหาทางสายกลางของตัวเองตามที่พระเพื่อนท่านแนะนำอยู่ครับ และจะหยุดจากเรื่องสมาธิหรือวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องในทางของข้าพเจ้าทุกอย่างครับ

    และข้าพเจ้าเองตอนนี้ก็เริ่มจะห่างๆบ้างแล้วหล่ะครับ
    เพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าจะต้องกระทำนั้น ยังมีอีกมาก ตอนนี้พลังชีวิตก็เหลือน้อยลงไปทุกที เกรงว่าจะไม่ทันการณ์ ขอบคุณ คุณ yooyut อีกครั้งครับ

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2014
  19. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    เข้ามาดูพวกบ้าคุยกัน
     
  20. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    อยากหลุดพ้นก็เลิกเข้ามาในเวปสิ อัตตาเต็มประตู รับรองถ้าเลิกเล่นแล้วจะหงุดหงิดไม่มีที่ระบาย ว่าป่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...