เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ตอบตามความรู้ความเข้าใจอย่างนี้คือ

    1. ข้อสงสัยแรก ที่ผุดขึ้นมาในจิตขณะนั่งสมาธิ ก็คือ ถ้าเราเจริญสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัตินี้อยู่ ตามที่เคยอ่านในตำรานั้น มีกล่าวไว้ว่า ใช้ปืนยิงก็ไม่ตาย ใช้หินทุ่มก็ไม่ตาย มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ? และถ้าเราเจริญอยู่ คนอื่นสามารถอุ้มหรือยกคนที่เจริญนิโรธสมาบัตินี้อยู่ได้หรือไม่? และถ้าไม่ตาย แปลว่า ธาตุที่ห่อหุ้มกายสังขารหรือกายธาตุนั้นต้องอยู่ในสภาวะใด? สภาวะนั้นคงต้องแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว จึงทำให้ยิงไม่เข้า แล้วขาดอากาศหายใจจะตายไหม?
    =========
    เมื่อเจริญสัญญาเวทยิตนิโรธะสมาบัติ ด้วยกำลังของสมาธิที่ทรงฌาณสี่นี้เอง ทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์ ด้วยกำลังของสมาธิ จะเป็นเหมือนกำแพงแก้ว ปกป้องคุมครองกายและจิต ไม่มีอำนาจสิ่งอื่นใดเป็นเครื่องเข้ามาทำลายกายและจิตที่ทรงสมาบัตินิโรธะในขณะนั้นได้ เพราะในขณะนั้นจิตเข้าถึงความบริสุทธิ์จิตเข้าถึงความเป็นอมตะธาตุแล้ว สำเร็จเป็นพระอรหันต์ อานุภาพแห่งพระอรหันต์นี่เองเป็นเครื่องคุ้มกันคุ้มครองกายและจิตให้อยู่มั่นคงสภาพรในขณะนั้น ครับ

    2. ข้อสงสัยที่ 2 ควรมีลักษณะการเกิดดับของสภาวะธาตุขณะเจริญนิโรธสมาบัตินี้อยู่เป็นเช่นไร? จะมีการเกิดในรูปแบบใดไปสู่รูปแบบใด และอานิสงค์ที่เกิดขึ้นเป็นเช่นไรและมากน้อยเพียงใด?
    ============
    เมื่อเจริญนิโรธะสมาบัติ จนบรรลุอรหันต์แล้ว จึงถือว่า จิตเป็นอรหันต์ กายก็เป็นกายของพระอรหันต์ ย่อมมีความพิเศษ แต่ความพิเศษของกายของพระอรหันต์ไม่สามารถตอบได้ชัดหรือชี้ชัดได้ว่าจะมีความพิเศษอย่างไร ความพิเศษที่จะเกิดขึ้นนั้นแล้วแต่บารมีที่สร้างสั่งสมมา เป็นเครื่องกำหนด แม้ราศีออร่าหรือ แสงสว่างที่ออกจากกายก็แตกต่างกัน มากน้อยไม่เท่ากัน และความพิเศษยังเพิ่มทวีเพิ่มขึ้น ตามกำลังบุญบารมีที่สั่งสมหลังจากนั้น จวบจนเข้านิพพานด้วยอีกประการหนึ่งครับ
    ยกตัวอย่างความพิเศษเช่น กายพระอรหันต์ ไม่ไหม๊ไฟ ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบเหม็นเน่า กายมีความผ่องใสเป็นปรกติ กระดูกภายในเป็นแก้วผลิตหรือมีวรรณะสวยงาม กายมีกลิ่นหอม ไม่เน่าเปื่อย กายยังเจริญงอกงามไม่มรณะภาพไปแล้ว หรืออื่นๆนาประการตามเหตุปัจจัยแห่งบุญบารมีที่สั่งสมมาครับ


    3. ข้อสงสัยที่ 3 สภาวะธาตุของขันธ์ 5 และสภาวะธาตุของณานทั้ง 9 มีการเดินธาตุโยกย้ายธาตุและมีการเกิดดับของธาตุเป็นเช่นไร?
    ============
    ด้วยความเป็นอรหันต์
    3.1 สภาวะของธาตุขันต์ ก่อนนิพพานก็ยังคงเจริญอยู่ตามกำลังหรือัตภาพของสังขาร ตามบารมีที่สั่งสมมา ซึ่งเป็นบารมีเฉพาะบุคคล อันมีความแตกต่างกัน ทั้งแบบพิเศษมากจนแบบพิเศษน้อยหรือไม่มีเลยก็มี เพราะเป็นไปตามบารมี ที่สั่งสมมา แบบที่ไม่มีเลยคือสั่งสมบารมีมาน้อย จะเกิดกับสุขวิปัสโกอรหันต์ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งกายก็เสื่อมโทรม เจ็บป่วย โรคภัยชราเบียดเบียน จนที่สุดก็ดับลง และเน่าเปื่อยไปตามธรรมดาของมัน มีเพียงจิตที่สว่างไสวประกายพฤต เป็นดวงแก้วในวิมานแก้วแห่งพระนิพพานก็มีครับ
    3.2 สภาวะญาณ9 ก็ยังคงทำหน้าที่ตามสภาวะแต่ในขณะเดียวกันก็จะรวมสัมปยุตเป็นเจโตวิมุตติ ส่วนหนึ่งและปัญญาวิมุตติส่วนหนึ่งมีสติสัมปชัญญะเป็นรากฐานประกอบอยู่
    สรุปคือ สามารถแยกการทำงานได้ตามสภาวะและในขณะเดียวกันก็สามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้ คือทำได้ทั้งสองอย่าง นึกอยากแยกก็แยกได้ แต่ในสภาวะปกติจะรวมลงเป็นหนึ่งเดียว คือเจโตวิมุตติญาณ

    4. ข้อสงสัยที่ 4 นิโรธสมาบัติ เข้าเพื่อประโยชน์อันใด? เข้าบ่อยๆ จะดีไหม? เมื่อเข้าแล้วนิ่งอยู่เฉยๆ แค่นี้หรือเปล่าครับ? มีสติกำกับอยู่ไหมครับ?
    ===============
    ขออธิบายใหม่ว่า นิโรธสมาบัติ หมายถึง ความดับทุกข์ เป็นการใช้ในกรณีการเข้าสมาบัติเพื่อเข้าถึงความดับทุกข์ สำหรับผมแล้ว ผมเข้าใจว่า จะเกิดได้กับพระอนาคามี เข้าครั้งเดียวแล้ว ชำระกิเลสหลุดพ้นทุกข์สำเร็จพระอรหันต์ ทันที จะไม่มีการเข้านิโรธสมาบัติ หลายๆครั้ง นิโรธสมาบัติ มีหลายลักษณะ อย่างกรณี การเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ก็เป็นนิโรธสมาบัติประเภทหนึ่ง เป็นต้น
    ส่วนการเข้าสมาบัติบ่อยๆเข้าๆออกๆ คือไม่ใช่การเข้าแบบเข้าถึงอรหันต์ชำระกิเลสได้ในคราวเดียวนั้น คือยังไม่เป็นไปเพื่อการดับทุกข์หรือนิโรธะยังไม่เกิด คือหมายความว่า นิโรธะ อันหมายถึงความดับนั้น มันต้องดับได้หมด ถ้ายังดับได้ยังไม่หมด อย่างนี้เราจะไม่เรียกว่านิโรธะนะครับ แต่ผมจะเรียกว่า เป็นการเข้าฌาณสมาบัติครับ
    คือวิธิปฏิบัติ เขาเอากำลังของฌาณสมาบัตินี้เองไปเป็นพื้นฐานรากฐานของญาณวิปัสสนา เพื่อสร้างให้เกิดเป็นปัญญาญาณ เมื่อปัญญาญาณเกิดสมบูรณ์ก็ในที่สุดก็จะบรรลุธรรมเกิดเป็นปัญญาวิมุตติ ในขณะเดียวกันตัวปัญญาวิมุติก็ส่งเสริมให้จิตเกิด เจโตวิมุตติ หลุดพ้นทุกข์ เกิดเป็นพระอรหันต์ โดยสมบูรณ์
    บางท่านที่สั่งสมของเก่าด้านการฝึกจิตมามาก ก็อาจจะเกิดเจโตวิมุตติพร้อมกับปัญญาวิมุตติเลยก็มี คือแล้วแต่การสร้างบารมีเดิมที่สั่งสมมาด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2015
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ภาพงานบรวงสรวง บูชา ครูอาจารย์ เทพพรหม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อวันที่1 กพ 2558 ครับ
    ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญด้วยกันครับ และขอขอบคุณสหายธรรมส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมมอบปัจจัย เพื่อการทำพิธีในครั้งนี้ครับ
    ขอผลบุญจงอำนวยผลให้ทุกท่าน จงประสพแด่ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป ขอให้มั่งมีลาภยศเงินทอง ทรัพย์สมบัติมากพูนทวี สิ่งดีงามทั้งหลายจงบังเกิดมีสมดังปราถนาทุกประการ อันสรรพทุกข์ สรรพโศก โรคภัย อันตรายใดๆขอให้มลายหายหมดสิ้นอย่าได้บังเกิดมี ความความสุขสวัสดีจงเกิดมีตลอดไป และขอให้มีดวงตาเห็นธรรมเป็นผู้บรรลุธรรมขั้นสูงยิ่งๆขึ้นไปมีที่สุดคือพระนิพพาน ครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • GEDC0355.jpg
      GEDC0355.jpg
      ขนาดไฟล์:
      113.4 KB
      เปิดดู:
      158
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.1 KB
      เปิดดู:
      210
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      131.4 KB
      เปิดดู:
      250
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    กายนี้ไม่ใช่ของเรา เมื่อเรายกให้ครูอาจารย์แล้ว ก็แล้วแต่ท่านจะใช้เพื่อการสร้างความดีเท่านั้น ครับสาธุ

    เพราะเรายังต้องอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ วิชาฝ่ายโลกียะก็อาจจะต้องเลือกใช้ให้เป็น ให้เกิดประโยชน์ เหมาะสมแก่บุคคลแก่กาละ แก่เทศะ โดยไม่ยึดติดหรือยึดมั่นใดๆ แต่กระนั้นก็ตาม ธรรมฝ่ายโลกุตระก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นประธานมีบารมีปกคลุม ทุกสรรพสิ่ง ฉนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรหาก มีธรรมเป็นเสาหลัก เสาเอกแล้ว ความผิดพลาดความไม่ดี หรือการกระทำที่จะสร้างบาปกรรมจะไม่เกิดขึ้น พร้อมด้วยจะต้องอาศัยศีลเป็นเครื่องควบคุมอีกชั้นหนึ่งด้วย
    เพราะเรายังไม่มีบารมีมากพอ เพราะเรายังมีปัญญาด้อยอยู่ การพึ่งพาจากผู้ที่รอบรู้กว่า มีปัญญามากกว่า จึงเป็นสิ่งที่ผู้น้อยควรเข้าหาเพื่อสร้างสติปัญญาให้งอกงามยิ่งๆขึ้นไปครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.9 KB
      เปิดดู:
      95
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      153.3 KB
      เปิดดู:
      219
    • GEDC0373.jpg
      GEDC0373.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.3 KB
      เปิดดู:
      202
    • GEDC0324.jpg
      GEDC0324.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.9 KB
      เปิดดู:
      97
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2015
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ความจริงแล้ว ถามว่าเราจะไม่ทำพิธีบรวงสรวงนั้นได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ เราเอาพระธรรมนำหน้า เช่นนี้ด้วยก็ไม่มีอะไรให้ยึดติดถือมั่นใดๆ

    แต่สำนึกในบุญคุณความดีที่ครูอาจารย์มีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ และพระอริยะสงฆ์ ตลอดจน เทพพรหม ท่านมีบุญคุณความดีแก่เรา การสิ่งใดหากไม่เหนือบ่ากว่าแรง หากกระทำได้ก็คววรกระทำ เพราะทุกอย่างล้วนต้องเคารพ จารีตประเพณี แม้พระพุทธเจ้าสมัยสร้างบารมี เป็นพระโพธิสัตว์ อยู่ในวรรณะพราหม ก็ต้องมีกระทำพิธีสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ประการหนึ่งที่หากเราพร้อมหรือมีกำลังความสามารถก็ควรทำ ครับ

    ส่วนการที่ผ่านมาผ่านกายนี้ ในตอนแรกก็ไม่ยอมรับ ตอนนี้นมีสายพระโพธิสัตว์ ท่านก็มาแนะนำในสมาธิ คือผมเป็นสายพระโพธิสัตว์ด้วยกัน ท่านก็ให้คำแนะนำหลายอย่าง ตอนนั้นท่านท้าวมหาพรหมปรเมศวรท่านใช้อิทธิฤทธิ์ทำให้ผมเจ็บป่วยหนัก จนหลวงปู่ทวดท่านมาขอและช่วยเหลือไว้

    แต่เมื่อทบทวนหลายสิ่งหลายอย่าง และเราก็อุทิศตนเพื่อสร้างกุศลสร้างความดี จึงตัดสินใจยอมรับและขอมอบกายนี้ให้ท่านใช้เพื่อสร้างกุศลความดีเท่านั้น เพราะความจริงแล้วกายเรามันก็ไม่ใช่ของเรา แม้นหากท่านใช้เพื่อสร้างบารมีสร้างกุศล จิตดวงนี้ก็มอบให้และขออนุโมทนาครับ
    สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • GEDC0351.jpg
      GEDC0351.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.2 KB
      เปิดดู:
      125
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      111.4 KB
      เปิดดู:
      127
    • GEDC0383.jpg
      GEDC0383.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      193
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2015
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    เป็นความเป็นเราที่ไม่ใช่เรา สังเกตุให้ดีว่า คนส่วนใหญ่มักยิดติดในรูปร่าง กริยาของตนเอง ที่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อถึงวันๆหนึ่ง เมื่อเราไม่มีร่างกายเป็นของเรา แล้วเราก็นั่งมอง ครูอาจารย์ท่านอยู่ในร่างกายเรา สิ่งที่ท่านทำท่านแสดง มันสื่อถึงอะไรหลายอย่าง

    ถ้าจิตใจและสติปัญญเราไม่ละความปราถนาอยาก และไม่อยากต่างๆลงไป ก็คงรับไม่ได้กับสภาพบางอย่างที่เกิดขึ้น แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่าอะไรจะเป็นอย่างไร
    1 เพราะเราไม่ยึดติดในร่างกายที่ย่อมเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    2เพราะเรามีความเคารพรักในครูอาจารย์อย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะความดีของท่านที่มีต่อเรา
    3 เพราะเรารู้ในหน้าที่
    4เพราะเราย่อมต้องแสดงออกในความกตัญญุตา
    5 เพราะเราคือผู้เจริญด้วยจิตใจย่อมต้องเข้าใจและรู้จักประเพณีปฏิบัติที่ดีงานที่ควรกระทำ

    ว่าไปแล้ว พอดูตัวเองในแบบปกติ มันก็เป็นอย่างนี้
    ความจริงทุกอย่างของโลกนี้มันก็เป็นของโลกมันหลอกเรา ปรุงแต่งใจเรามานานแสนนานจนถอนออกได้ยากจริงๆครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • GEDC0078.jpg
      GEDC0078.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.9 KB
      เปิดดู:
      90
    • GEDC0068.jpg
      GEDC0068.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.9 KB
      เปิดดู:
      100
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2015
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    เศียร พ่อแก่ บรมครู องค์นี้ ผมได้มาอย่างไร นานแล้วประมาณ 10กว่าปี

    เหตุการณ์มีอยู่ว่า มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง พระอาจารย์รูปนี้ ท่านเก่งหลายอย่างมาก ท่านกินหมาก แต่ท่านก็ยังไม่แก่มาก วัดของท่านมีพระธาตุเจดีย์บนเขาและ ตรงบันไดทางขึ้น200ขั้น มีพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่มากประทับยืนสง่างาม มองเห็นเด่นสง่างามมาก

    ครั้งนั้นคือ ผมได้ขับรถผ่านไปพร้อมด้วยสังฆทานและจะหาวัดถวายก็ขับรถไปเรื่อยๆ จนมาสดุดตาวัดนี้ จึงได้เข้าไป พบท่านเจ้าอาวาส พอดีเหลือเกินท่านกำลังจะไปกิจนิมนต์อีกครึ่งชั่วโมง กระผมจึง ได้ถวายทำบุญถวายสังฆทานกับท่าน ในเวลานั้นท่านฉันหมาก และท่านเป็นเหมือน คนที่มีจิตอื่นอยู่ร่วมกับท่านด้วย ตอนนั้นผมปฏิบัติธรรมมาได้ฌาณและได้ญาณมาเบื้องต้นแล้ว ก็พอจะทราบ ท่านสื่อสารผมและบอกว่า ท่านดีใจที่มีวันนี้ ที่ผมได้มาพบท่าน ท่านก็เล่าเรื่องราวต่างๆมากมาย อันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ใจและเป็นสิ่งที่ดีงามทุกเรื่อง เสร็จแล้วท่านก็บอกว่าก่อนกลับให้เอาเศียรพ่อแก่ไปด้วย มันเป็นของผม ท่านบอกมาอย่างนี้ ผมก็งงเล็กน้อย ในเมื่อท่านให้ผมเลือกและบอกว่า เศียรพ่อแก่ที่ท่านมี จะมีอยู่เศียรหนึ่งเป็นของผม ผมก็เดินเข้าไปดูที่แท่นปรัม ซึ่งมีเศียรพ่อแก่อยู่สององค์หรือสองเศียร ผมเห็นเศียรองค์แรกสีแดงตาดุ มาก ส่วนอีกเศียร คือองค์ในรูป ผมบอกพระอาจารย์ว่า เศียรที่ผมเลือกคือสีเหลืองทอง องค์นี้ ตามรูปแนบ ซึ่งท่านก็บอกว่า ให้ยกมา ส่งมาให้ท่านจะจะทำการมอบให้ และเมื่อท่านมอบเศียรมาให้ นั่นหมายถึงผมต้องเกี่ยวข้องกับเศียรพ่อแก่พ่อปู่ฤาษีแน่นอน
    นับจากนั้นมา ท่านปู่ ฤาษีหลายพระองค์ก็ได้เข้ามาเป็นบรมครูมากมายหลายพระองค์ ซึ่งท่านก็จะวนเวียนกันมาสอนวิชาความรู้ต่างๆ ซึ่งผมก็ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ ช่วยเหลือผู้คนมามากมาย แต่ในระยะหลังมา ด้วยหน้าที่การงานที่สูงขึ้นรับผิดชอบมากขึ้นทำให้เวลาเราน้อยลง แต่การปฏิบัติธรรมของเรา นั้นต้องเพิ่มมากขึ้นเพราะมีความสำคัญมากที่สุด ปัญญาอื่นใดที่ยิ่งใหญ่สำคัญไปกว่าปัญญาในพระสัทธรรมนั้นไม่มี ฉนั้นเมื่อเรารู้แล้วอย่างนี้ เราเองจึงต้องตั้งใจจริงจังให้ความสำคัญกับการศึกษาและปฏิบัติธรรมมากที่สุด นั่นเองครับ ส่วนภาระอย่างอื่นก็พึงมีสติปัญญากระทำให้พอเหมาะพอดี สมควรแก่บุคคล แก่กาละแก่เทศะ นั่นเองครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.9 KB
      เปิดดู:
      77
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2015
  7. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    อนุโมทนาครับท่านอาจารย์...ราศรีท่านผ่องใสมาก สมแล้วที่เป็นอาจารย์ที่นี่ครับ...คราวหน้า ปีหน้า หรือปีต่อๆไปถ้ามีงานบวงสรวงครูอาจารย์แบบนี้อีกรบกวนแจ้งให้ทราบด้วยนะครับท่านอาจารย์ ถ้ามีโอกาสอยากไปร่วมบุญ หรือไปร่วมงานด้วยครับท่าน ขอบพระคุณครับ :cool:
     
  8. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +876
    วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาลืมไปเลยว่าคุณก้องเคยแนะนำในกระทู้นี้ว่าเป็นวันฤกษ์ดี (วันมหาสิทธิโชค) เหมาะแก่การทำพิธีหลายๆอย่าง เพิ่งจะนึกออกวันนี้หลังจากเห็นโพสต์คุณก้องอับเดทภาพพิธีกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กุมภาพันธ์ 2015
  9. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    สวัสดีครับ ผมมีเรื่องเล่านิดหน่อยพร้อมกับคำถามครับ ขอเริ่มเลย คือว่า ตั้งแต่ผมปฏิบัติธรรมมา ก็พูดได้เลยว่า มีการถอดกายทิพย์หรือถอดจิตออกจากร่างกายนับครั้งได้ ซึ่งการถอดจิตในแต่ละครั้งมันคงมีเหตุปัจจัยที่ดึงจิตให้ออกจากร่างกาย ซึ่งผมก็ไม่สามารถควบคุมการถอดจิตนั้นได้ ว่าจะให้จิตไปยังสถานที่ใด แต่ขณะที่ผมพิมพ์อยู่นี้ ผมก็รู้สึกได้ว่า จิตที่ถอดไปนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะจิตปัญญาที่นำไป ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะบุพกรรม ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชี้นำ ซึ่งคำถามของผม ก็อยู่ในเรื่องเล่าที่จะเล่าดังต่อไปนี้ครับ คือว่า มีอยู่คืนหนึ่งผมเดาว่าน่าจะประมาณตี 3 – 5 มีใครไม่รู้ เป็นลักษณะกายทิพย์ผู้ชาย มายืนอยู่ปลายเตียงแต่อยู่ในอีกมิติหนึ่ง มายืนรอผม ทันใดนั้นผมก็ถอดจิตออกมา เหมือนกายทิพย์โดดออกจากร่างกาย มายืนอยู่ตรงปลายเท้าตนเอง มายืนอยู่ข้างๆ กายทิพย์ชายคนนั้น เหมือนชายผู้นี้เรียกผม ผมจึงถอดกายทิพย์ออกมา ต่อจากนั้น ผมมีความรู้สึกว่า ผมคุ้นเคยกับชายผู้นี้มาก และชายผู้นี้ก็ชักชวนผมไปยังสถานที่หนึ่ง ซึ่งผมก็ตามเขาไปอย่างง่ายดาย

    ภาพต่อมาที่เห็น คือ กายทิพย์ผมและชายผู้นี้ ก็มาปรากฏตัว ณ ที่แห่งหนึ่ง ดูแล้วน่าจะเป็นบนสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งไม่รู้ชั้นไหน บรรยากาศโดยรอบมีลักษณะเป็นเมฆหมอกบางๆ เหมือนเดินเข้าไปที่ร้าน Iphone Shop เลย คือ โต๊ะเค้าเตอร์มีลักษณะเป็นโทนสีขาวสะอาด ต่อจากนั้น ผมได้ยินเสียงเป็นเสียงประกาศพูดมาจากเค้าเตอร์นี้ ประกาศว่า ผู้ที่ต้องการลงทะเบียนอภิญญาพิเศษให้มาเค้าเตอร์นี้ กายทิพย์ผู้ชายที่พาผมมานั้น เหมือนเขาจะพาผมเดินไปยังเค้าเตอร์นี้ แต่แปลกตรงที่ เมื่อผมได้ยินคำว่า “อภิญญาพิเศษ” จากคำประกาศเท่านั้น ทันใดนั้น ผมก็ใช้อภิญญาอะไรก็ไม่รู้ ทดสอบใช้กับต้นไม้,ตู้ปลาที่ตั้งโชว์อยู่บนเค้าเตอร์อีกเค้าเตอร์ จนปลาทองหลายตัวและตู้ปลาเกิดความเสียหาย ทันใดนั้น ผมรู้สึกว่า มีเทวดาผู้ดูแลกำลังเดินตรงมาจะจับตัวผม ผมก็หายตัวไปหลบใต้เค้าเตอร์ เทวดานั้นก็ดันรู้อีกว่า ผมอยู่ตรงนี้ ก็จะรีบเข้ามาจับตัวผมอีก เหตุเพราะผมก่อความวุ่นวายขึ้น ด้วยความตกใจ ผมก็หันมาจับลมหายใจเข้าออก(อาณาปานสติ) ทันใดกายทิพย์ผมก็กลับสู่ร่างกายโดยพลัน กลับมารู้สึกถึงลมหายใจที่ร่างกายนี้อีกครั้ง และผมก็ตื่นขึ้นมาทันทีแต่ยังไม่ลืมตาและยังคิดถึงเรื่องเมื่อกี้อยู่ พอลืมตาขึ้นมา ในจิตเห็นภาพพระพุทธรูปขึ้นมาในจิต และบอกผมในความรู้สึกว่า อย่าถอดจิตออกมาอีก เดี๋ยวโดนจับได้ ผมจึงรู้สึกกลัว และก็นอนต่อ อีกความรู้สึกหนึ่งที่สัมผัสได้ ก็คือ พระท่านช่วยกำบังกายทิพย์ผมจากเทวดาผู้ดูแลองค์นั้นซึ่งกำลังตามจับตัวผมอยู่ เรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่าใครผิดกันแน่ ผิดที่กายทิพย์ผู้ชายคนนั้นที่ชวนผมไปหรือผิดที่จิตผมได้ยินคำว่า อภิญญาพิเศษ เพียงเท่านั้น จิตจึงเกิดความอยากทดสอบที่จะใช้อภิญญาจนเป็นเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น

    คำถาม คือ

    1. “อภิญญาพิเศษ” มันคือ อภิญญาอะไรอย่างไร? เป็นแนวไหน? มันจัดเป็นอภิญญาในอภิญญา 6 ไหม? แล้วบนสวรรค์ต้องมีการลงทะเบียนอะไรด้วยเหรอ? (แต่ผมเชื่อมั่นว่า ไม่ใช่เป็นความฟุ้งซ่านหรือฝันเพ้อแน่นอน เพราะการถอดกายทิพย์นั้นมีความรู้สึกที่แตกต่างจากความฝันเพ้อเจ้อทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเจน คือ เวลาถอดกายทิพย์ออกมา ผมสังเกตุว่า เวลามองพื้นที่กายทิพย์เหยียบอยู่นั้น จะปรากฎเห็นแสงสว่างเป็นวงรอบที่เปล่งออกจากกายทิพย์โดยรอบ และความรู้สึกในการเคลื่อนไหวของกายทิพย์นั้นเหมือนกับเราเคลื่อนไหวร่างกายจริงๆ แต่หน่วงๆ นิดหนึ่ง อาจเพราะยังไม่เคยชิน และอีกอย่าง ห้องนอนผมที่มืดมิดแต่กายทิพย์เราสามารถมองเห็นได้ แต่ไม่ได้ชัดสว่างเหมือนกับเปิดไฟนะ คล้ายๆ เห็นแบบสลัวๆ แต่รู้ว่าของอะไรเป็นอะไรวางอยู่อย่างไรตรงไหน)

    2. กายทิพย์ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? มีความเกี่ยวข้องกับผมอย่างไรครับ? เขาเป็นเทวดาหรือพรหมชั้นไหน? แล้วมาชวนผมไปสถานที่นั้นมีจุดประสงค์อย่างไร?

    3. สวรรค์ที่ผมไปนั้น เป็นสวรรค์ชั้นไหน? ลงทะเบียนอภิญญาพิเศษเพื่ออะไร?

    4. แล้วเทวดาผู้ดูแลองค์นั้น ยังหาตัวผมและต้องการจะจับตัวผมอยู่หรือไม่?

    ขอให้ท่าน tjs และครูบาอาจารย์ ถ้ามีเวลาว่างแล้ว กรุณาช่วยให้ความกระจ่างแก่ผมด้วยครับ ขอบคุณครับ ^_^
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    =================

    ขอบคุณครับ ความจริงผมมีความเกรงใจทุกท่านมาก เรื่องสายพิธีกรรม บางท่านไม่มีความเข้าใจอาจจะไม่เชื่อ เหมือนที่ผมเคยไม่เชื่อ แต่เมื่อเราปฏิบัติธรรมมากขึ้น มันก็ทำให้เข้าใจหลายๆอย่างมากขึ้นอย่างรอบด้าน

    มนุษย์เราทุกคนในการสร้างบารมี จวบจนนิพพาน ได้นั้น แท้จริง ยังมีเทพพรหม ส่วนหนึ่งท่านอุปถัมป์เรา แต่ท่านก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร การที่บารมีในธรรมเราก้าวหน้าก็เช่นกัน อย่าลืมว่า เทพพรหมบางท่านรอบรู้ทั้งในพระธรรมและพิธีกรรม มากกว่าเรา สำหรับผมไม่เคยคิดว่า ตนเมื่อปฏิบัติธรรมมีความรอบรู้ในธรรม ยกจิตตนเองได้แล้ว ปล่อยวางได้มากมายแล้ว แต่ทว่า ความเป็นผู้รู้กตัญญุตา จึงควรตอบแทนคุณแก่ท่าน การตอบแทนแม้เราจะปฏิบัติบูชาอยู่แล้ว แต่ในด้านอื่นๆเช่นพิธีกรรมตามจารีตประเพณีที่เขาทำสืบทอดกันมาอันดีงาม เราก็ควรกระทำ ตามกำลัง ครับ

    ก่อนหน้านี้ผมก็มีสหายธรรม อย่าเรียกว่าลูกศิษย์เลยครับ เรามีวาสนาต่อกันในการสร้างบารมีเป็นสหายธรรมกันดีกว่า ผมก็มีหน้าที่แค่แนะนำตามภูมิธรรม ตามวาสนาบารมี ไม่เคยคิดว่าตนเองจะเป็นครูอาจารย์ของใคร และมีหน้าที่เป็นสื่อกลางให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น ซึ่งครูอาจารย์ท่านกำชับเสมอว่า ผู้ที่จะทำหน้าที่แบบผมต้องเสียสละนะ ต้องเข้าใจ และสิ่งสำคัญคือ ต้องไม่ทำบาปโดยเด็ดขาด คือศีล5ต้องรักษาให้ดี ท่านย้ำว่า สิ่งที่อันตรายสำหรับเราคือ กิเลส โลภ โกรธ หลง ตัณหา กามราคะ เงินทอง ลาภยศ สิ่งเหล่านี้ต้องระวังให้ดี ให้รักษาคุณธรรมให้มีจิตใจสูงกว่าสิ่งเหล่านี้ ตัดขาดจากสิ่งเหล่านี้ อย่าไปคิดว่าเราเป็นฆราวาสแล้วเราจะทำผิดได้แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่ อันเป็นวิธีคิดที่ผิด เพราะถ้าเราทำผิดพลาดนั่นคือการสร้างบาปกรรม ย่อมต้องตกนรกภูมิรับใช้กรรม นรกภูมินี่เราก็ไปมามากแล้วก็รู้แจ้งพอสมควรแล้วย่อมรู้ดีแล้วว่ามันทุกข์ทรมานมากมายแค่ไหน เพราะเราเกรงกลัวในบาปและผลของการทำบาปด้วยนั่นเองครับ

    ที่สุดแล้วก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ปีนี้ผมก็ตั้งใจว่าจะทำบ้านชั้นบนให้เป็นเฉพาะที่อยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความจริงยังมีองค์ พระพุทธรูปและเทพพรหมอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้อีกห้องหนึ่ง ซึ่งเยอะหลายองค์นำออกมาไม่ได้ เพราะสถานที่ไม่ค่อยสะดวกครับ

    ไว้ถึงเวลานั้นก็จะแจ้งให้ทราบครับ การจัดพิธีเน้นแบบเรียบง่ายไม่ฟุ่มเฟือย แค่เน้นให้ถูกต้องตามประเพณี ไม่มีดนตรีไม่ได้ทำบายศรีที่ใหญ่โต เน้นเฉพาะบายศรีที่จำเป็นเพื่อการบรวงสรวงเท่านั้น แต่พิธีกรรมก็เน้นการสวดมนต์กล่าวโองการแบบโหราหลังจากนั้นก็ขอเชิญครูอาจารย์ให้ท่านลงมากล่าวสอนธรรม ซึ่งจะมีสายพระโพธิสัตว์ ทั้งไทยพราหม หรือจีน และหากมีเกี่ยวกับดวงชะตาราศีก็จะมีสายเทพพรหม ท่านมาแนะนำ หรือสายวิชาอาคมก็มีปู่ฤาษี ท่านมาแนะนำ หรือหากอยากทราบเรื่องอื่นๆเทพพรหมที่เกี่ยวข้องท่านก็จะช่วยเหลือได้ ทุกครั้งก่อนำพิธีล่วงหน้าผมจะบอกกล่าวให้ทุกๆพระองค์ทราบเพื่อให้ท่านรู้ล่วงหน้า เพื่อให้ท่านแบ่งเวลามาในวันทำพิธีจริงๆ พอวันทำพิธีจริงก็จะทำพิธีเปิดสามไตรภูมิ เพื่อขออำนาจเทพพรหมทุกชั้นภพท่านประทานประสิทธิพรชัยแก่เหล่ามนุษย์ และลงมาช่วยเหลือตามความเหมาะสมครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2015
  11. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    ซึ้งเลยครับท่าน น้ำตาจิไหล...ขอบพระคุณมากๆ และขออนุโมทนาครับ อีกไม่นานเราได้เจอกันแน่นอนครับ ขอให้ท่านเจริญในธรรมครับ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    มีคำถามว่า การกล่าวแสดงธรรม เหตุใดยังต้องขอบารมีพระโพธิสัตว์เทพพรหมปู่ฤาษีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านลงมาช่วย ทั้งๆที่ผมก็มีสติปัญญารอบรู้ในธรรมจากการปฏิบัติธรรมที่ตนสั่งสมมาพอประมาณ

    ขออธิบายว่า
    1 เพื่อเปิดโอกาสได้พบเจอพูดคุย ซึ่งผมคิดว่าจะมีความมหัศจรรย์ใจว่าธรรมที่ได้ฟังจากท่านมีแบบพิศดารหรือแปลกมหัศจรรย์อย่างที่เราไม่เคยรับฟังมาก่อนแม้จะด้อยกว่าพระพุทธเจ้าตรัสแสดงก็ตาม นอกจากนี้ยังเป็นเหตุให้เกิดความศรัทธาเกิดสติปัญญาณในธรรมรอบรู้มากยิ่งขึ้น

    2 เพราะอายุไข วัยวุฒิ คุณวุฒิ บารมีของกระผมยังไม่ถึงเวลาแห่งการเป็นครูผู้สอนผู้อื่น เพราะสำหรับผมแล้วผมจะเป็นบรมครูผู้สอนผู้อื่นได้ นั่นหมายถึงผมต้องเป็นพระสงฆ์สาวก ผู้มีศีล227บริบูรณ์ ผ่านด่านธุดงควัตรได้โดยสมบูรณ์แล้ว ยกจิตสูงเทียบเท่าพระอนาคามีแล้ว เท่านั้น

    3 เพื่อให้ได้มีโอกาสได้ซึมซับรับรู้ถึงเรื่องราวต่างๆที่รับรู้ได้ยากยิ่งจากสามไตรภูมิเพราะเทพพรหมทุกชั้นภพจะสามารถบอกกล่าวสิ่งต่างๆเหล่านั้น ที่ท่านอยากรู้ได้ดีที่สุดครับ

    เพราะประโยชน์ที่จะได้รับนั้นมีเหตุผลอันสำคัญ เป็นอย่างนี้นี่เองครับ สาธุ
     
  13. จวนเพ็ญ

    จวนเพ็ญ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +65
    รบกวนคุณ tjs ช่วยดูให้หน่อยคะว่าดิฉันมีกรรมอะไรจึงปวดหลังและบันเอวไม่หายสักที่ และปี 2558 นี้ดวงดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะและต้องแก้อย่างไร คุณtisช่วยบอกด้วนนะคะ (เกิดวันพุธที่ 6 เมษายน 2503 ปีชวด)ปกติดิฉันจะปฏิบัติธรรมตลอดท่ามีโอกาสและทำบุญใส่บาตรเป็นประจำและให้อาหารหมาแมวจรจัดแทบทุกวัน ถ้าไม่ติดธุระอะไรจะไหว้พระสวดมนต์ทุกเย็นที่บ้านหรือที่วัดแล้วแต่โอกาสคะ ขอบคุณล่วงหน้าคะ
     
  14. พูลปิติ

    พูลปิติ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +9
    สวัสดีครับผมติดตามกระทู้มาตลอดเลยนะครับพอดีผมมีเรื่องจะถามนะครับ กระผมชื่อ พูลปิติ พูลศิริ ครับ
    แม่ผมท่านเสียไปแล้วครับ มีคนเค้าบอกว่าแม่ยังอยู่พอดีแม่ผมท่านเสียไปด้วยโรคมะเร็งตอนผมอายุ12นะครับท่านมีห่วงแต่ผมอยากให้ท่านไปเกิดนะครับไม่อยากให้ท่านเป็นห่วงผมอยากทราบว่าตอนนี้ท่านไปเกิดรึยังแล้วท่านเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้พ่อผม อายุ71ย่าง72ครับอยากทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นไหมครับแล้วตอนนี้ผมกับพ่ออยู่ต่างประเทศปีนี้ผมจะเรียนจบ high school ในเดือนมิถุนายนนี้ แต่ปีที่แล้วชงมากครับอยากทราบว่าปีนี้จะเป็นไงบ้างครับ แล้วตัวผมมีสิ่งศักศิษย์องค์ไหนติดตามไหมครับ ตอนนี้ผมสวด บทมหาจักรพรรดิ์ แล้วก็นั่งสมาธิแบบ พุทโธ หรือไม่ก็ ไตรสรณคมน์ ครับ ไม่ทราบว่าผมมาถูกทางไหมครับ แล้วอย่างอย่างคือผมควรปฏิบัติ แบบสายพระโพธิสัตว์ หรือหวังนิพพานดีครับ ปีนี้ผมจะเข้ามหาลัยแล้วยังไม่ทราบเลยว่าจะเข้าที่ไทย หรืออเมริกาดีสองจิตสองใจครับ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับ การตอบคำถามที่ล่าช้าหรือตกหล่นไปบางส่วนครับ

    สำหรับคำถามใดที่ล่าช้าเกินสองสัปดาห์ ให้ถามย้ำมาอีกครั้ง จะถามในPM หรือโพสในกระทู้ก็ได้ครับ จะได้รีบตอบให้ก่อนเป็นอันดับต้นๆครับ

    สาธุ ครับ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ===========

    ขออภัยที่ตอบล่าช้าครับ

    จากการตรวจสอบขอตอบคำถามดังนี้คือ
    1 คุณแม่ท่านสุขภาพไม่ดีเป็นโรคมะเร็งเสียชีวิต ท่านมีเจ้ากรรมนายเวรเก่า และเป็นกรรมเก่าให้ผลเรื่องการฆ่าและเบียดเบียนมนุษย์ด้วยกันในอดีตชาตินับไปสามชาติที่แล้วของท่านมาให้ผลเป็นวิบากกรรมครับ ท่านรูปร่างผอมบางผิวสองสีแบบผิวสีเหลือง เมื่อก่อนท่านชอบ ไว้ผมหยักโศกยาวประบ่าเล็กน้อย เหมือนจะมีเชื้อสายจีนหือเปล่าไม่แน่ใจนัก เห็นคิดว่าบรรพบุรูษมีเชื้อสายคนจีน
    ใบหน้าแบบคนวัยกลางคนช่วงปลายใกล้วัยชรา รูปหน้ายาวลงมาคางแหลม คล้ายๆหกเหลี่ยมยาวลงมาครับคางยื่นออกมาครับ ปัจจุบันท่านอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ครับ ท่านสุขสบายดี ครับ สั่งสมบุญไว้พอสมควรตลอดจนบุญที่ญาติๆทำให้ท่านอุทิศให้ไปนั้นท่านได้รับครับ

    2คุณพ่อดวงชะตาในระยะนี้ มีกรรมเก่าให้ผลเล็กน้อยผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ จนถึงอายุ74-75ปีจะมีเคราะห์หนักอาจล้มป่วยหนักได้หรือเจ็บไข้ได้ป่วย ให้ทำบุญต่อชะตาให้ดีนะครับแล้วจะผ่านพ้นไปได้ครับ

    3ตัวคุณเรื่องการเรียนไม่มีปัญหาอะไร อนาคตก็มีวาสนาดีจะได้เป็นนายคน
    ถ้ายึดมั่นในคุณธรรมก็จะประสพความสำเร็จดีมาก
    เทพพรหมที่ดูแลคุณจะมีท่านท้าวจตุมหาราชทั้ง4 ท่านองค์อินทร์เป็นมหาเทพครับ และมีท่านพญาปักษี รูปหนึ่งครับ

    4 การปฏิบัติธรรมเริ่มต้นมาถูกทางแล้วขอให้แบ่งเป็นการสวดมนต์ และการภาวนา ในตอนแรกแยกทำให้ชำนาญก่อน บทสวดมนต์นั้นดีแล้วครับ ควรเพิ่มพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และต่อด้วยบทยันทุนนิมิตตังหรือบท มงคลจักรวาลก็จะดีมากครับ หรืออาจจะมีบทเรียกเงินของหลวงพ่อปานหรืออื่นๆก็ตามสะดวกครับ แล้วจึงค่อยภาวนา การภาวนาให้เน้นตามดูลมหายใจ มีสติจดจ่ออยู่จดเกิดเป็นสมาธิต่อเนื่องยาวนานและชำนาญ เมื่อทำได้แล้วให้ฝึกกรรมฐานและต่อด้วยวิปัสสนาสติปัฏฐานสี่นะครับ

    5 การสร้างบารมีควรทำควบคู่กันไป คือแม้คุณจะเป็นสายพระโพธิสัตว์ แบบเดียวกับผม แต่ความรอบรู้ในธรรม การชำระจิต เทียบเคียงพระอริยะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องสร้าง เพราะพระธรรมจะเป็นเครื่องสร้างสติปัญญา ให้ดำรงชีวิตต่อไปโดยไม่ทุกข์ และมรรค8จะทำให้เราอยู่ในสังคมอย่างดีงามเจริญรุ่งเรือง มีที่สุดคือหลุดพ้นทุกข์ครับ
    การสร้างบารมีก็ต้องทำในส่วนที่ขาดเติมเต็มให้สมบูรณ์ คือคุณต้องทำบุญทานตามโอกาสอันเหมาะสม ทำบ่อยๆตามกำลัง ส่วน รักษาศีล สวดมนต์ภาวนาต้องทำทุกวันครับ สาธุ ส่วนการออกท่องยุทธจักร เพื่อทดสอบสติปัญญา ทดสอบสมาธิ ก็ต้องทำบ้างเหมือนกัน เพื่อพิสูจน์ตนเองตรงนี้บอกเผื่อไว้ในอนาคตครับ

    เพราะเราอายุยังไม่มากนักขอให้ค่อยวางแผนค่อยทำค่อยๆตีกรอบตนเองเพื่อผลสำเร็จที่ดีในอนาคตครับ สาธุ
     
  17. สิเนรุ อุตรกุรุ

    สิเนรุ อุตรกุรุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +297
    เพิ่งเข้ามาใหม่ อ่านไปมาหลายหน้า ที่แท้ท่านคือองค์โพธิสัตว์ นั่นเอง ขออนุโมทนา สาธุ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ==================

    จากการตรวจสอบด้วยสมาธิ พบว่า
    เรื่องดังกล่าวหรือนิมิตดังกล่าวที่เกิดขึ้นของคุณในเรื่องนี้ครั้งนี้นั้น เริ่มต้นเป็นนิมิตที่เกิดขึ้นจริง จิตส่งกระแสออกไป แต่ยังไม่ใช่การถอดจิต สถานที่ที่ไปและสิ่งได้ปรากฏในตอนแรกนั้นมีความเป็นจริงเพราะเป็นทิพย์วิมานชั้นหนึ่งชั้นยามาวดีภูมิที่ติดกับชั้นดาววดึงส์

    แต่เพราะด้วยจิตยังไม่บริสุทธิ์พอ คือมีเจตสิกคือความนึกคิดส่วนหนึ่งทำหน้าที่ปรุงแต่ง จิต นิมิตส่วนหลังจึงเปลี่ยนไป อันเป็นการปรุงแต่งของจิตเกิดขึ้น มันทำงานทำหน้าที่ของมันไป ควรทำความเข้าใจให้แจ่มชัดว่า เพราะพื้นฐานของจิตยังไม่บริสุทธิ์พอหรือกำลังของสมาธิดีระดับหนึ่งแต่ก็ยังไม่สามารถชำระหรือข่มอวิชาส่วนหนึ่งที่อยู่กับจิตให้หมดอำนาจลงไปไม่สามารถมาปรุงแต่งจิตได้อีก

    เหตุแบบนี้จะเกิดได้กับผู้ที่เดินสมาธิ มีกำลังจิตสะอาดในระดับหนึ่ง คือขาวสะอาดแต่ยังขาวสะอาดไม่หมด แม้กระผมเองหรือใครก็เกิดขึ้นได้ ถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามีหรือพระอรหันต์ครับ เป็นสิ่งที่ต้องระวัง ซึ่งนิมิตแบบนี้สำหรับกระผมก็เคยมีเคยเป็น แม้ในอนาคตก็อาจจะเกิดได้อีก

    การแก้ไขให้นิมิตแบบนี้หายไปไม่เกิดหรือหากจะเกิดก็ให้เกิดแต่นิมิตที่เป็นจริง นั่นคือการต้องเชี่ยวชาญในวิปัสสนา สติปัญญาและจิตสามารถตัดอวิชา ตัดรูปนามได้มาก เทียบเคียงแล้วต้องใกล้เคียงพระอนาคามีหรือเทียบเท่าขึ้นไปครับ

    เป็นปรกติอย่าได้ไปกังวลในสิ่งเหล่านี้ครับ

    2 ชายที่พาไปยังมายาวดีวิมานคือสหายเก่าของคุณ
    ท่านเป็นเทพเหมือนที่คุณเคยเป็นและอยู่ที่นั้น เคยได้สมาธิฌาณ รูปฌาณสมาบัติ

    3สวรรค์ชั้นที่ไปคือยามาวดีทิพย์วิมานจะติดกับดาวดึงส์ เลยขึ้นไป ครับ แต่ต่ำกว่าชั้นดุสิต

    4ส่วนที่เหลือเป็นการปรุงแต่งของจิตที่จิตมีอวิชาและเกิดจากความปราถนาส่วนหนึ่ง และ วิตกวิจารณ์ของเจตสิกส่วนหนึ่งร่วม ทำหน้าที่หนุนนำจิตให้เกิดเป็นนิมิตแบบนั้นครับ

    สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2015
  19. จวนเพ็ญ

    จวนเพ็ญ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +65
    ประมาณสองอาทิตย์แล้วคะ กลัวตกหล่นรบกวนคุณ tjs ช่วยดูให้หน่อยคะว่าดิฉันมีกรรมอะไรจึงปวดหลังและบันเอวไม่หายสักที่ และปี 2558 นี้ดวงดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะและต้องแก้อย่างไร คุณtisช่วยบอกด้วนนะคะ (เกิดวันพุธที่ 6 เมษายน 2503 ปีชวด)ปกติดิฉันจะปฏิบัติธรรมตลอดท่ามีโอกาสและทำบุญใส่บาตรเป็นประจำและให้อาหารหมาแมวจรจัดแทบทุกวัน ถ้าไม่ติดธุระอะไรจะไหว้พระสวดมนต์ทุกเย็นที่บ้านหรือที่วัดแล้วแต่โอกาสคะ ขอบคุณมากมากล่วงหน้าคะ
     
  20. พูลปิติ

    พูลปิติ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +9
    สาธุครับ ขอบคุณมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...