-> ตีแผ่ --> สมเด็จวังหน้า + สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

มีใครสังเกตบ้างไหมครับ

กระทู้ วิเคราะห์เกี่ยวกับประวัติวังหน้าของผมถูกลบหาย เหลือแต่ที่ท่านจัวน้อยอ้างอิงเอาไว้

อยากทราบเหมือนกันว่าที่ทางผู้ดูแลลบออกเพราะเหตุผลอะไร
ภาษาที่ใช้ก็ไม่ได้หยาบคาย ข้อมูลก็ล้วนเป็นความจริงพิสูจน์ยืนยันได้
ในหนังสือประชุมพงศาวดารก็มี ในเวปไซด์เกี่ยวกับกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
ก็กล่าวถึงเช่นกัน สงสัยจริง ๆ

สงสัยว่าจะกระเทือนวงการปลอมพระวังหน้า ถึงมีคนแจ้งให้ลบออก

ขอบคุณท่านจัวน้อยที่สำเนาไว้ ผมเองก็ไม่ได้เก็บข้อมูลไว้ซะด้วย
ตอนนี้เซฟไว้แล้วครับ

 

ขอลงอีกรอบครับ จะได้กระจ่างแจ่มชัด

มาไล่เรียงดูประวัติวังหน้ากันก่อนเถอะแล้วค่อย ๆ พิจารณาดูว่าเป็นเช่นไร

วังหน้า หรือพระราชวังบวรสถานมงคล ของกรุงรัตนโกสินทร์นี้ เริ่มสร้างขึ้นพร้อมกับพระราชวังหลวง หรือพระบรมมหาราชวัง เมื่อปีขาล พ.ศ.๒๓๒๕ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเลือกเอาที่สองแปลง ของ กรุงเทพฯคือแปลงหนึ่งอยู่ระหว่างวัดโพธิ์กับวัดสลัก (วัดมหาธาตุฯ)เป็นที่สร้างวังหลวง

ส่วนที่อีกแปลงหนึ่งอยู่เหนือวัดสลักขึ้นไป จนถึงปากคลองคูเมืองด้านเหนือ (บริเวณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พิพิธภุณฑ์สถานแห่งชาติ วิทยาลัยนาฏศิลป์ วิทยาลัยช่างศิลป และโรงละครแห่งชาติ) เป็นที่สร้างพระราชวังบวรสถานมงคลหรือวังหน้า เพื่อให้เป็น ที่ประทับของพระอนุชาธิราชคือ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ซึ่งเป็นพระมหาอุปราช

ใน พ.ศ.๒๓๓๐ ได้มีการก่อสร้างพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ (หรือพระที่นั่งพุทไธศวรรย์) หรือ หอพระวังหน้าขึ้น เพื่อประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งอัญเชิญมาจากเชียงใหม่ โดยให้มีการเขียนจิตรกรรมฝาผนังรูปเทพชุมนุม และเรื่องปฐมสมโพธิเป็นพุทธบูชา

สถานที่ต่าง ๆ ในพระราชวังบวรหรือวังหน้า นอกจากจะมีพระราชมณเฑียรแล้ว คงมีสิ่งอื่นเช่นเดียวกับวังหลวง คือ โรงช้าง โรงม้า ศาลาลูกขุน คลังเป็นต้น แต่เดิมนั้นบริเวณวังหน้ากว้างขวางมาก เฉพาะด้านทิศตะวันออกไปจดถนนราชดำเนิน ด้านเหนือจรดคลองคูเมือง ด้านตะวันตกจดแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านใต้จดวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์

เมื่อขึ้นรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา สมเด็จพระอนุชาธิราช พระบัณฑูรย์น้อยเจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์เป็น พระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคลไปประทับที่วังหน้า หลังจากวังหน้าว่างอยู่ ๗ ปี นับแต่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมหาสุรสิงหนาทสวรรคต

ในช่วงที่กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์เสด็จไปประทับวังหน้า พระองค์ก็มิได้สร้างอะไรเพิ่มเติมมากนัก เพียงแต่แก้ไขซ่อมแซมของเก่าบางอย่าง นอกเสียจากบริเวณวังหน้าชั้นนอกด้านทิศเหนือ เดิมทีมีวัดเก่าอยู่วัดหนึ่งชื่อ "วัดหลวงชี" ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทที่ทรงพระราชอุทิศให้เป็นบริเวณที่หลวงชีจำศีลภาวนา เพราะเหตุพระมารดาของนักองค์อี ธิดาสมเด็จพระอุไทยราชา พระเจ้ากรุงกัมพูชาซึ่งเป็นพระสนมเอก ชื่อ นักนางแม้น บวชเป็นรูปชี เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ จึงโปรดให้มาอยู่ในพระราชวังบวรฯกับพวกหลวงชีที่เป็นบริษัทที่ตรงนั้นจึงเลยเรียกกันว่า"วัดหลวงชี"

ต่อมาเมื่อไม่มีหลวงชีอยู่แล้ว กุฏิต่าง ๆ จึงชำรุดทรุดโทรมเป็นจำนวนมาก จึงโปรดฯ ให้รื้อกุฏิหลวงชีเสียหมดทำเป็นสวนเลี้ยงกระต่าย กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ดำรงพระยศพระมหาอุปราชอยู่ ๘ ปี ก็เสด็จ สวรรคตที่พระที่นั่ง วายุสถานอมเรศร์ ในวังหน้า เมื่อปี พ.ศ.๒๓๖๐

ในช่วงรัชกาลที่ ๑ และ รัชกาลที่ ๒ จะเห็นได้ว่าวังหน้ายังไม่ได้สร้างวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า)

ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ วังหน้าว่างมาอีก ๗ ปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงสถาปนา กรมหมื่นศักดิ์พลเสพย์เป็นกรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพย์ ได้ทรงปรับปรุงซ่อมแซม สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ขึ้นใหม่หลายอย่าง ที่สำคัญคือทรงซ่อม พระที่นั่งสุทธาสวรรย์แลัวเปลี่ยนนามเรียก "พระที่นั่งพุทไธศวรรย์"
นอกจากนี้กรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพย์ ได้ทรงสร้างวัดบวรสถานสุทธาวาส หรือ เรียกว่า "วัดพระแก้ววังหน้า" ในวังให้เหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระราชวังหลวง โดยทรงอุทิศสวนกระต่ายเดิมสร้างวัดถวายเป็นพุทธบูชา เหตุที่สร้างวัดบวรสถานสุทธาวาส กล่าวกันไว้หลายอย่าง

อย่างหนึ่งว่าทรงสร้างแก้บนครั้งเสด็จ ยกกองทัพไปปราบขบถที่เวียงจันทร์ หรืออีกอย่างหนึ่งเล่าว่าแต่เดิมทรงสร้างยอดปราสาท จนปรุงตัวไม้แล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบมีรับสั่งให้ไปห้ามว่า ในพระราชวังบวรไม่มีธรรมเนียมจะมีปราสาทเป็นเหตุให้กรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพย์น้อยพระทัย จึงโปรดฯ ให้แก้ไขเป็นหลัง คาจตุรมุขอย่างที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้

การสร้างวัดพระแก้ววังหน้ายังไม่ทันแล้วเสร็จกรมพระราชวังบวรศักดิ์พลเสพย์ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ พระชนม์มายุได้ ๔๗ พรรษา ทำให้วังหน้าว่างอยู่ถึง ๑๘ ปี

วัดยังสร้างไม่เสร็จก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน พระจะบรรจุตอนไหน ที่ใด

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์แล้ว โปรดฯ ให้ สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าฟ้าจุฑามณีกรมขุนอิศเรสรังสรรค์ เป็นพระมหาอุปราช แต่มีพระเกียรติยศอย่างพระเจ้าแผ่นดิน มีพระนามในพระสุพรรณบัฏแบบเดิมว่า "พระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" พระราชทานนามอย่าง พระเจ้า แผ่นดินว่า "สมเด็จพระปวเรนทราเมศมหิเรสรังสรรค์พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว" พระบาท สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับที่วังหน้า ซึ่งขณะนั้นกำลัง ปรักหักพัง ชำรุดทรุดโทรมมากเพราะว่างมา ๑๘ ปี ข้าราชการวังหน้าที่ตามเสด็จ แต่แรกเล่ากันว่า พระองค์ถึงกับทรงออกพระโอษฐ์ว่า
"เออ...อยู่ดี ๆ ให้มาเป็นสมภารวัดร้าง ๆ"
ดังนั้น วังหน้าจึงได้รับการทะนุบำรุงและสร้างปราสาทราชมณเฑียร ขึ้นใหม่หลายสิ่ง หลายอย่างในรัชกาลนี้โดยเฉพาะพระอุโบสถวัดพระแก้ววังหน้าหรือวัดบวรสถานสุทธาวาส ได้ทะนุบำรุงปฏิสังขรณ์และมีพระราชดำริจะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ โปรดให้ก่อฐานชุกชีขึ้นกลางพระอุโบสถ และเขึยนภาพฝาผนัง เรื่องตำนานพระพุทธสิหิงค์ และเรื่องประวัติ พระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์จนเสร็จ แต่ยังมิทันจะได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐาน ในปี พ.ศ.๒๔๐๘ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน พระพุทธสิหิงค์จึงคงประดิษฐาน อยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์จนทุกวันนี้

วัดสร้างเสร็จ ยังไม่ทันได้ฉลอง พระทธสิหิงค์ยังไม่ทันได้ชะลอเข้าพระอุโบสถก็เสด็จสวรรคต พระบรรจุตอนไหน

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ในปีพุทธศักราช ๒๔๑๑ คณะเสนาบดี และพระบรมวงศานุวงศ์ได้อัญเชิญ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ดำรงพระยศ เป็นพระมหาอุปราชวังบวรสถานมงคลในปีเดียวกัน และประทับอยู่ที่วังหน้า ๑๗ ปี ก็เสด็จทิวงคตที่พระที่นั่งบวรปริรัติ เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๘
ขณะที่กรมพระราชวังวิไชยชาญประทับอยู่ที่วังหน้า เป็นเวลาที่พระราชมณเฑียรและสถานที่ต่าง ๆ ยังอยู่ในสภาพดี จึงมิได้สร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมากนัก เมื่อสิ้นกรมพระราชวังวิไชยชาญแล้ววังหน้าก็มิได้เป็นที่ประทับของพระมหาอุปราชอีกเลย เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเป็นมกุฏราชกุมาร อย่างหน่อพระพุทธเจ้าตามราชประเพณีเดิม ทรงเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราชฝ่ายหน้าตั้งแต่นั้นมา

มีช่องให้บรรจุพระได้ก็ตอนนี้ แต่พระมากถึงแสนถึงล้านองค์ทำไมไม่มีบันทึกหรือปูมจดหมายเหตุกล่าวถึง

ในปี ๒๕๒๓ - ๒๕๒๕ ก็บูรณะวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวัง ไม่มีตรงไหนบอกว่าขุดกรุหรือรื้อพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาสสักหน่อย พระออกมาจากไหน

 

อย่างที่บอกล่ะครับ ท่านผู้ดูแลเว็บบางคน วิจารณญาณเป็นไง ก็พิจารณากันเอาเองครับ ตั้งให้มีปริมาณเยอะเข้าไว้ แต่คุณภาพนั้นหามีไม่ (เฉพาะบางคนนะครับ) เคยมีกระทู้ของพี่ modpong บางโพสต์ ยังโดนลบ ทั้ง ๆ ที่กระทู้ของพี่ modpong เป็นกระทู้คุณภาพที่หาได้ยาก มาให้ความรู้ล้วน ๆ ยังโดน พอคนร้องเรียนไปที่ผู้ใหญ่ที่ดูแลพวกนี้อีกที โพสต์นั้นถึงกลับมาได้ แปลกนะครับ 555+

 

สุดท้าย ก็จบแบบที่คิดไว้ แต่เราก็ได้เสียขุนพลอย่างท่านสุเชฐ อย่างน้อยก็คงซักระยะหนึ่ง ก็หวังว่าAdminจะให้โอกาศท่านสุเชฐเพื่อให้เป็นสีสันกับเราอีกครั้งนึงนะคับ..

กระทู้นี้คงจะเงียบเหงาไปอีกซักระยะหนึ่ง อย่างน้อยก็คงพอลืมๆเลือน แล้วก็กลับมาเข้าวังวนเดิมอีก.. ก็สุดแล้วแต่ว่าฝ่ายที่คิดว่าพระสมเด็จวังหน้านั้นมีจริง ก็จะต้องส่งขุนพลมาใหม่ ที่พรั่งพร้อมด้วยข้อมูลอีกแบบ แต่ว่าจะแนวไหนก็ตามก็คงต้องมาเสนอข้อมูลและต้องปะทะคารมกันอีกตามเคย แต่ประโยชน์มันอยู่ที่คนอ่านจริงๆนะคับ ได้รับรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ หากว่ามีบ่อยๆมันจะซึมซับเอาข้อมูลเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ผมเองซึ่งก็ได้เรียนรู้ประวัติอะไรต่างจากกระทู้นี้อย่างมากมาย ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านไว้ตรงนี้ด้วย.. แต่ผมเชื่อว่าเดี๋ยวก็คงจะมีอีก เพราะว่ามันคุ้มค่ากับการเสี่ยงจริงๆ คิดดูถ้าหากเค้าเกิดเอาข้อมูล ที่ไม่ว่าจะของจริงหรือของปลอม มีในประวัติศาสตร์หรือว่าทำมันขึ้นมา ถ้าหากว่าเขาไม่จนแต้มแบบกิ้งกือตกท่อแบบรายล่าสุดนี้ คิดดูว่าพระในมือเค้าจะขายได้เป็นจำนวนอีกเท่าไหร่ และต้องมีคนตกเป็นเหยื่ออีกเท่าไหร่ มันน่าคิดจริงๆคับ

 

แน่นมากฯครับ ข้อมูลชุดนี้ เล่นเอาหงายเงิบ...

สะเทือน...แผนงานการตลาดของพวก เก๊ ลวงโลก อย่างรุนแรง

ทั้งใน-นอก ถึงมีการแจ้งลบ เเต่..อาจจะไม่มีใครแจ้งก็ลบได้นะครับ??

"เด็ดดอกไม้เพียงดอกเดียว..สะเทือนถึงดวงจันทร์ครับ"

 

เป็นกำลังใจให้ครับ และทุกๆท่านด้วยครับ สังเกตุอยู่ครับ ผมว่าถ้าวันไหนถึงหน้าที่ 100 เมื่อไร ต้องฉลองครบ 100 หน้าเลยครับ 55555

 

คำตอบของผมก็หายไปหลายคำตอบเหมือนกันครับ

 

แปลกนะครับ เห็นบอกว่า มี พระชุดเบญจภาคี ??

แต่..แยกไม่ออก ระหว่าง ของเก๊ ..กับ.. ของแท้ ??

ขอรูป ชัดฯ ก็ บ่ายเบี่ยง.. มีของแท้ แต่ไม่อยากโชว์ ??

อ้างว่ามีกล้อง ตัวเป็นแสน ไม่ใช้ถ่ายรูป.. แต่ใช้ ซัมโยนถ่าย ??

ข้อมูล มีแต่ น้ำ ไม่มี เนื้อหาสาระเลย... การนำเสนอก็มั่ว แต่บอกว่า ความรู้สูง ??

เช่ามา 2 หมื่นชิ้นเนื้อทองคำ.. ในราคา 1 ชิ้นเท่ากับปลาดุก 1 โล..โอ้โฮเทพ ??

ผมว่ายังน้อยไป..นะครับ

ท่านน่าจะหามาเพิ่มอีกสัก 1 ล้านองค์ ไว้ให้ลูกหลานของท่าน..ได้ภาคภูมิใจ

ในตัวท่าน เมื่อวันไดก็ตาม ที่หยิบสมบัติ 1 ล้าน 2 หมื่นกว่าองค์นี้

ขึ้นมาชื่นชม ...

คงจะปลื้มกัน.. หน้าซีดทีเดียวเทียว !!

 

ล่าสุด ท่าน peet ถูกคุณเบอร์ 4 แจกใบแดงไปเรียบร้อยแล้วครับ ทั้ง 2 Username

 

อีก username คืออัลไลงะพี่

 

ไปเหมาหนังสือเก่ามาครับ

เจอข้อมูล น่าสนใจ เขามีการเตือนกันมานานเเล้ว ว่าพวก ลวงโลก มีจริง

ผู้มีปัญญามาก..อ่านซะบ้างนะครับ เกิน 8 บรรทัดเเน่นอน

(ขอขอบคุณ ข้อมูลจากหนังสือพระนะครับ)

 

เงิบ..ไหม หงาย...ไหม

รู้แล้ว ทำใจร่มฯไว้นะครับ เมื่อ ความเชื่อต้องพังทลาย

ความดันขึ้น เส้นเลือดในสมองอาจแตก ..แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงอยู่แล้น

 

รูปเล็กไปอาจอ่านไม่ชัด

ให้ก้อปใส่คอม เเล้วเปิดจากคอมอีกทีนะครับ

ด้วยความรัก และ ปราถนาดี...อยากให้คนไทย ไม่ไทย..ใส่กันครับ

 

พระชัยวัฒน์ประจำรัชกาล.....

 

รายละเอียดพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาล....

 

ยอดยี่ยมครับ ท่าน จั่วน้อย

แม้เป็นเพียง รูปขาวดำ แค่มอง ก็สามารถวิเคราะห์ ถึง ยุค ความงดงาม

ฝีมือสกุลช่าง ๆด้เป็นอย่างดี...แม้ผมไม่มีความรู้ก็ตาม

 

พระวังหน้าในตำนาน แตกกรุออกมาใหม่ ไม่รู้ว่าส่วนไหนของกรุ ครับ

 

กรุริมทางวังหน้าท่าพระจันทร์ ที่ประดับประดาให้อลังการเพราะจะได้เล่านิทานคุยโม้โอ้อวดว่าเป็นพระที่เจ้านายสร้าง เลยต้องประดับประดาแก้วหลอมปลอมเป็นอัญมณีนพเก้าให้พราวแพรวพรรณรายพรายเพริศเลิศล้ำกว่าพระอื่นทั่วไป

หู้ยยยยยยยยยยย ถ้ามันเป็นมรกต ทับทิม บุษราคัม ฯลฯ ของแท้ เม็ดเบ้ง ๆ อย่างนี้ ราคาขี้หมูขี้หมาก็เม็ดละหมื่นอัพ ไม่มีทางมากองขายแบกะดินอย่างนี้หรอก

 

ทำได้น่าเกลียดมากครับ

 

พระวังหน้าแตกกรุออกมาตรงส่วนที่เป็นท่าพระจันทร์ครับ5555555