ผมอยากรู้ช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ มีความห่างกันกี่ร้อยล้านปี

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย maxttdcv, 3 ตุลาคม 2014.

  1. maxttdcv

    maxttdcv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +760
    ในภัทรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

    พระกกุสันธพุทธเจ้า
    พระโกนาคมพุทธเจ้า
    พระกัสสปพุทธเจ้า
    พระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน 80 ปีก่อนพุทธกาล)
    พระเมตไตยพุทธเจ้า (อนาคตอีกหลายล้านปีนับจากที่พระศรีศากยมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน)


    คือผมอยากรู้ว่าช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ มีช่วงเวลาของแต่ละยุคสมัยอารยธรรมห่างกันกี่ร้อยล้านปีครับ แล้วพระกกุสันธพุทธเจ้า อุบัติขึ้นมาบนโลกเมื่อ 3 พันล้านปีก่อนใช่ป่าว??? ผมเคยอ่านผ่านๆมา
     
  2. ศรีชมพู

    ศรีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +69
    เราอยู่ในขาลงคือทุก ๑๐๐ ปี อายุเฉลี่ยลดลง ๑ ปี ลดลงๆๆ จนอายุเฉลี่ยเหลือ ๑๐ ปี หรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับ จากนั้นก็เข้าขาขึ้น ก็เช่นกัน ๑๐๐ ปี อายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ๑ ปี เพิ่มๆๆๆๆ จนอายุเฉลี่ยอสงไขยปี ตรงนี้ก็ไม่แน่ใจอีกเหมือนกันครับ จากนั้นก็เข้าขาลงอีก จนอายุเฉลี่ยเหลือ ๘ หมื่นปี พระองค์ก็ตรัสรู้ครับ

    ไม่แน่ใจซักอย่าง ๕๕๕
     
  3. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    แย่จังอยู่ช่วงขาลง เผลอๆ 100 ปีโลกมนุษย์ คิดเป็นแค่ไม่กี่ชั่วโมงบนสวรรค์บางชั้นเอง
    (cry)(cry)(cry)
     
  4. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,884
    เรื่องอจิณไตยอย่าไปคิดเลย มาคิดเรื่องทำศีล 5 ให้ดีพร้อมกันดีกว่า


    คุณ blackangel บางชั้นลงมาเกิดแล้วกลับขึ้นไป

    เค้าเรียกว่า "เมื่อสักครู่นี้ท่านไปไหนมา"
     
  5. maxttdcv

    maxttdcv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +760
    แล้ว 1 กัป เท่ากับ กี่มหากัป หรอครับ

    หรือ เท่าไหร่กัป จึงจะเท่า 1 มหากัปครับ อันนี้ผมอยากรู้จริงๆครับ

    ส่วนตัวเลขผมคิดว่าน่าจะพอคำนวณเป็นระยะเวลาปีได้ เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งชอบบ้าคำนวณเลขเป็นปกติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2014
  6. maxttdcv

    maxttdcv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +760

    ขอบคุณมากครับ เป็นข้อมูลที่ดีเลย เดี๋ยวผมเอาไปคำนวณดูว่าจะได้กี่ล้านปี
     
  7. maxttdcv

    maxttdcv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +760
    เรื่องนี้ผมเข้าใจครับ แต่ผมเป็นคนชอบค้นหาข้อมูลแล้วรู้สึกมีความสุข คือชอบในสิ่งที่ทำ
     
  8. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    นั่นดิ สงสัยหลายอย่างเหมือนกัน เช่นว่าถ้ากัปหนึ่งเท่ากับอายุของโลกแต่ละใบ ทำไมไม่เห็นร่องรอยที่เป็นหลักฐานทางวัตถุของมนุษย์ ในยุคมีอายุแสนปีบ้างเลย เช่นฟอสซิล
    อะไรประมาณนี้ ทำไมวิทยาศาสตร์ว่ามนุษย์มีวืวัฒนาการมาจากลิง แต่พระพุทธองค์ว่ามาจากพรหมที่ลงมากินง้วนดิน แล้วใต้โลกยังมีง้วนดินอยู่มั๊ย หรือมีแต่ลาวา ฯลฯ. แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังไม่อาจปฏิเสธ หรือปักใจเชื่อได้เพราะยังไม่สัมผัสได้ด้วยอายตนะ
    ทั้งห้าได้เอง แต่ที่ปักใจเชื่อแน่คือพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ที่มีต่อสัตว์โลก
    พระธรรมที่พระองค์แสดงใว้นั้นปฏิบัติและให้ผลได้จริง ผู้เข้าถึงสามารถประจักษ์ได้เฉพาะตน พระสงฆ์สาวกปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีอยู่จริง เป็นเนื้อนาบุญได้จริง(อิทธิปาฏิหาริ์ก็เห็นมาบ้างนิดๆหน่อย วับๆแวมๆนะเออ อิอิ)
     
  9. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    เป็นอจินไตย เหตุที่เป็นอจินไตย เพราะ อายุหรือเวลานั้น มีความแตกต่างกันอันมีหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับ

    1 ประเภทของพระพุทธเจ้าที่แตกต่าง
    2 การสร้างบารมีสั่งสมบารมีที่แตกต่าง
    3 การเกิดขึ้นของโลกแต่ละกัปป์นั้นแตกต่าง
    4 บารมีของสรรพสัตว์ที่รองจากพระพุทธเจ้า ในแต่ละกัปป์ที่แตกต่าง
    5 อายุไข นับจากการหมุนเวียนของโลกรอบสุริยะจักรวาล ซึ่งในการเกิดใหม่ของโลกแต่ละครั้งแต่ละกัปป์ โลกและสุริยะมีขนาดที่แตกต่างกัน เวลา1ปีในแต่ละกัปป์ก็แตกต่างกัน ตามขนาดของโลกและสุริยะที่แตกต่างกันครับ


    ดังนั้น สิ่งที่ถามว่าความยาวนานของแต่ละกัปป์ ของแต่ละพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้ ยกเว้นพระพุทธเจ้าด้วยกันเท่านั้น ผู้มีอนาคตังคสัญญาณบริสุทธิ์ครับ สาธุ
     
  11. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    เอาตามนี้ก่อนครับ

    1. ปัพพตสูตร (สังยุตนิกาย นิทานวรรค ข้อ ๓๑๔ หน้า ๒๑๖ บาลีฉบับสยามรัฐ)
    ดูกรภิกษุ! กัปหนึ่งนั้น เป็นเวลายาวนานนักหนา จะนับเป็นว่า เท่านี้ปี เท่านี้ร้อยปี เท่านี้พันปี เท่านี้แสนปี ดังนี้ไม่ได้เลย
    ดูกรภิกษุ! เราตถาคตจะยกอุปมาให้เธอฟัง เหมือนอย่างว่า ภูเขาศิลาลูกใหญ่ ยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ ยังมีบุรุษผู้หนึ่งนำเราผ้าขาวบางเยื่อไม้มาแต่แคว้นกาสี แล้วเอาผ้านั้นปัดถูภูเขา ๑๐๐ ปีต่อครั้งหนึ่งดังนี้ การที่ภูเขาศิลาใหญ่นั้น จะพึงถึงความหมดไป สิ้นไป เพราะความพยายามของบุรุษนั้นยังเร็วกว่า แต่เวลาที่เรียกว่า กัปหนึ่ง นั้น ยังไม่ถึงความหมดไป สิ้นไปเลย กัปหนึ่งนั้น นานอย่างนี้ ก็บรรดากัปที่นานอย่างนี้แหละ พวกเธอท่องเที่ยวไปมาอยู่ในวัฏสงสาร มิใช่ ๑ กัป มิใช่ ๑๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐,๐๐๐ กัป ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุใด? เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเขาไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่ โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย

    2. สาสปสูตร (สังยุตนิกาย นิทานวรรค ข้อ ๔๑๓ หน้า ๒๑๖ บาลีฉบับสยามรัฐ)
    ดูกรภิกษุ! เราตถาคตจะยกอุปมาให้เธอฟัง เหมือนอย่างว่า พระนครที่ทำด้วยเหล็ก มีความยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ซึ่งเป็นพระนครที่เต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ยังมีบุรุษผู้หนึ่งพึงหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่ง ๆ ออกจากพระนครนั้น โดยกาลล่วงไป ๑๐๐ ปี ต่อเมล็ดหนึ่ง การที่เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้น จะพึงถึงความหมดไป สิ้นไป เพราะความพยายามของบุรุษนั้นยังเร็วกว่า แต่เวลาที่เรียกว่า กัปหนึ่ง นั้น ยังไม่ถึงความหมดไป สิ้นไปเลย กัปหนึ่งนั้น นานอย่างนี้ ก็บรรดากัปที่นานอย่างนี้แหละ พวกเธอท่องเที่ยวไปมาอยู่ในวัฏสงสาร มิใช่ ๑ กัป มิใช่ ๑๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐,๐๐๐ กัป ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุใด? เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเขาไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่ โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย

    ส่วนการคำนวณ(มันเป็นแค่การคาดคะเนน่ะครับ)จริงๆนับไม่ถ้วน
    ถ้าคุณเป็นคนชอบคิดผมฝากหน่อยล่ะกัน เอาแบบบ้านๆ ถ้าคุณว่างผมรบกวนท่านด้วยครับ
    วิธคำนวณแบบของผมคือ หากล่องที่เป็นลูกบาศก์สี่เหลี่ยมจตุรัส จะเป็นลูกบาศก์เซ็นติเมตรก็ได้ครับ
    แล้วคุณไปหาเมล็ดผักกาดมาใส่ให้เต็ม แล้วนับดูว่ามีกี่เมล็ด ได้เท่าไหร่ก็นำไปคูณตามส่วนจากสูตร
    ที่2 ได้เลยครับ แบบนี้ตรงตามตำราดี แต่วิธีเขาก็มีคนคิดกันมาแล้วครับ ลองเอาแบบผมไปคำนวณ
    ให้หน่อยถ้า จขกท ว่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2014
  12. ---สมส่วน---

    ---สมส่วน--- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,979
    ไม่ควรถามอย่างนั้น

    มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นจะตอบคุณได้
    แต่ตามธรรมชาติและสังคมจะประมาณ
    ในระยะ 2500ปีได้บรรดารให้ผู้หนึ่ง
    ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้สังคนเจริญขึ้น
     
  13. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    รู้เวลารู้คำนวณ หรือจะสู้กรรมไปได้!
    คนที่เกิดมายุคเดียวกัน แต่ไม่มีโอกาสเจอกัน มีอยู่มาก
     
  14. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    91 กัปล์, พระพุทธเจ้าเปรียบกัปล์หนึ่งว่า ภูเขาหินแท่งทึบ สูง 1 โยชน์ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ และทุกๆ 100 ปี มีบุรุษ นำผ้ากาสีบางราว ปุยเมฆมาเช็ด 1 ครั้ง จนภูเขานั้น ราบเรียบ แต่กัปล์ หนึ่งที่ว่ายังนานกว่านั้นอีก และความยากของการที่พระพุทธเจ้าจะมาบังเกิด พระองค์ เปรียบว่า สมมุติ ว่า พื้นปัฐพี นี้ถูกน้ำท่วม ทั้งหมด และในน้ำนั้น มีเต่าตาบอด อยู่ตัวหนึ่ง และมีบุรุษโยนแอกไม้ไผ่ที่มีรู ลมตะวันออกก็พัดแอกนั้นไปทางทิศตะวันตก ลมตะวันตกพัดแอกนั้นให้ลอยไปทางทิศตะวันออก ลมทิศเหนือก็พัดให้แอกลอยไปทางทิศใต้ และลมทิศใต้ก็พัดแอกนั้น ให้ลอยไปทางทิศเหนือ และ ทุกร้อยปีครั้งหนึ่ง ที่เต่าตาบอดนั้นโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำเพื่อหายใจ พระองค์ ถามภิกษุว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่เต่าตาบอดนั้นจะ โผล่ขึ้นมาแล้วหัวสอดเข้าไปในรูแอกไม้ไผ่นั้น ภิกษุสาวก ตอบว่าเป็นไปได้ยากพระเจ้าข้า พระองค์ ตรัสตอบว่า การได้บังเกิด ของสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ การได้ความเป็นมนุย์นั้น มีความยากเท่ากัน
     
  15. ATakka

    ATakka สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +6
    ตามที่ได้ยินได้รู้มานะครับ
    ศาสนาของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะสั้นยาวไม่เท่ากัน มี 2 หมื่นปีบ้าง 1 หมื่นปีบ้าง
    แต่ของพระพุทธเจ้าของเรา 5000 ปี
    คนจะมีอายุลดลง 100 ปี จะลดลง 1 ปี
    จนเหลืออายุขัย 10 ปี
    0-1000 ปี เป็นยุคของพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ มีอิทธฤทธิ์ ฉลาด หลักแหลม แตกฉานในธรรมทุกประเภท
    1001-2000 ปี เป็นยุคของพระอรหันต์ฉฬอภิญโญ มีฤทธิ์มาก (อภิญญา6)
    2001-3000 ปี เป็นยุคของพระอรหันต์เตวิชโช มีฤทธ์ (วิชชา3)
    3001-4000ปี เป็นยุคของพระอรหันต์สุขวิปัสโก เป็นพระอรหันต์ไม่มีฤทธิ์
    4001-4999 11 เดือน 23 วัน เป็นยุคที่ไม่มีพระอรหันต์เลย มีเฉพาะพระอนาคามี สกิทาคามี และพระโสดาบัน
    จะเหลือ 7 วันจะครบ 5000ปี วันที่23เดือน พฤศจิกายน 4999 นี้ พระบรมอัฐฐิของพระพุทธเจ้าจะมารวมกันอีกครั้ง เหมือนพระองค์จริงทุกอย่าง เทศน์โปรดเทวดาใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ 7 วัน 7 คืน จนบรรลุมรรคผล หลายโกฏิ คนธรรมดาจะมองไม่เห็น จะเห็นพระพุทธเจ้าเฉพาะเทวดาเท่านั้น ครบ7 วัน พระธาตุจะสลายกลับไปอยู่ที่เดิม ครบ พ.ศ.5000 คนจะมีอายุ ราวๆ10 ปี คนจะไม่มีศีล ไม่มีกฏหมาย ไม่รู้จักบาปบุญ เข่นฆ่ากันเอง เข้าสู่ยุคเสื่อม ยากแค้นเข็ญใจ นานนับเป็นกัปป์ คนก็นับอายุเพิ่ม 100 ปี อายุขัยเพิ่มขึ้น 1 ปี เพิ่มอายุขัยจนครบ หลายหมื่นปี จากนั้นพระโพธิสัตว์ศรีอริยะเมตตรัยเทพบุตร จากสวรรค์ชั้นดุสิต จะลงมาตรัสรู้ เพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ บริเวณทางตอนเหนือของประเทศพม่า
     
  16. thaiboy74

    thaiboy74 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +207
    เรื่องเกี่ยวกับกัป หาอ่านได้ที่ กัป - วิกิพีเดีย นะครับ เขาอธิบายได้อ่านง่ายดีทีเดียว ส่วนในเรื่องการอุบัติของพระอนุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าแนแต่ละช่วงเวลานั้น ข้างบนคงบอกไปบ้างแล้ว

    ทีนี้ขออธิบายเพิ่มเติมเรื่องที่มา หรืออิทธิพลฮินดูบ้าง เพราะพุทธเราถือกำเนิดท่ามกลางสังคมฮินดู มาดูเรื่องวิธีการนับกัป ที่เขาว่า "วิธีนับกัป กำหนดกาลว่านานกัปหนึ่งนั้น พึงรู้ด้วยอุปมาประมาณว่า โลกธาตุ (จักรวาล) อุบัติขึ้นมา จนกระทั่งโลกธาตุนั้นดับไป" ในการอธิบายของคนโบราณคือ การที่ชายผ้าคลุมของนางฟ้ากวาดยอมเขาสุเมรุจนราบเรียบ จะนับได้เป็นหนึ่งกัป ซึ่งในที่นี้ เขาหมายถึงว่ามันนานแสนนานส่วนจะว่ากันที่ตัวเลขก็แล้วแต่ท่านจะอ้างกัน

    ทีนี้มาดูเรื่องวิธีคิดของฮินดู มันมีหลายเรื่อง เริ่มจากพระเวท ที่ว่ากันว่าจักรวาลถือกำเนิดจากไม่มีอะไร และค่อย ๆ ขยายตัวออกและระเบิดออกในที่สุดหรือที่เขาเขียนไว้บอกว่าโลกจะกลายสภาพเป็นมหาสมุทธอันว่างเปล่า และวนเวียนแบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุด อายุของจักรวาลอยู่ที่ 4.32 พันล้านปี เท่ากับ1 วันของพระพรหม อ่านตอได้ใน "วิษณุปุรณะ"

    ทีนี้เกี่ยวกับพระวิษณุยังไง ก็ต้องพูดกันเรื่องนารายณ์บรรทมศิลป์ที่โด่งดัง มาจากตำนานที่ว่ากันว่า พระนารายณ์บรรทมอยู่บนหลังพญานาค ล่องลอยอยู่เหนือทะเลน้ำนม เมื่อใหร่ที่พระองค์ลืมตาขึ้นมา โลกจะถึงกาลอวสาน ทีนี้ทะเลน้ำนมจะหมายถึงกาแลกซี่หรืออย่างไรก็แล้วแต่จะตีความกันเอง

    ต่อมา เคยเห็นรูปปั้น ศิวะนาฏราชใหมครับ
    [​IMG]
    ว่ากันว่าพระศิวะจะเต้นรำตลอด วงแหวนที่เห็นรอบตัวคือสัญลักษณ์ของจักรวาล กลองที่ถือในมือคือสัญลักษณ์ของการก่อกำเนิดจากการตีกลองของพระองค์ มือซ้ายด้านบนจะถือไฟเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์ของการเสื่อมสูญ งูที่พันรอบเอวเป็นสัญลักษณ์ของคุนทาลินีที่เป็นพลังงานขับเคลื่อนสรรพชีวิตจากภายใน มือนึงจะเห็นพระศิวะกวักให้คนเข้ามาหาพระบาท สื่อถึงการเรียกคนให้เข้ามาสยบยอมต่อวิชชา จากอวิชชานั่นเอง เมื่อใหร่ที่พระศิวะหยุดเต้น จักรวาลก็จะถึงกาลอวสาน ตรงนี้ลองจินตนาการดู เมื่อใหร่ที่จักรวาลหยุดหมุน จะเกิดอะไรขึ้น

    การตีความข้างต้นคือว่า พระศิวะ ที่เราเข้าใจคือเทพแห่งการทำลาย แต่ในความเป็นจริงก็เป็นผู้สร้างขึ้นใหม่ด้วย เพราะการทำลายหรือการดับลงของสิ่งเก่า จึงจะสามารถกำเนิดสิ่งใหม่ขึ้นมาได้ จากที่อธิบายไว้จากรูปบูชาด้านบน

    ที่เขียนมาเสียยืดยาวนี่ พอเห็นคร่าว ๆ แล้วหรือยังว่าไม่ใช่เพียงแค่พุทธ แต่ในทางฮินดูก็พูดถึงเรื่องพวกนี้ และใกล้เคียงกับหลักวิทยาศาสตร์ด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสากล ไม่จำกัดกาล ผู้ที่เข้าถึงไม่ว่าเวลาใดก็จะเข้าถึงสิ่ง ๆ เดียวกัน แต่ใครจะอธิบายไว้ว่าอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา เพราะเรื่องพวกนี้รู้ได้เฉพาะตน

    จากความรู้ต่าง ๆ ด้านบนพอคร่าว ๆ ขอให้มองว่าในความเข้าใจของเรา ๆ นั้น บางครั้ง การกราบไหว้เทพและรูปเคารพของเรา เรากราบใหว้ตัวเทพที่เราเห็นและเข้าใจ หรือเรากราบใหว้บูชาทำความเคารพอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น

    ส่วนพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนั้น ถ้าถามผม ผมว่าคงอีกนาน อย่าไปเชื่อเสียงลือเสียงเล่าอ้างใด ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2014
  17. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,579
    :cool:(k)({)ใช่เรื่องอจิณไตย พระพุทธองค์ทรงให้หาทางหลุดพ้นดีกว่า อย่าหาหนวดเต่าเลย เอวัง...
     
  18. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,884

    เราจะชี้ทางให้ ผู้ที่จะคิดเรื่องอจิณไตยได้ คือ ผู้สำเร็จอภิญญา 6
     
  19. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 514

    ๕. ปัพพตสูตร ว่าด้วยเรื่องกัป

    [๔๒๙ พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม

    ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง

    ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ฯ ล ฯ เมื่อภิกษุ

    รูปนั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์

    ผู้เจริญ กัปหนึ่งนานเพียงไรหนอแล.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ กัปหนึ่งนานแลมิใช่

    ง่ายที่จะนับกัปนั้นว่า เท่านี้ปี เท่านี้ ๑๐๐ ปี เท่านี้ ๑,๐๐๐ ปี หรือ

    ว่าเท่านี้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี.

    ภิ. ก็พระองค์อาจจะอุปมาได้ไหม พระเจ้าข้า.

    [๔๓๐] พ. อาจอุปมาได้ ภิกษุ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ดูก่อนภิกษุ

    เหมือนอย่างว่า ภูเขาหินลูกใหญ่ยาวโยชน์หนึ่ง กว้างโยชน์หนึ่ง สูง

    โยชน์หนึ่ง ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ บุรุษพึงเอาผ้าแคว้น

    กาสีมาแล้วปัดภูเขานั้น ๑๐๐ ปีต่อครั้ง ภูเขาหินลูกใหญ่นั้น พึงถึงการ

    หมดไป สิ้นไป เพราะความพยายามนี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยัง

    ไม่ถึงการหมดไป สิ้นไป กัปนานอย่างนี้แล บรรดากัปที่นานอย่างนี้

    พวกเธอท่องเที่ยวไปแล้ว มิใช่หนึ่งกัป มิใช่ร้อยกัป มิใช่พันกัป

    มิใช่แสนกัป. ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้อง

    ต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯ ล ฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอ

    ทีเดียวที่จะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อ

    จะหลุดพ้น ดังนี้.

    จบปัพพตสูตรที่ ๕
     
  20. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 516

    ๖. สาสปสูตร ว่าด้วยเรื่องกัป

    [๔๓๑] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม

    ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง

    เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ฯลฯ ครั้นภิกษุนั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้

    ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กัปหนึ่งนานเพียง

    ไรหนอแล.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ กัปหนึ่งนานแล มิใช่

    ง่ายที่จะนับกัปนั้นว่า เท่านี้ปี ฯ ล ฯ หรือว่าเท่านี้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี.

    ภิ. ก็พระองค์อาจจะอุปมาได้ไหม พระเจ้าข้า.

    [๔๓๒] พ. อาจอุปมาได้ ภิกษุ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ดูก่อน

    ภิกษุ เหมือนอย่างว่า นครที่ทำด้วยเหล็ก ยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์

    สูง ๑ โยชน์ เต็มด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดรวมกันเป็น

    กลุ่มก้อน บุรุษพึงหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่ง ๆ ออกจากนคร

    นั้นโดยล่วงไปหนึ่งร้อยปีต่อหนึ่งเมล็ด เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้น

    พึงถึงความสิ้นไป หมดไป เพราะความพยายามนี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วน

    กัปหนึ่งยังไม่ถึงความสิ้นไป หมดไป กัปนานอย่างนี้แล บรรดากัปที่

    นานอย่างนี้ พวกเธอท่องเที่ยวไปแล้วมิใช่หนึ่งกัป มิใช่ร้อยกัป มิใช่

    ร้อยพันกัป มิใช่แสนกัป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารกำหนด

    ที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.

    จบสาสปสูตรที่ ๖
     

แชร์หน้านี้

Loading...