หากมนุษย์ไม่เลิกทานเนื้อสัตว์ วันล้างโลกมิอาจเลี่ยงได้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย bamrung, 30 มกราคม 2008.

  1. mikky

    mikky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +577
    ในสมัยพุทธกาลมีพระกลุ่มหนึ่ง พยายามให้พระพุทธเจ้าออกพุทธบัญญัติในพระธรรมวินัยว่าห้ามพระสงฆ์ทานเนื้อสัตวทุกชนิด (ให้ทานมังสวิรัต) ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้มีพระบัญญัติตามนั้นแต่อย่างใด พระสงฆ์ท่านที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม "หัวใหม่" นั่นคือพระเทวทัต และได้ลงนรกอเวจีไปแล้ว

    โดยหลักพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม ใครจะทานเนื้อสัตว์ก็ทานได้ ใครจะทานมังสวิรัต ก็ทานไป แต่ถ้าใครมาบอกว่าพระพุทธเจ้าทานทานมังสวิรัตนั้น ผิดแน่นอน พระพุทธเจ้าไม่ให้ทานเนื้อ 5 ชนิด เท่านั้น ใครอยากทราบให้ค้นพระไตรปิฏกอ่านเอาเองนะครับ

    พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้เอาโทษอะไรกับคนที่ทานเนื้อสัตว์ แต่ท่านบอกว่า เนื้อสัตว์อันนั้นต้องไม่ได้ฆ่ามันเอง ต้องไม่ยินดีในการฆ่า ต้องไม่เห็นเขาฆ่า พระสงฆ์จึงจะฉันได้ ส่วนผู้ที่ไม่เป็นพระสงฆ์ก็เห็นว่าควรถือตามนั้น เพราะถ้าคนไปฆ่าสัตว์เพื่อรับประทานก็จะผิดศีลข้อ 1 ยินดีในการฆ่าก็ผิดด้วย ส่วนถ้าเราเห็นเขาฆ่าต่อหน้าต่อตาแล้วยังกินลง แปลว่าจิตเราก็หยาบเหลือเกิน

    คนที่ทานเนื้อสัตว์เขาบรรลุธรรมกันมามากมายแล้ว พระพุทธเจ้าสอนให้คนไปนิพพาน เรื่องเหล่านี้ท่านจึงไม่เอามาเป็นประเด็น ทานหรือไม่ทานเนื้อสัตว์ไม่เป็นไร ถ้ายังไม่เป็นอุปสรรคต่อมรรคผลนิพพาน การปฏิบัติเพื่อชำระจิตใจสำคัญที่สุด

    - การไม่ทานเนื้อสัตว์แล้วเข้าใจว่าเป็นความดีตามหลักพุทธศาสนานั้นเป็นโมหะกิเลส
    - การไม่ทานเนื้อสัตว์เพราะมีเมตตาต่อสัตว์นั้นถูกต้อง
    - การไม่ทานเนื้อเพื่อให้ตัวเองดูน่าเคารพเลื่อมใสประหนึ่งคนที่มีจริยาเคร่งครัดนั้นผิด ถ้าเป็นนักบวชถึงขั้นลงอเวจีเลยที่เดียว
    - การไม่ทานเนื้อเพราะนับถือเจ้าแม่กวนอิม ให้ปฏิบัติธรรมแล้วไปถามเจ้าแม่เอาเอง อย่าฟังตาม ๆกันมา เจ้าแม่กวนอิมตามตำหนักทรงเป็นผีปลอมมากินเครื่องเซ่นตั้งมากมาย เรารู้หรือว่าอันไหนเจ้าแม่จริง อันไหนปลอม พวกผีที่มาเข้าทรงหลอกชาวบ้านมักจะมีมุกมาหลอกชาวบ้านให้เลื่อมใสอยู่เสมอ เพราะชาวบ้านมักจะติดกิเลส ติดความน่าเลื่อมใสภายนอกไม่มองดูแก่น ถึงขนาดเห็นพระดีเป็นพระบ้าแล้วไปบูชาผี ก็มีให้เห็นมากมาย

    โลกจะแตกจะดับ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราไปสนใจสาระตรงส่วนนั้น แต่สอนให้เราพิจารณาว่ามันเป็นไปตามกฏของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามสถาพ ถ้าคนยังไปกังวลแสดงว่ายังห่างธรรมของพระพุทธเจ้ายิ่งนัก สำหรับนักปฏิบัติแล้ว ถ้าได้ยินข่าวความเปลี่ยนแปลงของโลกนี้จะต้องถือโอกาสมองเป็นวิปัสนาทันที ใช้ประโยชน์จากมันได้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  2. soonram

    soonram เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2007
    โพสต์:
    719
    ค่าพลัง:
    +1,406
    สาธุ สาธุ
     
  3. akara26

    akara26 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +33
    ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความสนใจในศาสตร์เล้นลับ
    เชิญท่านมาพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง สุดยอดโหราศาสตร์ Moon sign จากอินเดีย ที่สืบทอดมาเป็นพันปี ที่ไม่สามารถหาดูได้ในประเทศไทย โดยพราหมณ์ตัวจริง เสียงจริง จากอินเดียที่จะมาไขความลับให้ท่านได้รู้ถึงอนาคต และปัญหาชีวิตต่างๆ ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเคราะห์กรรม มีบุตรยาก ความรัก การงาน การเงิน และอื่นๆ ด้วยวิถีการแก้กรรมจากศาสตร์ moon sign ที่จะทำให้ท่านพลิกชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข
    ทำไมบางคนดิ้นทั้งชีวิตแล้วยังไม่รวย??? ทำไมบางคนถึงไม่มีลูก ?? ทำไมบางคนที่เกิดมามีแต่ทุกข์??? ทำไมบางคนถึงพ่ายให้แก่ความรัก

    รับปรึกษาอาทิตย์ละ 1 วันเท่านั้น ค่าดูตามจิตศรัทธา รายได้จากการดูดวงชะตาจะนำไปทำบุญสร้างวัด จองคิว โทร Khun akara 086 600 9965<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    สาธุ...คุณmikky กล่าวได้ครบถ้วนดั่งใจผมนึกแล้วครับ

    กินผักเป็นหลักดีมาก ๆ สุขภาพดีร่างกายแข็งครับ

    แต่กินเนื้อสัตว์ไม่บาป คนที่ฆ่าและคนที่สั่งฆ่าบาป
     
  5. appyLuny

    appyLuny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +206
    ตั้งแต่เกิดถึง ม.4 เราเป้นคนชอบทานเนื้อสัตว์มากค่ะ สมมติมีโดนัทกะไก่ทอด จะเลือกไก่ทอด หลังๆ มาเริ่มรู้จักเวบนี้ และให้ความสนใจกับศาสนามากขึ้น ได้เจอข้อมูลพวกนี้แหละเรื่องกินเนื้อสัตว์ๆๆๆ แล้วน้าของเราก็เปนคนกินเจ เขาไม่แก่ง่าย ผิวสวยด้วย เราเลยสนใจมาก และจะให้เราอดเนื้อไปเลยก็ไม่ได้ เราเลยค่อยๆๆ ลดลง จนในที่สุด ก็กลายเป็นมังสวิรัดแล้วละค่ะ ตอนนี้ แต่จะทานพวก KFC MK หรืออาหารฟาสฟูดก็ต่อเมื่อมีงานเลี้ยงปีใหม่หรือสถานการณ์ที่มันจำเป็นต้องกินเท่านั้น เพราะว่าเราต้องปรับตัวด้วยไงคะ
    ถึงจะว่าอย่างไรการละเว้นเนื้อสัตว์และเข้าใจธรรมมะของพระพุทธเจ้ามันมีความสุขมากกว่ารสของเนื้ออีกนะคะ ^^ ลองดูนะ ได้บุญ สบายใจ สารอาหารก็เหมือนกันแถมยังไขมันต่ำกว่าอีก
    ระยะเวลาในการปรับตัวเปนมังสวิรัดจากคนชอบกินเนื้อก็ประมาน ครึ่งปีเลยล่ะค่ะ ค่อยๆ ลดลง พอเป็นมังสวิรัดจะรู้สึกว่าเนื้อสัตว์ คาววววววว เสียนี่กระไรดี อิ อิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  6. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    จอย

    โลกจะล้างก็ต้องโดนล้างเมื่อเวลานั้นมาถึง แต่ว่า หากทานพืชผัก งดเนื้อสัตว์ตั้งแต่ตอนนี้ได้ก็จะดี เพราะเมื่อภัยพิบัติลง สิ่งมีชีวิตทุกสิ่ง โดยเฉพาะสัตว์เดรัจฉาน จะต้องล้มตายกันหมด เมื่อนั้น คนที่รอดชีวิตจะไปเอาสัตว์ที่ล้มตายมาทานกันหรือ สัตว์ที่รอดตายอาจจะติดเชื้อโดยง่าย จากภูมิอากาศที่ปั่นป่วน สภาพแวดล้อมที่ย่อยยับ มีแต่กลิ่นไอของซากศพ เพราะโรคระบาดก็เกิด ก็จะมีแต่การปลูกพืชเท่านั้น ที่จะทำให้เราอยู่ได้ไปวันๆ คนที่กินพืชก็จะได้รับผลดีมากๆ เพราะสามารถปรับตัวกับสภาวะที่กดดันได้
     
  7. bouy_tinanya

    bouy_tinanya Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +25
    ตั้งแต่นี้ไป..เราจะ ลด.. ละ.. เลิก.. ค่ะ
     
  8. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    1

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ อิ๋งเซิ่ง จ.อุตรดิตถ์ 16 พ.ย. 2539
    ไม่ละการเบียดเบียนแล้วจะเป็นพุทธะได้อย่างไร
    จะเรียกว่าเมตตาได้อย่างไร2

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ไท่อิน กรุงเทพ 10 พ.ค. 2541
    ดินให้กำเนิดชีวิตได
    พืชพันธุ์ธัญญาหารขึ้นมาจากดินไหม (ขึ้น)
    ก็คือข้าวและผักที่เรากิน
    สิ่งนี้เรียกว่าฟ้าดินให้กำเนิด จึงสมควรที่จะกินได
    แต่ว่าเนื้อสัตว์นั้น มีพ่อแม่เป็นของตน
    ไม่มีพ่อแม่ที่ไหน ที่ให้กำเนิดลูกออกมาให้คนอื่นกิน
    เหมือนกับมนุษย์ให้กำเนิดลูกมาให้ใครกิน (ไม่มี)
    เพราะฉะนั้นสัตว์ก็เช่นเดียวกัน ร้องได้เหมือนกัน
    มีเลือดเหมือนกัน นัยน์ตาสามารถบ่งบอกความรู้สึกได้เหมือนกัน
    เพราะฉะนั้นคนที่คิดกิน อย่าบอกว่าเขาเกิดมาให้เรากิน
    ใครเขาเกิดมาให้ศิษย์กิน[FONT='Angsana New','serif']
    3

    [/FONT]พระโอวาทพระนาจาเมตตาที่ ฉงเต๋อ จ.กาญจนบุรี 21 มี.ค. 2542
    เมื่อสักครู่ศิษย์พี่บอกว่า
    ท่านไม่ชอบให้ใครมาเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหงใช่ไหม (ใช่)
    อยู่ ๆ ถ้าเกิดมาเราตีท่าน ท่านชอบไหม (ไม่ชอบ)
    อย่างน้อยจะตีเราก็บอกสักหน่อยหนึ่งก็ยังดีใช่ไหม
    หรือไม่จะมาตีเราอย่างน้อยก็ต้องรู้จักกัน
    ไม่ใช่ยังไม่ทันรู้จักกันเลยก็ตี ท่านก็ไม่ชอบใช่หรือเปล่า
    เหมือนเวลาที่ท่านกินเนื้อสัตว์
    ถ้าเราบอกว่าคนใหญ่มีหน้าที่ มีอำนาจ มีความยิ่งใหญ่
    สามารถที่จะสั่งคนเล็กได้ โลกนี้ก็ไม่ค่อยยุติธรรมใช่ไหม (ใช่)
    แต่ว่าคนมีพละกำลังเหนือกว่า สามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ
    โดยที่คนเล็กไม่มีโอกาสปริปากพูด
    อย่างนั้นก็ไม่ใช่กฎของธรรมชาติ ที่ถูกต้องใช่ไหม (ใช่)
    ฉะนั้น เราจะบอกว่าสัตว์เล็กเกิดมาเพื่อสัตว์ใหญ่ได้หรือเปล่า
    ก็ไม่ได้ใช่หรือไม่เราอยู่ร่วมกันเวลาจะทำอะไร ก็ต้องเห็นอกเห็นใจกัน
    เข้าใจกันบ้างใช่หรือไม่ (ใช่)
    หรือไม่จะเอาของเราไปก็ต้องขอเราสักหน่อยหนึ่งใช่ไหม
    แล้วตอนนี้เราทำกับใครบ้าง ทำกับสัตว์ทั้งหลายที่เป็นอาหาร ใช่ไหม
    ยังไม่ทันขอเขาเลย ไม่ทันขอด้วย แถมยังสั่งฆ่าเลยทันที
    เด็ดขาดไหม มีเหตุผลหรือเปล่า (ไม่มี)
    มนุษย์ชอบเป็นคนที่มีเหตุผลใช่หรือเปล่า (ใช่)
    อย่างน้อยเธอต้องพูดมาก่อนสิ อยู่ ๆ เธอจะมาฆ่าฉัน ได้อย่างไร
    เธอยังไม่มีเหตุผล เธอยังไม่ชอบเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)
    ศิษย์น้องก็ไม่ชอบที่อยู่ ๆ จะมีใครมาสั่งลงโทษศิษย์น้องโดยไม่มีเหตุผล
    แล้วสัตว์ล่ะ หรือว่าศิษย์พี่กำลังพูดว่า สัตว์เป็นคนที่พูดได
    มีความรู้สึก มีเหตุผล เป็นอย่างนั้นไหม
    หรือว่าไม่เจำเป็นที่ต้องแคร์ความรู้สึก จำเป็นไหม (จำเป็น)
    ศิษย์น้องคิดไหมว่า ทำไมสัตว์ก็มีความรู้สึกเหมือนกัน
    ทำไมศิษย์พี่ถึงพูดว่า สัตว์ก็มีความรู้สึก
    และอะไรที่เป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่าสัตว์ก็มีความรู้สึก
    มีความผูกพันกัน นั่นก็คือ เวลาสัตว์นั้นมีลูกขึ้นมา ก็ปกป้องลูก
    หาอาหารให้ลูกกิน ใช่หรือเปล่า (ใช่) สิ่งนี้วัดได้ว่า
    สัตว์ก็มีความรู้สึกรักและหวงแหนลูกของตนเองใช่หรือไม่ (ใช่)
    เวลาใครมาทำร้าย พี่น้องของเรา เรายังรู้สึกโกรธใช่หรือไม่ (ใช่)
    เวลามาฆ่าพ่อแม่เรา เรายังรู้สึกว่าแค้นนี้ต้องชำระ
    จำไว้นะว่ากินเข้าไปเท่าไหร่แล้ว[FONT='Angsana New','serif']
    4

    [/FONT]พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ อิ๋งเซียน กรุงเทพ 3 พ.ค. 2542
    กินโรคเข้าไป กินอย่างไร เราไม่อยากจะเป็นพยาธิ
    แต่เรากินเนื้อสัตว์ที่มีพยาธิเข้าไป เป็นโรคพยาธิไหม (เป็น)
    เราไม่อยากเจ็บป่วย แต่เอาตัวเราไปตากฝนตากแดดเป็นไหม (เป็น)
    เราไม่อยากที่จะปวดหลัง แต่ชอบนอนตามใจตนเอง
    ผิดท่า ผิดทาง ถามว่าปวดหลังไหม (ปวด)
    เราไม่อยากเมื่อยขา ปวดเมื่อย
    แต่เราชอบกินสัตว์ปีกเมื่อยไหม (เมื่อย)
    นี่เป็นสิ่งที่วิทยาการสมัยใหม่ ได้ศึกษามาเรียบร้อย
    อาจารย์นั้นไม่ได้พูดอะไรที่เกินเลย
    โรคภัยเกิดจากการสั่งสมของเรา ไม่ว่าจะเป็นการกิน
    ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ กินเจอย่าเบียดเบียนคนอื่น
    ไม่เช่นนั้น อาจารย์จะเอาอะไรไปอ้างกับวิญญาณต่าง ๆ
    ให้เขาอภัยให้ ตอนนี้สบายแต่วันหน้าไม่รู้5

    พระโอวาทพระโพธิสัตว์อนุศาสน์เมตตาที่ เซิ่งเต๋อ 10 ต.ค. 2536
    การทานเจต้องกระทำให้รู้ซึ้งถึงเมตตา
    เห็นสัตว์ทุกชนิดเป็นเพื่อนของตนจึงไม่ทาน
    เมื่อทานเจเกิดจิตเมตตาแล้ว ย่อมมีปัญญาเพิ่มขึ้น
    เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์จะช่วยส่งเสริม6

    พระโอวาทพระนาจาเมตตาที่ผู่ถี จ.พิษณุโลก
    เวลาเห็นสัตว์ร้องทนได้ไหม ทนได้เพราะอร่อยใช่หรือเปล่า
    แล้วพอป่วยก็ว่าทำไม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่รักษา ไม่คุ้มครอง
    ตัวเราหาโรคมาเองทั้งนั้นเลย
    ทำบุญแล้วบุญจะไม่รั่ว ก็คือ ไม่เบียดเบียน
    ไม่ทำร้ายเขา พอเราไม่ทำร้ายสัตว์ ไม่ทำร้ายคน
    แล้วจะมีทุกข์อะไรมาทำร้ายเราอีกไหม7

    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่เซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 11 ต.ค. 2541
    แม้ว่าเราอยู่บ้าน เราก็ต้องเอาใจกายของเราเป็นเหมือนวัด
    ให้ถือศีล ใจของเราต้องดีงาม
    กายของเราต้องสะอาด ชีวิตเขาเราอย่ากิน8

    พระโอวาทพระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตาที่ เหยรินเต๋อ 21 พ.ค. 2541
    เคยเบียดเบียนทำร้ายสัตว์
    หรือเคยได้ยินเสียงร้องของสัตว์บ้างไหม เจ็บหรือเปล่า (เจ็บ)
    เขาเจ็บแต่เราไม่เคยรู้สึกเจ็บเหมือนกับเขา ใช่หรือไม่
    แล้วเวลาที่เราโดนมีดเฉือนทีหนึ่งเราเจ็บไหม
    เราเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่เขาเจ็บถึงชีวิต
    เราสุขเพียงน้อย แต่เขาเจ็บปวดถึงชีวิต
    ทำไมไอเมฆหมอกแห่งความมืดดำ ยังปรากฏอยู่บนโลกใบนี้
    ก็เพราะว่าคนยังเบียดเบียนทำร้ายกัน
    เพียงเพื่อความสุขอันสั้น ๆ เพียงเพื่อได้ลิ้มรสอันหอมหวาน ใช่หรือไม่
    หากหยุดได้ ก็หยุดเถอะ อย่าได้เบียดเบียนทำร้าย
    หรือพรากชีวิตเขาเลย
    เวลาเรามีคนรัก ใครพรากคนที่เรารักไปเราก็เจ็บปวด
    เราก็เศร้าเสียใจ แต่นี่เราพรากชีวิตเขา
    ถ้านับกองกระดูกที่เราพรากชีวิตเขาไป
    ก็คงมีความสูงกว่าตัวตนของเรา หรือมากกว่าชีวิตของเราอีก
    ไม่อยากได้ยินเสียงกรีดร้อง
    ไม่อยากได้ยินเสียงแห่งความทุกข์ยาก
    เราต้องหยุด ความทุกข์ยากจากปากของเราก่อน
    หยุดเสียงที่พรากทำร้ายจากปากเราก่อน
    เรามีชีวิตเราเคยตรวจสอบชีวิตเราไหม
    ว่าเราทำร้ายเขาหรือเปล่า
    แม้แต่คนใกล้ ๆ ตัวเรา ปากบอกว่ารักเขา
    เราเคยทำร้ายเขาไปหรือไม่[FONT='Angsana New','serif']
    9

    [/FONT]พระโอวาทพระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตา
    ถ้าเราไม่บำเพ็ญจะหลุดพ้นหรือไม่ ถ้าตอนนี้ไม่ละเนื้อสัตว์แล้ว
    จะทันกับกาลเวลาไหม ทุกคนอย่ากลัวว่าตั้งแต่บัดดนี้จะให้กินเจ
    เพียงมาพูดแล้วให้เข้าใจ่า การกินเจไม่ใช่เรื่องงมงาย
    แต่ว่าเป็นการรู้แล้วว่า ทุกคนเกิดมามีหนี้กรรมติดตัว
    จะต้องตัดกรรมของตัวเองแต่เริ่มต้น ทานเจมีกุศลไหม
    การทานเจนั้นความจริงไม่มีกุศล
    เพียงแต่เป็นการที่ไม่สร้างบาปเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
    ทุกคนมีบาปมากมายอยู่แล้ว
    ทำไมคิดจะไปประหัดประหารคนอื่นมาเป็นเนื้อของตัวเอง
    ตอนนี้ทุกคนยังไม่เข้าใจว่า การทานเนื้อของเขานั้น
    มันบาปแค่ไหน ทุก ๆ คนต่างมีพ่อแม่
    ถ้าเราเอาเลือดเนื้อของพ่อแม่เขามาทาน เขาจะรู้สึกอย่างไร
    ถ้าเกิดเป็นพ่อแม่ของเราเอง เราจะรู้สึกอย่างไร
    คนที่จากโลกนี้ไปแล้ว เราทราบไหมว่าเขาจะไปเกิดเป็นอะไร
    แต่ที่พวกเราทานไปคิดบ้างไหมว่ามีสิทธิ์ที่จะเป็นเขาได้
    คนเราเวียนว่ายตายเกิดไม่หยุดสิ้น
    ถ้ายังไม่หลุดพ้นก็ไม่สามารถจะละจากการเวียนว่ายตายเกิดนี้ได้[FONT='Angsana New','serif']
    10

    [/FONT]พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ ผู่ถี จ. พิษณุโลก 3 พ.ค. 2536
    การทานเนื้อสัตว์ก็เหมือนกับการทานเนื้อคนอื่น
    ศิษย์เชอื่ไหมว่าคนเราเวียนว่ายตายเกิด

    11 พระโอวาทท่านแปดเซียนหันเซียงจื่อเมตตาที่ เซิ่งเต่อ 18-20 เม.ย. 2540
    ก่อนเราจะมาที่นี่มีเวไนยสัตว์มากมายที่ร่ำร้องวอนขอเรา
    เขาถามว่า ท่านได้เหยียบย่ำทำร้ายสิ่งใดบ้าง เคยนึกไหม (ไม่เคย)
    ท่านคิดเพียงสัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก สัตว์เล็กเป็นอาหารสัตว์ใหญ่
    เช่นนี้ ถ้าช้างไม่กินผักผลไม้ แต่หันมากินคนแทน
    ท่านจะใช้คำว่า สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็กได้หรือไม่
    ความเมตตาอย่าคิดแค่ใจสงสาร เมตตา
    แต่ต้องออกมาจากทุกส่วนของการกระทำ ส่วนลึกในใจ
    ไม่ใช่แค่พูด หรือแค่แผ่เมตตาปล่อยสัตว์
    ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์สามารถบังคับได้
    ท่านก็อาจจะบอกว่าอย่าทานเนื้อสัตว์เลย
    แต่ทำไมท่านไม่กล้าที่จะออกกฎบังคับ นั่นเป็นเพราะว่า
    ความเมตตาที่แท้จริง หรือเมตตาอันบริสุทธิ์
    ต้องออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ จากมโนธรรมสำนึกที่เรามีอยู่
    นั่นถึงจะเรียกว่าเป็นเมตตาที่แท้ เป็นเมตตาที่สว่างไสว
    ฉะนั้นตอนนี้รู้แล้วว่า การเบียดเบียนสัตว์เป็นสิ่งที่ไม่ดี
    มีแต่ทำร้ายเขา ทำให้เขา เจ็บปวด น้ำตาที่ไหล
    เราอาจจะมองไม่เห็น แต่ใจส่วนลึกของสรรพสัตว์
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ต้องการบังคับให้เลิกทานเนื้อสัตว์
    แต่ต้องการ เรียกร้องความเมตตา
    เรียกร้องมโนธรรมสำนึกที่อยู่ในจิตใจ
    ให้ยอ้นมองดูว่าความเจ็บปวดที่เราโดนนั้นเป็นอย่างไร
    แล้วที่สรรพสัตว์โดนนั้นแตกต่างกันอย่างไร
    แค่เราโดนมีดบาด นิดหน่อย เราก็เป็นเดือดเป็นแค้น
    แต่ถ้าโดนพรากชีวิตทั้งชีวิต พรากจากพ่อ แม่ ลูกหลาน
    เราจะรู้สึกอย่างไร การสูญเสียนั้นมีแต่ความเสียใจ
    ความหดหู ฉะนั้นเราลองถามตนเองว่า
    ถ้าเราไม่อยากสูญเสีย ไม่อยากพลัดพราก
    แล้วตัวเราได้เป็นต้นเหตุให้คนอื่น
    หรือสรรพสัตว์ต้องสูญเสียหรือพลัดพรากบ้างหรือเปล่า

    11พระโอวาทพระโพธิสัตว์อนุศาสน์เมตตาที่ อิ๋งเซียน 8 - 10 พ.ย. 2539

    สรรพสัตว์นั้นต่างมีญาณเดียว เป็นญาณพุทธะเหมือนกัน
    แต่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง ไม่ถึงกับหมดเหมือนอย่างมนุษย์

    12พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ อิ๋งเซียน 8 - 10 พ.ย. 2539
    การจะพ้นจากทะเลทุกข์ได้ต้องทำอย่างไร (บำเพ็ญ)
    บำเพ็ญอย่างไร ปกติเราใช้เท้าของเรา ก้าวไปข้างหน้าไหม
    คนบำเพ็ญก็คือการก้าวทุกก้าว ต้องระมัดระวังอยู่เสมอ
    ข้าวที่เรากินมีชีวิตสัตว์อื่นอยู่หรือเปล่า

    13
    การทานเจแล้วก็เทากับเป็นการปล่อยสัตว์ที่น่าสงสารเหล่านั้น
    ให้มีชีวิตรอดต่อไป

    14
    เคบเห็นคนฆ่าวัว ฆ่าหมู สัตว์เหล่านั้นเขาทุกข์ทรมานหรือเปล่า
    เพราะความอยากของมนุษย์ ใช่ไหม
    ถ้าเราตัดความอยากออกไปได้ เขาก็ไม่เจ็บปวด
    บางคนคิดว่าสัตว์พวกนั้น ตายก่อนถึงมือเราเสียอีก
    แต่ถ้าไม่มีคนทาน เขาจะตายไหม ทุกครั้งที่กิน
    นึกถึงเวลาที่เขาถูกฆ่า ถ้านึกอย่างนี้แล้วจะทานลงหรือเปล่า

    15
    ในบรรดาบาปกรรมทั้งหลายที่คนหลงผิดกระทำไป
    การเบียดเบียนฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่น ถือเป็นบาปกรรมที่ร้ายแรงที่สุด

    16
    แม้ว่าเราอยู่บ้าน เราก็ต้องเอาใจกายของเราเป็นเหมือนวัด
    ให้ถือศีล ใจของเราต้องดีงาม
    กายของเราต้องสะอาด ชีวิตเขาเราอย่ากิน

    17

    การทานเจช่วยให้ดวงจิตใส การบำเพ็ญจะขัดเกลาอารมณ์
    ถ้าทานเจได้ทุกมื้อก็เป็นเรื่องดี และถ้าทานได้ตลอดชีวิต
    ก็ถือว่าเจริญรอยตามอริยา

    18

    การทานเนื้อคนอื่น ในที่สุดจะต้องชดใช้เขาเช่นกัน
    ถ้าศิษย์ต้องการชดใช้ให้เขาทานเนื้อศิษย์บ้างก็ไม่เป็นไร
    ขอให้ศิษย์คิดดูเองแล้วกัน
    ขออย่าได้ทำร้ายตนเองและผู้อื่นอีกต่อไป
    ถ้าคนไหนสามารถตัดกรรมปาก ในการพูดจาให้คนอื่นเสีย
    และตัดกรรมปากในการที่ได้ทานเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ได้
    ศิษย์หลายคน คงรู้จักการพลัดพรากมาแล้ว
    ขอให้ศิษย์ช่วยเหลือตนเองให้มาก ๆ

    19

    การทำให้ร่างกายไม่มีโรคนั้นง่ายนิดเดียว คือโรคเข้าทางปาก
    ถ้าสิ่งที่ทานเข้าไปทุกวันมีแต่ เชื้อโรค ก็ย่อมเกิดโรคขึ้นได้
    มนุษย์ยังเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ มากมาย
    คิดว่าสัตว์จะป่วยเป็นโรคต่าง ๆ บ้างไหม
    เราทานโรคเข้าไปหรือเปล่าพิจารณาให้ดี ๆ

    20

    ชีวิตใคร ใครก็รัก ใคร ๆ ก็รักชีวิตตนมากกว่าสิ่งของใด ๆ ใช่หรือไม่
    แล้วชีวิตของคนอื่นมีค่าหรือไม่[FONT='Angsana New','serif']
    21

    [/FONT]พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตาที่ จือเจวี๋ย จ. สงขลา 26 ต.ค. 2540
    หากศิษย์ อยากเป็นพุทธะ ก็ต้องทำในสิ่งที่พุทธะทำ
    ถ้าศิษย์ศรัทธาในพระโพธิสัตว์กวนอิม
    ศิษย์ก็ต้องปฏิบัติตัวให้เหมือนท่านใช่หรือเปล่า
    ท่านไม่ทานเนื้อสัตว์ ศิษย์จะมา นั่งทานได้ไหม
    หากว่าท่านมีความเมตตา ศิษย์จะมานั่งให้ร้ายผู้อื่นได้หรือเปล่า
    เพราะฉะนั้นการเป็นพุทธะก็คือการเจริญรอยตามเบื้องหน้า

    22

    พระโอวาททานเสี่ยวผีเซียนถงเมตตาที่ เหยรินเต๋อ ลำปาง 21 ธ.ค. 2540
    มีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง สัตว์ประหลาดตัวนี้ท่านเห็นทุกวัน
    อะไรเอ่ยอยู่บนดินก็กวาดเรียบ อะไรอยู่บนฟ้าก็กวาดเรียบ
    แม้อยู่ใต้ดินก็ยังกวาดได้ อะไรอยู่ในน้ำก็กวาดเรียบ
    ส่องกระจกก็เห็นทุกวัน (มนุษย์) ไม่ใช่กวาดแค่ลิ้มรสอย่างเดียว
    อะไรที่ไม่รู้เราก็สามารถรู้ได้หมดสิ่งที่อยู่บนฟ้าสูงแค่ไหน
    เราก็สามารถไปศึกษา ค้นหาไปทำความรู้ให้ได้
    แต่ที่อยู่ใกล้แค่ตัว กลับมองไม่เห็น
    และไม่เคยคิดจะไปศึกษา

    23

    ถ้าคนไหนอยากจะบำเพ็ญให้บรรลุ ให้เป็นพุทธะจริง ๆ
    การขึ้นฝั่งธรรมอย่างแรกคืออะไร รู้ไหม คือละเว้นเนื้อสัตว์
    บะเว้นที่เราจะไปทำร้ายเนื้อของคนอื่น
    กัดเนื้อของเขาไปแต่ละคำ แต่ละคำ ที่กัดเขาไป ลองนึกดูซิว่า
    เหมือนกับเราได้กินเนื้อ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของเรา
    ถ้าเกิดเราเอาเนื้อเขามา หยิบเขามาแล้วก็กัดลงไป
    กินไปเรื่อย ๆ มีใครกินลงไหม ถ้าคนไหนเชื่อว่ามี
    การเวียนว่ายตายเกิด พ่อ แม่ ของทุกคน ปู่ ย่า ตา ทวด
    ก็มีสิทธิ์เวียนว่ายตายเกิดเป็นสัตว์ต่าง ๆ เหมือนกัน[FONT='Angsana New','serif']

    24

    [/FONT]ลองคิดง่าย ๆ มีเข็มงอ ๆ อยู่เล่มหนึ่ง
    เผลอไปเกี่ยวที่หลัง เจ็บไหม (เจ็บ)
    เข็มที่เราเย็บผ้าอยู่ เผลอแทงเข้าไปเจ็บไหม (เจ็บ)
    เราตกปลามากินแล้ว
    แต่เกี่ยวเขามาทั้งชีวิตบาปไหม (บาป) รู้ไหม (รู้)
    รู้แต่ทำ ใช่หรือเปล่า ให้คิดถึงใจเขาใจเรา
    เพราะทุกคนต่างมีจิตเมตตา ไม่มีใครหรอกที่ไม่มีจิตเมตตา

    25

    ถ้าหากว่าเรากินเจ คนอื่นกินชอหมด
    แปลกไหม (ไม่แปลก) คนที่กินเจแล้วบอกแปลก
    เพราะว่าเคยมาแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)
    เคยไปอยู่ในหมู่คนจำนวนมากที่เขากินชอแล้วเรากินเจ
    สุดท้ายเขาบอกว่านี่ตัวประหลาด
    แต่ถามว่าตัวประหลาดตัวนี้เป็นอะไร
    เป็นคนที่มีความเมตตาใช่หรือไม่ (ใช่)
    ปลาก่อนตายเขาทำอย่างไร เขาทุบหัวใช่หรือเปล่า (ใช่)
    ปลาดิ้นจนวาระสุดท้ายไหม
    ฆ่าไก่ทำอย่างไร (เชือด)
    ฆ่าหมูทำอย่างไร (แทงคอ)
    ฆ่าวัวทำอย่างไร เขาร้องไหม
    บางตัวเมื่อ มีสำนึกมาก มีความเป็นคนสูง
    ขนาดร้องไห้ก็ยังมีใช่หรือไม่ (ใช่)
    เพราะฉะนั้นถามว่าคนที่กินเจแปลก
    หรือคนที่กินชอแปลก
    อยากมาแปลกประหลาดด้วยกันไหม
    ถ้าศิษย์ไม่แปลกประหลาดวันนี้
    ก็ต้องบอกว่า คนกินเจแปลกประหลาด
    แต่คนที่กินชอนั้น จิตญาณจะใสกว่า คนที่กินชอ
    เพราะคนที่กินชอนั้น กินเอาไออาฆาตของสัตว์ต่าง ๆ เข้าไป
    ในที่สุดแล้ว ยามที่เราต้องการจะบำเพ็ญ
    จะทำอย่างไรก็ไม่ยอมสว่าง ทำอย่างไรก็ไม่ใส
    เหมือนกับเราขัดพื้นแล้วไม่สะอาดสักที
    เพราะเรานั้นไม่ยอมใช้น้ำยาใช่หรือไม่ (ใช่)
    เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงบอกว่า
    ศิษย์ของอาจารย์ต้องพยายามที่จะลด ละ เลิก
    ในการทานเนื้อสัตว์ ถ้าหากว่าทำได้
    แม้ว่าจะประหลาดในวงสังคม แต่ไม่ประหลาดในแดนฟ้า
    ไม่ประหลาดในการบำเพ็ญธรรม

    26

    การที่เราไปประหารชีวิตของผู้อื่น ชีวิตของเราจะยาวนานได้ไหม
    ทุกคนทราบหรือไม่ว่า
    ในโลกนี้มีหลายอย่างที่เราไม่คาดคิดเอาไว้
    อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
    สิ่งที่ไม่คิดหวังอาจเกิดขึ้น
    ถ้าหากไม่มีการบำเพ็ญที่มั่นคงเป็นฐานรองรับ
    สิ่งที่เราได้ประสบ เราอาจจะรับไม่ไหว
    ถ้าตอนนี้ไม่บำเพ็ญ ก็อาจไม่ทันกับเวลา
    โลกนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ใครเคยได้ยินมาบ้าง
    สิ่งที่กินเข้าไปเป็นเพียงการประทังชีพเท่านั้น
    ถ้าหากเอาสิ่งประทังชีพ มาทำให้คนอื่นเจ็บปวด เราจะมีหนี้กรรม
    ใจเราต้องบริสุทธิ์ ความคิดของเราก็ต้องบริสุทธิ์
    ปากของเราก็ต้องบริสุทธิ์ ปากของเราเมื่อทานของบริสุทธิ์
    คำพูดของเราที่ออกมาก็ต้องบริสุทธิ์ ไม่ไปนินทาว่าร้ายคนอื่น
    ถ้าอยากบำเพ็ญให้ดีขึ้น ก็ต้องละเนื้อสัตว์
    เพราะจริง ๆ แล้วเขาเป็นปู่ ย่า ตา ยาย ของเรา
    เพียงแต่เรามองไม่เห็น​
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อาหารก็คือธาตุ

    ร่างกายเราก็คือธาตุ

    ธาตุย่อมอาศัยธาตุในการก่อรูป

    การไม่เอาธาตุเข้าตัว เพื่อให้เราหมดธาตุ หรือให้ธาตุบริสุทธิ
    มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเมื่อไหร่ขาดธาตุชนิดหนึ่งๆก็ต้อง
    ไปหาธาตุชนิดนั้นๆจากแหล่งอื่น เห็นไหมว่า ธาตุนั้นไม่ได้สะอาด
    ขึ้นแต่อย่างใด

    การทำให้ธาตุสะอาดจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด

    การไม่มีธาตุ สิ้นธาตุนี้สิตรงจุด และการสิ้นธาตุนั้นมีสภาวะ
    เดียวที่รองรับได้ มีประกาศไว้แต่ในศาสนาพุทธ

    ดังนั้นการกินอะไร ไม่ใช่ไปดูที่สิ่งที่เขาเป็น ให้ดูไปที่ความจริง
    ของวัตถุประสงค์ของการกินนั้น การกินถึงจะถูกต้อง แน่นอนละ
    ความบริสุทธิของใจมันต้องมี ก็มาดูที่การทำให้ใจมันบริสุทธิ ถ้า
    เรากินเนื้ออะไรๆ แล้วใจหม่นหมอง อันนั้นไม่ต้องไปกิน ถ้าเรากิน
    เนื้ออะไรๆโดยเห็น หรือ รู้ว่า เขาฆ่ามาให้กิน มันก็หม่นหมอง อันนี้
    ก็พึงไม่กินเสีย ก็จะเห็นว่า ถ้าเนื้อบางอย่างเรากินแล้วไม่ทำให้ใจ
    หม่นหมอง ก็ต้องกิน เพราะวัตถุประสงค์ของการกินนั้นเพื่อไปเสริม
    ธาตุ ไม่ได้เอาไปเสริมบุญ วาสนา บารมีอะไร ไม่เกี่ยวกัน
     
  10. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    (deejai) 55555

    โมทนา สาธุ...กับทุกๆข้อความครับ
     
  11. sunseat

    sunseat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +195
    ผมเคยทานและอร่อย แต่คิดแล้ว ตอนนี้ก็ได้เลิกทานแล้วครับ
     
  12. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    อันตรายนะครับถ้าไม่รับประทานเนื้อสัตว์เลย

    เราต้องรัปทานให้ครบ 5 หมู่ทุกอย่างง

    มีผลวิจัย เปรียบเทียบ

    รับประทานเนื้อเป็นประจำ

    ไม่รับประทานเนื้อสัวต์เลย

    รับประทานพอเหมาะ-ดีที่สุดและร่างกายแข็งแรงที่สุด
     

แชร์หน้านี้

Loading...