วิธีอยู่กับความเกลียด

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คนมีกิเลส, 27 มกราคม 2008.

  1. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขอออกตัวก่อนนะครับว่า ไม่ใช่เจ้าลัทธิ หรือจะกระทำตนเป็นศาสดา

    แต่เพราะบรรณาธิการสุดหล่อกระซิบมาด้วยความรักว่า "คุณลองไปหาวิธีอยู่กับความเกลียด" ดูสิ เผื่อเอาไปเขียนในคอลัมน์ได้

    รับคำสั่งด้วยความเคารพ แล้วก็ออกแสวงหาคำตอบ

    ถ้าเราเกลียดชังใครแล้วเราจะอยู่กับเขาได้อย่างไร?

    คิดไปร้อยแปดตลบ แล้วก็จบลงที่...อยู่ไม่ได้ครับ

    คือว่าถ้าใจเรายังเกลียดชังเขาหรือเธอคนนั้นอยู่ ยังไงๆ ก็อยู่กับเขาและเธอไม่ได้

    เพราะความเกลียดชังเป็นความทุกข์

    แล้วคนเราจะทนอยู่กับความทุกข์ไปได้นานสักเท่าไหร่กัน

    เราจึงเห็นใครต่อใครแสวงหาหนทางหนีให้พ้นจากความทุกข์กันทั้งนั้น

    เมื่อความเกลียดคือความทุกข์ชนิดหนึ่ง เราจึงเห็นหลายคนหลีกหนีให้พ้นหน้าจากคนที่เราเกลียด

    แล้วถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ในสภาพที่เราเกลียดชังล่ะ!

    ถ้าเราต้องเห็นหน้าคนที่เราไม่ชอบ ถ้าเราต้องพูดคุยกับคนที่เราเกลียด ถ้าเราต้องอยู่ร่วมในสังคมที่เราชัง

    เราจะทำอย่างไรกันดี?

    ตอบแบบซื่อๆ ก็คือไม่รู้เหมือนกันครับ (ฮา)

    เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่เคยเกลียดชังใครถึงขนาดนั้น

    เหตุที่ไม่เกลียดชังใครก็เพราะรู้ตัวว่า สิ่งที่เราเกลียดนั้นไม่ใช่ตัวตนของ "คน"

    หากแต่เป็นความประพฤติของคนคนนั้นต่างหากที่ทำให้เราเกลียด

    การแยก "คน" ออกจาก "ความเกลียด" ได้เช่นนี้ จะทำให้เราเปลี่ยนจากความเกลียดเป็นความสงสารครับ

    ลองคิดดูให้ดีนะครับว่าจริงๆ แล้วเราเกลียดชัง นาย ก. นาย ข. นางสาว ค. หรือ นาง ง.

    หรือเราเกลียดพฤติกรรมของ นาย ก. นาย ข. นางสาว ค. และ นาง ง. กันแน่

    จริงๆ แล้วเราเกลียดความเห็นแก่ตัว เกลียดความหน้าด้านในการเอารัดเอาเปรียบผู้คน หรือความถ้อยสถุล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมของ "คน" ใช่ไหมล่ะครับ

    ถ้าเราเกลียด "พฤติกรรม" ไม่ใช่เกลียด "คน" อย่างนี้ก็พอจะมีหนทางอยู่กับคนที่เราเกลียดชังได้แล้วล่ะ

    เพราะคนนั้นเปลี่ยนไม่ได้ ยกเว้นให้เขาไปเกิดใหม่

    แต่พฤติกรรมนั้นเปลี่ยนแปลงได้

    และหากพิจารณาดูดีๆ จะพบว่า "พฤติกรรม" หรือ "นิสัย" ที่ทำให้เราเกลียดนั่นน่ะ มันมีที่มาที่ไป

    บางคนขาดความอบอุ่นตั้งแต่เด็ก ทุกอย่างต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเอง เขาหรือเธอต้องเห็นแก่ตัวเพื่อความอยู่รอด

    พอเติบโตขึ้น พฤติกรรมเห็นแก่ตัวก็ติดตามมากลายเป็นนิสัย

    บางคนเติบโตขึ้นมาได้ด้วยความหน้าด้าน เอารัดเอาเปรียบผู้คน

    จนพอกพูนเป็นนิสัยชอบเอารัดเอาเปรียบ แบบหน้าด้านๆ

    ใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ถามหน่อยครับว่าใครเขาอยากจะคบด้วย

    ไม่ใครเขาอยากคบด้วยหรอก

    คนที่มีนิสัยแบบนี้ส่วนใหญ่จึงต้องอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนสนิท เพราะไม่มีใครคบ

    คนแบบนี้แตกต่างจากคนที่ชอบอยู่อย่างสงบๆ ปลีกวิเวกออกจากสังคม เพราะคนที่ชอบอยู่อย่างสงบนั้น เขาเป็นคนอยากจะอยู่อย่างสงบเอง แต่คนที่มีนิสัยน่ารังเกียจนั้นถูกบังคับให้ต้องอยู่คนเดียวครับ

    ดังนั้น คนพวกนี้จึงน่าสงสารมากกว่าน่ารังเกียจ

    ชีวิตคนพวกนี้มีกรรม เหมือนพวกที่ไม่รู้จักกาละเทศะ ทำอะไรก็ผิดทิศผิดทาง ผิดจังหวะไปหมด

    แทนที่เราจะเกลียด เราน่าจะ "สงเคราะห์" เขามากกว่า

    แทนที่เราจะใช้อารมณ์ดุด่าด้วยความเกลียดชัง เราควรจะบอกกล่าว แนะนำเขาด้วยเหตุและผลว่าพฤติกรรมของเขานั้นไม่เหมาะกับการดำรงอยู่ในสังคม

    บอกให้เขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

    แนะนำให้รู้ว่าหากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ต่อไปเขานั่นแหละจะอยู่ในสังคมลำบาก

    ถ้าบอกตรงๆ ไม่ได้ก็แอบไปบอกคนที่พอจะคุยกับเขาหรือเธอได้

    เลือกเอาประเภทที่สามารถพูดตรงๆ ได้ว่าพฤติกรรมที่ทำอยู่นั้นเข้าข่าย "สังคมรังเกียจ" ควรเปลี่ยนแปลงซะ

    ถ้าเขาปรับปรุงตัวและสามารถเข้ากับสังคมได้ ก็แสดงความยินดีด้วย

    แต่ถ้าเขาปรับปรุงตัวไม่ได้...อย่างนี้ก็ช่วยไม่ได้ครับ

    เรื่องแบบนี้มีตัวอย่างให้เห็นอยู่บ่อยๆ ทั้งในระดับชาติ และในระดับองค์กร

    รัฐบาลแต่ละชุดที่จบลงด้วยการยุบสภา หรือการปฏิวัติรัฐประหาร ก็เพราะตัวรัฐบาลไม่ฟังคำแนะนำ ไม่เชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลกระทำนั้นก่อให้เกิดความเกลียดชังขึ้นในสังคม

    เมื่อไม่รับฟัง ก็ไม่ยอมแก้ไข

    เมื่อไม่ยอมแก้ไข วันหนึ่งก็ถึงเวลาปิดฉาก

    แม้มีการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลชุดเดิมกลับมาอีก แต่หากพฤติกรรมยังซ้ำรอยเดิม อีกไม่นานสังคมก็จะเกิดความเกลียดชัง แล้วรัฐบาลก็ต้องปิดฉากลงอีก

    แต่ถ้ารัฐบาลปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ความเกลียดชังก็ไม่เกิดขึ้น

    อย่างนี้ใครที่เคยเกลียดเขาก็พร้อมให้อภัย ส่วนคนที่ไม่เคยเกลียดก็จะเพิ่มความรักและนับถือมากขึ้น

    รัฐบาลก็อยู่ได้นาน!

    ในระดับองค์กรก็เหมือนกันครับ ใครที่มีพฤติกรรมเป็นที่น่ารังเกียจ ได้รับคำเตือน และคำแนะนำแล้วไม่ปรับปรุงตัว

    อีกไม่นานก็ต้องถูกอัปเปหิ

    หลายคนถูกให้ออกจากงาน ทั้งๆ ที่ตัวเองมีความสามารถ แต่ก็อยู่ไม่ได้ เพราะเพื่อนไม่คบ ลูกน้องไม่รัก เจ้านายไม่ชอบ

    เห็นไหมครับว่าคนที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจน่ะ น่าสงสารมากกว่า

    ดังนั้น แทนที่เราจะเกลียด เราควรจะเวทนาสงสารเขาและเธอ

    ถ้ามีโอกาสก็ช่วย "สงเคราะห์" แนะนำหนทางให้ปรับปรุงตัวเอง

    ถ้าสามารถปรับปรุงตัวได้ ก็แสดงความยินดีด้วย

    แต่ถ้าไม่ปรับปรุงตัวเอง ก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ

    สังคมคนดีย่อมไม่ปรารถนาคนชั่วหรอกครับ

    เปลี่ยนความเกลียดมาเป็นเมตตา เท่ากับเปลี่ยนความทุกข์มาเป็นความสุขนะครับ...สวัสดี

    อ้างอิง : คอลัมน์ แทงก์ความคิด

    โดย นฤตย์ เสกธีระ max@matichon.co.th

    http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01fun03270151&day=2008-01-27&sectionid=0140
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2008
  2. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    ขอบคุณค่ะ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  3. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    คนเขียนช่างเข้าใจอย่างท่องแท้ จะใช้คำไหนถึงจะถูกต้องดี
    เกินกว่าฉลาด ???
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ชักจะเริ่มเกลียดตัวเองแล้ว....เฮ่ย ไม่ได้ดังใจเลยยยย
     
  5. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    แสดงว่าคุณเห็นกิเลสในตัวคุณแล้ว สาธุ
     
  6. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    ใช่....ความเกลียดคือความทุกข์ค่ะ เราก็เคยเผชิญนะคะ สำหรับเราแล้วก็ต้องทนทำใจยอมรับอยู่กับสิ่งนี้ให้ได้ค่ะ
     
  7. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>เวลาผมเกิดอารมณ์โกรธ หรือเกลียดใคร ผมจะนึกถึง
    คำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ เรื่อง มองแต่แง่ดีเถิด
    กลอนบทนี้ผมชอบมาก ทุกวันนี้จำได้ขึ้นใจเลยครับ
    เลยขอนำมาฝากเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน

    <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1>


    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>ท่านพุทธทาสภิกขุ




    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]





    .

    เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา

    จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่

    เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู

    ส่วนที่ชั่ว อย่างไปรู้ ของเขาเลย

    . ​

    จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว

    อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย

    เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย

    ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง





    </TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  8. ma_nun_@

    ma_nun_@ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +18
    สาตุ
     
  9. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,790
    ค่าพลัง:
    +7,482
    เรื่องความเกลียดนี่เป็นอารมณ์ธรรมดา ที่ปุถุชนอย่างเราๆท่านๆทั้งหลายเป็นกันเหมือนกันหมด ก็ยังไม่ได้เป็นอรหันต์นิ ดังนั้นอารมณ์เหล่านี้มันจึงไหลเข้ามาสิงสู่ในจิตใจได้อย่างง่ายดาย ใช่แต่จะมีอารมณ์เกลียดเพียงเท่านั้น บางทียังมีอารมณ์ในเรื่องรัก โลภ โกรธ หลง ประเดประดังกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ก็ทำอย่างไงได้หล่ะ ในเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์กับเขาสักชาติหนึ่งแล้ว อารมณ์เหล่านี้แหล่ะที่พระท่านบอกว่ามันเป็นกิเลส การจะแผดเผากิเลสให้ออกไปจากขันธสันดาน ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก นอกเสียจากว่าจะยึดสายเส้นทางแห่งคำสอนของพระพุทธองค์ท่านเท่านั้น ที่จะเผากิเลสเหล่านี้ให้ออกไปจากจิตใจได้

    เวลามีอารณ์ที่เกลียดขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วเราจะพยายามแผ่เมตตาไปให้กับเขาเหล่านั้น คิดง่ายๆว่า ชีวิตที่เกิดมาชีวิตหนึ่งนั้น ไม่มีใครเลยที่จะหนีความตายไปได้พ้น ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย เราก็ตาย เขาก็ตาย ส่วนความตายจะมาพรากเราไปวันไหนนั้นไม่มีใครรู้ได้ บางทีเราอาจจะตายก่อนเขาก็ได้ หรือบางทีเขาอาจจะตายก่อนเราก็ได้ หรือบางทีเราอาจจะตายพร้อมๆกันก็ได้ ใครจะไปรู้

    ในเมื่อทุกคนเกิดมา ต่างมีกรรมเป็นของตนเอง เราก็มีกรรมของเรา เขาก็มีกรรมของเขา แล้วจะมัวโกรธมัวเกลียดไปใย ถึงแม้นว่ามันจะเปลี่ยนจากความเกลียดมาเป็นความรักไม่ได้ก็ตาม ก็ต้องวางอารมณ์ธรรดาๆ นั้นเสีย วางไปเฉยๆ คิดเสียว่าโลกนี้ว่างเปล่า ไม่มีอะไร เมื่อถึงเวลาแล้วต่างคนก็ต่างไป ส่วนไปแล้วจะเจอกันอีกในภพไหนชาติไหน มันก็ย่อมมีโอกาสที่จะเจอะจะเจอ จะพบพานกันได้อีกเสมอไป ก็เหมือนกับคำพูดที่ว่า ...

    เมตตาธรรม ค้ำจุนโลกนั่นแลฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...